ทำอย่างไร จึง "เห็นธรรม"

โซดาสิบแปดต้องรู้จักวางจิตให้ถูก
อย่าให้มีอะไรค้างคาใจ
แล้วมันจะสลัดความกังวลออกได้

ธรรมะเป้นทางเดินคนเดียว
ไม่ต้องมาพะวงห่มเหลืองห่มขาว ไม่มีใครเชื่อบ้าง คนค้านบ้าง
บ่นแบบไร้วุฒิภาวะ !

นะ
กล้าๆหน่อย สลัดของเก่าทิ้งไปให้หมด
ธรรมอยู่ปัจจุบัน
ถ้าตาดีมันจะค่อยๆล่วงส่วนไป
อีกฝั่งมีแน่

 

มีโซดาสิบแปดด้้วย555แอ๊ปเด็ก

 

มาแก้ข่าวให้ น้องจขกท.หน่อยฮับ

น้องเค้าไม่ได้ลอกผมมาหรอกฮับ สิ่งที่ผมเคยบรรยายไว้..เมื่อก่อน ผมเองยังหาแทบไม่เจอเลย

.. อีกอย่างของแบบนี้ลอกไม่ได้หรอกฮับ ... ความเห็น(ทิฐิ)ของแต่ละคน... จะเป็นตัวแสดง... ถ้าใช่รับรองว่าความเห็นถูก 100%

คุณเอกวีร์...ก็ไม่ต้องสงสัย มันเป็นความบังเอิญที่เหมือนกันมาก..แค่นั้นฮับ

 

ผมมองว่าจมูกคุณหมูตามกลิ้นผู้หญิงได้ดีมากกว่านะครับ555

 

แนะนำโซดาสิบแปดหุบปากเงียบ
ไม่ต้องคุยธรรมะ
ไปตั้งใจเรียน ตามหน้าที่ตัวเอง

แล้วสังเกตุ
โลกกะธรรม กับ โลกธรรม มันคืออะไร
นะ

ลองดูไม่เสียหาย
อย่าดูถูกความนิ่ง
พระในโลงแถวปากน้ำท่านว่า
หยุด เปนตัวสามเรด

 

อ้างอิงlink ให้จขกท เข้าไปอ่านหรือยังครับ อาจจะได้เข้าใจหัวอกซึ่งกันและกัน ดื่ม 3 จอกสาบานเป็นพี่น้องก็ได้ครับ

 

จริงๆผมเข้าใจความรู้สึกของน้องเค้าหมดเลยนะฮับ

#เหมือนกระจกส่องตัวเองไงไม่รู้55

 

#ตามกลิ่นสาวๆเป็น สกิลส่วนตัวฮับ

 

อธิบายทีครับ ผมพลาดอะไรไปรึป่าว?

 

พลาดตรงที่ใครเค้าสนโลก

 

อีกไกลแค่ไหนจนกว่าจะใกล้ บอกที

 

...

 

เคยไปบรรยายอะไรไว้ตรงไหนหรอครับ
ผมขอลิ้งเข้าไปอ่านได้มั้ยครับ

 

อ๋อ การ้อง โซดา&40

 

ไม่อร่อย40ต้องบวก150
มันช่างลงตัวจริงๆ55

 

จาย เยนเล่นๆ ไม่ต้องร้อนรนแดงเถือกทั้งแผง

มังเป็น วาสนาที่ยังพอมี พอเหลือ ที่แม้นแต่ตัวเองก็ไม่
สามารถเข้าถึง "บทความที่ตั้งใจจะสื่อเพื่อประโยชน์
อย่างงั้นอย่างงี้" ทิ้งไว้ให้โลกจดจำ

ที่มันเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ในทางธรรมเขาก็เรียก
ว่า มันเป็นการ พร่องของขันธ์5

ในสมัยพุทธกาล สาวก กับ ศาสดา บรรยายธรรมด้วยขันธ์5
แล้วพบว่า เหมือนกันทุกอักขระ

ในธรรมบทแปลไทย เขียนเป็น เชิงอัศจออรอหันการันยอ

หากศึกษาธรรมไม่เป็น ก็จะ น้ำตาเล็ดน้ำตาไหล ปลื้ม

แต่ถ้าลาออกไปทำ กะเษตะกอน เป็น จะเห็นเลย
มันเป็นเรื่องของความพร่องเป็นนิจของขันธ์5

แล่นไปตามปัจจัย ไม่มีใครเป็นเจ้าของ หรือเรียกว่า

ตะถา คะตา เป็นเช่นนั้นเอง เขียนให้ วิตถาร(ย่อลงอีก)
ก็ ตถาคต

ดังนั้น

ไม่มีฮับ ในโลกนี้ที่จะว่างจาก ตถาคต

ธรรมนิรุตติ จึงเป็น อำนาจของ ตถาคต เพียงผู้เดียว
ที่เป็นผู้หมุน ธรรม(ทุกสรรพสิ่ง)จักร

84000 ออกมาจาก จิต(มะอึง) ก็จึงเป็นเรื่อง มะโรงศรี* สถาณเดียว

------------------------------------
* หมายเหตุ แสมขาวคือไรไม่มีการอธิบาย แต่ถ้าเป็นมะโรงศรี
ก็สามารถคลิกดูรายละเอียดตามลิงค์ได้ฮับถ้าอายุยังไม่ครบ20

 

น้อง จขกท อย่าไปนอยด์กับคำตอบคนในนี้นะ อ่านเอาฮาอย่างเดียว ในนี้มีน้อยคนมากฝึกจริงๆ จัง ๆ ส่วนมากฝึกสนองกามสุขโลกๆ ทั้งนั้น ฝึกถึงตัวปัญญาหาได้น้อยมาก

ถ้าจะไปเทียบสภาวะ แบบไม่มีครูสอนมาก่อน ไปเทียบกับพระปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ท่านจะมีพูดถึงสภาวะพวกนี้ พอเราอ่านจะคลิ๊กสภาวะทันที

ส่วนลุงพยาธิ แกเป็นศาสดาองค์ใหม่ แกมีปัญหากับทุกคนที่ฝึก ยกเว้นขาจร อย่าไปสนใจ อิอิ

อ่านแล้วอย่าไปซีเรียสนะคะ

 

อุยๆๆ อุ้ยๆๆ (ไม่แน่นอน555)

 

ไหนๆ ก็ ไหนๆ แระ

สมมติว่า กะเษตะกอน พอเห็น ตะถะตา รำไร

เวลาทำอะไร พูดอะไร เป็นขาวก็ดี ดำก็ดี กะด่างก็ดี

แล้วมีไหม ที่แฉลบไปเอาเข้าตัว เกิด "อุปาธิ"

ถ้าไม่มี เน้นด้านไม่มีก่อง หากไม่มี "อุปาธิ"
ไม่มีการ สำคัญตัวว่าเป็นคนหมุนธรรม

ก็จะเรียกว่า "อุปาธิวิเวก"

เน้นเห็น อุปาธิวิเวก ไม่เอาธรรมเข้าตัว ก็จะเป็น
จังหวะของ สัมโพชฌงค์ น้อมเห็นการสลัดคืนไม่เหลือ

พอได้สัญญาโวสัคคะ มีรสอุมามิอย่างไร
ก็ค่อยเอามา ปลากรอบกับ อานาปานสติ อีกที

หลายซับ หลายซ้อน แล้วยังต้อง พหุลีกตา ชาคริฯ อีก
( ตรงนี้พระหลุดโค้งดารา ศรีราชา บอกว่า เป็นเรื่อง
ความต่อเนื่องระหว่างวัน สำหรับฆราวาส แต่ถ้าเป็น
ป๋มก็จะ ตอนนอนก็ต้องภาวนาด้วย หากเว้นก็ ม่ายฉ่านแระ )

ไม่ใช่ ว่างๆ แล้ว 19+

โชติปาละ ได้ยิน ปฏิฆาการะ บอกว่า กัสสปะพุทธจารย์ระบือแว้ว
ถึงกับ สบถ "หัวโล้นๆ จะเอาอะไรไป พหุลีกตา ชาคริคริฯ"
เลยไปเที่ยว เถียงนาหญ้าขึ้นรกมีกบในรูปูมีงูดูกาว้องอยู่พักหนึ่ง


ปล : พอเน้นด้านไม่มอุปาธิแล้ว แล้ว เปรี้ยง!! ก็ค่อย
กลับมาดู "ด้านมีอุปาธิ" ซึ่งจะต้องมี หากยังไม่ถึง
ขั้นต้องสวมเครื่องแบบผ้าธงพิชัยสงคราม แล้ว
จึงเห็น เหตุของการกำเริบ พร้อมทั้ง เหตุของการ
ดับไปของเหตุนั้นๆ ก็จะได้สิทธิตั้ง ลูกแก้ว โอมมะลึกึ๊กกึ๋ย เพี้ยง ได้ !!!


ปล2 : โททัคคะทางด้าน เทศนาแล้วไม่เอาเข้าตัว
แล้ว ผั๊วะ!! เห็นพระป่าจะเล่ากันว่า เกิด ก่อนบ่ายพฤหัส มีเป็น etc