ทำอย่างไร จึง "เห็นธรรม"

จงกรมไม่รู้จัก ก้เป้นแบบนี้ละ ออกไป ตะแล๊ด แต๊ดแต๋ แจ๋นแปร๋น ไปเรื่อย

 

คุณแนนต้องระลึกต่อ มันเงียบก้อต้องรู้ที่เงียบ จิตเขาจะนิ่งลงเรื่อยๆ จำไว้ว่า ทั้งปล่อยวางและไม่ปล่อยวางไม่ใช่จิตทั้งคู่

จิตจริงๆ เขาไม่คิดอะไร จำสูตรนี้ไปใช้ได้ ถ้าคนที่ไม่มีครูสอน จะผ่านไปได้ทุกสภาวะ

 

จิตเขาสัมผัส แต่มันก้อเป็นการเข้าออก จิตต้องผ่านอันนี้ ไม่ใช่การมโน เหมือนดูสปอยหนัง ก่อนไปดูหนังเต็มๆ นั่นแหล่ะ

มันแล้วแต่คนนะ จะว่าไม่สัมผัสก้อได้ สัมผัสก้อได้
แต่สภาวะนี้มีอยู่จริง ลองดูทางสาย ลต.บัวก้อได้ น่าจะมีพูดถึง

ตอนนี้บ่องตง ไม่สนใจสภาวะเข้าออกพวกนี้เลย สนใจทำจากชีวิตจริง เข้าไปมากกว่า จิตเขาจะเปลี่ยนอารมณ์ไปเรื่อยๆ ไม่นิ่งรับรู้ผลงานอะไรแบบนี้อย่างเดียวหรอก

 

โสดาบันสมัย พุทธกาล

ท่านบรรลุ ขณะโยนตัว ตีลังกา กลางอากาศ ผั๊ว!!
ก่อนที่ มือจะสัมผัส มือ คนที่โหนมารับ





เงียบให้รู้เงรยบ แอ๊กซ์ แด๊กซ์ๆๆๆๆๆ

 

ทำไมคุณถึงยังไม่เลิกกล่าวหาว่าผมไปลอกคนอื่นเค้ามาอีกครับ?
คุณต้องการอะไรกันเเน่ ผมย้ำเเล้วว่าผมปฏิบัติ รู้เห็นด้วยตนเองจริง เห็นอย่างไร ก็ว่าอย่างนั้น
อันไหนไม่รู้ ไม่เห็น ก็ไม่ต้องกล่าวถึง

ถ้าคุณจะสำคัญตนว่าเหนือกว่าผม รู้ยิ่งกว่าผม นั่นก็เป็นสิทธิ์ของคุณ
เเต่การมาโจมตีว่าผมไปลอกเลียน คนนั้น คนนี้ คุณทำไปเพื่ออะไรครับ?

 

หลวงตามหาบัว ท่าน ภาวนาสำเร็จ

เห็นกิ่งไม้เป็นงู กระโดดโหยง



ไม่มีฮับ เงียบให้รู้เงียบ บริสุทธิ นิดนานนนน

 

พระท่านมีแต่ พูด หนึ่งไม่มีสอง

นี่ เข้าหนึ่ง แล้วยังออกมาเป้นสอง โดนหลอกเต็มๆ ซ้ำซาก
ทุกอย่างมันก็อยู่ในชีวิตจริงทั้งนั้นแหล่ะ
การฝึก ก้อยู่ในชีวิตจริงล้วนๆ ไม่มี มรรคเลือกข้างข้ออ้างบลาๆ

 

ลุงพยาธิ ลต.บัวท่านนิพพานแล้วป่ะ คือไม่ใช่สภาวะเข้าออก

ท่านสะดุ้งเพราะกิ่งไม้ แต่ไม่มีกลัวที่เป็นสังโยชน์แล้ว
จะเอามาเทียบกับโสดาได้ไง คนละเกรด

ไม่พูดก้อไม่มีใครว่าเป็นใบ้นะลุงพยาธิ อย่ามาเปรี้ยว ขอร้อง

 

ก็อยู่ที่ว่าให้ความหมายของคำว่า สัมผัส มากน้อยเเบบไหนครับ
ความหมายของสัมผัสที่ผมให้ ได้อุปมาเรื่องของเปลวไฟไปเเล้ว
เเต่ถ้าคุณให้ความหมายของการสัมผัส ว่าเป็นการเข้าไปถึง หรือการเเจ้ง
การกล่าวว่า ยังไม่ได้เรียกว่า สัมผัส
ก็กล่าวถูกเเล้วครับ.

 

พวกนี้เป็นสภาวะ มันเข้าออก แต่ไม่ใช่เข้าออกแบบฌานตัวแข็งกดไตรลักษณ์ อะไรที่เราไม่รุ้อย่าคิดว่าไม่มี มีอยู่

ถ้าใช้ความคิดไปไม่ถึง นึกภาพไม่ออกหรอก

 

แป่ว ก็บอกแว้ว

หาก แยกรูปแยกนาม ก็ยังไม่เป็น ไม่ต้องไปถามถึง
กวนไข่กับนมน้ำตาลด้วยไฟอ่อนจนพอเหนียว

 

มันจะมีอะไรมากกว่า เข้าออก หรือเกิดดับ ในโลก
ไหน ตะโกนดังๆมีอะไรอีก ที่มากกว่าเกิดดับ

 

นิโรธเราเจอบ่อยและ
แต่เราไม่แจ้งเลยไม่รู้จักมัน
กะคิดว่าเป็นของมาหนดียว
พอเราไม่แจ้งในมรรคเรากะวนซ้ำๆเหมือนพายเรือในอ่าง
จากใจผู้ชำนาญการพายเรือในอ่าง
พอแจ้งในอริยสัจ
มันกะเป็นสมุทรเฉท

 

สภาวะบางอย่าง มันเหนือการคิดวิเคราะห์ การจินตนาการครับ เปรียบดังการไปจินตนาการถึง นิพพานนั่นหละครับ ว่าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้

สภาวะบางอันถ้าไม่สัมผัสด้วยตนเอง ก็จะหลงคิดไปว่า ไม่มี
ซึ่งคำว่า ไม่มี นี่มันก็มาจากการวิเคราะห์ตามหลักการ หลักเหตุผลนั่นหละครับ
ธรรมะเเปลความหมายเเท้จริงได้ด้วยการปฏิบัติ ไม่ใช่การวิเคราะห์

 

เคส ลต บัว น่าจะหมายถึง ร่างกายยังทำงานตามสัญชาตญานไม่เกี่ยวกับจิตมั้งคะ เหมือนกับเวลาเอาลมมาเป่าตา ตาก็กระพริบเองอัตโนมัติ

 

แล่นไปโน่นนิพพาน ลต.บัว

นี่เขาพูดแค่โสดา
โสดาไม่ได้ละอะไรได้มากมาย แค่ไม่เห็นผิดในบางเรื่อง

ของบางอย่างไม่ได้ขึ้น 1 2 3 4 5 นะลุงพยาธิ โดดขึ้นไปเลยก้อมี ลุงควรนึกถึงวาสนาเก่าที่เขาทำมาด้วยนะ

 

นั่นปลาไหล

นุ้งปลาวาฬน เห็นเป่า

" ธรรมะแปลความหมายด้วยการปฏิบัติ "
ลอกสูตรค่า Copy Cat

 

บักปอบเอ้ย มีเยอะแยะ สภาวะปัญญามีเพียบ ไม่ใช่แค่เกิดดับ

ก้อวันๆ สวดแต่รักษาหมี ก้อเป็นงี้แหล่ะ

สวดมนต์แบบค้าขาย ต้องมีการแลกเปลี่ยน แต่ไม่ใช่เพื่อพ้นทุกข์ จะไปรู้อะไรเกินสมถะได้

 

นั่นปลาไหล

ไป เจ๊าะแจ๊ะ ปลาวาฬนมาก ธรรมหายจ้อย

กาย กาย กาย พระศาสดา ใช้คำว่า จิต เรียกแทน

ละสักกายยะ ละอะไร

กร่อนธรรม น้ำคลองเข้าผสม ไปโน้น "ไม่เกี่ยวกับจิต"

เรียบร้อย โรงเรียน แจร๋นแปร๋น มุดตรงไหน

เบื้องต้นพรหมจรรย์ เป็นอันไม่ต้องพูดถึง

 

ไม่เกิด ไม่ดับ ก็นิพพานเเล้วหละครับ