ภูเขาไฟ (SUPER VOLCANO)

กลับหน้าแรก


ภูเขาไฟ (SUPER VOLCANO)


อันดับ 1 คือธรณีพิโรธของแท้ เราไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีทางรู้ล่วงหน้า มหันตภัยธรรมชาติอันดับหนึ่งคือ ภูเขาไฟ เพลิงพิโรธร้อนแรงที่ระเบิดออกมา ที่สุดแห่งความหายนะซึ่งเฝ้ารอเวลา ที่สุดแห่งภัยพิบัติ ความโหดร้ายที่ทรงพลังสุดยอดซึ่ง เป็นภัยคุกคามโลก มันก่อตัวขึ้นจากการปะทุรุนแรงใต้พื้นพิภพ และการพุพอง ของเปลือกโลก ลาวาเหลวร้อนแดงไหลได้เร็วถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ขณะที่เมฆหมอกฝุ่นควันพิษกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า อุณหภูมิสูง ลาวาเดือดผุด แก๊ซมรณะ จะทำทุกสิ่งให้ย่อยยับ ภูเขาไฟนั้น สามารถที่จะทำให้เกิดความหายนะอื่น ๆ ตามที่ด้วย เช่น เกิดแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ด้วยถ้าเกิดในทะเล รวมทั้งไฟป่าด้วย นี่ยังมีภูเขาไฟที่ยังระเบิดไม่หมดอีกมากมาย มันคือหายนะทำลายล้างโลกอย่างแท้จริง


Global cooling often has been linked with major volcanic eruptions. The year 1816 often has been referred to as "the year without a summer". It was a time of significant weather-related disruptions in New England and in Western Europe with killing summer frosts in the United States and Canada. These strange phenomena were attributed to a major eruption of the Tambora volcano in 1815 in ndonesia. The volcano threw sulfur dioxide gas into the stratosphere, and the aerosol layer that formed led to brilliant sunsets seen around the world for several years.


ในปี 1816 (2359) เมื่อประมาณเกือบสองร้อยปีมาแล้ว ภูเขาไฟที่อินโดนีเซียได้ระเบิด แล้วทำให้ปีนั้นไม่มี ฤดูร้อน แล้วพวกซัลเฟอร์ไดออกไซด์ก็ปกคลุมโลก แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องมาได้เป็นเวลาหลายปี

ประกอบกับปรากฎการณ์ La Niรฑa ที่น้ำทะเลอุญหภูมิสูงขึ้น ไอน้ำจากทะเลก่อตัวเป็นเมฆ แล้วเทลงมาแผ่นดิน ทำให้น้ำท่วมอยู่ปัจจุบันหลายประเทศ แผ่นดินถล่ม แล้วถ้าบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยก๊าซพิษ เป็นหมอกหนา แล้วเวลาฝนตกมาน้ำก็เป็นพิษ แม่น้ำลำคลองเป็นพิษ ผู้คนคงจะได้รับพิษนี้จากการดื่มกิน หรือ การใช้ แล้วอาจมีหมอกหนาปกคลุมโลก อาจเป็นไปได้อย่างที่เคยมีคนเคยเขียนไว้ว่า 49 วัน

คิดดูนะว่าแค่ไฟไหม้ป่าในอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้ว ควันลอยมาปกคลุมประเทศเพื่อนบ้านจนมองแทบไม่เห็นทาง แล้วอากาศเป็นพิษขนาดทำลายชีวิตคนได้


ตำแหน่งภูเขาไฟ มักอยู่ตามแนวรอยต่อของ plateทวีป มีอยู่เป็นจำนวนมากที่เดียวครับ ประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ตั้งอยู่บนแนวรอยต่อพอดี ถือว่าอันตรายมาก เฉพาะวงแหวน (ring of fire)ในเขตนั้นมีกว่า 4.000 ลูก


ภูเขาไฟระเบิดเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง


การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห็นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่งมีความร้อนสะสมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า "จุดร้อน" ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียกว่า"แมกมา" และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟ เราเรียกว่า"ลาวา"


สาเหตุของการเกิดภูเขาไฟระเบิด


กระบวนการเกิดของภูเขานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจการจ่างชัดนักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอน้ำ และแก๊ส สะสมอยู่ตัวมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวาถ้าลาวาข้นมากๆ อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วย เวลาภูเขาไฟระเบิดมิใช่มีแต่เฉพาะ ลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊ส ไอน้ำ ฝุ่นผงเถ้าถ่านต่างๆออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าถ่านต่างๆตกลงมาด้วยไหลบ่ากลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาต่ำลงไปยิ่งถ้าภูเขาไฟนั้นมีหิมะคลุมอยู่ มันจะละลายหิมะ นำโคลนมาเป็นจำนวนมากได้ เช่น ในกรณีของภัยพิบัติที่เกิด ในประเทศโคลัมเบียเมื่อไม่นานมานี้ สิ่งที่ได้จากการปะทุของภูเขาไฟ

หลายคนเชื่อว่าลาวาเป็นวัตถุชิ้นแรกที่ถูกปล่อยออกมาจากภูเขาไฟซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป ทั้งนี้ในระยะแรกอาจพ่นเอาเศษหินขนาดใหญ่ออกมาจำนวนมากเรียกว่า"ลาวา บอมบ์"(Lava bomb)ส่วนเถ้าถ่านและ ฝุ่นละอองเกิดขึ้นต่อมาอย่างปกตินอกจากนั้นการเกิดระเบิดของภูเขาไฟยังปล่อยเอาก๊าซออกมาอีกด้วยดังจะกล่าวในรายละเอียด ตามลำดับดังนี้


ลาวาหลาก (Lava flow)


เนื่องด้วยลาวาที่มีปริมาณซิลิกาต่ำหรือลาวาที่มีองค์ประกอบเป็นบะซอลต์ปกติจะมีความเหลวมากและไหลเป็นชั้นบางๆแผ่เป็นแผ่นกว้างเหมือนลิ้นตัวอย่างบนเกาะฮาวาย ลาวาจะไหลออกมาด้วยความเร็ว 30 km./h บนพื้นที่ที่ชันมาก อย่างไรก็ตามความเร็วแบบนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยปกติพบว่ามีความเร็ว 10 - 300 m./h ในทางกลับกันการเคลื่อนที่ของลาวาที่มีซิลิกาสูงจะช้ากว่า

เมื่อลาวาบะซอลต์ของการปะทุแบบฮาวายเอียนแข็งตัวมันจะมีผิวเรียบบางทีเป็นคลื่น(Wrinkle)ในขณะที่ลาวาด้านในใต้พื้นผิวซึ่งยังหลอมอยู่จะเคลื่อนที่ต่อไป ลักษณะนี้เรียกว่า "การไหลแบบ ปาฮอยฮอย (Pahoehoe flow)" ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับริ้วเชือกบิดลาวาบะซอลตืทั่วๆไปจากแหล่งอื่นมักมีผิวขรุขระ เป็นแท่ง ขอบไม่เรียบแหลมคมหรือมีหนามยื่นออกมาเรียกว่า"อาอา(Aa)"ซึ่งเกิดจากลาวาประเภทนี้เช่นกันอาอาที่กำลังไหลออกมาจะเย็นและหนาขึ้นอยู่กับความชันของ ภูมิประเทศที่มันไหลมามีความเร็วของการไหลประมาณ 5-50m./h นอกจากนั้นก๊าซที่ออกมาจะทำให้ผิวของลาวาที่เย็นแตกออกและให้รูหรือช่องว่างขนาดเล็ก ที่มีปากรูเป็นหนามแหลมคมเมื่อลาวาแข็งตัวแล้ว


ก๊าซ(Gas)


ก๊าซละลายอยู่ในหินหนืดในปริมาณต่างๆกัน และอยู่ได้เพราะความดันของมวลหินโดยรอบเปรียบเหมือนคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในเครื่องดื่มซึ่งเมื่อความดันลดลงก๊าซ ก็เริ่มหนีออกมาเป็นฟองการศึกษาสภาพจริงจากการระเบิดของภูเขาไฟเป็นสิ่งที่ยุ่งยากและอันตรายมากดังนั้นนักธรณีวิทยาจึงประมาณการ ปริมาณก๊าซที่ขึ้นมาจากก๊าซเริ่มต้นที่ละลายอยู่ในหินหนืดไม่ได้เชื่อกันว่าหินหนืดส่วนใหญ่มีก๊าซละลายอยู่ประมาณ5%ของน้ำหนักทั้งหมดและก๊าซที่ออกมามีมากกว่า1000ตันต่อวัน องค์ประกอบของก๊าซก็เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สนใจมากเช่นกันทั้งนี้เพราะปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นแหล่งกำเนิดของมหาสมุทรและบรรยากาศของโลกการวิเคราะห์ตัวอย่างที่เก็บจากการระเบิดของ ภูเขาไฟที่ฮาวายชี้ให้เห็นว่าก๊าซที่ถูกปล่อยออกมาประกอบด้วยไอน้ำประมาณ70%คาร์บอนไดออกไซด์15%สารประกอบไนโตรเจนและซัลเฟอร์อย่างละ5%ก๊าซอื่นๆ ที่มีปริมาณน้อยกว่าได้แก่คลอรีนไฮโดรเจนและอาร์กอนสารประกอบซัลเฟอร์จะทดสอบได้ง่ายโดยกลิ่นฉุนของมันซึ่งอาจกลายเป็นกรดซัลฟิวริกและมีอันตรายเมื่อได้สูดดม เข้าไปในปอด



กลับหน้าแรก