ธรรมะไร้กาลเวลาทั้งทางโลกทั้งทางธรรม

ที่พระพุทธองค์กล่าวว่า รูป(กาย)นี้ไม่ใช่เรา
ไม่ใช่ของเรา
ความจริงก็คือมันเป็นการรวมตัวเป็นก้อนของธาตุจากธรรมชาติคือ
ดินน้ำไฟลม ตามเหตุคือ
มีเสปิร์มของพ่อกับไข่ของแม่
ผสมกันเกิดเป็นตัวอ่อนคล้ายจิ้งเหลน
ระยะต่อมาจึงมีจิตเดิมแท้ปฏิสนธิวิญญาณ(หรือเราตัวจริง
ที่มีความโง่เคลือบอยู่
พุ่งเข้าครอบครอง
กายนี้โดยวิบากกรรม
เป็นพลังงานผลักดัน)
แล้วก็เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของผูกขาด
เรื่อยมาด้วยความโง่(อวิชชา)
นั่นแหล่ะ จนตายแล้วเกิด.แล้วก็ตาย
แล้วเกิดรอบแล้วรอบเล่า
ก็ไม่หายโง่ยอมออกจากวงจร
เสียที
แม้จะพบพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ
มาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจ
จึงไม่ปล่อยวางรูป นามที่ตน
ครองตามจริงของ
พระอริยสัจจ์จึงออกจากวงจรทุกข์ได้
จนมารอบนี้
ยังยึดมั่นตัวตนกายจิต
เหมือนเดิมอีก ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้า
พระองค์นี้ก็สอนด้วย
พระสัทธรรมเดียวกับพระพุทธเจ้า
องค์ก่อนๆ
ก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง
เลยเบิ๊ดคำสิเว้า 555

 

ผู้ปราถนาพุทธภูมิบ้านไหน
พบพระพุทธเจ้าแล้วเป็นพระโสดาบัน
ลุงแมวตอบชัดๆเลยครับ
มีคำสิเว้าอีกบ่ครับ

รูปกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของๆเรา
เพราะเราไม่ใช่กาย
เพราะเราไม่ใช่ของ
เพราะของไม่ใช่เรา
เพราะเราเป็นสิ่งหนึ่ง
กายเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
ของก็เป็นอีกสิ่งๆหนึ่ง
ลุงแมวยอมรับไหมว่า
กาย.สิ่งของ.เรา.ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

 

ไม่เข้าใจเรื่องพื้นฐานสักกายทิษฐิ แต่ตั้งใจ
จะเป็นพระพุทธเจ้าอีกด้วย
พูดให้ชาวบ้านหงุดหงิดเก่งขนาดนี้
คงจะเป็นพระพุทธเจ้าได้จริงหยอ

 

ใครปราถนาเป็นสาวกเป็นพระอรหันต์
ก็ดับกิเลสเข้าพระนิพพานไปครับ
ใครปราถนาพุทธภูมิต้องมาเกิดอีกครับ

 

มุ่งเกิดอีกตายอีกหลายรอบ
เพราะมีเป้าหมายเพื่อเป็นพระโพธิฯ
ก็ต้องกำจัดอวิชชาจนหายโง่
อาจจะต้องมีปัญญามากกว่า
พวกต้องการสิ้นชาติอีกมัง อันนี้เรียนไม่ถึง

 

ตอบได้คงตอบมาแล้ว
ไม่ยอมตอบไม่ยอมจำนน
ไม่ยอมรับความจริง
หาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้
ก็จะหงุดหงิดเป็นธรรมดา

 

จะเห็นได้ชัดเจนว่าลุงแมว
ไม่ยอมตอบคำถามแบบตรงๆ
นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า
ลุงแมวยังไม่รู้ในสิ่งที่ถูกถาม
อธิบายไม่ได้ตอบไม่ได้ไปต่อไม่เป็น
เพราะลุงแมวไม่รู้นั่นเองครับ

 

ผู้ที่ไม่ถือตัวไม่ถือตนจริง
ธรรมะใดสอดรับกันไม่ขัดกัน
จะยอมรับทันที
ไม่กระด้างกระเดื่องเหมือนลุงแมว
สังเกตุได้ไม่อยากครับ

 

เปลี่ยนชื่อเถอะ คุยไม่รู้เรื่องเหมือนชื่อ
แรกเลย
ลองเปลี่ยนชื่อใหม่อาจจะพูด
รู้เรือ่งขึ้นเนอะ

 

เราจะไม่มานั่งงับเงา คนอื่นไม่รู้ ถ้าเรารู้ก็ไม่มีเหตุให้มานั่งงับเงา คนเรามันต้องมีดีจึงได้เรียนรู้ศึกษาธรรม สิ่งที่เขารู้เหมือนที่เรารู้ไหมก็ไม่ใช่ประเด็นมาก สำคัญที่ เรากำลังทำอะไรแล้วเราจะต่อเรื่องราวนั้นยังไง สนใจธรรมก็ดีแล้ว แต่ไม่ใช่รู้แล้วจะต้องเบียดบังใคร ความเสมอกันแท้จริงไม่มี แต่ถ้าจะวัดก็ถามให้ตรงจุด เช่น ละกิเลสกามอย่างไร หรือ ละกิเลสโลภอย่างไร หรือละกิเลสความหลงนั้นได้อย่างไร

 

ก็ถามเขาตรงๆ ไม่ต้องไปเหน็บอะไร ถ้าเขาอยากตอบเขาก็ตอบ ถ้าไม่ก็สุดแล้วแต่เขา ถ้าคิดว่าธรรมเอื้อให้แก่กัน สุดท้ายมันจะวกวนไปได้สักเท่าไหร่ แล้วจะใช้อะไรที่โลกมีไปได้สักเท่าไหร่ แล้วไง ใช่ไหมลุงแมว

 

งั้นก็วางครูอาจารย์ไว้ก่อน
แล้วมาสนทนาเรื่องร่างกาย
ว่าเห็นตรงกันไหม
ร่างกายประกอบกันด้วยธาตุสี่ไหม
ขันธ์ห้ามีรูปเวทนาสัญญา
มีสังขารวิณญาณเหมือนกันไหม
จิตอาศัยร่างกายเห็นเหมือนกันไหม
ลุงแมวเห็นเหมือนกันก็บอกว่าเห็นเหมือนกัน
เห็นไม่เหมือนกันลุงแมวก็แย้งมาครับ

 

เห็นเหมือนกันถูกต้อง

 

บางทีภาษาความคิดกับภาษาธรรมนี่มันก็ทำให้งง และอะไรบางอย่างได้เช่น ร่างกายประกอบด้วยธาตุสี่ไหม หรือ... จำไม่ได้ รึเรียกว่า มหาภูตรูป ถ้ากลับคำใหม่ เพราะมีมหาภูตรูปจึงประกอบเป็นร่างการ เหตุเพราะยึดเอาความไม่เป็นแก่นสารในมหาภูตรูปจึงก่อเกิดเป็น .... ตัวตน ความชอบมั้ง ความโกรธมั้ง ไม่รู้แล้วแต่จะคิด ที่จริงธรรมไม่ได้ให้เราหาเหตุแห่งความเป็นเรา แต่ให้หาเหตุของความเป็นเรา มหาภูตรูปต่อให้ไม่มีเรา มันก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไปจนกว่าจะไม่มีเหตุแห่งมหาภูตรูป แต่เรานั่นต่างหากยึดเอาภูตรูปทั้งหลายเป็นเหตุ งง ใช่ไหม กิเลสมันมาจากเหตุที่เราเอาภูตรูปมารวมกันแล้วให้ค่าหรือว่ามันรวมกันแล้วมีค่า ลองตรองดูสิ

 

อือ มันก็น่างงจริงๆ เนอะ ดังนั้น แต่ละคนจึงเห็นได้เหมือนกันนั้นเป็นเรื่องยาก จงทำใจ

 

ลุงแมวบอกสอนให้เป็นคนดีสอนผิด
คุณฟ้ากับเหวว่าคิดเห็นว่ายังงัยครับ

 

อย่างแรกเลยอธิบายความหมาย
ของคำว่ามหาภูตรูป
ให้เข้าใจง่ายๆให้ได้ก่อนครับ
มหาภูตรูปคืออะไร

 

คำถามคือ สอนให้เป็นคนดีสอนผิด แต่ว่าคนดีนี่ผิดยังไง ลุงแมวพูดถึงการสอนหรือพูดถึงบุคคลละ แต่ว่าการที่เราหวังดีกับใครแม้ว่าเราจะไม่รู้รอบ ถ้าด้วยเจตนาดีก็น่าจะดีนะ เราสอนอะไรละ สอนสิ่งที่เรารู้หรือสอนสิ่งที่เราไม่รู้ ถ้าสอนสิ่งที่เราไม่รู้ มันจะตอบคำถามยาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามสอนตามที่รู้ ด้วยเจตนาดี มันก็มีแนวโน้มจะไปในทางที่ดีครับ

 

มันคือความหมายเดียวกับธาตุทั้งสี่ครับ

 

ร่างกายไม่ใช่เรา
ร่างกายไม่ใช่ของๆเรา
จิตวิณญาณไม่ใช่เรา
จิตวิณญาณไม่ใช่ของๆเรา
ร่างกาย.จิตวิณญาณ.เรา
ไม่ใช่สิ่งเดียวกันลุงแมวเห็นเหมือนกันไหม
ลุงแมวเห็นไม่เหมือนก็แย้งมาครับ