ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    ต้องขอขอบพระคุณและโมทนาบุญกับทุกๆท่านและคุณtg22070 ด้วยนะครับที่ได้ร่วมกันทำบุญกับทางทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ โมทนา สาธุ
    ผมขอตอบแทนคุณพันวฤทธิ์ก็แล้วกันนะครับ สำหรับพระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า นั้นค่อนข้างหายากแล้วเพราะผู้ที่รู้ก็ตามเก็บกันไว้เป็นจำนวนมากๆ ส่วนจะหาตามท้องตลาดเดี๋ยวนี้ก็ต้องระวังของปลอมให้มากๆ เพราะถ้าไม่เคยเห็นหรือได้ส่ององค์พระจริงๆแค่ดูจากเพียงรูปถ่ายก็อาจจะพลาดได้ ผมก็เลยคิดว่าอยากเปิดโอกาสให้ผู้ที่พึ่งมาศึกษาหรือเริ่มจะสะสมไว้บูชาพระชุดนี้หรือพระสกุลวังหน้าก็ยังมีอยู่ จึงเปิดคอร์สเล็กๆสำหรับถ่ายทอดความรู้ขึ้นหลังจากที่ได้ร่วมกันทำบุญในวันที่ทางทุนนิธิฯไปทำบุญประจำเดือนกับทางโรงพยาบาลสงฆ์ ซึ่งในเดือนนี้ก็ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2551 ซึ่งเมื่อเดือนก่อนก็ได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับ พระปัญจสิริ และ พระสมเด็จปีระกาหรือสมเด็จเขียวไปแล้ว ส่วนในวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะเอาเรื่องราวของพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า และ พระสมเด็จเนื้อปูนสอ ซึ่งในวันนั้นผมจะนำพระทั้งสองสกุลนี้ไปให้ชมเป็นตัวอย่างซึ่งมีพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าหลายๆพิมพ์ที่ไม่สามารถหาได้จากในท้องตลาดรวมทั้งพระคะแนนพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า หรือสมเด็จเนื้อปูนสอทั้งพิมพ์ปกติและพิมพ์พิเศษไปให้ได้ดูได้ส่องกันเต็มที่รวมทั้งบอกวิธีดูเนื้อหาหรือตำหนิพิมพ์ทรงกันแบบไม่ปิดบัง พระทุกองค์ที่ผมนำไปให้ชมในวันนั้นได้ผ่านการตรวจเช็คทางด้านอิทธิคุณเรียบร้อยแล้วแน่นอนสบายใจได้นะครับ ก็ขอเรียนเชิญทุกท่านนะครับที่สนใจไปร่วมกันทำบุญและศึกษาพระสกุลวังหน้ากันได้ตามวันที่ที่ได้บอกไว้ข้างต้นนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097

    เพิ่งว่างเข้ามาตอบเช่นเดียวกัน

    ต่อข้อที่ถามว่าจะมีใบอนุโมทนาบัตรให้หรือไม่นั้น ต้องขอเรียนชี้แจงดังนี้ เนื่องจากว่าโครงการนี้ ไม่สามารถจัดทำเป็นมูลนิธิได้ เนื่องจากการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิต้องมีขั้นตอนของกฏหมายและกฏระเบียบของทางราชการเข้ามายุ่งด้วยมาก ทางคณะกรรมการฯ ที่ประกอบด้วย ประธานที่ปรึกษาโครงการคือ อ.ประถม อาจสาคร รองประธานที่ปรึกษาฯ คือพี่ใหญ่ (ขอสงวนนามจริงไว้) ประธานทุนนิธิฯ คือผมเอง และกรรมการทุนนิธิฯ อีก 2 ท่านคือ นายสติ หรือ อ.ปุ๊ คุณโสระ หรือคุณหมู จึงได้จัดตั้งเป็นทุนนิธิฯ ขึ้นมา ซึ่งการจัดตั้งเป็นทุนนิธิฯ สามารถจัดตั้งกันได้ง่ายโดยทั่วไป เพื่อทำกิจกรรม โดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ที่สำคัญก็คือต้องตรวจสอบได้ทั้งใบเสร็จรับเงิน รูปภาพกิจกรรม และข้อบังคับของทุนนิธิฯ นั้นๆ โดยในเวลาเปิดบัญชีธนาคารนั้น ต้องใช้ข้อบังคับของทุนนิธิฯ แนบให้ธนาคารพิจารณาด้วย จากเหตุผลข้างต้นโดยสรุปคือ ทุนนิธิฯ มิได้มีสภาพเป็นนิติบุคคล จึงไม่สามารถออกใบเสร็จหรือใบอนุโมทนาบัตร เพื่อนำไปลดหย่อนภาษี ภงด.91 ได้ แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ ก็มีความเห็นพ้องต้องกันว่า ในเมื่อแต่ละท่านมีความตั้งใจที่มาทำบุญแล้ว ก็ควรจะตอบแทนแต่ละท่านบ้าง จึงได้มีการนำพระพิมพ์ต่างๆ มาแจกให้แก่ผู้ที่ทำบุญฟรี ตามวาระและโอกาสที่จะกำหนดขึ้น ซึ่งในคราวต่อไป ก็ตั้งใจไว้แล้ว่า จะนำ พระพิมพ์สมเด็จปัญจสิริ มาแจกให้ฟรี ในช่วงเดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2551 นี้ แต่ก็มีข้อแม้อีกเหมือนกัน คือ จะแจกให้เฉพาะท่านที่ทำบุญผ่านทุนนิธิฯ เป็นการประจำเท่านั้น ท่านที่มาครั้งเดียวแล้วหายเลย ก็คงไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะได้รับแจกครับ อีกอย่างหนึ่งก็คือ พระพิมพ์ต่างๆ ที่แจกให้นี้ รับรองรองได้ในเรื่องอิทธิคุณครับ ผมและครอบครัวใช้ท่านเป็นหลักชัยในการดำเนินชีวิต และคุ้มครองอยู่ ถ้าไม่แน่ใจ ไม่เอาชีวิตตนเองและลูกเมียเข้าไปเสี่ยงเหมือนกัน ขอให้มั่นใจได้ ของงี้ต้องถามใจตนเองครับ ยกเว้นถ้าตรวจพระได้ก็สบายไป

    สุดท้ายผมคงต้องยุติการตอบคำถามไว้เพียงเท่านี้ เพราะเรื่องพระพิมพ์ที่ถาม นายสติได้ตอบแทนผมแล้ว หากสนใจก็เชิญเข้าร่วมกิจกรรมในวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฏาคมนี้ด้วย หากสนใจในเรื่องพระพิมพ์จริงๆ ก็ลองติดต่อนายสติในวันนั้นดูว่ายังมีพระพอแบ่งให้เชยชมไหม แกใจดีออก ไม่แน่อาจได้ของดีไว้บูชา ช่วงนี้ผมต้องไปทำงานต่างจังหวัดบ่อย อย่างวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้ คงไม่ได้เข้ามาอ่านในกระทู้อีก 2 วัน ถ้ามีอะไรโพสท์ไว้ก่อนครับ กลับมาจะมาตอบให้ครับ

    ขอขอบคุณอีกครั้ง

    พันวฤทธิ์
    9/7/51
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เพิ่มเติมอีกนิดนึง พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าที่ว่าสวย แต่แปลก อ.ประถมท่านบอกกับผมว่าให้เก็บองค์ข้างล่างไว้ให้มาก เพราะทำด้วยผงวิเศษทั้งองค์ เคยยื่นให้ท่านเลือกพร้อมกับพระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ปรากฏว่าท่านเลือกแต่ "พิมพ์ปิดตา 2 หน้า" นี้แต่เพียงอย่างเดียว แถมบอกว่า ปู่รู้ล่วงหน้ามาตั้ง 7 วันแล้ว ว่าท่านจะมา แถมยังเฉลยอีกว่าขั้นตอนการอธิษฐานจิตของผู้อธิษฐานในพระพิมพ์ทั้ง 2 นั้นต่างกันอยู่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  4. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับทุกๆท่านวันนี้ครอบครัวผมได้ส่งเงินทำบุญ 500 บาทน้องคุณแม่ร่วมทำบุญ 100 บาท ส่งวันที่09/07/08 เวลา 18.38 น. สาธุๆ
     
  5. ชิน9

    ชิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +247
    สวัสดีครับ ทุกๆท่าน ได้โอนเงินร่วมทำบุญ2,000.-

    เมื่อ 09.01.52 03/07/2008 1702

    โดยมี อาม่า ,ป๋า ,โกว 2คน ,ชิน9,และครอบครัว ญาติมิตร บริวาร ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญทุกท่าน มาร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  6. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านพันวฤทธิ์

    ร่วมบุญเพิ่มเติมครับ

    ฝากที่เคาเตอร์ สาขาวังบูรพา เข้าบัญชี 348-123-245-9

    วันที่ 11/7/2551 เวลา 10:30 น. จำนวน 100 บาท ครับ

    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  7. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    หลวงตาพวง สุขินทริโย ผจญฝูงควาย ที่จันทบุรี ในคราวธุดงค์กรรมฐาน

    หลวงตาพวง สุขินทริโย
    ผจญฝูงควาย ที่จันทบุรี ในคราวธุดงค์กรรมฐาน

    [​IMG]
    ในช่วงที่ท่านพ่อลี วัดอโศการามมรณภาพลงนั้น พระพวง สุขินทริโยกับคณะก็
    ได้เดินทางไปคารวะศพท่านพ่อลีที่จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากคารวะศพ
    แล้วคณะก็ชวนพระพวงไปธุดงค์แถวจังหวัดจันทบุรี เพราะได้ข่าวว่าแถบจังหวัด
    จันทบุรี มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเดินธุดงค์เพื่อหาสถานที่ในการทำ
    ความเพียร

    ประกอบกับทางแถบจังหวัดจันทบุรี มีพระภิกษุที่เคยจำพรรษาอยู่ด้วยกันสมัย
    อยู่กับหลวงปู่ฝั้นหลายองค์ พระพวงคิดอยากจะไปเยี่ยมเพื่อน จึงได้ออกเดิน
    ทางไปจังหวัดจันทบุรีพร้อมกับคณะ

    หลวงตาพวงเล่าให้ฟังว่า "เมื่อไปถึงจันทบุรีก็ไปพักที่วัดป่าคลองกุ้ง อยู่หลาย
    วัน หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปเพื่อไปเยี่ยมพระอาจารย์ถวิล ซึ่งเคยจำ
    พรรษาร่วมกันสมัยอยู่วัดป่าภูธรพิทักษ์ ท่านอยู่ที่วัดยางระหงษ์ ก็เลยพาคณะที่
    เดินทางมาด้วยกันไปเยี่ยมพระอาจารย์ถวิล พักอยู่ที่นั่น 15 วัน พระอาจารย์
    ถวิลได้พาไปดูวัดเขาสุกิม ขณะนั้นพระอาจารย์สมชายเพิ่งจะไปบุกเบิกได้ใหม่
    ๆ ยังเป็นกระท่อมเล็ก ๆ ยังไม่ได้สร้างเป็นถาวรวัตถุเช่นทุกวันนี้

    ต่อจากนั้นได้ทางไปเยี่ยมพระอีกรูปที่วัดเขาน้อย มีพระติดตามไปด้วย 3 รูป
    ลูกศิษย์ถือปัจจัยอีก 1 คน เดินทางโดยรถโดยสารแล้วก็ลงเดินทางด้วยเท้าต่อ
    ระหว่างทางก็พบกับชาวบ้านที่กำลังจะไปเก็บผลไม้ที่สวนใกล้ ๆ วัดเขาน้อย
    ชาวบ้านได้อาสานำอัฐบริขารล่วงหน้าไปวัดให้ก่อน เพราะตนเองมีรถมอเตอร์
    ไซร์ พระพวงและคณะมิได้ขัดศรัทธา ให้ชาวบ้านนำอัฐบริขารล่วงหน้าไปก่อน
    เหลือแต่ย่ามสะพาย

    พอเดินทางไปถึงทางแยกทางไปวัดเขาน้อย บริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณทุ่งนา
    โล่งๆราว ๆ 4-5 เส้น ข้างหน้าก็เป็นป่าสวนยางโล่ง ๆ ไม่ทราบว่ามีควายมา
    นอนอยู่บริเวณดังกล่าวตั้งแต่เมื่อใด พอควายเห็นพระเดินมาหลายรูป มีจีวร
    สีสะดุดตาจึงวิ่งรี่เข้าใส่ บรรดาพระและลูกศิษย์ที่มาด้วยเห็นดังนั้นจึงออกวิ่งนำ
    หน้าพระพวงในทันที

    หลวงตาเล่าให้ฟังว่า "หลวงตาวิ่งไปได้ 2-3 ก้าว ก็คิดได้ทันทีว่า ถ้าวิ่งก็ตาย
    เดี๋ยวนี้ เลยหันหลังกลับ มือล้วงไปในย่าม มีผ้าปูนั่งในย่าม เอามาแกว่งเป็นวง
    กลม ควายเห็นก็หยุดไม่มาทำอะไร หลวงตาก็ตกประหม่าขาสั่นยิก ๆ ควายเอง
    ก็มีอารมณ์โกรธ มีลมพ่นออกจากจมูก ฟึด ฟัด ฟึด ฟัด ตลอดเวลา เป็นอยู่
    อย่างนี้ประมาณ 10 นาที ควายจึงเดินหันหลังกลับไปทุ่งนา"

    สาเหตุที่หลวงตารอดพ้นจากภัยครั้งนั้นมาได้ หลวงตาเล่าให้ฟังต่อว่า "เพราะ
    อะไรที่รอดมาได้ ก็เพราะเราไม่มีกรรมไม่มีเวร เรามีเมตตาสัตว์ ไม่เคยทำร้าย
    สัตว์ ไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่เคยเป็นกรรมเป็นเวรซึ่งกันและกัน เราแผ่เมตตา
    มีเมตตาธรรม เป็นเกราะไม่ให้ควายมาชน เรียกอีกอย่างว่า พระธรรมย่อมรักษา
    ผู้ปฏิบัติธรรม มีพระธรรมเป็นเกราะป้องกัน จิตใจของเขาก็อ่อน ไม่สามารถมา
    ทำร้ายเราได้"

    "หากดูจากประวัติของครูบาอาจารย์องค์อื่น ๆ เช่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ
    เดินธุดงค์ไปพบช้าง พบเสือในป่า ท่านเหล่านั้นก็ไม่มีอาวุธอะไรที่จะใช้ต่อสู้
    ท่านมีแต่เมตตา ใช้อำนาจของเมตตาทำให้สัตว์ไม่ทำร้าย ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
    เพราะอำนาจของเมตตา ทำให้สัตว์ไม่ทำร้ายเราได้"

    หลวงตาเล่าให้ฟังว่า "เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นที่สุดครั้งหนึ่งใน
    ชีวิต ที่ไม่เคยลืม พระที่ติดตามไปด้วยก็พูดให้ฟังว่า ถ้าหากหลวงตาพวงไม่มา
    ด้วย พวกกระผมคงตายไปแล้ว เพราะถ้าวิ่งหนี วิ่งไปไม่เท่าไหร่ควายก็วิ่งทัน
    ครั้งนี้เพราะหลวงตาเอาใจสู้ จึงรอดมาได้"

    หลวงตายังพูดถึงหลวงปู่แหวน ตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ ก็มีบรรดาลูกศิษย์ที่เป็น
    ทหารเข้าไปกราบนมัสการ แล้วก็ขอเหรียญ "เราสู้" ของหลวงปู่แหวน ซึ่งมีชื่อ
    เสียงโด่งดังมาก หลวงปู่แหวนท่านให้ธรรมว่า เราสู้ นั้นหมายถึง เราสู้กิเลส
    ตัณหา ความทุกข์ ความอยาก

    กรณีควายไล่ในครั้งนี้ หลวงตาไม่มีศัตราวุธเลย มีแต่ศีลธรรมและเมตตาธรรมที่
    คอยสู้และสามารถเอาชนะควายเกเรได้
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๒๘ : เสด็จถึงอุรุเวลาเสนานิคม
    <!-- Main -->[SIZE=-1]พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๒๘ : เสด็จถึงอุรุเวลาเสนานิคม

    เสด็จถึงอุรุเวลาเสนานิคมอันสงัดเงียบ
    ทรงพอพระทัย ประทับบำเพ็ญเพียรที่นั่น

    เมื่อพระมหาบุรุษทรงอำลาท่านคณาจารย์ทั้งสองแล้วออกจากที่นั่น ก็ได้เสด็จจาริกแสวงหาที่สำหรับทรงบำเพ็ญเพียร เพื่อทดลองทุกรกิริยาที่คนสมัยนั้นเช่นพวกฤษี นักพรต นิยมทำกันดังกล่าว เมื่อเสด็จไปถึงตำบลแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตแขวงมคธเหมือนกัน มีนามว่า อุรุเวลาเสนานิคม (อุรุเวลา แปลว่ากองทราย เสนานิคม แปลว่าตำบล หมู่บ้าน ถ้าจะเรียกอย่างไทยเราก็คงจะเรียกได้ว่า หมู่บ้านกองทราย หรือหมู่บ้านทรายงาม อะไรอย่างนั้น)

    [​IMG]

    พื้นที่ตำบลแห่งนี้เป็นที่ราบรื่น มีแนวป่าเขียวสด เป็นที่น่าเบิกบานใจ มีแม่น้ำเนรัญชรา ใสสะอาด มีท่าสำหรับลงอาบ มีหมู่บ้านตั้งอยู่โดยรอบ ไม่ใกล้เกินไป และไม่ไกลเกินไป เหมาะสำหรับเป็นที่อาศัยเที่ยวบิณฑบาตของนักบวชบำเพ็ญพรต

    อุรุเวลาเสนา คัมภีร์อรรถกถาชื่อ "สมันตปาสาทิกา" เล่ม ๓ ซึ่งพระพุทธโฆษาจารย์ชาวอินเดีย สมัยหลังพระพุทธเจ้านิพพานแล้วเป็นผู้แต่ง ได้เล่าประวัติของกองทรายที่ตำบลนี้ไว้ว่า ในอดีต ที่นี่เคยเป็นที่บำเพ็ญเพียรของพวกนักพรตจำนวนมาก นักพรตที่มาตั้งระเบียบข้อบังคับปกครองกันเองไว้ว่า ความผิดของคนที่แสดงออกทางกายและวาจานั้นพอมองเห็นได้ ส่วนทางใจไม่มีใครมองเห็นเลย ใครจะคิดผิดคิดชั่วอย่างไรก็มองไม่เห็น ลงโทษว่ากล่าวกันก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าใครเกิดคิดชั่ว เช่น เกิดอารมณ์ความใคร่ขึ้นมาเมื่อใดละก็ ขอให้ผู้นั้นลงโทษตัวเอง โดยวิธีนำบาตรไปตักเอาทรายมาเทกองไว้ หนึ่งคนหนึ่งครั้ง ครั้งละหนึ่งบาตร เป็นการประจานตัวเองให้คนอื่นรู้ ด้วยเหตุนี้ ภูเขากองทราย หรือ อุรุเวลา ซึ่งเสมือนหนึ่งอนุสรณ์แห่งกองกิเลสของพระฤาษีเก่าก่อนจึงเกิดขึ้น

    พระมหาบุรุษทรงเลือกตำบลนี้เป็นที่บำเพ็ญทุกกรกิริยา ซึ่งเป็นบททดลองอีกบทหนึ่งว่าจะเป็นทางตรัสรู้หรือไม่.

    ตำบล "อุรุเวลาเสนานิคม" ในสมัยพระพุทธเจ้านั้น ต่อมาในสมัยหลังในวันนี้คือตำบล "พุทธคยา" ซึ่งปัจจุบัน มีวัดไทยพุทธคยาตั้งอยู่ที่นั่น
    [/SIZE]


    ขอขอบคุณ
    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=travelaround&date=29-03-2008&group=4&gblog=28
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ของขวัญที่ดีที่สุด คือ..................

    <!-- Main -->[​IMG]

    [FONT=courier new,courier,monospace][​IMG]เคยถามตัวเองหรือไม่ ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณคืออะไร คำตอบสำหรับคำถามนี้ในแต่ละคนต่างกัน[/FONT][FONT=courier new,courier,monospace] เช่น สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้พบกับคนที่เรารักมากที่สุด มีลูกที่ดี มีเพื่อนที่ดีที่สุด ได้งานทำที่ดี ได้เลื่อนตำแหน่ง มีกิจการเป็นของตัวเอง ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่หนึ่ง ได้ไปต่างประเทศ และยังมีเรื่องราวที่เป็นที่สุดอีกมากมาย.........[​IMG][​IMG]

    แต่มีใครเคยคิดบ้างว่า การที่คนเราได้เกิดมาในโลกใบนี้นี่แหละถึอว่าเป็นเรื่องราวที่ดีสุดแล้ว ความมหัศจรรย์ของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อเราลืมตาขึ้นมาดูโลก ถึงแม้บางคนจะบอกว่าเราเกิดมาใช้กรรม แต่นอกจากใช้กรรมแล้ว เรายังสามารถสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้อีกมากมาย ได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ เก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ ให้กับตนเอง และคนรอบข้างไม่จบไม่สิ้น ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอีกเช่นกัน คิดดูสิ การที่เราได้เกิดมาบนโลกใบนี้ เราไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เราเกิดมาตัวเปล่า ดังนั้นชีวิตหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ขอให้ถือว่ามันคือกำไรชีวิต ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เราได้พบจะทำให้เรา ร้องไห้ ผิดหวังแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ทำให้เราเข้มแข็ง และกล้าที่จะยอมรับความจริง นั่นคือบททดสอบ มันทำให้ความเป็นคนของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทุกอย่างถือเป็นกำไรทั้งสิ้น ไม่มีคำว่าขาดทุน สอบตกก็กำไร ทำให้เราพยายามมากขึ้น ถูกคุณครูว่า ก็กำไร ทำให้เรามีความตั้งใจมากขึ้น ตกงานก็กำไร ทำให้เรามีความอดทนมากขึ้น ผิดหวังจากความรักก็กำไร ทำให้เรารู้คุณค่าขอ งความรักมากขึ้น..........[​IMG]

    รู้หรือไม่ว่า ชีวิตให้ของขวัญอะไรกับเรา ทุกคนได้รับของขวัญโดยเท่าเทียมกัน ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว วันพรุ่งนี้ไงล่ะ วันใหม่ การเริ่มต้นใหม่ ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ได้ทุกวัน ทุกครั้งที่เหนื่อย ท้อใจ ผิดหวัง เมื่อดวงตะวันทอแสงในยามเช้า เราจะพบกำไรอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ความหวัง เมื่อวันใหม่เริ่มต้น ความหวังก็จะยังอยู่กับเรา ไม่มีวันหยุด จนกว่าจะหมดลมหายใจ โปรดอย่ากำหนดชีวิตตัวเองด้วยการจากโลกนี้ไป อย่าตัดสินใจอย่างนั้น คุณกำลังทิ้งของขวัญที่ดีที่สุดของคุณ ทิ้งความหวัง ทิ้งกำไรชีวิต ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ในเมื่อเราเกิดมาแล้วขอให้อยู่จนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเถิด จนกว่าคุณจะหมดแรงสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับชีวิต มันน่าเสียดายมากนะ ถ้าคุณไม่ได้เห็นวันพรุ่งนี้ของคุณ ไม่ได้รับรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิต ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในด้านบวก หรือลบ ขอให้เรียนรู้ที่จะก้าวผ่านไปให้ได้ และเมื่อคุณมองย้อนกลับไปในอดีตที่ได้ฝ่าฟัน หรืออดทนกับมันมา คุณจะพบว่าคุณช่างเป็นบุคคลที่กล้าหาญเหลือเกิน ความภาคภูมิใจในตัวเองจะบังเกิดขึ้นกับคุณ คุณจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น และยืน หยัดได้อย่างมั่นคง คุณจะบอกกับตัวเองว่าอุปสรรคที่ผ่านมามันช่างเล็กน้อยเหลือเกิน ไม่มีอะไรจะเกินความสามารถของคนเราไปได้เลย ถ้าคุณยังมีความหวัง และคิดเสมอว่าทุกย่างก้าวของชีวิต ทุกลมหายใจที่มีอยู่ ทุกอย่างคือกำไร

    ขอให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ เพราะคุณคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้ และไม่มีวันที่คุณจะขาดทุนจากการดำเนินชีวิต.......[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [/FONT]</P< font><!-- End main-->


    ขอขอบคุณ

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=makmaichaiklong&month=10-07-2008&group=6&gblog=15
     
  10. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    หลวงตาพวง สุขินทริโย
    ผจญฝูงควาย ที่จันทบุรี ในคราวธุดงค์กรรมฐาน


    [​IMG]

    เคยมีเรื่องเล่ากันว่า มีชาวยโสธรไปกราบหลวงพ่อคูณ เทพเจ้าแห่งวัดบ้านไร่ ท่านถามว่ามาจากไหน คณะที่มากราบก็บอกว่ามาจากยโสธร หลวงพ่อคูณจึงกล่าวว่า ที่ยโสธรมีพระที่เก่งกว่าท่านอีก ผมขาวๆ รู้จักกันไหม พระที่หลวงพ่อคูณกล่าวถึงก็คือ หลวงตาพวง นั้นเอง

    และยังเป็นที่ร่ำลือกันว่าท่านสามารถบิณฑบาตรโดยการเดิมข้ามแม่น้ำบนผิวน้ำได้

    ทั้งหมดก็เป็นเพียงเรื่องที่เล่าต่อกันมา ถ้าผิดพลาดประการใด ก็กราบขอขมาพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตาพวง สุขินทริโย ไว้ด้วยขอรับ
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เมื่อวานได้เจอคุณถังไม้หรือคุณประเสริฐที่ จ.ระยอง เลยถือโอกาสมอบพระสมเด็จพิมพ์ปีระกา หรือ สมเด็จเขียว พิมพ์เส้นด้าย ตามที่แจ้งความประสงค์ไว้ให้ 1 องค์ พร้อมนี้ คุณถังไม้ ได้บริจาคปัจจัยสมทบกับทุนนิธิฯ มาด้วย 200.- บาท โดยในวันอาทิตย์นี้ ผมจะได้มอบให้ นายสตินำฝากเข้าบัญชีของทุนนิธิฯ ต่อไปครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ และได้บอกคุณถังไม้ไปว่า วัดกรรมฐานในระยองที่ท่านสามารถตรวจพระพิมพ์นี้ได้ คือวัด....หากมีเวลา ลองให้ท่านอาจารย์ใหญ่ เจ้าอาวาสได้พิจารณา พระสมเด็จเขียวนี้ดูก็ได้ หรือในตัวเมือง หลวงพ่อภา วัดตาขัน พระผู้มีอารมณ์ดี น่ากราบไหว้ ก็น่าจะได้เหมือนกัน เพราะท่านทำ (เสก) พระได้ เรื่องตรวจพระน่าจะทำได้สบายมากเช่นกันครับ
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097

    พระระดับนี้ อย่าว่าแต่ควายเลย โขลงช้างทั้งโขลง ก็น่าจะหยุดได้เช่นกัน ตอนผมบวชเป็นพระ ท่านอาจารย์ที่ชอบวิเวกตามป่าเขาทางเหนือ ท่านกลับมาที่วัด พอกลับมา เราเป็นพระบวชใหม่ ก็ชอบถามเรื่องสิ่งรี้ลับในระหว่างที่ท่านออกรุกขมูล ก็ล้อมวงกันฟัง ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่ง เดินแบกกลดเข้าไปในหมู่บ้านที่ ชาวบ้านกำลังต้อนควายเปลี่ยว หรือควายหนุ่มออกมากินหญ้า ฝูงควายกำลังคึก วิ่งกันมาตามถนนที่ท่านกำลังเดินเป็นแถว ท่านเล่าว่า ไม่รู้จะทำยังไง ตายเป็นตาย ยืนอยู่ตรงนั้น กำหนดท่องพุทโธ หลับตาปี๋ ยกมือขึ้นเบื้องหน้า พร้อมหงายมือขึ้นทำท่าหยุดแบบหนังจีน ท่านยืนอยู่พักใหญ่ พอความเงียบปกคลุม ท่านลืมตาขึ้น พบฝูงควาย ยืนค้างอยู่เบื้องหน้าท่านนั่นเอง ท่านบอกว่าตอนนั้น จิตกับกายรวมกันเป็นหนึ่ง ประสาทตึงเปรี๊ยะ เกิดเป็นเอกคตารมณ์อย่างคาดไม่ถึง กระแสจิตแรงกล้ามาก แรงจนฝูงควายเปลี่ยว ไม้กล้าเข้าไกล้ นี่คือเรื่องเล่าในหมู่พระกรรมฐานครับ ยังจำชื่อท่านได้ ท่านชื่ออาจารย์จิระ อยู่วัดมาบจันทร์ จ.ระยอง มีนิสัยชอบผาดโผน ชอบออกวิเวกเข้าไปในดงพวกแม้ว ตามดอยต่างๆ ในภาคเหนือ ยิ่งวันไหน ออกบิณฑบาตรเข้าไปในหมู่บ้าน แล้วพวกแม้วบอกว่า ตุ๊เจ้า วันนี้มีอาหารทะเลถวาย ท่านนึกแปลกใจ นึกว่า จะได้ฉัน พวกปลาหมึก หรือหอยแมงภู่ กลับกายเป็นหัวปลาทูหนึ่งหัว พร้อมข้าวสวย 1 ถ้วย ท่านบอก จะเอาอะไรกับเค้า แค่นี้ก็เป็นบุญแล้ว ได้ฉันหัวปลาทูบนยอดดอย.... ในแวดวงพระกรรมฐาน หรือพระที่ชอบออกวิเวก ยังมีเรื่องเล่าแบบอจินไตยที่ไม่สามารถเปิดเผยได้อีกเยอะครับ ซึ่งเซียนพระ ประเภท เงินงัง สรณัง คัจฉามิ มิอาจเข้าถึงได้ คงว่ากันแต่ในเรื่องรูป โดยไม่สนใจในเรื่องนาม ก็คงปล่อยไปครับ เหมือนอย่าง อ.ประถม เคยถามผมว่า มีใครเคยเห็นหลวงปู่ทวดไหม แล้วทำไม ยังนับถือกัน นี่ก็คือเหตุผลทางด้านนาม คือเรื่องจิตอันเป็นทิพย์ของท่านทั้งนั้น ก็เช่นเดียวกันกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่มีจิตเป็นทิพย์ ใครนับถือท่าน ท่านก็จะมาโปรด ใครไม่รู้ก็จะไม่รู้ต่อไป
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    อานิสงส์ของการสวดมนต์
    เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี

    ดังปรากฏในงานของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี จางวาง
    มหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด็จโตมาเทศน์ที่บ้าน

    ครั้นพลบค่ำ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตพร้อมลูกศิษย์ได้เดินทางจากวัดระฆัง
    มายังบ้านของท่านเจ้าพระยาสรรเพชรภักดี ซึ่งในขณะนั้นมีอุบาสก อุบาสิกา
    นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันเป็นจำนวนมาก ด้วยต้องการสดับรับฟังการเทศน์ของท่านเจ้าประคุณ
    ณ ที่เรือนของท่านเจ้าพระยาเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    จึงกล่าวบูชาพระรัตนตรัย เมื่อจบแล้ว ท่านจึงเทศน์
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    ธรรมะของหลวงพ่อชา<O:p</O:p
    หลวงพ่อชาท่านเป็นพระบ้านนอก รูปร่างเล็กแต่คำสอนของท่านนั้นยิ่งใหญ่มาก ฟังง่าย เข้าใจง่าย และไม่พ้นวิสัยในการปฏิบัติตามอย่างเรื่องความยึดมั่นถือมั่นที่นำมาลงนี้ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง เช่นกัน เคยได้mp3 ของหลวงพ่อจากวัดสังฆทาน นนทบุรี มาฟังไม่เบื่อครับ สมกับเป็น "โพธิญาณเถระ"จริงๆ หากใครอยู่แถวๆ อำนาจเจริญ ลองไปกราบท่าน อ.วิฑูรย์ แห่งถ้ำแสงเพชร ดูแล้วขอชมจิตตานุภาพท่าน บางทีอาจจะได้ดูอะไรเป็นบุญตา อย่างที่ผมเจอก็ได้ครับ (แต่ผมบอกท่านก่อนว่าผมเป็นศิษย์ ลป.ชา เช่นเดียวกับท่านครับ)<O:p</O:p
    พันวฤทธิ์<O:p</O:p
    12/7/51

    <O:p</O:p
    อันความยึดมั่นถือมั่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะจบได้มันจบลงไม่ได้สักที เป็นเรื่องวัฏฏสงสารที่ไหลไปไม่ขาด ไม่มีทางสิ้นสุดทีนี้ถ้าเรารู้จักสมมุติแล้ว ก็รู้จักวิมุตติ ครั้นรู้จักวิมุตติแล้วก็รู้จักสมมุติ ก็จะเป็นผู้รู้จักธรรมะอันหมดสิ้นไปก็เหมือนเราทุกคนนี้แหละ แต่เดิมชื่อของเราก็ไม่มี คือตอนเกิดมาไม่มีชื่อ ที่มีชื่อขึ้นมาก็โดยสมมุติกันขึ้นมาเองอาตมาพิจารณาดูว่า เอ! สมมุตินี้ ถ้าไม่รู้จักมันจริงๆแล้วมันก็เป็นโทษมาก ความจริงมันเป็นของเอามาใช้ให้เรารู้จักเรื่องราวเฉยๆ เท่านั้นก็พอให้รู้ว่าถ้าไม่มีเรื่องสมมุตินี้ ก็ไม่มีเรื่องที่จะพูดกันไม่มีเรื่องที่จะบอกกัน ไม่มีภาษาที่จะใช้กัน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อครั้งที่อาตมาไปต่างประเทศ อาตมาได้ไปเห็นพวกฝรั่งไปนั่งกรรมฐานกันอยู่เป็นแถว แล้วเวลาจะลุกขึ้นออกไปไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม เห็นจับหัวกัน ผู้นั้นผู้นี้ไปเรื่อยๆก็เลยมาเห็นได้ว่าโอ! สมมุตินี้ถ้าไปตั้งลงไว้ที่ไหน ไปยึดมั่นหมายมั่นมันก็จะเกิดกิเลสอยู่ที่นั่น ถ้าเราวางสมมุติได้ ยอมมันแล้วก็สบายอย่างพวกนายพลนายพันทหารมาที่นี่ ก็เป็นผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์ ครั้นมาถึงอาตมาแล้วก็พูดว่าหลวงพ่อกรุณาจับหัวให้ผมหน่อยครับนี่แสดงว่าถ้ายอมแล้วมันก็ไม่มีพิษอยู่ที่นั่นพอลูบหัวให้ เขาดีใจด้วยซ้ำแต่ถ้าไปลูบหัวเขาที่กลางถนนดูซิไม่เกิดเรื่องก็ลองดู นี่คือความยึดมั่นถือมั่นเอาไว้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ฉะนั้นอาตมาว่าการวางนี้มันสบายจริงๆ เมื่อตั้งใจว่าเอาหัวมาให้อาตามลูบก็สมมุติลงว่าไม่เป็นอะไรแล้วก็ไม่เป็นอะไรจริงๆ ลูบอยู่เหมือนหัวเผือกหัวมันแต่ถ้าเราลูบอยู่กลางทาง ไม่ได้แน่นอนนี่แหละเรื่องของการยอม การละ การวาง การปลง ทำได้แล้วมันเบาอย่างนี้ ครั้นไปยึดที่ไหน มันก็เป็นภพที่นั่นเป็นชาติที่นั่น มีพิษมีภัยขึ้นที่นั่น พระพุทธองค์ของเราท่านทรงสอนสมมุติแล้วก็ทรงสอนให้แก้สมมุติโดยถูกเรื่องของมัน ให้มันเห็นเป็นวิมุตติอย่าไปยึดมั่นหรือถือมั่นมันสิ่งที่มันเกิดมาในโลกนี้ก็เรื่องสมมุติทั้งนั้น มันจึงเป็นขึ้นมา ครั้นเป็นขึ้นมาแล้ว และสมมุติแล้วก็อย่าไปหลงสมมุตินั้นท่านว่ามันเป็นทุกข์เรื่องสมมุติเรื่องบัญญัตินี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าคนไหนปล่อย คนไหนวางได้ มันก็หมดทุกข์<O:p</O:p

    หรือจะลองอ่านเรื่อง สมาธิภาวนาของหลวงพ่อชา ตาม link นี้ก็ได้ครับ
    http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=67280

    หรือจะลองฟังท่านตอบปัญหาธรรมก็ได้ครับ
    http://www.openbase.in.th/node/4574

    ขอขอบคุณ
    http://www.larntum.in.th/cgi-bin/kratoo.pl/001484.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2008
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    ของดีราคาเบาที่แนะนำสำหรับวัตถุมงคลหลวงพ่อชา พิสดารขนาดไหนอ่านเอาครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=cattitle>เหรียญฟ้าลั่น 5 พระอาจารย์ (เบญจะมหามงคล) ปี 2516</TD><TD class=itemsubsub></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD id=albumbody>ประวัติความเป็นมาและพิธีพุทธาภิเษก
    จัดสร้างโดยสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จุดประสงค์เพื่อหาเงินจำนวนหนึ่งมาสร้างสำนักงานของสมาคม โดยมีเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์เป็นประธานในการจัดสร้าง โดยท่านได้แนะนำให้บรรจุรูปพระอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานี 5 องค์ ลงในเหรียญคือ
    พระคุณเจ้าพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ศิริจันโท (จันทร์)
    พระอาจารย์เสาร์ กนฺต สีโล
    พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
    สมเด็จมหาวีรวงศ์ ติสโส (อ้วน)
    เจ้าคุณพระศาสนดิลก ชิตเสโน (เสน)

    รูปของพระอริยสงฆ์ทั้ง 5 องค์ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวจังหวัดอุบลราชธานีและบุคคลทั่วไป เนื่องจากเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนี้ จะรวมกันอยู่อีกด้านหนึ่งของเหรียญเรียกว่า "เหรียญเบ็ญจะมหามงคล" และมีอักษรขอมแทรกไว้ ส่วนอีกด้านหนึ่งของเหรียญให้นำรูปพระสัพพัญญูเจ้า ซึ่งเป็นพระประธานในโบสถ์วัดสุปัฏนารามวรวิหารใส่ไว้
    คณะกรรมการสมาคมได้จัดสร้างเหรียญจำนวน 100,000 เหรียญ และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งแรก ณ พระอุโบสถวัดสุปัฏนารามวรวิหาร เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2516 เวลา 16.00 น. ถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2516 เวลา 05.40 น. โดยมี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เป็นองค์ประธานในพิธี และได้อาราธนาพระคุณเจ้าที่มีศีลาจาริวัตรเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธามาร่วมพิธีพุทธาภิเษก จำนวน 62 องค์ เช่น
    พระอาจารย์ขาว วัดถ้ำกลองเพล, พระอาจารย์วัน วัดถ้ำภูเหล็ก, พระอาจารย์ฝั้น วัดถ้ำขาม, พระอาจารย์บุญมา วัดศิริสาลวัน, พระอาจารย์ชา วัดหนองป่าพง, พระอาจารย์หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอ, พระอาจารย์หลวงพ่อเทียม วัดกษัตริยาธิราช อยุธยา, พระอาจารย์หลวงพ่อทองอยู่ สมุทรสาคร, พระอาจารย์เจ้าคุณพระราชสุทธาจารย์ วัดวชิราลงกรณ์ ปากช่อง, เจ้าคุณพระโพธิญาณมุนี ชัยภูมิ, พระครูโอภาสสมณกิจ (หลวงพ่อผาง) วัดธรรมวิเวก ชนบท, เป็นต้น
    ในวันทำพิธีปลุกเสก ได้เกิดนิมิตอันดีปรากฏให้เห็นชัดเจน กล่าวคือ ขณะที่พราหมณ์กำลังกล่าวอัญเชิญเทวดา ท้องฟ้ามืดครึ้มขึ้นมาทันที ลมกระโชกแรง มีเสียงฟ้าคำรามอย่างกึกก้อง ฝนตกปรอยๆ ประมาณ 2-3 นาที แล้วก็หายไปราวปาฏิหาริย์ ประชาชนที่มาร่วมพิธีจึงให้ชื่อว่า "เหรียญฟ้าลั่น" เพราะเป็นนิมิตดี น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    ต่อมาคณะกรรมการสมาคมได้นำเหรียญ "เบ็ญจะมหามงคล" เข้าร่วมในพิธีพุทธาภิเษกในโอกาสสำคัญๆ อีก 3 ครั้ง คือ
    พุทธาภิเษกครั้งที่ 2 ที่วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่) เมื่อ พ.ศ. 2518 พร้อมปลุกเสกพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง และเหรียญพระแก้วบุษราคัมของจังหวัด จัดทำเป็นที่ระลึกสร้างศาลหลักเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
    พุทธาภิเษกครั้งที่ 3 ที่วัดดอยตุง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เป็นองค์ประธาน
    พุทธาภิเษกครั้งที่ 4 ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2528 ที่วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่) อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD style="BACKGROUND-POSITION: center 50%" background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_top.gif></TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_left.gif></TD><TD class=framebod-black align=middle>[​IMG]




    </TD><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_right.gif></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_bottom.gif></TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>DIGITAL CAMERA

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD style="BACKGROUND-POSITION: center 50%" background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_top.gif></TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_left.gif></TD><TD class=framebod-black align=middle>[​IMG]




    </TD><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_right.gif></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_bottom.gif></TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>DIGITAL CAMERA

    แรกๆ ออกใหม่ๆ เหรียญละ 100.-บาท เดี๋ยวนี้น่าจะไม่เกิน 500.- เพราะไม่ค่อยมีใครรู้จัก ผมเคยจะนำถวายพระอาจารย์ที่สอนเรื่องสมาธิให้ ตอนได้มาใหม่ๆ แต่ท่านอาจารย์ที่เป็นศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่ชา ท่านเห็นแว๊บ บอกเฮ้ย..เหรียญฟ้าลั่นนี่สุดยอด เลยถวายท่านไปแทน แล้วท่านก็ให้เกษาธาตุของหลวงปู่ชาปั้นกับดินของรังหมาร่า เป็นก้อนกลมมาตอบแทนให้ นัยว่าดินรังหมาร่านี้เป็นมหาอุตม์คืออุดและอุดมไปในตัวด้วย


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2008
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    และอีกเหรียญที่แนะนำและราคาถูกๆ คือ

    เหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

    <SUP>โดย...อำพล เจน</SUP>

    <SUP>ปี 2518 หรือราวๆนั้น ผมอยู่บางซื่อ เกิดน้ำท่วมใหญ่จนประทับใจเท่าทุกวันนี้ ทั้งน้ำเจิ่งและลมหนาวซ้ำให้เป็นรสชาติบอกไม่ถูกจริงๆ
    คนเก่าๆเล่าถึงแข่งเรือเหนือลานพระรูปทรงม้าในปี 2485 แล้วทำตาโต ผมก็ว่าถึงแพยางรถยนต์หน้าตลาดบางซื่อของผมด้วยตาเล็กๆไปตามประสาเพราะว่าเกิดมาทั้งชีวิตเพิ่งเคยเห็นอะไรอย่างนั้นเป็นครั้งแรก
    </SUP>
    <SUP>
    ปีนั้นแหละครับที่ผมได้เห็นเหรียญพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรก</SUP><SUP>เหมือนกัน</SUP>
    <SUP>เห็นแล้วก็อยากได้เต็มอัดใจแต่ไม่ทราบว่าจะได้มาอย่างไรถ้าจะต้องดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้ได้มาก็ควรจะได้อยู่ คนรู้จักมักจี่หลายคนก็มีแขวนคอกันคนละเหรียญ ซึ่งถ้าทำให้เขาคอหัก โดยวิธีหักคอก็ออกจะเหมือนต้อนตนเองเข้าพวกอธรรมแห่งมวยปล้ำทั้งหลายไปหน่อย จึงคงแต่หวังเอาไว้ในใจว่าถ้าบทจะได้ก็ได้ตามบทเองแหละน่าและก็ได้จริงๆในอีก 14 ปีต่อมา คือปี 2532 นี่ไง </SUP>

    <SUP>
    เหรียญพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัวนี้ ถ้าถามใครๆว่าเป็นยังไงครับ เป็นยังไงคะ มักได้คำตอบว่าดีจริงครับ ดีจริงๆค่ะทั้งนั้น ครั้นถามว่าดีอย่างไรละจ้ะ บางคนอธิบายได้ บางคนก็อธิบายไม่ได้ คงทำแต่ท่าทางผ่องใสอิ่มบุญยกนิ้วหัวแม่มือวูบวาบไม่เคยได้รับคำตอบเป็นทำนองตรงกันข้ามแต่อย่างใดเป็นเหรียญที่ผมเห็นคนทั้งหลายเลี่ยมทองแขวนคอกันมากที่สุดอีกเหรียญหนึ่งไม่เชื่อลองสังเกตดูจะได้เห็นเองกับตา</SUP>

    <SUP><SHAPETYPE class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" alt="" border="0" src="images/smilies/tongue-smile.gif" stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:p</SHAPETYPE><STROKE joinstyle="miter"></STROKE><FORMULAS></FORMULAS><F eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></F><F eqn="sum @0 1 0"></F><F eqn="sum 0 0 @1"></F><F eqn="prod @2 1 2"></F><F eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></F><F eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></F><F eqn="sum @0 0 1"></F><F eqn="prod @6 1 2"></F><F eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></F><F eqn="sum @8 21600 0"></F><F eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></F><F eqn="sum @10 21600 0"></F>
    </PATH><LOCK aspectratio="t" v:ext="edit"></LOCK><SHAPE id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 226.5pt; HEIGHT: 300pt" alt="" type="#_x0000_t75"></SHAPE><IMAGEDATA src="file:///C:\DOCUME~1\Prapot_A\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.jpg" o:href="http://www.suankhung.com/images/1182653349/post-18-1154823277.jpg"></IMAGEDATA></SUP><SUP>
    </SUP>


    <SUP>[​IMG]
    เหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระชนมายุครบ 4 รอบ (ด้านหน้า)


    [​IMG]

    เหรียญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระชนมายุครบ 4 รอบ (ด้านหลัง)
    </SUP>
    <SUP>
    <SUP>เมื่อกล่าวถึงเหรียญนี้คนทั้งหลายรู้จักดีพอๆกันและมักบอกตรงกันว่าคณะ</SUP><SUP></SUP><SUP>สงฆ์ร่วมกันสร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในวโรกาสที่พระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนม์มายุครบ</SUP><SUP> 4 รอบในพิธีพุทธาภิเษกนั้นมีพระคณาจารย์ทั่วประเทศมาร่วมนั่งปรกปลุกเสกมากมายจนได้ถือว่าเป็นพิธีอัน</SUP>
    <SUP></SUP>
    <SUP>ยิ่งใหญ่อีกพิธีหนึ่ง</SUP></SUP><SUP> ​
    ที่สำคัญยิ่งกว่าคือว่าเหรียญพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัวรุ่นนี้สร้างขึ้นแจกฟรีเรียกว่าดีครบองค์ 3
    เจตนาดี, สร้างดี, เสกดี


    </SUP>
    <SUP>
    </SUP><SUP>รายละเอียดในการสร้างเหรียญพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัวนั้นมีว่าให้ผู้ที่ศรัทธามาร่วมกันลงขันสร้างและได้เกิดเป็นขันใบโตจริงๆ จนพอสำหรับจะสร้างเหรียญพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัวได้ถึง 1 ล้านเหรียญ เฉพาะเหรียญทองคำ, เงิน และนาก แจกให้แก่กรรมการทุกท่านที่ลงขันลงมากหน่อยก็ได้ทองคำ ลงน้อยหน่อยก็ได้เงินได้นากไปตามความเหมาะสมส่วนเหรียญทองแดงรมดำ แยกออกเป็นส่วนๆ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าถวาย</SUP><SUP>และแจกจ่ายดังนี้</SUP><SUP>
    1. ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระบรมราชินีนาถ 1 แสนเหรียญ
    2. ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 1 แสนเหรียญ
    3. ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช 1 แสนเหรียญ
    4. ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระสังฆราช 1 แสนเหรียญ
    5. แจกทหารตำรวจทั่วประเทศ 512,675 เหรียญ
    6. ส่วนที่เหลือก็พิจารณาแจกตามความเหมาะสม เช่น ในหมู่บ้านข้าราชการ</SUP><SUP>ฝ่ายปกครองเป็นต้น</SUP>

    <SUP>
    พิธีพุทธาภิเษกได้กระทำขึ้นในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2518 โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประธาน และมีพระ</SUP><SUP>คณาจารย์นั่งปรกปลุกเสก</SUP><SUP> ดังรายนามต่อไปนี้</SUP>

    <SUP>
    1. สมเด็จพระญาณสังวร (สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
    2. สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ปุณฺณโก) วัดจักรวรรดิราชาวาส เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
    3. พระวิสุทธิวงศาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศนเทพวราราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
    4. พระธรรมสิริชัย (ชิต) วัดพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
    5. พระเทพสาครมุนี (แก้ว) วัดสุทธิวาตวราราม อำเภอเมือง จังหวัด</SUP><SUP>สมุทรสาคร</SUP><SUP>
    6. พระเทพคุณาธาร (เจียม) วัดโสธรวราราม อำเภอเมือง จังหวัดเชิงเทรา
    7. พระเทพวราลังการ (ศรีจันทร์) วัดศรีสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดเลย
    8. พระเทพวุฒาจารย์ (เปลื้อง) วัดสุวรรณภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
    9. พระราชอุทัยกวี (พุฒ) วัดมณสถิตกปีฎฐาราม อำเภอเมือง จังหวัด</SUP><SUP>อุทัยธานี</SUP><SUP>
    10. พระราชญาณดิลก (ชิต) วัดเขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวดัประจวบคีรีขันธ์
    11. พระญาณสิทธาจารย์ (สิงห์) วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
    12. พระชินวงศาจารย์ (พุธ) วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
    13. พระวิมลกิจจาจักษ์ (สิริ) วัดชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
    14. พระสังวรวิมลเถร (โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ</SUP><SUP>มหานคร</SUP><SUP>
    15. พระโพธิญาณเถร (ชา) วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัด</SUP><SUP>อุบลราชธานี</SUP><SUP>
    16. พระสุพรหมญาณเถร (พรหมมา) วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จังหวัดลำพูน
    17. พระโสภณวิสุทธิเถร (สนิท) วัดศีลขันธาราม อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัด</SUP><SUP>อ่างทอง</SUP><SUP>
    18. พระรัตนากรวิสุทธิ์ (ดูลย์) วัดบูรพาราม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
    19. พระโบราณคณิสสร (ใหญ่) วัดสะแก อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรี</SUP><SUP>อยุธยา</SUP><SUP>
    20. พระศีลวุฒาจารย์ (บาง) วัดหนองพลับ อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี
    21. พระมหาพุทธพิมพาภิบาล (เชื่อม) วัดไชโย อำเภอไชโย จังหวัด</SUP><SUP>อ่างทอง</SUP><SUP>
    22. พระครูอนุกูลพิทยา (เส็ง) วัดน้อยนางหงษ์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ</SUP><SUP>มหานคร</SUP><SUP>
    23. พระครูจันทโรภาส (เที่ยง) วัดม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
    24. พระครูศีลวิสุทธาจารย์ (ผิว) วัดสง่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
    25. พระครูภาวนาภิรัตน (อินทจักร) วัดน้ำบ่อหลวง อำเภอสันป่าตอง เชียงใหม่
    26. พระครูประดิษฐ์นวการ (บุญ) วัดวังมะนาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี
    27. พระครูสุชัยบุญญาคม (เชื้อ) วัดบำเพ็ญบุญ อำเภอสวรรคบุรี จังหวัด</SUP><SUP>ชัยนาท</SUP><SUP>
    28. พระครูศรีพรหมโสภิต (แพ) วัดพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี
    29. พระครูวิริยาภรณ์ (เริ่ม) วัดจุกกระเฌอ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
    30. พระครูประจิตนวการ (ทอง) วัดบ่อนอก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบ</SUP><SUP>คีรีขันธ์</SUP><SUP>
    31. พระครูประสิทธิ์วิทยาคม (อ่อน) วัดเพียมาตร อำเภอราศีไศล จังหวัด</SUP><SUP>ศรีสะเกษ</SUP><SUP>
    32. พระครูพิพิธพัชรศาสน์ (จ้วน) วัดพระพุทธบาทเขาลูกช้าง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
    33. พระครูอุดมสิทธาจารย์ (อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
    34. พระครูโกวิทสมุทรคุณ (เนื่อง) วัดจุฬามณี อำเภออัมพวา จังหวัด</SUP><SUP>สมุทรสงคราม</SUP><SUP>
    35. พระครูสุวรรณประดิษฐการ (จ้อย) วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    36. พระครูกิตตินนทคุณ (กี๋) วัดหูช้าง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
    37. พระครูศีลคุณาธาร (ศิล) วัดกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
    38. พระครูสันติวราญาณ (สิม) วัดถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
    39. พระครูญาณธราภิรัต (ท่อน) วัดศรีอภัยวัน อำเภอเมือง จังหวัดเลย
    40. พระครูญาณวิศิษฎ์ (เฟื่อง) วัดธรรมสถิต อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
    41. พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัด</SUP><SUP>อุดรธานี</SUP><SUP>
    42. พระอาจารย์สาม อกิญจโน วัดไตรวิเวการาม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
    43. พระอาจารย์แว่น ธนปาโล วัดสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
    44. พระอาจารย์บุญ ชินวํโส วัดศรีสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัด</SUP><SUP>สกลนคร</SUP><SUP>
    45. พระอาจารย์ผั่น ปาเรสโก วัดถ้ำเอราวัณ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
    46. พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยธำรงธรรม อำเภอส่องดาว จังหวัด</SUP><SUP>สกลนคร</SUP><SUP>
    47. พระอาจารย์หนู สุจิตโต วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
    48. พระอาจารย์ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด
    49. พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี</SUP>

    <SUP>นั่นเป็นรายละเอียดในการสร้างและรายนามพระคณาจารย์นั่งปรกปลุกเสกเมื่อเห็นแล้วก็รู้เองโดยไม่ต้องมีคำอธิบายว่าดีวิเศษอย่างไรเลยกับพิธีพุทธาภิเษกเหรียญพระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัวนี้</SUP><SUP> สำหรับหลวงพ่อชา สุภทฺโท ก็ได้เป็นพิธีสุดท้ายที่ท่านรับนิมนต์ ต่อจากนั้นไม่มีอีกแต่ก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหาใกล้ชิดสร้างพระเครื่องถวายท่านสำหรับแจกเป็นของส่วนตัวของหลวงพ่อคนเดียวอีก 2 ปี พอถึงปี 2520 ท่านก็งดโดยสิ้นเชิง ไม่อนุญาตให้ใครทำขึ้นอีก พระเครื่องของหลวงพ่อชาออกจะเป็นปริศนาของศิษย์ทางไกล แทบไม่มีใครทราบเลยว่าหลวงพ่อชาก็มีพระเครื่อง คงมีแต่ศิษย์ใกล้วัด คือคนเมืองอุบลฯ เป็นส่วนมากที่ได้ไว้กัน</SUP><SUP>คนละองค์คนทางไกลเลือกเอารุ่นนี้ไว้บูชาประจำตัวไปแล้วกัน</SUP>
    <SUP>แขวนองค์เดียวเท่ากับแขวน 49 องค์</SUP>

    <SUP>อ้าว</SUP><SUP>, หลวงปู่ครูบาอาจารย์ตั้ง 49 องค์ ร่วมกันใส่พุทธคุณไว้ในเหรียญ</SUP><SUP>พระบรมรูปพระเจ้าอยู่หัวแล้วไงครับผมเป็นของดีราคาไม่แพงองค์หนึ่งราวๆร้อยบาทเองระวังแต่ของปลอมเท่านั้นทว่าของปลอมก็ดูง๊ายง่าย</SUP><SUP> (ไม่ต้องกลัวมัน) เวลาดูเหรียญแท้เหรียญเก๊ไม่ต้องใช้แว่นส่องก็รู้ เหรียญแท้สวยกว่าเหรียญปลอมเยอะแยะ ดูแค่พระพักตร์ของพระเจ้าอยู่หัว ก็จะพบว่าเหรียญแท้พระพักตร์กลมกลึงได้ส่วนกว่าเหรียญปลอมซึ่งมีพระพักตร์แข็งกระด้าง โดยเฉพาะที่โหนกแก้มนูนเป็นสันมากเกินไปผมหาภาพเหรียญปลอมมาลงเทียบให้ดูได้แค่ภาพขาวดำ ซึ่งเป็นภาพที่คุณโสฬสได้ลงไว้ในหนังสือพระเครื่องฉบับหนึ่ง ซึ่งต้องขอขอบคุณคุณโสฬสมา ณ โอกาสนี้ด้วย มาดูกันต่อไปว่าเหรียญแท้กับเหรียญปลอมยังมีที่จะสามารถดูด้วยตาเปล่า</SUP><SUP>อย่างไร</SUP>

    <SUP>ดูที่พื้นผิวของเหรียญเก๊ จะมีรอยคล้ายๆเสี้ยนไม้ หรือถนัดจะเรียกว่ารอยขน</SUP><SUP>แมวหรือรอยอะไรก็สุดแต่จะเปรียบได้นั้นปรากฎอยู่ตลอดทั้งเหรียญ</SUP><SUP> ผิดกับเหรียญแท้ ซึ่งมีพื้นผิวเรียบร้อยสวยงามดวงพระเนตรของเหรียญแท้จะแกะลึกลงไป แต่เหรียญเก๊แกะเป็นเม็ดกลมๆนูนขึ้นมา</SUP>
    <SUP>แค่นี้ก็พอแล้ว</SUP><SUP> ไม่ต้องไปดูที่อื่นให้เสียเวลา </SUP>
    <SUP>แต่ก็ยังมีปัญหาที่บางคนอาจสงสัย ทำไมในเหรียญแท้ด้วยกันก็ยังมีที่ไม่เหมือนกันให้เห็นคงต้องบอกว่าเพราะเหตุที่ต้องปั๊มเหรียญออกมาเป็นจำนวนมหาศาลคือ</SUP><SUP> 1 ล้านเหรียญ เรื่องที่จะปั๊มโดยบล็อกตัวเดียวกันเป็นอันไม่ต้องพูดถึง ในการนี้ทราบว่า</SUP><SUP>มีการใช้บล็อกสำหรับปั๊มมากมายถึง</SUP><SUP> 109 บล็อก ดังนั้นตำหนิของแต่ละบล้อคย่อมผิดเพี้ยนกันบ้าง แต่ภาพรวมๆ แล้วเป็นภาพเดียวกัน เค้าโครงเดียวกัน ไม่ใช่อย่าง</SUP><SUP>เหรียญปลอมซึ่งมาจากคนละขั้วโลก</SUP><SUP> ดูยังไงก็ไปกันไม่ได้ดังกล่าวลองสังเกตที่เม็ดกลมๆ คล้ายสิวที่พระนลาฎ (หน้าผากเหนือคิ้วข้างขวา) ก็ผิดกันมโหฬาร</SUP>
    <SUP>ง่ายอย่างนี้แล้ว</SUP><SUP> คงไม่มีใครดันทุรังคว้าเหรียญปลอมมาชื่นชมนาครับ</SUP>
    <SUP>สวัสดี....</SUP>
    <SUP></SUP>
    <SUP></SUP>
    <SUP>นำมาจาก</SUP>
    <SUP>http://www.ampoljane.com/main/index.php?type=review&area=1&p=articles&id=14</SUP>

    <SUP></SUP>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2008
  17. ต้นแก้ว

    ต้นแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2007
    โพสต์:
    828
    ค่าพลัง:
    +3,569
    ได้โอนร่วมบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธกับทางมูลนิธิ 309 บาท 12/07/51 เวลา 09.49 น. อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ<!-- / message -->
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097

    สาธุ และนับถือน้ำใจคุณต้นแก้วมาก แม้ไม่เคยเห็นหน้า แต่ก็ถือว่าใจตรงกัน ขอบคุณแทนคณะกรรมการฯ ทุกท่านอีกครั้งหนึ่งครับ รวมถึงท่านข้างต้นทุกคนที่ได้ร่วมบริจาคมาด้วย คนทำดีต้องมีสิ่งตอบแทนครับ

    พันวฤทธิ์
    20/7/51
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097
    จากที่ได้นำพระของหลวงพ่อชามาลง ก็มีความคิดแวบนึง ที่จะมีคอลัมภ์พระดีที่แนะนำให้ตามเก็บ ให้ผู้ที่เข้ามาดูในกระทู้เป็นประจำได้ตามเก็บกัน โดยจะใช้วิธีที่แจ้งทาง pm. แต่จะแจ้งให้ผู้ที่สนใจตามรายชื่อที่แจ้งไว้กับผมเท่านั้น หากท่านใดมีความเห็นเป็นอย่างไร ช่วยแจ้งทาง pm.ให้ทราบด้วยครับ โดยวิธีการนี้ อยากให้ท่านที่นิยมชอบพระครูอาจารย์ต่างนอกเหนือจากที่ทุนนิธิฯ แจกให้ได้มีพระดีไว้ใช้กัน จึงขอหารือกับ ผู้ที่บริจาคปัจจัย ประจำ ช่วยแสดงความเห็นด้วยครับ โดยจะนำผลที่ได้ทั้งหมดตั้งเป็นโจทย์ไว้เพื่อหารือกับคณะกรรมการฯ และ หากทำได้ ก็จะอาสาทำให้หรือหากติดขัดปัญหาในทางปฏิบัติก็จะยกเลิกแนวทางนี้ครับ


    พันวฤทธิ์
    20/7/51
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,784
    ค่าพลัง:
    +16,097

    นี่คือตัวอย่างแนวคิดข้างต้นนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...