ทำอย่างไร จึง "เห็นธรรม"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อัศวินสีชมพู, 19 เมษายน 2021.

  1. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    การมานึกคิดเรื่อง ภูมิจิตร ภูมิธรรม ของพระอริยบุคคลเป็นเรื่อง นานาจิตตังครับ ก็ได้เเต่คาดการณ์ ได้เเต่เดาไปตามหลักการไปเรื่อย ซึ่งท้ายที่สุดอย่างไรก็ไม่รู้หรอกครับ เพราะผู้ที่ตอบได้จริงมีเเค่ผู้ที่เป็นเท่านั้น ซึ่งปัญหาก็คือ จะเชื่อได้อย่างไรว่าคนเขียนเป็นโสดาบัน หรือไม่เป็น ก็จะเห็นว่ามันไม่ได้มีเครื่องมือมาตรวจสอบ มาวัด เเล้วการันตีผลได้ เพราะรู้ได้ด้วยตนเท่านั้น เพราะฉะนั้นการถกเถียงเรื่องนี้จึงไม่เกิดประโยชน์เเละเสียเวลาครับ เพราะจะเถียงไม่จบ
    เเล้วผมบอกไปเเล้วว่า พระโสดาบัน เห็นเเค่ไหน ก็รู้เท่านั้นครับ ไม่ใช่ว่าบรรลุธรรมเเล้วเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ตอบได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
    อย่างเรื่องอามิสบูชานี่ ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดหรือรู้ได้จากมรรคผล ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้ พระโสดาบันจะรุ้มั้ยครับ? ถ้าไม่อ่านไม่ศึกษาในส่วนอื่นๆจะรู้ได้มั้ยครับ?

    สิ่งที่พระโสดาบันรู้เเน่ คือ ทุกข์ เหตุเเห่งทุกข์ การปฏิบัติไปให้ถึงความดับทุกข์

    สิ่งที่พระโสดาบัน มีเเน่ คือสัมมาทิฏฐิ ซึ่งเป็นเหตุเเห่งความดีทั้งหลาย เป็นเหตุเเห่งการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั่นหละครับ

    ส่วนอย่างอื่นนั้น พระโสดาบันก็มนุษย์ผู้มีกิเลสคนนึงนี่เอง ในคัมภีร์ก็มีตัวอย่างให้เห็นตั้งมากมายของผู้บรรลุธรรม ก็จะเห็นว่าถ้าไม่ได้บวช ก็เเทบปกติธรรมดา ไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรเลยครับ เเต่ที่ต่างออกไปจากปุถุชนคือมีสัมมาทิฏฐินี่หละ อย่างที่ผมกล่าวไปเเล้วครับ
     
  2. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +372
    ไม่ได้นึกคิด แค่เคยเห็นเคยเจอ เลยสันนิษฐานว่า น่าจะคล้ายๆกัน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า น่าจะมีความแตกต่างบ้างไม่มากก็น้อย แต่น้อยที่สุดคือ เรื่องไม่มีสาระเขาย่อมรู้ชัด เขาไม่มานั่งแก้ไขอะไรที่ไม่เห็นต้องแก้ไข ถ้ามีการแก้ไขแปลว่า เขาคงยังไม่อาจมองเห็น และต้องรอเวลาสะสมไป ทิฐิหรืออะไรมันก็ไม่ใช่ทางที่ท่านทั้งหลายจะมาใส่ใจ อันที่จริงก็ไม่ได้ว่าในเรื่องใด และก็ไม่ได้บอกว่าไปด้นเดาจิตใคร แค่เคยเห็นเลยถามหรืออธิบาย เรื่องความวิเศษมันแล้วแต่คนจะมอง ส่วนตัวผมมองว่าท่านทั้งหลายล้วนวิเศษมากกว่าที่คุณรู้เยอะแยะ ที่ว่าวิเศษคือ ถ้าคนเรามันละหรือทวนกระแสตัณหาต่างๆได้ ด้วยตนเองได้แล้ว ไม่ละเมอเพ้อพก คนธรรมดาเขาทำกันได้ทุกคนเหรอ มันต้องวิเศษสิ แต่ความวิเศษมันเรื่องที่คนอื่นควรรู้แล้วพิจารณาตาม ไม่ใช่วิเศษเพราะบอกเขาวิเศษ ผมจะเถียงเอาอะไร ผมรู้ตัวเองว่าผมเป็นใครก็พอ ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรและทำไปเพราะอะไรก็พอแล้ว ใครไปเถียงคุณ คุณมาที่นี่เพราะอยากเสนอธรรมคุณก็ได้ทำแล้ว ทีนี้หากมีผู้แย้ง คุณจะตีความว่าอย่างไร ที่แย่กว่าคือ เขาไม่ได้แย้งเพียงแค่บอกว่า มันน่าจะ แต่ความน่าจะอาจมาจากความมโน หรือว่า เคยพบจริงๆ ก็สุดแล้วแต่จะพิจารณาเอา เพราะผลลัพธ์ ไม่ได้เกี่ยวกันเลย ว่าจะคิดยังไง ย้ำเลยว่า พระอริยะเจ้าแม้เบื้องต้นจะมองเผินๆว่า มีกิเลส แต่ไม่ใช่กิเลสแบบปุถุชน เพราะคนที่คิดว่าอะไรก็เหมือนๆ กันคงไม่ต่างกันกับเรื่อง ทำๆไปนะ อะไรก็ตามที่เป็นการกระทำ ไม่รู้ว่าถูกต้องไหม ขอให้ตามบัญญัติพระศาสดาจะสรรเสริญ จะสรรเสริญได้อย่างไร เมื่อยังไม่รู้ว่าทำไปทำไม จะเป็นผู้ไกลจากกิเลสหรืออยู่ในกระแสพระนิพพานได้ยังไง ถ้ายังไม่รู้ว่า ทำไมต้องทำ
     
  3. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,070
    ค่าพลัง:
    +372
    คำว่ารู้แต่ทุกข์เท่านั้นพอ เอาจริงใช่ไหม รู้ทุกข์แต่เรื่องอื่นไม่รู้ มันจะเรียกว่ารู้ได้ยังไง ไหนจะเหตุแห่งทุกข์ไหนตะอะไรต่อมิอะไร สุดท้ายเอาแค่นั้นนี่นะแลเวบอกว่ารู้ อันนี้ผมว่า คนที่อ่านหนังสืออกเขาก็พูดได้ทุกๆคนคับ ถ้าอย่างนั้น คนที่รู้ว่าทุกข์คืออะไรทุกๆคนต้องเป็นพระอริยะเจ้านะสินะ แล้วทำไม ในบอร์ดนี้ไม่มีละ หรืออาจมี แต่เขาไปประสงค์จะออกนาม เขาก็ไม่น่าจะอ้างเรื่องทุกข์นะว่า ถ้ารู้แล้วจะเรียกว่าถึงกระแสพระนิพพาน ที่จะบอกคือ กว่ามันจะเจอเหตุก็ไม่ง่าย หรือกว่าจะดับเหตุก็ไม่ง่าย ถ้ามีครบคำว่า กว่าจะนั่นแหละที่จะบอกว่า ทำไมถึงทำแบบนั้นและทำไมถึงเป็นแบบนี้ ถ้าปฎิบัติแบบอ่านตำราก็ควรตั้งสติดีดี มันมักจะดึงเข้าตัวเสมอ ระหว่างทางในคำว่ากว่าจะ นั่นคือ สิ่งที่เราจะพบจะมามัวตั้งคำถามหรือฟันธงว่าต้องปฏิบัติบูชาเท่านั้นสุดยอด คงไม่ใช่วิสัยทั่วไปของพระอริยะเจ้า มันคงการันตีแล้วละว่า มองไม่เห็นในส่วนที่ควรเห็น ผมก็แค่เคยได้ยินได้ฟังมา ในคำว่า พระอริยะเจ้าเบื้องต้น สิ้นสงสัย สงสัยในอะไรละ ในเพียงแค่ทุกข์อย่างนั้นรึ รึเพียงแค่ใน ไตรสรณคมน์ รึในทุกๆสิ่ง นี่ต่างหากเรียกว่า การการันตีตนเอง เพราะรู้ได้ด้วยตนเอง
     
  4. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    อย่างเเรกนะครับ เรื่องของการเเก้ไข ถ้าหมายถึงเเก้สิ่งที่พิม ผมเเก้เพราะความสมบูรณ์ของประโยคของสิ่งที่เขียน เช่นปรับเเก้คำ หรือเเก้คำที่พิมผิด หรือเพิ่มคำให้สมบูรณ์ขึ้น มันไปเกี่ยวอะไรกับมองเห็นหรือมองไม่เห็นครับ

    เเละที่ว่าไม่วิเศษ คือภาพลักษณ์ การกระทำหรือลักษณะที่ไม่ได้วิเศษ หรือเเปลกประหลาด เเหวกเเนวไปจากคนทั่วไป
    ส่วนเรื่องจิตใจย่อมวิเศษกว่าปุถุชนอยู่เเล้วครับ อันนี้ไม่ต้องกล่าวก็รู้กันปกติอยู่เเล้ว ไม่จำเป็นต้องบรรยายอะไรให้มากความเลย

    เรื่องของกิเลสนั้น โลภ โกรธ หลง โสดาบันมีเฉกเช่นเดียวกับปุถุชนครับ เเต่การกระทำชั่วอย่างหยาบ คือ ผิดศีล 5 ไม่มีในโสดาบันครับ
    เเละโสดาบันคือผู้มีสัมมาทิฏฐิ เพราะตัวสัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบ เห็นถูกนี่หละครับ เป็นเหตุเเห่งความดี เป็นเหตุเเห่งการปฏิบัติดี คือ ทาน ศีล สมาธิ ภาวนา (มรรคมีองค์ 8 - ทำดีละชั่ว)

    สัมมาทิฏฐิเป็นของสำคัญครับ จะไม่ให้กล่าวถึง หรือไม่สนใจไม่ได้ เพราะสัมมาทิฏฐิคือองค์ในมรรคมีองค์ 8 ถ้าขาดไปก็เกิดมรรคผลไม่ได้ครับ
    เเละเผื่อคุณอาจจะไม่รู้ ว่าสัมมาทิฏฐิของปุถุชนกับโสดาบันนั้นต่างครับ
    สัมมาทิฏฐิ ของ ปุถุชนเป็นโลกียะ ยังไม่ใช่สัมมาทิฏฐิในองค์ 8
    สัมมาทิฏฐิ ของ โสดาบันเป็นโลกุตระ เป็นสัมมาทิฏฐิในองค์ 8 เป็นสิ่งที่เกิดในมรรค เป็นการเเจ้งความจริง เป็นการเห็นชอบด้วยปัญญา
    เพราะฉะนั้นถ้าไม่ให้ความสำคัญ หรือบอกว่าไม่ไปกล่าวถึง ย่อมไม่ใช่ครับ.
    สัมมาทิฏฐิ (โลกุตระ) ไม่มีในปุถุชน.

    เเละอีกอย่างนะครับ ที่ว่าเคยเห็นเคยเจอ เเล้วคุณมั่นใจได้อย่างไรครับ ว่าเเท้เเน่ จริงเเน่ ในเมื่อคุณก็ไม่สามารถไปรู้ภูมิจิต ภูมิธรรมของท่านเหล่านั้นได้ เเละมีเพียงเเค่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่พยากรณ์ให้ได้จริง ผมจึงถามว่าคุณเเน่ใจได้อย่างไร?
    ไม่ต้องยกกล่าวเรื่องปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบครับ เพราะเรื่องการปฏิบัติดี ปุถุชนก็ทำได้ครับ

    เเละสุดท้ายขออธิบายเรื่อง ปฏิบัติบูชานะครับ เพราะคุณอาจจะเห็นต่างออกไป จากที่ผมต้องการจะสื่อ

    ปฏิบัติบูชา คือ การปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา หรือพระสาวก
    พระศาสดาสอนอะไร?
    -อริยสัจ 4
    อริยสัจ 4 คืออะไร?
    -ความจริงอันเสริฐ
    ความจริงอันประเสริฐ คืออะไร?
    -ทุกข์ เหตุเเห่งทุกข์ ความดับทุกข์ หนทางเเห่งการดับทุกข์
    หนทางเเห่งการดับทุกข์คืออะไร?
    -มรรคมีองค์ 8

    เพราะฉะนั้นผู้ใดเจริญมรรคมีองค์ 8 ตามคำสอนของพระศาสดา ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่า ปฏิบัติบูชาครับ

    ไม่ใช่มีความหมายโดยตรง ของการปฏิบัติที่หมายถึงการถวายของ หรือปฏิบัติไปตามธรรมเนียม
    เพราะนั่นเป็นเพียงธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมา อันมีปัจจัยที่ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ยุคสมัย
     
  5. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    # เผลอแว๊บเดียวตามอ่านไม่ไหวเลย... จขกท.มีแขกเยอะมากนะครับ
     
  6. มาเปิดเพลง

    มาเปิดเพลง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2021
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +469
    ไม่เคยสงสัยในทางแค่แวะปลดทุกข์ข้างทางพอเป็นได้มัยแบบนี้55
     
  7. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ข้างทางแบบนี้ไหมฮับ

    FB_IMG_1618880233803.jpg

    #คิดถูกไหมฮับนี่ เชิญจขกท.มาพลังจิต สมาชิกแต่ละคนรับน้องกันใหญ่

    #ทัวลง
     
  8. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ผมก็ไม่ได้กำกับเเค่รู้ทุกข์ ลองอ่านดูอีกซักทีมั้ยมั้ยครับ "รู้ทุกข์ เหตุเเห่งทุกข์ หนทางในการดับทุกข์"

    เเล้วถ้ายังสงสัยว่ารู้ทุกข์คืออะไร.. ถ้าคุณปฏิบัติถึง.. การกำหนดรู้ทุกข์คุณย่อมต้องรู้ครับ.. เพราะเหตุปัจจัยในธรรมทั้งหลายมันเชื่อมโยงกันทั้งหมด คุณย่อมไม่เกิดคำถามเเบบนี้ เเละคงไม่ถามมาลักษณะนี้ครับ ความรู้ ความเข้าใจของคุณยังเเค่เบื้องต้นที่อาศัยการอ่าน การจำ การวิเคราะห์ ยังไม่ใช่ความเข้าใจจริงครับ
    เเต่ถ้าคุณว่าเข้าใจจริงเเล้วผมก็คงต้องขอโทษด้วย
    เเต่ผมกล่าวไปตามความเห็นของคุณที่เเสดงออกมาครับ ว่าคุณยังไม่เข้าใจจริง เเม้เพียงจากการอ่านมาตีความก็ตาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2021
  9. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    คุยได้หมดหละครับ มีเหตุเเละผล เเละให้เกียรติกันก็พอครับ
    ประเภทมีทิฏฐิมานะสูงก็คุยยากหน่อย
     
  10. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    สนใจความเป็นพระอริยบุคคล สนใจพระโสดาบัน ไปหลงอัตตาว่าเป็นนั่นเป็นนี่ ทั้งที่ความจริงไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้น เหมือนที่ผมโพสไป ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น

    ธรรมเเท้ๆที่ควรน้อมใส่ตัวนั่นหละสาระสำคัญ
    ไม่ใช่การไปยึดติด ไปให้สาระกับสถานะความเป็นอริยะที่เป็นเพียงสมมุติบัญญัติ

    ธรรม มันไม่มีใครเป็นอะไรโดยเเท้จริงทั้งนั้น
     
  11. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ต้องรู้ทุกข์ จึงรู้ธรรม
    ไม่รู้ทุกข์ก็ไม่รู้ธรรม

    เห็นไตรลักษณ์ ก็เห็นทั้งโลกครับ
     
  12. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    มี 2 ทางครับ ถ้าเข้าไปรื้อค้น แล้วออกมาพิจารณาจนกว่าจะคลี่คลาย สิ่งที่ถูกรู้ได้ ก็ล้ำหน้านะ

    แต่ถ้าพยายามรื้อค้น โดยไม่หยุดเลย อาจทำให้ขาดสติ หลงมายาของ นิมิตร ได้ง่ายๆ

    ควรผูกจิตที่ กุศลกรรมบท 10 ไว้ดีๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็ ศีล กรรมบท 10 พรหมวิหาร 4 พระรัตนตรัย ก็น่าจะรอด
     
  13. Parinya2021

    Parinya2021 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2021
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +2
    อันนี้สามารถทำให้เกิดขึ้นได้อีกตามต้องการไหมครับ เรียกสภาวะนี้ว่านิโรธ ก็ได้ใช่ไหมครับ
     
  14. นุ้งปลวก

    นุ้งปลวก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2021
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +14
    upload_2021-4-22_0-44-25.png

    มีแต่พระอรหันต์ ที่ได้สัมผัสพระนิพพาน

    สามผลแรก หากได้สัมผัส พระนิพพาน ก็จะแย้งกับ พระไตรฯ
    เพราะนิพพาน ไม่มีเข้าไม่มีออก
    หากมีเข้าๆออกๆ นิพพานโอ๋เด้ก ให้กำลังใจเด้ก

    แต่หาก ว่า สามผลแรก เป็นบุคคลที่ต้องบรรลุแน่นอน นี่ยังพอว่า ไม่ขัดกับพระไตร
     
  15. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    มาถามตอนไหนนี่

    เทคนิคหลุดโค้งดาราสวนเสือ ท่านจะให้
    พินาง่ายๆ เวลา ไม่รู้ หรือ รู้ หรือ ซ้อนรู้ ว่า

    "หากเห็นว่ามันเที่ยง ก็แปลว่าผิด"

    ซึ่ง คำในตำราก็กล่าวว่า

    "สิ่งไม่เที่ยง เห็นว่าเที่ยง" เป็น มิจฉาทิฏฐิ

    ถ้าคำ รักวงกำกระถาง ก็ใช้คำว่า "ฝุ้งเฝ้อเห่อเหิม"

    ที่นี้ถ้าวัดกับแบบ ลาไมล์ ก็รู้ไปอีกว่า "เท่าทันทิฏฐิกธรรมไหม"
    เพราะแม้นแต่ พลังวัจจระดับ9 ก็ยังจัดเป็น "ทิฏฐิกธัม"
    หากรู้เท่าเอาทัน ก็จะเติม "สัน"

    ปล : ซ้อนๆๆๆๆ หากออกมาแล้ว ตกลงไปอีกทันที
    ที่นึกถึงการปฏิบัติ เหมือน "ช้างติดหล่ม" ก็จะเริ่ม
    เป็น ปัญหา แต่ถ้ากล้าพอ ก็สู้ไป จะมึนตึ๊บ แต่ถ้า
    ไม่มีวี่แววว่า จะหาทางสลัดการติดหล่มได้ ก็ต้อง
    เลิกการปฏิบัติไปก่อน ( แม้นคิดจะเลิก มันก็พาติด
    หล่มได้อีก นะฮับ เพราะ จัดเป็นการนึกถึงการปฏิบัติ
    "ทำอย่างไรจึงจะถูก" นี่แหละ ตัวดี ความพยย อยู่
    ที่ไหน ช้างติดหล่มลงที่นั่น )

    ปล 2 : "ปัญญานั้น ไม่มีที่สิ้นสุด" ดังนั้น จันจิราจูแจ้ง
    คนเก่าคนแก่ นี่ต้องหมั่นเข้าหา ทำความรู้จัก ไม่เช่นนั้น
    จะละอ่อนไป ก็ 11รด ไปเรื่อย

    ปล 3 : "คำว่าเสื่อม คำว่าเจริญ เป็นเรื่อง เดรัจฉานกถา"
    โดย เพอรซีอุสเน่ารี่ จะใช้สิ่งนี้ "เป็นธรรมเตือน" เช่น
    " หากทำอย่างนี้ๆ แล้ว จะเจริญ/เสื่อม " ป๊าป! โดนมัน
    หลอกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2021
  16. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    พอ กล่าว ปล 3 ก็ นึกขึ้นได้ ถึง เรื่องเล่ารักวงกำกระถาง

    มีพระท่านหนึ่ง พอสังเกตว่า มันเจริญสว่างไสวได้อย่าง
    ไร้ขอบเขตทะลุทะลวง พอนึกถึงการปฏิบัติ ก็ติดหล่ม
    สว่างไสวทะลุทะลวงไม่สิ้นสุด เข้าเขต เดรัจฉานกถา

    ธรรมจึงเตือนว่า ตุ๊มๆ ต่อมๆ ตุ๊มๆ ต่อมๆ จุด และ ดวง

    ทั้งนี้ทั้งนั้น ธรรมอันไม่เกิดจากปัจจัย อสังขตต่างหาก
    ที่ รอลีอ้อน
     
  17. Kunst

    Kunst สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2015
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +16
    เรื่อง รู้ซ้อนรู้ ไปเรื่อยๆ คงจะไม่ทำแบบนั้นเพราะยากเกินไป เป็นแค่เรื่องที่คิดไว้เฉยๆ ลองทำดูแล้ว เหมือนมันจะหลบอยู่แต่ข้างใน ไม่ออกมารับอารมณ์ภายนอก ผลคือ เบลอ

    อยู่กับปัจจุบัน รู้เท่าทันอารมณ์ที่มากระทบ พิจารณาความเกิดขึ้นดับไป แบบที่ทำอยู่นี้ ก็พอแล้ว

    พอไปอ่านมาเพิ่มและมาพิจารณา เช้านี้ ก็เริ่มเห็นเพิ่มมากขึ้นครับ ในความว่าง มีหลายอย่างมากมาย ตอนนี้เริ่มเห็น อินทรีย์และพละ แล้ว

    ขอท่านอย่าเห็นว่าเป็นการ พูดมาก ถามมาก นะ พระไตรปิฎกมีอุปการะแก่ผม comment ของท่านก็ช่วยผมได้มากเลย บางทีอ่านพระไตรฯมาแล้ว ยังไม่เข้าใจทันที แต่พอท่านมาอธิบายนี้ มันเข้าใจนะ ทำให้ได้เห็นแง่มุม ว่าต้องเข้าไปพิจารณาแบบไหน
     
  18. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    11รด ไม่ 11:59 ไม่ 12:01

    จะเป็นผู้ชะโงก เห็น น้ำก้นบ่ เป็นปัจจัยในการ 11รด
    นอกนั้นเป็นเรื่อง คลี่ทุดกุดถัง ดำริเอา

    ภาวนาไปอย่างนี้ ไม่ต้องไปกังวลว่า จะตักมาดื่ม

    ปีนกำแพงดู เขาเข้าเฝ้ากันในราชวัง ไม่ต้องไป
    กังวลว่าจะพลัดตกไปร่วมกับเขา เป็น อฐานะ
    ( ความรู้ชัด มึนไม่มีสุด มีแน่นวล / ประโยชน์จะเกิดต่อเมื่อ กาละ เทศะ ผลิบาน)

    แต่ถ้าเผลอตกลงไปจีๆ ระวังเป็น ข่าวกิโยติน
    ตัวใครตัวมัน โชคดีที่ ตอนนี้ไม่มี ฐานาฐานะนั้น

    แต่ก็นะ หากพินาให้ใกล้เข้ามาสักแสนโกฏิอสงไขย
    จะเข้าหา พระประธาน แล้วหันไปหา จันจิราจูแจ้ง
    ก็แล้วแต่ ขัมภโต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2021
  19. มาเปิดเพลง

    มาเปิดเพลง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2021
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +469
    โมเมนต์หวานๆของพญาตีน555
     
  20. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ตรงสภาวะนี้ ผมอธิบายไปตามที่ได้สัมผัส ได้เห็นด้วยตนเองครับ

    เพราะว่าเกิดขึ้นจริง มีอยู่จริง ผมจึงได้กล่าวถึง

    จริงอยู่ว่านิพพานไม่ไป ไม่มา ไม่เข้า ไม่ออก ไม่เกิด ไม่ดับ เเต่สภาวะที่สัมผัสนิพพานไม่ใช่การเเจ้งนิพพานครับ เป็นเพียงการได้สัมผัสถึง
    ถ้าให้อุปมาก็เปรียบดัง เวลาเรานำมือไปใกล้กองไฟ ถึงเเม้เราจะไม่ได้ไปเเตะที่ไฟนั้น เเต่ก็ย่อมได้สัมผัสถึงความร้อนครับ ฉันใดก็ฉันนั้นครับ

    จะใช่นิพพานเเน่หรือไม่ จะสัมผัสมากน้อยเพียงใด เเต่ขอยืนยันว่าสภาวะที่อธิบายไปข้างต้น คือ สันติสุข เงียบ สงบ หลุดพ้น(จากความเห็นผิดว่ากายเป็นเรา ใจเป็นเรา เปรียบดังหลุดจากพันธนาการ) ซึ่งสภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นจริงครับ เเละเกิดเพียงชั่วคราวเท่านั้น เเละถึงเวลาจะผ่านมานานเเล้ว ผมก็ยังคงจำสภาวะนี้ได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...