วัวธนูรุ่นแรก หลวงปู่เท อายุ 102 ปี วัดยี่งอ จ.นราธิวาส ประสบการณ์แรง น.94

ไซเงินไซทองดักทรัพย์เป็นวัตถุมงคลอีกอย่างหนึ่งของหลวงปู่นูญ บรรดาพ่อค้าแม่ขายชอบเอาไปแขวนไว้หน้าร้านกันเพื่อดักทรัพย์

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5CZU5RPJ3MtCvMv" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/d47/9blD0v.jpg" /></a>

 

พระครูสุนทรสุคนธคุณ(หลวงปู่นูญ) วัดเนินหอม ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
สถานะเดิมชื่อ ธรรมนูญ นามสกุล เกษาวงษ์ เกิดในตระกูลชาวนาที่มั่งคั่งเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๘ ณ บ้านเลขที่๑ หมู่ ๔ ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นบุตรของคุณพ่อสิบตรีผาง เกษาวงษ์ คุณแม่นุ่น ยั่งยืน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๕ คน หลวงปู่นูญเป็นบุตรคนโต ชีวิตในวัยเด็กท่านเป็นเด็กร่าเริง พอถึงวัยเรียนได้เรียนที่โรงเรียนวัดเนินหอม เมื่อเรียนจบชั้นประถมบริบูรณ์แล้ว จึงออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา-ทำสวน และได้ผันชีวิตเข้าสู่วงการบันเทิงโดยไปคลุกคลีและฝึกแสดงลำตัดทรงเครื่อง (หมอลำทำนองไทยอีสาน) ต่อมาทางคณะได้มอบให้ท่านแสดงเป็นพระเอกในท้องเรื่อง เพราะหลวงปู่เป็นผู้มีรูปพรรณสัณฐานสง่างาม


<a href="http://www.mx7.com/view2/z5D1TstaprSNRR7Q" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/140/ZOeEv3.jpg" /></a>

 

เมื่ออายุ๑๖-๑๗ พ่อ-แม่ ได้อพยพครอบครัวจากบ้านเนินหอม ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ไปประกอบอาชีพทำนา-ทำสวน อยู่ที่หมู่บ้านโคกสนั่น (หนองสะพัง) หมู่ที่๑๒ ตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ก็ได้ติดตามครอบครัวไปด้วย เมื่อไปถึงได้ไม่นานท่านก็รวมตัวกับเพื่อนใหม่ในย่านนั้น ก่อตั้งคณะหมอลำขึ้นมาเอง ออกพเนจรเปิดทำการแสดงไปทั่ว มีคนดูบ้างไม่มีคนดูบ้างก็ยังตระเวนแสดงไป จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่ท่านนอนพักอยู่บริเวณเพิงพักชายนา อยู่ๆก็มีกระดาษใบหนึ่งหล่นลงมาจากฟ้าปลิวลอยมาตกลงตรงหน้าท่าน ท่านจึงหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าในกระดาษนั้นมีลายมือเขียนคาถาไว้อยู่บทหนึ่ง และมีฝอยบรรยายถึงอานุภาพของพระคาถาไว้ด้วยว่าใช้ภาวนาเสกเป่าแล้วจะบังเกิดเมตตามหานิยมมีคนรักคนหลง หากินคล่องและทำมาค้าขายดี เมื่ออ่านแล้วหลวงปู่เกิดนึกสงสัยว่าจะเป็นจริงดังที่ฝอยคาถาบรรยายอานุภาพไว้หรือไม่ ท่านจึงลองนำมาภาวนาดู หลังจากนั้นชีวิตของท่านก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยเปิดการแสดงหมอลำแล้วมีคนดูบ้างไม่มีคนดูบ้างกลับกลายเป็นแสดงที่ไหนคนดูแน่นขนัดไปทุกที่ โดยเฉพาะสาวแก่แม่หม้ายนี่ถึงกับรุมท่านอย่างกับดาราเลยทีเดียว ตอนนั้นหลวงปู่นูญท่านรับรู้ได้ทีเดียวว่าอานุภาพของพระคาถามีจริง ท่านจึงเริ่มสนใจในวิชาอาคมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

บูชาไซเงินไซทองแล้วมีโชค อย่างเช่น เจ้าของร้านตัดผม อ้อยบิวตี้ บูชาไซเงินไซทองหลวงปู่ไปแขวนหน้าร้าน เกิดประสบการณ์ถูกหวย 3 งวดติดต่อกัน


<a href="http://www.mx7.com/view2/z5D3vMsaEMdhyMqN" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/c18/3ugybx.jpg" /></a>

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5D3vMsaEO1rX8Yj" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/185/2FeIp8.jpg" /></a>

 

หลังจากที่ชีวิตทางการแสดงหมอลำของหลวงปู่นูญดีขึ้นมาก มีแฟนคลับหรือแม่ยกคอยอุปถัมภ์ ทำให้มีเงินใช้จ่ายเที่ยวเตร่พเนจรดื่มสุราไปเรื่อยทำให้ นางนุ่น แม่ของท่านเริ่มวิตกกังวลว่า หากยังปล่อยให้ชีวิตของหลวงปู่นูญเดินไปตามวิถีเช่นนี้อาจจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นสักวันหรือไม่สุดท้ายหลวงปู่นูญกลายเป็นศิลปินขี้เมาที่ไม่มีใครเอาก็เป็นได้ ท่านจึงหาทางเกลี้ยกล่อมให้หลวงปู่นูญบวชเณรเสียตั้งแต่ตอนนี้เพื่อเป็นการดับไฟเสียตั้งแต่ต้นลมดีกว่าจะปล่อยให้ลุกลามจนมีเรื่องเสียก่อน แม่นุ่นจึงบอกกับหลวงปู่นูญว่าแม่อยากให้ลูกบวชเณรเพราะแม่อยากได้บุญมาเกื้อหนุนชีวิตในตอนนี้ โดยในใจตอนนั้นแม่นุ่นก็ไม่มั่นใจว่าหลวงปู่นูญจะยอมบวชให้หรือไม่ แต่ก็ลองขอดู พอหลวงปู่นูญได้ฟังแล้วก็ยังครุ่นคิดอยู่เพราะชีวิตตอนนั้นกำลังสนุกอยู่ แต่ในใจลึกๆแล้วหลวงปู่นูญท่านได้เกิดความสนใจในคาถาอาคมมาตั้งแต่ตอนที่ได้คาถามาจากฟากฟ้าจนใช้ได้ผลแล้ว ท่านจึงอยากศึกษาวิชาอาคมอยู่พอดี ประกอบกับเคยได้คุยกับญาติๆแล้วทุกคนก็พูดตรงกันว่าหลวงปู่เคน วัดถ้ำเขาอีโต้ ท่านมีพุทธาคมสูง หลวงปู่นูญจึงคิดอยากไปบวชอยู่กับหลวงปู่เคนเรียนวิชาอาคมก่อนแล้วค่อยสึกออกมาเป็นหมอลำเดินทางท่องเที่ยวใหม่อีกครั้งก็ได้

 

คิดได้ดังนั้นแล้ว หลวงปู่นูญจึงบอกกับแม่นุ่นไปว่าอยากไปบวชอยู่กับหลวงปู่เคนแล้วก็เล่าเหตุผลให้ท่านฟัง แต่แม่นุ่นและญาติๆต่างก็บอกว่าทางวัดถ้ำเขาอีโต้นั้นไม่มีญาติพี่น้องอยู่ ให้ไปบวชอยู่ที่วัดเนินหอมดีกว่า เพราะมีญาติใส่บาตรมาก และอีกอย่างหลวงพ่อพุ่มท่านก็เป็นพระหลานชายที่หลวงปู่เคนสอนมา อยากศึกษาวิชาอะไรก็ขอเรียนกับหลวงพ่อพุมได้ หลวงปู่นูญฟังเหตุผลของแม่และญาติๆแล้วก็ตอบตกลง ต่อมามีพระจากวัดเนินหอม ๒ รูปเดินทางมาเยี่ยมญาติๆที่อยู่ทางบ้านโคกสนั่น แม่นุ่นจึงฝากหลวงปู่นูญกลับไปด้วย เพื่อให้หลวงพ่อพุ่มบวชให้

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5DDrMQuQWNDWM9w" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/588/K3UVW7.jpg" /></a>

 

พอมาถึงวัดเนินหอมแล้วหลวงพ่อพุ่มได้พาไปบรรพชาที่วัดโรงเกวียน(อุดมวิทยางาม) อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๖ บวชเณรแล้วได้ศึกษาธรรมวินัยเรื่อยมาจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก ขณะเดียวกันในพรรษาแรกหลวงปู่นูญก็ได้ขอเรียนพุทธาคมจากหลวงพ่อพุ่มทันที หลวงพ่อพุ่มท่านก็ถามว่าการเรียนกับท่านนั้นห้ามเขียน ห้ามจด ให้จำและว่าตามไปไปอย่างเดียว จะปฎิบัติได้ใหม? หลวงปู่นูญท่านตอบว่าได้ หลวงพ่อพุมจึงให้ไปแต่งขัน ๕ เย็บใบตองกล้วย ทำเป็นกวย ๕ อัน ดอกไม้ขาวใส่กวยละ ๑ คู่ ธูปใส่กวยละ ๑ คู่ เทียนใส่กวยละ ๑ คู่ เมื่อหลวงปู่นูยไปตั้งขันมายกครูในวันที่หลวงพ่อพุ่มกำหนดแล้ว หลวงพ่อพุ่มท่านจึงเริ่มสนอพุทธาคมให้ โดยสอนแบบปากต่อปาก ห้ามจด ห้ามเขียน ต้องตั้งสติสัมปชัญญะจดจำเอา และต้องสวดภาวนาให้คล่อง วันละ ๑๐๘ จบ ๗ วัน บางวิชาเป็นวิชาสำคัญ อย่างวิชาเมฆฉาย เมื่อเรียนแล้วหลวงพ่อพุ่มท่านสั่งห้ามแหงนหน้ามองฟ้า ๗ วัน และห้ามก้มมองบ่อน้ำ ๗ วัน หากฝ่าฝืนอาจจะถึงกับตาบอดได้ วิชาแบบนี้ไม่มีใครกล้าเรียนเพราะกลัวจะเกิดความผิดพลาด แต่หลวงปู่นูญท่านกล้า หลวงพ่อพุ่มท่านจึงรักและเมตตาหลวงปู่นูญมาก จึงให้เป็นสามเณรอุปัฏฐากท่านตลอด เวลาไปไหนมาไหนท่านก็จะให้หลวงปู่นูญติดตามไปด้วยเสมอ หลวงปู่นูญมีโอกาสได้ติดตามหลวงพ่อพุ่ม วัดเนินหอมไปต่อวิชากับหลวงปู่เคน ที่วัดวัดถ้ำเขาอีโต้ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี อยู่ตลอด (ระยะทางจากวัดเขาเนินหอมไปวัดถ้ำเขาอีโต้ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ไม่มีรถยนต์ขี่ต้องเดินด้วยเท้า ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษ จึงจะถึง) เหตุนี้เอง จึงทำให้หลวงปู่นูญมีโอกาสได้ยินได้ฟังการสอนของหลวงปู่เคนอย่างตั้งใจด้วยตลอดเวลา ในที่สุดหลวงปู่นูญก็จำได้จนหมด เพราะท่านมีสติปัญญาไหวพริบปฏิภาณดีมาตั้งแต่การหัดเพลงหมอลำแล้ว เพราะวิธีการหัดในสมัยนั้นก็ใช้จำเอา ต่อกลอนเอา แบบปากต่อปากนั่นเอง เมื่อจำการสอนของหลวงปู่เคนได้ทั้งหมดแล้ว หลวงปู่นูญท่านก็นำมาลองปฏิบัติจนพบว่าได้ผลจริง ตามที่คนโบราณพูดว่า การเรียนวิชามนต์อย่าจดอย่าเขียนให้ใช้สติ-สมาธิจำเอา ยิ่งลักจำแบบที่เรียกว่าวิชาลอดร่อง ยิ่งขลังและศักดิ์สิทธิ์

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5DGrbJb9DKYEhfF" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/960/iHZrai.jpg" /></a>

ไซเงินไซทองดักทรัพย์หลวงปู่นูญ วัดเนินหอม

 

ตอนนั้นหลวงปู่นูญก็เลยทำการลักเรียนวิชาของหลวงปู่เคนเรื่อยมา เวลาไปหาหลวงปู่เคนกับหลวงพ่อพุ่มครั้งใด หากมีโอกาสอุปัฏฐากหลวงปู่เคนท่านก็จะอุปัฏฐากเป็นอย่างดี ประกอบกับหลวงปู่เคนท่านชอบฟังเทศน์มหาชาติหรือพระเวสสันดรชาดกในทำนองอีสานจึงมักจะขอให้หลวงปู่นูญซึ่งเป็นหมอลำเก่าและเสียงดีมาก่อนได้ร้องแหล่ให้ฟังเสมอ อีกทั้งหลวงปู่เคนยังนิมนต์ให้ไปเทศที่ถ้ำเขาอีโต้เป็นประจำโดยถวายปัจจัยให้ถึง ๔๐ บาท(สมัยนั้นซื้อทองคำหนัก๑บาทได้) ด้วยเหตุทั้งสองนี้เองจึงทำให้หลวงปู่เคนรักและเมตตาหลวงปู่นูญมาก กระทั่งวันหนึ่งหลวงปู่เคนท่านคงรู้ด้วยญาณทัศนะของท่านหรือไม่ท่านก็คงแอบสังเกตเห็นว่าหลวงปู่นูญแอบลักจำวิชาของท่านมาตลอด ท่านจึงคิดจะประสิทธิให้อย่างเป็นทางการหรืออย่างไรไม่ทราบ อยู่ๆท่านก็เรียกหลวงปูนูญเข้าไปหาแล้วก็หยิบเอาตลับขี้ผึ้งสีขาวออกมาจากย่าม แล้วควักเอาสีผึ้งมาทาหัวหลวงปู่นูญก่อน จากนั้นก็เอาเหล็กจารที่ท่านใช้อยู่ประจำมาเขียนคาถาลงบนหัวของหลวงปู่นูญดังควักๆ แล้วท่านก็บอกก็กล่าวประสิทธิสรรพวิชาให้ก่อนเป่าลงที่หัวสามครั้ง แล้วพูดว่า “ดีแล้วแหละหีแม่มึง ไอ้ลูกศิษย์กู” เป็นอันว่าหลวงปู่นูญ ได้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่เคน วัดถ้ำเขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี อย่างสมบูรณ์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จนถึงทุกวันนี้ หลวงปู่นูญยังไม่เคยไปเรียนวิชากับใครอีกเลย หลวงปู่นูญท่านยึดมั่นในวิชาของหลวงปู่เคนที่ท่านได้มาจากหลวงพ่อพุ่ม วัดเนินหอมและหลวงปู่เคนโดยตรงเท่านั้น เมื่อมีเหตุขัดข้องหรือไม่สะดวกอย่างใดอย่างหนึ่ง หลวงปู่นูญจะนึกถึงตอนที่หลวงปู่เคน เป่าลงที่ศีรษะแล้วพูดว่า “ดีแล้วแหละหีแม่มึง” เหตุขัดข้องต่างๆก็จะผ่านไปด้วยดีเสมอมา
เมื่อตอนที่หลวงปู่นูญมีอายุครบ ๒๐ ปี ท่านได้เดินทางไปเยี่ยมโยมพ่อและโยมแม่ที่บ้านโคกสนั่น อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก โยมพ่อโยมแม่จึงจัดพิธีอุปสมบทให้ที่พิษณุโลก เพราะท่านไม่สะดวกจะเดินทางมาบวชให้ที่ปราจีนบุรี อีกทั้งเมื่อคราวบวชเณรท่านก็ไม่ได้อยู่ด้วย ครั้งนี้ท่านจึงขอให้หลวงปู่นูญบวชพระเสียที่บ้านโคกสนั่นเลย หลวงปู่นูญก็ตามใจโยมทั้งสองจึงเข้าทำการอุปสมบทจากสามเณรเป็นพระภิกษุที่วัดดงหมี ตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม โดยมีเจ้าอธิการชัยสิทธ์ เหมิโก เจ้าอาวาสวัดดงหมี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เสน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระบรรเทา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๘ บวชแล้วสักพักก็เดินทางกลับมาอยู่วัดเนินหอมเป็นผู้ช่วยหลวงพ่อพุ่มมาจนถึงปัจจุบัน
ในสมัยนั้น เมื่อมีชาวบ้านถูกผีเข้ามาขอความช่วยเหลือเพราะถูกผีปอบ ผีกะ ผีทะบก หรือวิญญาณต่างๆมาสิงร่าง เช่น ผีปอบมาเข้าร่างชาวบ้าน ชาวบ้านจะไปนิมนต์ให้หลวงพ่อพุ่มท่านมาช่วยรักษา แต่บางครั้งที่หลวงพ่อพุ่มท่านมีกิจนิมนต์หรือไปปฏิบัติศาสนกิจต่างจังหวัด ท่านก็จะมอบให้หลวงปู่นูญเป็นผู้สงเคราะห์ไปรักษาชาวบ้านแทนท่าน เพราะหลวงปู่นูญท่านเป็นพระหนุ่มอายุน้อยในยุคนั้นก็จริง แต่เรื่องอำนาจจิตและพุทธาคมนั้นกลับไม่น้อยเหมือนอายุ ยิ่งต่อมาในระยะหลังที่หลวงพ่อพุ่มท่านได้เป็นเจ้าคณะปกครองตั้งแต่ระดับอำเภอจนถึงจังหวัดแล้ว ท่านได้มอบเรื่องการสงเคราะห์รักษาชาวบ้านให้หลวงปู่นูญเป็นผู้ทำแทนทั้งหมด จนเป็นที่รับรู้กันในหมู่ลูกศิษย์และชาวบ้านตำบลเนินหอม แต่ทั้งนี้หลวงปู่นูญท่านก็ไม่เคยคุยโม้โอ้อวดว่าท่านเรียนวิชามาจากใครบ้าง เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของท่าน อีกทั้งหลวงพ่อพุ่มท่านก็ยังสงเคราะห์ญาติโยมได้บ้าง หลวงปู่นูญท่านจึงทำหน้าที่ไปตามที่ได้รับมอบหมายเท่านั้นเอง
กระทั่งเมื่อหลายปีก่อนหลวงพ่อพุ่มท่านได้ป่วยเนื่องจากชราภาพมากจนลูกหลานได้มารับกลับไปดูแลอยู่ที่บ้านแล้ว เป็นเหตุให้ทางคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งให้หลวงปู่นูญท่านขึ้นดูแลวัดแทนมานานนับปี หลวงปู่นูญจึงต้องขึ้นมาสงเคราะห์ญาติโยมและพัฒนาวัดอย่างเต็มตัว ประกอบกับวัตถุมงคลที่หลวงพ่อพุ่มท่านได้เคยสร้างไว้ได้ทยอยหมดลงไปหลายอย่าง หลวงปู่นูญท่านจึงต้องสร้างขึ้นใหม่ เพื่อให้ญาติโยมได้ไว้บูชาเป็นกำลังใจในการทำมาหากิน จึงทำให้เรื่องราวและสรพพวิชาของหลวงปู่เคน วัดถ้ำเขาอีโต้กลับมาเป็นที่กล่าวถึงอีกครั้งในกาลปัจจุบัน



<a href="http://www.mx7.com/view2/z5DE7CkYjtGmSgf6" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/e07/8ZzI0l.jpg" /></a>

 

มาถึงเรื่องรางของสีผึ้งเทวดากันแล้วนะคะ

 

รวมสุดยอดสีผึ้งมหาเสน่ห์ของพระเกจิไทย
สีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ สีผึ้งพ่อกาแม่กาหลวงปู่เคน สีผึ้งกาตอมเหวหลวงปู่หมุน สีผึ้งพรายหลวงปู่เก่ง
สู่.....สีผึ้งเทวดา....(นางฟ้ายังหลง)... หลวงปู่นูญ วัดเนินหอม


<a href="http://www.mx7.com/view2/z5E2Vq7spBHE3U3s" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/eda/O9HA6K.jpg" /></a>

 

ถ้าหากท่านย้อนกลับไปอ่านบทความในตอนก่อนๆดูจะพบว่ามีการกล่าวถึงพวกลูกศิษย์ที่มาจากอุบลซึ่งเล่าว่า เพื่อนของเขาเคยมาบูชาไซเงินไซทองของหลวงปู่ฯไปแขวนไว้หน้าร้านแล้วขายของดีเป็นเทน้ำเทท่า จึงมาบูชาพ่อกาแม่กาไปพกติดตัวเพื่อใช้เจรจาค้าขายลูกค้า แต่ปรากฏว่าพอบูชาพ่อกาแม่กากลับไปแล้วก็ถูกหวยเลย แถมได้ลูกผู้น้องของภรรยาอายุเพียง ๑๘ ปีเป็นอนุภรรยาอีกด้วย เพื่อนเล่าว่า ขอกับภรรยามาตั้งนานแล้วว่าอยากได้น้องของเธอมาช่วยกันทำมาหากิน แต่ภรรยาไม่ยอม ร้องไห้ทะเลาะกันทุกครั้ง พอครั้งนี้ได้พ่อกาแม่กาไป เพื่อนของตนจึงอธิษฐานบนบานขอกับพ่อกาเอาไว้ว่า หากครั้งนี้ขอกับภรรยาแล้วภรรยาของตนยอม ก็จะไปหว่านล้อมน้องของภรรยาให้สำเร็จ หากน้องของภรรยายอมด้วย ก็จะนำขี้ผึ้งไปถวายให้หลวงปู่นูญ เพราะจากการมาบูชาพ่อกาแม่กาไปในตอนนั้นทราบว่า หลวงปู่นูญกำลังหาขี้ผึ้งที่ทำรังบนต้นรักเพื่อไปเคี่ยวเป็นสีผึ้งให้ถูกต้องตามตำรา พอดีที่บ้านของเขามี จึงนำมาบนบานต่อพ่อกาให้ช่วย ปรากฏว่าพอบนเสร็จ เพื่อนก็ไปขอน้องเมียกับภรรยา ปรากฏว่าครั้งนี้ภรรยาเกิดยอม อนุญาตให้เพื่อนเอาน้องของตนมาเป็นอนุภรรยาได้ เพื่อนจึงไม่รอช้าไปคุยกับน้องภรรยาทันที และในที่สุดก็ได้น้องภรรยามาเป็นอนุภรรยาสมใจ ตนจึงอยากได้บ้างเลยหาชวนพวกมาบูชากันอย่างที่เห็นๆนี่แหละ ....เล่าแล้วก็เอาขี้ผึ้งที่เพื่อนแก้บนและฝากมาถวายให้หลวงปู่นูญ พร้อมทั้งเล่าว่าเพื่อนไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับหลวงปู่เอง เพราะกลัวโดนด่าที่เอาพ่อกาไปขอในเรื่องเจ้าชู้

 

เมื่อหลวงปู่ท่านเห็นผู้เขียนไปกราบ ท่านก็รีบหยิบขี้ผึ้งที่ทำรังบนต้นรักให้ผู้เขียนดู ท่านบอกว่าหามาหลายสิบปี เพิ่งได้ก็คราวนี้ พ่อกาแม่กาสำแดงอิทธิฤทธิ์หามาให้แท้ๆ เมื่อหลวงปู่ท่านปรารภออกไปว่าอยากเคี่ยวสีผึ้งเทวดา ก็ได้ขี้ผึ้งจากต้นรักมาจริงๆ แถมยังเกิดปาฏิหาริย์ผึ้งในวัดสละรังมาให้หลวงปู่ร่วมเคี่ยวสีผึ้งด้วย คือปกติใต้แท้งก์น้ำใหญ่ในป่าพุทธประวัติของวัดเนินหอมจะมีผึ้งมาทำรังใหญ่อยู่หลายรัง ทีนี้พอหลวงปู่นูญท่านเอ่ยปากออกมาว่าอยากจะเคี่ยวสีผึ้งเทวดา พวกผึ้งในวัดเนินหอมคงได้ยินและอยากจะร่วมบุญด้วย จึงมีการสละรัง โดยย้ายมารวมกันทำรังใหญ่อยู่รังเดียว จนเหลืออยู่เพียงรังเดียวแล้วมอบรังเก่าทั้งหมดให้หลวงปู่นูญ และนอกจากผึ้งในวัดจะถวายรังให้หลวงปู่นูญแล้วลูกศิษย์ที่ทราบข่าวว่าหลวงปู่นูญจะเคี่ยวสีผึ้งต่างก็เอาขี้ผึ้งป่า(ต้องผึ้งป่าเท่านั้นจึงมีละอองเกสรดอกไม้ร้อยแปดติดมาด้วย)และว่านทางเมตตามหาเสน่ห์จากเขาใหญ่และทางเขมรมาถวายให้ท่านอย่างมากมาย นับเป็นบุญบารมีและความอัศจรรย์ของหลวงพ่อนูญ แต่เรื่องนี้หลวงพ่อนูญท่านบอกว่า ตัวท่านจะขลังอย่างไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆสีผึ้งคราวนี้ดีตั้งแต่ยังไม่ได้เคี่ยวแล้ว เกิดความอัศจรรย์ทางปากศักดิ์สิทธิ์ มีเมตตามหานิยม แค่ท่านบอกว่าอยากเคี่ยวสีผึ้งตามตำราที่เทวดาบอกว่าต้องใช้ขี้ผึ้งจากต้นรักก็ได้ขี้ผึ้งจากต้นรักมาจริงๆ แถมผึ้งในวัดยังสละรังถวายให้อีก ส่วนญาติโยมก็เอาขี้ผึ้งและว่านเสน่ห์ต่างๆมาถวายให้เอง ไม่ต้องออกไปหาเลย แบบนี้เขาเรียกว่าพูดอะไร ขออะไร ได้ตามที่ปารถนา โดยไม่ต้องออกแรง แล้วสีผึ้งคราวนี้ใครเอาไปสีปาก เวลาออกปากอะไรไปจะไม่ได้อย่างนั้นเชียวหรือ? เรื่องนี้ผู้เขียนฟังแล้วก็เห็นจริงตามที่หลวงปู่ว่า สีผึ้งเทวดาของหลวงปู่นูญต่อไปคงต้องดังแน่ๆ

 

เมื่อหลวงปู่ท่านได้ขี้ผึ้งจากลูกศิษย์ต่างๆมาแล้ว ท่านก็เริ่มนำมาขยำเป็นก้อนกลมๆ ขนาดเท่าอุ้งมือกำ จากนั้นท่านก็ทำการกำปลุกเสกในมือทีละก้อน ๆ จนเสกได้ครบหมดทุกก้อนเพื่อเตรียมการเคี่ยว คิดเอาแล้วกันท่านเสกละเอียดขนาดไหน ก่อนจะเคี่ยวยังเสกในกำมือทั้งหมด และตำรับการเคี่ยวของท่านนั้นไม่ธรรมดา เนื่องจากต้องใช้ไม้รักเป็นฟืนและไม้กาหลงเป็นพาย คนสีผึ้งให้ทั่ว ระหว่างคนไปก็ต้องเสกไปตามคาถาที่เทวดาบอกให้ สลับไปกับคาถาของหลวงปู่เคน ผู้เป็นอาจารย์



<a href="http://www.mx7.com/view2/z5Ew77B20eNg7v8n" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/acf/c2vcij.jpg" /></a>

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5EwQQR0AebEmAwE" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/efa/PZt9Qi.jpg" /></a>

 

เมื่ออายุ๑๖-๑๗ พ่อ-แม่ ได้อพยพครอบครัวจากบ้านเนินหอม ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ไปประกอบอาชีพทำนา-ทำสวน อยู่ที่หมู่บ้านโคกสนั่น (หนองสะพัง) หมู่ที่๑๒ ตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ท่านก็ได้ติดตามครอบครัวไปด้วย เมื่อไปถึงได้ไม่นานท่านก็รวมตัวกับเพื่อนใหม่ในย่านนั้น ก่อตั้งคณะหมอลำขึ้นมาเอง ออกพเนจรเปิดทำการแสดงไปทั่ว มีคนดูบ้างไม่มีคนดูบ้างก็ยังตระเวนแสดงไป .... จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่ท่านนอนพักอยู่บริเวณเพิงพักชายนา อยู่ๆก็มีกระดาษใบหนึ่งหล่นลงมาจากฟ้าปลิวลอยมาตกลงตรงหน้าท่าน ท่านจึงหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าในกระดาษนั้นมีลายมือเขียนคาถาไว้อยู่บทหนึ่ง และมีฝอยบรรยายถึงอานุภาพของพระคาถาไว้ด้วยว่าใช้ภาวนาเสกเป่าแล้วจะบังเกิด... เมตตามหานิยมมีคนรักคนหลง หากินคล่องและทำมาค้าขายดี.... เมื่ออ่านแล้วหลวงปู่เกิดนึกสงสัยว่าจะเป็นจริงดังที่ฝอยคาถาบรรยายอานุภาพไว้หรือไม่ ท่านจึงลองนำมาภาวนาดู ...หลังจากนั้นชีวิตของท่านก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยเปิดการแสดงหมอลำแล้วมีคนดูบ้างไม่มีคนดูบ้างกลับกลายเป็นแสดงที่ไหนคนดูแน่นขนัดไปทุกที่ โดยเฉพาะสาวแก่แม่หม้ายนี่ถึงกับรุมท่านอย่างกับดาราเลยทีเดียว ตอนนั้นหลวงปู่นูญท่านรับรู้ได้ทีเดียวว่าอานุภาพของพระคาถามีจริง ท่านจึงเริ่มสนใจในวิชาอาคมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...

 

คาถาที่หล่นมาจากฟ้าแล้วใช้ได้ผลดีนี่แหละครับที่หลวงปู่นูญท่านเรียกว่าคาถาเทวดา ไม่ได้มาตั้งชื่อกันส่งเดชเมื่อตอนจะทำสีผึ้งนี่หรอก หลวงปู่ท่านได้มาตั้งแต่ยังไม่บวชเป็นสามเณรเลย และเป็นเพราะคาถาบทนี้นี่เองที่ทำให้หลวงปู่นูญสนใจกลับมายังบ้านเกิดบวชเป็นสามเณรเพื่อร่ำเรียนวิชาของหลวงปู่เคน
ทั้งหมดนี้คือที่ไปที่มาของการสร้างสีผึ้งเทวดาซึ่งหลวงปู่นูญท่านเคยทำมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่เป็นการเคี่ยวเพียงเล็กน้อย เพื่อช่วยลูกศิษย์ของท่านให้ได้สาวที่ตนหลงรักมาเป็นภรรยา ซึ่งเมื่อนำสีผึ้งของหลวงปู่นูญไปใช้แล้วก็ประสบความสำเร็จดังใจหมาย ปัจจุบันลูกศิษย์คนนี้ได้สาวที่ตนหลงรักมาเป็นภรรยาอยู่กินกันจนมีลูกโตหมดแล้ว แถมยังทำมาค้าขายดีร่ำรวยอยู่ในขั้นเศรษฐีอีกด้วย สีผึ้งขันที่หลวงปู่นูญหุงในคราวนั้น ประกอบด้วย สีผึ้งพ่อกาแม่กาของหลวงปู่เคน วัดถ้ำเขาอีโต้เป็นหลัก (พุทธคุณโดดเด่นทางโชคลาภเมตตามหานิยม ปากศักดิ์สิทธิ์พูดอะไร ขออะไรได้ตามปาก โด่งดังเกินบรรยายมานานแล้ว) เนื่องด้วยหลวงปู่เคนเคยมาเคี่ยวและปลุกเสกไว้ให้หลวงพ่อพุ่ม โดยมีหลวงปู่นูญเป็นลูกมือร่ำเรียนวิชานี้กับหลวงปู่เคน ที่วัดเนินหอม และนอกจากจะใส่สีผึ้งหลวงปู่เคนเป็นหลักแล้ว หลวงปู่นูญท่านยังใส่สีผึ้งพรายตายทั้งกลมของหลวงพ่อนิรนามเข้าไปด้วย เหตุที่หลวงปู่นูญท่านใส่สีผึ้งพรายตายทั้งกลมเข้าไป เพราะท่านเห็นอานุภาพมากับตนเอง เนื่องจากในสมัยที่ท่านยังเป็นสามเณรหนุ่มอยู่นั้น ได้มีหลวงพ่อรูปหนึ่งได้เดินธุดงค์มาขอพักปักลดอยู่ในวัดเนินหอม ซึ่งหลวงพ่อพุ่มเจ้าอาวาสท่านก็อนุญาตให้พัก พระธุดงค์รูปนี้ท่านเป็นพระเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ไม่สุงสิงกับใคร แต่เรืองวิชา อาคม มีหวายตีผีติดตัวอยู่ตลอด การที่ท่านเป็นพระนิ่งๆไม่ค่อยพูด เลยไม่มีใครกล้าถามชื่อเสียงเรียงนามของท่าน ได้แต่เรียกท่านว่าหลวงพ่อๆ ตามวัยของท่าน

 

ต่อมาเย็นวันหนึ่งก่อนที่หลวงพ่อนิรนามรูปนี้จะถอนกลดจากไป ท่านได้ขอให้สามเณรหนุ่มอย่างหลวงปู่นูญตามท่านเข้าไปเคี่ยวสีผึ้งในป่าช้าหน่อย ด้วยท่านคงทราบว่าสามเณรอย่างหลวงปู่นูญนี้มีวิชาอาคมแถมเคยเรียนสีผึ้งกับหลวงปู่เคนมา เมื่อหลวงปู่นูญเดินตามหลวงพ่อนิรนามเข้าไปถึงป่าช้าแล้ว หลวงพ่อนิรนามท่านก็ทำพิธีขออนุญาตจากนายป่าช้า ยายกะลา ตากะลีแล้ว ท่านก็ให้หลวงปู่นูญช่วยกันตั้งมณฑลพิธี(มีรายละเอียดมากขอเล่าข้ามไป) และก็นำศพผีตายทั้งกลมขึ้นมา จากนั้นท่านก็ร่ายมนต์อยู่สักพักจนศพผียอมลุกขึ้นนั่ง แล้วท่านก็เอาไฟจากเปลวเทียนและกระทงใบน้อยยื่นเข้าไปลนเอาน้ำมันพรายที่ใต้คางของผี แต่พอเปลวไฟจากเทียนจ่อเข้าไประหว่างกลางอกจนใกล้ถึงคาง ปรากฏว่าผีคงร้อน เลยไม่ยอม ทะลึ่งพรวดยืดตัวยาวเด้งหนีขึ้นไปติดกิ่งต้นไม้บนหัว หลวงพ่อนิรนามท่านจึงหยิบหวายตีผีของท่านมาฟาดเข้าไปหนึ่งที ทำให้ผีกลัว ต้องยอมเด้งหดกลับลงมา ทีนี้หลวงพ่อนิรนามจึงกระโดดขึ้นนั่งทับขาผีเอาไว้ เพราะกลัวว่าผีมันจะหนีอีก คราวนี้ผีไม่หนี ยอมให้ท่านลนเอาน้ำมันพรายแต่โดยดี เมื่อลนได้แล้ว หลวงพ่อนิรนามท่านก็ได้นำมาเสกกำกับไว้อยู่สักครู่ จึงเทลงหม้อสีผึ้งที่หลวงปู่นูญตั้งไฟเคี่ยวรอไว้แบบไม่ทันได้คน ได้กวน เพราะหลวงปู่นูญท่านมัวแต่ตกตะลึง นั่งตัวแข็งอยู่นั่นเอง โดยสีผึ้งที่ท่านให้หลวงปู่นูญตั้งไฟเคี่ยวรอไว้นี้ ทำมาจากขี้ผึ้งปิดปากผี ๗ ศพ เคี่ยวกับน้ำมันจากมะพร้าวล้างหน้าศพอีก ๗ ศพ ว่านทางเสน่ห์เมตตา ๗ ป่า และถ่านที่เอามาเคี่ยวคราวนี้ก็เป็นถ่านจากกองฟอนที่เผาผี ๗ แห่ง ใช้กิ่งพุทราชี้ไปทางทิศตะวันออกแทนใบพายในการคนให้ทั่ว

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5F0I1QnlM1CywGK" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/b2d/2x4qQH.jpg" /></a>

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5F0HjT0MwD5V25t" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/511/ZRwr45.jpg" /></a>

ตลับเงินลงยาสีเขียวตลับละ 1500 บาท

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5F0GXUkv3bkHB8X" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/b03/pNxAyr.jpg" /></a>

สีผึ้งเทวดาตลับเงินลงยาสีแดง บูชา 1500 บาท