ธรรมะนอกคัมภีร์
เจริญพรท่านสาธุชนทุกท่าน อาตมา พ.ธรรมรังสี หรือ พระศิวพล วชิโร คงเป็นที่รู้จักของทุกท่านแล้ว ทั้งๆที่เขียนหนังสือมาเกือบ 10 ปีตั้งแต่เรื่อง "มหัศจรรย์พลังจิต" , "โพธิสัตว์อวตาร" , "ยอดแห่งพระอภิญญาหลวงปู่เทพโลกอุดร" , "อภินิหารแห่งพระอุปคุต" ฯลฯ เจตนาที่เขียนก็เพื่อหวังจรรโลงพระพุทธศาสนาและยืนยันถึงบารมีความศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา หลังจากเขียน "พุทธคุณ 9 ชั้น" จึงเริ่มมีสาธุชนมาสนใจและรู้จักมากขึ้น ก็ขอบอกกล่าวคุยกันฉันญาติธรรมเป็นข้อๆ ดังนี้
1. ถ้าจะสนทนาธรรมก็ติดต่อได้ทางโทร. 09-9151887 (08.00-20.00 น.) หรือ ทางจดหมาย พระศิวพล วชิโร วัดเหนือวน ต.คุ้งน้ำวน อ.เมือง จ.ราชบุรี 70000 (สอดซองเปล่าติดแสตมป์ 3 บาทกับกระดาษมาด้วย)
2. ถ้าจะให้ช่วยให้โทร.มานัดหรือสอบถามแนวทางเล่าปัญหาให้ทราบ ถ้าปัญหาหนักจริงก็ต้องเจอกันคุยกันเพราะรายละเอียดมันเยอะต้องใช้เวลา จะใจร้อนไม่ได้ และอย่าเอาปัญหาเล็กๆน้อยๆมารบกวนครูบาอาจารย์ของอาตมา เช่น ทะเลาะกับข้างบ้านหรือสามีทะเลาะกับภรรยา เป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวเพราะเกิดจากความประมาทของตัวเอง เป็นไข้ปวดหัวตัวร้อนเพราะไม่รู้จักดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง เป็นต้น เอาประเภทโรคที่เป็นโดยไม่ทราบสาเหตุหรือโรคเวรโรคกรรมที่อาการยังไม่หนักไม่ใช่โรคที่เกิดจากกิเลสตัณหาของตัวเองหรือปล่อยจนเรื้อรัง การเงินการทำงานที่ติดขัดทั้งๆที่ทำถูกต้องตามขั้นตอนทางโลกแล้ว ปัญหาในการปฏิบัติธรรม ปัญหาในชีวิตที่คิดไม่ตก ปัญหาที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณทั้งวิญญาณรบกวน เจ้ากรรมนายเวร สถานที่ทำงานหรือที่บ้านมีปัญหาที่แก้ด้วยวิธีทางโลกไม่ได้ และบอกก่อนว่าอาตมาทำหน้าที่เป็นหมอ จึงไม่เกรงใจคนไข้และรักษาตามอาการของแต่ละคน ได้ผลไม่ได้ผลจะรู้ด้วยตัวเอง
3. อาตมาไม่ค่อยอยู่วัด ฉะนั้น อยากเจออาตมาต้องโทร.มาถามก่อน ไม่ได้เล่นตัวแต่อาตมาชอบออกวิเวกชอบเที่ยวตามนิสัยที่ชอบความอิสระเสรี และเพราะมีเวลาว่างเยอะ
4. อาตมาไม่ใช่พระอรหันต์หรือมีหูทิพย์ตาทิพย์จึงไม่ "รู้ไปซะทุกเรื่อง" หรือ "เก่งไปซะทุกอย่าง" ฉะนั้น อย่าได้คาดหวังสูง คนเราต้องรู้จักช่วยตัวเองด้วย อาตมาเพียงแต่ต่อยอดและแนะแนวให้เท่านั้น คนที่ทำดีอยู่แล้วเก่งอยู่แล้วไม่ต้องมาสนใจอาตมาดอก อาตมาไม่มีอะไรสุดแสนจะธรรมดา
5. เรื่อง "ฤทธิ์" อย่าหลงกันให้มากนัก พวกมารก็มีกันอย่าโดนพวกมารหลอก บางมารชอบอวด "ฤทธิ์" แล้วอ้างเบื้องบนเบื้องสูง ดูให้ดีๆ อย่าหลงเป็นเหยื่อมารที่เอาสิ่งศักดิ์สิทธ์เอาพระพุทธศาสนามาบังหน้าหากิน
ก็หวังว่าท่านสาธุชนทุกท่านคงจะเข้าใจกันดีแล้ว และไม่มีหมอคนไหนเที่ยวถือเข็มฉีดยาเดินไปทั่วโรงพยาบาลไล่ฉีดคนโน้นคนนี้ "ฤทธิ์" ในทางพระพุทธศาสนาไว้ใช้ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากจริงๆ ครูบาอาจารย์เทพพรหมพระพุทธเจ้าพระอรหันต์พระโพธิสัตว์ท่านช่วยได้จริง แต่ต้องขอให้ถูกเรื่องถูกเวลาด้วยอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมารบกวนท่าน ปฏิบัติให้ถูกท่านก็ช่วยเองท่านมาช่วยเพราะเราสร้างบารมีถ้าเราไม่สร้างบารมีองค์ไหนก็ช่วยไม่ได้ ต้องมีหลักทรัพย์(บุญ)ด้วย มีคนค้ำ(ครูบาอาจารย์)ด้วย จึงจะช่วยได้
อาตมามีคติอยู่ว่า อย่ารอให้ความรู้-บุญกุศล-ครูบาอาจารย์วิ่งมาหาเรา เราต้องวิ่งไปหาของเราเอง แต่ไม่ใช่ไปยึดติดความรู้-บุญกุศล-ครูบาอาจารย์ เมื่อได้แล้วก็เร่งปรับปรุงแก้ไขตนเองพัฒนาตนเอง อันไหนที่ครูบาอาจารย์ท่านเห็นว่าต้องเพิ่มเติมท่านก็จะช่วยต่อยอดให้เราเอง หน้าที่ของเราคือหมั่นทำและไม่ประมาท ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วตายแล้วไม่สูญ ทำยังไงถึงจะย่นภพย่นชาติตัวเองให้ได้จนถึงความวิมุติหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารการเวียนว่ายตายเกิด อย่ามัวแต่หลงอยู่ในโลกมนุษย์หรือเวียนตายเวียนเกิดกันอยู่เลย เทพพรหมครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้ช่วยเราให้หลงอยู่ในโลกจมอยู่ในโลก มีแต่จะช่วยเราให้พ้นไปจากโลก
อันดับแรกก็ช่วยเราแก้ปัญหาที่เราแก้เองไม่ได้ก่อนพอเราช่วยตัวเองได้แล้วท่านก็ปล่อยแล้วไปช่วยคนอื่นต่อ เวลาว่างท่านไม่มีหรอก เพราะท่านมีเมตตาเสมอเหมือนกันหมด คุณธรรมท่านสูงบารมีท่านสูงท่านก็ช่วยหมดทุกคนนั่นแหละพระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ พระพิฆเณศ ฯลฯ มีจริงนะ แต่เป็นเพียง "ตำแหน่ง" ในทางโลกวิญญาณโลกทิพย์ภูมิทิพย์เท่านั้น
เป็นตำแหน่งของมหาพรหมผู้ใหญ่ที่ปกครองอยู่บนพรหมโลกสุทธาวาสโน่น (ไกลมาก) ทำหน้าที่คล้ายองคมนตรีส่วนพระอินทร์ และ เทวดาชั้นผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ก็มีหน้าที่ต่างกันออกไป พระอินทร์ก็เหมือนนายกฯ นั่นแหละ ส่วนพระฤาษีก็เป็นที่ปรึกษาเป็นครูบาอาจารย์ของเหล่าเทวดาอีกทีมีมานานมากอายุเป็นกัปๆ(กัปหนึ่งนับเป็นปีได้ประมาณร้อยล้านปีโลกมนุษย์ ยังมี "มหากัป" และ "อสงไขย" อีก ขี้เกียจนับแต่อย่าเอาเวลาโลกมนุษย์ไปเทียบกับเวลาเบื้องบนนะคนละเรื่อง)
พระพุทธเจ้าเป็น "พระธรรมราชา" สูงสุด มีพระอรหันต์เป็นสาวกบริวารมากมายประจำอยู่ทุกพระองค์ อยู่กันที่ "พระนิพพาน" ด้วยความสงบสุขเป็นบรมสุขไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป เฉพาะพระอรหันต์ที่มีหน้าที่เท่านั้นจึงยังคอยดูแลช่วยเหลือคุ้มครองพระพุทธศาสนาอยู่ไม่ใช่มีแค่องค์เดียวแต่มีนับเป็นหมื่นๆ องค์ (อยู่กันที่ไหนไม่บอกปล่อยให้งง ! ) องค์ประธานคือหลวงปู่ใหญ่ (ชื่อเดิมของท่านคือพระปิณโฑลภารทวาชะมหาเถระ) ทุกองค์ทำงานร่วมกับเหล่าพระโพธิสัตว์และบรรดาเทพพรหมทั่วทั้งสวรรค์ เหตุการณ์ภัยพิบัติบนโลกมนุษย์ท่านรู้กันมานานแล้ว
บางครั้งครูบาอาจารย์บนโลกมนุษย์ก็นำมาบอกกันไปบ้างแล้ว เบื้องบนท่านประชุมกันเป็นระยะๆ รู้ว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก หลวงปู่ทวดหรือภาคหนึ่งของพระศรีอาริยเมตตรัยบรมโพธิสัตว์ท่านก็ช่วยเต็มที่
(พระโพธิสัตว์ มี 3 ระดับคือ พระโพธิสัตว์ พระมหาโพธิสัตว์ และ พระบรมโพธิสัตว์ แบ่งตามปกติบารมี อุปบารมี และ ปรมัตถบารมี มี 3 ประเภทคือ พระปัญญาธิกะโพธิสัตว์ พระสัทธาธิกะโพธิสัตว์ และ พระวิริยาธิกะโพธิสัตว์ มีเยอะมากทั้งในจักรวาลนี้และในจักรวาลอื่น)
อาตมาไปอธิษฐานที่วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมาก็ปรากฏรัศมีของท่านชัดเจน (ถ่ายรูปติดมาด้วย)
อธิษฐานว่าขอบารมีหลวงปู่ทวดบารมีพระศรีอารย์คุ้มครองประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอให้ลูกหลานปลอดภัยชาวโลกปลอดภัยอย่าได้เป็นอะไรมาก ท่านบอกช่วยได้เท่าที่ช่วย คนไหนเป็นลูกท่านท่านจะดูแลเต็มที่ กรรมของโลกหนาจริงๆ ท่านกับเทวดาพรหมพระโพธิสัตว์ทั้งหมดต่างช่วยกันเต็มที่แล้ว เพราะเหตุการณ์เหล่านี้และที่จะเกิดขึ้นต่อไปมันสะเทือนไปถึงเบื้องบน เป็นที่สลดสังเวชใจของท่านมาก
วันวิสาขะปีนี้ไปอธิษฐานที่วัดสะแก จ.อยุธยา เพราะภาคปัจจุบันของพระศรีอารย์อยู่ที่นั่นเป็นบารมีปัจจุบันคือหลวงปู่ดู่ บารมีท่านเต็มแล้วใกล้สำเร็จแล้วไปขอบารมีท่านขอให้ท่านช่วย
ดังนั้น วันวิสาขะปีนี้เวลาเที่ยงตรง ( 22 พ.ค. 48) อาตมาต้องไปวัดสะแก ใครว่างก็ขอเชิญไปร่วมกันอธิษฐานเพื่อระงับภัยพิบัติของประเทศของโลกเราไปช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอกกรรมของเขา เขาจะรบราฆ่าฟันกันก็เรื่องของเขาเอาตัวเองให้รอดเอาประเทศเราให้รอดเสียก่อน ไม่ต้องเอาเงินมาร่วมหรอกแค่ยกมืออนุโมทนาหรือส่งกระแสจิตอธิษฐานมาก็พอ พลังบุญกุศลพลังความดีเหล่านี้จะไปช่วยระงับยับยั้งเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆได้ อย่างน้อยก็ผ่อนจากหนักเป็นเบาได้ คอยดูไปเถอะว่าจะตายกันเยอะแค่ไหนให้เกิดความสลดสังเวชใจนะ
แล้วตั้งสติอย่าประมาทเร่งปฏิบัติธรรมสวดมนต์ภาวนาเข้า แผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดโรคระบาดภัยธรรมชาติน้ำท่วมแผ่นดินแยกแผ่นดินยุบภัยจากดินน้ำลม(พายุ)ไฟ(อัคคีภัย,ภัยแล้ง,อากาศร้อนร้อนจนน้ำแข็งขั้วโลกละลายคนตายเป็นใบไม้ร่วงตายด้วย
ความร้อนบ้างอย่างอื่นบ้างนักวิทยาศาสตร์เขาเรียกว่าอะไรนะ "เอลนิญ่า-เอลนิโญ่" รึไงแล้วไหนจะ "นิวเคลียร์" อีก) ฯลฯ จะวุ่นวายขนาดไหนรอดูเอาแต่ไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจนะ ดูแล้วก็ปลงธรรมสังเวชซะ ! อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีใครหนีพ้นยังหรอกมนุษย์ยังไม่สูญพันธุ์หรอก
ประเทศไทยก็ยังอยู่ มันจะวุ่นวายแค่ไหนก็ช่างมัน ฉันจะไม่ประมาทฉันจะทำดีต่อไปตั้งสติไว้อย่างนี้นะ อาตมาไม่อยากบอกอะไรมากเฉพาะในประเทศไทยก็วุ่นวายพอดู และทำใจไว้เลยอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด จะสูญเสียใครก็อย่าเศร้าใจให้มากนัก
เราต้องเดินไปข้างหน้าต้องสร้างบารมีต่อไป อย่าเพิ่งไปละกิเลสเลยสร้างบารมีก่อนเถอะ เอากิเลสมาสร้างบารมี อยากทำความดีอยากช่วยผู้อื่น อยากช่วยประเทศชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ อยากไปเถอะถ้ามันดี อย่าเอากิเลสไปทำความชั่วก็แล้วกันเมื่อบารมีเต็มกิเลสมันก็หลุดไปเองหายไปเองนั่นแหละ
ดูพระพุทธเจ้าพระอรหันต์เป็นตัวอย่าง ท่านสร้างบารมีมาก่อนทั้งนั้น องค์นั้นสร้างมาแต่ครั้งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น องค์นี้อธิษฐานไว้อย่างนี้ๆ แล้วท่านจึงมาปฏิบัติธรรมเจริญสติปัฏฐานจนสำเร็จคือมาต่อยอดอีกหน่อยเท่านั้นและอย่าดูถูกตัวเองว่าไม่มีบุญวาสนาบารมีนะมีกันทุกคนที่กำลังอ่านอยู่นี่แหละมีบุญกันทุกคน แต่ใช้บุญไม่เป็นปฏิบัติไม่เป็นแค่นั้นเองก็ศึกษาค้นคว้าเอาซี่ ! จะรอให้พระมาโปรดหรือยังไง ขวนขวายเอาซี่ ! ถ้าไม่มีบุญมาเกิดเป็นคนไม่ได้หรอกไปเป็นสัตว์นรกเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉานโน่น! ไม่ได้ดูถูกสัตว์นะ บางตัวแค่มาชดใช้กรรมเล็กน้อยแล้วก็ขึ้นสวรรค์ไป คนที่ประมาทบางคนยังลงนรกเลยสู้สัตว์บางตัวก็ไม่ได้
ใครสงสัยอะไรก็เขียนมาจดหมายก็รอนานหน่อยถ้าโทร.มาก็เร็วหน่อย และขอย้ำว่าหมอคนนี้ไม่มีเกรงใจคนไข้ คนไหนไม่ป่วยก็ไม่ต้องกลัว อ้อ ! พรรษานี้อาตมาไปจำพรรษาที่ จ.ยะลา นะ ไปดูเขาหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ความจริงอยากเสนอรัฐบาลให้จัดสร้าง "อนุสาวรีย์สันติภาพ" ที่นั่นด้วยซ้ำไปปั้นเป็นรูปคนทุกเชื้อชาติทุกศาสนาล้อมวงจับมือกันทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เวลาทำพิธีเปิดก็เชิญท่านนายกฯมาและมีพิธีทางศาสนาทุกศาสนาน่าจะดีไม่น้อย คนไทยทุกวันนี้อยู่รอดมาได้ด้วยความสามัคคีของบรรพบุรุษอย่ามาแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งเขาแบ่งเราเลยรวมถึงวงการคณะสงฆ์ด้วยอย่าทะเลาะเบาะแว้งกันเลยไม่ดีหรอกอายเด็กรุ่นหลังบ้างชาวพุทธรุ่นใหม่เขาไปถึงไหนๆกันแล้ว
ถึงแม้จะเป็นพระอรหันต์แต่ถ้าไม่สำรวมพระพุทธเจ้าท่านก็ตำหนิ ขนาดหลวงปู่ใหญ่สมัยพุทธกาลยังโดนพระพุทธเจ้าอบรมเลยเพราะเผลอไปแสดงฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศเข้าโดยพลการไม่ได้รับพระพุทธานุญาตส่วนพระอรหันต์ด้วยกันหรือผู้เจริญธรรมท่านไม่กล้าตำหนิหรอกท่านเกรงใจ สถาบันชาติตั้งอยู่ได้ด้วยสถาบันพระพุทธศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะฉะนั้นต้องหันหน้าเข้าหากันอยู่ในบ้านหลังเดียวกันอย่าทะเลาะกันลดละปล่อยวางกันเสียบ้างอย่าดึงดันกันเลยประเทศไทยเป็นเมืองพุทธอย่าหลุดความสามัคคี
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สุขา สังฆัสสะ สามัคคี" ความสามัคคีของหมู่คณะเป็นเหตุให้เกิดสุข หัดยิ้มแย้มแจ่มใสกันดีกว่าค่อยพูดค่อยจากันประชาชนเขาทุกข์ยากลำบากกันพอแล้วเครียดกันพอแล้วไหนจะค่าครองชีพไหนจะภัยพิบัติไหนจะโรคระบาด ฯลฯ ถ้าคนไทยไม่รักกันจะให้ใครมารักเล่าต่างชาติเขาก็รักประเทศเราจนน้ำลายหกหมดแล้วเขาจ้องจะฮุบประเทศเราอยู่ตลอดเวลา
ไอ้เราก็มัวแต่ทะเลาะกันทั้งฝ่ายบ้านเมืองทั้งฝ่ายศาสนาตีกันให้วุ่นวาย (ตีด้วยวาจา) ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไปซี่ ! พระบวชมาเพื่ออะไร ข้าราชการทำหน้าที่อะไร ใครจะเป็นสมเด็จพระสังฆราชไม่สำคัญหรอกสำคัญอยู่ที่ท่านทำหน้าที่ได้ไหม จะบกพร่องอย่างไรก็ว่ากันเป็นเรื่องๆไป อย่าเหมารวมแล้วก่อความแตกแยกสร้างความวุ่นวาย ประเทศตั้งอยู่ได้ด้วยความสามัคคีไม่ใช่ด้วยความแตกแยก
การแต่งตั้งตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะหรือสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจของในหลวงใครนะใครบังอาจริดรอนพระราชอำนาจลบหลู่เบื้องสูง อยากรู้เหมือนกันว่าใครจะใหญ่กว่าในหลวง แน่จริงประกาศตัวออกมาเลย อาตมาไม่ได้เข้าข้างใคร แต่บางทีต้องทำตามขั้นตอนวิธีการเขามีอยู่อย่ารุนแรงมากนักฝ่ายพระป่าก็จะเสียสมณสารูปญาติโยมพากันปลงคิดในใจว่าเรื่องของเจ้าxxx(หมายถึงพระที่ตนนับถือ)หนูไม่อยากยุ่ง
นี่ถ้าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ไม่รู้ว่าจะเสด็จปลีกวิเวกเข้าไปอยู่ในป่าไหน(เพราะทุกวันนี้แทบจะหาป่าไม่เจอแล้ว) ให้พระป่าท่านรักษาป่าซี่ ! ใครจะรักป่าเท่าพระป่าไม่มีอีกแล้วป่าเป็นมหาวิทยาลัยของท่าน ถ้าบ้านเมืองสงบสุขทำอะไรไม่มีลับลมคมในพระป่าท่านก็ไม่อยากออกมายุ่งให้วุ่นวายหรอก ดูอย่างสมัยก่อนก็มีพระทะเลาะกันดูแล้วแปลกตาพิลึก แล้วอาตมาจะไปอยู่ที่ไหนดีนี่ไปอยู่กับพระพุทธเจ้าดีกว่าสบายใจ ฝ่ายรัฐบาลก็ทำเกินขอบเขตหน้าที่มาแทรกแซงศาสนาปัญหาประเทศมีตั้งเยอะยังแก้ไม่เสร็จริอ่านมาวุ่นวายกับคณะสงฆ์จัดประชุมกันดีไหม ท่านนายกฯเป็นคนกลางเชิญทุกฝ่ายมานั่งคุยกันคุยกันเฉยๆนะอย่าทะเลาะกันอายชาวบ้านเขา จะเอากันยังไงคุยกันให้รู้เรื่อง "จัดระเบียบพระพุทธศาสนา"ไปเลย สาธุชนมีแต่จะอนุโมทนา
นี่ถ้าเชิญอาตมานั่งประชุมด้วยอาตมาจะเสนอให้บ้านวัดและโรงเรียนสอนเด็กและเยาวชนร่วมกันก็อนาคตของชาติอยู่ที่คนรุ่นใหม่ใช่หรือไม่คนรุ่นเก่าก็ปล่อยวางบ้างเถอะใกล้จะลงโลงกันอยู่แล้วยังบ้าบอกันอยู่ได้ นี่เสนอกระทรวงยุติธรรมไปแล้วเรื่องอบรมเด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ ด้วยหลักสูตรธรรมะแบบประยุกต์แบบบูรณาการของอาตมาเรื่องก็เงียบฉี่ และรัฐบาลเลิกส่งเสริมอบายมุขได้แล้วได้ไม่คุ้มเสียหรอกหันมาส่งเสริมคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาดีกว่าเอาเนื้อๆเน้นๆไปเลย "กระทรวงพระพุทธศาสนา" ให้มันสะใจชาวพุทธทั้งประเทศกันไปเลยไม่อย่างนั้นก็มานั่งทะเลาะกันอยู่อย่างนี้แหละ
วันที่ 3-4 มีนาคมที่ผ่านมาไปนั่งฟังนักวิชาการหลายๆท่านมี ศ.นพ.ประเวศ วะสี ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ฯลฯ ต่างพูดกันถึงเรื่องศีลธรรมคุณธรรมอย่างเป็นบูรณาการ ในการสัมมนาของโครงการเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข (สรส.) พูดกันถึงเรื่องพระราชดำรัสของในหลวงและการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
รวมถึงเรื่องภัยพิบัติของโลกที่ ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ นำมาเล่าให้ฟังว่านักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเขารู้กันดีแต่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล กลัวระบบเศรษฐกิจปั่นป่วนล่มสลาย
อาตมาฟังแล้วก็ธรรมดาๆ เพราะรู้มานานแล้ว เพราะขึ้นไปร่วมประชุมบนโน้นบ่อย(เบื้องบนเขาประชุมใหญ่กันทุกวันสำคัญทางพุทธศาสนา) ไม่มีอะไรหรอกก็บอกท่านพระดุษฎี เมธังกุโรศิษย์ท่านอาจารย์พุทธทาสฯ ที่ไปร่วมสัมมนาด้วยที่โรงแรมหลุยส์ แทเวิร์น ซ.วิภาวดี 64 ว่า "พระพุทธศาสนาเราล้ำหน้ากว่าวิทยาศาสตร์เยอะ" ท่านคงนึกว่าอาตมาพูดถึงเรื่องธรรมะในคัมภีร์กระมัง !?! (ธรรมะนอกคัมภีร์ก็มีท่านจะรู้ไหมนี่?)
ต่อไปวิทยาศาสตร์ทางจิตจะก้าวหน้ามากยิ่งเกิดภัยพิบัติมากเท่าไหร่มนุษย์ก็ยิ่งหาวิธีป้องกันตนเองทุกวิถีทาง สุดท้ายก็มาจบลงที่ "พระพุทธศาสนา" เชื่ออาตมาเถอะรับรองได้ ! อาตมาเอาศรีษะเป็นประกัน แล้วพบกันใหม่ สิทธิพร โหตุ (ไปกราบพระแก้วมรกตเมื่อหลายปีก่อนท่านให้พรมาแบบนี้)
พุทธศาสตร์ไม่ใช่ไสยศาสตร์ไม่ใช่มายากล แต่เหนือกว่าศาสตร์ทั้งปวง ต้องรู้ชัด รู้จริง รู้กว้าง รู้ลึก รู้ครบถ้วน รู้สมบูรณ์แล้วก็ปล่อยวางความรู้ทั้งหลายทั้งปวงทั้งในคัมภีร์และนอกคัมภีร์ จึงเรียกว่า "รู้แจ้ง" ถามว่าใครเป็นผู้รู้ ตอบว่า ไม่มีใครรู้โฆ!?! จิตก็ไม่รู้กายก็ไม่รู้หมดสมมติ (คำว่าจิตยังเป็นเพียงสมมติ)เหนือความรู้เหนือสมมติทั้งหมด เริ่มจากเรียนรู้ไปสู่ละความรู้ เริ่มจากฝึกกายฝึกจิตไปสู่วางกายวางจิต มันจะว่างหรือไม่ว่างอัตตาหรืออนัตตาก็ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันแล้วโฆนั่นแหละ แค่นั้นแหละโฆ
โหราศาสตร์เขาก็รู้แต่รู้แบบกว้างๆ จะรู้ลึกต้องมี "ญาณ" ประกอบด้วยแต่ก็แค่นั้นแหละ รู้ไปก็เท่านั้นนอกจากทำตามพุทธศาสตร์ถึงจะช่วยได้อย่างถูกต้องถูกทางถูกวิธี พุทธศาสตร์เรียนเพื่อละ ศาสตร์อื่นๆ เรียนเพื่อยึดจึงไม่มีวันจบ วิปัสสนาคือการพัฒนาความคิด คิดดี คิดถูกและคิดเป็นเป็นวิปัสสนา ผลของวิปัสสนาคือจิตปล่อยวางอย่างรู้เท่าทันในปัจจุบันขณะ ความรู้นี้ไม่มีขาวไม่มีดำไม่มีดีไม่มีชั่วแต่มีความสว่างไสวไร้ความยึดติดคือจะสว่างแค่ไหนก็ไม่ยึดติดถ้าสว่างแล้วยังยึดติดอยู่ก็ยังไม่ใช่วิปัสสนาหรอกแค่สมาธิธรรมดาๆ ถึงจะได้สมาธิขั้นไหนก็ตามก็แค่สมาธิไม่ใช่วิปัสสนา
และเมื่อรู้เท่าทันก็ทำงานได้ไม่ใช่ทำไม่ได้ ทำได้ดีกว่าคนธรรมดาด้วยเฉียบคมกว่าเยอะ คนปฏิบัติธรรมอยู่ที่ไหนทำอะไรก็เป็นธรรมไปหมดนั่นแหละ อย่าไปเข้าใจผิดนะว่าต้องสงบเงียบนิ่งเฉย ไม่งั้นพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ก็นั่งเฉยกันหมดแล้วสิไม่ต้องแสดงธรรมไม่ต้องโปรดสัตว์ ถึงท่านนิ่งสงบแต่จิตท่านก็ทำงานอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ งานธรรมะนั่นโฆยิ่งใหญ่มากโฆ
งานธรรมะโฆอาตมาดูทีวีเห็นเถ้าแก่คนหนึ่งที่ อ.มหาชัย ส่งปลาทูขายทั่วโลก มีเว็บไซต์ปลาทู.COM นั่นคนมีธรรมะโฆนั่นคนรู้เท่าทันโลกเท่าทันธุรกิจเท่าทันเหตุการณ์ของโลก ถ้าเขามาเจริญวิปัสสนาจะไปได้เร็วมาก เพราะเขารู้เท่าทันตัวเองและสิ่งที่ตัวเองทำมาก่อน
คนเราถ้าไม่รู้เท่าทันตัวเองแล้วจะมาเจริญวิปัสสนาอย่าได้หวังผลเลย ต้องรู้เท่าทันตัวเองก่อน จริงไม่จริงใช่ไม่ใช่ลองพิจารณาดูเองโฆเจริญพร
บทความของพระคุณเจ้า พ.ธรรมรังสี เมื่อวันที่ 4/4/2548 20:40:19