เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    เอามาจากไหนนิ ในเมื่อประเด็นอยู่ที่กรรมฐาน ไม่ได้กล่าวถึงวิปัสสนาเลย
    แต่หากเข้าสมาบัติได้ ทำไมจะกำหนดหรือพิจารณาธรรมไม่ได้ละ หากฝึกชำนาญแล้ว
    ก็ย่อมต่อยอดไปยังวิปัสสนาได้เลยเหมือนกันไม่ใช่หรือ (ในเมื่อกรรมฐานเป็นบาทให้วิปัสสนา) ฟังแล้วก็ยังงงๆ
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    นั่นแหละดีแล้วประเสริฐแล้ว ที่ระลึกอย่างนั้น เพราะว่านั่นแหละคือ การแสดงให้เห็นว่า องค์สมาธิยังไม่ดี มีนิวรณ์ และ สติไม่อยู่กับองค์บริกรรม
    คราวต่อไป ก็พยายามรวบรวมกำลังใจ กำลังจิต แล้วจ่อลงไปกับคำบริกรรมสวดมนต์ ถ้าจะให้ดี อย่าให้ใจรับรู้อะไรเลยนอกจากคำบริกรรม อย่าให้ใจแวบไปไหนเลย

    ซึ่งต้องทำให้จิตเกิดกำลัง นั่นแหละครับดีแล้ว เป็นเรื่องของสมาธิและสติ ซึ่งเริ่มจะเห็น สังขารตัวปรุงแต่ง ว่า จิตใจนี้ปรุงไป ออกไปเป็นเรื่องราว
    แต่ต้องเอาให้แจ่มกว่านี้ ไวกว่านี้ และ อบรมให้มันเริ่มนิ่งเรื่อยๆ คือ สิ่งที่เกิดที่ดับ ลดลงไป


    ส่วนเรื่องรูปนาม นั้น ต้องให้เห็น สัญญา หรือ เวทนา ให้ได้เช่น คุณหลิน ลองนึกเรื่องราวอะไรก็ได้ในอดีต ระลึกขึ้นมา ความจำนั้นก็บันดาลมาให้เรา เมื่อปล่อยไป ความจำนั้นก็หายไป ไปพิจารณาเรื่องอื่นได้ ทั้งหมดให้จ่อไปกับ นามธรรม ที่เรารับรู้ เช่น ความเข้าใจ ความรับรู้ต่างๆ อารมณ์ต่างๆ ให้ดูสิ่งเหล่านี้ เรียกว่า ดูนาม ให้เห็นตอนที่มันเกิด คือ เราเริ่มรู้สึก และ ตอนมันดับ คือตอนที่เราไม่รู้สึกมันแล้ว ( ไปรู้สึกเรื่องอื่น หรือไปนึกเรื่องอื่น )

     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    แบบนี้ถือว่า เป็น สมาธิ ไม่ใช่เป็นวิปัสสนา
     
  4. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    ก็ข้าพเจ้าบอกท่านขันธ์แล้วไง ประเด็นที่พูดคือ สมาธิ เพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาตัดกาย ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการละสักกายทิฐิ เพียงเพื่อละลายอัตตา
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ท่านนิวรณ์ พูดถูกแล้ว ผมขออภัยแล้วกัน ที่มองผิด

    สำหรับ คุณเอ็ดดี้ การทำสมาธิเพื่อการตัดกาย ยังไงก็ไม่ได้ หากไม่ตั้งทัสนะที่รูปนาม คือ ตั้งด้วย สัมมาทิฎฐิ คือ พยายามมองสรรพสิ่งลงสู้่ไตรลักษณ์ก่อน แล้ว ในขณะนั้นค่อยๆละ สังขารออกไป จะเกิดเป็นสัมมาสมาธิ เอง ไม่ใช่ นั่งสมาธิก่อนนะ

    ต้องขึ้นด้วยสติและวิปัสสนาก่อน

    ท่าน นิวรณ์มากล่าวต่อได้ ผมขออภัย ที่มองท่านผิดข้างต้น ไม่ต้องนั่งรู้ดูเฉยหรอก
     
  6. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    สักกายฐิทิที่ถูกต้องครับ

    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=14&A=2039&w=สักกายทิฐิ

    ที่สำคัญการทำสมาธิแต่เพียงอย่างเดียว แล้วข่มเวทนา เอาความสงบได้ มันไม่ใช่การละสักกายทิฏฐิ
    การละสักกายทิฏฐิ ต้องเจริญทั้งสมถะและวิปัสสนาควบคู่ไปด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2008
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอดดี้ ยกพระสูตรมาก็ดีแล้ว ไหนลองอ่านให้ดีแล้วลองเทียบกับสิ่งที่ผมพูดซิ ว่าตรงกันไหม
    เพียงแต่ เนื้อความของผมอาจจะไม่ชัดเจนเท่าพระพุทธองค์ เพราะถือว่าต้องอธิบายในปัจจุบันภาษา
     
  8. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    สำหรับผม ไม่แตกต่างกันมากนัก สำหรับมุมมองของคนอื่น แล้วแต่การตีความ
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ท่านนิวรณ์ ใครเขาเข้าใจอย่างไร เขามีสติอย่างไรก็ดีอยุ่แล้ว
    อย่าไปให้เขาต้องเอา สติ อย่างใดอย่างหนึ่งเลย

    ท่านกำลังจะบอกว่า สตินั้นเกิดขึ้นเองหรือ

    พละ ห้า ให้เจริญให้มาก สติให้เจริญให้มาก สมาธิให้เจริญให้มาก แล้วจึงจะมีกำลังให้มันเกิดเอง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มันจะเกิดเอง
    ก็เหมือนคนที่ ฝึกตีกอลฟ มันต้องทำบ่อยๆ ทำให้มาก เป็นวสี เมื่อเป็นวสีเมื่อไร

    จิตที่มีกำลังสตินั้นจึงจะเป็นไปได้เอง

    คุณ หลิน อ่านของท่านนิวรณ์ได้ แต่ให้เชื่อผม เพราะคุณนิวรณ์นี้ ท่าน มีปัญญามาก สมาธิดีอยู่แล้ว แต่ท่านไม่มองถึงคนอื่น ท่านเลยพูดตามความเห็นของท่าน
     
  10. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,211
    ค่าพลัง:
    +23,196
    สาธุ ครับ
    "คนสามบ้าน กินน้ำบ่อเดียว เดินทางเดียว ไม่เหยียบรอยกัน"

    จะรออ่านครับ
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    นอกจากนี้ กุศลทั้งหลาย ทั้งอภัยทาน ธรรมทาน ให้พวกท่านทำให้มาก นั้นแหละ จะส่งกำลังให้จิต เอง ท่านจะเป็นคนที่ประณีตมากขึ้น ท่านจะเห็นอะไรละเอียดลึกซึ้งก็ด้วย กุศล
    เน้นที่อภัยทาน มีอานิสงค์มาก

    พวกท่านทั้งหลายที่ ทำบุญทำทาน ทางวัตถุแล้ว ให้ทำทางใจกันให้มาก
    ใครยังปัญญาน้อยก็ ให้ศึกษาธรรมแล้วเอาไปเืผื่อแผ่ผู้อื่น ทั้งหลายทั้งปวงไม่ไปไหน สะสมอยู่กับจิตดวงนี้หมด

    มหากุศล คือ สิ่งใดๆ ที่จะมีอิทธิพลต่อวิถีจิตได้มาก คือส่งผลให้จิตไปถูกทาง นั้นแหละให้เจริญให้มาก

    อะไร ที่คิดแล้วฟุ้งซ่าน อะไรที่ทำแล้วห่างไกล ก็ให้ละให้บ่อย

    แล้วจะเข้าสู่ทาง เมื่อเข้าสู่ทางที่ถูกแล้วก็ ใช้กำลังจิตกำลังใจ ที่มุ่งมั่น มีพละ มีกำลัง ตัดความกังวล ความฟุ้งซ่าน และใช้สัจจะบารมี คิดทำอะไรให้มุ่งมั่น แล้ว ปฏิบัตธรรมเป็นวัตร
    แล้ว มันจะวิปัสสนาไปในตัว จนเข้าถึงมรรคผลได้
     
  12. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,211
    ค่าพลัง:
    +23,196
    จริงดั่งว่า ถ้าขาดสัจจะตัวเดียว การปฏิบัติก็ไม่เป็นวัตร
     
  13. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,211
    ค่าพลัง:
    +23,196
    มีพระท่านหนึ่งสอนการปฏิบัติให้ปฏิบัติเข้ามาหาจิต แต่คงไม่ได้หมายความว่าไปค้นหาจิต
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ท่านนิวรณ์ ต้องเข้าใจ ธรรมที่เป็นธรรมสนับสนุนให้มากกว่านี้

    ธรรม ที่เป็นธรรมเอก เหมาะเฉพาะบุคคล ก็ควรกล่าวเฉพาะบุคคล
    ธรรมใดที่เป็นธรรมสนับสนุน ก็ควรกล่าวธรรมนั้น ที่มีถึงคนหมู่มาก ซึ่งจะเป็นธรรมที่ทำให้เขาเหล่านั้นได้ก้าวได้เอง

    ไม่ใช่ บอกให้ทำตามที่ตนเองเข้าใจ แต่ต้องบอกให้เขาทำได้เบื้องต้นและทั่วไปและสานต่อได้เอง

    โดยตั้งเป้าหมายให้เขา เข้าใจว่าเขาจะมีทิศทางเดินทีู่ถูกต้อง

    ไม่ใช่ไปบีบแคบ ในวิถีทางของคนให้เหลือแต่วิธีการแบบที่ท่านว่า
     
  15. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    สาธุ ฉันอาจจะยังไม่รู้อะไรเลยก็ได้ แต่ฉันมองเห็นกายนี้เป็นเพียงธาตุมารวมตัวกันขึ้น มันไม่ได้ตั้งอยู่นานเลย อาการของธาตุมีการแปลเปลี่ยนไปไม่สามารถควบคุมได้ เพราะมันเป็นของมันนั่นเอง ถึงเวลาแก่มันก็แก่ไปตามกาลเวลาอยู่อย่างนั้น มันอาศัยกันและกันจะตั้งอยู่ได้

    ฉันจึงอาศัยกายนี้เพียงเพื่อสร้างกรรมต่างๆเพื่ออนุเคราะห์ผู้คนให้ได้รับรู้รับทราบเรื่องของสัจจะธรรม ใครเชื่อและยอมปฏิบัติตามเขาก็ได้รับผล ใครไม่เชื่อไม่ปฏิบัติตามเขาก็ได้รับผล แต่ผลที่เขาได้รับนั้นต่างกันที่เหตุแห่งการกระทำของเขาเอง ส่วนฉันก็มิได้เดือดร้อนวุ่นวายไปตามที่เขาเชื่อหรือไม่เชื่อฉัน เมื่อถึงกาลที่กายฉันต้องแตกไปฉันก็ไม่อาจจะรักษากายนี้ไว้ได้เลย

    สาธุ
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอแสดงความเห็น ถึงคุณเอ๊ดดี้ ด้วยนะคะ
    ฝากให้พิจารณา เรารู้สึกว่าการที่เราบังคับจิตให้นิ่ง ให้สงบได้
    จะทำให้เราคิดว่า เรามีอำนาจเหนือจิต เหนือกาย ได้ ข้ามเวทนาได้
    คนที่ทำได้ อาศัยพลังของ ฌาณสมาธิ ซึ่งมีโอกาส กลายเป็นดาบ สองคมได้
    คือ จิต จะติดนิสัยชอบนิ่งๆ สงบ ชอบความสุขที่ได้จากฌาณสมาบัติ
    พอถึงขั้นนั้น จะหวังให้จิตแสดงไตรลักษณ์ให้ดู จะยากกว่าคนที่มีจิตธรรมดา

    อัตตา ก็มากกว่าคนธรรมดา ก็เป็นความเห็นอีกแง่หนึ่ง เท่านั้น
    หวังว่า จะไม่กวนอารมณ์ คุณเอ๊ดดี้ นะคะ
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    หลวงพี่ครับ ถ้าสิ่งที่หลวงพี่เห็นว่า กายนั้นเป็นที่ประชุมของธาตุ มันก็มีอยุ่สองประเด็นคือ
    หลวงพี่ ฟังมารู้มา แล้วเห็นอย่างนั้นจริง
    กับ หลวงพี่ อบรมใจตนแล้วเห็นไปตามนั้นอย่างไม่ต้องไประลึกตามที่รู้มาฟังมา

    ประการแรกเป็น จินตามยปัญญา
    ประการที่สองนี้เป็น ภาวนามยปัญญา

    ซึ่งหลวงพี่จะต้องรู้สึก ว่ากายนั้นไม่ใช่เรา มีแต่จิตนี้เท่านั้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดดับ

    ลืมเรื่องกายนี้ไปเลย จะรู้สึกนึกคิดใดๆ ให้เห็นว่าเป็น จิตเป็นใจเท่านั้นที่แสดงกิริยา ไม่ใช่กายเนื้อเลย
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 10 คน ( เป็นสมาชิก 9 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิษณุ12, เด็กโชว์พาว, eddy1965, ^ ^, ขันธ์, บุคคลทั่วไป 1 คน </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านผู้ชม..แต่แอบรู้
     
  19. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    สาธุ กายหรือ มันก็เป็นเช่นนั้น ทุกข์หรือ มันก็ทุกข์ที่มันเป็นอย่างนั้น ใจหรือ มันมิแบกหามมันก็มิหนักเลย



    สาธุ ขออนุโมทนากับคำแนะนำของท่าน
     
  20. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    สาธุคับ <label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label><label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label><label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>
     

แชร์หน้านี้

Loading...