เราไม่มีในกาย กายไม่มีในเรา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 26 ธันวาคม 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เพ้อเจ้อ คุณถามคำถามอะไร ไร้สาระ จะให้ผมตอบอะไร ตั้งเป็นประเด็นชัดสิ ไม่ใช่ พูดไปเรื่อยเปื่อยเจื้อแจ้วจนไม่รุ้ว่าประเด็นคืออะไร
    เอาให้มันชัดๆ
     
  2. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    สาธุค่ะ หากมีสัมมาทิฎฐิ ก็จะเป็นการดี เปิดใจยอมรับฟัง ด้วยความเข้าใจกัน ดีกว่าค่ะ
     
  3. Sujinno

    Sujinno Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +90
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">
    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>Sujinno, ระฆัง, to2504, ขันธ์, ตั้มศรีวิชัย </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เจริญพร
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กราบนมัสการพระคุณเจ้า เจ้าค่ะ

    จิตอวิชชา อยากแสดงตัวตน เจ้าค่ะ
     
  5. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ตกลงแล้ววันนี้มีใครได้อะไรบ้าง

    ผมเห็นแต่เพียงว่า
    หัวใจของแต่ละคนเหมือนลูกฟุตบอล
    ถูกธรรมารมณ์กระทบทีก็กลิ้งไปทีนึง
    เหมือนถูกเตะยังไงยังงั้น
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ เกสท์ คุณ ควรมองไปที่ธรรม ไม่ใช่ไปมองว่าใครเป็นอย่างไร
    เพราะพวกมานะมาก อวดดีก็มักจะคอยดูว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร
    ดูไปที่ธรรม ว่าใครมีธรรมใครไม่มีธรรม แล้วก็เลือกเอา
     
  7. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    อ.ขันธ์

    ผมไม่ได้มองที่ธรรมอย่างเดียว

    ผมมองที่หัวใจคนด้วย
    เห็นใครทุกข์ผมก็เมตตาสงสาร
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ดีแล้วที่มองที่หัวใจคน แต่ การที่คุณออกมาบอกว่า

    แบบนี้เรียกว่า สงสารหรือเปล่า ที่กล่าวว่า ถูกธรรมารมณ์เตะกลิ้งไปกลิ้งมา นี่เข้าข่ายเยาะเย้ยถากถางหรือไม่

    แต่เอาเถิด ใครจะเป็นอย่างไร ผมไม่สนใจ แต่ผมจะพูดธรรมให้ฟังว่า

    การมองไปที่หัวใจคน นั้นดีแล้ว แต่คุณจะมองไม่ตรงหรอก หากคุณยังไม่ได้มองที่หัวใจตัวเอง ให้ตรงเสียก่อน
     
  9. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    อ.ขันธ์ ก็มองให้เป็นธรรม สิ

    ก็นี่ อ.ขันธ์ มองให้เป็นกิเลส
    อ.ขันธ์ร้อนสิครับ

    ถ้า อ.ขันธ์ อนูโมทนา กับผม อ.ขันธ์ ก็เย็นใจ สุขใจไปด้วย

    แต่นี่ อ.ขันธ์กลับมองในทางตรงกันข้าม ก็ร้อนสิครับ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณนี่ท่าจะเพี้ยนนะ อ่านข้อความแล้วรู้ด้วยหรือว่า ร้อนหรือเย็น
    ผมบอกให้คุณ ไปดูหัวใจตัวเองไงว่า เป็นอย่างไรก่อนจะมาดูคนอื่น

    อีกประการหนึ่งนะ สิ่งที่คุณพูดมันขัดแย้งกันเอง จะมาให้ผมอนุโมทนาสาธุ
    ท่าจะเพี้ยนหรือเปล่า คุณเกสท์

    ถ้ามาถึงแล้วคุณ มาพูดธรรมสิว่าไปอย่าง

    คุณเกสท์ คุณทำใจให้สบายแล้วคุณลองอ่านข้อความของผมให้ดี แล้วคุณจะเห็นว่ามันร้อนหรือเย็น กลับไปทำใจให้สบายก่อน เอาแบบเพิ่งอาบน้ำมาสบายๆ แล้วค่อยมาอ่านนั่นแหละจึงจะเห็น
     
  11. 道教พินอิน

    道教พินอิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +510
    <!-- / next / previous links --> <!-- currently active users --> <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr> <td class="thead"> ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%">เราไม่ต่างกัน*, หลินจิ่นเฉิง, jinny95, ขันธ์</td></tr></tbody></table>
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    มีประเด็นอะไร ก็เอามาพูดเลย อย่ามัวแต่นั่งรู้ดูเฉย

    วิปัสสนาญาณ ปฏิภาน ได้ทำงาน แบบนี้มันเหมือน มวยล้มต้มคนดู

    เป็นแบบกรรมการสั่งชก แล้วจดๆ จ้องๆ
     
  13. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    กิเลสก็อย่างนี้
    พอถูกจับได้
    แล้วกิเลสว่าอะไรรู้มั้ย
    เค้าหาว่า...

    ไปดูพฤติกรรมในกระทู้นี้ได้เลย
    confirms
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สาธุ คุณ หลิน

    หลวงตามหาบัว บอกให้ ทำบุญถวายผ้่าป่ากับท่าน ท่านว่า สรรพสัตว์ นรก เปรต มีจริงถ้าไม่ได้จากเราเขาก็จะไม่ได้จากใคร ท่านว่า ให้ทำบุญให้มาก เปรียบดังสร้างของใช้ไว้เต็มบ้านจะหยิบจะจับตรงไหนก็ใช้สอยได้ทันที ผมปฏิบัติธรรมมา หลวงตามหาบัว ไม่มีขาดตกบกพร่องเรื่องธรรม ทั้งหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่หล้า เกรงใจท่านหมด เพราะการที่ ธรรมของท่าน เป็นธรรมที่ตรงเป๋ง ไม่มีออกนอกลู่นอกทาง

    ส่วนท่านอาจารย์ปราโมช ผมไม่เคยฟังของท่านเลย เคยได้ยิน ผ่านๆ ก็ว่า ธรรมของท่านก็ดี ตรงดี แต่อย่าให้วิจารณ์พระเลย ไม่เกิดประโยชน์ เอาวิจารณ์ศิษย์ดีกว่า

    แต่ผมกล้าท้าว่า ตั้งแต่ผมมาเล่น มาตอบปัญหาธรรมที่นี่ มีครั้งไหนที่ผมแสดงความเป็น 2 มาตรฐาน ที่กล่าวนี้ อยากให้ คุณหลินมั่นใจไม่ไขว้เขว เพราะตัวผมผ่านธรรมมาระดับหนึ่งรู้เห็นระดับหนึ่ง ดับกิเลสได้จริง มีปัญญาเกิดขึ้นจริง หาใช่อย่างที่คนพูดกันว่า มีแต่สุนทรพจน์ หรือ จำมาพูด

    เพราะ เจ้าวิมุตติ คนหนึ่งที่ไขว้เขวไป แล้ว กับ การนิ่งรุ้ดูเฉยนี่ จนนี่ผมพยายามพากลับเข้ามา อยู่ในร่องในรอย

    ให้คุณ หลิน เดินหน้า พิจารณาธรรม ปฏิบัติธรรมเต็มที่ ฝืนกิเลส อย่าให้กิเลสเอาไปกินด้วยการนิ่งรู้ดูเฉย เพราะนั่นเป็นเพียงองค์ธรรมเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น แต่ คนทำเกิดวิปัสสนูกิเลส มีนิกันติ และ สุข โอภาส จึงพอใจว่า นี้คือ มรรคผล

    แต่ใครเมื่อผ่านจุดนี้แล้ว จะเห็นว่า นี่ไม่ใช่มรรค แต่เป็นวิปัสสนูกิเลส ที่หยุด ไม่ก้าวหน้าในการพิจารณา ก็เห็นๆ กันว่าหยุด ครูบาอาจารย์ก็บอกไว้แล้วว่า ระวังมันจะหยุด อย่าหยุด
    หลวงปู่มั่น ก็บอกให้ พิจารณา
    วิถีชีวิตของเรา เราก็ต้องใช้ปัญญา หาหลักหาเกณฑ์ให้กับตนเอง และนี่คือ การจะไประดับตัดภพตัดชาติ จะมานั่งเฉย นั้น เป็นไปไม่ได้
     
  15. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    คุณ หลินจิ่นเฉิง ครับ

    ผมขอร่วมแสดงความคิดเห็น
    จากความรู้ที่มีเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ

    ผมคิดว่า การดูจิต เฉย ๆ นี่
    มันยากนะครับ
    เพราะปกติแล้วจิตเรามันไม่อยู่เฉยหรอกครับ
    เพราะมีกิเลสคอยฉุดคอยลากอยู่

    ใครจะไปจ่อสติ ดูจิตได้ตลอดเวลา
    ถ้าจะดูจิตอย่างเดียว ก็ต้องเข้าพักในสมาธิบ้าง
    เหมือนคนทำงานก็ต้องได้รับการนอนหลับพักผ่อนบ้าง
    ผู้ปฏิบัติต้องมีเหนื่อยล้า เมื่อเหนื่อยล้าก็ต้องเข้าพักในสมาธิ

    แล้วการดูจิต
    เมื่อเข้าวงปฏิบัติแล้ว
    ไม่ได้ดูจิตอย่างเดียวหรอกครับ
    มันจะพัวพัน ไปถึง กาย เวทนา จิต
    ยังไงต้องได้ดูหมดล่ะครับ ทั้ง กาย เวทนา จิต ธรรม

    แล้วที่พระท่านแนะว่า
    หมั่นทำสมาธิไปด้วยเพื่อเป็นฐานที่สำคัญรวมทั้งการละชั่วละบาป
    นี่แม่นยำแล้วครับ
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    มันไม่ไหลลง หรอกครับคุณหลิน เพราะอย่างที่บอกไปว่า ใครเมื่อติดวิปัสสนูกิเลสแล้วจะแนะนำคนอื่น ไม่ตรง คอยแต่จะให้คนอื่นทำตามอย่างที่ตนทำมา

    ผมก็ยืนยันนั่งยันว่า ผมเคยผ่านจุดนี้แล้ว สมัยก่อนนี้ ผม มีอาการ เซ็นจ๋า มาก คือ เห็นอะไรเป็นปรมัตไปหมด บาปบุญ นี้ ไม่เอา เพราะเอามาเปื้อนจิต
    แตกฉานใน เซ็น มากตอนนั้น นิ่งรู้ดูเฉยนี้แหละ วิปัสสนาญาณแจ่มแจ้ง แต่ ไม่เข้าสู่ทางที่ถูกต้อง

    เมื่อ เกิดทุกข์ผ่านเข้ามา จึงได้สติว่า นี้ถ้าเราเข้าทางจริง ทุกข์มันต้องเบาสิ เราก็ยังแย้งเองอีกว่า ยิ่งเจอทุกข์นั้นแหละถูกทาง ก็จริง ยิ่งเจอทุกข์ยิ่งถูกทาง แต่ มันไม่เข้าทาง เพราะถ้าเข้าทาง จะเจอทุกข์ แต่จะเห็นเป็นอนัตตาไปหมด ก็จะปรากฎ ความไม่ทุกข์
    ความเสถียรและมั่นคง นี่ผมก็ยืนยันอยู่ แต่คนมันมักจะนึกว่า คนรู้ธรรมจะต้องเงียบ ใีครออกมาพูด คนนั้นขี้โม้

    ก็ทุกวันนี้ ผมมีทุกข์อะไรที่ไหน มีแว็บๆ แล้วก็ดับ มันไม่ค้าง
    แล้วเดี๋ยวจะมาอธิบายให้ฟัง ว่าควรพิจารณาอย่างไรให้ถูกต้องยิ่งๆขึ้นไป
     
  17. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    เห็นด้วยครับ

    เพราะองค์ของสติปัฏฐานประกอบด้วย

    สติ
    สัมปชัญญะ
    อาตาปี(ความเพียรเพ่งพิจารณา)

    ดูอย่างเดียวไม่ได้อะไรหรอกครับ
    กิเลสมันหลอกเอาไปกินหมด

    ต้องพิจารณาธรรมแก้กันครับ
    ธรรมแก้กิเลส
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เรื่องของหลวงพ่อปราโมช ผมก็ไม่รู้จักท่าน แต่ถ้าท่านจะสอนแต่ดูจิต ก็ไม่ผิด เพราะการดูจิตนั้นถูกต้อง เป็นการปฏิบัติส่วนหนึ่ง และก็ต้องทำ ไม่ใช่ห้ามทำ และ ในขณะนั้นก็อย่าไปพิจารณา อะไร จะดูจิตก็ดูเฉยๆ ไป แต่ว่ามันไม่ใช่เอามาทำตลอด เวลาใช้ชีวิตมันต้องพร้อมด้วยกุศล ต้องพิจารณาด้วย

    นี่ทุกวันนี้ผมยังดูจิต เป็นประจำ พอดูแล้วทำอย่างไร แต่ก่อนอาจจะต้องรอให้มันดับ แต่เดี๋ยวนี้ไม่เลย ก่อนหน้านี้ จิตมีโทสะก็รู้ รู้แล้วบางทีเรายังไม่เห็นปฏิฆะ หรือ เวทนาที่แฝงอยู่ เรายังไม่ละเอียดเราก็ไม่เห็น เราก็นึกว่านี้แหละ เราดับมัน จริงๆ มันก็จะเหมือนถ่านแดงๆ ที่ภายนอกดับแต่ภายในระอุ นั้นเราไม่เห็นไปทั่วถึง จึงต้องดูเวทนาในเวทนา ดูจิตในจิตละเอียดลงไป ด้วยการสังเกตุให้ถี่ถ้วน และ ใช้ปัญญาขณะนั้นใคร่ครวญว่า ทำไมเรายังมีอารมณ์แบบนี้ ทำไมเรามีจิตเป็นแบบนั้น ไล่ไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะจน

    นี่หลวงตามหาบัวท่านก็ใช้วิธีนี้ หลวงปู่มั่นท่านก็ทำแบบนี้

    ทีนี้ พอแรกๆ ก็เหนื่อยหน่อย หลังๆ เห็นมันค้างชัดเจนในใจ แล้วก็ให้มันดับไปด้วยการหยุดเอาใจไปใส่ที่มัน นี่กว่าจะมาทำถึงตรงนี้ พูดแล้วดูเหมือนง่ายๆ แต่ละเอียดมาก เป็นเรื่องไปถึง สังขารุเบกขาญาณเลย คือ วางเฉยในสังขารธรรมที่มีอยู่ในจิต
     
  19. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ท่านสอนให้ทำสมาธิด้วยครับ
    จะได้เสริมปัญญา

    เพราะธรรมขั้นสูงขึ้นไปต้องการสมาธิและปัญญาในขั้นที่สูงขึ้นไปด้วยครับ
     
  20. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    เฮ้อ.... ไปกันไวจังคับ กว่าจะไล่กวาดตาอ่านจนทัน อิอิ
    ...ขอออกความเห็นด้วยนะคับ ...
    ผมเป็นคนพิมช้า...บางบทความที่ยาวๆ ใช้เวลาพิมเป็นชั่วโมง อิอิ
    อันนี้ แค่เข้ามาทักทายก่อนนะคับ..
    คือผมเป็นคนนึ่ง ที่ปฏิบัติแบบ ผสมผสาน....คือใช้อานาปานสติ+กะการดูจิต
    ดูจิตเป็นมาตั้งแต่ก่อนพบหลวงพ่อปราโมทย์อีก ได้รับคำสั่งสอนจากหลวงพ่อเทียน(จากหนังสือท่าน)ได้เห็นจิตเกิด-ดับตามท่านบอก...ต่อมาได้พบหลวงพ่อปราโมทย์ จึงรู้ว่า อ้อ...แบบนี้เหรอที่เข้าเรียกว่าดูจิต...จนปัจจุบัน เข้าใจแล้วว่า...ทำไม? การดูจิตแบบเฉยๆนี่มันละทุกข์ได้อย่างไร..เด๋วจะขอ สาธยายต่อ ภาค2 นะคับ...อิอิ เข้ามาทักทายกันก่อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...