Wicha for surviving part8

กลับหน้า วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ


Nakamura 27-09-2006, 07:31 PM

คืนก่อนผมก็ฝันก็ระเบิดนิวเคลียร์ลงแต่ไม่ทราบว่าที่ไหน ในฝันผมหนีไม่ทันโดนฝุ่นนิวเคลียร์ ก็ได้บอกกล่าวกับพี่คณานันท์แล้ว
คิดว่าฝันนี้คงเป็นเรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์เอง
ก็ขอให้ทุกท่านเจริญมรณานุสติให้มากครับ พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงก็จะได้ไม่วิตกจนเกินไป


หนุมาน ผู้นำสาร 27-09-2006, 08:32 PM

ประกาศ...สู่ชาวพุทธ


โลกุตตระ ซึ่งคือ พระไตรปิฎก
ได้กล่าวว่า "หยุด...ไป...หยุด...ไป"
อยู่หลายครั้ง !!!

หมายความว่า
บัดนี้...
หมดเวลาเล่นแล้ว
ถึงเวลาที่จะต้องทำจริง
สมาธิ วิชชา ความวิเศษต่างๆ ให้หยุดวางไว้
ถึงเวลาที่จะต้องมาเดินบนทางตรง
ด้วยธรรมเที่ยง ด้วยหลักสัจจะธรรม
คือ "สัจจะ"

หากผู้ใดไม่เชื่อใน "สัจจะ"
โลกเขาจะไม่ให้อยู่
เขาจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน

ขอให้เชื่อ "สัจจะ...มีผลตอบแทน"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "


kananun 28-09-2006, 07:33 PM

อืมม ที่เราทุกๆท่านฝึกกันนี่เราฝึกกันจริงๆครับไม่ใช่การเล่าให้ฟังครับ และ"สัจจะ"การอธิฐานบารมีที่หลายๆท่านได้ตั้งจิตไว้ตรงกันคือการจะช่วยทำนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาให้ครบ ห้าพันปีครับ ต้องขอขอบพระคุณ ท่านที่หวังดี คอยเตือนครับ
ส่วนการลงมือทำจริงนั้น เราได้ช่วยกันจัดกิจกรรม นอกสถานที่ และหลายๆคนได้ช่วยกันมีส่วนร่วมในโครงการ"ซ่อมแซมบูรณะพระพุทธรูปทั่วพุทธอาณาจักร"กันอยู่ครับ
สำหรับส่วนของบ้านเมืองและของโลกของเราใบนี้ตัวผมกำลังทำงานก่อตั้ง "สมาพันธ์ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและการอนุรักษ์พลังงาน"อยู่ครับ ท่านที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมหรืออยากช่วยทำงานเชิญมาคุยกันได้ครับ
ต้องขอบคุณที่ช่วยเตือนครับว่าให้ลงมือทำ ในสิ่งที่เป็นรูปธรรมครับ และผมเองก็อยากให้ทุกๆท่านจงอย่าได้ลืมการปฏิบัติทางจิตเพื่อความดีความบริสุทธ์ของจิตใจเรากันด้วย ครับ เพราะสัจจะ คือการบูชาธรรมครับ


kananun 28-09-2006, 09:07 PM

อำนาจของสมาธิและฌาน อภิญญา สมาบัตินั้น ผู้ปฏิบัติเองได้รู้ได้เห็นได้ทราบเองครับ เหมือนเรากินข้าว ได้รู้รสอาหารเองอิ่มเอง กินแทนกันไม่ได้ครับ เป้าหมายในการฝึกในการปฏิบัติวิชชาทั้งหมดนี้ เพื่อพระพุทธศาสนาและประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งอันได้แก่ ชาติ พระพุทธศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ต้น ที่เราได้อธิฐานขอใช้วิชชากันแต่แรกแล้วครับ ดังนั้นท่านผู้ที่ตั้งใจจะทำประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยมีวิชชา คุณธรรมและญาณเครื่องรู้กำกับนั้นย่อมมีความถูกต้อง และมีประสิทธิภาพในงานที่จะทำสูงกว่า บุคคลทั่วไปเยอะครับ
ในอดีตนั้นบรรพบุรุษของไทยเราเองหลายๆท่านก็ได้ใช้วิชชาความรู้ในพระบวรพุทธศาสนามาใช้รักษาชาติรักษาแผ่นดินไทย สุวรรณภูมิ มามากมายนับครั้งไม่ถ้วนแล้วครับ ทองย่อมเป็นทอง เพชรย่อมเป็นเพชร ฉันใด พระสัจจะธรรมอันแท้จริงในพระพุทธศาสนาก็ย่อมต้องคงอยู่และพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองฉันนั้นครับ
ขอให้ทุกๆท่านได้ตั้งกำลังใจไว้เสมอในทุกๆวันว่า "เรานั้น จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในจิตใจที่ดีงาม ความมั่นคงในธรรม ความศรัทธาเป็นอจละศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ยังมั่นคง ชั่วนิรันดรตราบเข้าสู่พระนิพพาน"ครับ


REdSHirt 29-09-2006, 12:21 AM

58 58 58 เทสๆๆ 123 วัน ทู ทรี

เมื่อคืนก่อน ผมฝันเห็นบ้านเมืองสวยงามมากเลยครับ ในฝันมีความสุขมาก ตื่นมายังจำได้ บ้านเมือง ตึกราม แปลกตาออกไป สว่างสดใส ในฝันเป็นโทนสีทอง สวยจิงๆ ไม่เคยฝันแบบนี้มาก่อน อาจเป็นเมืองหลัง ภัยพิบัติ ก็ว่าไปนั้น

ขอให้ทุกท่านมีสติ สัมมาทิฐิ น่ะครับ อะไรก้อไม่แน่นอน บ้านผมอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา จ.ปทุมธานี น้ำท่วนเข่าแล้วครับ ขนของหลบน้ำตามระเบียบ
ปล. มาโพสแบบนี้ไม่มีสาระอะไรครับ อยาก ดูรูปตัวเองที่อัพขึ้นมาใหม่ด้วย


kananun 29-09-2006, 11:55 AM

สำหรับแนวทางในการปฏิบัตินั้นเราได้เรียนรู้และฝึกฝนกันมา ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จนถึงขั้นสูงแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการลงมือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ และเป็นการปฏิบัติแบบตลอดชีวิตในการทำความดี รวมทั้งความตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ เพื่อความไม่ไขว้เขว้ ไปจากเส้นทางแห่งความดี ความงามของจิตใจครับ

ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมและสมความปรารถนาในสิ่งที่ได้อธิฐานไว้ในความถูกต้องดีงามทุกอย่างทุกประการครับ


kananun 01-10-2006, 08:13 PM

เมื่อทุกท่านมีธรรมอันเป็นเครื่องอยู่ เครื่องปฏิบัติ อันเป็นวิหารธรรมแล้ว ต่อไป ผมจะขอนำเสนอการสร้างบารมี การบำเพ็ญบารมี ทั้งทางโลกและทางธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ครับ ท่านใดที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ และอยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้ปฏิบัติได้ ก็ขอเชิญท่านได้อธิฐานจิตและลงมือ ร่วมมือ ทำได้เลยครับ แม้จะเพียงแค่การเผยแพร่ข่าวสารข้อมูลให้กว้างขวางขึ้น หรือเพียงการโมทนาก็ถือว่าได้ร่วมทำแล้วครับ

ส่วนวิชชาที่จะทำให้รอดพ้นจากภัยพิบัตินั้น ผมจะลงลึกเป็นเรื่อง "พุทธประเพณี จากพุทธภูมิสู่พระโพธิสัตว์ " เป็นเรื่องราวและประสบการณ์ ทั้งที่จาก พระ ครูบาอาจารย์เบื้องบน ได้สั่งสอนมา รวมทั้งที่พระโพธิสัตว์ และพุทธภูมิรุ่นพี่ท่านได้ แนะนำ อบรม รวมทั้งได้เมตตาเล่าให้ฟังเป็นประสบการณ์ครับ ผมก็จะค่อยๆถ่ายทอดต่อๆไป ตามที่ข้างบนท่านจะเห็นว่าเหมาะสมครับ

ช่วงนี้ผมอาจจะเข้ามาลงกระทู้ไม่ค่อยสะม่ำเสมอบ้างขออภัยอย่างยิ่งครับ สำหรับหลายๆท่านที่ได้คอยติดตามอยู่ และได้ให้กำลังใจอยู่เสมอ ส่วนท่านที่มีข้อสงสัยหรือมีการติดขัดในการปฏิบัติเพื่อความดีในประการใด ถ้าไม่เกินภูมิรู้หรือความเหมาะสม ผมยินดีช่วยอธิบายให้เสมอครับ ได้โปรดได้คิดว่าตัวผมนั้นเป็นเหมือนสหายธรรมของท่านคนหนึ่งครับ


kananun 02-10-2006, 10:14 PM

ผมเชื่อว่าหลายๆท่านในเวบนี้ แต่ก่อนนั้นก็ล้วนแต่เดินมาในทางโลก ผ่านความโลภ ความโกรธ ความหลงมาก็ไม่น้อยกว่าที่จะ ผุดตื่นขึ้นเข้าสู่ทางธรรม เส้นทางแห่งความดีและความบริสุทธ์ของจิตใจ ส่วนตัวผมเองนั้นก็เคยโง่เคยหลง มาไม่น้อยกว่าที่จะมีครูบาอาจารย์ท่านมาสอน มาโปรด มาช่วยคุมจิตคุมใจให้อยู่ในแนวทางปฏิบัตินี้ แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังมีความเลวของจิตอยู่อีกมากนัก มีความดีที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ มีบารมีที่ตัวเองเกี่ยงว่าต้องอย่างนั้น อย่างนี้ก่อน เราจึงจะทำเราจึงจะบำเพ็ญ แต่เมื่อเราได้ลงมือทำลงมือปฏิบัติให้มากขึ้น เราก็กลับรู้สึกว่าเราได้ตื่นขึ้นจากความโง่เขลาและอวิชชา รวมทั้งได้ทราบมากยิ่งขึ้นว่ายังมีศาสตร์ อีกมากมายที่ตัวเรายังไม่รู้อีกจนการเรียนรู้ชั่วชีวิตหรือหลายสิบชาติก็ยังไม่พอ
การตื่นขึ้นสู่ทางธรรมนั้นแต่ละคนก็จะมีวาระเวลาแตกต่างกันไป โดยมีปัจจัยขึ้นอยู่กับ
--วาระกรรมฝ่ายบุญและฝ่ายบาปที่ให้ผล
--การอธิฐานก่อนการลงมาเกิดในชาตินี้
--การอธิฐานในชาติต้นๆในการบำเพ็ญบารมี
--การสงเคราะห์ของสิ่งศักด์สิทธิ์เบื้องบนที่ท่านได้ปกปักรักษาเรา

การตื่นขึ้นสู่ธรรมนั้นเป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนเอง โดยอาจเป็นการฉุกคิดขึ้นมา ว่าเรานี้เกิดมาทำไม เพื่ออะไร จากนั้นจิตก็จะเริ่มเสาะหาสัจธรรมไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง อาจเดินผิดทางบ้าง หาครูบาอาจารย์ผิดไม่ตรงกับจริตบ้าง ทำให้การปฏิบัติอาจดูช้า แต่ในขณะเดียวกัน การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ก็นับว่าเป็นการเรียนรู้เช่นกัน หรือในขณะที่บางท่านที่บารมีเต็มแล้ว และอธิฐานมาดี อาจตื่นขึ้นทางธรรมและก้าวหน้าในการปฏิบัติอย่างรวดเร็วก็ได้ แล้วแต่บุคคล และก็มีอีกหลายคนมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เป็นพุทธภูมิ ที่ท่านได้มีพุทธภูมิรุ่นพี่รุ่นพ่อ มาสะกิดให้ตื่นเพื่อให้รู้หน้าที่ หรือเริ่มบำเพ็ญบารมี และจึงได้ค่อยๆตื่นขึ้นในทางธรรมช้าๆ เหมือนประหนึ่งดอกบัวแย้มกลีบรับแสงแห่งตะวัน

สำหรับเหล่าพุทธภูมิทั้งหลาย ผู้ปรารถนาสัมมาสัมโพธิญาณเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าทั้งหลาย สมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านผู้เป็นองค์ต้นพุทธวงศ์นั้น ท่านได้ เปรียบเทียบไว้ว่าเป็น"หน่อเนื้อพุทธางกูร" คือเป็นเชื้อไขแห่งพุทธวงศ์ เพื่อดำรงสัทธาธรรมสืบต่อๆไป กัปป์แล้วกัปป์เล่าตราบเท่าที่สรรพสัตว์ จะเข้าสู่ดินแดนแห่งพระนิพพานจนหมดสิ้น ดังนั้นการสืบทอดสกุลแห่งพุทธวงศ์นั้นจึงมีความสำคัญไม่อาจทำให้ขาดตอน ขาดผู้สืบทอดได้ ผู้ปรารถนาพุทธภูมิจึงต้องมีบารมี ความเสียสละ และกำลังใจสูงยิ่งกว่าบุคคลทั่วไปอย่างยิ่งยวด ใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมียาวนานเป็นพิเศษ

แต่ในขณะเดียวกัน ท่านที่ปรารถนาเพื่อพุทธภูมินั้น กลับมีเป้าหมายหรือจุดประสงค์เริ่มต้นแตกต่างกัน และด้วยความแตกต่างกันนี้ ทำให้พุทธภูมิหลายท่านยังไม่อาจยกจิตของตนขึ้นสู่ความเป็นพระโพธิสัตว์

ความแตกต่างในจุดประสงค์นั้นคือ การปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเพราะพระพุทธเจ้านั้นเก่งที่สุด ดีที่สุด ประเสริฐที่สุด การปรารถนานี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็กลับแฝง มานะ ทิษฐิ การถือตัวถือตน ซ่อนอยู่ด้วย อีกทั้งเป็น จุดอ่อนให้กิเลส แห่งความอิจฉาริษยา เมื่อเห็นผู้อื่นดีกว่าเก่งกว่า มีบารมีสูงกว่า เข้ามาสิงจิตจนกลายเป็นมิจฉาทิษฐิได้โดยง่าย การปรารถนนี้ยังมีการตั้งประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง จึงยังไม่บริสุทธ์เต็มที่ แม้ในความเจตนาดีนั้น ที่พูดได้เพราะผมเองเคยเลวมาก่อน เคยอยากเก่ง อยากได้อภิญญา อยากเป็นฮีโร่ มาวันหนึ่งไปหาหลวงพี่สมปอง ท่านกระตุกเข้าให้ว่า พวกที่อยากเก่ง อยากเป็นฮีโร่นี่ยังไม่เก่งจริงนะ เท่านี้แหละ อภิญญาหายเกลี้ยงเลย แถมยังไม่เข้าใจซะอีกว่า ทำไม การอยากเป็นฮีโร่มันผิดตรงไหน การอยากดีมันผิดตรงไหน ตอนนั้นมันคิดไม่ได้เลยว่าเพราะอะไร เราก็ตั้งใจดี อยากช่วยคน นี่นา และกว่าที่ผมจะแก้ไขจิตให้ตั้งอยู่ในความเป็นสัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติได้ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ในขณะเดียวกัน การผ่านจุดนั้นมาได้ก็ทำให้จิตได้ยกระดับสูงขึ้น มานะทิษฐิลดลง ความเคารพในพระรัตนไตร มั่นคงแนบแน่นขึ้น และม่านบังใจที่เคยทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ครูบาอาจารย์หายไป แต่ก่อนที่เคยบ่นว่า ทำไมไม่มีครูบาอาจารย์มาโปรดมาสอนเลย มาตอนนี้ ลองใช้ญาณย้อนกลับไปดู กลับพบว่า ครูบาอาจารย์ท่านคอยดูแลเราอยู่เสมอตลอดเวลา และสอนเราโดยที่บางครั้งเราไม่รู้ตัว รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนมโนหายไปด้วย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนจากเบื้องบนทั้งสิ้นที่ต้องการให้เราได้เรียนได้รู้ ทั้งจากความสำเร็จและความผิดพลาด การวางกำลังใจผิดเพียงเล็กน้อยแต่มีผลอย่างมาก ถ้าไม่เชื่อท่านลองนึกภาพพระเทวทัตโกรธพระพุทธเจ้าแล้วจึงตั้งจิตกำเม็ดทรายในกำมืออธิฐานว่าจะจองเวรพระพุทธเจ้าทุกชาติเท่ากับจำนวนเม็ดทรายในมือนั้น ท่านทั้งหลายก็ทราบผลที่ปรากฏต่อพระเทวทัตอยู่แล้ว ดังนั้น ท่านที่เป็นพุทธภูมิจึงต้องมีความละเอียด ในเรื่องเหล่านี้ การวางกำลังใจก็ดี การอธิฐานก็ดี ต้องตั้งไว้ในกุศลธรรมเท่านั้น และหมั่นที่จะถอนคำอธิฐานที่เป็นมิจฉาทิษฐิออกไปจากจิตใจให้หมด รวมถึงการผูกใจอาฆาตต่อผู้หนึ่งผู้ใด เพราะไม่แน่ว่าผู้ที่เราอาฆาต อาจเป็นพระอริยเจ้า หรือ พระโพธิสัตว์ก็ได้ ดังนั้นการตั้งจิตไว้ด้วยพรหมวิหารสี่ รักและเป็นมิตรต่อสรรพสัตว์นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สิ้นอยู่แล้ว

ส่วนท่านผู้ปรารถนา พุทธภูมิด้วยจิตเมตตา พรหมวิหารสี่ ต้องการช่วยสรรพสัตว์พ้นจากความทุกข์ทั้งในชาติปัจจุบัน และทุกข์ภัยจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏนั้น ท่านมีกำลังใจเป็นพระโพธิสัตว์โดยแท้ไม่ว่าท่านจะประสบกับอุปสรรคประการใดท่านก็ยังอดทน เพื่อประโยชน์ของมวลสรรพสัตว์ส่วนรวม เสมอ น้ำใจของท่านมีแต่การให้ การสงเคราะห์ คิดแต่จะช่วย ช่วย และก็ช่วย ในชีวิตผมได้พบเจอพระโพธิสัตว์ที่มีน้ำใจประเสริฐแบบนี้จำนวนไม่น้อย ที่พอกล่าวอ้างได้ ก็ได้แก่ หลวงพ่อคูณ หลวงพ่อเปิ่น เป็นต้นครับ และยังมีอีกหลายท่านที่ได้สร้างบารมีโดยคนไม่รู้ไม่เห็น อย่างบางท่านที่ได้อภิญญา ท่านก็ได้ช่วยโมทนาบุญ ปลดปล่อยดวงวิญญาน สัมภเวสีตามที่ต่างๆอย่างสม่ำเสมอครับ ในเวบนี้มีอยู่หลายท่านครับ ผมก็ขอกราบโมทนาบุญด้วยครับ และขออนุญาตจดจำเรียนรู้ปฏิปทาที่ดีๆไว้เป็นแบบอย่างครับ


สรุปรวมแล้วที่ผมเน้นเรื่องนี้อีกครั้งเพราะพระท่าน ให้เน้น ให้ย้ำเรื่องนี้ครับ คือท่านอยากให้ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิวางกำลังใจให้ถูกเพื่อการยกสภาวะจิตของตนขึ้นสู่ความเป็นพระโพธิสัตว์ครับ เพราะในยุคสมัยของเรานี้เป็นยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงและมิคสัญญียุค มีพุทธภูมิผู้ต้องการสร้างบารมี ลงมาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีเป็นจำนวนมากครับ

ผมขอโมทนาและเป็นกำลังใจในการยกจิตของพุทธภูมิทั้งหลายขึ้นสู่ความเป็นพระโพธิสัตว์ด้วยทุกๆอย่าง ทุกๆประการ ทุกๆท่านด้วยครับ


kananun 02-10-2006, 10:22 PM

การสร้างบารมีที่สำคัญประการหนึ่งคือการสร้างค่านิยมคุณธรรมในสังคม อันเปรียบเสมือนการต่อเทียนธรรมให้มีแสงสว่างไสวในดวงจิตดวงใจของทุกๆคนครับ ส่วนกระบวนการในการสร้างสังคมคุณธรรมนั้นนอกจากจะเป้นการช่วยบรรเทาความรุนแรงจากภัยพิบัติแล้วยังเป็นการทำให้สังคมสุขสงบร่มเย็น และยังเป็นการเตรียมพื้นฐานจิตใจไว้รองรับ ความรุ่งเรืองแห่งพุทธศาสนาในเวลาไม่นานนี้ด้วยครับ

พวกเราจะช่วยกันได้อย่างไรบ้างติดตามพรุ่งนี้ครับ


kananun 03-10-2006, 02:35 PM

สิ่งที่พวกเราชาวธรรมและชาวไทย จะช่วยกันทำให้เกิดสังคมคุณธรรมได้นั้น ประการหนึ่งก็คือการน้อมนำพระราชดำรัสขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาขบคิดพิจารณาและน้อมนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะข้อที่ว่า "ควรส่งเสริมคนดีสนับสนุนคนดีให้มาปกครองบ้านเมือง "พระราชดำรัสนี้ไม่เพียงแต่ จะหมายถึงในระดับประเทศ แต่ยังหมายรวมไปถึง ผู้นำในระดับครอบครัว ระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น ผู้นำองค์กร ผู้นำบริษัท ผู้นำส่วนราชการ และรวมถึงการให้คุณธรรมนำจิตใจของปัจเจกชนทุกๆท่าน หลายท่านที่ได้มีความเข้าใจว่าพระราชดำรัสนี้มีความหมายเพียงเฉพาะ ผู้นำรัฐบาล เท่านั้น จึงเหมือนแต่ได้เฝ้ารอให้มีผู้นำรัฐที่เป็นคนดีมีคุณธรรมเข้ามาปกครองประเทศ แต่แท้ที่จริงแล้ว การที่จะทำให้ปรากฏ ผู้นำรัฐบาลที่เป็นคนดีมีคุณธรรมปรากฏขึ้นสู่สังคมไทยนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกระแส ค่านิยมสังคมและแรงสนับสนุนจากประชาชนที่เห็นความสำคัญของจริยธรรม คุณธรรมเป็นที่ตั้งเป็นฐานก่อน ดังนั้น จึงเป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่ชาวธรรม ชาวไทยจะรวมตัวรวมใจกันในการส่งเสริมและสร้างค่านิยมในการส่งเสริมความดี ความสร้างสรรค์และคุณธรรมในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำความดีสร้างคุณธรรมด้วยตนเอง ส่งเสริมชักชวนให้บุคคลอื่นได้ทำความดีสร้างคุณธรรมในจิตใจของพวกเขา และประการสุดท้ายคือการโมทนาการให้กำลังใจการประกาศเกียรติคุณแด่ท่านผู้ทำความดีทำประโยชน์ต่อสังคม

หากมองรากฐานของสังคมไทยให้ลึกซึ้งแล้ว หากว่าเราไม่ได้ทำลายค่านิยมดีๆในอดีตของบรรพบุรุษไทยเราอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี เจตนาดีแต่ประสงค์ร้ายก็ดี สังคมไทยเราจะเป็นสังคมที่มีความสุขที่สุดในโลก

ค่านิยมดีๆที่เปลี่ยนแปลงไปได้แก่
ค่านิยมที่เศรษฐีและคหบดี ผู้มีเงินในอดีต นิยมสร้างวัด เป็นผู้อุปถัมม์ค้ำจุนวัดและพระพุทธศาสนา ซึ่งทางด้านเศรษฐศาสตร์นับเป็นการคืนกำไรและการแบ่งปันความมั่งคั่งกลับคืนสู่สังคมทางอ้อม รวมทั้งเป็นการทำให้วัดในอดีตเป็นศูนย์กลางทางสังคม เมื่อวัดเป็นศูนย์กลางทางสังคมจึงเป็นเรื่องง่ายในการเผยแพร่คุณธรรมความดีออกสู่สังคม ส่วนค่านิยมของเศรษฐีไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นเช่นไร ผมขอไม่กล่าวถึง

การย้ายศูนย์กลางของชุมชนออกไปจากวัด จากบทบาทของวัดแต่เดิม เป็นทั้งวัด ที่ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา โรงเรียน แหล่งสรรพวิชาความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม แหล่งศิลปะวัฒนธรรม แหล่งถ่ายทอดคุณธรรมจริยธรรม ที่ประชุมและที่จัดกิจกรรมของชุมชนตั้งแต่เกิดยันตาย สถานที่ที่เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติและพืชพันธุ์สัตว์ จากการกำหนดเขตอภัยทาน และประเพณีขนทรายเข้าวัด โดยการนำทรายจากท้องแม่น้ำลำคลองนั้นเป็นการช่วยขุดลอกคูคลองให้มีความลึกเก็บน้ำได้มากยามน้ำหลากก็ไม่ท่อมสูง
การที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นครูบาอาจารย์ เป็นท่านผู้ให้คำปรึกษาต่อเรื่องราวต่างๆของชุมชน ทำให้พระภิกษุมีการวางตนให้สมกับที่ชาวบ้านเคารพกราบไหว้ ดังนั้น พระท่านจึงดำรงความบริสุทธ์ของศีลวัตรปฏิบัติ
ส่วนในปัจจุบันข้อนี้ผมไม่วิจารณ์อีกเช่นกัน

การทำลายคุณค่าของสถาบันการศึกษาที่เรียกว่า โรงเรียนวัด โรงเรียนประชาบาล โดยด้อยค่ากว่าโรงเรียนประเภทอื่นๆ ทำให้แหล่งเผยแพร่คุณธรรมจริยธรรมออกสู่สังคมหยุดชะงักลง ทั้งที่โรงเรียนวัดแต่เดิมได้สร้างข้าราชการผุ้ใหญ่ผู้มีคุณความดีคุณธรรมออกสู่สังคมไทยในอดีตมาโดยตลอด
ปัจจุบันนี้ กลับเป็นที่น่ายินดี ที่ ได้มีโรงเรียนเชิงพุทธมุ่งเน้นคุณธรรมจริยธรรมออกสู่สังคมและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะให้ดีกว่านี้ ผมเห็นว่าควรมีการจัดตั้งครอบคลุมทั้งในภาคอาชีวะและสูงให้ถึง ระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต โดยการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชิงพุทธ ซึ่งในอเมริกา มีอยู่แห่งหนึ่งชื่อวิทยาลัย Naropa ผมแปลกใจว่าทำไมประเทศไทยอันเป็นเมืองพุทธจึงไม่มี มหาวิทยาลัยเชิงพุทธที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศทั้งทางด้านวิชาการและคุณธรรม มีเพียงเฉพาะมหาวิทยาลัยสงฆ์เท่านั้น
ส่วนอีกโครงการหนึ่งคือ โครงการโรงเรียน พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ นั้น ปัจจุบันเป็นที่น่ายินดีที่โครงการนี้ก้าวหน้าขึ้น มีผู้ปกครองส่งบุตรหลานเข้าไปเรียนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจัดเรียนฟรี มีทุนการศึกษาให้ด้วยรวมทั้งมีการอบรมคุณธรรม จริยธรรมร่วมไปด้วย จึงทำให้โครงการนี้ก้าวหน้าขึ้น

เหล่านี้เป็นค่านิยมดีๆแต่เดิมในสังคมไทย ที่เราควรฟื้นฟูขึ้นเพื่อความเจริญทางด้านจิตใจของสังคมไทยครับ


ส่วนค่านิยมใหม่ที่เราควรสร้างขึ้นในสังคมไทย ในการสร้างสังคมคุณธรรมนั้น ผมจะกล่าวในตอนต่อไปครับ


kananun 03-10-2006, 03:47 PM

เรามาคุยกันต่อในเรื่องของพุทธภูมิครับ เมื่อวานนี้เราได้ เห็นภาพรวมใหญ่ของพุทธภูมิแล้ว วันนี้มาฟังเรื่องเล่าของท่านผู้บำเพ็ญบารมีพระโพธิสัตว์ที่ท่านได้เมตตาเล่าให้ผมฟังครับ ผมก็ขออนุญาตเล่าต่อเพื่อเป็นประสบการณ์แด่หลายๆท่านครับ การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์นั้น ในบางชาติท่านลงมาสร้างบารมีเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น เช่นลงมาเกิดเพื่อการกู้ชาติกู้แผ่นดิน และในบางชาติท่านก็มาเกิดและสร้างบารมีหลายอย่างหลายด้าน พร้อมๆกัน ในขณะเดียวกัน ในยุคสมัยหนึ่ง ๆ อาจมีพระโพธิสัตว์มาเกิดพร้อมกันเพื่อสร้างบารมี หลายๆท่านในบารมีเรื่องเดียวกัน งานเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในงานที่จะช่วยรักษาค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้ครบ ห้าพันปี พระโพธิสัตว์หลายๆท่านได้ร่วมแรงร่วมใจ กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งยุคสมัยที่กำลังจะเกิดภัยพิบัติขึ้นบนโลกใบนี้ ยุคที่ผุ้คนเสื่อมจากศีลธรรมความดี ยุคที่ผู้คนบูชาวัตถุมากกว่าบูชาธรรม พระโพธิสัตว์ทั้งหลายจึงได้อาสาลงมาเกิดเพื่อ ช่วยฟื้นฟูความบริสุทธ์แห่งพระพุทธศาสนาและสร้างคุณธรรมความดีงามขึ้นในจิตใจของผู้คน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือภาระกิจที่เราได้รับมอบหมายมา ไม่ใช่ว่าบารมีของตนเอง เพื่อนพุทธภูมิคนหนึ่งของผมเคยกล่าวไว้ว่า "ภาระกิจสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ความสุขสบายของชีวิตส่วนตัวทางโลกผมไม่สนใจ ไม่ว่าผมจะเป็นอย่างไรผมก็จะทำงานช่วยคนจากภัยพิบัติให้ได้ " นี่เป็นกำลังใจของพุทธภูมิท่านหนึ่งซึ่งคอยเตือนใจผมเสมอ ให้เชื่อมั่นในความดีที่เราตั้งใจทำต่อส่วนรวม และมุ่งมั่นทำความดีต่อไป จะมากจะน้อย ก็จงทำให้สม่ำเสมอ และมั่นคง

พุทธภูมิทุกท่านนั้น เป็นเหมือนเพื่อนเป็นเหมือนพี่น้องกัน เสมอไม่ว่าจะยามยากยามลำบากยามขาดกำลังใจ ก็จะมีพุทธภูมิท่านอื่นมาช่วย มาสงเคราะห์ มาให้กำลังใจเสมอ เคยมีเรื่องราวของพระสงฆ์ผู้ปรารถนาพุทธภูมิท่านหนึ่งท่านได้เมตตาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องราวที่ท่านได้ออกเดินธุดงค์ ไปยังป่าลึก และมีอยู่คราวหนึ่งท่านได้หลงป่า เดินวนเวียนหาทางออกอยู่เป็นเวลานาน จนอ่อนเพลียก็ยังหาทางออกจากป่าไม่ได้ ในขณะที่ท่านได้เริ่มถอดใจคิดว่าตายแน่แล้วเรา ถ้าจะต้องปลงสังขารในป่าแห่งนี้แล้ว ทันใดนั้น ก็ได้ปรากฏพระรูปหนึ่งเดินมาจากที่ใดไม่รู้ มาถึงก็ได้ถามท่านว่า ท่านปรารถนาพุทธภูมิใช่ไม๊ ท่านก็ได้ตอบว่าใช่ พระองค์นั้นจึงได้บอกว่า นี่เพราะท่านปรารถนาพุทธภูมิเช่นกันนะจึงได้มาช่วย หลงป่าใช่ไม๊ ว่าแล้วพระองค์นั้นก็ได้พาท่านเดินออกจากป่าจนปลอดภัย แล้วก็หายไป โดยไม่ได้บอกว่าท่านชื่ออะไร อยู่วัดไหน เรื่องนี้เป็นข้อยืนยันว่าเหล่าพุทธภูมิทั้งหลายท่านช่วยเหลือกันไม่ทอดทิ้งกัน และส่งเสริมการสร้างบารมีของกันและกันอยู่เสมอ แม้ในยามที่คับขันที่สุด

มีเรื่องเล่าในการสงเราะห์กันของพุทธภูมิในช่วงวิกฤตอีกเรื่องที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้เมตตาเล่าเอาไว้ ว่า บางครั้งพระยายมราชก็ได้ส่งเทวดามาตามท่านให้ไปโปรดคนที่ได้รับโทษในนรก ท่านก็ได้ถามว่า ทำไมท่านต้องไปช่วย เทวดาท่านก็ได้ตอบว่า เพราะท่านเป็นพุทธภูมิด้วยกัน ท่านจึงต้องไปช่วย รวมแล้วมีพุทธภูมิที่ท่านพลาดพลั้งตกนรกหลายๆองค์ที่หลวงพ่อท่านได้ช่วยเอาไว้ ที่สำคัญๆได้แก่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์โลกสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อบอกแบบนี้หลายๆท่านคงได้ทราบแล้ว ว่าเป็นผู้ใด

อีกสิ่งหนึ่งซึ่งพุทธภูมิพึงปฏิบัติต่อกันก็คือ การช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดที่บุคคลอื่นมีต่อพุทธภูมิบางท่าน เพราะบางท่านก็เป็นพุทธภูมิโดยที่บุคคลทั่วไปไม่รู้ว่าท่านเป็นพุทธภูมิ แต่ประวัติศาสตร์เขียนให้ท่านผิดไปจากความจริงและจิตเจตนาที่ท่านได้ตั้งใจไว้ เพราะพุทธภูมิย่อมรู้และเข้าใจในความเป็นพุทธภูมิของพุทธภูมิท่านอื่น แค่เห็น ความตั้งใจ และปฏิปทาของท่านก็รู้แล้วเข้าใจแล้วว่าท่านเป็นพุทธภูมิ ตั้งจิตอธิฐานบำเพ็ญบารมีอะไร และเมื่อทราบแล้วท่านก็ได้กราบโมทนาในกุศลบารมีของกันและกัน ยกย่องกันทั้งในใจทั้งด้วยวาจา ดังที่องค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้แสดงตัวอย่างให้ปรากฏไว้ยามเมื่อท่านได้พบปะกับหลวงปู่หลวงพ่อหลายๆท่าน และต่างฝ่ายก็ได้กราบคุณธรรมความดีของอีกท่านหนึ่งให้เห็น เป็นความงดงามที่จับใจศิษยานุศิษย์ของทั้งสองท่าน
แบบอย่างของพระโพธิสัตว์ที่ดีท่านยังมีอยู่อีกมากมายครับ แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ

ขอกราบโมทนาในคุณความดี บุญบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญมาทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่ท่านทั้งหลายจะบำเพ็ญต่อไปในอนาคตด้วยเทอญ


Good_oom 03-10-2006, 11:27 PM

ภัยภิบัติ ถ้าเกิดขึ้น ผมจะคิดว่ามันเป็นเกมส์ ที่ต้องพจญภัยไปเรื่อยๆ
เก็บไอเท็ม แลนกับเพื่อน หาบทสรุป แต่ถ้า พลาดขึ้นมา คงไม่มี นิวเกมส์นะครับ แต่ถ้ามันเป็นเกมส์ แล้วคนสร้างคือใครหนอ


kananun 04-10-2006, 01:10 PM

จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับแต่คะแนนของเกมส์นี้คือ การช่วยชีวิตคนให้มากที่สุดครับ โดยไม่ให้เราตายซะก่อน จากนั้นก็เข้าสู่ภาคของเกมส์ซิมซิตี้ ทุกคนต้องช่วยกันใช้ทรัพยากรที่มีและความรู้ สร้างอารยะธรรมใหม่ที่สงบสุขสันติต่อไปจนถึงอีก สองพันกว่าปีครับ


kananun 04-10-2006, 06:27 PM

มาต่อในเรื่องพุทธภูมิวิสัยกันต่อครับ

สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยของพุทธภูมิทั้งหลายคือการตั้งกำลังใจเต็มไว้ในบารมี สามสิบทัศน์ ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะทำการสิ่งใดก็ตาม เราจะต้องถามพระท่านก่อนเสมอ อย่าได้ใช้จิตเราอย่างเดียวครับ เพราะจิตใจเรายังอาจมีกิเลสแฝงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มานะทิษฐิการถือตัวถือตนครับ ครูบาอาจารย์ของเราอันได้แก่หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเก่งแค่ไหน ดีแค่ไหน ท่านยังทำให้เราได้ดูเป็นแบบอย่างว่าท่านเองก็ต้องถามพระก่อนเสมอในการทำการสิ่งใดก็ตามครับ เรายังมีความดีห่างไกลจากท่านมากก็เดินตามแบบอย่างท่านเถอะครับ
1.ถามพระท่านก่อน ในการทำการสิ่งใด ในการสร้างการบำเพ็ญบารมี
2.ให้จิตเจตนาที่เราจะทำนั้นออกมาจากหัวใจที่บริสุทธ์ โดยมี พรหมวิหารสี่เป็นที่ตั้ง
3.ก่อนตัดสินใจลงมือทำลงมือปฏิบัติ ให้อธิฐานก่อน เพราะการที่ท่านมีความฉลาดในการอธิฐาน (ปรมัตถอธิฐานบารมี) จะช่วยให้กิจที่ทำอย่างเดียวกันมีอานิสงค์สูงขึ้นมากขึ้นกว่าปรกติอย่างมากๆ เช่น
-การถวายสังฆทานซักหนึ่งถัง คนปรกติ ทั่วไป อาจจะถวายโดยการอาการถวายแด่พระสงฆ์ ก็ได้อานิสงค์ของการถวายสังฆทาน ชั้นหนึ่ง
-ท่านที่มีความเข้าใจธรรมะสูงอีกระดับท่านก็อาจขอศีลและตั้งใจรักษาศีลด้วยก็ได้อานิสงค์เพิ่มทั้งจากการรักษาศีล และจากความบริสุทธ์ของผู้ให้
-อีกระดับหนึ่งท่านอาจเข้าฌานสมาบัติเท่าที่ทำได้ตลอดจนไปถึงอารมณ์พระนิพพาน อานิสงค์ก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามระดับอารมณ์ใจ ตามความบริสุทธ์ของจิต
-อีกระดับหนึ่ง ท่านอาจรับศีลเข้าสมาบัติ แถมยกอาทิสมานกายพร้อมความเป็นทิพย์ของสังฆทานนั้นขึ้นไปบนนิพพาน และอธิฐานว่า"ข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานทิพย์นี้ต่อพระอริยเจ้าทั้งหลายบนพระนิพพานอันมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์สมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน ขอให้มวลเหล่าเทพเทวาทั้งหลายได้โมทนามหากุศลนี้ด้วยเทอญ " อานิสงค์ก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกมหาศาล
-ส่วนในระดับสูงสุดนั้น ผมชอบทำเวลาถวายสังฆทานชุดใหญ่ เนื่องจากผมไม่มีโอกาสได้ทำบ่อยๆและท่านผู้อื่นก็เช่นกัน เวลาทำ ผมก็จะประกาศให้ผู้คนท่านอื่นมาร่วมกุศลด้วย ว่าขอเชิญท่านทั้งหลายมาร่วมทำมหาสังฆทานนี้ด้วยกันเถิด จากนั้นเราก็ยกอาทิสมานกายของเรา ดึงอาทิสมานกายของทุกท่าน และส่วนทิพย์ของมหาสังฆทานทิพย์นั้น ขึ้นไปถวายพระอริยเจ้ามีพระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธานบนพระนิพพาน นั้นและอธิฐานขอให้อานิสงค์ใดที่จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้านั้นขอให้ท่านผู้ร่วมมหากุศล และเหล่าเทพพรหมเทวาทั้งหลายพึงได้รับเช่นเดียวกับข้าพเจ้าทุกประการ ส่วนตัวสังฆทานนั้นขอจงเป็นปัจจัยส่งเสริมสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ครบ ห้าพันปีด้วยเทอญ "ทำดังนี้อานิสงค์ก็จะยิ่งมากทบทวียิ่งๆขึ้นไปครับ

ดังจะเห็นได้ว่าการทำบุญอย่างเดียวกัน คนภายนอกก็มองเห็นว่าเป็นการถวายสังฆทานเหมือนกัน แต่มีอานิสงค์ทวีคูณแตกต่างกัน เนื่องจากการอธิฐานครับ

ส่วนการสร้างบารมีอย่างอื่นเช่นการแนะนำธรรมมะแก่ผู้อื่นนั้นก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งอีกที่จะต้อง
1.อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านมาประสิทธฺประสาทเหนือเศียรเกล้าของเราก่อนเสมอ
2.ตั้งจิต ตั้งกำลังใจ ในผลสัมฤทธ์ในการปฏิบัติของผู้ฟัง ผู้อ่านให้มีผลในการปฏิบัติ ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ฟังผู้อ่านรู้สึกว่าเรานี้เก่ง อันนี้เป็นไปเพื่อกิเลสของเราเองไม่ใช่วิสัยของพระโพธิสัตว์
3.เข้าฌานสมาบัติกำลังใจสูงสุด จากนั้นให้ธรรมมะลื่นไหลออกมาจากภายในดวงจิตของเราโดยเชื่อมกับญาณทัศนะของพระพุทธเจ้าท่านประหนึ่งว่าท่านได้โปรดคนๆนั้น ไม่ใช่ด้วยกำลังใจของเราเอง และก็อย่าได้ทนงตนว่าเรานี้เก่ง เพราะเป็นมานะ
4.รู้จักวางใจเป็นอุเบกขาต่อโลกธรรมทั้งแปด ปล่อยวางต่อการปฏิบัติของท่านผู้อื่น เราเป็นผู้บอกผู้แนะนำ การปฏิบัติเป็นเรื่องต้องทำด้วยตนเอง รู้เองเห็นเอง ท่านทำได้เราก็โมทนา ท่านทำไม่ได้เราก็วางใจเป็นอุเบกขาครับ

วันนี้แค่นี้ก่อนครับ สำหรับท่านเหล่าพุทธภูมิทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นท่านผู้มีปัญญาบารมี ทั้งที่ลาและยังไม่ลาพุทธภูมิ บางท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว ก็ขอได้นำไปประยุกต์ใช้กันนะครับ บารมีท่านทั้งหลายจะได้เต็มเร็วเข้าครับ ยิ่งท่านก้าวหน้าในการปฏิบัติ ก้าวหน้าในการสร้างบารมีมากขึ้นเท่าใด ผมก็ยิ่งพลอยยินดีและกราบโมทนาบุญไปกับท่านด้วยครับ พรุ่งนี้เรามาต่อเรื่องการสร้างบารมีของพุทธภูมิที่คนไม่รู้กันครับ


kananun 04-10-2006, 07:52 PM

ส่วนงานทางด้านการสร้างสังคมคุณธรรมนั้นผมอยากเน้นทางด้าน องค์กรทางด้านธุรกิจขนาดใหญ่ก่อน เนื่องจากมีทรัพยากรมาก ถ้าผู้นำองค์กรเหล่านี้ เห็นประโยชน์ของการที่มีบุคลากรที่มีคุณธรรม จริยธรรม จนผลักดันให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรได้จะเป็นแบบอย่าง ให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามไปด้วย
แต่การผลักดัน ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ท่ามกลางกระแสอันเชี่ยวกรากของระบบทุนนิยมนั้น จำเป็นต้องหยิบยกประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจขององค์กรเพื่อเป็นเครื่องล่อให้เกิดแรงจูงใจในการปฏิบัติ ให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรคุณธรรม (Moral Enterprise Tradition)
การเริ่มต้น การสร้างค่านิยมคุณธรรมนั้น ในระยะแรก จำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่ ฝ่ายทรัพยากรบุคล โดยชี้ให้เห็นประโยชน์และคุณค่าของการมีพนักงาน เจ้าหน้าที่ที่มีจริยธรรมก่อนโดยการใช้เกณฑ์ชี้วัดความฉลาดหลากมิติ(Multi Equity)* นอกเหนือจากการใช้วุฒิทางการศึกษา ในการรับสมัครงาน แล้ว การวัด IQ EQ ยังควรใช้เกณฑ์ของ MQ ความฉลาดด้านคุณธรรม จริยธรรม ร่วมในการรับสมัครงานใหม่และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลขององค์กรอีกด้วย เนื่องจากการเปรียบเทียบคุณภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีวุฒิการศึกษาเท่ากัน ประสบการณ์ในการทำงานเท่ากัน ผู้ที่มีจริยธรรมสูงกว่าจะมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่า
ขอยกตัวอย่างพนักงานสองคน ทำงานธนาคาร คนหนึ่งถือศีลห้า ชอบทำบุญ กับอีกคนหนึ่งชอบดื่มเหล้าทุกศุกร์ เสาร์ บางครั้งก็วันทำงานก็ดื่ม แถมยังชอบเล่นพนันฟุตบอล
คนแรก มาทำงานแต่เช้าตรงเวลาทุกวัน ทำงานก็ทำด้วยความสดชื่น ยิ้มแย้มเพราะใจสบาย มีความสุจริตรับผิดชอบต่อเงินทั้งของลูกค้าและธนาคารอย่างดี ไม่มีความผิดพลาด
ส่วนอีกคนหนึ่ง บางวันก็มาตรงเวลา บางวันก็สาย ส่วนใหญ่ในวันที่สายมักจะอิดโรย ดูแฮงค์ๆ แถมยังเครียดใช้วาจาไม่สุภาพตะคอกลูกค้า ผู้จัดการเรียกไปคุยก็พบว่า เครียดเนื่องจากเสียพนันบอล ผู้จัดการก็ได้กล่าวตักเตือน เหตุการณ์ก็ดีขึ้นจนอยู่มาวันหนึ่ง มีลูกค้ามา แจ้งว่าเงินในบัญชีหายไปจำนวนหลายล้าน ธนาคารก็ดำเนินการตรวจสอบ และแล้ว พนักงานคนที่สองนี้ก็หายตัวไปไม่มาทำงานอีกเลย ทำความเสียหายทางด้านการเงินและชื่อเสียงให้กับองค์กรอย่างมาก

จะเห็นได้ว่าการได้บุคคลากรที่มีคุณธรรมและจริยธรรมในองค์กรนั้น มีสร้างคุณค่าให้กับองค์กรอย่างมาก แต่องค์กรธุรกิจต่างๆเห็นคุณค่าของบุคคลากรเหล่านี้แค่ไหน และหากมีการคำนวนการทำงานโดยละเอียดแล้ว บุคคลากรประเภทนี้จะให้เวลาสุทธิในการทำงานสูงกว่าพนักงานทั่วไป เนื่องจากไม่ต้องไปเสียเวลากับการใช้ความคิดสูญเปล่าในเรื่องในปัญหาส่วนตัวของตนเอง ในหลายๆด้าน และยังทำให้การตัดสินใจและการแก้ปัญหาในองค์กรมีความถูกต้องแม่นยำสูงกว่าพนักงานทั่วไปอีกด้วย

ดังนั้นองค์กรธุรกิจเห็นสมควรหรือยังในการผลักดันวัฒนธรรมองค์กรคุณธรรมเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรและการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีสู่สังคม

สิ่งนี้เป็นการส่งเสริมให้คนดีได้มีโอกาสและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและสังคม ตามพระราชดำรัสของในหลวงครับ

LQ ความฉลาดในการเรียนรู้
HQ ความฉลาดในการรักษาสุขภาพ
เป็นตัวอย่างครับ

พรุ่งนี้เราจะมาเชื่อมโยงการพัฒนาองค์กรคุณธรรมกับสังคมครับ


kananun 05-10-2006, 11:02 AM

แต่ดั้งเดิมนั้น ระบบธุรกิจการค้าของคนจีน ยึดหลักความซื่อตรงยุติธรรมเป็นหลัก และมีแบบอย่างขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งในประเทศไทยเองที่ยึดหลักคุณธรรม ทั้งที่มีต่อลูกค้า ต่อคู่ค้า คู่ธุรกิจ ดำเนินธุรกิจแบบจริงใจตรงไปตรงมา โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจ แบบเกมซับซ้อนซ่อนกลไว้ในการดำเนินธุรกิจ องค์กรเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่ได้แม้ในสภาวะเสรษฐกิจตกต่ำหรือชะลอตัว แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับองค์กรซ่อนเงื่อนทั้งหลายที่โตเร็วตายเร็ว มีอายุทางการดำเนินธุรกิจสั้น เพราะรากฐานสำคัญขององค์กรที่แท้จิงคือความสุจริต คุณธรรมและความจริงใจ ของผู้บริหารที่มีต่อ ตัวองค์กรเอง พนักงานทุกระดับ คู่ค้า คู่ธุรกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในธุรกิจที่ได้ดำเนินการ

ส่วนประโยชน์ที่ได้จากองค์กรธุรกิจที่มีคุณธรรมนั้น ในส่วนของตัวกิจการเอง พนักงานที่เป็นคนดี ก็จะได้รับการดูแลและสวัสดิการที่ดี คู่ค้าคู่ธุรกิจ ที่มีหลักคุณธรรมเช่นกันก็สบายใจในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ต่างฝ่ายก็เจริญรุ่งเรืองในกิจการของตน ส่วนลูกค้าหรือผู้บริโภค ก็ให้ความเชื่อมั่นในสินค้าและองค์กรว่า ผลิตสินค้าและให้บริการที่มีคุณภาพ คุ้มค่า คุ้มราคา ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ทุกฝ่ายมีแต่ได้ สบายใจทุกฝ่าย

ส่วนประโยชน์ในการที่จะมีองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ผลักดัน วัฒนธรรมองค์กรให้มีคุณธรรม จริยธรรมนั้น ผลที่จะปรากฏต่อสังคมคือ
1.เป็นแบบอย่างในความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในการทำธุรกิจ ว่า การทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรมทำให้ประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ และทำให้ ธุรกิจในขนาดกลางและขนาดย่อม ดำเนินการตาม จนมีการรวมตัว ขยายตัว เป็น "หอการค้าธุรกิจคุณธรรม"
2.กำลังทรัพย์ กำลังบุคลากร ขององค์กรขนาดใหญ่แบบนี้ มีมาก พอที่จะทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ตอบแทนกลับสู่สังคมได้มาก
3.การบริจาคเงินเพื่อใช้ในการหักลดหย่อนภาษีขององค์กรเหล่านี้ในแต่ละปีมีจำนวนมาก รวมทั้งภาษีเงินได้ของพนักงานทั้งองค์กร ด้วย ถ้าเงินส่วนนี้ถูกนำไปใช้ในงานสาธารณะประโยชน์งานด้านพระศาสนา งานด้านการศึกษาและส่งเสริมคุณธรรมได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านการจัดสรรงบประมาณในระบบราชการ เงินทุนเหล่านี้ จะกลายเป็นระบบเศรษฐกิจคุณธรรม (Moral Economics System) ในระบบเศรษฐมิติแบบ Muti Tracks ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยพัฒนาได้อย่างรวดเร็วขึ้น อย่างก้าวกระโดด เพราะเป็นการบายพาสระบบการคอรัปชั่น ไปสู่การทำโครงการเพื่อการพัฒนาประเทศได้โดยตรง
4.เนื่องจาก CEO ขององค์กรขนาดใหญ่เหล่านี้ เป็นท่านผู้มีหน้าตาและสถานะทางสังคม ดังนั้น ย่อมเป็นการง่ายที่จะก่อให้เกิด ค่านิยมแข่งกันทำความดี แข่งกันทำงานการกุศลขึ้นในสังคม แม้เริ่มต้นจะเป็นการ แข่ง(กัน)ทำดี แต่ในที่สุด ผลก็จะกลับคืนสู่สังคมโดยการกระจายคามคั่งมั่งกลับลงมายังประชาชนโดยส่วนรวมของประเทศได้ ไม่กระจุกตัวอยู่แคบๆ และทำให้ปัญหาความถ่างตัวของชนชั้นค่อยๆหมดไปด้วยครับ
5. ดังนั้นท่านผู้ได้ประโยชน์ที่สุดก็คือชาวไทยทุกคนครับ


ยายผีป่า 05-10-2006, 11:57 AM

น้ำท่วมไหมที่บ้านน่ะ

ข้างบ้านมีโจรขึ้นไหม

ไฟไหม้ลามใกล้บ้านแล้วนะ

มัวแต่ทำอะไรอยู่

ตื่นๆ !!!

อิอิ...โลกหนอ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้


kananun 05-10-2006, 07:32 PM

ตอบคุณยายผีป่าครับ
1. น้ำยังไม่ท่วมบ้านผมครับ เลยยังพอมีเวลามีจะคิดเห็นภาพรวมใหญ่และการมุ่งแก้ปัญหาโดยรวมของสังคม อีกอย่างหนึ่งผมไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไรครับ จึงอยากเผยแพร่เรื่องการสร้างสังคมคุณธรรมให้กับคนรุ่นหลังต่อไปครับ
2. ข้างบ้านโจรยังไม่ขึ้นครับ เพราะเราต้องคอยระมัดระวังดูแลบ้านเราด้วยศีลครับ เพื่อไม่ให้โจรคือความเลวความชั่วมันเข้าสู่ใจเราได้
3. ไฟไหม้ลามใกล้บ้านผมจริงครับ ด้วยไฟแห่งราคะ โทสะ โมหะ จากการโหมกระหน่ำของกระแสสังคมที่ละทิ้งจริยธรรมความดีงามของสังคมครับ ดังนั้นการที่เราจะดับไฟที่กำลังลามนี้ได้ ต้องดับด้วยการสร้างค่านิยมความดีงามในสังคมอย่างที่ผมพยายามทำอยู่ครับ
4.ตื่นๆ ก็ขอขอบคุณที่ปลุกครับ จะได้เป็นการเตือนผมให้ปลุกจิตแห่งความเป็นพุทธะทั้งในหัวใจผมและเหล่าพุทธภูมิทั้งหลายครับ ให้เป็น ผู้รู้ในวิขชชา ผู้ตื่นจากภัยในวัฏฏะ และเป็นที่ผู้เบิกบานในธรรมความดีอยู่เสมอ

ไฟแห่งความอิจฉา ไฟแห่งความริษยา ไฟแห่งการเพ่งโทษผู้อื่น ไฟแห่งการทำลายกำลังใจในความดีของท่านผู้อื่น คุณยายผีป่าพอจะมีวิธีดับไฟเหล่านี้มาสอนผมไม๊ครับ ขอกราบรบกวนสอนวิธีดับให้ทีครับ จะเป็นประโยชน์กับอีกหลายๆคนครับ

อืมม โลกหนอ ย่อมหมุนไปตามกฏและผลแห่งกรรมเสมอ การออกจากกองทุกข์สู่พระนิพพาน จึงเป็นบรมสุขครับ


kananun 05-10-2006, 09:59 PM

จากแนวคิดการสร้างบารมีในทางโลกแล้ว ตอนนี้เรามาว่าในการสร้างบารมีในทางจิตทางธรรมกันครับ ในโลกมนุษย์นี้พุทธภูมิหลายๆท่านอาจจะมีข้อจำกัดหลายอย่างหลายด้าน แต่ในความเป็นทิพย์นั้นการสร้างบารมีแทบไม่มีข้อจำกัดครับ สิ่งสำคัญที่สุดได้แก่ ระดับของเมตตาพรหมวิหารสี่ในจิตใจของเราครับ รวมทั้งความเข้าใจในการสร้างบารมี ว่า การสร้างบารมีโดยไม่มีคนรู้คนเห็น การปิดทองหลังพระอย่างที่ในหลวงท่านมีพระราชดำรัสนั้นหมายความว่าอย่างไร การทำความดีเพราะเป็นการทำความดีไม่ใช่เพื่อให้คนมาสรรเสริญนั้นเป็นอย่างไร การทำความดีแล้วแต่ถ้าท่านยังไม่ได้รับผลแห่งความดี แต่กลับมีคนคอยกลั่นแกล้งนินทาว่าร้ายท่าน ท่านยังจะทำความดีต่อไปหรือไม่ ถ้าไม่ ก็หมายความว่า ยังต้องศึกษาและวางกำลังใจในเรื่องของบารมีกันใหม่ แต่ถ้าท่านอาจรู้สึกกระทบใจบ้างแต่ยังฮึดสู้ไม่ย่อท้อในการสร้างบารมี ท่านก็นับว่าวางกำลังใจในการสร้างบารมีในอดีตมาดีแล้ว
การสร้างบารมีในส่วนทิพย์ นั้น ที่จริงจะว่าไม่มีใครรู้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะ เทพพรหมเทวดา สิ่งศักด์สิทธ์รวมทั้งทุกท่านบนพระนิพพานท่านก็รู้ท่านก็เห็น และคอยช่วยคอยโมทนาบุญอยู่ด้วยเสมอ คุณความดีบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญจึงถูกจดบันทึกในบัญชีบุญอยู่ตลอดเวลา แถมเวลาที่มีอุปสรคมาขัดขวางมากๆแล้วท่านยังทรงกำลังใจในบารมีความดีที่บำเพ็ญ บารมีนั้นก็ยิ่งกลับกลายเป็นปรมัตถบารมี ทำให้บารมียิ่งเต็มเร็วขึ้นไปอีก ดังนั้นท่านทั้งหลายจึงควรที่จะต้องขอบใจอุปสรรคท้งหลายที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น อโหสิให้อภัยกับทุกบุคคลทุกเหตุการณ์ที่มาขัดขวางการสร้างบารมีของเรา ตัดอกุศลกรรม ต่อแต่บุญกุศลให้เจริญงอกงามขึ้นครับ

การสร้างบารมีด้วยความเป็นทิพย์ของจิตนั้น ก่อนอื่นเราต้องมีจิตเจตนาที่ดีต่อเหล่าสรรพสัตว์เป็นปรกติ ตั้งใจไว้ว่าเราต้องการให้อานิสงค์แห่งความดีที่สรรพสัตว์เหล่านั้นได้สร้างได้ทำจงได้มีอานิสงค์สูงสุดเท่าที่จะสูงได้ เพื่อที่บารมีของเขาเหล่านั้นจะได้เต็มเร็วที่สุด ไม่ว่าเขาจะปรารถนาความหลุดพ้นในฐานะสาวกภูมิก็ดี หรือในความปรารถนาในพุทธภูมิวิสัยก็ดี การทำความดีของผู้อื่นไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดเราก็จะให้กำลังใจแก่เขาเหล่านั้นในการปฏิบัติเพื่อความดีต่อไป

ต่อไปเป็นการใช้กำลังแห่งสมาบัติและความเป็นทิพย์ในการสร้างบารมีทั้งต่อตนเองและท่านผู้อื่นครับ
1.ฝึกจิตไว้ให้เป็นปรกติว่า เมื่อท่านได้เห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ท่านคิดว่าจะเกิดประโยชน์ไม่ว่าจะต่อส่วนรวมก็ดี ต่อพระพุทธศาสนาก็ดี ต่อชาติก็ดี ต่อความสุขของประชาชนส่วนใหญ่ก็ดี ขอท่านจงได้ตั้งจิตอธิฐานไว้ว่าขอให้ท่านได้มีโอกาส ได้ทำ ได้สร้าง คุณประโยชน์ นั้นๆ หากแม้นตัวเรายังทำไม่ได้ เราก็ขอส่งคลื่นความคิดอันเป็นกุศลนี้ไปยัง ท่านที่มีกำลัง มีบารมี มีหน้าที่ สามารถทำคุณประโยชน์นี้ได้สำเร็จด้วยเทอญ เราขอกราบโมทนาบุญด้วย
จากนั้นจงส่งคลื่นความคิดและภาพของงานเหล่านั้นออกไป แผ่ออกไปจากดวงจิตอันบริสุทธ์ของเรา จากนั้นจงวางอุเบกขา ถ้าเราทำได้ด้วยตัวเองก็จงทำ ถ้างานที่คิดไว้ มีผู้อื่นได้ทำจนสำเร็จก็จงร่วมยินดีและกราบโมทนาบุญกับเขา และขอจงอย่าให้ความรู้สึกที่ว่าเขามาแย่งทำบุญแย่งทำบารมีจากเราเกิดขึ้นในจิตอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นอกุศลจิต ที่เราอย่าได้มีในจิตเพราะจะทำให้เสียความใสบริสุทธ์ของจิตใจของเรา

2.เมื่อท่านได้เดินทางไปยังสถานที่ใดก็ตาม ได้พบเห็นวิญญาน หรือสัมภเวสี ด้วยความเป็นทิพย์ของจิต ก็ขอให้ท่านระลึกถึงบุญที่ท่านได้บำเพ็ญมาในอดีต ปัจจุบันและอนาคต จากนั้นก็จงอุทิศให้วิญญานของเขาเหล่านั้นได้ โมทนาบุญเสวยสุขยกภพภูมิขึ้นสู่ สุขคติ มีสวรรค์เป็นต้น สำหรับเรื่องนี้หลายๆท่านผู้มีความจิตที่ประกอบไปด้วยความเมตตาบารมี และมีกำลังแห่งฌานสมาบัติ หลายๆท่านในเวบนี้ทำได้เป็นปรกติและเป็นวิสัยอยู่แล้ว เช่นเวลาที่เกิดภัยพิบัติเช่นสึนามิ ท่านเหล่านี้ก็จะใช้กำลังของความเป็นทิพย์ออกไปช่วยปลดปล่อยดวงวิญญานเหล่านี้ให้พ้นจากความทุกข์สู่ภพภูมิที่ดีกว่าด้วยการใช้อาทิสมานกายแผ่รัศมีกายแห่งบุญกุศลไปยังดวงจิตเหล่านั้น หลายท่านช่วยไปถึงวิญญานของท่านที่ตายตามป่าตามเขา ตายโดยไม่มีคนรู้คนเห็นคนทำบุญให้ หลายท่านช่วยรวมทีหนึ่ง ครั้งหนึ่ง ทั้งโลกบ้าง ทั้งจักรวาลบ้าง ทำโดยไม่มีคนรู้คนเห็น แต่พระท่านมาบอกให้ทราบเพื่อจะเจริญศรัทธาท่านผู้มีจิตใจที่ดีงามเหล่านี้ว่า"คุณความดี ทุกสิ่งที่ท่านได้ทำได้บำเพ็ญเหล่านี้มีผล มีอานิสงค์ ดวงวิญญานของเหล่าผู้ที่ท่านได้ช่วยได้สงเคราะห์ เมื่อเขาได้เลื่อนภพภูมิสูงขึ้นสู่ความเป็นเทวดา พรหม ท่านเหล่านั้นก็จะกลับมาช่วยพิทักษ์รักษาคุ้มครองตัวท่านให้เจริญขึ้นไปทั้งทางโลกทางธรรม ขอให้ทุกท่านรักษาความดีที่ได้ทำไว้เถิด"

3.เมื่อท่านได้ไปร่วมงานบุญงานกุศลใด ท่านจงใช้กำลังแห่งอภิญญาสมาบัติของท่านยกดวงจิตและอาทิสมานกายของบุคคลทุกท่านในงานในพิธี ขึ้นสู่พระนิพพาน และอาราธนาพระพุทธเจ้าท่านได้เมตตาเป็นประธาน เพื่ออานิสงค์สูงสุดของงานของพิธีนั้นๆ

4.เมื่อมีวาระพิเศษและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ท่านจงได้ยกอาทิสมานกายขึ้นไปที่พระนิพพานก็ดี ธรรมสภาก็ดี และประกาศสรรเสริญ บารมีคุณความดี ของท่านที่สมควร ประกาศ ท่านที่สมควรสรรเสริญเพื่อให้เหล่าเทพพรหมเทวาทั้งหลายได้โมทนาสาธุการและทำให้อานิสงค์ของบุคคลผู้นั้นมีอานิสงค์ทวีขึ้น และเป็นเครื่องแสดงความดีของมวลมนุษย์ว่ายังมีความดีให้ปรากฏอยู่
แล้วจงอธิฐานระลึกถึงคุณความดีที่ท่านเองได้บำเพ็ญมาให้เทพพรหมเทวาทุกท่านได้โมทนาในบุญกุศลและมีส่วนในการบำเพ็ญกุศลของท่านทุกอย่างทุกประการด้วย

5.ขอให้ท่านตั้งใจอธิฐานเป็นปรกติว่า "ที่ใดที่ท่านได้ไปได้เหยียบย่างไป ขอให้สถานที่แห่งนั้นจงมีแต่ความสันติสุข สงบ ร่มเย็น อุดมสมบูรณ์ด้วยเทอญ"

"ขอให้เรานั้นมีแต่มิตรในทางโลกและทางธรรม ทุกท่านที่ได้รู้จักเรา พูดคุยกับเราแล้ว ขอให้ความดีและธรรมะฝ่ายสัมมาทิษฐิของพระพุทธชินสีห์ ซึมเข้าสู่ดวงจิตของเขาเหล่านั้นให้เต็มไปด้วยความดีมีกุศลจิตด้วยเทอญ"

เหล่านี้เป็นความดี เป็นบารมี ที่เราสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องใช้แรงกายหรือกำลังทรัพย์ ใช้เพียงจิตแห่งความเมตตา และกำลังใจในการสร้างบารมีครับ สิ่งเหล่านี้ท่านสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นพุทธภูมิหรือไม่ก็ตาม

ผมขอกราบโมทนาบุญด้วยอย่างยิ่งสำหรับท่านที่ได้ทำอยู่ บำเพ็ญอยู่ครับ ขอให้ตั้งมั่นในความดีต่อไปครับ


Nakamura 05-10-2006, 10:14 PM

วันนี้รู้สึกมีปิติมากกว่าวันก่อนๆที่ได้อ่านมาครับ ขอโมทนาครับพี่คณานันท์ด้วยครับ


kananun 06-10-2006, 09:07 PM

พี่ก็ขอโมทนากับน้องนาคาด้วยครับ เห็นข้างบนท่านว่า นาคาได้ย่องไปสร้างบารมีเงียบๆแบบนี้ได้หลายข้อเหมือนกัน อีกท่านที่พระท่านบอกว่าทำได้ และได้ทำอยู่เสมอคือคุณวิบปจิตัญญูครับ ส่วนท่านอื่นๆอีกหลายๆท่านที่ผมไม่ได้เอ่ยนาม นั้นสิ่งศักดิ์สิทธ์เบื้องบนท่านรู้ท่านเห็นในความดีของท่านเสมอครับ

ขอเพิ่มเติม ในช่วงเวลา ของเทศกาลออกพรรษา ช่วง สามวันนี้ คือวันศุกร์เสาร์ อาทิตย์ ขอให้ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อความดีทั้งหลาย ตั้งอกตั้งใจในการทำความดีและตั้งใจอธิฐานบุญบารมีให้ดีๆครับ เนื่องจาก เป็นช่วงเวลาที่ประตูมิติเปิด ของทั้งสามไตรภูมิ คือนรก มนุษย์ สวรรค์พรหม รวมทั้งมิติอื่น จากการที่พระพุทธเจ้าท่านเปิดโลกตอนเสด็จกลับจากโปรดพระพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ครับ และการที่มิติเปิดนี้เองทำให้พญานาค ออกมาปรากฏกายให้เห็นและแสดงพุทธบูชาด้วยบั้งไฟพญานาคครับ ดังนั้นท่านที่จะไปสร้างบารมีด้วยอาทิสมานกายหรือจะไปเที่ยวมิติต่างๆก็จะคล่องตัวครับ รวมทั้งอาจมีการพบเห็นจานบินหรือดวงไฟแปลกๆในช่วงเวลานี้ด้วย ส่วนท่านที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม อาจพบพระธาตุเสด็จครับ

ช่วงนี้ตั้งใจปฏิบัติตามกำลังใจของตนครับ จะมาโพสใหม่วันจันทร์ครับ

ขอกราบโมทนาในความดีและการปฏิบัติของทุกท่านด้วยครับ


วิปจิตัญญู 07-10-2006, 07:19 PM

สาธุ ครับผม(f) และอนุโมทนากับทุกท่าน
ผมเอง ไร้บุญ ไร้วาสนา ความดี นี้ยังห่างไกลนัก ไม่ควรค่าได้รับ การชมเชย ยกย่องอะไรเลย ครับคุณ kananun

หลักในการเจริญพระกรรมฐานของ ผมนะครับ เป็น ประสบการณ์ทั่วๆไปครับผม

ผมเอง จะกำหนด จิต บูชาพระที่ห้องพระ (หลังอาบน้ำ จะไปนั่งกรรมฐานที่ห้องพระที่บ้าน )หรือ ขณะนอนหลับ จิตก็จะไปอยู่ที่ห้องพระ ของที่บ้าน เพื่อ สวดมนต์ อารธนาศีลธรรม และจะเชิญ ทวยเพท ภูมิเทวดา รุกขเทวดา อากาศเทวดา และผู้ที่ต้องการ มีศีล ธรรม มาร่วม อารธนา ผม ให้เหตุผลที่ไม่ไปสวดที่พระจุฬามณี หรือนิพพาน ว่า ถ้าผมไปที่นั่น ทวยเทพ ที่ไปไม่ได้ ญาตสนิท มิตรสหาย สัมปเวสี ก็จะตามไปไม่ได้ แม้จะ อารธนาบารมี ช่วยให้พาไปได้ก็ตาม และอีกหนึ่งเหตุผล เพราะผม ต้องการสร้างความเป็น ทิพย์ให้บ้านผมเอง ให้เป็นแดนธรรมครับ
หลังจากที่ อารธนาศีลและ สวดมนต์ เสร็จแล้ว ซึ่งผมสวดบน ณาน ไม่เอ่ยออกมา สวดด้วยจิต กำหนด จิตดังนี้ จิตใสเป็นดวงแก้ว มีพระพุทธรูปพระทับอยู่ ซ้อนลงไปในกายเนื้อ ทุกขณะจิตที่ สวด ดวงแก้วจะเปร่งฉัพพลังสี เคลื่อน ขึ้น ลง ตาม อาณาปาณสติ และ จะกำหนดให้ตัวอักษร คำสวดมนต์ เป็นทิพย์ไปด้วย โดย พระสูตรเหล่า นี้ เมื่อออก มา ก็กางกั้น เป็น รัศมี คุ้มครองผมเอง และ สิ่งที่ผม ปรารถนาจะให้คุ้มครอง

คาถาชินบัญชร สุดประเสริฐ สวดด้วย ณาน
ขณะที่ สวดไปเรื่อยๆ จะปรากฏ พระพุทธรูปแก้วสว่างไสวมากๆขนาดเล็ก จำนวนนับไม่ถ้วน รายล้อม และ เคลื่อนเข้ามา จนปิดกายเนื้อทุกส่วน

วิชา ใหม่ที่ครูบาอาจารย์ ถ่ายทอดมา วิชา อารธนา ทิพย์ ปกคลุม วัตถุธาตุหรือ ปลุกเสก สร้างความเป็นทิพย์ให้ วัตถุ สถานที่ หรือวิธี สร้าง แดนธรรม เพื่อ ป้องกัน สิ่งชั่วร้ายต่าง และ ผู้ที่อยู่ใน แดนธรรม จะก้าวหน้า ในทางธรรมได้เร็วเป็นวิชาที่มีประโยชน์มาก สำหรับ ทุกท่าน เพราะจะช่วย คนในครอบครัว ท่าน ให้ เริ่ม หันมาสนใจ เป็นสัมมาทิฐถิได้อย่างไม่น่าเชื่อ

วิชานี้ ต้องใช้กำลัง จิตพอสมควร ผู้ที่จะทำได้ จะต้องหมั่น ปฏิบัติธรรมจนถึง ณาน4 และเป็น โลกุตระ ณานแล้ว ต้อง ได้วิชชา 3 แล้วอย่างน้อย อธิฐานฤทธิ์ และ ใช้ มโนยิทธิได้คล่องแคล่ว ที่สำคัญที่สุด ต้องเป็นคน ยึดมั่นใน ไตรสรณคม

วิธี
หลังจากที่ สวดมนต์ แล้ว ให้ อารธนาพระกรรมฐาน ตามสายที่เรียนมา ต่อมาพิจารณา นิวรณ์ 5 ว่ามีอะไร บ้าง พิจารณา วนไป วนมา และ หาปัจจัย ที่ทำให้เกิด นิวรณ์ 5 และเห็นโทษของนิวรณ์ 5 ก่อนที่จะ นำเอาเหตุของ นิวรณ์ 5 มา พิจารณา คือ ขันธ์ 5 และ อวิชชานั่นเอง

เราจะพิจารณา นิวรณ์ 5 + ขันธ์ 5 จนเข้าใจถ่องแท้ เห็นอริยสัจ และ กองทุกข์ที่ได้มาจากสังโยชน์ 10 จนจิตคิดละ ขันธ์ 5 แน่นอน และ มีนิพพานเป็นที่สุด รักเคารพ ไตรสณคม

ผู้ที่เป็น พุทธภูมิก็ทำตามนี้ และ พิจารณา สรรพสัตว์ ต่อไปดังนี้ เห็นกองทุกข์ ของสรรพสัตว์ เห็น เหล่าพระโพธิสัตว์บำเพ็ญ บารมี โดยไม่ ปริปากบ่น ท่าน อุทิศชีวิตเป็นทาน เราก็ โมทนากับท่านในจิต และ ตั้งปณิสาธว่า เราขออุทิศชีวิต ของเราให้พระศาสนา และ ช่วยเหลือ สรรพสัตว์ และตามด้วย ความปรารถนาว่าเราต้องการ จะตั้งปฏิทานว่าอย่างไร เช่น เราจะรื้อขนสัตว์จนหมดโลกก็ตามไป

หลังจากพิจารณา เสร็จแล้ว ขออารธนาบารมี พระพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ และ อารธนา ครูบาอาขารย์ ทั้งหมด โดยจะเน้นที่ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ใน ภัทรกัปนี้ โดยเฉพาะ พระศรีศายมุนีสมนโคดม และพระศรีอารย์เมตตรัย พุทธเจ้า ขอให้ยก จิต ของข้าพระพุทธเจ้า ขึ้นสู่ โลกุตระณาน ข้ามโครตภูณาน

หลังจากนี้ จะเดินกรรมฐาน เท่าที่เราทำได้ จะ กรรมฐานทั้ง 40 กองก็ได้ + วิปัสสนาณาน ภูมิธรรมที่เรามีทั้งหมด และใช้ มโนยิทธิไป กราบ ครูบาจารย์ที่เรา อารธนาบารมีไป ไปกราบ สิ่งศักสิทธิ์ ทุกที่

ถึงตอน อารธนาบารมี สร้างความเป็นทิพย์ให้สถานที่ ตรงนี้ ต้องอารธนา ความเป็นทิพย์ ทั้ง 3 โลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตาจักรวาล เทวโลก อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ที่สำคัญคือท่าน จตุโลกบาลทั้ง4 ท่านท้าวมหาราชทั้ง
4 ต้องเชิญท่านด้วย และ เหนือโลก คือ พรหม และ นิพพาน

จิตเรา หรือ อทิสมานกาย เราอยู่ที่ นิพพาน และแบ่ง ไป อยู่ ตามที่ต่างๆ เพื่อ ขอให้ ทุกท่าน แผ่พลัง ลงมา ที่บ้านของเรา เราจะเห็น สายพลัง สว่างไสวมากๆ ไหลลงมาสู่บ้านของเราและล้นออกไป เป็นวงกว้าง ตำบล อำเภอ สว่างไสวไปหมด และ อารธนา พระพุทธเจ้า ใน ภัทรกัป ทรงเจิม พุธโท ลงไปที่ บ้านของเรา ตัวอักขระจะใหญ่มาก และเปร่งฉัพพลังสีออกมา ประทับลงไป ที่บ้านของเรา และ เหล่า เทวดา และ วิมาน เทวดา มากมาย จะผุดขึ้นมา เต็มบ้านเราไปหมด และ มี กายธรรม ของ พระพุทธเจ้า ประทับอยู่เหนือบ้าน สว่างไสวไปทั่ว

เสร็จพิธี
ให้เรา ตั้งจิต อธิฐาน แผ่ความเป้นทิพย์ แผ่ธรรม แผ่พรหมวิหาร และแผ่กุศล ที่นิพพาน โดย รวมจิตและบุญเป้นหนุ่ง จะเกิด ดวงแก้ว มากมาย พุ่งมารวมกันที่เรา และ เกิดเป็น ดวงใหญ่มากเหมือนดวงอาทิตย์ สว่างไปทั้งอนันตาจักรวาล และแผ่ ไปทุกที่

หลังจากนั้น จิต ผมก็จะ กรวดน้ำที่ นิพพาน และ นำ น้ำนั้นมาเท ลงสระบัวในวิมานของผมเอง โดยมี เทพเทวดา พระแม่ธรณี พระแม่โภสพ พระแม่คงคา พระพาย พระอาทิตย์ พระจันทร์ ต่างๆมากมาย และ ทุกท่าน มาโมทนาบุญ อ๋อ ลุงพุฒิท่านด้วยครับ ( ท่านมา อยุ่ข้างแล้ว^^ ) และ อธิฐาน ให้ผลนี้เป็น อุปนิสัยปัจจัย สำเร็จ.... คำอธิฐานใส่ตรงนี้ครับ ....



วิชาอื่นๆ นอกจากนี้ ยังฝึกไม่สำเร็จ ดี ต้องฝึกอีกหลายวิชามากมาย ครับผม ผมขอ ให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ขึ้นไปมากๆ กว่าผม หลายร้อยเท่า พันเท่าครับ และทางโลกก็สุขสบาย ไร้โรค ไร้ภัย ไร้กรรมชั่ว ทั้งปวง

โดยเฉพาะท่าน kananun ทำเพื่อพระศาสนามากมาย ขอให้ ท่าน สำเร็จในสิ่งที่ท่านหวังไว้นะครับ



ผลหลังจาก ใช้วิชานี้ ผู้คนในบ้านผม สัตว์ต่างๆ สร้างกรรมน้อยลง คุณพ่อผม ที่เคยไปฝึก มโนที่ ท่าซุงแต่ไม่สำเร็จ และผมสอนหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ ท่านก็ สำเร็จ แล้วครับ หลายอย่างในบ้านดีขึ้นมากมาย คนในบ้านใจเย็นขึ้น และ เกิดเป็นสัมมาทิฐถิทุกท่าน โดยง่าย กระแสศีลธรรมสูงขึ้น มีกลิ่นหอมๆ ในบ้านไม่รู้มาจากไหน ^^ เทวดา มากมาย

อนึ่ง ตัวผู้ ใช้วิชานี้ จะต้อง ตั้งมั่นในธรรม และหมั่น ทำสมาธิ เพื่อ เพิ่มพลัง ให้กับ กระแสศีลธรรม ให้เกิด พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ขึ้นมาในที่ๆ แห่งนั้นด้วย

จบวันนี้

Ps. ท่าน Kananun นี่เอง ใช้ทิพย์จักขุ ส่องมาแถวนี้ ถึงว่า ตะหงิดๆ มีคนแอบดู อิอิ (f)
( จำได้มั้ยคุณมิค ) (i) (f)

Ps2. วิชาทั้งหมดครูบาอาจารย์ พระพุทธเจ้า ถ่ายทอดให้ กำลัง ของท่าน ไม่ใช่ของผม เลย วิชาของ โลกุตระทั้งสิ้น ขอบพระคุณ


jasminine 09-10-2006, 10:00 AM

(กดโมทนาไม่ขึ้น..)
ขออนุโมทนาอย่างสูงกับพี่คณานันท์ และ คุณวิปจิตัญญู ค่ะ สาธุ ๆ ๆ


mead 09-10-2006, 10:26 AM

อนุโมทนาด้วยครับ..เท่าที่ผมรู้จักคุณคนานันท์มา ยอมรับเลยครับว่าเป็นผู้ที่มีความตั้งใจในการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงมากครับ..และขอให้ทุกๆท่านเจริญในทางธรรมกันโดยทั่วหน้ากันครับ..


tossapornk 09-10-2006, 10:53 AM

ผมขออนุโมทนาให้กับคุณคณานันท์ คุณวิปจิตัญญู คุณมีด และ คุณเกษม ได้เป็นผู้กล้าในการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้คนในอนาคตที่จะถึงอันใกล้มากๆนี้ บุญกุศลที่ท่านทั้งหลายได้ทำไปแล้วเบื้องบนย่อมเห็นแล้วอย่างแน่นอน และบุญกุศลที่พวกท่านจะกระทำในอนาคตเบื้องบนย่อมเปิดทางให้ได้ทำอย่างแน่นอน

สาธุ สาธุ


kananun 09-10-2006, 03:16 PM

พวกเราต้องขอขอบคุณในแบบอย่างธรรมมะปฏิบัติของคุณวิปจิตัญญูอย่างสูงครับ กำลังใจที่คุณทำได้อย่างนี้ก็นับว่าไม่ธรรมดาหรอกครับ และถ้ามีท่านผู้ทำได้แบบคุณรวมทั้งมีน้ำใจเสียสละเพื่อส่วนรวมหลายๆคนบนโลก โลกใบนี้คงสงบสุขร่มเย็นกว่านี้เยอะครับ และภัยพิบัติก็คงไม่เกิดขึ้น

วิสัยที่คุณวิปจิตัญญูปฏิบัตินั้น คุณวิปจิตัญญูสามารถทำได้เป็นปรกติอยู่แล้วก่อนที่จะเข้ามาอ่านกระทู้นี้ เพราะเป็นความรู้ที่พระข้างบนท่านสอนท่านถ่ายทอดให้ครับ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่ายังมีท่านผู้มีกำลังใจสูงมีความสามารถ บารมีและคุณธรรมสูง อีกเป็นจำนวนมากครับ ทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัวครับ

ต้องขอกราบโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

ส่วนท่านที่ติดตามอ่านอยู่นั้น อันความดี คุณธรรมในข้อใด เรื่องใด จุดใดที่ท่านพอใจมีศรัทธาในการเจริญก็ได้โปรดลงมือทำเลยครับ ถึงท่านจะได้อภิญญาก็ดี ไม่ได้อภิญญาก็ดี ได้ฌานก็ดี ไม่ได้ฌานก็ดี ไม่สำคัญเท่ากับการมีจิตใจที่บริสุทธ์ครับ การอธิฐานในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์นั้นสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาครับ เมื่อจิตเรามีเจตนาที่บริสุทธิ์และมีความตั้งมั่นไม่ช้าจะกลายเป็น อภิญญาอธิฐานฤทธิ์เองครับ


TONY JAAA 09-10-2006, 05:16 PM

ช่วงนี้ ( กว่า2ปีมาแล้วอย่างน้อย ) และจะมากขึ้นเรื่อยๆ

เนื่องจากมลพิษทั้งหยาบและละเอียด ปราณบริสุทธิ์ถูกดูดซับเข้าร่างกายได้น้อยลง ทำให้มีสารพิษตกค้างที่ร่างกายมาก โรคร้ายที่หายไปนานก็มีขึ้นมาอีก โรคใหม่ๆก็มีมา การคลายอารมณ์จิตทำยากขึ้น

มีวิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงขั้นฌาณ ผมจะทยอยลงนะครับ

วิธีที่ ...............
1. การอาศัยชีพจร เชื่อมกับพลังงานแกนจักรวาล ขับมลภาวะในกาย

ทำความรู้สึกถึงชีพจรที่กาย ( ตัวตุ๊บๆๆๆ )

แล้วนึกไปยังทิศเหนือ ( แกนกลางจักรวาล
พระอาทิตย์ดวงแม่ในโลกพลังงานละเอียด จะส่งแรง ดูด-ผลัก กับทุกรูป-นาม ที่ยังไม่หลุดพ้น)

ถ้ายังไม่เห็นละเอียด ให้นึกว่ามีแรง หรือ แสงขาว,ใส,เหลือง
อย่างใดอย่างหนึ่ง จากแกนจักรวาล วิ่งมาที่เรา แล้ววิ่งกลับไปที่แกนจักรวาลเช่นเดิม ตามจังหวะชีพจร

เส้นพลังนั้นตั้งฉากกับร่างกาย ( ตั้งฉากกับผิวโลก, ตามแนวแรงดึงดูดโลก)

ถ้ามีอาการเรอ,คัน,อาเจียน,ร้อน ฯลฯ แสดงว่าสารพิษทั้งหลายเริ่มถูกขับออกมาแล้ว....


สงสัยถามได้ครับ


kananun 09-10-2006, 07:51 PM

ขอขอบคุณในข้อมูลการปฏิบัติ ความตั้งใจดีของคุณโทนี่จา ครับ


kananun 09-10-2006, 10:05 PM

การมาพบกันของเหล่าท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิทั้งหลายนั้นถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ต่อชาติต่อส่วนรวมครับ

เพราะท่านทั้งหลายนั้นล้วนแต่มีการตั้งกำลังใจไว้ดังนี้
-มีความเคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในธรรม เคารพในพระอริยสงฆ์ มีไตรสรณคมภ์เป็นปรกติของจิต
-ให้เกียรติในพระศาสนาขององค์พระพุทธชินสีห์ และตั้งใจที่ช่วยสืบอายุของพระศาสนาของพระองค์ท่านให้ครบ ห้าพันปี
-มีความยินดีในการบำเพ็ญความดีของสรรพสัตว์ทั้งปวงเป็นปรกติ
-กิจใดอันเป็นประโยชน์ทั้งทางโลกก็ดี ทางธรรมก็ดี ย่อมมีความยินดีที่จะทำ ส่งเสริม และสนับสนุนให้กำลังใจให้กิจนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
-เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ส่วนตนนั้นยอมเสียสละความสุขความสบายส่วนตัวได้
-ส่งเสริมสงเคราะห์สนับสนุน การบำเพ็ญบารมีของเหล่าพุทธภูมิทั้งหลายประหนึ่งสงเคราะห์พี่น้องร่วมอุทร องค์สมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวกัน
-ไม่ละเลยแม้ความดีแม้แต่เพียงสักเล็กน้อย และไม่ประมาทในกรรมชั่วหรืออกุศลแม้เพียงเล็กน้อยเช่นกัน
-มีความกตัญญูต่อท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย เป็นคุณธรรมประจำใจ
-มีความอดทนอดกลั้นต่ออุปสรรคและความยากลำบากสูงกว่าบุคคลสามัญทั่วไป
-มีปัญญาละเอียดปราณีต ลึกซึ้ง ในเหตุ ในผล ในตน ในกาล ในประมาณ และมีการพิจารณาได้ถี่ถ้วนกว่าปัญญาของบุคคลสามัญ

เหล่านี้คือกำลังใจของเหล่าพุทธภูมิ ซึ่งได้บำเพ็ญบารมีมาดีแล้ว และเมื่อท่านทั้งหลายได้มารวมกันเพื่อประโยชน์แห่งชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้ง เมื่อนั้น ประเทศชาติย่อมมีแรงพลังที่มุ่งไปในทางเจริญรุ่งเรืองตามพระราชปณิธานขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราที่ท่านได้ทรงได้เป็นแบบอย่างแห่งพระมหาโพธิสัตว์ผู้มีน้ำพระราชหฤทัยอันบริสุทธิ์ต่อพสกนิกรชาวไทยทั้งหลาย รวมไปถึงพระบารมีที่ปรากฏแผ่ไพศาลไปทั่วโลก ขอให้พวกเราทั้งหลาย ดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทให้การสร้างประโยชน์สุขต่อส่วนรวมครับ ช่วยกันสร้างสังคมคุณธรรม สร้างค่านิยมจริยธรรม ให้กลับมา ช่วยกันสร้างคนให้เป็นคนดี แล้วจึงฝึกคนดีให้เป็นคนเก่ง จากนั้นจึงอบรมให้เขาอุทิศตนเพื่อส่วนรวม เมื่อสังคมสงบสุข ก็จะเป็นสุขทั้งชาวโลกชาวธรรมครับ

ขอกราบโมทนาในกุศลจิตที่งอกงามขึ้นในจิตใจอันบริสุทธิ์ทุกดวงครับ


TONY JAAA 10-10-2006, 07:19 AM

จากโพส # 237

ถ้าปกติผู้ลองปฏิบัติ ทานอาหารที่มีสารพิษน้อย ทานเนื้อสัตว์น้อย โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ , อยู่ในที่อากาศมีมลพิษไม่มากเกินไป , มีสมาธิจิตบ้าง3
( ถ้านับ1-100 ได้ก็พอได้ ) ก็จะเห็นผลเร็ว

ถ้าร่างกายเกิดอาการ หาว เรอ อาเจียน ผื่นคันขึ้น ฯลฯ อย่าหยุดทำ

ให้ทำต่อเนื่องไป เพราะสารพิษที่สั่งสมเริ่มถูกขับแล้ว ให้ขับออก
อย่างต่อเนื่อง

เมื่อกายเบา การบำเพ็ญสมาธิจะทำได้ดีขึ้นครับ


กลับหน้า วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

กลับหน้าแรก