ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สมถะ, 27 มิถุนายน 2008.

  1. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์



    ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินว่า ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ถ้าเป็นฆราวาสที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์จะต้องบวชภายใน ๗ วัน หรือปรินิพานภายใน ๗ วัน ก็พูดกันมานานแล้ว ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยิน ตามหลักฐานในบาลีชั้นอรรถกถา จะเป็นในวันนั้นทั้งนั้น...? คือผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว นิพพานหรือบวชอย่างใดอย่างหนึ่งในวันนั้น




    ถ้าเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ก็อยู่ได้ในเพศคฤหัสถ์ได้ตลอดชีวิตของตนเท่าชีวิตของตน แต่ถ้าเป็นพระขีณาสพ เป็นพระอรหันต์แล้ว บรรลุอรหันตผลแล้ว จะต้องนิพพานหรือบวชในวันนั้นท่านใช้คำว่า ตํ ทิวสเมว ปพฺพชิตวา ปรินิพฺพาติวา บางแห่งก็ใช้คำว่า ปรินิพฺพายิตพฺพํ วา ปพฺพชิตพพํ วา โหติ คือพึงปรินิพพานหรือบวชในวันนั้น ตํ ทิวสเมว ไม่ใช่ ๗ วัน แต่ได้ยินได้ฟังมานานแล้วว่าจะต้องหรือนิพพานภายใน ๗ วัน พูดกันมาแต่ไม่มีหลักฐานที่อ้างอิง ไม่เคยพบหลักฐานที่ว่า ๗ วัน แต่ได้พบหลักฐานที่ว่าต้องบวชหรือปรินิพพานในวันนั้น เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกันใหม่เพื่อความถูกต้อง





    เรื่องแปลกอยู่อันหนึ่ง พระพาหิยะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ยังเป็นคฤหัสถ์ เมื่อได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเพียงเล็กน้อย ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ขอบวช ไปหาบริขารที่จะมาบวช ปรากฏว่าถูกโคขวิดเสียชีวิต ก็ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า สพรหมฺจารี โว ภิกฺขเว กาลกโต ภิกษุทั้งหลายเพื่อนพรหมจรรย์ของเธอทำกาลแล้ว ใช้คำว่าเพื่อนพรหมจรรย์ของเธอ สพรหมจารี ซึ่งโดยปกติใช้กับพระด้วยกัน แต่สำหรับท่านพาหิยะเมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์ แม้ยังไม่ได้บวช เป็นฆราวาสอยู่ พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า... สพรหมฺจารี โว ภิกฺขเว กาลกโต เพื่อนพรหมจรรย์ของเธอสิ้นชีวิตแล้วและรับสั่งให้นำกระดูกไปบรรจุไว้ เป็นที่สักการบูชา แล้วยังมาเป็นพระอสีติมหาสาวกที่เป็นเอตทัคคะ เป็นผู้ตรัสรู้เร็ว อยู่ในกลุ่มพระไม่อยู่ในกลุ่มของฆราวาส ทั้งที่ยังไม่ได้บวช เพราะสิ้นชีวิตเสียก่อนที่จะบวช เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกที่ยกขึ้นมาเพื่อให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาดูว่าเป็นอย่างไร ถ้าพิจารณาตามนี้ พระพุทธเจ้าท่านเล็งเอาคุณสมบัติของบุคคล




    มีอีกท่านหนึ่งคือ ท่านสันตติมหาอำมาตย์ ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เป็นฆราวาส ภิกษุทั้งหลายก็ทูลถามถึงเรื่องเหล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะเรียกว่าบรรพชิตก็ได้ จะเรียกว่าสมณะก็ได้ จะเรียกว่าภิกษุก็ได้ หมายถึงสันตติมหาอำมาตย์ก็ไม่ได้บวชเหมือนกัน ขอยกขึ้นมาเพื่อเป็นการพิจารณา และต้องการให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องเรื่องปรินิพพาน คือบวชภายในวันนั้น ไม่ใช่ภายใน ๗ วัน สำหรับผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว




    มีหลายคนที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส พระเจ้าสุทโทธนะพระพุทธบิดา ก็สำเร็จเป็นผู้หนึ่งเหมือนกันที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ตอนเป็นฆราวาส...



    *************************************************************


    ข้อมูลจาก : "สิ่งที่ควรทำความเข้าใจกันใหม่ เพื่อความถูกต้อง" โดย วศิน อินทสระ

    *************************************************************


    ฆราวาสเป็นพระอรหันต์แล้วก็ต้องบวชในวันนั้น

    ถ้ามีบางท่านไม่ได้บวชต้องมาตายเสียก่อน ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม

    วิเคราะห์เรื่องที่พระนาคเสนตอบพระเจ้ามิลินทร์ให้ดีอีกครั้ง



    พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำที่เธอว่า "ฆราวาสเมื่อ
    ได้เป็นพระอรหันต์ ย่อมมีคติเป็น ๒ คือบวชในวันนั้นอย่าง ๑ ถ้าไม่เช่นนั้น
    ก็นิพพานในวันนั้นอย่าง ๑" นั้น ก็ถ้าในวันนั้นบวชไม่ทัน โดยหาอุปัชฌาย์หรือ
    เครื่องบริขารไม่ได้ จะมินิพพานเสียหรือ


    -->> พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ก็นิพพาน

    ม. ถ้าอย่างนั้น จะมิเป็นอันชื่อว่า พระอรหัตตผลบั่นทอนชีวิตของท่าน
    เหล่านั้นเสียหรือ

    น. ขอถวายพระพร การที่เป็นดังนั้นหาใช่เพราะพระอรหัตตผลบั่นทอนไม่
    เป็นเพราะเพศฆราวาสไม่สามารถจะทรงคุณธรรมอันสูงสุดนั้นได้

    ม. เธอจงหาตัวอย่างมาเปรียบให้ฟัง

    น. เหมือนผู้บริโภคอาหารอันบริสุทธิ์ แต่บริโภคมากเกินส่วน ไฟธาตุย่อม
    ไม่ไหว การบริโภคนั้นก็ย่อมให้โทษแก่ร่างกาย ขอถวายพระพร นี่จะจัดว่าเป็น
    โทษของอาหารนั้นจะได้หรือ

    ม. ไม่ได้สิเธอ เพราะอาหารเป็นของบริสุทธิ์ ต้องจัดว่าเป็นโทษของการ
    บริโภค เพราะมากจนไฟธาตุย่อยไม่ไหว

    น. นั่นแลฉันใด นี่ก็ฉันนั้นเหมือนกัน จะว่าเป็นเพราะพระอรหัตตผลบั่น
    ทอนชีวิตไม่ได้ เพราะพระอรหัตตผลเป็นคุณธรรมอันบริสุทธิ์ ขอถวายพระพร
    การที่ท่านต้องนิพพานนั้น เป็นโทษของเพศฆราวาสซึ่งไม่มีกำลังสามารถจะ
    ทรงคุณธรรมอันสูงสุดนั้นได้

    ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว

    อ้างจาก คิหิอรหัตตปัญหา
    มิลินทปัญหา


    ***********************************************

    [​IMG]
    <!--MsgFile=0-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2008
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เน้อหาสาระดีครับ
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ขอบคุณครับ
     
  4. pop024

    pop024 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +529
    ขอบคุณครับสำหรับ บทความดีๆ ที่นำมาให้อ่านกัน

    ทำให้นักปฏิบัติมีความเพียรที่จะหาทางรู้แจ้งกันต่อไป
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.348631/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. matakalee

    matakalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +367
    โมทนาสาธุคะ ขอให้ทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้นี้มีดวงตาเห็นธรรมและปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้มรรค ผล พระนิพพานกันทุกคน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  8. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ทำไมต้องบวช การบวชจะสามารถช่วยมิให้คนตายได้หรือ
    ยิ่งบุคคลผู้บรรลุธรรม อริยะบุคคลชั้น อรหันต์ ได้ ก็อยู่เหนือนรกสวรรค์แล้ว
    แล้วยังจะต้องไปให้สมมุติสงฆ์ บวชให้อีกหรึอท่านทั้งหลาย
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
     
  9. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  10. จิตการุณ

    จิตการุณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +31
    ..ใช่ครับ เรื่องนี้ พระสงฆ์องค์เจ้าจะเข้าใจได้มากกว่าเราๆครับ ทางที่ดีอย่าไปสร้างวจีกรรมด้วยความไม่รู้จะดีกว่านะครับ เช่น บางครั้งในศาสนาอื่นๆเขาก็มีเหตุผลหรือคำสอนที่คนพุทธหรือคนต่างศาสนาไม่เข้าใจอยู่เหมือนกัน แต่ทางที่ดีเพื่อความไม่ประมาท เมื่อเราไม่เข้าใจ ก็ไม่ควรเสี่ยงปรามาส เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหน ย่อมเป็นของสูง มีพลังความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวเอง เพราะมีดวงจิตหลากหลายดวงที่ฝากความหวัง ความรู้สึกผ่านการเพ่งภาวนาที่แตกต่างกันออกไปในคลื่นความถี่ที่ไปในแนงทางเดียวกัน (เหมือนน้ำหลายๆหยดรวมกันเป็นแม่น้ำ) ทีนี้ถ้าเราไม่ระวังให้ดี ก็เท่ากับเราเอาตัวเองไปงัดกับสิ่งที่มีพลังมากกว่า ซี่งแน่นอนว่าอาจจะไม่คุ้ม ยังไงๆระวังกันไว้ก่อนจะดีกว่าครับ ของอย่างนี้ถึงจะไม่รู้แต่ก็ค่อยๆศึกษาไปได้ครับ โชคดีครับ
     
  11. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ความไม่รู้ของคนนั้น ไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่รู้ แล้วอยู่เฉยๆ ยังดีกว่า ไม่รู้แล้วนำเอาสิ่งที่ไม่ใช่หลักความจริงมาเขียน จริงอย่ถึงแม้จะมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎก ก็เป็นเพียงเรื่องเล่าในยุคสมัยนั้น ไม่ควรนำเอามาเผยแพร่ทำให้ภาพพจน์ของพระพุทธศาสนาเสื่อมลง

    ข้าพเจ้ากล้ายืนยันได้เลยว่า บุคคลจะบวชหรือไม่บวช สามารถปฏิบัติธรรมจนบรรลุชั้นนิพพานได้ ขึันอยู่กับว่า เขาผู้นั้น ปฏิบัติ ตามหลักธรรมอันถูกต้อง หรือไม่
    ไม่ใช่ว่า ถ้าบรรลุอรหันต์แล้วถ้าไม่บวชจะตาย ไม่เป็นความจริงดอกขอรับ

    ถ้าหากจะถามว่าข้าพเจ้ารู้ได้อย่างไร
    พวกคุณก็ควรจะถามตัวพวกคุณว่า พวกคุณรู้ได้อย่างไร ในเมื่อ แม้แต่พระสงฆ์ ที่มีอยู่ทั่วโลก ไม่สามารถปฏิบัติธรรมให้บรรลุแม้แต่ชั้นโสดาบัน ก็ยังไม่มี

    เรื่องบางเรื่องในพระไตรปิฎกไม่ควรยกหรือนำมากล่าว เพราะมันคนละยุค คนละสมัย คนละสภาพแวดล้อม

    ถ้าเจ้าของกระทู้สงสัย ว่า บุคคลฆราวาส สามารถบรรลุนิพพานได้จริงหรือ ก็สามารถมีบุคคลที่จะพิสูจน์ให้เห็น หรือจะเอาแค่อรหันต์ก็ได้ เพราะนิพพาน ยังดูยากสักหน่อย ถ้าแค่อรหันต์ รับรองได้เห็นชัดเจนกับตา
    อนึ่งต้องขออภัยท่านท้ังหลายไว้ว่า บางครั้งข้าพเจ้าจำเป็นต้องยกตัวเองเป็นตัวอย่างเพราะเหตุจำเป็น เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้รู้ได้เข้าใจว่า ตามหลักศาสนาพุทธนั้น ผู้บรรลุโสดาบันมีจริง แต่การจะบรรลุธรรมตั้งแต่ชั้น โสดาบันเป็นต้นไป ไม่ได้ใช้หลักธรรม ที่มีอยู่เดิมเลย ยิ่งหลักธรรมที่ทำให้บรรลุโสดาบันได้ ก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีอยู่เดิม คนละแบบกัน ชนิด หน้ามือ กับหลังเท้าเลยละ
    ดังนั้น การที่เจ้าของกระทู้นำเอา บางสิ่งบางอย่างในพระไตรปิฎกออกมาเผยแพร่นั้น เป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง
     
  12. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    เรียนคุณเทวดา...จากความเห็นที่ท่านได้แสดงนั้น อาจจะเป็นเพราะคิดต่างออกไป คำว่า ทำไมต้องบวช..? ท่านคงหมายถึงว่าฆราวาสเมื่อบรรลุอรหันต์แล้วทำไมต้องบวช คำตอบนี้ท่านพระนาคเสนได้ตอบไปแล้วนะครับ การบวชมิใช่ช่วยให้คนไม่ตาย การบวชคือการอยู่ในเพศที่เหมาะแก่การดำรงขันธ์ของผู้บรรลุอรหันต์นั่นเอง

    สำหรับความเห็นที่ว่า "ยิ่งบุคคลผู้บรรลุธรรม อริยะบุคคลชั้น อรหันต์ ได้ ก็อยู่เหนือนรกสวรรค์แล้วแล้วยังจะต้องไปให้สมมุติสงฆ์ บวชให้อีกหรึอท่านทั้งหลาย" ผู้บรรลุอรหันต์ตัดวัฏฏสงสารแล้วได้จริง แต่วิปากกรรมอันเกิดจากขันธ์ยังดำรงอยู่ ดังนั้นพระอรหันต์ยังถูกขันธมารครอบงำร่างกายอยู่ ยังรับผลแห่งกรรมดังเช่นพระโมคคัลลานะ หรือแม้แต่พระพุทธองค์ก็ตาม ยังต้องรับผลคือวิปากอยู่ตามประวัติที่เราท่านทราบกันดี ขันธ์ภายนอกยังรับทุกข์ร้อนได้อยู่ แต่ใจภายในสงบเย็นหมดเชื้อแห่งทุกข์ทั้งปวง ดังนั้นเราต้องแยกประเด็น ส่วนเรื่องการบวชนั้นมิใช่แค่ไปจับในแง่ของการให้สมมุติสงฆ์บวช แต่การบวชนั้นเป็นการเข้าสู่ภาวะเพศที่เหมาะแห่งอรหันตผล การบวชเป็นเพียงพิธีกรรม เป้าหมายคือเพศที่สมบูรณ์เหมาะสมต่อความเป็นพระอรหันต์และเหมาะต่อการดำรงแห่งขันธ์ต่างหากครับ


    เราต้องดูที่ความเป็นจริงว่าการครองเพศฆราวาสไม่เหมาะแก่ผู้บรรลุอรหันตผลนั่นเอง ในสมัยพุทธกาลไม่เคยมีฆราวาสท่านใดที่บรรลุอรหันต์แล้วไม่บวช เพราะถ้าไม่บวชภายในวันนั้นก็ต้องสิ้นชีวิตนิพพานในวันนั้นเลย นี่เป็นกฏเกณฑ์ ถามว่าขนาดสมัยพุทธกาลก็เป็นเช่นนี้ และในยุคหลังพุทธกาลจะเป็นอื่นไปได้หรือ ถ้ายังมีความเห็นเป็นอื่นท่านก็ต้องหยิบยกแสดงเหตุผลให้ประจักษ์แจ้งสมที่มาแห่งเหตุและผลนั้นๆ นะครับ
     
  13. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ของเดิมยังใช้ได้ดีอยู่ ใช้ได้ตลอด ใช้ไปจนกว่าจะไม่มีใครรู้จักนั่นแหล่ะ
    ถึงแม้ไม่มีใครรู้จักแล้ว ก็คงมีคนมาประกาศใหม่ แต่มันก็เหมือนกันอยู่ดี
    พระธรรม คือ สิ่งที่อธิบายความเป็นไปของวัฏสงสาร อธิบายการดับทุกข์ ^-^
     
  14. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ผมมีโจทย์มาถามนะครับ



    ถ้าทุกคนปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้ว ย่อมได้มรรคผลนิพพานด้วยกันทั้งนั้นหรือ


    <!--MsgIDBody=0-->-->>> ไม่ทั้งนั้น มีบางพวกซึ่งแม้จะปฏิบัติดีสักเท่าไร ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้บรรลุ


    ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ


    (๑) คนมิจฉาทิฏฐิ

    (๒) คนกระทำอนันตริยกรรม ๕ แม้อย่างใดอย่างหนึ่ง

    (๓) คนปลอมเพศเป็นพระภิกษุ

    (๔) พระภิกษุกลับไปถือลัทธิผิด

    (๕) คนประทุษร้ายนางภิกษุณี

    (๖) พระภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วไม่ได้อยู่กรรม

    (๗) คนบัณเฑาะว์ (กระเทย)

    (๘) คนอุภโตพยัญชนก (คนปรากฏทั้ง ๒ เพศ)

    (๙) สัตว์เดรัจฉาน

    (๑๐) เปรต

    (๑๑) เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ


    เหตุว่าเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ บรรลุธรรมไม่ได้ เหตุว่าเด็กเพียงเท่านั้น จิตยังไม่มีแนวคิดที่จะให้เกิดความรู้สึกว่า ผลของความดีและความชั่วมีอยู่อย่างไร เมื่อไม่รู้จักผลก็ไม่เกิดความคิดที่จะสาวไปหาเหตุแห่งผลนั้นๆ ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นกำลังใจก็มีไม่พอที่จะให้ก้าวไปหามรรคผลนิพพานได้



    การที่เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ ไม่ได้บรรลุมรรคผลนิพพานนั้น ก็เพราะว่ากำลังใจมีไม่พอกับน้ำหนักแห่งมรรคผลนิพพาน พระโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตตผล ทั้ง ๔ อย่างนี้กับพระนิพพานเป็นธรรมที่เผล็ดมาจากเหตุคือ มรรค ๔ ก็เมื่อเด็กอายุเพียงนั้นยังไม่มีความคิดที่จะหยั่งลงไปสาวหาเหตุผลได้ดังนั้นแล้ว ไฉนเลยจะมีโอกาสได้บรรลุมรรคผลนิพพานซึ่งเป็นเหตุและผลของกันได้เล่า ถึงว่าจะได้อบรมบารมีมาแก่กล้าแล้ว และได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพียงไรก็ตาม ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้



    *******************************************************

    เรียบเรียงจาก ปัญหาพระเจ้ามิลินท์


    *********************************************************

    จากข้อมูลนี้ท่านมีความเห็นอย่างไร ทั้ง ๑๑ ข้อเป็นผู้ที่ไม่สามารถบรรลุธรรมจริงหรือไม่ คุยวิสาสะกันเพื่อประโยชน์และความเห็นความรู้เท่านั้นนะครับ...เชิญครับ<!--MsgFile=0-->
     
  15. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,667
    ค่าพลัง:
    +9,239
    ทำดี ดี การประพฤติปฏิบัติตามธรรมะของพระพุทธองค์เป็นเรื่องดีทั้งนั้นค่ะ ส่วนจะปฏิบัติแล้วเป็นอย่างไร ได้มากน้อยแค่ไหน ตัวเราเองย่อมรู้ดีกว่าใคร ขออนุโมทนากับความเห็นต่าง ๆ มีหลายแง่มุม ก็มีหลายความคิด ความเข้าใจ แต่สุดท้ายต้องถามตัวเองทุกคนค่ะ
     
  16. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ปุจฉา : ถ้าไม่บวชเป็นพระภิกษุ แต่บวชเณร หรือถ้าเป็นหญิงแค่บวชชี ได้หรือไม่...?
     
  17. Saint Telwada

    Saint Telwada สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +5
    ตอบ..คุณสมถะ
    ข้าพเจ้าอยากจะถามคุณว่า คุณบรรลุนิพพานแล้วหรือ จึงได้กล่าวเป็นตุเป็นตะว่า ถ้าบรรลุอรหันต์ แล้วไม่บวชจะต้องตายและนิพพาน
    คุณมั่วมาก ด้วยความไม่รู้จริงไม่รู้แจ้ง คุณยังเขียนได้ว่า นิพพานเป็นความตาย 1 ละนะ

    ข้าพเจ้าเอง ก็บวชเรียนมา ทั้งบวชเป็นสามเณร ทั้งอุปสมบท เป็นพระภิกษุสงฆ์ ชีวิตช่วงหนึ่งของข้าพเจ้า เติบโตอาศัยข้าวก้นบาตร อาศัยวัดเป็นที่หลับนอน เรียนหนังสือ ข้าพเจัาจึงไม่อยากจะกล่าวอะไรให้มากความนัก
    ข้าพเจ้าอยากจะถามคุณผู้ใช้ชื่อว่า สมถะ
    ถ้าข้าพเจ้าบรรลุอรหันต์ ก็เพราะลาสิกขาจากการเป็นพระสงฆ์ เพราะการอยุ่ในสมณเพศ ไม่สะดวก ไม่มีประสบการณ์ความรู้ จึงทำให้ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ คุณคิดว่าจริงหรือไม่ หรือว่าต้องให้พิสูจน์ว่า เป็นสมณเพศนั้น ไม่มีทางหลุดพ้นจากกิเลได้เลย ถ้ายังหลงงมงายอยู่กับอวิชชา คือความไม่รู้จักว่า
    ทุกข์ คือ อะไร
    อะไรคือเหตุแห่งทุกข์นั้น
    อะไรคือเหตุที่ทำให้ถึงความดับทุกข์นั้น
    อะไรคือหนทางแห่งความดับทุกข์นั้น

    ความคิดของคุณที่ว่า การบวชเป็นเพศที่เหมาะแก่การดำรงขันธ์ของผู้บรรลุอรหันต์ ก็ไม่ถูกต้อง เพราะการปฏิบัติ ไม่ว่าจะครองเรือนอยู่ในสถานะใดใด ถ้าคุณหรือใครก็ตามยังคงครองเรือนเป็นมนุษย์ ย่อมสามารถปฏิบัติธรรม และสามารถบรรลุธรรมได้ โดยที่ไม่ต้องบวชเลยก็ได้
    และยังเป็นการดีต่อสภาพสภาวะจิตใจของบุคคลผู้นั้น เพราะการไม่บวชนั้น สามารถรู้จักวิธี เทคนิคและมีความชำนาญในการขจัดอาสวะแห่งกิเลส จิตใจเข็มแข็งต่อความไม่ดี(ตามค่านิยมของสังคม)
    แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ห้ามหรือยุยงมิให้ไม่บวชนะ เพราะการบวชเรียน ของคนไทย เป็นวัฒนธรรมประเพณี
    ที่ได้อธิบายไป ก็เพียงเพื่อทำให้คุณและท่านทั้งหลายได้เกิดความเข้าใจไว้ว่า ตราบใดที่ท่านท้ังหลายครองเรือนเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะสมมุติใดใด ล้วนสามารถปฏิบัติธรรม บรรลุธรรม ตั้งแต่ชั้น โสดาบัน ไปจนถึงชั้นนิพพานได้ อย่างแน่นอน โดยไม่มีข้อแม้หรือข้อจำกัดใดใด
    หากผู้ใดกล่าวนอกเหนือจากที่ขัาพเจ้าได้กล่าวไป จงรุ้เอาไว้ว่า เขาจัดอยู่ในประเภท หลอกลวงผู้เหลือให้หลงเชื่อในทางที่ไม่ถูกไม่ควร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2008
  18. อาเก

    อาเก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +0
    อาเก

    [​IMG]ขออนุโมทนาด้วย ครับ(good)
     
  19. anusaya

    anusaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +212
    anti telwada, abandon telwada.
     
  20. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    เรียนคุณเทวดานะครับ

    สำหรับผมไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณเทวดาแน่นอนครับ เพราะผมเคารพพระพุทธเจ้า ทำไมพระองค์ไม่เป็นพระราชาอยู่เสวยราชสมบัติแล้วก็จักได้บรรลุธรรมตามแบบของคุณเทวดาไปล่ะครับ ทำไมพระองค์ต้องออกบวชถือเพศสมณะล่ะครับ ตรงนี้มีคำตอบในพระไตรปิฎกซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ท่านผู้สนใจโปรดไปค้นดูเอาเองเถิด


    ถ้าคุณเทวดาสำคัญมั่นหมายว่าตนเองบรรลุแล้ว ผมก็คงจักมิอาจไปก้าวล่วงความเห็นส่วนตัวของคุณได้ดอกครับ เพียงแต่ผมยืนยันจักด้วยเหตุผลและด้วยการปฏิบัติธรรมที่เคยได้รับรู้มาเท่าที่จะพึงมีบ้าง การอยู่เป็นฆราวาสนั้นคล่องตัวกว่าการเป็นพระสงฆ์นั่นถูกต้องอยู่ เพราะพระสงฆ์ต้องอยู่ด้วยข้อวินัยมากมาย แต่เรื่องของการบรรลุธรรมนั้นคนละประเด็นกัน เราอยู่เพศฆราวาสก็สามารถบรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดา พระสกิทาคามี พระอนาคามี หรือพระอรหันต์ได้เช่นกัน แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อบรรลุพระอรหันต์แล้วต้องถือเพศภิกษุหรือภิกษุณีเท่านั้น เพราะจิตใจของพระอรหันต์ทุกองค์เป็นเช่นนั้น และไม่มีอะไรจักมาทำลายอริยวิถีนี้ได้นะครับ ผมสืบสาวราวเรื่องดูแล้วเห็นเป็นเช่นนี้มาตลอดธาตุตลอดธรรม พระนิพพานถอดกายมีเท่าไร นิพพานเป็นมีเท่าไร ก็ล้วนแต่ทรงเพศนักบวชนุ่งห่มจีวรเป็นเครื่องหมายของบรรพชิตทั้งนั้น ใครไม่ประพฤติตามนี้เขาเรียกว่าไม่ใช่ธาตุธรรมภาคพระนะครับ คุณอาจจะไม่เข้าใจที่ผมกล่าว แต่ผมพิสูจน์มาแล้วและผมเคารพพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด ถ้าคุณเป็นชาวพุทธมีพระพุทธเจ้าเป็นพุทธบิดาเหมือนผมคุณจะเข้าใจ


    ความหลงมีได้ทุกคนครับ เพียงแต่ว่าเราจะติดตังอยู่กับความเห็นตรงนั้นแบบไหน เราไม่เข้าถึงความจริงแต่เราอยู่ด้วยการหลอกตนเอง อยู่ด้วยการคิดว่าเราคือผู้วิเศษ เราคือผู้อยู่เหนือสิ่งทั้งปวง นี่คืออาการของคนหลง....นะครับ เป็นกิเลสขั้นละเอียดที่ทำให้เราไม่สามารถหลุดพ้นได้จริง


    ผมไม่มีปัญหาอะไรกับคุณเทวดานะครับ แต่ผมมีความเห็นแย้งคุณเช่นนี้ ก็หวังแต่เพียงว่าคุณจะไม่ถือโทษมองผมว่าไม่เคารพคุณ แล้วอาจถึงขั้นตามมาโต้วาทะไปในกระทู้อื่นๆ อีกต่อไป คิดเสียว่านี่เป็นบททดสอบคุณธรรมในตัวคุณก็แล้วกัน


    อย่าเป็นห่วงผมเลยครับว่าสิ่งที่นำเสนอนั้นมันช่างขัดแย้งต่อความเชื่อของคุณเทวดาเหลือเกิน จงมองให้ถึงแก่นว่านี่คือความจริงที่ผู้มีคุณธรรมทั้งหลาย บัณฑิตทั้งหลาย พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านยืนยันชัดเจนตรงกันหมดตามเนื้อหาที่ผมนำเสนอนั่นแหละ ผมว่าความเป็นแกะดำนั้นเราต้องมองให้แตก การที่เราคิดว่าเรารู้วิเศษกว่าคนอื่นแต่พอกล่าวออกมากลับไม่มีหลักที่น่าเชื่อถือใดๆ เลยนั้น และไม่ตรงกับความเห็นของบัณฑิตและความเห็นของพระอริยเจ้าทั้งหลายเลยนั้น เราเป็นแกะดำหรือเปล่า เราเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เรากำลังหลอกตนเองแล้วไปหลอกผู้อื่นอยู่หรือเปล่า เราเคารพพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า เราเอาตัวรอดได้แล้วจริงหรือ...?


    สุดท้ายเมื่อคุณเทวดาได้อ่านถึงตรงนี้ ขอให้เอาคุณธรรมออกมาใช้ให้เต็มที่เถิด คุณธรรมนั้นก็คือ เราจะไม่โกรธผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้ เราจะไม่อาฆาตคนที่มีความเห็นแตกต่างจากเรา เราจะไม่ขัดเคืองใจต่อเขา เราจะไม่จองเวรเขา เราจะยอมหยุดเพื่อเห็นแก่สัจธรรมความถูกต้องและเพื่อเป็นการเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อบุญจักเกิดแก่เราตลอดกาลนานเทอญ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...