คัมภีร์อวตาร#2.การจำกัดอากาศหายใจ&การสละร่างมนุษย์

ปัจจุบันนี้มีเครื่องที่ทำให้ออกซิเจนหมดแล้วนะคะ ไม่จำเป็นต้องขังตัวเองในหีบแล้วใช้ผ้ารัดคอขณะปฏิบัติกรรมฐานเพื่อสละร่างมนุษย์เพื่อทำมัมมี่ตนเอง

เราเรียกเครื่องนี้ว่า Sarco Machine ค่ะ

ข้าพเจ้าได้มีโอกาสทดลองเทียบเคียงประสบการณ์การใช้แบบจำลองนี้แล้วนะคะ เมื่ออากาศหรือออกซิเจนหมด พลันเกิดภาพหลอนค่ะ

เพื่อนสมาชิกสามารถตามอ่านกันได้ ที่นี่ นะคะ

https://palungjit.org/threads/ประสบการณ์การจำลองเครื่องฆ่าตัวตาย.646793/

 

การที่เราเตรียมร่างกายให้เป็นมัมมี่ และจำกัดอากาศที่หายใจเข้าไป เพื่อเร่งให้ร่างกายหมดอายุ และลดขบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกายนั้น เป็นวิธีที่มีมานานแล้วนะคะ

เป็นวิธีของทิเบตค่ะ

เพื่อนสมาชิกตามอ่านได้ใน google โดย search คำว่า ภิกษุณี... มัมมี่บูกาอิ ...นะคะ

ส่วนเรื่องสภาวะ ญาณ นั้น หากผู้ใดไม่ถึงพร้อม ก็จะมีเหตุทำให้ ทุรนทุราย ไม่สามารถละกายเนื้อทิ้งได้นะคะ ทำให้ต้องล้มเลิก ความตั้งใจนี้ไป

ส่วนในกรณีของข้าพเจ้า อายุขัยยังไม่ถึงพร้อม มีคนบุกเข้ามาทำลายการทดลอง หามส่ง โรงพยาบาลไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา นี่แหละค่ะ

จึงได้มีโอกาส มาบอกเล่า ให้เพื่อนสมาชิกได้ฟังกันเช่นนี้

 

รายละเอียดเพิ่มเติม มัมมี่ภิกษุณี บูกาอิ

 

Tips:
1.เมื่อร่างกายขาดอากาศ และร้อนมากเพราะห้องร้อน ให้เอาเท้าหรืออวัยวะของร่างกายไปสัมผัสตามผนังห้องส่วนที่ยังมีความเย็น แล้วควบคุมความเย็นให้ไหลไปทั่วร่างกาย วิธีนี้จะทำให้ การนั่งสมาธิ สงบขึ้นและไม่ทุรนทุรายขณะร้อนจัด

2.เอากระติกน้ำเย็นบรรจุน้ำแข็งเข้ามาในห้องที่ขาดอากาศนี้ แล้วสมานความเย็นเข้ากับน้ำแข็ง เช่น อมน้ำแข็งไว้ในปากทีละนิด แล้วนั่งสมาธิต่อในสภาพที่ขาดอากาศนั่นแหละ

หรือ

การทำกสิณสีม่วง สีเทา สีขาว เพื่อลดความร้อนในร่างกายนะคะ ให้จ้องภาพสีเหล่านี้ หากเย็นเกินไป ก็จ้องสีเหลือง สีส้ม เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นค่ะ

เพราะสภาวะที่จะเจอคือ ทั้งร้อนจัด และหนาวจัดค่ะ หนาวจัดเนี่ยะนะคะ ระดับที่ฟันกระทบกันดังเก๊าะๆ เลยค่ะ ส่วนรัอนนี่ระดับ ตับแตก เลยอ่ะค่ะ

3.อย่าใจอ่อน....อย่าเผลอเปิดห้องหรือหีบออกมา เพื่อรับอากาศ ในกรณีที่ไม่ได้ใช้เครื่อง Sarco เพราะอากาศใหม่จะเข้าไปแทนที่อากาศเดิม แล้วต้องมานั่งไล่อากาศออกใหม่หมดค่ะ

4.ความเจ็บปวดทางร่างกาย จากอาการเพ้อเพราะขาดออกซิเจน ให้ดื่มน้ำเย็นในกระติกน้ำแข็ง บรรเทาอาการ โดยเน้นไปสมาธิไปที่จุด heart chakra ควบคุมธาตุไฟ มิให้แตกหรือกำเริบ แต่อย่าดื่มปริมาณมากไปนะคะ

เมื่อท่านยังไม่พร้อมสละร่าง ให้รีบจดบันทึกอาการต่างๆที่พบเจอ เพื่อสอบอารมณ์กับอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานว่า ระดับภพภูมิของท่านถึงระดับใดแล้ว

5.หากสภาวะ ญาณ ถึงพร้อม ท่านจะไม่หิว ไม่อิ่ม ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่ร้อนรน ประการใดเลย มีแต่ความ สงบนิ่งค่ะ

บันทึกโดย
เนเฟอตารี่ บ.
4July2018

 

เพิ่มเติมนะคะ

มีสมุนไพรที่ช่วยควบคุมความร้อนในร่างกายนะคะ เช่น ตัวที่โพสต์ค่ะ

สิ่งที่ควรละเว้น 3 สิ่ง สีขาว ค่ะ ในขณะที่ปฏิบัติการในคัมภีร์อวตารนี้คือ
1.แป้ง
2.น้ำตาล
3.เกลือ
เพราะจะส่งผลต่อการบวมน้ำและเป็นอาหารของจุลินทรีย์ในร่างกายค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ มีอะไรเพิ่มเติมหรือแชร์ประสบการณ์ เชิญเลยนะคะ ข้าพเจ้าเขียนจากประสบการณ์จริง 1 เดือนกว่า ค่ะ

 

จะรีบตายไปไหน จุดประสงค์ของการตายคืออะไร
ถ้าเพื่อชีวิตนิรันดร์ต้องคอยโครงการร่างหุ่นยนต์เทียมก่อนนะ ถ้าเพื่อนิพพานต้องดับจิตดับใจตัดได้ทุกสิ่ง เพื่อเกิดใหม่กับครอบครัวที่ดีกว่าเดิมก็น่าลุ้นกว่า ทางเลือกหลากหลาย ปัญหาก็เยอะตาม ผมอาจโลกสวยแต่ก็จะลองดูทุกวิถีทางตามแนวทางนักวิจัยสติเฟื่องคนหนึ่ง

 

ท้าความตายค่ะ
เป็นนักทดลองทางจิต
ใครไปก่อน ละได้ก่อน รู้ก่อน ก็นกรู้ไงล่ะ

 

แค่เรื่องตายแล้วไปไหน ผมก็โดนสมองตายไปส่วนหนึ่งแล้ว จิตส่วนที่ตายนั้นพอได้ที่ก็พาไปท่องยมโลกได้แทบทุกวันแล้วครับ ไม่ต้องทดสอบไรมากเลย แต่เสี่ยงสมองพังทำชีวิตชาตินี้เราวิบัติหมดแล้ว คนอึดหน่อยก็โดนเจ้าที่ พยานาติสิงร่างหาเรื่องไปเรื่อยตามอารมณ์เขา ยิ่งเราเถียงแรงหลุดออกนอกโลกก็หลายรอบแล้ว ผมก็เสี่ยงมากเมื่อศึกษาของจริง ตั้งแต่อ่านเจอข่าวเจอกางเกงยีนส์บนดวงจันทร์แล้วอะ ตรงกับที่ผมคิดสู้กับเจ้าพวกพยานาติอะ ถือว่าเป็นเรื่องลึกลับมาก แต่ผมพอจะรู้แล้วเกี่ยวกับการ์ตูน มันสัมพันธ์กันอยู่ เพราะกระดาษทำจากไม้ ฝีมือเจ้าที่ เทวดา นางไม้ อีกแน่ๆ ยิ่งสู้กับพวกไม่รู้ยิ่งไปไกลเรื่อย ยังมีหนี้อยู่ก็ต้องก่อสร้างต่อไปชีวิต ฝันช่วยได้อย่างเดียว ไม่อยากกลับสู่โลกจริงเลย ไม่น่าเดินทางชีวิตพลาดเลย คราวหน้าจะพยายามไม่พลาดแล้ว อย่างว่าตอนนี้โลกไซเบอร์แล้วอะไรๆ ก็เป็นไปได้นะ อยู่ให้ถึงวันที่ฝันไว้ก่อน แต่อาการหนักแล้วขอบาย

 

ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะครับ
ที่เขียนเป็นแค่ความเห็นหนึ่งนะครับ
จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้...

๑.ข้องเกี่ยวกับกสิณ ๑๐ กองมาเกือบ ๕ ปี
เกิดมาพึ่งเคยได้ยินกสิณสีม่วงและสีเทา...
มันไม่ใช่กสิณหรอกครับ
ถ้ากสิณ มันจะไม่มีลักษณะพลังงาน
อะไรที่จะไปเกี่ยวหรือดึงร่างกายเลย
มันจะแยกขาดจากกายออกมาแล้วครับ..

๒.ต่อให้จิตเป็นระดับอรหันต์จริงๆที่ไปสูงสุดคือชั้นพรหม
เหตุเพราะธาตุที่รวมเป็นกายยังไม่กลับสภาพเดิมแท้ของมันที่ ปกติในระดับท่านที่พ้นแล้วจะเกิดขึ้นปกติ
สภาพเดิมแท้ของธาตุจะเหมือนๆกันไม่ว่าธาตุอะไร
ดังนั้นจึงยังมีกระแสตรงนี้ดึงให้ยังไม่พ้นจากการเวียน
ว่ายตายเกิดได้อยู่...

๓.ปกติเวลาคนใกล้จะตาย จะเกิดเป็นภาพอุคหนิมิต
ขึ้นมาให้เห็นตามสภาวะจิต ณ เวลานั้นอยู่แล้ว....

๔.ชีวิตอมตะนิรินดร์ เป็นสายการบำเพ็ญ
ที่มาจากภูมิจิตอสูรกายที่เอาพุทธศาสนามาอ้าง
มีมานานตั้งแต่ยุคพุทธกาลแล้ว.....

๕.บางท่านในทิเบตที่ร่างไม่เน่าเปื่อย
เพราะท่านเข้าสมาธิและอฐิษฐานจิตไว้
ในกำลังระดับฌาน ๔ เพราะมีความเชื่อ
สืบทอดกันมาว่า จิตแค่เปลี่ยนสถานะไป

๖.และท่านที่เก่งๆนั้น ท่านจะเข้านิโรธสมาบัติไว้
หลักสังเกตุง่ายๆคือ ถ้าใครที่ใช้งานทางจิตได้
ถ้าไปอยู่บริเวณนั้น จะไม่สามารถใช้งานทางจิต
อะไรได้เลย



ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
บางอย่างถ้าเปลี่ยนได้
รู้ตัวก่อน ก็ยังไม่สายเกินไปนะครับ

 

ท่านนภพขอบคุณมากนะคะ
นี่คือการทดสอบทางจิตค่ะ
ว่าภพภูมิที่เห็นตอนเกิดภาพหลอนคือภพภูมิใด
เป็นแค่เพียง การจดบันทึก
สภาวะจิต
ขั้นทดลอง
ขอบคุณท่านนภที่แวะมาเตือนนะคะ
จะนำไปพัฒนาระบบต่อไปค่ะ
.............ท่านนภกล่าวว่า......
๑.ข้องเกี่ยวกับกสิณ ๑๐ กองมาเกือบ ๕ ปี
เกิดมาพึ่งเคยได้ยินกสิณสีม่วงและสีเทา...
มันไม่ใช่กสิณหรอกครับ
ถ้ากสิณ มันจะไม่มีลักษณะพลังงาน
อะไรที่จะไปเกี่ยวหรือดึงร่างกายเลย
มันจะแยกขาดจากกายออกมาแล้วครับ..
.........ตอบท่านนภ.............
ขอแก้ว่า จ้องมองภาพสีม่วง ภาพสีเทา ให้เกิดภาพติดตาแล้วทำให้เกิดความเย็นไปทั่วร่างกายค่ะ
.........ขอบพระคุณท่านนภนะคะ......
.

 

เป็นการทดลองที่น่ากลัวจังเลยนะครับ

 

ก่อนจะตายจากกัน

ขอ แฮปปี้ นะคะ

สาธุอนุโมทนามิ ~~~

 

กสิน แปลว่า การเพ่งจองให้เกิดพลังสมาธิ
มีทั้ง 10 อย่างในกรรมฐาน40

แบ่งออก 3 หมวด
หมวดแรก ธาตุ 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม
หมวดสอง แสงในอากาศทั้ง 4 ได้แก่ เขียว เหลือง แดง ขาว
หมวดที่สาม ได้แก่ แสงสว่าง อากาศ

แต่แสงในอากาศทั้งสี่
โลหิตะ มีสีแดงเป็นแกนหลัก อาจอนุมานส้มหรือน้ำตาลเข้าค่ายก็ได้
นีละ มีเขียวมีอาจอนุมานเป็นเขียวได้แก่ น้ำเงิน ม่วง เขียว ดำด้วย
ปีตกะ มีเหลืองแกนหลัก อาจอนุมานเอาเหลืองน้ำตาลเหลืองก็ได้นะ
โอทาตะ มีขาวเป็นแกนหลัก แต่อนุมาลเทาอ่อนก็ได้นะ

 

รับทราบ ที่พูดคือ อาการปิติ ... ไม่ว่าจะทำสมาธิด้วยกรรมฐานอะไรก็เกิดขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นกรรมฐานจากภายใน หรือ ภายนอก
หรือ ไม่แม้ไม่เคยฝึกอะไรมาก็เกิดขึ้นได้
สมมุติถ้าจะไปต่อ ต้องเฉยๆ ปล่อยให้สุดๆ
สุดได้ ครั้งเดียวจะข้ามได้เลย... ประมาณนี้

แต่ถ้าชำนาญในการทำสมาธิแล้ว
จะทำเล่นๆ ณ เวลาใด ที่ใด เมื่อใด ก็ได้
แล้วแต่อารมย์... แต่ก็งั้นๆ เพราะไม่มีประโยชน์อะไร
แต่สำหรับโหมดการนำสมาธิไปใช้งาน
กิริยา ปิติจะไม่สามารถสัมผัสได้นะ
ไม่ใช่ไม่มี แต่มันเร็วมากเกินที่จะรู้สึกได้...

 

ปิติตัวอันตราย ทำให้เกิดอาการลำพองดีเยี่ยมเลย
ต้องครูบาอาจารย์ค่อยชี้แนะ ถ้าผ่านจัดนนี้ไปก็นำไปสู่ความสงบขั้นสูงได้

 

ใช่ครับ.. ^_^