ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เกิดแผ่นดินไหว 6.4 ริกเตอร์ที่ชายฝั่งเม็กซิโก​

​

วอชิงตัน 24 ก.ย. - ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.4 ริกเตอร์ ทางชายฝั่งตะวันตกของเม็กซิโก ในวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น

ศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.33 น.วันนี้ ตามเวลาในไทย อยู่ห่างไปตะวันตกเฉียงใต้ 185 กิโลเมตร ทางตอนกลางของเม็กซิโก ด้านศูนย์เตือนภัยสึนามิในแปซิฟิก รายงานว่า ไม่มีแนวโน้มเกิดคลื่นยักษ์สึนามิจากแผ่นดินไหวดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

2008-09-24 10:58:17

ผู้นำอิหร่านยืนยัน ใกล้หมดยุคของสหรัฐแล้ว ​

​

สหประชาชาติ 24 ก.ย.- ประธานาธิบดี มาห์มุด อาห์มาดิเนจัด ของอิหร่าน ขึ้นกล่าวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ ยืนยัน ปัญหาที่เกิดบนโลกในขณะนี้ เป็นผลมาจากนโยบายของชาติมหาอำนาจเพียงไม่กี่ประเทศ และยังบอกว่า อาณาจักรอเมริกันที่รุ่งเรืองใกล้จะถึงคราวแตกดับแล้ว

นายอาห์มาดิเนจัด ยังตำหนิชาติมหาอำนาจกลุ่มเดียวกันนี้ ที่ใช้อิทธิพลเข้ามากดดันอิหร่าน ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทั้งยังข่มขู่และกดดันการทำงานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ด้วย แต่พอถึงคราวที่ชาติมหาอำนาจเหล่านี้ สร้างหรือสะสมนิวเคลียร์ กลับไม่ต้องให้องค์กรใดเข้าไปตรวจสอบ

นายอาห์มาดิเนจัด ยังพูดถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ว่า ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะถูกชาติมหาอำนาจกดดัน และยังฝากเตือนประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ว่า ควรจะยุ่งเกี่ยวเฉพาะเรื่องในประเทศตนเองเท่านั้น ซึ่งในช่วงที่ผู้นำอิหร่านขึ้นกล่าวในที่ประชุม ปรากฏว่า ไม่มีนักการทูตสหรัฐแม้แต่คนเดียวอยู่ภายในห้อง ทั้งที่เมื่อตอนประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ ขึ้นกล่าว ผู้นำอิหร่านยังให้เกียรติร่วมรับฟังอยู่ด้วย

ส่วนการให้สัมภาษณ์ออกรายการ

 

เปิดใจสนทนา โสรัจจะ นวลอยู่
"ดวงคน ดวงเมือง ดวงโลก" ​

นักพยากรณ์ชื่อดัง โสรัจจะ นวลอยู่​

หลายปีมานี้ใครได้อ่านคำทำนายของเขาล้วนแล้วแต่อกสั่นขวัญแขวน จนบางคนถึงกับปิดหนังสือหนี หรือขว้างหนังสือทิ้งเลยก็มี แต่เพราะสำนวนการพยากรณ์ที่ดุดันแบบฟันธงเดือนต่อเดือน ที่สำคัญ นักพยากรณ์คนนี้เคยทำนายเหตุการณ์ใหญ่ๆ ของบ้านเมืองและของโลกได้ถูกต้องใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 11 กันยายนที่สหรัฐฯ หรือคลื่นยักษ์สึนามิ ทำให้หลายคนอยากรู้จักเขาว่าเป็นใครมาจากไหน ​

คำพยากรณ์ดวงเมืองของคุณสร้างความฮือฮาตั้งแต่ต้นปีเลย บอกว่าเดือนมกราคมกรุงเทพฯ ถูกก่อวินาศกรรม ครั้งใหญ่ เกิดรถไฟชนกันตกราง ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง​

ก็เป็นไปตามดวงดาว ดวงของบ้านเมือง คือการพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ไทย เป็นวิชาสถิติอันหนึ่งผสมผสาน กับดวงดาว ดาราศาสตร์ ความจริงผมไม่อยากมาขยายความ เรื่องที่ทำนาย เพราะคนกำลังตกใจอยู่ ถ้าพูดอีกเหมือนไปตอกย้ำเหตุการณ์ ความรู้สึกของผู้คน ​

ช่วงชีวิตตอนไหนคะที่เริ่มพบว่าสนใจเรื่องโหราศาสตร์​

คงตอนเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนเซนต์จอห์น เริ่มสนใจแต่ไม่ถึงกับมาก เริ่มจากดูลายมือ เพราะลายมือจะง่าย ซื้อหนังสือมาศึกษาเอง แล้วมีคนมาชี้แนะหน่อย ซึ่งเป็นพี่ ๆ ที่รู้จักแถวบ้านเขาชอบตรงนี้เหมือนกัน ก็เริ่มสนุก เพราะเราอยากรู้ว่าเขาดูกันยังไงมากกว่า และอาจดูเล่น ๆ ให้เพื่อน แต่ไม่ได้คิดมาทางอาชีพหมอดูเลย ค่อนข้างต่อต้านด้วยซ้ำ เพราะบางครั้งเราไปเห็น ไปได้ยินว่าหมอดู ชอบให้ไปทำพิธีกรรม ไปสะเดาะเคราะห์ที่ต้องใช้เงินเยอะ ๆ มันไม่ถูกต้อง ​

อย่างที่บอกว่าตอนมัธยมดูลายมือให้เพื่อนเล่น ๆ แล้วมาเริ่มดูแบบจริงจังยังไง​

ก็ตอนมาทำงานแล้วละครับ ดูให้เพื่อนร่วมงาน พวกผู้หญิงนี่เขาชอบเรื่องดูหมอดูลายมืออยู่แล้ว ดูไปดูมาคนเริ่มทักว่าทำไมแม่น เลยพูดต่อกันไปเรื่อย ๆ จนผู้หลักผู้ใหญ่ สนใจเริ่มให้เราดูให้บ้าง ตรงนั้นแหละเป็นจุดเริ่มต้นที่พูดกัน ผมจึงเริ่มสนใจศึกษาอย่างจริง ๆ จัง ๆ โดยเฉพาะตำรา ด้านโหราศาสตร์ไทย และประจวบกับตอนที่อาจารย์มนันยามาหาคนเขียนคอลัมน์พยากรณ์ในนิตยสาร ก็เลยมาเรื่อย ๆ แต่ผมไม่ได้ยึดเป็นอาชีพนะครับ ถือเป็นงานอดิเรกมากกว่า เพราะเป็นเรื่องที่สนใจและอยากพิสูจน์มาตลอด และเป็นวิชาที่แปลกที่ยังเรียนไม่หมดไม่จบ ต้องเรียนไปเรื่อย ๆ ​

จากอาชีพของคุณคือวิศวะ เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีความก้าวหน้า แต่โหราศาสตร์เราจะมองว่าเป็นอีกด้านหนึ่งเลย​

ผมมองว่าที่จริงวิทยาศาสตร์กับโหราศาสตร์เป็นเรื่องเดียวกัน แต่คนเราแยกออกไปกันคนละสาขา อย่างที่ผมศึกษาคือโหราศาสตร์ไทย จะเป็นการกล่าวถึงอำนาจของดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อโลกต่อมนุษย์ มีเป้าหมายในการศึกษา มีระเบียบวิธีในการศึกษา มีการคำนวณชัดเจน ก็คล้ายกับวิทยาศาสตร์ และโหราศาสตร์ไทยจะเกี่ยวกับดวงดาว ดวงดาวมีผลกับโลกกับทุกคน เช่นพระจันทร์มีผลกับเรื่องน้ำขึ้นน้ำลง มีผลกับภายในร่างกายเรา ตรงนี้คือวิทยาศาสตร์นั่นเอง แล้วอาจมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนด้วย อาจจะลิขิตชีวิตเรา... ​

คำทำนายจากเหตุการณ์ 11 กันยายน เป็นจุดที่ทำให้คุณเริ่มโด่งดังในฐานะหมอดูดวงเมืองที่แม่น​

น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่จริง ๆ เป็นคนไม่ชอบปรากฏตัว ไม่ชอบให้คนรู้จัก ชอบชีวิตที่อิสระ สบาย ๆ ไม่อยากให้ใคร สนใจเรามากนัก แต่เมื่อคำทำนายออกไปและมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามนั้น คนอยากรู้จักขึ้นมา มีหนังสือนิตยสารเขียน ถึงบ้าง ลงประวัติบ้าง แต่ถ้าทางทีวีผมจะไม่ออกเลย ตอนนั้นมีทีวีติดต่อสัมภาษณ์ ผมปฏิเสธทั้งหมด แม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังปฏิเสธ (ยิ้ม) เพราะไม่อยากตอกย้ำ ดวงเมืองจะไม่เหมือนดวงคนทั่วไป ถ้าเราไปออกทีวีพูดอีกก็เหมือนไปตอกย้ำ คนกำลังมีความทุกข์ใจอยู่ เขาจะเครียดขึ้น​

ตอนทำนายเหตุการณ์สึนามิ ในฐานะโหรอยากจะเตือนอะไรมากกว่านั้นไหม​

ตอนนั้นคือเหมือนมีอะไรแวบ ๆ เข้ามาทางด้านเซ้นส์ คือแน่ใจว่าเกิด ปีนั้นเขียนเรื่องเกี่ยวกับสึนามิ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นสึนามิ แต่เขียนในเชิงของแผ่นดินไหว และมีวิทยุเอาคำพยากรณ์ของผมไปอ่านออกอากาศ เผอิญผมเปิดวิทยุฟังพอดี มีแต่คนโทรศัพท์เข้ารายการมาต่อว่าผม เพราะตอนนั้นเมืองไทยไม่เคยมีแผ่นดินไหว แต่เราไม่ได้ว่าอะไรเขานะ มันเป็นเรื่องสถิติอยากจะให้เขาหันมาระวังกันบ้าง อย่างเช่น ในอนาคตก็จะมีหลายเรื่องที่ยิ่งใหญ่ มากซึ่งเราไม่เคยเจอมาก่อน อันนี้เป็นไปตามหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์ด้วย แต่ใช้โหราศาสตร์มาพยากรณ์ ​

ภาพรวมของปีนี้ หมอดูหลายต่อหลายท่านทำนายว่าไม่ดี เป็นปีหมูโหด​

(ยิ้ม) ปีนี้มีหลายอย่างที่ค่อนข้างหนักนะครับ โดยเฉพาะภัยธรรมชาติน่ากลัวมาก ถือว่าใหญ่กว่าปีก่อน ๆ มาก อย่างบางแห่งเช่นเกาะแก่ง น้ำเข้ามาท่วม เกาะเล็ก ๆ อาจหายไปได้ อันนี้เป็นวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย โลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย อย่างปีที่แล้วเริ่มมีเค้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราเจอคลื่นลมแรงที่พัดเข้าชายฝั่งภาคใต้ ปีนี้อาจมี สึนามิอีกครั้งหนึ่งที่ใหญ่กว่าเก่ามาก เนี่ย ...พอพูดไปเดี๋ยวคนก็จะกลัว แต่ต้องบอกไว้ เพื่อจะทำให้เราไม่ลืม และเตรียมตัวไว้ก่อน เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจะได้หาทางหนี หาทางช่วยตัวเอง ช่วยคนอื่นได้ทัน หรือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลมากขึ้น ​

ถ้าตรวจดวงชะตาแล้วพบว่าคนคนนี้ดวงไม่ดี ดวงตก คุณจะแนะนำเขาให้ทำอะไรคะ​

ให้เขาไปทำบุญทำทาน เพราะการทำบุญทำทานจะได้ผลบุญกลับมา อาจจะทำให้ทุกอย่างเบาลง เช่น ทำทานกับเด็กกำพร้า บริจาคโลงศพให้ศพไม่มีญาติ บริจาคไถ่ชีวิต โคกระบือ ตรงนี้ช่วยได้เยอะ ไม่ใช่แนะนำให้ไปสะเดาะเคราะห์ เพราะบางคนไปสะเดาะเคราะห์ทำพิธีก็ต้องไปฆ่าสัตว์อีกเพื่อเอามาบูชา เท่ากับเรายิ่งทำบาปมากขึ้น หรือบางคนไปสร้างอะไรที่ใหญ่โตมากเกินฐานะก็เป็นบาปอีก เพราะทำให้ชีวิตเขาเดือดร้อน ฉะนั้นทำทานทั่ว ๆ ไปนี่แหละ ทำทานกับคนเจ็บป่วย คนเฒ่าชรา ไปช่วยเหลือดูแลใช้กำลังแรงของเรา หรืออาจจะบริจาคเงินทั่ว ๆ ไป อย่าง สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดาร อันนี้เป็นด้านสังคมสงเคราะห์ ควรจะไปทำอย่างนั้น ​

ที่อยากจะเตือนในปีนี้ คือเรื่องอะไรคะ​

ทุกเรื่องเลย อยากเตือนให้คนรักสามัคคีกัน แล้วก็ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองจริง ๆ ไม่หวังผล ไม่คอรัปชั่นอะไรอย่างนี้ แล้วก็อย่าใจร้อน ให้หันหน้าเข้าหากัน มีอะไรก็ควรจะคุยกัน แล้วเรื่องภัยธรรมชาติ ปีนี้จะหนักมาก อย่างที่เขียนไว้ว่า จะมีทั้งปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยน้ำท่วม ภัยแล้งทำให้ขาดแคลนน้ำอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน คือแล้งสุด ๆ น้ำท่วมจะท่วมหนัก เรือกสวนไร่นาเสียหาย กรุงเทพฯ อาจเจอน้ำท่วมใหญ่ ส่วนภาคใต้ต้องระวังวาตภัย มีไต้ฝุ่น ให้ระวังคลื่นสึนามิด้วย แล้วอาจจะมีแผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว ตึกรามบ้านช่องพัง ​

อยากให้แนะนำสำหรับคนที่อ่านดวงชะตาบ้านเมืองปีนี้แล้วรู้สึกหดหู่ หวาดกลัว​

ไม่อยากให้เครียด อย่าไปคิดว่าทุกอย่างจะต้องเกิดอย่างนั้น ทุกอันทุกบรรทัด อาจจะเกิด 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4 ก็ได้ ให้คิดอย่างนั้น แต่เราก็ไม่ควรประมาท ถ้าคิดว่าตรงเราก็ควรจะหลบเลี่ยง ถ้ารู้ว่าตรงนี้ไม่ดี หรือเราควรจะทำอาชีพนี้ หรือไม่ควรทำ เราจะลงทุนมั้ยขณะที่ดวงเมืองจะเกิดขึ้นอย่างนี้ จะได้เตือนเราให้เราหยุดหรือชะลอไว้ก่อน บางคนเขาหยุดแล้วก็พ้น ไม่ต้องเจอกับภาวะขาดทุน แต่ไม่อยากให้เครียดครับ อยากให้เป็นเหมือนเราอ่านหนังสือ ทั่ว ๆ ไป อ่านเรื่องสั้น เรื่องเล่า เป็นงานวิจัย แต่ที่เขียนเรื่องไม่ดีไว้ตลอด เพราะเรื่องดีก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่เรื่องร้ายมันไม่ค่อยได้เกิด ก็อยากเตือนคนไม่ให้คนไปหลงระเริง ฟุ่มเฟือย ใช้เงินใช้ทองจนเกินตัว ​

ณ ช่วงเวลานี้ สิ่งที่คุณอยากบอกคือให้ทุกคน ช่วยกันทำความดี​

ใช่ อันนี้จำเป็นแล้ว ตอนนี้ทุกคนต้องทำ ไม่ใช่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำ คือพอเริ่มจากตัวเราคนอื่นก็จะตามแล้วบ้านเมืองเราก็จะสงบ สมมุติเรามาทำบุญหรือทุกคนอาจจะสวดมนต์ สวดพระปริตรก็ได้ เพราะการสวดมนต์คือพลังจิตที่ใหญ่มาก อาจจะทำให้เหตุการณ์ร้าย ๆ เหล่านี้ หยุดแล้วกลายเป็นเรื่องดีขึ้นมา แต่วันนี้เผอิญผู้คนกลับไปทำเพื่อตัวเอง เห็นแก่ตัวเองซะส่วนใหญ่ เหตุการณ์เลยยิ่งร้ายขึ้น​

นักพยากรณ์ดวงชะตาคนนี้ยังบอกว่า วิชาโหราศาสตร์นั้นเป็นเพียงทฤษฎีที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักในการให้คำพยากรณ์ การพยากรณ์เป็นเพียงความคาดคะเน ซึ่งอาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่เราควรยึดถือยึดมั่นเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตก็คือการยึดมั่นในผลของการกระทำกรรมดีและกรรมชั่ว​

ที่มา http://www.kwanruen.com/interview.php?isold=&mid=3​

 

ไม่ใช่เรื่องไกลตัว อย่างที่คิดกันอีกแล้ว!!!​

​

สหรัฐผิดหวังไทยปล่อยตัวทหารอิหร่านที่สหรัฐตั้งข้อหาพยายามส่งออกอาวุธ

ซานดิเอโก 24 ก.ย.- เจ้าหน้าที่สหรัฐแสดงความผิดหวังกรณีทางการไทย ปล่อยตัวทหารอากาศระดับสูงของอิหร่าน ที่ถูกสหรัฐตั้งข้อหาพยายามส่งออกชิ้นส่วนขีปนาวุธจากสหรัฐไปอิหร่าน หลังจากศาลไทยมีคำพิพากษายืนไม่ส่งตัวเขาไปสหรัฐในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

โฆษกสถานทูตสหรัฐในไทยเผยว่า ได้รับแจ้งจากทางการไทยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า นายจัมชิด กาสเซมี วัย 57 ปี ได้รับการปล่อยตัวหลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนไม่ส่งตัวเขาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน สหรัฐรู้สึกผิดหวังต่อคำพิพากษาของศาลเพราะมั่นใจว่าข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงมีน้ำหนักมากพอที่จะสนับสนุนการส่งตัวเขาไปสหรัฐ นายกาสเซมี ถูกคณะลูกขุนรัฐบาลกลางในเมืองซานดิเอโก ตั้งข้อหาเมื่อเดือน ต.ค. 2549 ว่า

คบคิดจะซื้อเครื่องวัดความเร่ง 12 ตัว ของบริษัทฮันนีเวลล์อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อนำไปใช้เป็นตัวนำวิถีขีปนาวุธ อุปกรณ์นี้ทางการสหรัฐห้ามส่งออกโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากกระทรวงต่างประเทศ คำฟ้องระบุว่า นายกาสเซมี โอนเงิน 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.38 ล้านบาท) จากธนาคารในโรมาเนียไปซานดิเอโก จะซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวและจะจัดส่งไปที่กรุงบูคาเรสต์ของโรมาเนีย ต่อมาเขาถูกจับกุมได้ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือน พ.ย. 2549 หากถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาส่งออกอาวุธและฟอกเงินจะถูกจำคุกสูงสุด 45 ปี

สำนักข่าวเอพีเผยว่า ในคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรของฝ่ายจำเลยที่ใช้อ้างเพื่อให้ศาลปล่อยตัว นายกาสเซมี ประกอบด้วยคำอ้างหลายข้อ เช่น สหรัฐยื่นเอกสารของส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนล่าช้าเกินไป สหรัฐจะทรมานนายกาสเซมี เพื่อรีดความลับทางทหาร สนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับสหรัฐไม่ครอบคลุมคดีทางทหาร.-สำนักข่าวไทย

2008-09-24 13:22:12

ที่มา http://news.mcot.net/international/inside.php?value=bmlkPTU2OTYxJm50eXBlPXRleHQ=

 

อาจจะไม่เกี่ยวกับกระทู้
แต่เห็นว่ากระทู้นี้คนอ่านเยอะ

ถ้ายังไงอ่านเสร็จแล้วลบได้ครับ

..................

พรบ. คอมพิวเตอร์ 2550 ทุกคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ต้องรู้

หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์


มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท

ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้
มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

คัดลอกจาก http://www.cowboythai.com/forum/index.php?topic=1443.msg9206;topicseen
http://www.yenta4.com/law/document.php

 

"ภัยพิบัติทางสังคม"
แม่ผัวกับลูกสะใภ้ แม่ยายกับลูกเขย คู่อาฆาตกันตลอดกาล​

​

​

พม. รับตัวยาย 95 ปี ถูกลูกเขยวัย 71 ปี ทำร้ายร่างกายและจิตใจหลายปี​

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – พม. รับตัวยายวัย 95 ปี ในชุมชนกลางกรุง ถูกลูกเขยวัย 71 ปี ทำร้ายร่างกายและจิตใตต่อเนื่องหลายปี จนต้องออกจากบ้านไปอาศัยกินข้าววัด ด้านเจ้าตัวดีใจที่ได้ไปอยู่ที่ศูนย์ผู้สูงอายุ ปทุมธานี​

เมื่อเวลา 10.00 น. นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมด้วยนักสังคมสงเคราะห์ และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ประชาบดี 1300 เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 168 ชุมชนจักรพรรดิพงษ์ ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เพื่อรับตัวนางมะลิ มะลิแย้ม อายุ 95 ปี ไปอยู่ที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดปทุมธานี ภายหลังศูนย์ได้รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์จากนายมนชัย นิลเอวะ ประธานชุมชนจักรพรรดิพงษ์ ขอให้เข้ามาช่วยเหลือนางมะลิ ซึ่งถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจต่อเนื่อง

จากการสอบถามเพื่อนบ้าน นางอรวรรณ ชวนเจริญ เล่าให้ฟังว่า เห็นนางมะลิ ถูกทำร้ายร่างกายมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว หลังจากที่นางมะลิ ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านลูกเขย คือ นายวิชัย แซ่อึ้ง อายุ 71 ปี ส่วนลูกสาวของนางมะลิ เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน เมื่อ 4 ปีก่อน ในบ้านจึงเหลือนางมะลิ ลูกเขย และหลาน 2 คน แต่ลูกเขยไม่ค่อยชอบนางมะลิ จึงหาทางกลั่นแกล้งเสมอ เช่น เอาน้ำมาสาดขณะนอนหลับ ไม่ให้กินข้าวในบ้าน เพื่อนบ้านต้องพาไปกินข้าววัดนอกบ้าน

ด้านนางมะลิ ซึ่งมีอาการยิ้มแย้มโบกมือแสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้ออกจากบ้าน ที่ผ่านมา ถูกลูกเขยเอาน้ำสาดเตียง ต้องนอนจมกับน้ำทุกวัน

เจ้าหน้าที่เปิดเผยข้อมูลจากการสำรวจว่า ลูกเขยประกอบอาชีพก่อสร้าง ชอบดื่มสุรา เมาอาละวาด ทำร้ายร่างกายนางมะลิ บางครั้งแกล้งเตะจานข้าว ถ่มน้ำลายใส่หน้า เอากระดูกไก่และเปลือกผลไม้ไปทิ้งไว้บนที่นอน และเอาน้ำราดเตียง ซึ่งคนในชุมชนเห็นเป็นประจำ จนหัวหน้าชุมชนต้องแจ้งร้องทุกข์มา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างมารับนางมะลิ นายพร้อมพงษ์ บอกว่า “พระเอกมารับแล้ว เชิญยายไปอยู่ที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จังหวัดปทุมธานี มีหมอ มีนักสังคมสงเคราะห์ดูแลฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ” .-สำนักข่าวไทย

2008-09-24 11:44:16 ​

ที่มา http://news.mcot.net/social/​

 

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เครื่องเร่งความเร็วอนุภาคปิดการใช้งานไปจนถึงปีหน้า </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เจนีวา 24 ก.ย.- เครื่องเร่งความเร็วอนุภาค หรือ “Large Hadron Collider“ ซึ่งตั้งอยู่ตรงพรมแดนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับฝรั่งเศส จะปิดการใช้งานไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า

เพื่อให้คณะวิศวกรเข้าตรวจสอบระบบแม่เหล็กภายในที่เกิดขัดข้อง ส่งผลให้ฮีเลียมเหลว 1 ตัน ไหลซึมเข้าไปในตัวเครื่องเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จนการทดลองดำเนินต่อไปไม่ได้ เครื่องเร่งความเร็วอนุภาค มีลักษณะเป็นอุโมงค์ยาว 27 กิโลเมตร ขดเป็นวงกลมใต้ดิน องค์กรวิจัยนิวเคลียร์ภาคพื้นยุโรป หรือ เซิร์น สร้างเครื่องเร่งความเร็วอนุภาคขึ้นมา เพราะต้องการไขความลับการก่อกำเนิดจักรวาล โดยพวกเขาจะทดลองให้อนุภาคโปรตอน มาชนกันด้วยความเร็วสูงภายในเครื่อง เป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้งบสูงที่สุดและซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อต้องการทดสอบทฤษฎีบิ๊กแบงที่ว่าด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง จนก่อกำเนิดจักรวาลเมื่อ 13,700 ล้านปีก่อน

เครื่องเร่งความเร็วอนุภาคเคยสร้างความแตกตื่นให้กับชาวโลก เมื่อเริ่มเดินเครื่องเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา

เพราะมีบางคนมองว่า การทดลองให้อนุภาคมาชนกันด้วยความเร็วเฉียดความเร็วแสง อาจก่อให้เกิดหลุมดำดูดกลืนโลกได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ของเซิร์นกลับมองเรื่องหลุมดำว่า ไร้สาระ และยืนยันว่า การทดลองเป็นไปอย่างปลอดภัยแน่นอน และก็ได้ทดลองใช้เครื่องเร่งความเร็วอนุภาคมาโดยตลอด จนกระทั่งต้องปิดการใช้งานกะทันหัน เพราะเกิดเหตุขัดข้อง -สำนักข่าวไทย

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

http://tnews.teenee.com/etc/27095.html

 

ตอบคำถามเรื่อง**กรรมที่ทำบนอินเตอร์เน็ต**โดยดังตฤณ

​

ถาม

 

ผมอยู่ในจังหวัดหนึ่งที่ประกาศภัยพิบัติ ใน 22 จังหวัดที่ผ่านมา
ผมปลดออกจาก 22 จังหวัดแล้ว ไม่อยู่ในอีก 8 จังหวัดที่เหลือ

ผมในฐานะผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่เชื่อมัยว่าบ้านของผมไม่ท่วม
ธุรกิจของผม ไม่เกิดความเสียใดๆ ให้แผ้วพาน แม้แต่ปลายผม

ผมเดินทางข้ามไปมาหลายอำเภอในที่ประสบภัยน้ำท่วม แต่...
เส้นทางที่ผมใช้ประจำ ไม่มีปัญหา ไม่มีน้ำท่วม ปลอดภัยดีครับ
อาจจะมีบ้างเพียงแค่ละอองฝน ละอองฝุ่น แต่เป็นเพียงแค่ 1%

พี่น้องที่รักครับ ไม่มีอะไรที่จะทำร้ายเราได้ แม้แต่กระเบียดนิ้ว
หากพี่น้องตั้งมั่น และเชื่อมั่นว่า เราจะต้องปลอดภัย นมัสิการ
ไหว้เคารพต่อพระธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ วันทา ทักษิณาเถิดครับ
รับรองว่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ของเรา ไม่เคยทำร้ายลูก ... ครับ

สิ่งที่สำคัญ คือ พระมหาปริตร (12ตำนาน) ท่องจำให้ได้นะ
ท่องจำให้ได้ ให้อยู่ในหัว ให้เข้าถึงขันธสันดาน แห่งตนนั้น
นี่คือสิ่งสำคัญ ที่ทำให้ผมปลอดภัย ทุกวันเวลา ทุกวินาทีครับ
แล้วท่านทั้งหลายจะปลอดภัย (ท่องแบบเข้าใจ รู้ความหมาย)

ผมท่องภาวนา พระมหาปริตรทุกเช้าค่ำ หลายชั่วโมงต่อวัน
ผมมั่นใจ พี่น้องทุกท่านต้องปลอดภัย ลำบากนิดหน่อยครับ

แต่ก็ โอเค นะ

 

ชาวหนองบัวลำภูตื่นรอยประหลาดหลังน้ำลด​

​

หนองบัวลำภู 24 ก.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากวัดจันทร์ประสิทธิ์ หมู่ 3 ต.หนองบัวใต้ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู พบว่ามีกลุ่มชาวบ้านแห่กันมาดูรอยประหลาดบริเวณพื้นคอนกรีตของศาลาเขมิโย ลักษณะเหมือนรอยของสัตว์เลื้อยคลาน ขนาดกว้างประมาณ 2 นิ้ว ยาวประมาณ 2 เมตร มีทั้งรอยเล็กและรอยใหญ่

ซึ่งพระครูประสิทธิธรรมโอภาส เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า ช่วงที่ลำพะเนียงเอ่อท่วมบริเวณวัดมานาน 1 สัปดาห์ และขณะน้ำเริ่มลดลงเกือบเป็นปกติ จึงออกมาเดินสำรวจความเสียหายรอบวัด ปรากฏว่าพบรอยดังกล่าวที่ศาลา และขณะจะไปเรียกให้พระลูกวัดมาทำความสะอาด แต่มีชาวบ้านมาเห็นก่อน ทำให้ข่าวแพร่สะพัดเร็วขึ้น แต่ละวันจะมีคนดูกันจำนวนมาก บางคนนำดอกไม้ธูปเทียนและตู้รับบริจาค เพราะเชื่อว่าเป็นรอยพญานาค ซึ่งเป็นเรื่องที่จะไปห้ามชาวบ้านคิดเช่นนั้นไม่ได้ แม้ยังพิสูจน์ไม่ชัดเจนว่าเป็นรอยอะไร.-สำนักข่าวไทย

2008-09-24 15:59:24

เร่งสูบน้ำ-กระสอบทรายสกัดน้ำท่วมโบราณสถาน จ.พระนครศรีอยุธยา ​

​

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. - นายปรารพ เหล่าวานิช รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมโบราณสถาน จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ทางสำนักศิลปากรที่ 3 อยุธยา รายงานว่า วัดไชยวัฒนาราม บริเวณพนังเขื่อนกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระเจ้ายาลงมาตลอดเวลา จนน้ำปริ่มตลิ่งและขอบพนังเขื่อนของแนวทางเดิน

เจ้าหน้าที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ยังพบว่ามีน้ำซึมเข้ามาในบริเวณวัดไชยฯ ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตั้งเครื่องสูบเร่งระบายน้ำออก และนำกระสอบทรายจำนวน 10,000 กระสอบกั้นตามแนวขอบดินและพนังเขื่อนแล้ว ทั้งได้สำรองฉุกเฉินไว้อีก 3,000 กระสอบ มีน้ำหนุนสูงขึ้น และอีก 50,000 กระสอบ ป้องกันน้ำท่วมเข้าโบราณสถาน ป้อมเพชร วัดมเหยงค์ วัดกุฎีดาว วัดธรรมิการาม อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการไม่ประมาท ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 3 อยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เฝ้าระวังน้ำท่วมตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งประสานกับกรมชลประทาน เทศบาล และจังหวัด เกาะติดสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งรายงานถึงอธิบดีกรมศิลปากรทุกวัน.-สำนักข่าวไทย

2008-09-24 15:43:40

พม.ช่วยหญิงชราวัย 95 ปี ถูกลูกเขยทารุณ​

​

ปทุมธานี 24 ก.ย.- เมื่อเวลา 11.30 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี 1300 พานางมะลิ มะลิแย้ม วัย 95 ปี อยู่บ้านเลขที่ 168 ชุมชนจักรพรรคิพงษ์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบ กรุงเทพฯ

มาอยู่ในความอุปการะที่ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี ถนนรังสิต-นครนายก (คลอง 5) ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เนื่องจากนางมะลิ ถูกลูกเขยที่มีนิสัยชอบดื่มสุราเมาอาละวาดเป็นประจำ ทำร้ายร่างกายและจิตใจมาตลอด 6 เดือน หลังจากลูกสาวนางมะลิ เสียชีวิต ทำให้ชาวบ้านทนเห็นพฤติกรรมดังกล่าวของลูกเขยไม่ไหว จึงร้องเรียนกับศูนย์ประชาบดี 1300 ให้ช่วยเหลือ ขณะที่นางมะลิ กล่าวว่า ถูกลูกเขยกลั่นแกล้งบ่อย และดีใจที่ได้มาอยู่พักอยู่กับศูนย์ฯ นอกจากจะได้มีเพื่อนแล้ว ยังรอดพ้นการถูกทำร้าย.-สำนักข่าวไทย

2008-09-24 15:23:17

ประธานวุฒิสภานำทีม ส.ว.ลงพื้นที่น้ำท่วม จ.ลพบุรี​

​

ลพบุรี 24 ก.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงาน เช้าวันนี้ (24 ก.ย.) นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นำทีม ส.ว.จำนวน 20 คน เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ที่ จ.ลพบุรี โดยเข้ารับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ จากผู้ว่าฯ ลพบุรี ที่โรงแรมลพบุรี อินน์ จากนั้นจะไปแจกของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาลพบุรี

 

พยากรณ์อากาศ ระหว่างวันที่ 24 กันยายน 2551 - 30 กันยายน 2551

​

การคาดหมาย

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 27-30 ก.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจะแผ่ลิ่มลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ร่องความกดอากาศต่ำ มีกำลังแรงขึ้น โดยจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออก ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัด ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ในหลายพื้นที่

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “ฮากุปิต (Hagupit)” บริเวณประเทศจีนตอนล่างกำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนทางเหนือมุ่งสู่ประเทศเวียดนามตอนบน และลาวในระยะต่อไป อีกทั้งหย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังจากพายุนี้จะทำให้ภาคเหนือมีฝนเพิ่มมากขึ้นในวันที่ 26 ก.ย. 2551

ข้อควรระวัง

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 27-30 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค กับมีลมแรง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27-30 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย.มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15–35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27-30 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15–30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง กับมีลมแรง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 27-30 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ใกล้ฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนในวันที่ 27-30 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ใกล้ฝั่งทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่

ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 27-30 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ในช่วงวันที่ 24-26 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15–35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27-30 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15–30 กม./ชม.

ออกประกาศวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2551

ที่มา กรมอุตุนิยมวิทยา
http://www.tmd.go.th/7-day_forecast.php

 

<TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แบคทีเรียในดินช่วยต้านทานต่อแผ่นดินไหวได้ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD>เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว

ดินที่อยู่ลึกลงไปรวมทั้งดินทรายสามารถเปลี่ยนสภาพไปเป็นของเหลวซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงบนตึกที่ตั้งอยู่บนพื้นดินนั้น ๆ ในปัจจุบันวิศวกรโยธาสามารถใส่สารเคมีเข้าไปในดินเพื่อให้ดินที่มีโครงสร้างกระจายกันอย่างหลวม ๆ เข้ามารวมตัวกันเพื่อมีโครงสร้างที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น แต่การใช้สารเคมีประเภท epoxy มีผลเสียตามมาคือก่อให้เกิดสารพิษในดินและน้ำ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD>ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Jason Dejong

จากคณะวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อมที่ UC Davis (University of California Davis) และทีมงานกำลังศึกษากระบวนการใหม่ที่ทำให้ดินมีโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้นโดยแบคทีเรียที่อยู่ในดิน แบคทีเรียดังกล่าวมีชื่อว่า Bacillus Pasteurii ซึ่งเป็นแบคทีเรียในกลุ่มที่ต้องการอากาศในการดำรงชีวิต (aerobic bacteria)
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>แบคทีเรียชนิดนี้สามารถทำให้เกิดแคลเซี่ยมคาร์บอเนต

ทับถมกันรอบๆเม็ดทรายส่งผลให้เกิดการเชื่อมประสานกันทำให้ทรายมีโครงสร้างที่แข็งแรงมากขึ้น ขั้นตอนในการใส่แบคทีเรียเข้าไปในดินทรายดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องเติมสารอาหารและออกซิเจนลงไปด้วย ซึ่งแบคทีเรียจะช่วยปรับสภาพของดินทรายที่อยู่กันอย่างหลวมหรือเป็นของเหลวมาสู่สภาพที่เกาะกันแน่นขึ้นและมีโครงสร้างที่แข็งแรงมากขึ้น จากการทดลองระดับห้องปฏิบัติการ กลุ่มนักวิจัยกลุ่มนี้ค้นพบว่าจากเพียงแค่กองดินทรายธรรมดาสามารถถูกเปลี่ยนไปเป็นหินทรายได้ด้วยแบคทีเรียดังกล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD>Dejong กล่าวว่า

วิธีนี้ให้ประโยชน์มหาศาลเนื่องจากไม่มีปัญหาเรื่องสารพิษตกต้างเมื่อเทียบกับการใช้สารเคมี การเติมแบคทีเรียลงไปสามารถทำได้ทันทีหลังจากการก่อสร้าง ซึ่งไม่ได้มีผลทำให้โครงสร้างเดิมของดินทรายเปลี่ยนแต่อย่างใด แต่ช่องว่างระหว่างอนุภาคของดินทรายจะถูกเติมเต็มด้วยแคลเซี่ยมคาร์บอเนตที่ถูกผลิตมาจากแบคทีเรียดังกล่าว งานวิจัยชิ้นนี้น่าจะนำไปช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวได้ในอนาคต

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD>
ขอขอบคุณ ข้อมูลที่มีประโยชน์จาก เว็บไซต์ วิชาการดอทคอม
เพื่อร่วมกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้บนโลกอินเตอร์เน็ต </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://variety.teenee.com/science/10738.html

4วาฬยักษ์ บรูด้า โผล่ชายหาดบางแสน

​

วาฬยักษ์บรูด้า4 ตัวโผล่ว่ายดำผุดใกล้หาดบางแสน เมืองชลบุรี ชาวประมงเผยเพิ่งพบเห็นครั้งแรก หวั่นใจเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ

เมื่อวันที่21 กันยายน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายเต่า ธรรมกิจจานุ ศร อายุ 50 ปี ชาวประมงท้องถิ่นแหลมแท่น บางแสน จ.ชลบุรี ซึ่งออกช้อนแมง กะพรุนในทะเล ห่างชายหาดบางแสนประมาณ 1.5 กิโลเมตรว่า พบฝูงวาฬขนาดใหญ่ขึ้น หยอกล้อกันบนผิวน้ำ ท่ามกลางความสนใจของนักท่องเที่ยวที่สังเกตเห็น

นาย เต่ากล่าวว่าตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เห็นผิดสังเกตในทะเล จึงให้ เพื่อนเรือประมงมาช่วยกันดู ขณะที่จ้องดูในระยะใกล้ๆ ก็ต้องตื่นตะลึง ตกใจ เพราะมีวาฬขนาดใหญ่ 4 ตัวแต่ละตัวมีความยาวประมาณ 8 เมตรโผล่หัวเหนือ ผิวน้ำ พ่นน้ำ ดำผุดดำว่ายอย่างมีความสุข

"ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบวาฬยักษ์เข้าชายหาดบางแสนเลยสักครั้ง เดียว จะมีแต่เพียงโลมาเท่านั้นที่พบกันบ่อยๆ น่าจะเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ ว่าอาจเกิดภัยพิบัติในทะเล เพราะปลาใหญ่ยังเปลี่ยนวิถีชีวิตกันแล้ว อีกทั้ง ขณะนี้ธรรมชาติแปรปรวนอย่างมาก ทำให้ต้องระมัดระวังกันมากกว่าเดิม"

ต่อมาชาวประมงได้แจ้งข่าวไปยังสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลมหาวิทยาลัย บูรพา บางแสน ให้รับทราบและมาตรวจสอบ แต่เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุด ราชการ จึงยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบว่าวาฬชนิดนี้ชื่อว่า "บรูด้า" เป็นวาฬชนิดเดียวที่ พบอาศัยอยู่ประจำถิ่นในอ่าวไทย และมีขนาดเล็กกว่าที่พบจากแหล่งอื่นๆ ทั่ว โลก ทำให้มีนักวิทยาศาสตร์ต่างชาติหลายรายพยายามศึกษาและตั้งชื่อวาฬบรูด้า ในอ่าวไทยให้เป็นปลาวาฬชนิดใหม่ของโลก

ปัจจุบันพบซากโครงกระดูกและสถิติทั่ว ประเทศรวมกว่า 100 แห่งล่าสุดพบเกยตื้นใกล้หาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี เมื่อ วันที่ 22 พฤศจิกายน2540 ซึ่งดูแลรักษาโดย ดร.สุรพลสุดารา และนิสิตภาควิชา วิทยาศาสตร์ทางทะเลรุ่น 31 (พ.ศ.2540)

ทั้งนี้วาฬบรูด้า เป็นวาฬชนิดไม่มีฟัน แต่มีบาลีน (Baleen) เป็น แผ่นกรองคล้ายหวีใช้กรองฝูงปลากินเป็นอาหาร เช่น ปลาทู ปลากะตัก เป็น ต้น ความยาวเฉลี่ยประมาณ 13 เมตรลำตัวสีเทาอมน้ำเงิน ด้านท้องสีขาวอม ชมพู พบแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก

โดยเฉพาะในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อน ใน เขตละติจูด 40 องศาเหนือถึงใต้ไม่พบการอพยพย้ายถิ่นฐานเป็นระยะทางไกล มักพบ ครั้งละ 1-2 ตัวออกลูกครั้งละ 1 ตัวระยะเวลาตั้งท้องประมาณ 1 ปีลูกวาฬแรก เกิดมีความยาวประมาณ 3-4 เมตรวาฬบรูด้า (Bryde's whale)

รูปร่างคล้ายวาฬฟิน มากแต่จะต่างกันตรงที่วาฬบรูด้าจะมีสันบนหัว 3 สันแต่วาฬฟินมีเพียงสัน เดียว วาฬบรูด้าโตเต็มที่ยาว 14-15.5 เมตร หนัก30 ตันจัดเป็นวาฬที่มีขนาด ใหญ่ที่สุดในไทยที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้





ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก http://talk.mthai.com/topic/27321

 

*** ทำลายศาสนาโดยไม่เจตนา ****

สัจจะ ที่พระพุทธเจ้า ห้ามซื้อขายพระ นั้น
เพราะ เป็นการทำลายศาสนา ...
จะทำให้.... ผู้คนไม่สนใจ ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า...
แต่...จะกลับมุ่งหาผลประโยชน์จากวัตถุทางศาสนาแทน

ประเทศไทยเรา ...ทำกันจนเป็นปกติประเพณีไปแล้ว
แล้ว ....ใครจะกล้าลุกมาคัดค้าน !!!

จึงขอร้องให้ทุกท่าน นำไปพิจารณา ... ทุกการกระทำมีผลตอบแทน
เมื่อไม่เจตนา....ผลตอบแทนก็ย้อนกลับมาแบบไม่เจตนา
เช่น ไม่เจตนาหกล้ม ไม่เจตนารถชน ไม่เจตนาเป็นโรคร้าย เป็นต้น

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พุทธโกมุท <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1521916", true); </script>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 09:30 AM
วันที่สมัคร: May 2007
อายุ: 34
ข้อความ: 244
ได้ให้อนุโมทนา: 5,375
ได้รับอนุโมทนา 4,545 ครั้ง ใน 244 โพส
พลังการให้คะแนน: 304


<!-- message --> ฝัน ว่า ได้เข้ากับกลุ่มหนึ่งในความขัดแย้งทางการเมือง สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น มีการแยกสีอย่างชัดเจน เดินตามท้องถนนต้องระวังอึกสีหนึ่งอยู่ตลอดเวลา มีการปะทะกัน หอกดาบถูกพุ่งเข้าใส่กัน เราหลบหลึกจนเข้าประชิดฝ่ายตรงข้ามได้ และเข้าตี 2 -3 คนข้างหน้าจนหมดทางสู้ พวกที่ตามหลังเรามา ตรงเข้าฟันคอฉับต่อหน้า ขณะที่อีกคนถูกฝ่ายเราเข้าทุบตึอย่างทารุณ จากนั้นก็วิ่งไล่ทำร้ายคู่อริรายอื่นต่อไป เรารู้สึกสลดใจ จึงเลี่ยงถอยหลังออกห่าง และไม่เข้าร่วมกับฝ่ายใด

คิดว่าสงครามประชาชนจริงๆ ยังไม่ได้เริ่มต้นครับ
<!-- / message --> <!-- sig --> __________________

Nexu <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1525473", true); </script>
สมาชิก


เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 10:25 PM
วันที่สมัคร: Aug 2008
สถานที่: in the moon
ข้อความ: 55
ได้ให้อนุโมทนา: 4,707
ได้รับอนุโมทนา 509 ครั้ง ใน 52 โพส
พลังการให้คะแนน: 7


<!-- message --> สวัสดีครับ เพิ่งเข้ามาห้องนี้เป็นครั้งแรก เห็นว่ามีห้องเกี่ยวกับ สัญญานเตือนจากเบื้องบน เลยอยากจะเล่าฝันให้ฟังน่ะครับ

เข้าเรื่องเลย คือ ผมฝันว่า เห็นเมืองๆนึง เหมือมีพายุเข้า น่าจะเป็นกรุงเทพแน่ๆ ดูจากตึกสูงๆ สะพาน ทางด่วน ในฝัน ผมเห็นท้องฟ้า มีแต่เมฆสีดำลอยเต็มไปหมด ไม่เห็นดวงอาทิตย์เลยซักนิดเดียว ข้างบนน่าจะลมแรงมากๆ เมฆลอยผ่านไปรวดเร็ว มีแต่เมฆสีดำทมิฬ ในฝันผมมองฟ้า ก็สังหรณ์ใจไม่ดีแล้ว

แล้วฝนก็ตกหนักๆเบาๆ สลับกัน มั่วไปหมด อากาศแปรปรวน ลมแรงมาก มีฟ้าผ่าลงมาใกล้กับพื้นดินมาก ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน คนวิ่งหนีกันอลม่าน สัตว์ต่างๆเหมือนจะอพยพ สัตว์มีพิษ สัตว์ใต้ดิน ที่เราไม่ค่อยเห็น ออกมาเดินเพ่นพ่านเต็มพื้นที่ไปหมด เหมือนกำลังจะหนีอะไรซักอย่าง ในฝันผมอยู่บนรถนะ ตอนนี้คิดแล้วว่า เคยอ่านเจอเรื่องการเตือนภัย ว่าจะมีเหตุร้ายแรง

ผมเลยจะหนีตามสัญชาตณาน เลยขับรถฝ่าไฟแดงไปเลย หลังจากนั้น ผมไม่แน่ใจว่ารถชนรึป่าว แล้วก็ตื่นขึ้น ฝันประมาณตี 4 - 6 โมงเช้า จำได้ชัดเจนมาก เหมือนรู้สึกตัวตลอดเวลา

จบละครับ หวังว่าอาจจะมีประโยชน์นะ ขอบคุณครับ

ดูจากนิมิตรของญาติธรรม คาดว่าเหตุการณ์คงจะทะยอยเกิด ขอให้ทุกท่านมีบารมีพระรักษาค่ะ

 

อุทาหรณ์จาดเฮอรืเคน ไอค์







ภาพจาก National Geographic

 

อย่าเป็นห่วงไปเลยครับ คุณหนุมาน ผู้นำสาร "บุรุษผู้ที่ทำได้" จะปรากฎ ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ เพื่อมารวมทุกศาสนาให้เป็นหนึ่งเดียวกัน จะมาสังคยานาพระพุทธศาสนา ให้กลับบริสุทธิ์ผ่องใส เหมือนดั่งสมัยพระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ เมื่อถึงเวลานั้น การซื้อขายพระจะหมดไปเองโดยอัตโนมัติครับ

การเสด็จมาของบุรุษผู้ที่ทำได้

พระไตรปิฎก หมายถึง “คำสั่งสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้า” ศาสดาของพุทธศาสนาทุกพระองค์ ที่เคยอุบัติเกิดขึ้นมาแล้วบนโลกหลายยุคสมัย พระไตรปิฎกจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล เป็นคำบัญชา เป็นโองการสูงสุดที่มนุษย์จะต้องเชื่อและปฏิบัติตาม

ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น หมายถึง ฟ้าจะต่ำลงมา...ยักษ์ที่ถูกสาปจะตื่นลุกขึ้นอาละวาด คือ เปลือกโลกทั้งหมดจะเคลื่อนตัวครั้งยิ่งใหญ่ โลกจะเสียสมดุลหมุนกวัดแกว่ง....มนุษย์บนโลกจะเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวเดือนไม่เคลื่อนที่ตามปกติ ไม่เป็นเส้นตรง … มนุษย์ในอวกาศ จะมองเห็นโลกหมุนพลิกกลับไปมา หักมุม... สงครามที่ฝ่าฝืนโองการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บังอาจใช้ท้องฟ้าเป็นสนามรบ จะไม่มีฝ่ายใครเสียใครสูญ หาผู้ชนะไม่ได้.... แต่จะทำให้ โลกมนุษย์ “ระส่ำระสาย”... ประเทศที่โหดร้ายจะราบพณาสูญ หลายประเทศที่เป็นเกาะอยู่ติดหน้าผาที่ขอบเปลือกโลก จะจมหายในทะเล คลื่นยักษ์สูงเท่าฟ้าจะถาโถมใส่แผ่นดินและเกาะต่างๆ....เมืองและผู้คนที่ไม่เชื่อใน “สัจจะ” จะถูกกวาดหายไปสิ้น...แผ่นดินจะแยกออก พ่นไฟสีเขียวจากใต้พิภพมาเผ่าผลาญและสูบสิ่งที่ไร้สาระและมนุษย์ที่ไม่ถูกจัดสรรให้เข้ายุคศิวิไลซ์ จะหายจมลงใต้พื้นดิน...สายฟ้าที่ใหญ่กว่ามนุษย์เคยพบเห็นหลายร้อยหลาย พันเท่า จะฟาดลงกลางเมืองถิ่นของมนุษย์ที่จิตใจสกปรกหยาบช้า .... แผ่นดินจะระเบิดออก เพราะแรงจากพายุสายฟ้า ... พายุที่ยิ่งใหญ่จะก่อตัวติดๆ กัน ลูกแล้วลูกเล่า พัดทำลายความชั่วร้ายทุกอย่างจนหมดสิ้น...รวมทั้งความชั่วร้ายโหดร้ายในใจมนุษย์ชนิดขุดรากถอนโคน

เรือของโนอาห์ เคยช่วยให้มนุษย์และสัตว์รอดจากภัยน้ำท่วมโลกในอดีต แต่ยุคปัจจุบัน สิ่งที่จะช่วยให้รอดพ้นจากสรรพภัยทั้งปวง คือ “สัจจะ” สัญญาใจของตนเอง คือ การตั้งใจจริง ที่จะทำความดีอยู่เป็นประจำทุกวัน วันละอย่าง วันละข้อ โดยกำหนดความชัดเจนที่จะทำให้กับตนเองด้วย “กำหนดเวลา” ที่จะสิ้นสุด ... จึงขอให้เชื่อว่า “สัจจะ มีผลตอบแทน” ... ผู้มีสัจจะ ผู้ทีเชื่อในสัจจะ คือ ผู้ที่ได้รับการคัดสรรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากโลกกุตตระ หรือพระผู้เป็นเจ้า จะได้รับการยกเว้นจากดินฟ้าอากาศ ให้อยู่รอดอย่างปฏิหาริย์…. เพื่อจะได้พบกับ “หลักสัจจะธรรม” และ “บุรุษผู้ที่ทำได้” ในยุคศิวิไลซ์ต่อไป

ในวันแห่งการพิพากษา The Day of Judgment วันที่พระเจ้ากลับมา วันแห่งการสิ้นยุค วันที่พระธรรมจะกลับมา “ให้ทุกคนระวังตัวให้ดี ...วันเวลาที่ใกล้เสด็จกลับมา จะได้ยินเสียงสงคราม ข่าวลือสงคราม ... จะต่อสู้สงครามกัน เกิดความกันดาร อดอยากทุกข์ยาก เกิดแผ่นดินไหวไปทั่ว ... เมื่อเห็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว น่าเกียจน่าชัง คือ คนไร้สัจจะ ที่ไม่เชื่อในโองการจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ ขอให้หนีไปดินแดนที่สูง เมืองใหญ่ที่มั่งคั่ง มีแต่การแย่งชิงผลประโยชน์เบียดเบียนกันจะอันตราย อย่ามัวชักช้า รีบหนีไปบ้านนอกคอกนา ไปถิ่นคนมั่นคงในศาสนา ภัยจะมาเร็ว โลกจะระส่ำระสาย ... การเสด็จมาของ "บุรุษผู้ที่ทำได้" จะปรากฏ ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ !!!!!!!

โดย “ หนุมาน ผู้นำสาร ”
05-25-2007, 05:19 PM

ที่มา http://www.palungjitrescuedisaster.com/showthread.php?t=15