ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้อะไร??

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 14 กันยายน 2021.

  1. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    แล้วยังไงละ
    จะบอกว่าไม่ใช่บังคับ

    มันก้เหมือนบังคับ

    งั้นต้องมาแปล ไทยเป็นไทย ให้เข้าใจอีกที

    เวลาขับรถ เราต้องบังคับพวงมาลัยไหม
    เวลา รถถึงทางโค้ง คุณ ใช้คำว่าอะไร
    อย่าบอกนะว่า ใช้คำว่า บังคับพวงมาลัย..หรือ จะเรียกว่า บังคับไม่ได้
    ถ้าคุณไม่บังคับพวกมาลัย รถมันจะไปตามทางไหม

    จิตคนเราก็เหมือนกัน มันมีความเป็นอนัตตา
    แม้จะบอกว่าบังคับไม่ได้ ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว

    เรียกว่า อบรบจิตก็แล้วกัน

    ทีนี้ วกเข้าว่า พุทธองค์ สอนให้ทำอะไรกับจิต

    ง่ายๆสั้น ก็คือ กำหนดรู้จิต การกำหนดรู้จิต คือเจตนากระทำ

    ฉะนั้น การภาวนายังไงเสีย มันก็มีเจตนาเป้นเบื้องต้น

    อีกอย่างนึง สมัยใดควรข่มก็ข่มจิต
    สมัยใดควรปล่อยก็ปล่อยจิต นี่ แบบนี้พระพุทธเจ้าก็สอน
     
  2. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    อ่ะ ยก ตย.อีกอัน เหมือนพรี่เป็นพุชายด์ แล้วไปแต่งหญิง
    คุณสมบัติตัวพรี่เป็นหยิงตามกระโปรงที่แต่งป่ะ ก็ไม่เป็นใช่ป่ะ พรี่ก้อเป็นพุชายด์เหมือนเดิม ชอบพุสาวว์เหมือนเดิม

    ความบริสุทธิ์ของจิต มันก้อบริสุทธิ์แบบพรี่เป็นชายแมนๆ นั่นแหล่ะ แต่ความบริสุทธิ์นี้ไม่ได้หมายความว่าจะไปคลุกดินคลุกฝุ่นไม่ได้ เหมือนพรี่แต่งหยิง แต่พรี่ก้อไม่ได้ชอบสาวสอง .....พอจะเข้าใจป่ะ
     
  3. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    เหมือนจะไม่มี
    แต่ความจริงมันไม่ได้สูญสลายไปไหน
    มันแค่ได้รับอิสระภาพ
    แนนคิดว่าที่ทำลาย
    คือทำลายอัตตาทำลายความหลงของมัน
    ไม่โดนผูกมัดคอยวิ่งตามเสพอารมณ์
    อย่างที่มันเคยทำมาตลอด

    พออารมณ์ปรุงแต่งไม่เหลือ
    และจิตเป็นอิสระ
    ไม่มีเหตุสภาวะตามรู้อะไรอีก

    เหมือนจะไม่มี แต่ยังก็มีอยู่

    เพราะเหลือเพียงอย่างเดียว
    ที่จิตรับรู้ได้จากอิสระภาพนี้

    คือนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2021
  4. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ขอขำดังๆ กับตัวอย่างนี้แปนึง555 555 สาว สาว สาว กำลังจะเต็มวง อีกแล้ว 555 ไม่รู้จะเอาใช้เป็นอุบายออกจากกามหรือใช้เป็นกามให้กิเลสงับดี 555 ขำจริงนะเนี่ย วง สาว สาว สาว แห่งห้องอภิญญา 555
     
  5. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    อุปมา น้องนู๋บีม นี่ พูดแบบรักกันหน่อยก็ ไร้เดียงสาเหลือเกิ๊น

    ปัญญามันวัดกันด้วย อุปมา
    หรือจะบอกว่า ผลของการปฏิบัติ มันจะวัดกันได้ ที่อุปมา พอเป็นแนวทาง
     
  6. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    กรึบ กะ ระ รึบ กรึบ กรึบ เอ้า ชนขวด ยืมมุขหลวงพรี่มาเล่นโหน่ยย

    วันนี้กินเหล้ายังพรี่เหว อย่าให้การฟังธรรม มาทำให้การกินเหล้าเสียนะ

    เค้ามีแต่ตรวจแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด อีกหน่อยพรี่คงตรวจเลือดในแอลกอฮอล์แทน อิอิ
     
  7. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ออกแนวๆนี้ละครับ เป็นเบื้องต้น
     
  8. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ก็คาดการณ์ได้ไม่ยากนี่นา 555 เพราะว่า คนบางจำพวกต้องหาข้อเปรียบเทียบและเปรียบเปรย ไม่ยังงั้นมันก็ไม่รู้ว่า อันไหนดีอันไหนไม่ดี อันนี้แค่ระดับ ทารก พอระดับละเอียดโน้น มันค่อยข้างยาก ก็ฝึกเปรียบเทียบแบบนี้ไปก่อน ก็ดีนะ อย่างน้อย จะได้มีกำลังใจว่า อือๆๆ เราไม่ได้เป็นแบบเขา เอ๊ะ รึว่า...เราน่าจะดีกว่าเขา นะ อย่างน้อยๆ 555 ประมาณนี้ ก็ยังดี แต่อย่างที่บอก ในนั้นคงหาอะไรเปรียบเทียบไม่ได้หรอก ยังไงก็ดีกว่า พระขายของนิดนึง หมายถึงมาอ่าน มาดู สาว สาว สาว... อย่าพึ่งแตกวง ซะละ เช่น ดังแล้วแยกวง 555
     
  9. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ทำไมพี่รู็สึกว่า การสร้างมโนบัญญัติ ให้จิต มันยิ่งจะทำให้ อะไรๆ มันยุ่งยาก กว่าเดิม ที่รู้แค่ เจตสิกคืออะไร เข้าไปอีกก็ไม่รู้สิ แต่ คงเรื่องของคนเมา 555
     
  10. ละอองไฟ

    ละอองไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    2,469
    ค่าพลัง:
    +1,398
    นอกจิตก็คือร่างกาย

    ในจิตก็คือเรา

    สังขตธาตุกับอสังขตธาตุ

    แยกกันตรงนี้ครับคุณแฟนต้าแนน

    สิ่งที่เป็นธาตุกับสิ่งที่ไม่ใช่ธาตุ
     
  11. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ไม่ยากหรอก กำหนดกรึ๊ป กันดีกั่ว
     
  12. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    หวังว่าแบบนั้นเช่นกัน อย่าไปม้าตายตอนจบเป็นใช้ได้ 555
     
  13. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    มารออ่านเฉยๆและ คราวนี้ ไม่ก้าวก่ายแล้ว เพลินดี เวลาดูคนพูดธรรมะกัน
     
  14. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    พูดถึงปลายทางกันพอกล้อมแกล้ม

    สุดท้ายก็กลับมากำหนดรู้ กันตามเดิมมมมม

    คุณเหวก็อย่าลืมกำหนดรู้ กรึ๊บ1 กรึ๊บ2 นะคะ
     
  15. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    จริตผม ผมเป็นคนกำหนด แต่จิตผม ผมไม่ได้กำหนด สรุปคือเมา 555 ไม่เห็นมีใครพูดอะไร คุณแนนแฟนต้าลองอ่านข้อธรรม ของหลวงพ่อชา รึน่าจะหลวงปู่ชา เอาไว้พอ กรึ่มๆ ถ้าใช้เป็นนะ 555
    หลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร) เป็นพระวิปัสสนาจารย์ ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั้งชาวไทยและต่างชาติ นั่นเป็นเพราะคำสอนของท่านตรงใจคนและท่านยังนำธรรมอันลึกซึ้งมาเปรียบเปรยให้เข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะเรื่องการปล่อยวางทุกข์และสุข เราจึงคัดเลือก คำสอนหลวงพ่อชา ที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้มา 10 ข้อเพื่อให้คุณผู้อ่านได้น้อมนำมาปฏิบัติ

    1. เมื่อเราทำบุญ แต่ยังไม่ละบาป ก็เหมือนกับเราเอากะละมังไปคว่ำไว้กลางแจ้งฝนตกลงมาถูก้นกะละมังเหมือนกัน แต่มันถูกข้างนอก ไม่ถูกข้างใน น้ำก็ไม่มีโอกาสที่จะเต็มกะละมังได้

    2. โยม ไม้อันที่อาตมาถืออยู่นี่นะ มันสั้น หรือว่ามันยาว โยม ไม้อันนี้ธรรมชาติแท้ๆ ของมันมีแค่นี้ เท่านี้…มันไม่สั้น และก็ไม่ยาว โยม ความต้องการที่จะให้ไม้นี้มันสั้นเข้า หรือยาวออก นั่นแหละ “ทุกข์” ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเรายอมตามธรรมชาติที่มันเป็นอยู่ ยอมที่ไหน ทุกข์ก็ไม่เกิดที่นั่น

    3. สุขและทุกข์นี้ก็เปรียบเสมือนงูตัวหนึ่ง ทางหัวมันเป็นทุกข์ ทางหางมันเป็นสุข เพราะถ้าลูบทางหัวมันมีพิษ ทางปากมันมีพิษไปใกล้ทางหัวมัน มันก็กัดเอา ไปจับหางมันก็ดูเหมือนเป็นสุข แต่ถ้าจับไม่วาง มันก็หันกลับมากัดได้เหมือนกัน เพราะทั้งหัวงูและหางงู มันก็อยู่ในงูตัวเดียวกันคือ ตัณหา ความลุ่มหลงนั่นเอง

    4. หน้าที่ของเรานั้น
    ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น
    ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเขา
    ถ้าเราดำเนินชีวิตโดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้ว
    ทุกข์ก็ไม่รุมล้อมเรา

    5. ถ้าไฟมันไหม้ ก็อย่าให้มันไหม้หัวใจเรา ถ้าน้ำมันท่วม ก็อย่าให้มันท่วมหัวใจเรา ให้มันท่วมแต่บ้าน ให้มันไหม้แต่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่นอกกายของเรา ส่วนจิตใจของเรานั้น ให้มันปล่อยวาง



    6. โลกนี้เป็นของพอดี แต่เรามีความโลภทะเยอทะยานไปเอง ไม่รู้จักโลก ไม่รู้จักภาษาของโลก ไม่รู้จักความหมายของโลกว่า มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตามธรรมชาติของมันอยู่ทุกวินาที ว่าเมื่อมันเกิดแล้วมันก็แก่ แก่แล้วก็เจ็บ เมื่อเจ็บแล้วมันก็ตาย

    7. ถ้าหากเป็นคนที่ฉลาดแล้ว จะปล่อยหมด สิ่งที่ดีก็ปล่อยมันไป สิ่งที่ชั่วก็ปล่อยมันไป สิ่งที่ชอบใจก็ปล่อยมันไป เหมือนอย่างเราปล่อยงูเห่าตัวที่มีพิษร้ายนั้น ปล่อยให้มันเลื้อยของมันไป มันก็เลื้อยไปทั้งที่มี “พิษ” อยู่ในตัวมันนั่นเอง

    8 .เราอยากได้กระโถนใบนี้ เรายกมันขึ้นมา มีความรู้สึกว่ามันหนักเพิ่มขึ้นมา มันมีเหตุ หนักมันจะเกิดเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเราไปยกมัน ถ้าเราไม่ยกมัน มันก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่ยก มันก็เบา อะไรเป็นเหตุผล ดูเท่านี้ก็รู้แล้ว ไม่ต้องไปเรียนที่ไหน ถ้าเราไปยึดอะไร อันนั้นแหละเป็นเหตุให้ทุกข์เกิด ถ้าเรา “ปล่อย” มันก็ไม่มีทุกข์

    9. เราเห็นแล้วว่า ถ้วยใบนี้ เอาไว้ที่ไหน มันก็ต้องแตก จานนี่ เอาไว้ที่ไหน ก็ต้องแตก แต่เราก็ต้องสอนเด็กว่า ล้างให้มันสะอาด เก็บไว้ให้ดี เราก็ต้องสอนเด็กอย่างนี้ ตามสมมุติอย่างนี้ เพื่อเราจะใช้ถ้วยนี้นานๆ อันนี้เรารู้จักธรรมะ เอาธรรมะมาปฏิบัติ

    ถ้าเห็นว่า อันนี้มันจะแตกอยู่แล้ว เราบอก เออ ช่างมันเถอะลูก กินแล้วก็ไม่ต้องล้างมันหรอก จะตกก็ช่างมันเถอะ ไม่ใช่ของเราหรอก เอาทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้ มันจะแตกอยู่แล้ว อย่างนี้ก็เป็นคนโง่ไป

    ถ้าเราเป็น “ผู้รู้สมมุติ” อันนี้ เมื่อมันเจ็บไข้ ก็หาหยูกยาให้มันกิน เมื่อมันร้อน ก็อาบน้ำให้มัน เมื่อมันเย็น ก็หาความอบอุ่นให้มัน เมื่อมันหิว ก็หาข้าวให้มันกินแต่ให้เรารู้ว่า ให้ข้าวมันกิน มันก็จะตายอยู่ แต่ในเวลานี้ ยังไม่ถึงคราวจะตาย เหมือนถ้วยใบนี้ ยังไม่แตก ก็รักษาถ้วยใบนี้ให้มัน “เกิดประโยชน์” เสียก่อน

    10. สมมุติว่าวันนี้ โยมหาเงินได้ 100 บาท ธรรมชาติของมันแค่ 100 บาท จะอยากให้ได้มากกว่านั้น ก็ไม่ได้ จะอยากให้ได้น้อยกว่านั้น ก็ไม่ได้ หาได้ 50 บาท ธรรมชาติของเขาก็แค่นั้น หาไม่ได้เลย ธรรมชาติของมันก็เท่ากับหาไม่ได้เลย ยอมตามธรรมชาติที่มันเป็นทุกอย่าง ทุกแห่ง ทุกข์ก็ไม่เกิด ธรรมะอย่างนี้ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติเมื่อไร ที่ไหน ทุกข์ก็ไม่เกิดเมื่อนั้น ที่นั่น

    หวังว่าคำสอนของหลวงพ่อชา ที่เรานำมาฝากจะเกิดประโยชน์กับผู้อ่านนะคะ
    https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/6202.html
     
  16. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    ท่านคงเน้นสอนแบบแฝงข้อคิด คติธรรม

    ในการเจริญสติปัฏฐาน ท่านเน้นสอนแนวทางไหนบ้างคะ
     
  17. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    มีอยู่คำหนึ่งที่ไปฟังพระอริยะเจ้าที่ไหนก็จะสื่อไปในทางเดียวกัน ถ้าจะพิจารณาให้เกิดวิปััสสนาญาณ ต้องพูดว่า ต้อง ใช้คำว่า ต้อง มีจิตที่สงบ จึงพิจารณาธรรมนั้นได้ ทีนี้ละ คำว่าสงบ คืออะไร ที่ต้องพิจารณาต่อ คือ จิตที่สงบ คืออะไร อันนี้ ขอบอกว่า เกือบทั้งหมดที่มีโอกาสได้ฟังและได้พบ สอนคล้ายๆกันในลักษณะนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่า หมายถึงอะไร
     
  18. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ลองพิมพ์ในอากู๊ ดูคับ ส่วนเรื่องอื่นไม่รู้ ต้องฟังหรืออ่านดูหรือ เดินทางไปหาลูกศิษย์ท่าน ยกเว้น ที่เดียวที่ไปไม่ได้ อยู่แถวปทุมธานี
     
  19. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    ถ้าเน้นว่า สงบก่อนเกิดวิปัสสนาญาน
    ก็มีแค่สงบแบบสมถะ เท่านั้นอ่ะค่ะ

    หลังเกิดวิปัสสนาญาน ก็มีสงบอีกแบบนึง
     
  20. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    ทำจิตให้สงบก่อน แล้วจึงพิจารณาอารมณ์

    ให้ใจสงบไปอย่างนี้เสียก่อน นั่งอยู่ที่ไหนก็ตาม นั่งเก้าอี้ นั่งรถ นั่งเรือก็ตาม ถ้ากำหนดเมื่อใดให้มันเข้าเลย ขึ้นรถไฟพอนั่งลงให้มันเข้าเลย อยู่ที่ไหนนั่งได้ทั้งนั้น ถ้าขนาดนี้รู้จักแล้ว รู้จักทางบ้างแล้ว จึงมาพิจารณาอารมณ์ ใช้จิตที่สงบนั่นพิจารณาอารมณ์ รูปบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง รสบ้าง โผฏฐัพพะบ้าง ธรรมารมณ์บ้าง ที่เกิดขึ้นให้มาพิจารณา ชอบหรือไม่ชอบต่างๆ นานา ให้เป็นผู้รับทราบไว้ อย่าเข้าไปหมายในอารมณ์นั้น ถ้าดีก็ให้รู้ว่าดี ถ้าไม่ดีก็ให้รู้ว่าไม่ดี อันนี้เป็นของสมมุติบัญญัติ ถ้าจะดีจะชั่วก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทั้งนั้น เป็นของไม่แน่นอน ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น อ่านคาถานี้ไว้ด้วย ถ้าทำได้อย่างนี้เรื่อยๆ ไป ปัญญาจะเกิดเอง อารมณ์นั้นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทิ้งใส่สามขุมนี้ นี้เป็นแก่นของวิปัสสนา ทิ้งใส่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดีชั่วร้ายอะไรก็ทิ้งมันใส่นี่ ไม่นานเราก็จะเกิดความรู้ความเห็นขึ้นมา ในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดปัญญาอ่อนๆ ขึ้นมา นั่นแหละเรื่องภาวนา ให้พยายามทำเรื่อยๆ ศีลห้านี้ถือมาหลายปีแล้วมิใช่หรือ เริ่มภาวนาเสีย ให้รู้ความจริง เพื่อละ เพื่อถอน เพื่อความสงบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...