แคป่า

Image:V073_1.jpgImage:V073_3.jpg

1. ชื่อ แคป่า 2. ชื่ออื่น แตเก็ดถวา แคขาว (เชียงใหม่) แคทราย (นครราชสีมา) แคแน แคฝอย (ภาคเหนือ) แคป่า (ร้อยเอ็ด ลำปาง) แคพูฮ่อ (ลำปาง) แคยอดดำ (สุราษฎร์ธานี) แคยาว แคอาว (ปราจีนบุรี)

3. ชื่อวิทยาศาสตร์ Dolichandrone serrulata (DC.) Seem.

4. วงศ์ BIGNONIACEAE

5. ชื่อสามัญ -

6. แหล่งที่พบ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก

7. ประเภทไม้ ไม้ยืนต้น

8. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ต้น ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางผลัดใบ สูง 10-20 เมตร ลำต้นตรงมักแตกกิ่งต่ำ 

เปลือกสีน้ำตาล อมเทาและมีประสีดำขาว เปลือกเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ทั่วไป เปลือกในสีนวลหรือสีน้ำตาลปนเหลืองอ่อน เรือนยอดเป็นพุ่มรูปไข่ค่อนข้างทึบกิ่งอ่อน เกลี้ยง มีช่องระบายอากาศทั่วไปกิ่งแห้งออกสีดำ

ใบ เป็นช่อ ช่อใบติดตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ช่อใบรูปขนนก ยาว 12-35 ซม. ใบช่อหนึ่งๆ มีใบย่อยรูปรีหรือ รูปรีแกมรูปไข่กลับ 3-7 ใบ ใบย่อยจะติดตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ส่วนปลายสุดของช่อใบจะเป็นใบเดี่ยวๆ ยาว 5-10 ซม. กว้าง 3-5 ซม. โคนใบสอบและเบี้ยว ปลายใบสอบเรียวแหลม เนื้อใบบางเกลี้ยง เส้นแขนงใบมี 5-7 คู่ มีตุ่มหูดรูปรีๆ ตามยาว เส้นกลางใบและเส้นแขนงใบทางด้านท้องใบ ขอบใบหยักตื้นๆ หรือเรียบ ก้านใบย่อยยาว 1-3 ซม.

ดอก ดอกโตสีขาว รูปแจกันทรงสูงหรือรูปแตร ออกรวมกันเป็นช่อสั้นๆ ตามปลายกิ่ง ช่อดอกแบบติด ดอกสลับ ยาว 2-3 ซม. แต่ละช่อมีดอกอยู่รวมกัน 3-7 ดอก กลีบฐานดอกทรงรูปกรวย ยาว 3-5 ซม. ปลายด้านหนึ่งจะเป็นจงอยผิวคล้ำ โคนกลีบดอกติดกันเป็นหลอดรูปทรงกระบอกตอนครึ่งล่างส่วนครึ่งบนจะบานโป่งออก ทั้งหมดยาว 11-19 ซม. ปลายแยกเป็น 5 กลีบ แผ่กว้างตั้งฉากกับตัวหลอด เมื่อบานเต็มที่กว้างถึง 8 ซม. ผิวกลีบและขอบกลีบจะย่นเป็นริ้ว เกสรตัวผู้มี 2 คู่ สั้นหนึ่งคู่และยาวหนึ่งคู่ ติดอยู่โคนผนังกลีบดอกด้านใน รังไข่รูปขอบขนานภายในมี 2 ช่อง แต่ละช่อมีไข่อ่อนมาก ผล เป็นฝักชนิดเปลือกแข็ง 2 ชั้น รูปขอบขนาน ปลายแหลมยาวถึง 85 ซม. กว้าง 1.2-2 ซม. ฝักคดโค้งหรือบิดไปมา ผิวหนา เรียบและแข็งเป็นแผ่นหนัง จะมีจุดประสีอ่อนกว่าสีพื้นทั่วไป

เมล็ด แบนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บาง เรียงตัวตามความยาวของฝัก มีเยื่อบางๆ ติดบริเวณหัวและท้ายของเมล็ดคล้ายปีก ยาว 2.2-2.8 ซม. กว้าง 5-8 มม.


9. ส่วนที่ใช้บริโภค ดอกอ่อน 10. การขยายพันธุ์ เมล็ด ปักชำราก

11. สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด

12. ฤดูกาลที่ใช้ประโยชน์ เดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม

13. คุณค่าทางอาหาร ยังไม่มีข้อมูล

14. การปรุงอาหาร ดอกอ่อน นำมารับประทานโดยนำมาลวกหรือต้ม ใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือนำมาใส่ในแกงส้ม 15. ลักษณะพิเศษ -

16. ข้อควรระวัง -

17. เอกสารอ้างอิง

คณะอนุกรรมการประสานงานวิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้และไม้โตเร็วอเนกประสงค์. 2540. ไม้อเนกประสงค์ กินได้ 486 หน้า.

เต็ม สมิตินันทน์. 2523. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (ชื่อพฤกษศาสตร์-ชื่อพื้นเมือง). กรมป่าไม้ 379 หน้า. ที่มา http://www2.doae.go.th/library/vegetable/index.htm

กลับไปหัวข้อ ไม้ยืนต้น

กลับไป ผัก

กลับหน้าแรก