ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<table id="post1527219" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;"> 25-09-2008, 09:54 AM <!-- / status icon and date --> </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #1 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> อธิมุตโต <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1527219", true); </script>
สมาชิก



เข้ามาครั้งล่าสุด: เมื่อวานนี้ 03:06 PM
วันที่สมัคร: Aug 2006
สถานที่: วัฏฏะสังสารวัฏ
ข้อความ: 3,661
ได้ให้อนุโมทนา: 6,268
ได้รับอนุโมทนา 26,370 ครั้ง ใน 3,393 โพส
พลังการให้คะแนน: 1729


</td> <td class="alt1" id="td_post_1527219" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- icon and title --> 139 วัด เดือดร้อนจากอุทกภัย
<hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message -->

วันที่ 24 กันยายน

นาย นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงการสำรวจวัดที่ถูกน้ำท่วมทั่วประเทศว่า ในเบื้องต้นมีวัดที่ถูกน้ำท่วม 139 แห่ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่

จ.ปราจีนบุรี 17 แห่ง พระและสามเณรได้รับความเดือดร้อน 245 รูป

จ.สุโขทัย 2 แห่ง พระและสามเณรได้รับความเดือดร้อน 97 รูป

จ.ลพบุรี 87 แห่ง พระได้รับความเดือดร้อน 594 รูป

จ.เลย 13 แห่ง พระได้รับความเดือดร้อน 156 รูป และ

จ.ราชบุรี 20 แห่ง แต่ไม่มีพระและสามเณรได้รับความเดือดร้อน

ทั้ง นี้ วัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วมส่งผลให้พระภิกษุและสามเณรไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ จึงทำให้ขาดแคลนอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งในเบื้องต้น พศ.ได้จัดเครื่องอุปโภคบริโภค และยารักษาโรค 6,300 ชุด นำไปถวายพระภิกษุและสามเณรแล้ว

<o></o>
ส่วน มาตรการเฝ้าระวังน้ำท่วมแหล่งโบราณสถาน จ.พระนครศรีอยุธยา นายปรารพ เหล่าวานิช รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมง เนื่องจากบริเวณวัดไชยวัฒนาราม มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ซึ่ง ขณะนี้ระดับน้ำบริเวณหน้าวัดไชยวัฒนารามสูงขึ้นจนปริ่มตลิ่ง และพบว่ามีน้ำซึมเข้ามาในบริเวณวัด และเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำออกแล้ว

ขณะ ที่บริเวณป้อมเพชรมีระดับน้ำสูงขึ้น เนื่องจากมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จึงสั่งให้จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำและกระสอบทรายเพิ่ม


ข่าวจาก คม ชัด ลึก<o>></o>>
</td></tr></tbody></table>

 

ฤดูกาลมันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดโลกแล้ว ไม่ใช่จะฝืนธรรมชาติ เพียงแต่มหันตภัยที่ร้ายแรงจะไม่มีในประเทศไทย เรื่องนี้ผมขอยืนยัน และพี่น้องจะไม่มีการสูญเสียชีวิตเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน เหมือนดั่งประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา เพราะว่าประเทศไทยเรามีองค์แห่งพระบารมีคอยคุ้มครองแผ่นดินนี้อยู่ ใครที่ไหนที่มันบังอาจบอกว่าวิญญาณแห่งเทพเทวา ที่ปกปักรักษาแผ่นดินไทยหนีเข้าป่าไปแล้ว พวกนี้มันเพ้อเจ้อมากๆ โดยเฉพาะไอ้พวกหมอดูหมอเด้านี่แหล่ะครับ

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันเกิดขึ้นตามฤดูกาล ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกที่พระผู้สร้างได้กำหนดไว้แล้ว และหากจะพูดง่ายๆ มันก็เหมือนโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้แล้ว หากแต่ยังมีบั๊กบ้างเล็กน้อย เมื่อผู้ที่กำหนดกฏเกณฑ์ของโลกเข้ามาตรวจสอบ ก็จะค่อยๆ แก้บั๊กไปเรื่อยๆ

โลกกำลังปรับสมดุลย์ เพื่อให้ทุกอย่างเสถียร หาใช่ใครที่ไหนไม่ ก็เพื่อจิตวิญญาณต่างๆ ที่หลงภพหลงชาติ หลงมาเกิดในดวงดาวแห่งนี้ มีชีวิตอยู่ สืบต่อไป อีกนานเท่านาน ครับท่าน

 

ทุกอย่าง ย่อมมีขาว หรือ ดำ ถูก หรือ ผิด

หล่อลากดิน อาจจะเที่ยวระราน ชาวบ้าน

แต่ สิ่งที่เขา บอก คือ ความั่นคงทางจิตใจ

ในเมื่อมีฝ่ายที่บอกว่า ภัยพิบัติจะเกิด เเน่ๆ

และมีอีกฝ่ายบอกว่า ไม่เกิดเเน่ๆ

กำลังใจ ย่อม ก่อให้ เกิด ความรู้สึกปลอดภัยต่อไป

สันโดษ กลับมองว่า หล่อลากดิน คือ คนดีนะคะ

ในขณะที่ หมอดู ออกมาทำนาย ทำลายจิตมนุษย์

คนบ้างคนก็ดันเชื่อและระเเวงกับสิ่งที่ยังไม่เกิด

ถ้าสอนได้ ก็อยากสอนให้เป็น คนดี เเละ เชื่อมั่นใน ความดี ณ ปัจจุบัน

ภัยพิบัติก็จะไม่มีวันเกิด กับตนเเน่นอน

เพราะ หล่อลากดิน มั่นใจในโลกใบนี้ มากพอๆกับสันโดษ

รักโลก หรือ ป่าวละ ???? ไม่ได้ถามใครนะคะ ถามคุณ คนเดียว

ที่คุณ กลัว ภัยพิบัติ เพราะ คุณ ไม่ เชื่อมั่นในความดีของตนเอง นั้นเอง

 

ไปตั้งกระทู้ให้ใหม่ดีกว่า
ประเทศไทยจะไม่มีภัยพิบัติ..
ค่อยไปคุยกันที่นั่น

แต่ใครเชื่อเช่นนั้น ตั้งอยู่ในความประมาท
เพราะทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ทางวิทยาศาสตร์ ดร. อาจอง ชุมสาย ออกมาพูดแล้วว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพกับสภาวะภูมิอากาศในประเทศไทยอย่างแน่นอน

สิบสองเดือนที่ผ่านมา ถ้าใครดูฟ้าฝนอย่างเป็นธรรม ก็คงคิดเองได้ว่าสิบสองเดือนข้างหน้าฟ้าฝนจะแรงขึ้นหรือบรรเทาเบาบางลง ไม่ใช่ว่าอยากให้เกิดหรือไม่ แต่พิจารณาไปตามสภาวะธรรม (ชาติ)

ดังนั้นผู้อ่านที่มีวิจารณญาณ ก็จงไตร่ตรองอย่างมีสติ และเตรียมตนด้วยความไม่ประมาทเทอญ

 

เกิดหรือไม่เกิด มันก็คงไม่เกี่ยวกับผู้ที่สามารถละวางอุปปาทานอยู่แล้วล่ะครับ แต่พวกที่ยังไม่สามารถลดละวางการยึดมั่นถือมั่นได้สิครับ มีอาการน่าเป็นห่วง หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆสติคงแตกกลายเป็นสัมภเวสีเร่ร่อน กว่าจะรู้ตัวกันไม่รู้จะใช้เวลากี่พันปี

ดังนั้นการที่มีผู้หวังดีมาเตือนให้ระลึกรู้ถึงโอกาสของการเกิดภัยพิบัติ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะผู้ที่เชื่อก็จะหมั่นขวนขวายทำความดีหรืออย่างน้อยก็ได้รู้มาบ้างว่าจะเกิด อาจจะไม่ตกใจจนขาดสติไปเมื่อตอนที่เกิดขึ้นมาจริงๆ

สำหรับท่านที่ไม่เชื่อว่าไม่เกิด ก็หาข้อมูลที่ชัดเจนมาแย้งสิครับ เพราะตอนนี้ข้อมูลทั้งทางกายภาพของโลกกับทางธรรมที่รู้ๆมา มันก็ไม่ได้มีอะไรขัดกัน เหลืออยู่แต่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดเท่านั้นเอง

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ฮาจูปี๊ต

 

เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็นานาจิตตัง เมื่อไหร่จะเลิกทะเลาะ เลิกด่ากันซะที ควรจะไปตั้งกระทู้ใหม่ จริงด้วย ต่างคนคนก็อ้างรักชาติ รักประเทศ รักเพื่อนมนุษย์ แต่ใครแย้งไม่ได้แย้งเป็นด่า เฮ้อ

 

สรุปน้ำท่วม 28 จังหวัด คาดพื้นที่นาเสียหายเกือบล้านไร่​

​

กรมการข้าว 24 ก.ย. - ศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์ข้าว สรุปสถานการณ์น้ำท่วม 28 จังหวัด คาดพื้นที่นาเสียหายเกือบล้านไร่

นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ตั้งแต่วันที่ 6-22 กันยายน 2551 ล่าสุดวันที่ 23 กันยายน 2551 กรมการข้าวได้รับรายงานและวิเคราะห์สถานการณ์เร่งด่วนโดยศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์ข้าว ว่า มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจำนวน 28 จังหวัด พื้นที่นาที่คาดว่าจะเสียหายรวม 981,667 ไร่ ทั้งนี้ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วย จ.น่าน กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ ลำปาง สุโขทัย นครสวรรค์ ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู มหาสารคาม บุรีรัมย์ เลย สุรินทร์ สกลนคร พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี

สำหรับการให้ความช่วยเหลือนั้น เนื่องจากกรมการข้าวมีหน่วยงานในพื้นที่ไม่ครบทุกจังหวัด จึงได้ประสานงานกับกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้เตรียมพร้อมในการรับสถานการณ์ดังกล่าว ในด้านการสนับสนุนถุงยังชีพ การจัดตั้งครัวสายใยรักแห่งครอบครัว และความเสียหายทางด้านการเกษตรให้สำนักงานเกษตรจังหวัด นอกจากนี้ ให้ติดตามสถานการณ์การรายงานสถานการณ์สาธารณภัยจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด กระทรวงมหาดไทย ทุกวัน เพื่อติดตามสถานการณ์ว่า มีความจำเป็นต้องสนับสนุนถุงยังชีพพระราชทาน หรือจัดตั้งครัวสายใยรักแห่งครอบครัว และจัดตั้งศูนย์บริการการเกษตรเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติระดับจังหวัด และระดับอำเภอ/กิ่งอำเภอ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย. - สำนักข่าวไทย

2008-09-24 17:59:22

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้กว่าร้อยละ 24​

​

ก.เกษตร 24 ก.ย.-

 

ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสเตือน
"ต่อไปยังมีอีกไม่ได้แช่ง"​

​

<!-- CENTER ZONE -->ในหลวงทรงแนะใช้วิทยุสื่อสารกองทัพช่วยผู้ประสบภัย เอะอะก็ใช้มือถือ ทรงชี้ในป่าใช้ไม่ได้ต่อไปมีอีกไม่ได้แช่ง ​

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยแก่ผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งสาม ให้เตรียมพร้อมเรื่องวิทยุสื่อสาร อย่าพึ่งแต่โทรศัพท์มือถือ ขณะเดียวกันทรงแนะการแก้ปัญหาภาคใต้ แต่ละกองทัพไม่ควรแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ ควรจะร่วมมือกัน

เมื่อเวลา 17.03 น. วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ พระตำหนักน้อย วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานผลการปฏิบัติงานในการให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ลำปาง และน่าน โดยได้ประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งส่วนราชการและภาคเอกชน ตามที่มีพระราชดำริให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และรับพระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยดังกล่าว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ใจความตอนหนึ่งว่า “ที่ผู้บัญชาการทหารบกพูดว่า พระเจ้าอยู่หัวโทรมนัส จูงทองแดง แล้วทำหน้าเศร้า มองทะเล ความจริงในใจก็มีเรื่อง แต่ไม่หนักถึงขนาดนั้น และต้องบอกให้ทราบว่า ทองแดงไปไหนไม่เคยจูง เขาเดินไปเอง ที่สำคัญหากคนไปขยายความต่างๆ ไม่ดี และมีเหตุการณ์ที่ควรจะเชิญ ผบ.ทบ., ผบ.ทร., ผบ.ทอ. ที่ให้มาก็ทราบว่า กองทัพทั้ง 3 มีอุปกรณ์ที่จะช่วย แต่ว่ารองราชเลขาฯ ไม่ได้ถ่ายทอด ความจริงที่สำคัญที่สุดที่กองทัพทั้ง 3 เหล่าช่วยได้ก็คือ สามารถเอาเครื่องอุปกรณ์ของกองทัพทั้ง 3 ช่วย แต่ตั้งแต่วันที่ 22-23 ที่บอกไปวันที่ 23 แต่รองราชเลขาฯ ไม่ได้บอกให้เอาเครื่องสื่อสารไป เรื่องเครื่องสื่อสาร ที่รำคาญ ฟังทางวิทยุว่าโทรศัพท์ติดต่อไม่ค่อยได้ ก็ติดต่อไม่ได้ เพราะใช้มือถือ เอะอะก็ใช้มือถือ จะใช้มือถือในป่าใช้ไม่ได้ แม้ป่าจะราบลง ก็ใช้ไม่ได้

กองทัพทั้ง 3 มีเครื่องสื่อสาร ไม่ใช่มือถือ มีเครื่องสื่อสารที่จะใช้ได้ สำหรับต่อไปก็จะต้องใช้ ถ้าจะต้องเกี่ยวข้องกับวิทยุ โทรศัพท์ ก็ตั้งเป็นศูนย์ แต่เอาอันเล็กๆ ไปได้ ซึ่งทั้ง 3 เหล่ามีสื่อสาร ก็ต้องใช้สื่อสารของแต่ละหน่วย อย่างกองทัพอากาศ เอาเครื่องบินขึ้นไปหมุนรอบอย่างที่เคยทำ ก็สามารถที่จะติดต่อไป อันนี้ทำมาตั้งนานแล้ว กองทัพบกก็มีระบบสื่อสาร แต่กองทัพอากาศจะช่วยได้มากกว่า ก็เคยทำกันมา 20-30 ปี แล้ว เอาวิทยุเล็กๆ ไว้ติดต่อ จากพื้นดินถึงเครื่องบิน ผ่านโคราชติดต่อเข้ากรุงเทพฯ ได้ 1 วัตต์ ก็ใช้ได้

ต่อไปยังมีอีก ไม่ได้แช่ง แต่เหตุการณ์อย่างนี้จะมีอีก ทางภาคเหนือก็เคยเป็น เคยมี แถวหล่มสักก็เคยเป็น แล้วทางใต้ก็เคยมีสุราษฎร์ฯ และนครศรีธรรมราช แต่ก็ไม่ได้ใช้การสื่อสารสมัยใหม่ ที่มีประสิทธิภาพมาก จะได้ช่วยเร็วๆ แต่ตอนแรกมันลำบาก เพราะวันที่ 22 และ 23 ฝนยังตกหนัก วันที่ 22 ฝน 200 กว่ามิลลิเมตร วันต่อไปร้อยกว่า แต่วันที่ 24 ไม่มีแล้ว เครื่องมือเครื่องไม้ก็ใช้ได้ อยากให้กองทัพทั้ง 3 ใช้เครื่องมือที่มี

ได้บอกกับรองราชเลขาฯ ให้บอกว่า ถ้าต้องการใช้เงิน จะให้เงินที่มีอยู่ ให้สำหรับจ่ายค่าเชื้อเพลิง ต้องใช้มาก เครื่องบินต้องใช้ รถยนต์ก็ต้องใช้เชื้อเพลิง ให้สบายใจ ตั้งใจให้เงิน ยืนยันว่าช่วยได้ แต่นี่ก็ไป ที่เห็นก็ช่วยเหลือ แต่ตอนแรกสำคัญ เรื่องอาหารการกิน พื้นที่ลงไม่ได้ เครื่องบินต้องทิ้งลงไป ข้อสำคัญไม่ได้ศึกษาพื้นที่ อำเภอนั้นเราก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ว่าหมู่บ้านที่อยู่ในป่า ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน โดยเฉพาะหมู่บ้านเปลี่ยนไปมาก ในแผนที่ไม่มี เครื่องบินไปก็ต้องกลับ ที่กองทัพเรือช่วยได้มาก เพราะเคยชินกับการสื่อสาร เคยชินกับการเข้าไปในที่ที่ไม่มีแผนที่ วันนี้ตั้งใจมาพูดกับทั้ง 3 เหล่าทัพ ผบ.ทั้ง 3 เหล่า

ส่วนที่ตั้งใจจะมาพูดในเรื่องภาคใต้ที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่สามารถที่จะช่วยอะไร แต่อย่างนี้การศึกษาในป่า ในเขา ช่วยกันได้ แต่อย่างไรก็ตั้งใจจะบอกว่า ขอบใจทั้ง 3 เหล่า ในเรื่องการช่วยประชาชน ในเรื่องที่อยากมาเฝ้า ก็เรื่องที่เกิดเรื่องทางภาคใต้ ก็น่าหนักใจ ทางภาคใต้ ทหารบก และทหารเรือ นาวิกโยธิน ก็ได้ช่วยมาก นอกจากทหารก็ยังมีตำรวจ ที่ได้ช่วยมาก ความจริงตำรวจเขามีประสบการณ์ในป่า ตำรวจภูธรชายแดนเขามีความสามารถ ก็อยากมาช่วยทำด้วย ตำรวจก็มีความสามารถที่จะเข้าไป แต่เข้าไปยาก มันเละหมด

ข้อสำคัญคืออยู่กระจัดกระจาย ตำรวจชายแดนต้องเข้าไปอยู่ในนั้น ได้ดู ได้ตระเวน โดยเฉพาะทางอุตรดิตถ์ ทางสุโขทัย เขาก็มี ต้องร่วมมือกัน ส่วนกองทัพเรือ แม้จะไม่ใช่ทะเล แต่เขาก็สามารถเข้าไปในป่า ไปฝึกมาดี ที่บอกไป แล้วก็รีบเข้าไปทำทันที เข้าไปเร็วมาก

ฟังวิทยุก็มีไม่กี่สถานีที่ฟังได้ เพราะที่นี่วิทยุจากกรุงเทพฯ แม้จะใช้ความถี่ ถูกวิทยุที่นี่กวนมาก ก็ฟังที่มาจากดาวเทียม ดาวเทียมก็มีไม่กี่สถานี ก็เลือก จะเอาอันไหน บางทีก็ไม่ได้ยิน สื่อสารของเราเดี๋ยวนี้ไม่ดี สื่อสารของพระเจ้าอยู่หัว ไม่สื่ออะไร แต่ก่อนนี้ติดต่อทั่วประเทศได้ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ จึงต้องเรียกติดต่อทางเหล่าทัพ เหล่าทัพติดต่อได้ทั่วประเทศ อย่างกองทัพอากาศ ไม่ต้องมีเครื่องบินพิเศษอะไร ที่มีสายอากาศเป็นแผงๆ เครื่องบินธรรมดาบินติดต่อกันได้

ที่จำได้ก็ไปที่โรงเรียนนายร้อย ขึ้นไปตอนนั้น ไปรอบๆ ที่ตั้งโรงเรียนนายร้อย ยังไม่ได้ตั้ง ยังไปดูโดยรอบ ก็ใช้วิทยุมือถือเล็กๆ 1 วัตต์ ติดต่อเข้ากรุงเทพฯ ได้สบายมาก บินไปรอบๆ ติดต่อ ทำไมมือถือเล็กๆ อย่างนี้ได้ วิทยุเครื่องบินก็ติดต่อได้ แต่ก่อนเคยบินเครื่องบินขึ้นไป ในเครื่องบินมีเครื่อง 5 วัตต์ 10 วัตต์ ก็ติดต่อไปตลอด ไปภาคอีสานก็ติดต่อกรุงเทพฯ ได้ ไปภาคเหนือก็ติดต่อกรุงเทพฯ ติดต่อแถวเชียงใหม่ได้ ใช้เครื่องเล็กๆ

ข้อสำคัญที่อยากพบ ให้เข้าใจ ทางกองทัพทั้ง 3 ได้ช่วย แต่เดี๋ยวนี้ก็เป็นผลสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่อื่น ก็อยากเล่าให้ฟัง แต่ตั้งใจจะมารายงานอะไร"

“ที่เคยไปก็หลายปี 15 ปีมาแล้ว ที่เคยไปใกล้ภูเขาบูโด พวกที่อยู่ในหมู่บ้าน ก็พวกแนวร่วมทั้งนั้น แต่เราเข้าไป ก็ไปช่วยเขา ไปให้ห้องน้ำสำหรับเข้าก่อนสวดมนต์ เขาจะให้ไปดูลำธารที่น้ำลงมา อยู่ไกลมาก เขาบอกว่าไม่ไกล อยู่แค่เดินไป 500 เมตรก็ถึง สุดท้ายก็เดินไป ก็เห็นว่าเขาทำดีแล้ว เป็นฝายเล็กๆ ก็ถามว่า ทำฝายนี้เปลืองเงินไปเท่าไร เขาก็บอกว่า 5 ล้าน ก็ตื่นเต้น ถึง 5 ล้านได้อย่างไร มันไม่ถึง 5 แสน ก็ไม่ถึง 5,000 ก็ใกล้เคียง แต่ความจริงไม่ถึง เอาก้อนหินมาวาง เอากระดานมากั้น แล้วขุดให้น้ำลงมา

เมืองนี้ประชาชนเขาเรียกว่าก่อการร้าย เขาเองก็ตื่นเต้น เราก็ต้องไปประเล้าประโลม ให้เขารู้กันเป็นอย่างไร ก็ช่วยได้ ไม่ใช่ช่วยไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ดีใจ ช่วยเขาได้ เวลานั้นนายอำเภอยี่งอเขาดีมาก น่ารัก เขาไม่ได้นั่งรถ เขาขี่จักรยานยนต์ ทางมันเป็นโคลน เขาก็แล่นไป โดยเราแล่นรอบบูโด เราไปรอบบูโด มีชาวบ้านที่รือเสาะ เขาจุดตะเกียง จุดไฟ เราก็ถามว่า มาจากหมู่บ้านแถวๆ นี้หรือ ถัดไปๆ ไม่ได้อยู่ แต่รู้ว่ามีกองกำลังของเขาอยู่บนภูเขา เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายอะไร ถ้าเราไปให้เขาเข้าใจว่า เราเป็นเพื่อนเขา ตกลงเราก็ไปอ้อมรอบ ซึ่งก่อนนี้ไม่มีใครไปได้ ก็ไปรอบ ที่หลังเขาก็ดีขึ้น

แต่ทีหลังมีมาจากต่างประเทศ แล้วเขาก็ไม่รู้ภาษาไทย แต่เดี๋ยวนี้เขารู้ภาษาไทย เขาก็ก้าวหน้าเหมือนกัน เราก้าวหน้า เขาก็ก้าวหน้า แต่มาเสียใจที่เกิดเรื่องอะไรต่างๆ ทหารช่วยให้ตั้งหน่วย ทำให้ชาวบ้านไว้ใจ แม้แต่พวกที่เป็น เรียกว่าก่อการร้ายแท้ๆ เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะชาวบ้านเขามีความสุข แต่ทำเรื่องราวเกิดขึ้น ชาวบ้านก็ไม่มีความสุข มีอะไรก็ต้องอดทน กองทัพทั้งหลายก็ต้องอดทน

เป็นเรื่องลำบาก เป็นที่ที่แบ่งส่วนของกองทัพไว้มากไปหน่อย เขาถึงจัดให้มีความยุ่งยาก ในเขตที่กองทัพแบ่งเขตกัน อย่างระแงะเป็นของกองทัพบก แต่ที่ตากใบเป็นของกองทัพเรือ ต้องไม่แบ่ง ต้องช่วยกัน แต่อย่างที่บ้านทอนของกองทัพอากาศ แต่ก่อนบ้านทอนก็มีกองทัพเรืออยู่ พวกนาวิกโยธินอยู่ในนั้น”

ที่มา http://www.komchadluek.net/news/2006/05-25/p1--20285.html

 

ไต้หวันเตรียมรับมือไต้ฝุ่นชังมี​

​

ไทเป 27 ก.ย. - หน่วยงานพยากรณ์อากาศไต้หวัน เรียกร้องให้ประชาชนระวังไต้ฝุ่น

 

ปศุสัตว์อยุธยาระทม

ภาพข่าวช่องสามเสนอภาพฝูงวัว ๓๐ ตัวในเขตจว. อยุธยา ชูจมูกหายใจ มีน้ำท่วมเกือบมิดศีรษะ ออกเดินฝ่าน้ำท่วมหาโคกที่มีหญ้า (ถ้าไม่หลงจมน้ำตายเสียก่อน) "อย่าว่าแต่หญ้าสดเลย หญ้าแห้งยังไม่มีให้วัวเลย" เจ้าของกล่าว ติดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วแต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างไร

ถ้าคุณเป็นวัว คุณจะคิดว่าประเทศไทยประสพภัยพิบัติมาหลายสัปดาห์แล้ว

 

" ภาคใต้นครศรีธรรมราชอากาศดีมากครับ สบายๆ ก็ขอส่งแรงใจไปช่วยจังหวัดที่น้ำท่วมละกันครับ"

 

...ปลาน้อยย้ายบึง...

...น้ำขึ้นไม่ลด...

...สมองขดต้องตาย...

...มันตายไม่เกิด...

...มันเกิดต้องตาย...

...มันไม่ตายมันไม่เกิด...

...สัญญาณเร่งเร้าเมื่อเร็วๆนี้ อยู่ห่างๆที่น้ำขึ้นไว้เป็นดี สติดีคอยสังเกตุ...

...ถ้ามีเหตุอย่าเข้าใกล้ ถ้าทำไม่ได้ให้คิดดีไว้เป็นเกราะคุ้มกันจิตใจ...


...เด้กกำพร้า คอยระราน ขาดหลักธรรม มีมิจฉา หลงผิด คิดเอาค่า
สักวันหนาตนจะเป็น รอบรู้อยู่ข้างใน มุดเข้าไป หลงโมหะตน
จิตนี้ที่ร้อนรน จนสับสน ฉิ บ ห า ย ต น น า . . .

..........ขอจงมีสติ ไม่ตื่น ไม่หลง ปลอดภัยทุกท่านเถิด................

 

จีนเตรียมรับมือไต้ฝุ่นชังมี ​

​

ปักกิ่ง 27 ก.ย. - ศูนย์พยากรณ์อากาศในมณฑลฝูเจี้ยนของจีน ยืนยันว่า จีนเตรียมรับมือพายุอีกลูก คือ ไต้ฝุ่นชังมี ที่คาดว่าจะพัดเข้ามณฑลฝูเจี้ยนในวันจันทร์

คาดว่าไต้ฝุ่นชังมีจะพัดเข้าไต้หวันก่อนเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้ามณฑลฝูเจี้ยนของจีน และเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ไต้ฝุ่นชังมีก็ได้ทวีความแรงลมขึ้นเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น โดยมีความแรงลมอยู่ที่ 216 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง

จีนเตรียมรับมือไต้ฝุ่นลูกใหม่ ทั้งที่เมื่อไม่กี่วันก่อน จีนเพิ่งถูกไต้ฝุ่นฮากุปิตพัดเข้าถล่มในพื้นที่ทางใต้ คร่าชีวิตประชาชนไปอย่างน้อย 17 คน โดย

 

ประเด็นสำคัญของการจัดทำห้องภัยพิบัติและการเตรียมการณ์นั้น

ไม่ได้ต้องการหรือเร่ง หรืออยากให้เกิดภัยพิบัติแต่อย่างไร

แต่เพื่อประเมิน วิเคราะห์ ความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน ของพี่น้องร่วมชาติและร่วมโลกใบนี้ทุกๆคน

คนเรา "กลัว"เพราะความรู้ เสมอมา รวมทั้ง"กลัว" การเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตดั้งเดิมของตัวเอง

"กลัว"จนมองในแง่มุมของผู้อื่นว่า"กลัว"เหมือนตนเอง ด้วยกรอบความคิดในมิติความคิดที่ตนเองคิด และคิดว่าผู้อื่นคิดไม่ต่างจากตนเอง


หลายต่อหลายคน กล่าวโทษ กล่าวหา ผู้อื่น กดขี่ ด่าว่าผู้อื่นก็ เพื่อปัดผู้รับผิดชอบ และความรับผิดชอบออกไปจากตนเอง และเพื่อความสบายใจ


ลองปรับความคิดดูกันใหม่ว่า



"ภัยพิบัตินั้น ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น"

แต่จะทำอย่างไรจึงจะร่วมใจกันป้องกันแก้ไข


"หากถ้าหากมันเกิดภัยพิบัติขึ้นมา"

เราจะร่วมใจกันรับมือกับมันอย่างไร



บางคนก็มีกำลังใจเพียงต้องการเอาตัวรอด

บางคนก็มีกำลังใจเพียงต้องการช่วยเหลือครอบครัวหรือคนที่เรารัก ห่วงใย


บางคนก็มีกำลังใจที่จะช่วยเหลือส่วนรวมให้มากที่สุด


ที่ร้ายที่สุดก็คือ

บางคนก็คิดที่จะเหยียบย่ำ ผู้อื่นในยามวิกฤต

บางคนก็คิดจะฉกฉวยประโยชน์จากสถานการณ์นี้ให้ตนเองได้ผลประโยชน์สูงสุด


จิต ความคิด กลั่นออกมาเป็นการแสดงออกทาง วาจา และการกระทำ

สัมผัสด้วย "ใจ" ก็จะทราบได้ถึง ดวงจิตแต่ละดวง

ท่านที่ดีอยู่แล้วก็ขอจงรักษาความดีให้ยิ่งขึ้นไป

ท่านที่ยัง "ไม่เข้าถึงความดี" ก็ขอขัดเกลาจิตให้เข้าถึงความดี

ผู้ที่ยังไม่เป็น"สัมมาทิษฐิ"ก็ขอให้เข้าถึงซึ่งความเป็น "สัมมาทิษฐิ"

 

สารเมลามีนคืออะไร แล้วนมเด็กมีสารเหล่านี้ได้อย่างไร?

​

ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งของจีนในรอบเดือนนี้ นอกจากการจัดแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกแล้วยังมีข่าวดัง ที่ทารกหลายราย เสียชีวิต และอีกหลายพันคนที่ป่วยหนักจากการดื่มนมผงที่ผลิตขึ้นมาในประเทศจีน จนกระทั่งบริษัทซันลู่กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทต้นเหตุผู้ผลิตนมผงมรณะดังกล่าวต้องเรียกเก็บสินค้าคืน และประธานบริษัทก็ถูกรวบตัวเพื่อขยายผลดำเนินคดีต่อ

หากยังจำกันได้ สินค้าที่ผลิตในประเทศจีนนั้นมีปัญหาด้านคุณภาพบ่อยครั้ง โดยเฉพาะสินค้าสำหรับเด็ก เช่นการที่บริษัทแมตเทลต้องเรียกสินค้าที่เป็นของเล่นสำหรับเด็กในอเมริกาคืนทั้งหมดเมื่อปีก่อน หลังจากที่พบการปนเปื้อนของสารตะกั่วในสีที่ใช้ในของเล่นซึ่งมีปริมาณมากกว่าที่กำหนดไว้ถึง 180 เท่า และเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ ก็พบว่ามีเด็กทารกที่ล้มป่วยจากโรคนิ่วในไตถึงกว่าหกพันคน และมีสามคนที่เสียชีวิตจากสาเหตุเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการดื่มนมที่ปนเปื้อนสารเมลามีน

ปัญหาเรื่องการเจือสารเมลามีนในนมผง ได้ทำให้ทางการจีนต้องเร่งรีบตรวจสอบ โดยทางคณะรัฐมนตรีได้แถลงข่าวในตอนเช้าวันพุธ (17 ก.ย.) โดยระบุว่า ทั่วประเทศจีนมีบริษัทที่ทำการผลิตนมผงสำหรับเด็กทั้งสิ้น 175 แห่ง ซึ่งในขณะนี้ได้มีการหยุดการผลิตไปแล้ว 66 ที่ และจากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์จำนวน 491 รายการจากอีก 109 บริษัทที่เหลือ ผลปรากฏว่ามีสินค้าจำนวน 69 รายการจาก 22 บริษัทที่มีสารเมลามีนผสมอยู่ในสัดส่วนที่มากน้อยต่างกันออกไป​

ซึ่งการการตรวจสอบในครั้งนี้พบว่า นมผงที่ผลิตจาก บริษัทซานลู่ ในสือเจียจวงมีปริมาณสารเมลามีนที่สูงมาก โดยในสินค้าที่มีมากที่สุดมีถึง 2,563 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ในขณะที่สินค้าตัวอื่นๆอยู่ที่ 0.09 – 619 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม​

ในขณะที่สำนักข่าวไชน่านิวส์ได้รายงานในตอนเช้าว่า ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. ถึงเวลา 8.00 น.ของวันที่ 17 ก.ย. แต่ละท้องที่มีเด็กที่ป่วยเข้าโรงพยาบาลแล้วทั้งสิ้น 6,244 ราย แบ่งเป็น 4,917 รายที่มีอาการอย่างเบา ไม่มีความเสี่ยงถึงชีวิตและกำลังรับการรักษาหรือรักษาหายดีแล้ว ส่วนอีก 1,327 รายนั้นยังต้องอยู่รอดูอาการที่โรงพยาบาลต่อไป ซึ่งในประวัติการเข้าตรวจของผู้ป่วยเหล่านี้พบว่ามี 158 คนที่พบอาการไตเสื่อมอย่างเฉียบพลัน หรือคิดเป็น 2.5% ของผู้ป่วย ซึ่งหลังจากการรักษามี 94 คนที่อาการคงตัวหรือออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และมีผุ้เสียชีวิตทั้งสิ้น 3 รายมาจากมณฑลกันซู่ 2 รายและมณฑลเจ้อเจียง 1 ราย ซึ่งไม่ได้นับอยู่ในผู้ป่วย 6,244 คน​

​

สารเมลามีนคืออะไร

สารเมลามีน คือสารเคมีที่ใช้ผสมในการผลิตเม็ดพลาสติก และพบในยาฆ่าแมลง ซึ่งเมื่อถูกความร้อนแล้วอาจมี สารฟอร์มัลดิไฮด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายแพร่กระจายออกมา คณะกรรมการอาหารและยา และกระทรวงสาธารณสุขของไทยเคยแถลงการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับอันตรายของสารเมลามีนที่ใช้ในภาชนะใส่อาหาร ตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ. 2547 ว่า อะมิโนเรซิน ที่เป็นโพลิเมอร์ของเมลามีนกับฟอร์มัลดีไฮด์นี้ หากมีการนำไปใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผู้บริโภคได้รับอันตรายจาก สารฟอร์มัลดีไฮด์ที่เป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินหายใจได้

และในกรณีที่พบสารเมลามีนปนเปื้อนในนมผงสำหรับทารกนี้ ทางสื่อของจีนรายงานว่าบริษัทผู้ผลิตนมผงจีนบางรายนำสารดังกล่าวมาใส่ในนมเพื่อเพิ่มความเข้มข้น ซึ่งบริษัทผู้ผลิตบางรายก็โต้ว่าเกษตรกรเป็นผู้เติมสารอันตรายนี้เข้าไปเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การมีสารเมลามีนปนเปื้อนในนมผงนี้ ก็ทำให้เด็กที่บริโภคเข้าไปเกิดอาการเป็นนิ่วในไต ซึ่งเกิดจากการที่ตะกอนของเมลามีนซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมไม่สามารถย่อยสลายได้นั้นเดินทางเข้าไปสู่ระบบการย่อยอาหารพร้อมกับน้ำนม

สำหรับผู้ต้องสงสัยพัวพันกับกรณีดังกล่าวนั้นถูกจับกุมแล้ว 19 คน ในจำนวนนี้ได้แก่ 2 พี่น้องแซ่เกิ่ง ซึ่งจำหน่ายนมสด 3 ตันต่อวันให้แก่บริษัท ซานลู่ กรุ๊ป

ทั้งคู่ถูกจับกุมฐานผลิตและจำหน่ายอาหารปนเปื้อนสารพิษอันตราย โดย เกิ่ง ผู้พี่วัย 48 ปี เริ่มผสมสารเมลามีน ซึ่งเป็นสารเคมีต้องห้ามลงไปในนมเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อเพิ่มปริมาณโปรตีนให้ได้ตามที่มาตรฐานกำหนด​

โดย เกิ่ง สารภาพว่า เขาเริ่มผสมสารเคมีลงไป หลังจากทางซานลู่ปฏิเสธรับนมจากพวกเขาหลายครั้ง ด้วยสาเหตุที่ว่านมไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ธุรกิจของพวกเขาประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก​

นอกจากนี้ เขายังยอมรับว่า ไม่เคยให้ครอบครัวดื่มนมที่เจือปนสารพิษดังกล่าวเลย เมื่อถามว่าเจ้าตัวรู้หรือไม่ว่าผลลัพธ์จากการกระทำดังกล่าวจะร้ายแรงเช่นนี้ เกิ่ง กล่าวว่า “ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ผมรู้แต่เพียงว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น”​

ทั้งนี้ สองพี่น้องแซ่เกิ่งถูกตำรวจจับเป็นรายแรกๆ ส่วนผู้ต้องหาอีก 16 รายนั้นมาจากศูนย์รวบรวมนมเอกชน ส่วนอีกรายหนึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยลักลอบจำหน่ายสารเมลามีน ​

มาตรการการจัดการของจีนต่อผู้ผลิตนมผงผสมสารปนเปื้อน ​

<DD>
หลังจากที่พบว่ามีเด็กทารกล้มป่วยและเสียชีวิตจากการที่ดื่มนมปนเปื้อนสารเมลามีนไปแล้ว ทางการจีนก็มีมาตรการในการจัดการเหตุสลดดังกล่าวโดยสั่งปลดเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนสี่รายในแคว้นเหอเป่ย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของบริษัทซานลู่ หนึ่งในบริษัทที่ผลิตนมอันตรายดังกล่าว นอกจากนี้ตำรวจจีนก็รวบตัวประธานบริษัทซันลู่ ไว้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันบริษัทซันลู่ก็ได้เรียกเก็บสินค้าจากทั่วประเทศคืนเป็นการด่วนอีกด้วย


จากกรณีนี้ ทางการจีนจึงได้เริ่มตรวจสอบกรณีนี้อย่างจริงจังไปทั่วประเทศ และพบว่ามีอีก 22 บริษัทที่ผลิตนมปนเปื้อนสารเมลามีนนี้ด้วยเช่นกัน

หน่วยงานด้านการตรวจสอบคุณภาพอาหารของจีนก็ได้เปิดเผยว่า บริษัทกวางตุ้ง ยาชิลี กรุ๊ป และฉิงเดา ซันแคร์ ซึ่งได้ส่งออกผลิตภัณฑ์นมผงให้แก่หลายประเทศ ก็ได้ระงับการส่งออกผลิตภัณฑ์นมของตนแล้ว

อย. ไม่พบผลิตภัณฑ์นมผงจากจีนปนเปื้อนสารเมลามีนในไทย

ทางด้านประเทศไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งตรวจสอบผลิตภัณฑ์นมผงทุกชนิดที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีน ที่พบมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งผลการตรวจสอบไม่พบการนำเข้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ได้กำชับให้กองงานด่านอาหารและยา เฝ้าระวังการนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นพิเศษ รวมทั้งผลิตภัณฑ์นมที่นำเข้าจากประเทศต่างๆ และยี่ห้ออื่นๆ ด้วย เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้แก่เด็กทารกในประเทศ โดยถ้ามาจากแหล่งกำเนิดตามที่เป็นข่าว ให้อายัดและเก็บตัวอย่างมาวิเคราะห์ พร้อมเรียกร้องให้หันมาให้ความสำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะนอกจากปลอดภัยต่อทารกแล้ว ยังรับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเด็กอีกด้วย

​

<DD><DD><DD>นมผงจีนกับนมโคไทย

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท ฟาร์มโชคชัย จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมของไทย หันมานำเข้านมผงราคาถูกจากจีน ซึ่งมีคุณภาพต่ำในปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนการนำเข้านมผงจากออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่นมผงจากจีนไม่มีคุณภาพ จึงต้องการให้โรงงานผลิตน้ำนมและผู้บริโภคควรให้ความระมัดระวัง ​

ทั้งนี้ เมื่อหลายปีก่อน เคยมีการประท้วงของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยการนำน้ำนมดิบมาเททิ้ง เพราะผลิตออกมาแล้วไม่มีผู้รับซื้อ และถูกกดราคาจนต่ำเกินกว่าจะรับได้มาแล้ว ​

อันที่จริงแล้ว การเกิดวิกฤตด้านคุณภาพนมของจีนนี้ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทย ซึ่งถือว่ามีคุณภาพกว่า สามารถฟื้นตัวได้อีกครั้ง และหากภาครัฐให้ความใส่ใจอย่างเพียงพอ อุตสาหกรรมนมโคไทย ก็อาจจะพัฒนา และขยายตัวได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน อีกทั้ง การเกิดวิกฤตด้านคุณภาพสินค้าของจีนในครั้งนี้ น่าจะเป็นตัวกระตุ้นจิตสำนึกให้ผู้ผลิตทั่วโลกคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคมากกว่าการแสวงหาผลกำไรได้อีกด้วย ​

โดย exact 2008-09-23 17:06:23 ​

ที่มา http://www.tlcthai.com/webboard/view...&post_id=40943​

</DD>