อันตรายที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้

กลับหน้าแรก

อันตรายที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้


สำหรับ "อันตรายที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้" นั้น ให้สังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ ต่อไปนี้ว่าจะมีเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีเหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้น ก็ขอให้มนุษยชาติได้เตรียมตัวเผชิญชะตากรรมร่วมกันที่จะพบกับมหันตภัยสาธารณะ ทุพภิกขภัย และความเดือดร้อน ที่จะติดตามมาหลังเหตุการณ์เหล่านี้ไม่นาน

1. ทารกแรกเกิด คนหนุ่มสาว และคนแก่เฒ่าชรา จะเป็นโรคที่รักษาไม่มีหาย มีการติดโรคร้ายได้ทุกวัยของมนุษย์ ใครเป็นโรคนี้แล้วจะต้องตายทุกคน จะนับจำนวนได้มากกว่า 60 ล้านคน ซึ่งโรคนี้ติดต่อได้ยาก เพราะจะติดต่อได้โดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือโดยโลหิตของมนุษย์เท่านั้น (องค์การอนามัยโลก ได้แถลงข่าวทางสื่อมวลชนเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2547 ว่าขณะนี้ ประชากรโลก ได้ติดเชื้อเอดส์แล้ว ประมาณ 60 ล้านคน)

2. จะไม่พบว่า มีวันใดที่จะว่างเว้นจากการฆ่ากัน เพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองดินแดน ไม่เกิดในประเทศนี้ ก็เกิดในประเทศโน้น มีการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองดินแดนทุกวัน (ให้สังเกตข่าวต่างประเทศในโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ดูกันเอาเอง)

3. สภาพดิน ฟ้า อากาศ จะมีความแปรปรวนสูง ไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่เคยเป็นมา แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด จะเกิดขึ้นในช่วงนี้มากขึ้น แม้บางแห่งไม่เคยเกิดแผ่นดินไหว ก็จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น บางแห่งภูเขาไฟได้ดับไปหลายร้อยปีมาแล้ว ก็จะระเบิดอีกครั้ง (เช่น เหตุการณ์ภูเขาไฟพินาตูโบ้ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งดับมาเกือบ 600 ปีแล้ว ได้ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นต้น)

4. ความต้านทานโรคของมนุษย์จะมีน้อยลง จะมีโรคแปลก ๆ เกิดใหม่มากขึ้น

5. หลายประเทศจะมีการสร้าง ที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากินกันอยู่ในใต้ดิน (ใครที่เคยไปโตเกียวมาแล้ว หากได้มีโอกาสเดินลงไปในสถานีรถไฟใต้ดิน จะพบความยิ่งใหญ่ของเมืองใต้ดินที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่นับเป็นหมื่นคน อยู่ในใต้ดินถึง 3 ชั้นมหึมา มีทั้งร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่าง ๆ น้ำพุ น้ำตก ฯลฯ อยู่ในใต้ดินนั่นเอง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยือนเมื่อปลายปี 2534 แล้วพูดได้อย่างเดียวว่า มีเหตุการณ์เช่นว่าแล้วจริง)

6. พลังแห่งความชั่วร้าย หรือซาตาน จะครอบงำโลก จะยุแหย่ให้ผู้คนแย่งชิงอำนาจฆ่าฟันกันเอง คนจะขาดสติมากขึ้น คนจะมีทิฐิมากขึ้น คนจะเห็นผิดเป็นชอบมากขึ้น ใครพูดผิดจากฝ่ายที่ตนคิด จะถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายผิด ในขณะที่ฝ่ายตนตะโกนเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ใครที่มีความคิดต่างจากฝ่ายตน จะถูกประฌาม และสาปแช่งในรูปแบบต่าง ๆ แม้แต่พี่น้องพ่อแม่ก็อาจแตกแยกอันเนื่องมาจากแนวคิดในทางการเมืองต่างกัน และรุนแรงถึงขนาดทำร้ายและฆ่ากันได้ เพียงเพราะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในทางการเมืองเท่านั้น การกระทำเพื่อยุติปัญหาการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ก็กระทำควบคู่กับการฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง วิถีทางการทูตก็ทำกันไป แต่ไม่สามารถยุติการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ได้

7. อารมณ์ของคนโดยทั่วไป จะมีความพลุ่งพล่าน หงุดหงิดงุ่นง่าน อย่างไม่ค่อยมีสาเหตุมากขึ้น คนที่รักสงบ จะถูกกดขี่ย่ำยี ผู้ที่มีอำนาจ ก็จะบ้าอำนาจมากขึ้น

หากสังเกตได้ว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ได้เกิดขึ้นแล้ว หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแน่ อันตรายโดยส่วนรวมของมนุษยชาติก็จะเกิดขึ้นติดตามมาในปี 2551 แต่ถ้าผู้คนส่วนใหญ่หันมามีการกระทำความดีมาก ๆ โดยมีคุณสมบัติ 5 มี (มีสติสัมปชัญญะ มีความกตัญญููกตเวที มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา มีน้ำใจ และมีศีล 5 มีคุณสมบัติ 5 ให้ (ให้อภัย ให้ความรัก ให้ความจริงใจ ให้เกียรติผู้อื่น ให้การเสียสละ) และทำ 1 ทำ คือ ทำความดีมาก ๆ เหตุการณ์ที่เป็นมหันตภัยร้ายครั้งร้ายแรง จะเคลื่อนย้ายไปเกิดในปี 2560 (ค.ศ.2017)

ขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมว่า เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย ผู้เขียนขอให้ท่านดำเนินการดังนี้

1. นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านต้องเตือนตัวเองทุกวัน ว่า "ต้องไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปในแต่ละวัน โดยมิได้ทำประโยชน์อันใดให้เกิดขึ้น"

อะไรก็ได้ สิ่งใดก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ จะเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ประโยชน์ต่อคนในครอบครัว ประโยชน์ต่อที่ทำงาน ประโยชน์ต่อผู้บังคับบัญชา ประโยชน์ต่อลูกน้อง ประโยชน์ต่อชุมชน ประโยชน์ต่อสังคม ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ฯลฯ

โปรดอย่าปล่อยชีวิตให้หมดเปลืองไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และอย่าอ้างว่า "การนอนมาก การกินมาก การไม่ทำอะไร" เป็นประโยชน์ตน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่หลงผิดอย่างมหันต์ หรือกล่าวโดยสรุป คำว่า "ประโยชน์ตน" จะต้องเป็นสิ่งที่ปราชญ์สรรเสริญว่า "สิ่งนั้นต้องเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์โดยแท้" สิ่งนั้น จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้แก่ผู้ใด สิ่งนั้นจะต้องทำให้บุคคลผู้นั้นเอง มีความเข้มแข็งทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สิ่งนั้น จะต้องทำให้บุคคลนั้นเอง ไร้ทุกข์-มีสุข อย่างถาวร สิ่งนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ครอบครัว ที่ทำงานชุมชน และสังคม ได้ประโยชน์ร่วมกันด้วย ฯลฯ

2. ขอให้ท่านตระหนักว่า ในยามที่มหันตพิบัติภัยของโลก และของชาติมาถึง โรคภัยไข้เจ็บมีมาก ภัยธรรมชาติ และภัยสงครามระหว่างชาติแผ่ขยาย ข้าวปลาอาหารและยารักษาโรคขาดแคลน มีเงินและทรัพย์สินก็อาจหาอาหารมาประทังชีวิตมิได้ อาจเข้าสู่ยุคของการ "นำอาหารแลกเปลี่ยนอาหาร" หรือ "นำอาหารไปแลกเปลี่ยนเป็นยารักษาโรค" เพราะการป่วยเจ็บในยามมีภยันตราย ย่อมมีมากกว่าเกณฑ์ปกติ เป็น 10 เท่าทวีคูณได้

3. ฝึกฝนตนให้เป็นคน "กินน้อยลง ใช้น้อยลง และนอนน้อยลง" ให้เริ่มต้นโดยพยายามลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ เมื่อลดได้มากพอ ให้ลดมื้ออาหารลงเหลือเพียงวันละ 2 มื้อ เพราะจะเดือดร้อนน้อยเมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ที่ขาดแคลนอาหารอย่างที่ท่านไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งนี้ ข้าวราดแกง ที่เคยมีราคาจานละ 20 บาท อาจจะมีราคาถึงจานละ 600 บาท ทุกอย่างที่มีราคาในปัจจุบัน ถ้าราคากระโดดสูงขึ้น 30 เท่าตัว จะเป็นอย่างไร กรุณาลองวาดภาพดู เราจะไม่มีทางฟุ่มเฟือยได้เลยในภาวะวิกฤติภายหน้า

ถ้าเราไม่ฝึกฝนตนเองในปัจจุบันให้เกิดความเคยชิน เราต้องลำบากยากเข็ญมากแน่

4. ฝึกอบรมพัฒนาจิตใจให้มากขึ้น ฝึกจนใจร้อยเข้าสู่แกนสงบนิ่ง แล้วพิจารณาพระไตรลักษณ์ อันประกอบด้วย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้ประจักษ์แจ้ง เห็นจริง ลงไปในส่วนลึกของจิต และให้เห็นจริงตามธรรมชาติว่า ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป วนเวียนเปลี่ยนไปเสมอ ให้เห็นเรื่องการตายเป็นเรื่องธรรมดา ฝึก "ตายก่อนตายจริง" แล้วทุกสิ่งจะเห็นเป็นธรรมดา

5. ฝึกกินอาหารพืชผักให้มากขึ้น ค่อย ๆ ลดเนื้อสัตว์ลง หากงดกินได้ในที่สุด ก็จะอยู่รอดได้ยาวนาน เพราะในสภาวะที่แร้นแค้น ทุกชีวิตล้วนแต่ตกระกำ ยากแค้น มีเงินทองก็อาจซื้อเนื้อสัตว์มิได้ แต่เราสามารถที่จะปลูกผักสวนครัว ไว้รับประทาน ประทังให้มีชีวิตอยู่รอดได้ ถ้าไม่ฝึกเสียแต่วันนี้ ความเคยชินก็จะไม่มี บางท่านอาจบอกว่า หากกินแต่พืชก็ขาดโปรตีน จะทำอย่างไรดี ก็ขอเรียนว่า โปรตีนจากพืชก็มี ความจริงในโรงพยาบาลบางแห่ง เช่น โรงพยาบาลมิชชั่น ทั้งหมอและพยาบาล ตลอดจนผู้ป่วยทุกราย รับประทานอาหารมังสวิรัติตลอดชีวิต เขาอยู่อย่างปกติสุข มีสุขภาพที่ดี ก็มีมากให้เราพบเห็นในปัจจุบัน "โปรดอย่าอ้างว่า กินแต่ผัก จะทำให้อ่อนแอ" แท้จริงนักโภชนาการ กลับบอกว่า "ผู้ที่กินเนื้อสัตว์ต่างหาก จะมีความอ่อนแอ ภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ที่รับประทานพืชผัก"

พวกเราจำเป็นจะต้องใช้ชีวิตที่หวนคืนกลับเข้าหาธรรมชาติให้มากขึ้น ผู้ใดเข้ากับธรรมชาติของมนุษย์ในสมัยโบราณได้ จะมีความเป็นอยู่ปกติสุขได้มาก ในยามโลกวิกฤติ ท่านจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเติมรถยนต์ขาย...

โปรดไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้รอบคอบ ผู้เขียนไม่ปรารถนาให้เกิดมีขึ้น ไม่ว่าจะเกิดใน 3 ปี ข้างหน้า (ปี 2551) หรืออีก 12 ปี ข้างหน้า นับจากมกราคม 2548 (ปี 2560) แต่เราก็คงจะหลีกหนีเหตุการณ์ณ์ดังกล่าวมิได้ อย่างมาก ก็คงช่วยให้เหตุมหันตภัยดังกล่าวขยายเวลาออกไปให้ยาวไกลที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้เท่านั้น

แต่ถ้าไม่มีเหตุวิกฤติหรือมหันตภัยใด ๆ เกิดขึ้นในโลกใบนี้ได้ โดยแลกกับการที่ผู้เขียนต้องถูกประฌามด่าว่า "ไอ้บ้า ทำให้คนตกใจกลัวทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดในโลกใบนี้" ผู้เขียนยินดีให้ประฌามด่าว่า ผู้เขียนอยากให้เรื่องเลวร้ายและมหันตภัยไม่เกิดขึ้น ผู้เขียนอยากให้เรื่องของมหันตภัยเป็นเรื่องเหลวไหล หลอกลวง เลอะเทอะ ผู้เขียนยอมให้เวลาที่ผู้เขียนค้นคว้าในวันหยุดและตอนกลางคืนวันละหลายชั่วโมง สูญเสียไปโดยไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีเรื่องเลวร้ายใด ๆ เกิดขึ้น กับมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง

ความจริงนั้น ผู้เขียนไม่ต้องการเห็นมนุษย์และสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน จากภัยพิบัติที่ร้ายแรง ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มนุษย์ทั้งหลายตกอยู่ในความประมาท ในที่สุด ก็ต้องสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ในยามโลกเข้าสู่วิกฤติอีกทั้งไปเพิ่มความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เป็นการเพิ่มความรุนแรง ด้วยการฉกชิง วิ่งราว จี้ปล้น และฆ่าผู้มีทรัพย์สิน หรืออาหาร หรือยารักษาโรค ผู้เขียนขอวิงวอนท่านที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ ได้โปรดไตร่ตรองและอ่านทบทวนโดยรอบคอบ แม้จะเป็นชีวิตของท่าน ที่ท่านจะเลือกทางเดินอย่างไร ได้ตามใจชอบ แต่ผู้เขียนก็ไม่อยากให้ท่านทุกข์ยากเข็ญใจหนักหนาสาหัสกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น สิ่งใดที่ผู้เขียนจะชี้แนะให้พ้นภยันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ก็ขอทำหน้าที่ดังกล่าวสักนิด

6. ถิ่นที่อยู่อาศัยในยามโลกเข้าสู่แดนมิคสัญญี เกิดโรคร้ายแรงระบาด สารพิษแพร่กระจายเต็มไปในอากาศและน้ำดื่มน้ำใช้ เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด การสื่อสารทุกชนิดงดให้บริการหมด "อยู่ในภาวะสิ้นสุดของโลกยุคโลกาภิวัตน์" เป็น "การสิ้นสุดของโลกไร้พรมแดนในการติดต่อสื่อสาร" สภาพดังกล่าว พวกเราอาจจะได้พบได้ใน 3 ปี ข้างหน้า มิฉะนั้นก็ภายใน 12 ปี ข้างหน้า (เวลาผ่อนปรนสุดท้าย) ไม่อาจหลีกหนีพ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสอนในพุทธศาสนา คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม ขงจื๊อหรือเต๋า และนิกายศาสนาอื่นใด มีคำเตือนมาแต่โบราณกาล กล่าวถึง "วันพิพากษาโลก / วันชำระล้างคนบาป / วันที่ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก" เพียงแต่อาจจะมาเกิดให้เห็นในยุคของเราเท่านั้น

สถานที่ต้องระวังและต้องขยับขยายถิ่นฐานคือ จังหวัดชายทะเลทุกจังหวัดบริเวณที่ลุ่ม บริเวณใต้เขื่อนต่าง ๆ และสถานที่ควรเข้าใกล้ 
คือ สถานที่ใกล้พุทธสถาน สถานที่ใกล้วัดป่า สถานที่ใกล้บริเวณที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

สถานที่อยู่อาศัย จะต้องหาบริเวณไว้ปลูกผักสวนครัว พืชไร่ พืชสวน และพื้นที่เลี้ยงสัตว์สำหรับประกอบอาหาร (สำหรับผู้ที่ยังติดในรสชาติเนื้อสัตว์ที่เลิกรับประทานมิได้ ก็เตรียมไว้ จะเป็นไก่ เป็ด หมู ปลา กุ้ง หอย ท่านก็จะต้องวางแผนไว้) หรือเลี้ยงสัตว์ที่จะใช้แทนยานพาหนะ เพื่อการติดต่อหรือเดินทางในยามจำเป็น และถ้าเป็นไปได้ ขอให้สร้างห้องใต้ดินไว้ทุกบ้าน ห้องใต้ดินควรปูด้วยแผ่นหินที่จะช่วยให้เกิดความเย็น หรือใช้วัสดุใดก็ได้ที่มีความเย็นเป็นหลัก มีระบบระบายอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองอากาศเสีย เพื่อมิให้ควันพิษจากข้างนอกเข้าไปภายในห้องใต้ดินได้

7. ต้องจัดเตรียมเสบียงอาหาร โดยเฉพาะเครื่องกระป๋องให้มาก (ต้องดูวันหมดอายุให้ดีด้วยครับ) ปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่าง ๆ อุปกรณ์เครื่องใช้และเครื่องช่วยดำรงชีพในป่า เพราะทุกแห่งหน จะมีสภาพเหมือนป่า โดยให้จัดเตรียมสิ่งของต่าง ๆ เช่น

- เชือกชนิดดี มีความเหนียวทน ความยาวประมาณ 10 เมตรต่อคน

- ยารักษาโรคที่จำเป็นต่าง ๆ อาทิ ยาแก้ปวดศรีษะ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้หวัดและยาประจำตัวต่าง ๆ ก่อนวิกฤติดังกล่าว

- อุปกรณ์ให้แสงสว่างต่าง ๆ เช่น ไฟฉาย ไฟแช็ค ไม้ขีดไฟ น้ำมันก๊าด เป็นต้น

- ถังใส่น้ำดื่มขนาดใหญ่ หรือภาชนะสำรองน้ำดื่ม (น้ำใช้มีความจำเป็นน้อยกว่ามาก ช่วงเวลานั้นไม่มีการซักเสื้อผ้า ไม่มีการอาบน้ำกันแล้ว)

บทความนี้ ขอให้ท่านเก็บไว้อ้างอิง และเป็นแนวทาง เมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ซึ่งท่านทั้งหลายจะได้เห็นในปี 2548 เป็นต้นไปว่า จะมีความรุนแรงอันเกิดจากภัยธรรมชาติมากขึ้นถี่ขึ้น ดินฟ้าอากาศจะปรวนแปรมากขึ้น พายุใต้ฝุ่นและน้ำท่วมมีมากขึ้น แผ่นดินไหวมีเพิ่มขึ้น การฆ่าทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามในประเทศต่าง ๆ มีมากขึ้น การแย่งชิงอำนาจในการเข้าบริหารประเทศชาติมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งก็ได้เกิดให้เห็นแล้วในปัจจุบันหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอัลบาเนีย ซาอีร์ ปาปัวนิวกินี เป็นต้น และจะมีระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่เป็นจริง ก็สบายใจไปได้ 50% แสดงว่าเงื่อนเวลาขยายออกไปอีกช่วงหนึ่ง ประมาณ 9 ปี

นั่นคือ ความพยายามในการสงบระงับเหตุร้ายแรงนั้น ทำได้สูงสุดไม่เกิน พ.ศ.2560 หรือภายใน 12 ปีข้างหน้า ถ้าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นจริง เกิดใน 12 ปีข้างหน้า นับจากมกราคม 2548 ย่อมดีกว่าเกิดภายใน 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2551) แต่ถ้ารอไปอีก 12 ปีข้างหน้า ผู้คนทั้งหลายยังตกอยู่ในความประมาท ตกอยู่ในความมัวเมา ก่อกรรมทำเข็ญมากขึ้น หลีกหนีจากความดีงาม ไม่สนใจที่จะงดกระทำสิ่งที่เป็นบาปกรรม ไม่สนใจที่จะฝึกจิตให้ผ่องใส หากจะเกิดเหตุร้ายใน 3 ปีข้างหน้า ก็คงจะหนีชะตากรรมไปมิได้ เมื่อนั้น ต่างก็คงจะต้องหาทางช่วยตัวเองและรับการตัดสินจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่ติดค้างมานานถึง 60,000 ปี จะได้ขุดรากถอนโคนให้หมดหนี้กรรมไปวาระหนึ่ง โดยผู้โชคดี หรือมีหนี้กรรมน้อย จะได้ตายในทันที ไม่ทรมาน แต่ผู้ที่มีกรรมชั่วมากจะตายก็ไม่ตาย แต่ได้รับความทรมานแสนสาหัส อยู่อย่างแร้นแค้น ยากเข็ญร้อนก็ร้อน สุดโหด หนาวก็หนาวสุดขีด ซึ่งก็คงจะได้พบเห็นกันในเร็ว ๆ นี้ โดยจะได้เห็นหิมะตกในประเทศไทยด้วย


ด้วยความปรารถนาดี

จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ


กลับหน้าแรก