ทำอย่างไร จึง "เห็นธรรม"

งั้นจะบอกว่า ลต ท่านสะดุ้งหยง เพราะจิต สั่งร่างกาย ท่านมีอารมณ์ตกใจ หวาดผวาขึ้นมา ก็ไม่น่าใช่อารมณ์จิต อรหันต์นะคะ

 

.

จริงๆ เห็นที่จิต แต่ไม่อยากพูดถึง เลยเขียนเป็นรูป จิตเป็นไตรลักษณ์ก้อมีอยู่ จุดประสงค์จะพูดเพียงแค่คร่าวๆ เพราะคุณแนนฝึกคนละกองกับเดี๊ยน

 

เนี่ยะ ชัดเจนเลย

เอานะ ในเมื่อ เสียไปแว้ว

ก็เลิกคุยแระ

กะลาลุ้ม

ปล ลิง : ก็เขียนโต้งๆ เป็นแค่เรื่อง แยกรูปแยกนาม เป็นหรือไม่เป็น

 

นั่นปลาไร

ปัญญา นี่ไม่เกิดไม่ดับ หรือไร ถ้าปัญญาไม่เกิดไม่ดับ

อย่ามาพูดเลย รู้ธาตุ 4

โม้สะยาว น่าจะเป็น ธาตุ 4 ตรากิเลส

สรุบ ยังไม่รู้จักอีกหรือ อะไรคือ มนต์พระพุทธเจ้า

 

แนะ ปล่อยทิ้งกันกลางทางตัลหลอด

 

กิวส์ๆ ปลาหวาฬน เก็บทรง มะอยู่

ตะกี้ก็พูด สังโยชน์ แล้วจะมา บอว่า ตะกี้พูดเรื่อง รูป

ระวัง กินข้าวจะกัดลิ้นตัวเอง นะฮับ

เวสทเก๊า เปง ห่วง

 

ลุงพยาธิทำรูปมีหนวดสีนี้ให้หน่อยจิ อยากได้อ่ะ แต่เอาภาพใหญ่ๆ นะ

 

ลุงพยาธิ ปฎิภาคมันก้อรุ้ที่จิต มันไม่ใช่การคิดอีกแล้ว
ถ้าภาพไม่ขึ้น จะเป็นขั้นปฎิภาคได้ไง ไม่อยากพูดกับลุงเพราะชอบเอาไปอิงสมถะ ก้อลุงไม่ได้ฝึก ลุงอ่านจากตำรา

คุณแนนเขาก้อไม่ได้ฝึก ตจฯ เลยเขียนเน้นรูป ถ้าเขียนจิตเขาจะนึกออกมั้ย บางครั้งปฎิภาคมันแยกธาตุออก บางครั้งก้อสลาย เอาไรแน่นอนได้ที่ไหน

 

หมายถึง ไม่ใช่เห็นแค่อารมณ์นี้เกิด แล้วดับ แบบนั้น
มันมีหลายตัว สันตติก้อมี ไตรลักษณ์ ก้อมี การสลัดออกก้อมี จิตรู้ความว่างก้อมี จะบอกแบบนี้

แต่ทั้งหมดก้อคัพเว่อร์ ไตรลักษณ์ทั้งนั้น

 

เห็นมะ แบ เบอร์

งานศิลป ควร กราบร้องขอใคร ยังแยกไม่ออกเลย

ภาวนามายังไง ฮับ

<php?

function pv($m,$y0,$y1,$x0,$x1)
{
/// y - y1 = m(x - x1)
// foo bar
// . project end not define so coding wait state = 1

return(360) ;
}

 

จะว่าไปก็เคยดึงมาพิจารณานะคะ แต่มันไม่เอา ไม่ทำ ไม่ภาวนา ปัดทิ้งความคิดนั้นหมด

 

ต้องฟัดกะมันค่ะ เรายังมีจิตอวิชชาอยู่ ไม่งั้นเขาจะปล่อยวางตัวเองไปเรื่อยๆ ..ต้องให้จิตพินาอารมณ์ไว้ค่ะ

 

ขอลาไปส่องผู้ ก่อยนะขร่ะ เบื่อโซนคนแก่ม๊อกๆ ไม่มีสื่งเร้าใจ

บรัยยย์ อิอิ

 

เด่วลองใหม่

 

ธรรมมะ = Blockchain

 

กะปฏิภาคไปเรื่อยๆเดียวนิพภิทายานกะเกิด

 

อย่าไปงง ตามปลาซิว

การพิจารณา แยกเป้นสองอย่าง

เราพิจารณา กะ จิตพิจารณา

เราพิจารณา ก็การกำหนดค้นคิด มีการนึกน้อมรุป อสุภะเป็นต้น
อันนี้ คือ ขึ้นด้วยสมถะการตั้งรูปนิมิต

ส่วนการกำหนดรู้กายเคลื่อน จิตไหว ก้เป็นตั้งด้วย เรากำหนดรู้สภาวะ

ทั้งสองอย่าง พอเป็นเอง จะเกิดเป็น จิตพิจารณาเอง

เมื่อจิตเริ่มพิจารณาเอง นี่จึงเรียกว่า เริ่มเดินวิปัสนา เริ่มพ้นเจตนา

ฉะนั้น การกำหนดรู้ ทุกๆสภาวะ กายไหวจิตเคลื่อน
ก็เป็นการ ป้อนการทำงาน ให้เกิดสติ ให้จิตเข้าสู่การพิจารณาไปเองด้วยตัวของมัน

เจอปลาซิว ยกคำ ทำเท่ห์ เดี๋ยวก็จิตผู้รู้ เดี๋ยวก็จิตอวิชา ยำไปหมด

 

มันใช่เลยค่ะ

มันเป็นสภาวะเราสั่งให้เขาคิดตามเราสั่งไม่ได้ เขาไม่เอา ก็คือมันฝืนมันให้ทำตามไม่ได้เลย มันเป็นอิสระจากคำว่าเราไปแล้ว

 

เอาไว้ก่อนละค่อยคิด555
เคยบอกน้องไป
ปัจจุบันมันต้องใช่คำว่า
ใหญ่แล้วอดเอา55
กำลังใจเราต้องสร้างเรื่อยๆเพื่อไม้ให้ไหลไปตามโลก