ผลของการโต้ตอบธรรมที่รุนแรง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 1 ตุลาคม 2008.

  1. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    ความรักไม่มีคำพูด จิตก็เช่นกัน มีพลังส่งตรงถึงได้เลย
    การผ่านภาษาทำให้เกิดการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนสำหรับผู้ไม่มีจิตเที่ยง

    เน็ตไม่ค่อยดี ตอบทีหลุดที


    ใครเคยถามว่า การบรรลุธรรมเป็นอย่างไร
    การบรรลุธรรมนั้นไม่มีเหตุปัจจัยให้เกิดขึ้น แต่ดับเหตุปัจจัยลงไปให้หมด
    แต่ทางที่จะนำไปสู่การบรรลุมีมากมาย แล้วแต่ตามจริต
    การเอาเรื่องทางมาต่อสู้ทุ่มเถียงกัน สู้หาทางที่ตัวเองถนัดไม่ได้

    อาการก่อนการบรรลุธรรม ทีเรียกว่า มรรคจะสมังคี
    มีอาการสังเกตได้ คือ ความตื่นของจิต จะตื่นตัวขึ้น หรือเรียกว่าพละห้า
    หรือ อินทรีย์ห้า มีกำลัง คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
    ง่ายๆ คือ สติ สมาธิ ปัญญา

    ถ้าเสวนาธรรมแล้วเกิดการตื่นตัวของจิตก็นับว่ามีประโยชน์
    ถ้าเต็มไปด้วยแรงของกิเลส ก็มีกำลังเหมือนกัน แต่เป็นกำลังที่ทำลายล้าง

    การเข้าใจว่า ดูอาการกิเลสแล้วดับได้ทุกครั้ง ตัวเองทำถูก
    ต้องดูให้ดีว่า มันเกิดพละห้าด้วยหรือไม่ หรือแค่กล่าวหลอกลวง
    ทำลายจิตตนและผู้อื่นไปแล้วนับไม่ถ้วน

    คนดับอารมณได้จริงๆ ตามกำลังนั้น จิตจะไม่วอกแวก
    และมีความตื่นตัวอยู่ จึงสามารถบรรลุธรรมขณะฟังธรรม หรือเสวนาธรรม
    เพราะตัวตนนั้นดับไป


    การฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เป็นเรื่องประเสริฐในชีวิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ตุลาคม 2008
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรามีเรื่องสงสัย ใครรู้วานบอก

    เวลาที่เกิดอาการ ถอดจิต นี่เหมือนเราปิดสวิส ตัวเองรึป่าว

    แบบว่า เรา สลบไม่รู้สึก เหลือแต่ เขา ที่รู้ ตัวเขาอย่างเดียว ไม่มีเรา

    ไปทำอะไรมั่ง เราก็ไม่รู้ตัว เพราะเราไม่รู้สึก มีแต่เขาทำของเขา แล้วเราไม่รู้
     
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    5 5 5 นั้นคือหัวหน้ากิเลสนะ

    คุณขวัญไปโจมตีเอาลูกน้องทหารเอกเขาเข้า

    เจ้าตัวเอ้ จะออกมา ยกป้ายประท้วงทันที

    ดูเฉยๆ รู้ลูกเดียว ตอนนี้สำคัญมาก

    บางที่ใกล้แค่เอื้อม ด้วยการดู เฉยๆ อย่ากระโจน

    นะเอย นะเอย
     
  4. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697

    สำหรับผู้เรียนรู้แล้ว อาจเป็นดังนั้น
    แต่สำหรับผู้รู้ ไม่มีคำว่าขาดทุน แต่เป็นไปเพราะเมตตา เพื่อส่วนรวม
    มารจึงมีต่างกัน

    ต้องไปแล้วเหมือนกัน
    สาธุค่ะ
     
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ทำสมาถะสมาธิบ้างหรือเปล่า

    ไม่ได้ทำแน่เลย ผลาดรถด่วนเลยนะนั่น

    เขาแอบไปทำสมาธิเอง ไม่ใช่การถอดจิต

    จิตเขาจะถอยเข้าภวังคจิต เพื่อเก็บสมาธิ เก็บฌาณเอง

    โดยไม่ง้อ นี่แปลว่า จิตเริ่มรู้หนทางของตนแล้ว และ

    ต่อจากนี้ไป เขาจะทำไม่หยุด และไม่สนใจเราอีก

    ก็จะต้องมีวิธีรู้ทัน หากรู้ไม่ทันต้องช่วยเขาทำสมาธิบ้าง

    นะเอย นะเอย
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ฟังเพลงสวดมนต์ กะฟังธรรม 2อย่างสลับกัน

    ก็ยังมีฟุ้งอยู่เยอะ ทำทุกวันเช้า กะเย็น เวลาเดินทางมาทำงาน

    เสาร์-อาทิตย์ วันหยุด เพื่อลูกและสามี

    พอไหม (คนมันขี้เกียจมั้ง)

    อีกอย่าง ตอนนอนหลับเหมือนสับสวิส ทุกวัน หลับลึกมาก หวอรถดับเพลิงมาก็ไม่รู้ตัว
     
  7. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    การถามว่า การบรรลุธรรมเป็นอย่างไร เป็นการเล็งไปที่ผล ซึ่งก่อให้เกิดกิเลสและความเนิ่นช้า
    ผู้ใคร่ในธรรมควรถามว่า การบรรลุธรรมทำอย่างไร
    ขอถามท่านเต้าเจียวว่า
    การบรรลุธรรม หรือ จะเรียกว่า ดับเหตุปัจจัยลงให้หมด นั้นทำอย่างไร
    มุมมองของท่านอาจเป็นแสงสว่างให้กับดวงตาอันมืดมิดของข้าพเจ้า...
     
  8. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    การที่จะรู้ทัน ต้องมีสติควบคุม เวลาเข้าฌาน จะมีสติคอยดูสภาวะ และอารมณ์ควบคู่ไปด้วย หากเวลาวิปัสสนา สภาวะที่เราจำได้ ในการเข้าฌาน โดยมีสติกำกับตลอดเวลา เราจะจำได้ว่า นี่คือ จิตมันหลบไปเข้าฌาน แล้วนะ หรือว่าเรากำลังวิปัสสนาอยู่ หาก จิตมันหลบไปเข้าฌาน มันจะมีอาการ หัวเบาโล่ง และตัวก็จะเบาตาม หากปล่อยไว้ อาจจะเผลอไปเลยก็ได้ ต้องมีสติตลอดเวลา ในเวลาวิปัสสนา และอีกอย่าง หากเป็นการติดอารมณ์ของฌานก็เช่นกัน จะรู้สึกเบาสบายหัวโล่งโปร่ง และตัวเบา บางคนคิดว่า นี่คืออารมณ์นิพพาน แต่จริง ๆ แล้วติดสภาวะฌาน ออกมา ผลของมันคือ จะไม่มีตัวสติคอยดูการเกิดดับของจิต (วิปัสสนา) หากเห็นการเกิดดับ ของจิต ตลอดสาย นั่นคือวิปัสสนาอย่างสมบูรณ์ หากตัวกิเลศเบาบางแล้ว เราจะแยกแยะ ออกชัดเจน ว่าจิตนี้เป็นกุศล จิตนี้เป็นอกุศล ด้วยตัวสตินี่แหล่ะ สำคัญที่สุดค่ะ
    ;aa19
     
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ท่านเต้าเจี้ยวไปเสียแล้ว งั้นกระผมขอตัวเช่นกัน
    ไปนั่งอ่านหนังสือเล่นห้องสมุดดีกว่า อิอิ...
     
  10. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697

    ของท่านนาคเสนค่ะ คงจะชัดเจนกว่า

    พระเจ้ามิลินท์ตรัสต่อไปว่า
     
  11. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ปัญหาของพี่ขวัญคือ หากพี่ขวัญทำสมาธิบ้าง และมีสติคอยควบคุมกำกับเวลาเข้าฌาน พี่ขวัญต้องสังเกต และดูสภาวะ ของมันว่าเวลาเข้าฌานสภาวะมันเป็นเช่นไร เพราะเวลาวิปัสสนา หากจิตมันหลบไปเข้าฌาน แต่ที่พี่ขวัญไม่รู้ว่ามันคืออะไร เพราะพี่ขวัญยังไม่เคยทำสมาธิ (อาจจะนะ หนูก็ไม่ทราบว่าเคยหรือเปล่า) แต่ถ้าหากพี่ขวัญเคยทำสมาธิ ก็ขอเพิ่มเติม ในส่วนของการมีสติคอยดูสภาวะของการเข้าฌาน มันจะละเอียดมาก มันจะมีตัวสติ คอยแยกออก ระหว่าง ฌาน และวิปัสสนา มันจะเห็นชัดเจน และจำสภาวะมันได้ค่ะ และต้องคอยดูอารมณ์ควบคู่ไปด้วย ว่าเรารู้สึกพอใจ ไม่พอใจ หรือกลาง ๆ เวลาเข้าฌาน เพราะถ้ารู้สึกพอใจในระดับฌานนั้น ๆ เรารู้ตัวว่าเราพอใจแค่นั้น มันจะไม่ก้าวหน้าในระดับของฌาน แต่ถ้าหากเราไม่รู้ตัวก็โมหะ จะหลงอยู่นานเลยค่ะ
     
  12. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ยิ่งถ้าเรากำลังอยู่ในระดับโสดา (มรรค) ขึ้นไปนั้น ความละเอียดของการพิจารณามันจะละเอียดมากขึ้น สภาวะการไหลของจิต ของคนรอบข้าง หากเราแก่รอบในการพิจารณาแล้ว เพราะเรารู้แล้ว ว่าสภาวะอารมณ์ปัจจุบันของเรานั้นเป็นเช่นไร หากเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอารมณ์ของเราเกิดขึ้น ให้พิจารณาถึงต้นตอ ว่าต้นตอมาจากไหน หากเรารู้แล้ว ว่าเป็นการไหลของจิต คนอื่น ที่อยู่รอบข้าง อารมณ์ของเราจะกลับสู่สภาวะปกติ นี่ก็เป็นตัวสติแยกให้ออกอีกเช่นกัน ถ้ายิ่งระดับที่สูงขึ้น ความละเอียดจะมีมากขึ้น และเราต้องมีความละเอียด เพื่อแยกให้ออกอีกเช่นกัน หากเราละกิเลศจนเบาบาง หรือไม่เหลือเลย เราจะเห็น ถึงกิเลศคนอื่น และกิเลศของเราด้วยเช่นกัน
     
  13. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    อีกอย่างหนึ่ง ถ้าเรากำลังสนทนาธรรม แล้วเรารู้สึกยิ้มเยาะ ดีใจ รู้สึกตลก ว่าคนนี้ทำไมถึงเป็นเช่นนี้นั้น เพราะกิเลศ ตัวเองยังไม่เบาบางพอ เพราะมันซ่อนด้วย จิตที่มันคิดว่า ตัวเองเก่ง ตัวเองแน่แล้ว จึงมองเห็นผู้สนทนาธรรม ร่วมด้วยนั้นภูมิธรรมไม่เท่าตัวเอง ขอให้มีสติคอยดูจิตตัวเอง ดูอารมณ์ตัวเองด้วย เมื่อกิเลศเบาบางแล้ว เราจะไม่รู้สึกดีใจ หรือว่า รู้สึกยิ้มเยาะผู้อื่นเลย
    ;aa22<O:p</O:p
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหาย ท่านรู้ผิดที่แล้ว

    ผู้รู้ คือจิต สติคือผู้รู้สึก สตินี้คือเรากำหนด รู้สึกขึ้นมารู้ ว่า มีผู้รู้

    ผู้รู้ คือจิต มีสติรู้ตัวเองเมื่อไร จึงเรียกว่า จิตเห็นจิต เรียกว่าจิตมีสติเกิดเอง

    ผู้รู้ มีสติเกิดเองเมื่อไร จึงเรียกว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

    ผู้รู้ไม่มีสติ มีแต่ตัวเรามีสติ เรียกว่า ผู้รู้ยังสลบ ไม่มีตื่น ไม่มีเบิกบาน

    ของปลอม ผู้รู้ยังหลงอยู่เลย มีแต่สติที่เกิดจากคิด

    เฮ้อ... กลับมาเป็นหนังคนละม้วน อีกแระ...




     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เมื่อพวกท่าน ทอดทิ้งพระธรรม ทอดทิ้งจิตผู้รู้ในตน

    พระธรรม จิตผู้รู้ ก็ทอดทิ้งพวกท่าน เหลือแต่ อวิชชา ความไม่รู้ มีแต่ความคิด มีแต่สติที่เป็นความคิดว่ามีสติ

    ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน จะตายไปพร้อมกับความไม่รู้ ยึดอยู่กับความคิด เป็นสรณะ
     
  16. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ตรงนี้ต้องใช้โยนิโสอย่างมาก

    เพราะง่ายต่อการ ฝุ้ง การฝุ้งคราวนี้จะยกระดับ ไม่ใช้ ฝุ้ง ด้วยตัณหาปบบกิเลสโลก

    แต่เป็นกิเลสแบบทางธรรม หรือ อุธธัจจะ ตัวนี้จะมีตลอดไปนะ จนกว่า
    จะจบกิจการศึกษา แต่ต้องดู

    ฟังธรรมแล้ว ใจส่งออกไปรู้เรื่อง ไปจับศัพท์ แบบนี้ใช้ไม่ได้

    ฟังธรรมแล้ว ใจ่ยังอยู่กับตัวฟังบ้างๆ ไม่ฟังบ้าง แต่สุดท้ายมีความสุข ไม่
    รู้สึกว่าทำอะไรเสียเวลา แบบนี้ใช้ได้

    แล้วต่อไป ต้องดู หมูกระดาษ อย่าสร้างหมูกระดาษขึ้นมาใหม่ อย่าสร้าง
    ภพใหม่ขึ้นมา เช่น แต่ชุดขาว แบบนี้อย่าทำ มันจะหลอกให้สร้างภพ
    ไว้แล้วทำให้เราแอบจงใจปฏิบัติ เป็นต้น

    ตอนที่นอนเลี้ยงลูก ให้สังเกต จิตมันเลี้ยงลูกให้ หรือ ว่าเราเลี้ยง

    จิตมันเลี้ยงลูกให้เราได้นะ มือไม้ขยับหยอกล้อเล่นกับลูกได้อัตโนมัติ
    เราไม่รู้เรื่อง นอนอยู่ แต่จิตเขาทำงาน แบบนี้ก็เป็นอีกอาการ

    หากสมาธิดีหน่อย ก็อาจจะไปเห็นภพชาติ อ่อนลงหน่อยก็จมหลง
    ไปตามภพชาติที่เห็น แต่ตื่นมา หรือออกจากสมาธิ จะจืดๆ ไม่ตื่น
    เต้นกับความฝัน เพราะมันเป็นเรื่องของจิตรู้ ไม่ใช่เรารู้ หากออก
    มามีตื่นเต้น ดีใจ ให้รู้ว่านั้นหลุดแล้ว กลายเป็นเรารู้ ไม่ใช่จิตรู้
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คนที่มีความจริงใจ ไม่ใช่ว่าบนบอร์ดเป็นอย่างหนึ่ง เสียงตามสายเป็นอย่างหนึ่ง

    คนที่มีความจริงใจคือ ไม่ว่าต่อหน้า หรือ ลับหลัง ก็เป็นเหมือนกัน

    คนที่ต่อหน้าอย่างหนึ่ง ลับหลังอย่างหนึ่ง

    คือคนที่ไม่ยอมรับตัวเอง คน 2 บุคคลิก

    คนที่ชอบสะกดจิตตัวเอง มันทำได้เป็นช่วงๆ

    จิตนั้นเมื่อมีช่องก็แสดงตัวตนออกมา ถึงจะชอบหรือไม่ชอบ เขาก็คือคุณ

    คุณไม่ยอมรับเขา ก็คือคุณไม่ยอมรับตัวเอง

    ความจริงของตัวเอง ก็คือเงา สลัดไม่ออก

    คุณทำกับเขาอย่างไร เขาก็ตามไปหลอกหลอนคุณทุกภพทุกชาติ

    เพราะคุณทำเขา เขาก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของคุณ

    คุณทำดี เขาก็จะดีกับคุณ

    คุณทำร้ายเขา เขาก็จะหลอกหลอนคุณไปเรื่อยๆ

    เหมือนเงา ที่เป็นคุณในเว็บบอร์ด ที่ต่างจากเสียงตามสายอันเสแสร้งของ งักปุ๊กคุ้ง
     
  18. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ที่คุณผึ้งอธิบาย เป็นลักษณะของคนที่ทำ สมาธิเผื่อเอาไว้เป็นอินทรีย์
    แต่สำหรับคนที่ไม่อาจะทำสมาธิเผื่อเอาไว้ จิตจะทำของเขาเอง ฌาณ
    เขาได้เขาก็ได้ของเขา เราไม่รู้ แบบนี้คือพวก สุขวิปัสโกแท้

    แต่ถ้าออกมาทำสมาธิเผื่อเอาไว้บ้าง เวลาดูจิต จิตหมดกำลังเขาไม่ต้อง
    แอบไปทำสมาธิแบบเราไม่รู้ แบบนั้นเวลาจิตเขาหมดกำลัง สติ จะยังอยู่
    แล้วจิตเข้าไปในภวังค ต่อไปฌาณ ก็จะมีสติตลอด แบบนี้ได้ฌาณ อะไร
    เราจะได้ญาณลาภีติดออกมาเป็นของแถม แต่ก็ไม่แน่เสมอไป

    ของเล่นมันไม่สำคัญ เท่าของจริง อย่างไรก็อยากให้ระลึกตรงนี้ไว้หน่อย

    แต่ที่อธิบาย เค ไว้เยอะ เพราะแนวโน้มของ เค นั้นน่าจะมำสมาธิมาเยอะ
    แล้วในอดีตชาติ เพราะภาวนาไปเร็วมาก พอต่อ สติ ได้ถูกทาง 3 เดือน
    เท่านั้นก็มาได้ถึงจุดนี้ ใกล้มากแล้ว
     
  19. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เวรกรรม เวรกรรม ผมไปขายพระตอนไหนครับ งง ^-^
     
  20. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อย่าจำบทสอนนี้ไป ไม่ถูก มีเจือโลภะเจตนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...