เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ ต้องไปคู่กัน จะเกินกว่ากันมิได้ ท่านเห็นเป็นเช่นไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โป๊ยเซียน, 27 มกราคม 2009.

  1. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    แค่ให้รู้จักคำว่าพอ " ใบไม้ในกำมือ " เท่านั้นเอง
    ทำตนเองให้พ้นทุกข์ก็พอ หากทำตนเองให้เหมือนพระพุทธเจ้า ก็คงต้องรู้เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้นั่นแหล่ะ
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ k.kwan [​IMG]
    วิปัสนูกิเลส หรือ วิมุตติ

    ใช้คำให้ตรงกับที่ชาวบ้าน เขาใช้หน่อยดิ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    นี่ก็ ถามตอบ คนละเรื่อง
    แต่เราสรุปว่า คุณเข้าใจว่าอาการของวิปัสนูกิเลส คือวิมุตติ
    โดยไม่สนใจความถูกต้อง ขององค์ความรู้ในพระพุทธศาสนา
     
  3. ่jinny95

    ่jinny95 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +1
    นิพพานมีเขตแดนด้วยเหรอ งันก็เป็นภพภูมิอยู่หรือเปล่า งั้นถ้ามีภพภูมิก็ยังต้องเกิดน่ะสิ ใช่ไหมเนี่ย ^-^
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เอามาให้ดูอีกที ใคร หลง นิพพานที่คุณอ้างถึง ไม่ใช่นิพพานในความหมายของพระพุทธศาสนา
    ถ้าคุณมีความรู้แบบนี้ ก็แสดงว่า คุณไม่รู้จัก นิพพานของพระพุทธศาสนา

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ khajonsak9999 [​IMG]
    ยังหลงอยู่ในแดน นิพพาน...แต่ ยังมีอาสวะกิเลส อยู่

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. ่jinny95

    ่jinny95 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +1
    คิดซะนึกว่าบรรลุ ^-^
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอเปลี่ยนใหม่ ตามภาษาของเรานะ

    คุณยังหลง... ติดวิปัสนูกิเลส อยู่

    ปล. เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น โดยใช้ตรรกะ หาคำตอบ จากคำนิยามของคุณ
     
  7. ่jinny95

    ่jinny95 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +1
    คุณพี่ครับ ผมขออนุญาติกล่าวสักหน่อยว่า คุณพี่ยังมิได้หลุดพ้นจากอำนาจการปรุงแต่งของ โทสะ โลภะ และโมหะ นะครับ

    การหลุดพ้นของท่านพี่หลุดจากการปรุงแต่งเหรอครับ ^-^
     
  8. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ๔๘. วิปัสสนูปกิเลส

    ในการปฏิบัติพระกัมมัฏฐานนั้นในบางครั้งก็มีอุปสรรคขัดข้องต่างๆ รวมทั้งเกิดการหลงผิดบ้างก็มี ซึ่ง หลวงปู่ดูลย์อตุโล ก็ได้ให้ความช่วยเหลือแนะนำและช่วยแก้ไขแก่ลูกศิษย์ลูกหาได้ทันท่วงทีดังตัวอย่างที่ยกมานี้

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง เกิดปัญหาเกี่ยวกับ วิปัสสนูปกิเลสซึ่งหลวงปู่เคยอธิบายเรื่องนี้ว่า เมื่อได้ทำสมาธิจนสมาธิเกิดขึ้นและได้รับความสุขอันเกิดแต่ความสงบพอสมควรแล้ว จิตก็ค่อยๆ หยั่งลงสู่สมาธิส่วนลึกนักปฏิบัติบางคนจะพบอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่ง เรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส มี โอภาสคือเห็นแสงสว่าง และ อธิโมกข์ คือความน้อมใจเชื่อ เป็นต้น

    พลังแห่งโอภาสนั้น สามารถนำจิตไปสู่สภาวะต่างๆ ได้อย่างน่าพิศวงเช่นจิตอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็ได้เห็นได้รู้ในสิ่งนั้นแม้แต่กระทั่งได้กราบได้สนทนากับพระพุทธเจ้าก็มี

    เจ้าวิปัสสนูปกิเลสนี้มีอิทธิและอำนาจ จะทำให้เกิดความน้อมใจเชื่ออย่างรุนแรงโดยไม่รู้เท่าทันว่าเป็นการสำคัญผิด ซึ่งเป็นการสำคัญผิดอย่างสนิทสนมแนบเนียนและเกิดความภูมิใจในตัวเองอยู่เงียบๆบางคนถึงกับสำคัญตนว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งด้วยซ้ำบางรายสำคัญผิดอย่างมีจิตกำเริบยโสโอหังถึงขนาดที่เรียกกันว่า เป็นบ้าวิกลจริตก็มี

    อย่างไรก็ตาม วิปัสสนูปกิเลส ไม่ได้เป็นการวิกลจริตแม้บางครั้งจะมีอาการคล้ายคลึงคนบ้าก็ตาม แต่คงเป็นเพียงสติวิกลอันเนื่องจากการมีจิตตั้งมั่นอยู่กับอารมณ์ภายนอก แล้วสติตามควบคุมไม่ทันไม่ได้สัดไม่ได้ส่วนกันเท่านั้น ถ้าสติตั้งไว้ได้สัดส่วนกันจิตก็จะสงบเป็นสมาธิลึกลงไปอีก โดยยังคงมีสิ่งอันเป็นภายนอกเป็นอารมณ์อยู่นั่นเอง

    เช่นเดียวกับการฝึกสมาธิของพวกฤาษีชีไพร ที่ใช้วิธี เพ่งกสิณเพื่อให้เกิดสมาธิ ในขณะแห่งสมาธิเช่นนี้ เราเรียกอารมณ์นั้นว่า ปฏิภาคนิมิตและเมื่อเพิกอารมณ์นั้นออก โดยการย้อนกลับไปสู่ "ผู้เห็นนิมิต" นั้นนั่นคือย้อนสู่ต้นตอ คือ จิต นั่นเอง จิตก็บรรลุถึงสมาธิขั้นอัปปนาสมาธิอันเป็นสมาธิจิตขั้นสูงสุดได้ทันที

    ในทางปฏิบัติที่มั่นคงและปลอดภัยนั้นหลวงปู่ดูลย์ ท่านแนะนำว่า "การปฏิบัติแบบจิตเห็นจิต เป็นแนวทางปฏิบัติที่ลัดสั้นและบรรลุเป้าหมายได้ฉับพลัน ก้าวล่วงภยันตรายได้สิ้นเชิงทันทีที่กำหนดจิตใจได้ถูกต้องแม้เพียงเริ่มต้นผู้ปฏิบัติก็จะเกิดความรู้ความเข้าใจได้ด้วยตัวเองเป็นลำดับๆ ไปโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยครูบาอาจารย์อีก

    อ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=71473&sid=7ac1758613ef29dc1b87159be7d09504
     
  9. ่jinny95

    ่jinny95 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +1
    อนัตตาธรรมเป็นธรรมลุ่มลึกในพระพุทธ ศาสนา ไม่สนใจจริงๆ ยากจะเข้าใจ ตีความหมายยากมาก อนัตตาฝ่ายบาป เป็นฝ่ายเว้นในเบื้องต้น อนัตตาฝ่ายบุญเป็นฝ่ายเจริญ ทำให้เกิดให้มี เมื่อสุดท้าย อนัตตาบุญก็ดี อนัตตาบาปก็ดี ก็ส่งคืนหมด ไม่เข้าไปยึดถือสอดแทรกเอาเป็นเจ้าของ ส่วนกุศลผลบุญ พระอนาคามียังจัดเป็นกุศลผลบุญอยู่ เพราะติดอยู่ในบุญ ยังข้ามบุญไม่ได้ เพราะบุญยังไม่เต็มส่วน พระอรหันต์นั้น บุญเต็มแล้ว บาปก็ละพอแล้ว เว้นพอแล้ว เหตุฉะนั้น เหตุที่จะละบาปได้จึงไม่มีในท่าน เหตุที่จะละบุญจึงไม่มีในท่าน เหตุที่จะสร้างบุญจึงไม่มีในท่าน เหตุจะละบาปก็ไม่มีในท่าน

    เมื่อเหตุไม่มี ผลของท่านก็เลยเป็นผลขาดตอน อรหัตผลเป็นผลขาดตอน ไม่เชื่อมมาจากเหตุ ไม่เหมือนโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล เชื่อมมาจากเหตุที่เป็นโลกุตรเหตุ โลกุตรผลสกทาคามีมรรค สกทาคามีผล ก็เชื่อมมาจากเหตุที่เป็นโลกุตรเหตุ โลกุตรผล อนาคามีมรรค อนาคามีผล ก็เชื่อมมาจากเหตุที่เป็นโลกุตรเหตุ โลกุตรผล ส่วนอรหัตมรรค ผลของพระอรหัตมรรคไม่ได้เชื่อมมาจากเหตุ เป็นผลขาดตอน เป็นผลพิเศษ ไม่ได้เชื่อมมาจากเหตุ หมดเหตุแล้ว ส่วนโสดาปัตติผล สกทาคามีผล อนาคามีผล เชื่อมมาจากเหตุ เหตุแห่งโลกุตร ไม่ใช่เหตุแห่งโลกีย์

    เหตุมันมี ๒ เหตุ ต่ำกว่าพระโสดาบันลงไป ก็เป็นเหตุในทางโลกีย์ ก็เป็นผลในทางโลกีย์ ถึงจะเป็นกุศลก็ตาม ก็เป็นโลกีย์กุศล ก็เป็นโลกีย์เหตุ ก็เป็นโลกีย์ผล ส่วนพระโสดาบัน ก็เป็นโลกุตรเหตุ โลกุตรผล สกทาคามี อนาคามีก็เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของนักภาวนาจะในใจใคร่ครวญให้รู้ทั้งนั้น มิฉะนั้นแล้วจะหลงโวหาร หลงโวหารท่านผู้อื่นบ้าง หลงโวหารตนเองบ้าง เพราะโวหารก็ต้องหารลงมาหาหนึ่ง หนึ่งอะไร หนึ่งที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ตัวตนเราเขานั้นเอง เป็นแต่สักว่าธาตุ ธรรม ขันธ์ เมื่อจิตใจปลงอย่างนั้นแล้ว การกลัวแพ้กลัวชนะในโลกมันก็ไม่มี


    เพิ่มเติ่ม http://palungjit.org/showthread.php?t=171002 ^-^
     
  10. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ถาม วิมุตติ คืออะไร?

    ตอบ พระพุทธศาสนาแสดง วิมุตติ คือความหลุดพ้นจากกิเลสไว้ ๕ อย่างคือ
    ๑. วิกขัมภนวิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลสด้วยการข่มไว้ด้วยอำนาจของฌาน เพียง<WBR>ปฐม<WBR>ฌานก็สามารถข่มธรรมอันเป็นข้าศึก คือนิวรณ์ ๕ มีกามฉันทะนิวรณ์ได้แล้ว แต่ไม่อาจละนิวรณ์ ๕ ให้ขาดไปจากใจได้ หมดอำนาจฌาน กิเลสคือนิวรณ์ก็เกิดได้อีก
    ๒. ตทังควิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลสด้วยองค์นั้น ด้วยอำนาจของวิปัสสนาญาณ เพียงได้นามรูปปริจเฉทญาณ ปัญญาที่แยกนามกับรูปว่าเป็นคนละอย่าง ก็สามารถละความเห็นผิดว่านามรูป เป็นตัวตนได้ชั่วคราว
    ๓. สมุจเฉทวิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลส ด้วยการตัดขาด ด้วยมรรคญาณ กิเลสที่ถูกตัดขาดไปแล้วย่อมไม่กลับมาเกิดได้อีก
    ๔. ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลส เพราะกิเลสทั้ง<WBR>หลายสงบระงับไปในขณะแห่งผลจิต
    ๕. นิสสรณวิมุตติ ความหลุดพ้นจากกิเลสด้วยการสลัดออกจากธรรมอันเป็นข้าศึกคือกิเลส ด้วยนิพพาน
    ในวิมุตติ ๕ อย่างนี้ วิมุตติ ๒ อย่างแรกเป็นโลกียะ ส่วนวิมุตติ ๓ อย่างหลังเป็นโลกุตตระ ปัญญาคือความรู้ในวิมุตติ ๕ อย่างนั้น เรียกว่า วิมุตติญาณ

    อ้างอิง : http://www.84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=32
     
  11. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    ที่คุณพี่ขจรพูดมา หมายถึง คนที่คิดว่า นิพพานเป็นแดน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ถ้าคิดว่านิพพานเป็นแดน ก็ยังมีอัตตาอยู่ ยังเป็นแดน เมื่อตายไป ดวงจิตก็จะไปจุตติที่แดนนั้น และต้องกลับมาเกิดอีก เพราะยังไม่แจ้งในนิพพานของแท้งัยคะ ขยายความให้ คุณพี่ก็พูดให้ละเอียดหน่อยสิ
     
  12. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    คุณพี่ขจร ในส่วนตรงนั้น พระท่านไม่พูด เหตุผลอาจต้องการให้ลูกศิษย์ของท่าน รู้แจ้งเอง เพียงแต่ท่านชี้วิธีการดูจิต เท่านั้นเอง การรู้แจ้งและเข้าใจเอง จะดีกว่าที่ท่านจะบอกไปตรง ๆ ว่าอะไร คืออะไร ก็จะเกิดปัญญาเองนั่นแหล่ะ เพราะในส่วนของปัญญานั่นแหล่ะ จึงรู้แจ้ง เห็นจริง
     
  13. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    คุณ จรนี่ เอาความจริงมาพูด
    ก็ดีเหมือนกัน
    คนที่พอจะรู้ได้ก็พอจะได้รู้
     
  14. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    พระท่านไม่ผิดหรอก เพียงแต่ท่านต้องการให้ลูกศิษย์ของท่าน รู้แจ้งเห็นจริงเองเท่านั้น แม้แต่พระพุทธเจ้า ท่านก็เพียงได้แต่ชี้จุดเดียว สาวกของท่านก็บรรลุมรรคผลแล้ว นี่ก็เป็นแค่เพียงวิธีเท่านั้น แต่ปัญญาของใครจะแจ้งก่อนกันเท่านั้นเอง
     
  15. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    อรูปฌาณ ทำวิปัสนาได้มั้ย ?
    เหลือ 4 ขันธ์
    ส่วนเนวสัญญา-สัญญาเวทยิตนิโรธ จะเหลือเพียง 2 ขันธ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2009
  16. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    คำถามน่าสนใจนะครับ
    ผมว่า ทำได้นะ ต้องเข้าออกฌาณเร็วๆ ให้เห็นความเป็นไตรลักษณ์ขององค์อรูปฌาณ
    แต่โดยมากมักติดสุข หลงสุข จึงไม่คิดแสวงหาปัญญา เพราะสบายอยู่แล้ว ทุกข์ไม่มีให้เห็น
     
  17. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    อรูปฌาน ทำวิปัสสนาได้สิคะ เพราะในส่วนของอรูปฌาน ยังต้องเจริญสติ เพื่อให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน เพื่อชำระกิเลศ และรู้แจ้งเห็นจริง ในอริยสัจ 4 และคลายความยึดมั่นถือมั่น ทั้งกาย และใจ ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญวิปัสนาด้วยค่ะ จำเป็นค่ะ
     
  18. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เห็นพี่จร(ผู้อรหันต์)มาช่วยคอนเฟริม์ รู้สึกมั่นใจยิ่งนัก
    แปลว่า ผมเดาไว้ไม่ผิด อิอิ
     
  19. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ตรงส่วนนี้จะเสื่อมได้นะคะ ในอรูปฌาน ถ้าไม่เจริญวิปัสสนา ฌานกดทับกิเลศอยู่ ตรงนี้จะวิปัสสนายาก ต่อเมื่อฌานเสื่อมนั่นแหล่ะ พึงสังวรณ์ไว้เลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับใจตนเอง จึงต้องมาพิจารณาในส่วนที่เข้าฌานไม่ได้ เหตุใดฌานจึงเสื่อม ก็จะรู้แจ้ง และเข้าใจเอง เมื่อเข้าใจ ทุกอย่าง เห็นความจริง ของไตรลักษณ์ เพราะฌานก็มีเสื่อมเหมือนกัน สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ เมื่อมันไม่เที่ยง เห็นทุกข์ของมัน เราจึงวางมันลงได้ ด้วยปัญญาที่เกิดจากการวิปัสสนานั่นแหล่ะค่ะ
     
  20. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิมุตติ, khajonsak9999, sriaraya5, to2504

    ท่านสีอานยังไม่ตอบคำถามผมเลยนะ
    ท่านใช่ พระศรีอาริยะเมตไตย หรือไม่?
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...