ทำอย่างไร จึง "เห็นธรรม"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อัศวินสีชมพู, 19 เมษายน 2021.

  1. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    หนีไปได้ไงคะ มาช่วยกันดับไฟก่อน
     
  2. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    เอิ่ม

    อันนี้ต้องขอ โชวการ ฟังเขามา หน่อย

    อุมามิมต รส ที่ตื่นตาตื่นใจ มีที่ ดอนเขียวเล็ก ของ ขาจร ที่เล่าได้ สุดยอด

    "คนบรรลุ มันจะไม่รู้อะไรเลยเร๊อะ
    กิเลสเท่ากองเขาพระสุเมรสิ้นไป รู้ชัดทั้งหมด
    อีกทั้ง อะไรยังเหลืออยู่ ก็ รู้ด้วยสิ ไม่ใช่ไม่รู้ " ( มันจะจางๆ นะ เพราะคงไม่ตรงทุกคำ)


    นี่อะไร วื๊ดๆ ดูไม่ทัน เหลือครบ ที่เปลี่ยนคือ พยักหน้าคล่อง
     
  3. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    ดูทันหมด เกิดขณะจิตเดียว แต่สติจะแหกปัจจุบันออกให้กว้างๆ แต่พอจบสภาวะนั้น คือขณะจิตเดียว แต่ถ้าผ่านไปนานๆ จะลืม

    แต่ก้อพอจะจำได้คร่าวๆ
     
  4. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    สิ่งเเวดล้อมหนะจำได้ครับ คือช่วงเวลาเช้า ในบ้าน อิริยาบถน่าจะนั่งครับ

    เเต่ถ้าให้บอกถึงขนาดว่า ใส่เสื้อสีอะไร เวลากี่โมง กี่นาที คงบอกไม่ได้เเล้วครับ

    อย่างตอนที่บอก "สัมผัสนิพพาน"
    ก็จำได้ครับ คือช่วงเวลาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารในบ้านตนเองนั่นเเหละ
     
  5. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142

    งั้น ตอนสัมผัสนิพพาน กับตอนเห็นธรรม ไม่ได้ต่อเนื่องกันใช่มั้ยคะ
     
  6. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ผมอธิบายตรงนี้ไปเเล้วนะครับ ลองเลื่อนอ่านดูครับ.

    ส่วนที่ว่าไม่เกิดลากยาว ผมเขียนกำกับไว้ในกระทู้ตั้งเเต่เเรกเเล้วครับ ว่า "ในเพียงช่วงขณะจิตเท่านั้น"

    ก็ตามนั้นหละครับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2021
  7. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    เกิดสืบเนื่องกันสิครับ โสดาปัตติผลก็สัมผัสนิพพาน ลิ้มชิมรสผลนั้นหละครับ

    ช่วงเวลาก็อยู่ช่วงราวคราวเดียวกันนั่นเเหละ เพียงช่วงที่เสวยอารมณ์นั้นผมจำได้ว่าในขณะที่นั่งบนโต๊ะอาหารบ้านตนเองครับ

    เป็นเรื่องของความทรงจำครับ ผมจำได้ชัดก็บอกได้ชัดเจน ตรงไหนเลือนลางไม่ชัด จะให้ผมยืนกราน มั่นใจตอบก็ไม่ได้ครับ
     
  8. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ที่คุณ หมูไม้เค้าไปบรรยายไว้ ใครพอมีลิ้งให้เข้าไปอ่านได้มั้ยครับ เห็นเอาพูดถึงกัน
     
  9. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    ตอนถาม ก็ถามแค่ว่าทำอะไรอยู่นะคะ ไม่ได้ถามว่าใส่เสื้อสีอะไร เวลากี่โมง ....จุดประสงค์ที่ถามคือ เจอสภาวะตอนทำในรูปแบบหรือ ตอนกิจวัตรประจำวัน แค่นั้นค่ะ

    เห็นว่าเน้นดูกายกับจิต เลยอยากทราบว่ามีวิธีปฏิบัตตามหลักของหลวงพ่อรูปไหน หรือไปฝึกจนจับหลักได้มาจากที่ไหนคะ
     
  10. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +470
    รายนี้มีแววเป็นแบบลาดพร้าว101

    ลัทธิพยักหน้าเหมือนๆ18+

    แฟนต้าหนีไป
    ตรูไปก่อนละ
     
  11. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    เอ้า คิดว่า จะถาม

    นั่งพื้น แล้ว กระเด้งไปบนโต๊ะ หรอ

    จริงๆ ก็ควรถามนะ ว่า ใส่เสื้อสีอะไร พลิ้วไหว อย่างไร

    เพราะ พระสารีบุตร เวลาท่านบรรลือสีหนารถ

    ท่านกล่าวเลย เป็นไปไม่ได้ที่ คนภาวนากายคตสติ
    จะไม่รู้ว่า ชายสบงของตนพลิ้วไหวสะบัดไปโดนใคร
    แล้วจะไม่กล่าวขอโทษ !

    ( ถ้าเป็น โททัคคะทาง กะเษตะกอน อาจจะกล่าว
    ด้วยซ้ำ ไม่มีที่ ทิฏฐิกธรรมใดไหวในจิตอันเป็นของ
    จักรวาลไหว มีการเบียดเบียนสรรพสัตว์อื่นแล้วไม่
    ขอโทษ ไม่มี / ทิฏฐิกธรรม ถือว่า เป็นต้นเรือนก่อน
    ก่อตัวของจักรวาลนับพันนะฮับ ไม่ใช่แค่ โลกธาตุนี้)

    กรณีสมัย พุทธกาล

    มีพระท่านหนึ่งนั่งเรืออยู่แล้วเอามือไปลาน้ำแล้ว
    โดนใบไม้สีเขียวขาด แล้ว ลืมปลงอาบัติ

    ทำให้ ไม่บรรลุนิพพานใน พุทธันดรนั้น

    อีกทั้งในสมัย พุทธโคดม ก็เกือบไป ที่จะคลาดธรรม

    กายคตาสติ ไม่มีฮับ ไม่รู้ "ขณะ"
     
  12. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    พี่เคยไปอ่านทู้ของน้อง จขกท ที่พันทิป กระทู้ที่ topic มีคำว่าบรรลุ เดือนหรือสองเดือนก่อนมั้ง

    ตอนนั้นน้องบอกเกิดจากการฟัง ตกลงไม่ได้เกิดจากการฟังหรอคะ

    ของหมูไหม้เขาเกิดจากฟังธรรมของฆราวาสท่านนึงตอนขับรถ
     
  13. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ไม่ใช่นะครับ ผมว่าพี่น่าจำผิดเเล้วครับ ไม่ก็อาจเข้าใจผิด เพราะผมไม่ได้เคยเขียนไว้เลย ว่าฟังเเล้วบรรลุอะไรอย่างนั้น

    ผมลองกลับไปเช็คมาอีกที ว่าไปเขียนไว้ตอนไหน ก็เช็คดูในกระทู้ ก็ไม่มีตรงไหนบอกเเบบนั้นไว้นะครับ
     
  14. มาเปิดเพลง

    มาเปิดเพลง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2021
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +469
    มีเหตุผลขนาดเตะไม้เสียบลูกชิ้นยังกรร๊ดบ้านแตกเลย
    ไม่เคยมีอะไรมาสำผัสกายอันอ่อนหนุ่มโดยไม่รู้ตัว555
     
  15. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    หรอ ไหนวางlinkให้อ่านอีกรอบหน่อยสิ ทู้ที่หมูไหม้ไปเชิญให้มาที่นี่ ที่ท็อปพิคมีคำว่าบรรลุหน่ะ
     
  16. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
  17. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    https://m.pantip.com/topic/40549535?
    อันนี้ครับ
    จริงๆกระทู้นี้มีความบกพร่องครับ ตรงที่ผมใช้คำอธิบายหรือพูดบางอย่างไม่เคลียร์ เเละอ้างอิงสภาวะตามอารมณ์ความรู้สึกมากเกินไป เเละเหนือสิ่งอื่นใดคือ ไม่ควรใช้หัวข้ออย่างนั้นครับ เเต่มันผ่านมาเเล้ว... เเก้หัวข้อไม่ได้
     
  18. LiSaBDoDaYup

    LiSaBDoDaYup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,251
    ค่าพลัง:
    +657
    กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเดี้ยนเอง ในการปฏิบัติธรรมจนเกิดผลที่ทำให้ตัวเองรับรู้ รับทราบถึงการเห็นธรรม เห็นความเป็นจริงของกายของจิต เกิดความเบื่อหน่าย จนตื่นรู้ในที่สุด
    โดยจุดประสงค์ของการนำมาบอกเล่าต่อให้ผู้อื่นได้ฟัง ได้อ่าน เพื่อที่ต้องการจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ยืนยันการตรัสรู้จริงของพระศาสดา ยืนยันในหลักคำสอนของพระพุทธองค์ว่าเป็นไปตามเช่นนั้นจริงๆ เพื่อช่วยให้
    ผู้ปฏิบัติทุกท่าน ที่ยังลังเลสงสัย หรือยังไปไม่ถึงในความปรารถนาของตนได้มีกำลังใจในการปฏิบัติต่อ ได้รับรู้ว่าการบรรลุธรรมนั้นเกิดขึ้นได้จริง เเละไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างที่หลายๆท่านคิด

    อย่างเเรกต้องบอกก่อนว่า การนำเรื่องนี้มาเล่า เป็นอะไรที่บอกเล่าได้ค่อนข้างยาก เพราะเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก เป็นประสบการณ์การส่วนตัวที่ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้นให้เเก่ใครได้
    โดยที่สุดเเล้วนั้น ขอให้ท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่าน ด้วยสติปัญญาของท่านเอง
    โดยเดี๋ยนจะพยายามเล่าให้กระชับ เป็นลำดับรวบรัด เเละเข้าใจง่ายต่อผู้อ่านในทุกๆระดับ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปฏิบัติจริง เเละยังไม่เคยปฏิบัติก็ตาม

    ถ้าอยากอ่านหลักๆเฉพาะเรื่องของปฏิบัติ/ผลลัพธ์ ให้ข้ามไปข้อ 8 ได้เลยนะคะ

    --------------
    1.สิ่งที่เดี๋ยนจะนำมาเล่า ไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น เเต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานเเล้วพอสมควร ในช่วงเเรกเดี๋ยนเองพยายามจะนำมาบอกเล่าให้เเก่คนรอบตัวฟัง เช่น คนในครอบครัว เพื่อโน้มน้าวให้ลองปฏิบัติเหมือนกับที่เดี๋ยนได้ทำ
    เเต่สุดท้ายก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดความเชื่อของเค้าเหล่านั้นได้ เเละสิ่งที่เรานำไปบอกนั้น ก็ดูจะยาก เเละสุดวิสัยเกินไปที่จะให้ใครมาเข้าใจ จึงยอมรับเเละเข้าใจว่า " รู้ได้ด้วยตน " จริงๆ จึงเลือกที่จะไม่นำมาเล่าให้ใครฟังอีกในช่วงหลังๆ เเต่วันนี้เองเดี๋ยนคิดว่าถึงเวลา
    ที่เหมาะสมที่จะนำมาเล่าให้เเก่สาธาณะฟัง ถ้าหากว่าสิ่งที่เดี๋ยนเขียนไปนั้น สามารถทำให้ใครซักคนที่ไม่เคยสนใจปฏิบัติ เริ่มมีความคิดที่อยากจะลองทำ หรือใครที่ปฏิบัติอยู่ เเล้วรู้สึกท้อเเท้ใจ เเล้วได้นำประสบการณ์ของเดี๋ยนไปเป็นเเรงบันดาลใจในการที่จะทำต่อไป นั่นถือว่าเดี๋ยนประสบความสำเร็จในสิ่งที่เดี๋ยนได้ทำเเล้ว

    2.เดี๋ยนเองในปัจจุบันอายุ 17 ย่าง 18 ปี โดยเป็นผู้สนใจในศาสนาพุทธมาตั้งเเต่ยังเด็ก เช่น การชอบศึกษาพุทธประวัติ ชอบในหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ รวมถึงการชอบอ่าน ชอบฟังในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า

    3.เดี๋ยนจะมีเเนวคิด เเละมุมมองที่ต่างจากเด็กในวัยเดียวกันมาตั้งเเต่ยังเด็ก โดยเฉพาะเรื่องของความตาย ความพลัดพรากจากกันจากคนที่รัก ที่เดี๋ยนมักระลึก นึกถึงความตายที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนตัวเองเเละคนใกล้ตัว โดยเมื่อถึงเวลา
    ที่คนที่รักตายไปจริงๆ เดี๋ยนจะสามารถที่จะยอมรับ เเละทำใจได้มากกว่าปกติที่ควรจะเป็น

    4.เมื่อก่อนเดี๋ยนเองได้ยิน ได้รู้ในคำว่า "กายนี้ไม่ใช่ของเรา ใจนี้ไม่ใช่ของเรา" เเต่ก็เพียงเเค่รู้เท่านั้น ไม่เคยเข้าใจว่าไม่ใช่ของเราอย่างไร เดี๋ยนมีความลังเล สงสัยในศาสนาพุทธ สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้า
    สงสัยในเรื่องของการเห็นธรรม สงสัยเรื่องบาปปุญคุณโทษ ซึ่งเเน่นอนเดี๋ยนมองเรื่องของการบรรลุธรรมเป็นเรื่องไกลตัว เเละไม่ได้คิดไปถึงจุดนั้น

    5.เเต่เเน่นอนว่า ถึงจะลังเลสงสัย เเต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยศรัทธา ที่เชื่อมั่นในการตรัสรู้จริงของพระพุทธเจ้า เเละเหตุการณ์ที่จะเล่าต่อจากนี้ เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนเเปลงชีวิตเดี๋ยนไปตลอดการ

    6.ในช่วงหนึ่ง เป็นช่วงหยุดยาวที่เดี๋ยนได้มีเวลาใช้ชีวิตอยู่บ้านอย่างเต็มที่ ได้มีอิสระที่จะเล่น ที่จะกินนอน ที่จะเสพสุขสบาย เเต่ในจุดๆนึงเดี๋ยนเลือกที่จะสละสิ่งเหล่านั้น เเละหันหน้ามาฟังธรรม ศึกษาธรรม เเละปฏิบัติ
    โดยเหตุผลที่เลือกเเบบนั้น ตอนนี้เองเดี๋ยนไม่สามารถจำได้ชัดเจนว่าเพราะอะไร อาจจะเพราะความเบื่อหน่าย หรืออาจจะเพราะความทุกข์ในใจ (เป็นช่วงที่พ่อของเดี๋ยนป่วยหนักมาก เข้าโรงพยาบาล)

    7.**อยากบอกไว้ก่อนว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ เดี๋ยนนั้นรักษาศีล 5 มานาน รวมถึงการไหว้พระ สวดมนต์ในทุกๆวันเป็นประจำ**

    8.เล่าต่อจากข้อ 6 : เดี๋ยนจึงเริ่มลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อพิสูจน์ในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เเละเพื่ออยากจะดับทุกข์ในใจลง โดยเเรกๆ ก็ไม่รู้หลักการอะไรที่เเน่ชัด เพียงเเต่นั่งสมาธิให้จิตสงบไปอย่างนั้น ซึ่งได้เเค่ความสงบ
    ยังไม่ตรงประเด็นหลักในเรื่องของการ ดับทุกข์ เดี๋ยนศึกษาต่อไป จนหาเเนวทางที่เหมาะสมกับตนเองเจอ คือ "สติปัฏฐาน"

    9.เดี๋ยนปฏิบัติอย่างจริงจัง ในเเต่ละวัน รวมถึงการงดเสพสิ่งบรรเทิงทั้งหลาย มุ่งไปที่การปฏิบัติเต็มที่ โดยคอยรู้เท่าทัน สังเกตุธรรมชาติที่เกิดเเก่จิต เเก่อารมณ์ เเก่ความนึกคิดต่างๆ อยู่เรื่อยๆ

    10.จากตรงนี้จะข้ามไปที่ผลลัพธ์ของการปฏิบัตินะคะ เพราะวิธีการปฏิบัติที่เดี๋ยนเขียนนั้นคงไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ เเละผู้อ่านหลายคนน่าจะมีความรู้ความเข้าใจถึงวิธีการต่างๆอยู่เเล้ว

    11.จนเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดก็เกิดขึ้น ในขณะที่เดี๋ยนนั้นรู้เท่าทันจิต รู้เท่าทันอารมณ์ของตนอย่างที่เคย เเต่ในครั้งนี้มันเด่นชัดขึ้นมา คือเท่าที่จำได้นะคะ ตอนนั้นหูไปได้ยินเรื่องๆนึงที่ทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้น ในขณะที่พยายามทำสมาธิ
    เดี๋ยนได้เห็นอารมณ์ความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้น เเละดับลงไปให้เห็น เดี๋ยนเห็นไตรลักษณ์ตรงนั้น ได้รู้เห็นลำดับปฏิจสมุปบาท เห็นความไม่เที่ยงของมัน เห็นว่ามันไม่มีตัวตนอยู่ เห็นว่ามันไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา โดยความคิด ความรู้สึกพวกนี้ ไม่ได้เกิดจากการคิดเอาเอง
    หรือจงใจที่จะคิด เเต่สิ่งเหล่านี้มันน้อมคิด น้อมเป็น เข้าใจในเเบบนั้นด้วยตัวของมันเอง

    12.เดี๋ยนเกิดอาการที่มันเหมือนกับ มันเกิดการที่สมองหรือในหัวตอนนั้น มันสรุปรวบยอดทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น ที่ได้เจอ ว่า "กายนี้ไม่ใช่ของเรา ใจนี้ไม่ใช่ของเรา สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นเองเป็นธรรมดา เเละดับไปเป็นธรรมดา"
    เดี๋ยนจึงเห็นว่า สิ่งเหล่านี้ไม่มีสาระอะไรเลย หาสาระเเก่นสารไม่ได้ เมื่อเห็นอย่างนั้น มันเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นมา จากนั้นมันรู้สึกวางเฉยกับอารมณ์ความรู้สึกที่มันเกิดๆ ดับๆอย่างนี้ เเละเกิดอาการที่เหมือนกับว่ามัน "ปิ๊ง !" ขึ้นมาที่หัว
    เดี๋ยนรู้ได้ว่า ปัญญามันเกิดขึ้นเเล้วตรงนั้น หลังจากนั้นโลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป

    13.เดี๋ยนรู้สึกเหมือนถูกหักหลังมาทั้งชีวิต รู้สึก "หายโง่" รู้สึกได้ว่าที่ผ่านมาเรา ฝัน อยู่ตลอดเวลา เเละจากนี้ รู้ด้วยตนเองเลยว่า เราตื่นเเล้ว เราสว่างเเล้ว รู้สึกซึ้งในพระคุณของพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง พระองค์สอนให้เราเหมือน พลิกของคว่ำ เป็นหงาย
    โดยหลังจากนั้นสิ่งที่ตามมา คือความสุข เป็นความสุขมากที่สุดที่ไม่เคยพบมาก่อนเป็นความสุขที่ในหัวตอนนั้นคิดเป็นคำว่า "สุขของการไม่มีตัวตน สุขของการไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวอีกต่อไป" มันเป็นความสุขที่เห็น กายไม่ใช่ของเรา ใจไม่ใช่ของเรา เหมือนว่าเราได้ตัดภาระ ได้ตัดสิ่งที่ยึดติดเราไว้ทิ้งไป จนเป็นอิสระที่สุด มันว่างเปล่า มีความสุข
    ในขนาดที่ถึงเเม้จะต้องตาย หรือจะมีใครตาย ก็ไม่อาจทำให้เราทุกข์ได้อีกเลย เเต่อารมณ์ที่เป็นสุขขนาดนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน ก็หายไป

    14.สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คืออาการ "โลกจืด" โลกทั้งใบมันจืด มันน่าเบื่อ ไม่มีสาระไปทั้งหมด สิ่งที่เคยชอบก็ไม่คิดที่อยากจะทำ ในตอนนั้นเพียงอยากจะพ้นๆจากโลกนี้ไปซะ
    คือ เราไปอยู่ในจุดที่รู้ว่า กายนี้ไม่ใช่ของ ใจนี้ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีอยู่ เขาไม่มีอยู่ โลกทั้งใบไม่มีความหมายอะไรอีกเเล้ว
    การที่เราเกิดปัญญา รู้เเจ้งในความเป็นจริง นอกจากจะเห็นเเค่ความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเเล้วนั้น มันทำให้เรา "เห็นทั้งโลก"

    15.คนรู้จัก คนรอบตัวของเดี๋ยน กลายเป็นคนที่ "ฝันอยู่" สำหรับเดี๋ยน เดี๋ยนไม่สามารถอธิบาย หรือพูดให้เขาเหล่านั้นเข้าใจในสิ่งที่บอกได้ เดี๋ยนกลายเป็นคนประหลาดไปในสายตาคนอื่น
    เมื่อเดี๋ยนต้องการจะบอกว่า เรานั้นฝันกันอยู่ โลกนี้มันสมมุติ โลกนี้มันไม่มีอะไรจริงเลย รวมถึงตัวเราเองก็ไม่จริงเช่นกัน จนในที่สุดถึงยอมรับว่า บอกไปก็เท่านั้น เเล้วเเต่กรรมจะพาไป

    16.จากตอนนั้น จนในปัจจุบัน เดี๋ยนไม่สามารถมองตัวเอง เป็นตัวเองได้อีก เพราะไม่เห็นตัวเรามีอยู่อีกเเล้ว อารมณ์ความรู้สึกที่เกิด ก็ไม่เห็นว่าเป็นของเรา เเต่เห็นเป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเอง เพราะมีเหตุให้เกิด เเละดับลงเอง เพราะเหตุนั้นไม่มี
    เวลาจะผ่านไปนานเเค่ไหน ความรู้สึก ความเข้าใจนี้ ก็ยังคงเดิมไม่หายไป

    17.สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอก คือเดี๋ยนเองในตอนปฏิบัติในครั้งนั้น ไม่ได้มีความรู้ในทางธรรมมาก คือนิสัยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบอ่านอะไรยากๆ ยาวๆ เช่น เรื่องวิปัสสนาญาณ ,ชื่อทางธรรมอะไรต่างๆ หรือเเม้เเต่เรื่องของอริยบุคคลก็รู้ไม่มากเท่าปัจจุบัน
    ในตอนนั้นจึงไม่ได้ปฏิบัติเพื่อหวังจะเป็นโสดาบันหรือสิ่งใด เเต่เพียงพยายามที่จะเรียนรู้กับสภาพธรรมที่เห็นให้เต็มที่ เพราะฉะนั้นตอนที่ปฏิบัติจริง เดี๋ยนไม่รู้อาการ ไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นว่าคืออะไร เป็นอะไร เพียงเเต่เผชิญกับสิ่งนั้นด้วยตนเอง เเละรับรู้ถึงความรู้สึกได้ เเต่มารู้
    มาทำความเข้าใจในภายหลังว่าสิ่งที่เกิดกับเรา อาการความรู้สึกเหล่านี้คืออะไร

    18.ก่อนหน้าเคยมีนิสัยส่วนตัว มีความชอบ มีบุคลิกอย่างไร ปัจจุบันก็ยังคงเเบบนั้น เพียงหลักๆเปลี่ยนเเปลงไปในเรื่องของ ความคิด ความเชื่อ ความเข้าใจต่อโลก ที่เราเห็นมองเห็นความเป็นจริง เเละยังคงมี โลภ โกรธ หลง เเต่เบาบางลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด
    เเละเเน่นอนว่า ละการกระทำบาปที่หนัก (การละบาป ละด้วยตัวของมันเอง ไม่ได้ฝืนใจ ไม่ได้รู้สึกที่อยากจะทำ เเละต้องทำ เเละรู้ว่าไม่มีทางทำเเน่ เช่น ผิดศีล)

    19.สรุป จนทุกวันนี้สิ่งที่เปลี่ยนเเปลงไปอย่างเด่นชัด คือ 1) ศีล 5 อัตโนมัติ (ไม่รู้สึกว่าจะต้องพยายามในการรักษาศีล เเต่มันเป็นสิ่งปกติที่เป็นไปอัตโนมัติ)
    2)ปฏิเสธการทำพิธีกรรม บวงสรวงต่างๆ การไหว้เจ้า การขอพรต่างๆ รวมถึงปฏิเสธเครื่องลางของขลังทั้งสิ้น
    3)ไม่สามารถหาตัวเองเจอได้อีก
    4)ศรัทธา เเละเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยอย่าง 100% หมดความลังเล สงสัยอีกต่อไป
    5)ไม่กลัวตาย เเละพร้อมตายเมื่อเวลานั้นต้องมาถึง
    6)ความเชื่อ ความเข้าใจเก่าๆที่ไม่ถูกต้อง ถูกทำลายลง

    หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้เเก่ผู้อ่านเเต่ละท่านนะคะ เดี๋ยนไม่ได้เขียนเพื่อที่จะยกตนให้วิเศษ หรือเขียนเพื่อผลประโยชน์ใดๆ เเต่สิ่งที่เดี๋ยนทำเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อศาสนาได้ ไม่มากก็น้อย
    สุดท้ายเดี๋ยนไม่ขอให้มาเชื่อเดี๋ยน เเต่เพียงนำไปปฏิบัติด้วยตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริง เเละเดี๋ยนเชื่อว่า เมื่อถึงเวลาที่สมควร ผลนั้นจะเกิดเเก่ท่านโดยไม่ได้ตั้งตัว ส่วนใครมีคำถาม หรือปัญหาอะไร เรามาเเลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ เดี๋ยนยินดีตอบหากตอบได้
    ______________________________
    สุดท้ายขอให้ โชคดีค่ะ.
     
  19. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    มีอะไร 101 เห้นพูดบ่อย
     
  20. มาเปิดเพลง

    มาเปิดเพลง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2021
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +469
    โอ้วแม่สาวน้อยเราไม่ได้โชว์สกิวหื่นเลย55
     
  21. Enzo Zen

    Enzo Zen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2021
    โพสต์:
    1,107
    ค่าพลัง:
    +675
    ก้อจริงนะ จิตจะมีโมเม้นต์เราอยู่ในความฝันมาตลอด แล้วอยู่ๆ ตื่นขึ้นมา หลายสิ่งอย่างที่เป็นกามสุขที่ปุถุชนเขาว่าดี จริงๆ คือกับดักที่หลอกลวง บางทีเรามองพ่อแม่พี่เรา เราก้อบอกเขาว่าให้ฝึกเถอะ อย่าไปยึดติดอะไรเลย มันของจอมปลอม แต่จิตเขาไม่เป็นแบบเรา เขาก้อไม่เชื่อมาก แต่เขาก้อยังทำตามที่เราบอก

    คือพวกเราจะไม่กลับมาเจอกันอีกแล้ว ไม่ว่าใครก้อตามที่เคยรู้จักในชาตินี้ มันเป็นแค่ฝัน...ที่ไม่เคยมีอยู่จริง
     
  22. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ณ ตอนนั้นไม่ได้ทำในรูปเเบบครับ

    ****
    วิธีปฏิบัติรวมถึงการฟังธรรม ผมฟังเเละศึกษาหลักๆมาจาก ลพ.ปราโมทย์, ลต.บัว

    ซึ่งจากที่รู้พระรูปอื่นมาเหมือนกัน เรื่องวิธีปฏิบัติที่เเต่ละท่านสอนก็สอดคล้อง เป็นไปในทางเดียวกัน ไม่ได้ขัดเเย้งกันครับ เเละที่สำคัญต้องไม่ขัดเเย้งกับคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ

    ซึ่งพระเเต่ละรูป อาจสอนถูกเหมือนกัน เเต่ก็อาจต่างกันที่วิธีสอน วิธีใช้ศัพท์ รวมถึงเทคนิคของเเต่ละท่าน ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับจริตในการฟัง ในการปฏิบัติของเราครับ

    เเละฝึกด้วยตัวเอง รู้เห็นด้วยตนเองเช่นกัน ไม่ได้ไปฝึกกับใครหรือเป็นลูกศิษย์พระสงฆ์รูปไหนทั้งนั้นครับ

    พื้นฐานความรู้ความเข้าใจทางธรรม ก็ได้มาจากการปฏิบัติเช่นกันครับ

    ดูจิต ดูกายจะว่าเน้นหรือไม่เน้นก็ไม่ได้นะครับ เพราะมันเป็นทางที่ต้องผ่าน ต้องเดินเเน่นอนอยู่เเล้ว
     
  23. อัศวินสีชมพู

    อัศวินสีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2021
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +278
    ใช่ครับ มันเหมือนตื่นจากฝันครับ ตื่นจากสมมุติ ผมก็พยายามบอกคนในครอบครัวเหมือนกัน เเต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...