พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. สำรวจโลก

    สำรวจโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +579
    อ้างอิง
    เชิญบริจาค ซื้อ อภิญญาใหญ่ Server เพื่อเว็บพลังจิต
    http://palungjit.org/showthread.php?t=159295

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เนื่องจาก เว็บพลังจิต ได้มีผู้เข้าใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ

    จากระทู้
    26,000 UIP คนเข้าเว็บมากสุดเป็นประวัติการและนิมิตในฝัน
    ส่งผลให้ server ทำงานหนัก ส่งผลทำให้ เว็บอืดๆ คนเข้าเว็บได้ไม่สะดวกและเรามีความต้องการ server ใหม่ เพื่อรองรับคนจำนวณมาก


    [​IMG]

    ปัจจุบันเว็บพลังจิตได้รับความนิยมในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนไทยที่อยู่ประเทศไทยและทั่วโลก
    เฉพาะคนไทยเข้ามาใช้บริการทำให้เว็บพลังจิต ทำให้เป็นปรากฏการเว็บทางพุทธศาสนา ที่นิยมมากที่สุดในโลก (สถิติโดย Alexa)
    กระทู้
    เว็บพลังจิต เป็นยอดนิยมอันดับที่ 1 เว็บพุทธศาสนาทั่วโลก


    ซึ่งต่อไปในอนาคตอันไกล้
    เราจะขยายเว็บพลังจิต เป้าหมายเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนา เผยแผ่แบบให้คนในประเทศนั้นจริงๆ เผยแผ่แบบนานาชาติแบบท้องถื่น จำนวณ100 กว่าประเทศ 100 กว่าภาษา

    วันนี้ผมได้ทำการทดลอง ย้าย server แบบแยกโหลดกัน
    แยกระหว่าง webserver และ database server ก็ไม่สามรารถช่วยให้เว็บโหลดเร็วขึ้นมาได้ เนื่องจากว่า web server (อภิญญา) อีกตัว spec ต่ำเกินไป อายุ 3 ปี ทำให้ช้า
    แต่ database server (พระแม่ธรณี server) อีกตัวยังใช้งานได้เร็วดี



    ( รายชื่อ Server ที่ใช้งานอยู่ คือ อภิญญา Server, พระแม่ธรณี Server )








    <HR>


    ตอนนี้ เว็บเริ่มอืดแล้ว แล้วจะอืดลงไปเรื่อยๆ คนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ข้อมุลเยอะขึ้นเรื่อยๆ

    เราควรเร่งรีบ ซื้อ server ใหม่อย่างเร่งด่วน

    ขอเชิญชวนบริจาคซื้อ
    อภิญญาใหญ่ Server

    ตอนนี้เราอยู่ยุคอภิญญาใหญ่ในสาธารณะ ตามหลวงพี่อฤาษีลิงดำทำนาย
    และเรากำลังจะขยายตัวเองให้ใหญ่ออกไปเพื่อเผยแผ่พุทธศาสนาไปทั่วโลก


    งบที่ต้องการ ประมาณ 130,000 บาท
    ราคาของ server จะขึ้นลงตามตลาด

    เป็น Sever Multicore processor

    คาดว่า Servers 3 ตัวนี้ เมื่อต่อกัน จะรองรับ คนได้ประมาณ 4-5 หมื่นคนต่อวัน


    --------------------------------------------------------------
    ธรรมทานนั้นมีอานิสงส์ผลบุญสูงสุดเหนือทานทั้งปวง ขอให้เพื่อนๆสมาชิกทุกๆคนที่คิดดี ทำดี สามารถที่จะตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน เข้าสู่พระนิพพานได้ในชาติปัจจุบันครับ
    การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะเหนือทานทั้งปวง
    (ยังมีคนอีกมากและมากด้วยที่ยังไม่มีโอกาสเข้ามาอ่าน ศึกษาธรรมมะดีๆ กิจกรรมดีๆแบบ online ใน web นี้ แม้กระทั่งสมาชิกหลายๆท่านใน web นี้ก็ตาม ดังนั้นการกระทำอันใดก็ตามในอันที่จะทำให้ web นี้พัฒนาไปในแนวทางที่ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น ผมถือว่าเป็นความพยายามที่จะเผยแพร่สิ่งดีๆ หลากหลายสาระ รวมทั้งธรรมมะ ให้ไปสู่ประชาชนอีกมากที่ยังไม่รู้จัก web palungjit ครับ)

    ผมเห็นด้วยและขอร่วมอนุโมทนาครับ

    [​IMG]
     
  2. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    เอา link พระนาคเสนมาฝาก
    http://www.dharma-gateway.com/dhamma-milin-index-page.htm

    ตัวอย่าง ชอบช่วงแรกนี้มากครับ
    ครั้งนั้น พระเจ้ามิลินท์ได้เสร็จไปหาพระนาคเสนแล้ว ทรงปราศรัยพอให้เกิดความร่าเริงยินดีแล้วก็ประทับนั่ง ฝ่ายพระนาคเสนก็แสดงความชื่นชมยินดี ทำให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้ามิลินท์ ลำดับนั้น พระองค์จึงตรัสถามปัญหาข้อแรกต่อพระนาคเสนขึ้นว่า
    " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โยมประสงค์จะสนทนาด้วย "
    พระนาคเสนถวายพระพรตอบว่า
    " เชิญสนทนาเถิด มหาบพิตร อาตมภาพใคร่จะฟัง "
    " โยมสนทนาแล้ว ขอผู้เป็นเจ้าจงฟังเถิด "
    " อาตมภาพฟังอยู่แล้ว มหาบพิตรเชิญเจรจาเถิด "
    " พระผู้เป็นเจ้าได้ฟังว่าอย่างไร ? "
    " ก็มหาบพิตรเจรจาว่าอย่างไร ? "
    " โยมจะถามพระผู้เป็นเจ้า "
    " จงถามเถิด มหาบพิตร "
    " โยมถามแล้ว "
    " อาตมภาพก็แก้แล้ว "
    " พระผู้เป็นเจ้าแก้ว่าอย่างไร ? "
    " ก็มหาบพิตรถามว่าอย่างไร ? "
    เมื่อพระเถระตอบอย่างนี้แล้ว พวกโยนกเสนาทั้ง ๕๐๐ ก็เปล่งเสียงสาธุการถวายพระนาคเสน แล้วกราบทูลพระเจ้ามิลินท์ว่า
    " ข้าแต่มหาราชเจ้า คราวนี้ขอพระองค์จงตรัสถามปัญหาต่อไปเถิด พระเจ้าข้า "
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แบงก์นอกผวาศก.ซบ-หนี้เน่าพุ่ง ปรับเพิ่มรายได้ขั้นต่ำบัตรเครดิต
    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9510000136213
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 พฤศจิกายน 2551 09:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> แบงก์ฝรั่งเริ่มรับมือผลกระทบเศรษฐกิจโลก หันขยับขึ้นรายได้ขั้นต่ำคนทำบัตรเครดิต เน้นทำตลาดระดับบน ชี้อนาคตจะแบงก์พาณิชย์ไทยเตรียมขยับขึ้นตาม ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดมูลค่าการใช้จ่ายบัตรเครดิตไตรมาส 4 อยู่ที่ 223,250 ล้าน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.7% ผลจากทั้งแบงก์-นอนแบงก์โหมแคมเปญดันยอดใช้จ่ายช่วงโค้งสุดท้ายของปี

    นายวิชิต พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายบุคคลธนกิจธนาคารเอชเอสบีซี (ประเทศไทย) หรือHSBC เปิดเผยว่า ธนาคารได้ทำการปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ที่สมัครบัตรเครดิตจาก 15,000 บาท เป็น18,000 บาท ตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัญหาเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ธุรกิจบัตรเครดิตค่อนข้างมีความอ่อนไหว จึงต้องทำการป้องกันปัญหาไว้ก่อน ซึ่งการปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำดังกล่าวนั้นเป็นนโยบายเฉพาะของประเทศไทยไม่ได้เป็นนโยบายที่สั่งมาจากบริษัทแม่

    สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดของบัตรเครดิตนั้นธนาคารได้หันมาเน้นลูกค้าผู้ถือบัตรทองและบัตรแพลตินัมมากขึ้น ส่วนยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)ในปีนี้ถือได้ว่าลดลงจากปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากการที่มีการปรับเกณฑ์การชำระขั้นต่ำจาก 5 % มาเป็น 10%

    "การปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำมาอยู่ที่ 18,000 บาทต่อเดือนนั้น เพราะมองว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้มีโอกาสที่มากระทบไทยดังนั้นจึงต้องป้องกันไว้ก่อนส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ไม่ได้เปลี่ยน ซึ่งเรามีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับปัจจุบันเรามีฐานบัตรเครดิตอยู่กว่า 500,000 ใบ"

    รายงานข่าวจากธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ธนาคารได้ทำการปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้ที่ทำบัตรเครดิตขึ้นมาอยู่ที่ 20,000 บาทต่อเดือน เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตการเงินโลกในขณะนี้ โดยที่ผ่านมาได้มีธนาคารเอชเอสบีซีที่ได้มีการปรับเกณฑ์ดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ และคาดว่าในระยะต่อไปจะมีธนาคารพาณิชย์ของไทยปรับเกณฑ์ดังกล่าวขึ้นตามด้วย

    ขณะที่ นางสาวอัญชลี จรัสยศวุฒิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า

    ขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขใด ๆ ส่วนรายได้ขั้นต่ำของผู้สมัครบัตรเครดิตที่ 15,000 บาท ยังถือเป็นระดับที่ธนาคารสามารถควบคุมหนี้เสียได้โดยปัจจุบันอยู่ที่ 2.1%แต่อย่างไรก็ตามรายได้ลูกค้าผู้ถือบัตรของธนาคารโดยเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 30,000 บาท ส่วนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยอยู่ที่ 13,500 บาทต่อเดือน

    **คาดโหมแคมเปญดันยันยอดใช้จ่าย**

    ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินแนวโน้มธุรกิจบัตรเครดิตช่วยไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ว่า จากภาพรวมปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในทุกกลุ่มผู้ประกอบการไตรมาส 3 ปี 2551 มีปริมาณการใช้จ่ายทั้งสิ้น 197,775.9 ล้านบาท โดยขยายตัวร้อยละ 12.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากที่มีการเติบโตร้อยละ 13.8 ในไตรมาส 2 ปี 2551 โดยเป็นผลมาจากมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของกลุ่มสาขาธนาคารต่างประเทศที่ชะลอตัวลงค่อนข้างมากในไตรมาส 3 นี้ ทั้งนี้มีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของกลุ่มสาขาธนาคารต่างประเทศมีประมาณ 30,539.0 ล้านบาท โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงจากที่มีการเติบโตร้อยละ 12.1 ในไตรมาส 2 ปี 2551 โดยหากเปรียบเทียบมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในไตรมาส 2 ปี 2551 จะพบว่า มูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในไตรมาส 3 ลดลงจากไตรมาส 2 ประมาณ 220.9 ล้านบาท

    ในขณะที่มูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์ไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 3 ปี 2551 มีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตประมาณ 94,472.3 ล้านบาท โดยขยายตัวร้อยละ 13.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 11.2 ในไตรมาส 2 ปี 2551 สถาบันที่ไม่ใช่ธนาคาร หรือ Non-Bank ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 3 ปี 2551 มีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตประมาณ 72,764.5 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 12.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 9.9 ในไตรมาส 2 ปี 2551

    ทั้งนี้ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของกลุ่ม Non-Bank ที่เร่งขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปี 2551 นั้น ได้สอดคล้องกับปริมาณบัตรเครดิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่น่าจะมาจากผู้ประกอบการที่ออกบัตรเครดิตที่ส่วนหนึ่งจะเป็นผู้ประกอบการที่มีบริษัทในเครือที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น ห้างสรรพสินค้า และ ดิสเคานท์สโตร์ เป็นต้น ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และเมื่อผู้บริโภคใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น ส่วนลดในการซื้อสินค้า เป็นต้น ซึ่งเป็นการช่วยผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายในภาวะที่ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น

    สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนั้น แม้ว่าในช่วงเดือนสุดท้ายของทุกปีจะเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตต่างคาดหวังที่จะเห็นการเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในระดับที่สูงกว่าในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนับได้ว่าเป็นฤดูแห่งการใช้จ่าย หรือเทศกาลของขวัญปีใหม่ และยังเป็นอีกช่วงหนึ่งที่คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยว ทำให้ในช่วงนี้ผู้บริโภคจะมีการใช้จ่ายมากเป็นพิเศษ จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ผู้ประกอบการต่างเร่งทำแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้นในช่วงนี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงในช่วงนี้จะทำให้แรงกดดันต่อภาระรายจ่ายของผู้บริโภคเริ่มบรรเทาลง ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยให้ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีการเติบโตที่ดีขึ้น

    แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผู้ประกอบการบัตรเครดิตจะเผชิญปัจจัยที่ท้าทายในการดำเนินกลยุทธ์กระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยผ่านบัตรเครดิต เนื่องจากแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของไทย สถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงปัญหาวิกฤติทางการเงินโลกที่มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว สภาวะแวดล้อมที่กำลังบีบรัดผู้บริโภคในขณะนี้ ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจมีการปรับลดการใช้จ่ายลงในช่วงนี้ โดยใช้จ่ายบนพื้นฐานของความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วงที่เหลือไม่ขยายตัวดังที่คาด

    อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาวะแวดล้อมธุรกิจบัตรเครดิตจะมีปัจจัยลบค่อนข้างมากแต่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตยังคงเดินหน้าทำแคมเปญการตลาด เพื่อเร่งยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อไป โดยในช่วงนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าทำแคมเปญร่วมกับพันธมิตรห้างสรรพสินค้า ดิสท์เคานท์สโตร์และร้านค้าเฉพาะอย่าง เพื่อเร่งยอดขายในช่วงเทศกาล ซึ่งแคมเปญส่วนใหญ่จะเน้นไปยังสิทธิประโยชน์จากการชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิต เช่น ส่วนลดเพิ่มอีกร้อยละ 5 – 10 จากสินค้าที่ทางห้างสรรพสินค้าได้จัดแคมเปญลดราคาแล้ว การแลกรับบัตรกำนัลของขวัญเมื่อชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตตามวงเงินที่กำหนด เป็นต้น ซึ่งอาจจะช่วยจูงใจให้ผู้บริโภคที่อาจจะลังเลจากภาวะเศรษฐกิจตัดสินใจซื้อสินค้า เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในขณะนี้ นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังได้ร่วมกับพันธมิตรผู้ประกอบการโรงแรม และสายการบิน เช่น นำเสนอส่วนลดที่พักเมื่อใช้บัตรเครดิตชำระค่าบริการ เป็นต้น ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของไทยด้วย

    ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประมาณการณ์มูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในไตรมาส 4 ปี 2551 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 223,250.0 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 13.7 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 13.4 ในไตรมาส 4 ปี 2550 ซึ่งน่าจะทำให้ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปี 2551 อยู่ที่ประมาณ 816,500.9 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 13.5 เพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 13.1 ในปี 2550 ทั้งนี้สาเหตุการขยายตัวของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปีนี้ น่าจะมาจากผลของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา ผู้บริโภคต้องเผชิญกับ ราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และราคาสินค้าที่ขยับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันที่ผ่านมา อาทิ สินค้าอุปโภคและบริโภคบางรายการได้ปรับราคาขึ้นมาสูงกว่าร้อยละ 30 ของราคาเดิม เป็นต้น

    สำหรับยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตคาดว่า ยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตในไตรมาส 4 ปี 2551 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 192,980.10 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 4.8 ในปี 2550 สาเหตุของการขยายตัวของยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเปรียบเทียบจากฐานที่ต่ำในปี 2550 และสาเหตุอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้อาจจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการผ่อนชำระสินเชื่อบัตรเครดิต โดยผู้บริโภคอาจจะมีการผ่อนชำระแบบเต็มจำนวนน้อยลง

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD class=hit align=left height=19>คลังข้อมูลข่าวธุรกิจ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19></TD><TD align=left height=19></TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ธุรกิจบัตรเครดิต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ดีเอสไอรวบแก๊งปลอมบัตรเครดิตโรมาเนีย รูดปรี๊ดสูญ 50 ล้าน
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000136573
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 พฤศจิกายน 2551 15:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ดีเอสไอจับแก๊งโรมาเนียร่วมมือคนไทยปลอมบัตรเครดิตเสียหายกว่า 50 ล้านบาท เผยกลคนร้ายจะใช้เครื่องสกิมเมอร์ และกล้องแอบถ่ายประกอบติดกับตู้เอทีเอ็ม เพื่อคัดลอกข้อมูลและรหัสบัตร เตือนประชาชนหลีกเลี่ยงกดเงินผ่านตู้เปลี่ยว-เวลากลางคืน ให้กดตู้ที่มีกล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันเหตุร้าย

    วันนี้ (18 พ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัช เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวการจับกุมองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ทุจริตปลอมบัตรเครดิต และบัตรเอทีเอ็ม มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

    พ.ต.อ.ณรัช กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ และส่วนสืบสวนสะกดรอย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปศท.ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลของจังหวัดมีนบุรี ประกอบด้วย ด.ต.ปราโมทย์ เปียทอง อายุ 41 ปี นาย Ionut Buliarca (โยนัท บูเลียเกอ) ชาวโรมาเนีย อายุ 28 ปี นาย Robert Rotru (โรเบิร์ต โรตรู) ชาวโรมาเนีย อายุ 29 ปี นายจิรายศ ศิริบวรเกียรติ อายุ 43 ปี และนายพนธกร หรือเอก ดีประเสริฐ อายุ 31 ปี พร้อมของกลางเป็นอุปกรณ์สำหรับคัดลอกข้อมูลบัตร กล้องแอบถ่ายขนาดเล็กสีดำ เครื่องคัดลอกข้อมูลบัตรเครดิตสีดำ หรือเครื่องสกิมเมอร์ อาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมเครื่องกระสุนปืน 1 กระบอก และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง

    พ.ต.อ.ณรัช กล่าวอีกว่า กลุ่มคนร้ายดังกล่าวจะใช้เครื่องสกิมเมอร์ และกล้องแอบถ่ายประกอบติดกับเครื่องบริการเงินด่วน หรือตู้เอทีเอ็ม เพื่อขโมยคัดลอกข้อมูลจากบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มของผู้มาใช้บริการตู้บริการเงินด่วน และบันทึกรหัสประจำบัตร 4 หลัก เพื่อนำข้อมูลไปทำบัตรปลอมแล้วนำบัตรปลอมพร้อมรหัสไปกดเงินสดจากตู้บริการเงินด่วน หรือนำไปซื้อสินค้าตามร้านค้าต่างๆ ซึ่งคนร้ายกลุ่มดังกล่าวจะนำเครื่องสกิมเมอร์ไปติดตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาตินิยมไปจับจ่ายใช้สอย และนำบัตรเครดิต หรือบัตรเอทีเอ็มไปกดที่ตู้บริการเงินด่วนโดยเฉพาะย่านสุขุมวิท นอกจากนี้ พบว่า เครื่องสกิมเมอร์มีระบบความจำที่สามารถบันทึกข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มได้นานถึง 3 วัน คาดว่าธนาคารจะเสียหายจากการปลอมบัตรของกลุ่มคนร้ายธนาคารละ 10-15 ล้านบาท

    พ.ต.อ.ณรัช ยังแจ้งเตือนผู้ใช้บริการให้ระมัดระวังในการกดเงิน โดยขอให้สังเกตว่า มีการแอบนำกล้องวิดีโอติดตั้งเพื่อแอบถ่ายการกดรหัส และบริเวณช่องเสียบบัตรมีอุปกรณ์แปลกปลอมที่นูนผิดปกติหรือไม่ นอกจากนี้ ควรใช้บริการตู้บริการเงินด่วนที่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดของธนาคาร ไม่กดตู้เปลี่ยว และไม่กดเงินในช่วงเวลากลางคืน เนื่องจากการขโมยข้อมูลจะสร้างความเสียหายให้กับทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย ที่ใช้บริการตู้เอทีเอ็มโดยทั่วไป สำหรับผู้ต้องหาในเครื่องข่ายดังกล่าวยังมีอีกจำนวนมากต้องเร่งขยายผล โดยขณะนี้ยังมีผู้ต้องหาคนไทยตามหมายจับที่ยังไม่สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้อีก 3 ราย

    พ.ต.อ.ณรัช กล่าวด้วยว่า การกระทำผิดในรูปแบบการปลอมแปลงบัตรเครดิตเกิดขึ้นจำนวนมากทั่วประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.ซึ่งส่วนใหญ่จะมีชาวต่างชาติร่วมเป็นเครือข่ายซึ่งยังมีต่างประเทศที่ประสานขอให้ดีเอสไอติดตามพฤติกรรมการปลอมแปลงบัตรของชาวต่างชาติเช่นเกาหลีใต้ และประเทศในแถบยุโรป
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    วันที่ 171.สวดมนต์ไหว้2..ภาวนาทำสมาธิ3.รักษาศีลสมาทานศีล4.รับงับความโกรธกับความโลภอันเป็นกิเลส5.ช่วยแม่จัดของให้เป็นที่เป็นทาง6.ยินดีในบุญของผู้อื่น8.ทำบุญอธิฐานใส่บาตรกับแม่7.ศึกษาธรรมะต่างๆ9.เพียรที่ปิดกั้นระวังความชั่วต่างๆมิให้เกิด8.อธิษฐานร่วมตักบาตรกับแม่ตอนเช้า9.ขยันทำงานอ่านหนังสือตั้งใจเรียนทดแทนคุณพ่อแม่10.เพียรที่กำจัดบาปและอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว11.เพียรที่จะสร้างความดี12.เพียรรักษาความดี รักษาความดีอย่างตั้งมั่น13.แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย14.เชื่อฟังพ่อแม่15.มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่สัญญากับเพื่อน16.ทดแทนพระคุณพ่อแม่โดยการตั้งใจเรียนอ่านหนังสือ17.ช่วยแม่ขายของช่วงนี้พี่ผมเขาพยายามยั่วยุด่าผมสาระพัดด่าผมว่าจัญไรมั่งสารพัดขนาดผมเดินผ่านที่นอนผมยังทำเป็นปัดรังควายญหรือสเนียดทั้งที่เขาเดินมาเหยียบหัวนอนหมอนผมสารพัดผมไม่เคยพูดผมแค่เดินผ่านไปเปิดไฟแค่นี้ผมพยามยามเท่าทันตัวเองให้มากที่สุดไม่โกรธขันติสุดๆครั้งที่แล้วเหมือนกันทำความสะอาดห้องหนอนห้องผมที่ของพ่อพ่อผมมีเยอะเขาเอาไปซักให้พ่อผมแค่2-3ใบที่เหลือผมซักหมดรู้ไหมครับเขาเอาไปบอกพ่อผมว่าเขาเอาหมอนของพ่อไปซักหมดจนมือเจ็บที่ไหนได้ที่เหลือก้ผมซักพอซักเสร็จแล้วผ้าผมเอาไปตากพอแห้งแล้วเขาเอาของไปใส่ของเขาเอาที่ยังเปียกๆๆของเขามาให้ผมช่วงนี้รู้สึกจะทำเอาใจพ่อแม่ตลอดเวลาทั้งที่แต่ก่อนเหอะๆเขาเล่นแต่เกมส์ไม่สนใจมีอะไรก็ปัดมาให้ผมแต่พอทะเลาะกะผมเอาใจพ่อแม่ผมสารพัดด่าผมสาระพัดผมทนไม่พูดอะไร
     
  9. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    ผมเห็นด้วยนะครับ
     
  10. สำรวจโลก

    สำรวจโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +579
    เก็บข่าวมาฝากครับ
    เศรษฐกิจยุโรปเตรียมเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบ 15 ปี

    Tuesday, November 18, 2008
    <TABLE id=Table1 width="100%"><TBODY><TR><TD>ในที่สุดยุโรปก็กลายเป็นเหยื่อรายแรกของวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินในครั้งนี้ ที่ต้องรับมือกับภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบ 15 ปี เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3/51 ออกมาฟ้องชัดเจน ซึ่งคาดกันว่าน่าจะนำไปสู่การปรับลดดอกเบี้ยและภาษีต่อไป

    ข้อมูลล่าสุดระบุว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ 15 ประเทศในสหภาพยุโรปหดตัวลง 0.2% ในไตรมาส 3/51 หลังจากร่วงลงไปแล้ว 0.2% เมื่อไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งการลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสนี้ เป็นผลจากการที่ต้นทุนสินเชื่อ ค่าเงินยูโร และราคาน้ำมัน พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง จนนำมาสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การใช้เงินสกุลยูโรเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ซึ่งผู้บริโภคและภาคธุรกิจก็ได้แต่เฝ้ามองยอดขาย กำไร และการจ้างงานที่ลดลง จนทำให้ธนาคารกลางยุโรปต้องตัดสินใจลดดอกเบี้ยอย่างเร่งด่วน และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลากหลาย ซึ่งนักวิเคราะห์ก็บอกว่า สภาพตกต่ำในยุโรปนี้อาจทรงตัวนานกว่าในสหรัฐฯและเอเชีย ซึ่งทั้ง Bank of America และ Deutsche Bank ก็คาดว่า เศรษฐกิจโซนยูโร น่าจะหดตัวไม่น้อยในปี 2552 และจะขยายตัวเป็นบวกได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงสิ้นปีหน้า

    ก่อนหน้านี้ ข้อมูลจากเยอรมันนีระบุแล้วว่า เศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปนี้ ลดลงถึง 0.5% ในไตรมาส 3/51 ทำให้กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่เข้าสู่ภาวะถดถอยจริง ๆ ขณะที่ อิตาลี ฝรั่งเศส และสเปนก็น่าจะประสบปัญหาเดียวกันตั้งแต่ไตรมาสที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน และในเดือนกรกฎาคม นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาแสดงความมั่นใจว่าโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2551 นี้มีเพียง 35% เท่านั้น ขณะที่รัฐบาลทั้งหลายก็บอกว่าโลกคงจะรอดพ้นจากสภาวะที่ย่ำแย่นี้ได้ และสหภาพยุโรปเองก็เคยตั้งเป้าจีดีพีปี 2552 ไว้ว่าตะเพิ่มขึ้นถึง 1.5% ก่อนปรับเหลือ 0.1% เร็ว ๆ นี้

    สำหรับสาเหตุของปัญหาเศรษฐกิจยุโรปถดถอยในคราวนี้ก็มีตั้งแต่ ค่าเงินยูโรที่พุ่งขึ้นถึง 1.6 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลางฤดูร้อน อัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบเกือบ 16 ปี และราคาน้ำมันโลกที่ทะยานถึง 147 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในเดือนกรกฎาคม เป็นต้น

    ล่าสุด บริษัท Holcim ซึ่งเป็นผู้ผลิตซีเมนต์รายใหญ่อันดับสองของโลก บอกว่า จำเป็นต้องปิดโรงงานในสเปน เนื่องจากผลประกอบการตกต่ำ ขณะที่ BASF ซึ่งเป็นตัวแทนจำน่ายผลิตภัณฑ์เคมีของเยอรมันนี และ ผู้ผลิตยางรถยนต์ค่ายฝรั่งเศสอย่าง Michelin ก็เริ่มปรับลดกำลังการผลิตและลดพนักงานลงแล้ว

    นอกจากยุโรปแล้ว สหรัฐฯ ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤติการเงินครั้งนี้ ก็น่าจะอยู่ในภาวะถดถอยแล้วเช่นกัน ด้วยตัวเลขจีดีพีที่หดตัว 0.1% ในไตรมาส 3/51 หลังมาตรการพลิกฟื้นของรัฐบาลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.7% ในไตรมาสก่อนหน้า ในเวลาเดียวกับที่ เศรษฐกิจของอังกฤษหดตัว 0.5% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 16 ปีเช่นกัน

    Global Money
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 69 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 66 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ake7440, lkT6dki, nongnooo+ </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->

    สงสัยจะโดนหลอกหัวโกร๋นกันทั้งคณะครับ เครื่องผมก็เป็น
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    8 วิธีช็อปอย่างชาญฉลาด

    http://hilight.kapook.com/view/31044

    [​IMG]


    ในภาวะที่ข้าวของเครื่องใช้มีราคาสูงแข่งกับราคาน้ำมันอย่างนี้อาการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้กับสาวนักช็อปทั้งหลายคงจะไม่พ้นเสียง "กรี๊ด...กรี๊ด...กรี๊ด" แล้ววิ่งเข้าใส่ป้าย "SALE" โดยไม่ได้หยุดพิจารณาว่าสิ่งที่คุณกำลังจะซื้อนั้นถูกจริง ดีจริง และตรงกับความต้องการอย่างแท้จริงหรือไม่

    ต่อไปนี้คือ 8 กลวิธีการบริโภคที่ขอแนะนำให้คุณทดลองนำไปใช้ รับรองว่าได้ผลคุ้มค่า คุ้มเวลา แถมยังได้ของดีราคาประหยัดอีกด้วย​

    [​IMG] 1. จดรายการที่จะซื้อตามความจำเป็น

    ข้อนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่หลายคนละเลย การทำรายการก่อนออกไปซื้อของไม่ได้หมายถึงการจดรายการสินค้าตามความจำเป็นจากมากไปหาน้อยเพียงอย่างเดียว ทว่ายังรวมถึงการทวนซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ของชนิดนั้นเรามีอยู่แล้วกี่ชิ้น มีอย่างอื่นทดแทนได้หรือไม่ รวมทั้งโอกาสในการใช้และภาระต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังการซื้อ​

    [​IMG] 2. เรียกสติก่อนซื้อ

    หลายคนพอเห็นป้ายลดราคาปุ๊บก็รีบปรี่เข้าไปทันที โดยลืมมองเรื่องคุณภาพและราคาที่แท้จริงไป สินค้าบางอย่างแม้จะตั้งป้ายลดราคาสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ความจริงกลับเป็นของเก่าเก็บมานานสองสามปีจนเสื่อมคุณภาพตั้งแต่ยังไม่ทันได้ใช้ หรือบางชิ้นก็ใช้เทคนิคการตั้งราคาให้สูงกว่าปกติ คราวนี้พอลดราคาลงมาก็กลายเป็นราคาในยามปกติ คนซื้อที่ไม่ทันตั้งสติสังเกตดูให้ดี ก็อาจถูกหลอกง่ายๆ ด้วยป้ายแดงแรงฤทธิ์พวกนี้​

    [​IMG] 3. อย่าซื้อแก้เซ็ง

    ข้อห้ามเด็ดขาดสำหรับการซื้อของคือ ห้ามซื้อเพื่อแก้เซ็ง แก้เหงา ลดอาการเบื่อโลก หรือแก้อาการอกหัก เพราะในอารมณ์นั้นจะเป็นช่วงที่คนเราสามารถซื้อได้ทุกสิ่งอย่างไม่มีเหตุผล ซื้อโดยไม่ดูความต้องการว่าเราจำเป็นต้องใช้ของชิ้นนั้นมากน้อยแค่ไหน และท้ายสุดเมื่ออารมณ์เบื่อ อารมณ์เซ็งหายไป ของที่เราซื้อแบบไม่ลืมหูลืมตาก็จะกลายเป็นเพียงของที่เก็บไว้ให้ช้ำใจอยู่ภายในตู้เท่านั้นเอง​

    ช็อปปิ้งอิ่มบุญ

    ใครที่กำลังหาซื้อของมือสอง แนะนำให้ตรงมาที่ ซูเปอร์มาร์เก็ตผู้ยากไร้วัดสวนแก้ว ตำบลบางเลน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมของมือสองคุณภาพดีที่มาจากการบริจาคแล้ว เงินที่เราจ่ายไปยังเป็นการทำบุญกับทางวัดอีกทางหนึ่งด้วย เรียกว่าช็อปปิ้งและอิ่มบุญไปพร้อมๆ กัน​

    [​IMG] 4. ของมือสองไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

    หากลดอคติลง แล้วลองเปิดใจให้สินค้าจำพวกสินค้ามือสองสักนิดก็จะพบว่า บางครั้งสินค้ามือสองก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เช่น หนังสือ เฟอร์นิเจอร์ ถ้าเลือกดีๆ หรือนำมาปัดฝุ่นทาสีใหม่ ก็จะได้ของที่มีคุณภาพและประหยัดเงินในกระเป๋าได้กว่าครึ่ง​

    [​IMG] 5. ซื้อ 1 โละ 1

    ฝึกสร้างนิสัยในการรู้จักคุณค่าของที่มีอยู่ด้วยวิธีง่ายๆ แค่ตั้งมั่นว่า ถ้าเราซื้อเสื้อ 1 ตัว ให้บริจาคเสื้อที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้า 1 ตัว ซื้อ 5 ตัวก็ให้บริจาค 5 ตัว ทำอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วเราจะรู้ถึงคุณค่าของข้าวของต่างๆ มากขึ้น คราวหน้าถ้าจะซื้อของใหม่สักชิ้น เจ้าจิตใต้สำนึกก็จะถามขึ้นมาโดยอัตโนมัติเลยว่า เราใช้ของเก่าที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าแล้วหรือยัง​

    [​IMG] 6. ยิ่งช็อปยิ่งรัก

    เชื่อไหมว่าการช็อปปิ้งก็สามารถสร้างความอบอุ่นให้เกิดขึ้นในครอบครัวได้ แต่ช็อปปิ้งที่ว่าหมายถึงการซื้อสินค้าประเภทกึ่งสำเร็จรูปที่แถมอุปกรณ์พร้อมประดิษฐ์ให้เราได้มานั่งประกอบต่อที่บ้าน เช่น ตุ๊กตา แก้วน้ำโมเสก เสื้อยืดพร้อมสีเพ้นต์ เพียงแค่เราซื้อสินค้าเหล่นี้มาหนึ่งชุด จากนั้นก็หาเวลาว่างในสุดสัปดาห์ แล้วชวนคนในครอบครัวมานั่งล้อมวงช่วยกันประดิษฐ์ เสร็จแล้วเราก็จะได้สินค้าที่เกิดขึ้นจากความอบอุ่นของทุกคนในครอบครัว​

    [​IMG] 7. อย่าลืม! ภาระหลังการซื้อ

    ภาระในที่นี้หมายถึงภาระทางการเงินและการจัดเก็บ สองสิ่งนี้ถือเป็นเรื่องควรคำนึงก่อนซื้อ บางคนมีเงินจ่ายบัตรเครดิตทุกสิ้นเดือนก็ดีไป ทว่าบางคนเงินไม่มี แต่อยากได้ก็อาจกลายเป็นหนี้สินใหญ่โต ส่วนคนที่ใช้บัตรเสริม ก็เท่ากับเป็นการผลักภาระให้กลายเป็นความทุกข์ใจของพ่อแม่​

    ด้านที่จัดเก็บนั้น บางคนซื้อของจนแทบไม่มีที่เก็บ กลายเป็นสร้างบ้านเพื่อเก็บของก็มีถมไป นี่ยังไม่นับภาระด้านการดูแลรักษาอีกต่างหาก

    [​IMG] 8. ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าไม่มีเงินช็อปปิ้ง

    ใครที่เคยรู้สึกว่าเดือนไหนไม่มีเงินช็อปแล้วชีวิตจะขาดสีสัน ให้ลองหันมามองอีกมุมว่า ดีเสียอีกที่ไม่มีเงินช็อป จะได้ไม่เสียเวลาไปกับการใช้ของนั้นเพื่อให้คุ้มค่ากับที่ซื้อมา ยิ่งซื้อมามากชิ้นเท่าไร ก็ยิ่งต้องเสียเวลาไปกับการใช้ของที่ซื้อมามากเท่านั้น​

    เงินนั้นเสียแล้วหาใหม่ได้ แต่เวลานี่สิ เสียไปแล้วไม่อาจเรียกคืน เราทุกคนมีเวลาอยู่ในโลกนี้อย่างจำกัด คุณว่าจริงไหม





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ​
     
  14. สำรวจโลก

    สำรวจโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +579
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>โลกใบนี้...จะรักษาไว้หรือทำลายกันแน่ ?
    ประเทศอุตสาหกรรมปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    "ชีวิตอัยการ" ของเจ้าหญิงนักนิติศาสตร์ "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา"
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->"ชีวิตอัยการ" ของเจ้าหญิงนักนิติศาสตร์
    http://www.matichon.co.th/matichon/v...day=2008-11-18


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>นับจากที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุดปริญญานิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงได้เริ่มทรงงานด้านกฎหมายในคณะผู้แทนไทย ณ สหประชาชาติ กรุงนิวยอร์ก ทรงเป็นอาจารย์สอนกฎหมายในระดับปริญญาโทของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันทรงงานในฐานะอัยการ ที่สำนักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี

    "รับราชการเป็นอัยการมา 2 ปีแล้ว เริ่มแรกอยู่ในตำแหน่งอัยการผู้ช่วย พอครบหนึ่งปีก็ได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นอัยการเต็มตัว รับราชการตามจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย" พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานสัมภาษณ์พิเศษให้กับรายการ "เจาะใจ" ของบริษัทเจเอสแอล ถึงเรื่องชีวิตการทรงงาน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ล่าสุดพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเลือกทรงงานที่จังหวัดอุดรธานี พระองค์ทรงตรัสว่า อยู่ที่จังหวัดอุดรธานีได้ 6-7 เดือนแล้ว ทำงานจันทร์-ศุกร์ หยุดเสาร์-อาทิตย์

    "ลักษณะงานจะเป็นคดีที่มีโทษสูงเกินสามปีขึ้นไป คดีจะหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ พยายามฆ่า ข่มขืน คดีอาญาทั่วไปตามปกติ และก็เป็นคดียาเสพติด คดีตาม พ.ร.บ.ต่างๆ เช่น พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งสไตล์การทำงานขึ้นอยู่ว่าพยานเป็นใคร เป็นคดีลักษณะไหน" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระองค์ยังตรัสถึงการใช้ชีวิตที่ จ.อุดรธานีด้วยว่า ที่พักเป็นเรือนพักรับรองของกองทัพอากาศ พักอยู่ในเขตกองบิน 23 ติดสนามบิน ไม่ไกลจากสำนักงานมาก ขับรถไปห้านาทีก็ถึงแล้ว ชีวิตที่โน่นนอกจากทำงาน ก็ไปวิ่ง ขี่จักรยานไปเที่ยวจังหวัดใกล้เคียง เท่าที่มีอยู่ก็มีความสุขมากทีเดียว

    แม้จะทรงงานหนัก แต่พระองค์ก็ยังทรงรับเป็นทูตสันถวไมตรี ให้กับกองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ UNIFEM รณรงค์การหยุดความรุนแรงต่อผู้หญิง

    "เรื่องความรุนแรงต่อสตรีเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในสังคมไทย คิดว่าปัญหานี้น่าจะเริ่มแก้ไขจากขั้นพื้นฐานของจิตใจ คือเริ่มจากการศึกษา การปลูกฝังภายในบ้านว่าการทำความรุนแรงต่อผู้อื่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือไม่ก็ตามเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะก่อให้เกิดปัญหาทั้งตนเองและผู้อื่นในระยะยาวได้ด้วย"

    หลักการและแนวพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภานั้น คนไทยสามารถยึดเป็นแบบอย่าง และน้อมนำไปปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่สังคม

    ติดตามเรื่องราว "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา" พร้อมพระอิริยาบถง่ายๆ ในรายการ "เจาะใจ" วันที่ 20 พฤศจิกายนนี้
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>เศรษฐกิจถดถอยแล้ว

    http://www.posttoday.com/stockmarket.php?id=18072

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>รายงานโดย :สุกิจ อุดมศิริกุล:

    </TD><TD>วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สวัสดีครับ นักลงทุนทุกท่าน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นสัปดาห์ที่มีเรื่องราวน่าสนใจมากในแวดวงเศรษฐกิจและการลงทุน

    ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ให้ยังคงซบเซา เนื่องจากตลาดหุ้นยังคงขาดปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน
    เริ่มต้นจากการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกของธนาคารโลกที่ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2552 จะเติบโตเพียง 1% ซึ่งต่ำกว่าการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ล่าสุดที่ 2.2%

    ผมประเมินว่า การคาดการณ์ของธนาคารโลกค่อนข้างจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป เพราะผมมั่นใจว่า ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกกำลังหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในรอบนี้ โดยดูได้จากการประชุม G20 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่ประเทศสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) รวมกันถึง 95% ของโลก จะมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในรอบนี้ แต่ผมยอมรับครับว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในรอบนี้จะแก้ไขยากกว่าที่ผ่านมา ด้วยขนาดของเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก รวมถึงความซับซ้อนของสถาบันการเงินที่มากขึ้นกว่าเดิม
    ดังนั้น โดยส่วนตัวผมจึงประเมินว่า ตัวเลขของ IMF ล่าสุดที่ 2.2% เป็นตัวเลขที่มีความเป็นไปได้ ส่วนตัวเลขประมาณการของธนาคารโลกนั้น ผมจะใช้เป็นกรณีศึกษาในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น ผมประเมินว่า ยังคงมีโอกาสเติบโตมากกว่า 3% เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยังคงมีการบริโภคที่เข้มแข็ง
    ประเด็นที่สอง คือ การเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐ ซึ่งทุกท่านคงจำกันได้ว่า รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ขออนุมัติวงเงิน 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนที่ผ่านมาเพื่อใช้ซื้อสินทรัพย์ด้อยค่าออกจากสถาบันการเงิน
    แต่ปรากฏว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา รมว.คลัง ของสหรัฐ ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการ โดยยกเลิกการซื้อสินทรัพย์ด้อยค่า แต่เปลี่ยนเป็นการเข้าไปซื้อหุ้นของสถาบันการเงินแทน โดยมีเงื่อนไขว่า ภาคเอกชนต้องเข้าร่วมระดมทุนด้วย (ฟังดูคล้ายๆ Matching Fund ของเรา) ผมวิเคราะห์ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะ
    ประการแรก ประเมินว่าการจัดตั้งบรรษัทไม่ประสบความสำเร็จ โดยไม่สามารถหาผู้จัดการกองทุนได้ เพราะเงื่อนไขค่อนข้างมาก
    ประการที่สอง ประเมินว่าการคำนวณราคาซื้อสินทรัพย์ เป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน และมีผลกระทบต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย (สถาบันการเงิน) ในขณะเดียวกัน สถาบันการเงินเองก็ยังอาจจะยังไม่พร้อมที่จะเพิ่มทุนในขณะนี้ เนื่องจากหากมีการซื้อสินทรัพย์ไปแล้ว ก็จะต้องมีการรับรู้ผลขาดทุนเพิ่มขึ้น
    ประการที่สาม ประเมินว่าปริมาณเงินไม่เพียงพอที่จะซื้อ เนื่องจากภาคธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุน ได้แก่ บัตรเครดิตและยานยนต์ ส่งผลให้รัฐบาลต้องกันเงินบางส่วนเพื่อรองรับความเสี่ยงของภาคธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานยนต์ ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ บารัก โอบามา แสดงความชัดเจนที่จะช่วยอุ้มธุรกิจยานยนต์ เนื่องจากประเมินว่าเป็นธุรกิจที่มีการจ้างงานสูงถึง 3 ล้านคน
    สำหรับประเด็นในเรื่องการเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อสินทรัพย์ด้อยค่าของรัฐบาลสหรัฐ และปัญหาเงินทุนจำกัดนั้น ผมมองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ เนื่องจากผลกระทบที่จะเกิดขึ้นโดยตรง คือ การแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินจะยังคงไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเนื่องให้มีความเสี่ยงที่ราคาสินทรัพย์มีโอกาสด้อยค่าลงอีก จากระดับปัจจุบันที่มีการด้อยค่าไปแล้วประมาณ 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 50% ของสินทรัพย์ที่มีโอกาสด้อยค่าตามที่ IMF คาดการณ์ สิ่งที่จะตามมา คือ การเพิ่มทุนของสถาบันการเงินอีกรอบ
    ผลกระทบต่อเนื่องที่จะตามมา คือ ภาคธุรกิจที่แท้จริงของสหรัฐจะประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากสถาบันการเงินปฏิเสธที่จะปล่อยสินเชื่อในขณะนี้ เนื่องจากจำเป็นต้องรักษาเงินทุนไว้รองรับผลขาดทุนที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้
    ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้มากที่รัฐบาลสหรัฐจะพบกับศึกสองด้าน คือ การขาดสภาพคล่องของทั้งสถาบันการเงินและภาคธุรกิจที่แท้จริง และหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป สิ่งที่จะตามมา คือ การล้มละลายของภาคธุรกิจ การว่างงาน และการบริโภคจะชะลอตัวอย่างรวดเร็ว
    ประเด็นที่สาม คือ การประชุม G20 ถึงแม้ผลการประชุมจะไม่ได้ก่อให้เกิดมาตรการใหม่ ทั้งนี้ คาดว่าแนวทางใหม่จะเกิดขึ้นหลังจากการประชุมในครั้งถัดไปอีก 100 วัน หลังจากได้ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ แต่สามารถมองเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกหลังจากนี้ โดยผมประเมินว่ามี 2 ด้าน คือ
    ในเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจถดถอยนั้น ที่ประชุมส่งเสริมให้มีการใช้มาตรการทั้งการเงินและการคลัง ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งผมคาดว่า เป็นเรื่องที่ทุกประเทศตัดสินใจทำกันไปแล้ว จึงไม่ได้มีมาตรการใหม่เพิ่มเติม พร้อมกับยืนยันที่จะทำการค้ากันอย่างเสรี เพื่อป้องกันการชะลอตัวของการส่งออกที่รุนแรงในบางประเทศ โดยผมประเมินว่า เป็นเงื่อนไขของประเทศที่พึ่งพาการส่งออก โดยเฉพาะในเอเชีย เพื่อให้การร่วมมือกันในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
    ในเรื่องการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน ผมประเมินว่า เป็นการยืนยันในเรื่องการกำกับดูแลสถาบันการเงินที่เข้มงวดขึ้น (Re-Regulate) รวมถึงมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้วย เนื่องจากที่ผ่านมามีส่วนในการสร้างปัญหา ซึ่งประเด็นหลังนี้ผมมองว่าน่าสนใจมากต่อตลาดตราสารหนี้ในอนาคต ที่อาจจะมีความผันผวนอีกรอบในเรื่องปัญหาความน่าเชื่อถือ
    ประเด็นสุดท้าย คือ ตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2551 ของประเทศในยุโรปและญี่ปุ่น ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส ส่งผลให้สามารถสรุปแล้วว่า ประเทศอย่างเช่น สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว ดังนั้น ผมจึงประเมินว่า จากนี้ไปปัจจัยที่น่าสนใจมากขึ้น และมีการพูดถึงคงไม่ใช่เพียงเรื่องเศรษฐกิจถดถอย แต่จะเริ่มมีคนพูดถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งในเบื้องต้นผมคาดว่า จะเกิดขึ้นในครึ่งหลังของปี 2552 ซึ่งก็คงต้องติดตามต่อไปอีกครับว่า จะเป็นจริงหรือไม่ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า...โชคดีครับ



    เรื่องอื่นๆในหมวด


     
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    <!-- currently active users --><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 25 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 21 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nongnooo, ake7440+, ชวภณ ศ., ธัญญ์นิธิ </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ของผมปกติแล้วครับ หุ หุ
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า...ว่างซะทีครับ ผมจามาส่งข่าว สักเรื่อง2เรื่องครับ เมื่อคืน city group บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีทั้งธนาคาร สถาบันการลงทุนและอื่นๆ ประกาศจะลดตำแหน่งงานลง ประมาณ 50000อัตราทั่วโลกครับ เรื่องที่2 บิกทรี ของอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐ คาดว่าจะมีสภาพคล่องอีกไม่เกิน 1-2เดือนข้างหน้า ก็แจ้งข่าวให้พี่น้องระมัดระวังเหมือนเดิมครับ เหล่าอีแร้งกำลังจะปฎิบัติหน้าที่อีกแล้วครับ หุ หุ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขอสรุปนะครับ
    สำหรับท่านที่จะร่วมบริจาคในนาม คณะพระวังหน้า ดังนี้
    1.คุณ dragonlord<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1667294", true); </SCRIPT>
    2.คุณ พรสว่าง_2008
    3.คุณ คีตา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1668194", true); </SCRIPT> จำนวน 1,000 บาท
    4.คุณ nongnooo
    5.คุณ ake7440<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1669030", true); </SCRIPT>
    6.คุณ สำรวจโลก
    7.คุณ sithiphong จำนวน 500 บาท

    ผมขอทราบจำนวนเงินหน่อยนะครับ จะได้ไปแจ้งทางเว็บครับ ส่วนเงินก็โอนตามสดวกนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หากมีเพิ่มเติม ก็แจ้งเพิ่มได้ครับ

    โมทนาสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...