พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ถ้าจะพกหิน พกรูปพระที่ตัดจากหนังสือพิมพ์ดีกว่าครับ เช่นหลวงปู่ทวด ,เจ้าคุณนร ฯลฯ รูปหลวงปู่ทวด หรือรูปเจ้าคุณนร ศักดิ์สิทธิ์ครับ

    ขอบคุณนะครับสำหรับความคิดเห็น
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วิธีฆ่าไวรัสใน แฟลช ไดร์ฟ

    http://hilight.kapook.com/view/33333

    [​IMG]


    วิธีฆ่าไวรัสใน แฟลช ไดร์ฟ (มติชน)

    ปัญหาติดไวรัสใน แฟลช ไดร์ฟ ขณะนี้มีกันมาก วันนี้มีคำขอมาบอกกัน จนถึงวิธีแก้ปัญหา รวมทั้งจัดการฟอร์แมต (format) แฟลช ไดร์ฟ ให้สะอาด ปราศจากเชื้อทั้งหลายมารบกวน ทุกวันนี้ แฟลช ไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์สำคัญ หลายคนมีพกติดตัว พอๆ กับการมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพราะความสะดวกในการใช้งานและความสามารถที่จัดเก็บข้อมูลได้มาก

    ท่ามกลางความสะดวก แฟลช ไดร์ฟ กลายเป็นตัวการทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์รู้สึกขยาด บ่อยครั้ง แฟลช ไดร์ฟ เป็นตัวนำไวรัสมาเผยแพร่ เป็นของฟรีที่ไม่ต้องการเอาเสียเลย จึงต้องหาวิธีจัดการ​

    มื่อไม่กี่เดือนก่อนช่วงปลายปี 2550 ไวรัสเหล่านี้ทำความเดือดร้อนให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไปทั่ว เพราะโปรแกรมแอนตี้ไวรัสทั้งหลายอัพเกรดไม่ทัน หรือรู้ไม่เท่าทันไวรัสเหล่านี้ จนไม่สามารถใช้งานได้ อาการคือเวลาเสียบแฟลชไดร์ฟเข้าไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ จะเปิดแฟลชไดร์ฟได้ เปิดไฟล์ได้ ลากไฟล์ออกมาได้ (copy ไปไดร์วอื่น) แก้ไขงานในไฟล์ได้แต่เมื่อทำงานเสร็จจะสั่งบันทึกมันจะไม่ยอมบันทึก หรือจะลบไฟล์ ก็ไม่ยอมเหมือนกัน สั่งให้ Format ก็ไม่ทำอีก บอกแต่ว่า disk protect ทั้งที่ไม่เคยสั่งให้ protect ตรงไหน​

    ยิ่งตามเว็บไซต์ต่างๆ มีผู้รู้ และใจดีต่างก็เผยแพร่แนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งต้องเข้าไปแก้ใน system ของ windows แต่ก็มีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่อัพเดทตลอด บางทีก็ไม่ได้ช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอม ยิ่งนานวันเข้า ไวรัสยิ่งก๊อปไฟล์ ก๊อปตัวเองวิ่งเข้าไปในส่วนต่างๆ ของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ตามคำสั่งที่จะผ่านเข้าไปได้

    เพื่อจัดการแก้ปัญหา ต้องจัดการ "ฆ่าไวรัส" ให้มันสิ้นไป ด้วยการสั่ง Format เริ่มต้น ไปที่ start manu กดที่ run-พิมพ์ cmd กด ok เมื่อหน้าจอ dos ขึ้น พิมพ์ลงไปดังนี้

    (กรณีที่ไดร์ฟแฟลชไดร์ฟคือไดร์ว F) พิมพ์ว่า Format F:/fs:Fat32 หลังจากนั้น เครื่องก็จะจัดการฟอร์แมตแฟลชไดร์ฟให้เรา

    แล้วเครื่องจะถามเกี่ยวกับ Label ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไร ถ้าไม่ก็กดผ่านไปเป็นอันว่าเสร็จ นำ แฟลช ไดร์ฟ กลับมาใช้งานได้ตามปกติ​

    สิ่งที่พึงระวังคือ ผู้ใช้งาน แฟลช ไดร์ฟ ต้องหมั่นอัพเดทโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ด้วยตนเอง จาก Google ค้นหา พบว่ามีเว็บไซต์ที่แนะนำเรื่องต่างๆ มีอยู่มาก และอย่าเพิ่งทิ้ง แฟลช ไดร์ฟ ที่คิดว่าใช้งานไม่ได้ บางทีแค่ติดไวรัส แต่ยังขาดการกำจัดมันเท่านั้น เพียงฟอร์แมตก็กำจัดได้แล้ว ยิ่งกว่านั้น พยายามปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ และ แฟลช ไดร์ฟ ด้วยการไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น ถ้าจำเป็นก็ให้ขยันสแกนไวรัส โดยไม่ปล่อยให้มันลุกลาม และมีอาการหนัก


    [​IMG]



    สำหรับโปรแกรมดาวน์โหลดจัดการไวรัสใน แฟลช ไดร์ฟ

    [​IMG]1. Ad-Aware SE Professional Build 1.06r1​

    [​IMG]2. RemoveIT Pro v4 - SE​

    [​IMG]3. avast! Virus Cleaner Tool​

    [​IMG]4. ClamWin Free Antivirus Version 0.93.1​

    [​IMG]5. Trend Micro Sysclean Package​

    [​IMG]6. Cureit Scaner for Windows​

    เป็นโปรแกรมสำหรับฆ่าไวรัสใน FlashDrive , Remove Drive โดยโปรแกรมตรวจสอบการเสียบอุปกรณ์ Remove ต่างๆ เมื่อเจอจะฆ่าไวรัสให้ และมีการ Update ฐานข้อมูลเองเมื่อเจอไวรัสที่ไม่รู้จัก โดยการวิเคระห์จากไฟล์ Autorun.inf ที่เป็นสื่อที่ไวรัสใช้แพร่ระบาด

    เพียงเท่านี้ ก็น่าจะจัดการความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นได้
    [​IMG]

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก มติชน
    [​IMG]
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ก็มีความเห็นที่แตกต่างกันนะครับเพียงแต่ผมเห็นว่าถ้าเป็นก้อนหินธรรมดาก็คงไม่มีความหมายใดๆเพียงแต่คุณเชื่อมั่นว่าดีแล้วพกติดตัวไปถ้าในเมื่อมันไม่มีอะไรก็คือว่างเปล่าครับ อันนี้ต้องพิสูจน์ได้ไม่ว่าจะเป็นทางวิทยาศาสตร์(ทางพี่ไฟดูด ดูจากแสงออร่า) ทางผม(ดูโดยผู้มีตาที่3) หรือพี่ใหญ่ที่ดูโดย...ล้วนคำตอบต้องได้มาตรงกันแบบไม่ต้องแปลกใจเช่นพระพิมพ์วังหน้าเป็นต้น ส่วนเรื่องหินที่มีคุณสมบัติตามธรรมชาติที่มีพลังในตัวเองเช่น หยก หินจุยเจีย หรืออัญมณีที่มีค่าล้วนมีพลังตามธรรมชาติทั้งนั้นครับ หรือแม้ที่ผมพอทราบบ้างเช่นหินอาเกต ก็ฝังตัวอยู่ในเขาตามธรรมชาติมาช้านาน ย่อมมีพลังตามธรรมชาติ(ทางวิทยาสตร์วัดได้เป็นพลังจากแม่เหล็ก) แต่ถ้าเป็นก้อนหินก้อนกรวดปกติย่อมไม่มีอะไรแน่นอนครับ ส่วนที่เป็นวัตถุของบิดามารดา เป็นสิ่งที่ลูกที่ดีย่อมต้องบูชาครับ สิ่งของใดๆที่ได้รับมาย่อมเป็นมงคลสูงสุดครับ ใดๆก็พิจารณาตามเหตุและผลนะครับ ถ้าเป็นพระพิมพ์แม้ดูเหมือนเป็นเพียงก้อนดิน แต่เมื่อได้รับการอธิษฐานจิตจากพระอริยแล้วพลังจิตย่อมคงอยู่ครับ ไม่เช่นนั้น ทางวิทยาศาสตร์ย่อมเช็ครังสีออร่าไม่ได้แน่ครับ ศรัทรา ของจริงไม่งมงาย มีเหตุและผล แบบที่คุณหนุ่มว่าของจริงต้องพิสูจน์ได้เสมอครับ..
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ล้วงลึก... "ศาสตร์โหงวเฮ้งกับงาน HR" เคล็ด (ไม่) ลับ ความสำเร็จเจ้าสัว ซี.พี.
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02spe01290152&day=2009-01-29&sectionid=0223


    วรวุธ เพ็งผลฉาย - เรื่อง


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เป็นที่โจษจันกันมานานว่า กลุ่ม ซี.พี.ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ นั้น ให้ความสำคัญกับศาสตร์เรื่องโหงวเฮ้งในการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงานมากเป็นอันดับต้นๆ ธุรกิจขององค์กรแห่งนี้จึงเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะทีมงานคุณภาพขององค์กรแห่งนี้ไม่ใช่แค่เปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถ แต่บุคลิกลักษณะยังเหมาะกับตำแหน่งงานอย่างลงตัว ทำให้องค์กรแห่งนี้มีพลังในการขับเคลื่อนธุรกิจ ไม่ว่าจะก้าวไปทางไหนความสำเร็จก็รออยู่ข้างหน้า

    วันนี้ต้องยอมรับว่า แม้ทุกคนจะรับรู้ว่าศาสตร์ในเรื่องโหงวเฮ้งนั้นมีพลัง และมีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ แต่ความรู้และความเชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้ก็ยังจำกัดอยู่ในกลุ่มคนไม่กี่กลุ่มเท่านั้น การเปิดการบรรยายพิเศษของ "อาจารย์ธวัชพงศ์ ธนิตลิมปะพงศ์" ที่ปรึกษา บริษัท ซี.พี. เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในหัวข้อ "โหงวเฮ้งกับงาน HR ศาสตร์แห่งการ คัดเลือกบุคลากร" ณ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เมื่อเร็วๆ นี้จึงเป็นเสมือนการเปิดประตูให้คนได้เข้าใจศาสตร์เรื่องโหงวเฮ้งลึกซึ้ง มากขึ้น

    ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจขาลง การคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ามาเสริมความแกร่งขององค์กรดูจะเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกองค์กร เรื่องนี้จึงอยู่ในความสนใจของคนในสังคมเป็นอย่างมาก

    "สิ่งสำคัญในการเลือกบุคลากรคือชะตาชีวิต เหมาะสมจะเริ่มต้นงานรึเปล่า เวลาคนมาสมัครงานอาจารย์จะถามวันเดือนปีเกิดโดยอาศัยหลักฮะ (เสริม สร้าง เกื้อกูล เพิ่มพูน) หลักชง (ทำลาย บั่นทอน ขัดแย้ง) เป็นตัวกำหนด

    ปีที่ผ่านมา 2551 ใครปีชวด ปีมะเมีย ปีเถาะ ปีระกา ปีที่แล้ว 4 ปีนี้ชงเปรียบเหมือนชีวิตเดินอยู่บนทางขรุขระ บางคนชงปะทะแรงๆ

    คำว่า ปะทะแรงๆ คือ ปีจะชง เดือนจะชง วันจะชง เพราะฉะนั้นหลักในการเลือกคนต้องอาศัยดวงชะตา เพราะว่าดวงชะตานั้นเปรียบเหมือนเส้นทาง ช่วงจังหวะการเปลี่ยนแปลง การงาน การเริ่มต้นนั้นเป็นช่วงที่ดี เหมือนทางที่ราบเรียบ เขามาอยู่กับเรา ดวงเขาดี เราก็ดีด้วยนั้นเป็นหลักหนึ่งในการเลือก

    ไม่เพียงเท่านั้นยังจะต้องใช้วันเดือนปีเกิดของเขามาเทียบกับคนที่เขาจะอยู่ด้วย ตัวอย่างคุณปิยะวัฒน์ เกิด 3 มิถุนายน 2496 เดือนมะเส็ง เราเห็นคนมาสมัครงาน เราจะทำรายงานตรงถึงคุณปิยะวัฒน์ มะเส็งต้องฮะกับอะไร วอก ระกา ฉลู เอาปีที่ประสานเลือกส่งไปให้คุณปิยะวัฒน์ ต้องเลือกก่อนว่าต้องปีที่สัมพันธ์กับนาย คนจีนแบ่งออกเป็น หลักฮะ หลักซาฮะ หลักซาคา แล้วก็หลักชง"

    "อาจารย์ธวัชพงศ์" เปิดฉากอธิบายถึงความสำเร็จของชีวิตคนที่มีความสัมพันธ์กับวันเดือนปีเกิด และขยายความในเรื่องหลักฮะต่อไปว่าหมายถึง การประสานกันของสรรพสิ่ง 6 ประการซึ่งก่อให้เกิดการเสริมสร้าง เกื้อกูล เพิ่มพูน ดังนี้

    - ประสานกับดวงจันทร์ (อิม) - ประสานกับดวงดาว
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    - ประสานกับดวงอาทิตย์ (เอี้ยง) - ประสานกันระหว่างครอบครัว

    - ประสานกับภูตผีปีศาจ - ประสานกับพลังแห่งที่ดิน (ตี่เล้ง)

    ปีเกิดที่ "ฮะกัน" คือ

    ปีชวดกับปีฉลู

    ปีขาลกับปีกุน

    ปีเถาะกับปีจอ

    ปีมะโรงกับระกา

    ปีมะเมียกับมะแม

    ปีมะเส็งกับปีวอก

    "ยกตัวอย่างเช่น คนที่ฮะกันไปไหนด้วยกันก็จะช่วยสร้างเสริม เกื้อกูลให้กันและกัน หรือใครที่ยังไม่ได้แต่งงานก็เลือกคนที่ฮะกับเรา แต่ถ้าคนแต่งงานไปแล้วถือว่าซื้อขาดกันแล้วไม่สามารถเปลี่ยนดวงได้ แต่ถ้าใครแต่งไปแล้วไม่ใช่กลับไปเลิกกับสามีภรรยา คือ คนที่แต่งงานกันต้องมีบุญเก่ารวมกัน ไม่ใช่แค่บุญอย่างเดียว กรรมด้วย เวรด้วย

    มันร่วมกันถึงจะแต่งงานกันได้งั้นเราไม่มีโอกาสแต่งงานกันหรอก"

    หลักซาฮะ "อาจารย์ธวัชพงศ์" ชี้ว่า ปีเกิดที่ "ซาฮะกัน" ประกอบด้วย

    * ชวด-มะโรง-วอก

    * ขาล-มะเมีย-จอ

    * เถาะ-มะแม-กุน

    * มะเส็ง-ระกา-ฉลู

    "ยกตัวอย่างเช่น พ่อปีชวด แม่ปีมะโรง ลูกปีวอก ในครอบครัวใดครบ 3 ซาฮะก็จะรุ่งเรืองได้ถึง 3 ชั่วคน คือ รุ่นท่าน ท่านจะได้รับเลย รุ่นลูกของท่าน จนถึงรุ่นหลานของท่าน ส่วนรุ่นต่อไปจะดีอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดวงชะตาของรุ่นหลาน แต่มีข้อแม้ห้ามมีลูกปีอื่นมาชง 1 ใน 3 ปีนี้ เช่น พ่อปีขาล แม่ปีมะเมีย ลูกปีจอ และมีลูกอีกเป็นปีกุนไม่เป็นอะไร เพราะฮะกันกับขาล แต่มีลูกเป็นปีวอก วอกมาชงกับขาล ซาฮะจะแตกไม่มีพลัง จึงได้เกิดพิธีกรรมยกลูกบุญธรรมเกิดขึ้น เรียกว่ายกลูกบุญธรรมอะไรแบบนี้ หรือเวลาเราจะเลือกลูกน้อง คนงาน เอาเข้าหลักฮะไม่ได้ก็เอาซาฮะกับเราก็ได้"

    หลักซาคาหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หลักสามขา "อาจารย์ธวัชพงศ์" บอกว่าสำคัญไม่แพ้หลักอื่นๆ หมายความว่า ถ้าบิดา มารดา และบุตรเกิดปีเดียวกันทั้ง 3 คน ครอบครัวนั้นจะมีความรุ่งเรืองได้ เช่น ชวด (หนู) 3 ตัว ขาล (เสือ) 3 ตัว ยกเว้นปีระกาปีเดียวที่คนในครอบครัวไม่ควรเกิดปีนี้ทั้ง 3 คน เพราะจะเกิดความขัดแย้งกันเอง ถ้าจะให้รุ่งเรืองต้องเป็นเลขคู่ เช่น ระกา (ไก่) 2 ตัว ระกา (ไก่) 4 ตัว

    "หลักซาคาปีเดียวกัน พ่อกุน แม่กุน ลูกกุน รุ่งเรือง ร่ำรวยมากๆ มะโรง 3 ตัว ขาล 3 ตัวยิ่งใหญ่มากๆ ยกเว้นอย่างหนึ่งว่า ระกา 3 ตัว ห้ามอยู่ในครอบครัวเดียวกัน พ่อระกา แม่ระกา ลูกระกา 1 ใน 3 จะขี้โรค ล้มป่วยอย่างไม่มีเหตุผล"

    มาถึงหลักชง "อาจารย์ธวัชพงศ์" แปลด้วยภาษาง่ายๆ ว่า คือการทำลาย การบั่นทอน ความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นได้กับคนที่เกิดปีชงกัน

    ปีเกิดที่ชงกันตามศาสตร์ของอาจารย์ธวัชพงศ์ คือ

    * ชวด-มะเมีย

    * ฉลู-มะแม

    * ขาล-วอก
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    * เถาะ-ระกา

    * มะโรง-จอ

    * มะเส็ง-กุน

    "อาจารย์จะทำโน้ตไว้ข้างๆ พอคนมา สมัครงานแล้วดวงผู้บริหารเราต้องรู้ เพราะต้องเอาวันเดือนปีเกิดผู้บริหารเป็นตัวตั้ง ผู้บริหารคนนี้เกิดวันเดือนปีเกิดอะไรจะได้เลือกคนที่เหมาะสมส่งไปให้ได้ อาจารย์ต้องบอกไว้ก่อน

    รายหนึ่งที่อาจารย์เคยเป็นที่ปรึกษา วันแรกๆ ที่อาจารย์เข้าไปเป็นที่ปรึกษา อาจารย์จะเข้าไปอาทิตย์ละครั้ง ภรรยา ที่ปรึกษาเกิดปีมะเมีย เขาถามอาจารย์ว่า "อาจารย์พูดถึงหลักฮะ หลักชงแล้วหนูชงกับปีอะไร"

    อาจารย์ก็ตอบไปว่า "น้องชงกับปีชวดนะ"

    พูดแค่นี้ก็คุยเรื่องงานอะไรกันต่อและเขาก็บินไปต่างประเทศ อาทิตย์ถัดมาอาจารย์ก็เข้าไปและเขาก็กลับมาจากต่างประเทศแล้วเขาก็เข้าตรงมาคุยกับอาจารย์

    "อาจารย์หนูมีข่าวดีมาบอก คนปีชวดในโรงงานไม่เหลือแล้ว"

    ไล่ออกหมดทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร อาจารย์ตกใจและก็เสียใจที่ไม่ได้บอกให้เขาเข้าใจ คนที่ชงกับเราแค่ไม่เจอกับเราโดยตรงถือว่าใช้ได้ ถ้ามีคนคั่น ลูกน้องคนนี้ ชงเรา หาคนคั่นสักคนถือว่าโอเค ไม่จำเป็นต้องไล่ออกทั้งแผนก คนเหล่านั้นมีลูก มีครอบครัว จะเป็นบาป บางคนชงกันรักกันมากก็มี อย่างการเลือกคู่คนที่เป็นสามี ภรรยากันดวงจะต้องปีเกิดกับเดือนเกิดประสานกันถึงจะดีที่สุด ถึงจะเป็นคู่กัน ปีเกิด เดือนเกิดไม่สัมพันธ์กันเลยในที่สุดครอบครัวจะเกิดความขัดแย้งกัน แต่มีข้อแม้ว่าได้ลูกมาฮะพ่อ แม่ก็พออยู่ได้" "อาจารย์ธวัชพงศ์" เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงานที่สะท้อนให้เห็นว่าศาสตร์ในเรื่องโหงวเฮ้งนั้นมีรายละเอียดที่ต้องฟังก่อนปฏิบัติมากมาย

    นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเรื่องของเดือน นักษัตร

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 กุมภาพันธ์- 4 มีนาคม จะอยู่เดือนขาล

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 มีนาคม- 4 เมษายน จะอยู่เดือนเถาะ

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 เมษายน- 4 พฤษภาคม จะอยู่เดือนมะโรง

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 พฤษภาคม- 4 มิถุนายน จะอยู่เดือนมะเส็ง

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 มิถุนายน- 4 กรกฎาคม จะอยู่เดือนมะเมีย

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 กรกฎาคม- 4 สิงหาคม จะอยู่เดือนมะแม

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 สิงหาคม- 4 กันยายน จะอยู่เดือนวอก

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 กันยายน- 4 ตุลาคม จะอยู่เดือนระกา

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 ตุลาคม- 4 พฤศจิกายน จะอยู่เดือนจอ

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 พฤศจิกายน- 4 ธันวาคม จะอยู่เดือนกุน

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 ธันวาคม- 4 มกราคม จะอยู่เดือนชวด

    คนที่เกิดในช่วงวันที่ 5 มกราคม- 4 กุมภาพันธ์ จะอยู่เดือนฉลู

    "เราจะเลือกลูกน้องต้องสัมพันธ์กับ เรา โดยเฉพาะปีเกิดสำคัญเป็นลำดับแรก ถ้าเดือนเกิดเขาสัมพันธ์กับเรา จะไขว้มาฮะกับเรา จะไขว้มาฮะเดือนเรา อย่างใด อย่างหนึ่ง เขาจะเกื้อกูลเราด้านการงาน เพื่อนเราที่รักกับเราเดือนเกิดจะต้องสัมพันธ์กัน ซึ่งจะเป็นเพื่อนรักที่ช่วยเหลือ กันอย่างจริงจัง แต่ถ้าสัมพันธ์กันโดยการ ชง มันจะมีอะไรที่ไม่ปกติ ในสามีภรรยา จะไม่มีลูกเลยหรือมีลูกแค่เพศเดียว คนเดียว"

    "อาจารย์ธวัชพงศ์" บอกว่า ทุกอย่างมีความหมายที่แตกต่างกันทั้งปีเกิด เดือนเกิด วันเกิด และเวลาเกิด

    ปีเกิด หมายถึง สุขภาพ ร่างกาย ความแข็งแรง

    เดือนเกิด หมายถึง อาชีพการงาน ความสำเร็จในการงาน

    วันเกิด หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชะตากับครอบครัว

    เวลาเกิด หมายถึง ความรัก ความสมหวังในรัก

    "หลายคนคิดว่าตอนนี้ปีฉลูแล้ว ไม่ใช่ตอนนี้ยังอยู่ในปีชวดอยู่ และสิ้นสุดปีชวดนั้นไม่ใช่ตรุษจีน แต่ตรุษจีนมันภาษาชาวบ้าน ตามโหราศาสตร์จะเปลี่ยนจากปีชวดเป็นฉลู วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เที่ยงคืน 45 นาที ถ้าเกิดเปลี่ยนปีใครที่ชงก็จะพ้น ใครที่ไม่ชงก็เตรียมชง ฉลู มะแม จอ มะโรง 4 ปีนี้จะชง และตัวที่ชงแรงๆ คือ มะแม 100 เปอร์เซ็นต์ ฉลู 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจอกับมะโรง 25 25 เล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องไปสนใจ ท่านที่จะไปหาซินแซ ไปหาหมอดูว่า ปีนี้ผมจะเปลี่ยนดีไหม ปีนี้หนูจะเริ่มธุรกิจดีไหม เขาดูจากตรงนี้เป็นตัววัด ปีชง เดือนชง เริ่มอะไรไม่ได้ อยู่ตรงไหนกอดเก้าอี้เอาไว้ให้แน่นๆ"

    "การเปลี่ยนแปลงในปีชงหรือเดือนชงนั้น อย่าลืมเดือนเกิดเราก็เป็นนักษัตร ถ้านักษัตรเราเป็นเดือนฉลู เราเกิดเดือนมกราคมหลังวันที่ 5 ปีหน้าปีฉลู เดือนเกิดเราเป็นฉลู เท่ากับเราชง ฉะนั้นเดือนเกิดเราชง เดือนเกิดคือการงานอาชีพ การเปลี่ยนแปลงยังไงก็ไม่ดี อยู่นิ่งๆ ดีที่สุด ปีไหนชง ใครมาชวนลงทุนทำอะไรบอกไปเลยว่าไม่ทำ แต่ละเดือนที่หมุนเวียนเข้ามาอย่างวันนี้วันที่ 22 มกราคม เรารู้เลยว่าเดือนนี้เป็นเดือนฉลู ใครที่เกิดเดือนกรกฎาคมจะเกิดความวุ่นวายใจในเรื่องการงาน เพราะเดือนนี้ชงกับเดือนเกิด ใครมาชวนทำอะไรใหม่ๆ ในเดือนนี้ไม่ทำ นั่นคือหลัก ท่านใช้หลักพวกนี้ในการเลือกสรรหรือใช้บริหารงาน HR บวกกับสิ่งที่ท่านรู้ ท่านจะคัดคนได้ดีทีเดียว"

    ทั้งหมดคือเคล็ดลับในการคัดเลือกคนที่ "อาจารย์ธวัชพงศ์" ใช้มาตลอด ท่านจึงเชื่อว่าหากนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ ผู้นำองค์กรนำหลักการนี้ไปประยุกต์ใช้ในการคัดเลือกบุคลากร อนาคตขององค์กรย่อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งแน่นอน
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    แคทยาแห่งรัสเซีย และเจ้าฟ้าสยาม
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pra01290152&sectionid=0131&day=2009-01-29

    คัดตัดตอนจาก คำนำ ของหม่อมราชวงศ์ นริศรา จักรพงษ์ ในหนังสือ แคทยาและเจ้าฟ้าสยาม โดย หม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์ และ ไอลีน ฮันเตอร์ พันขวัญ ทิพม่อม แปล




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ฉายร่วมกับแคทยาและพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>หม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์ พระนัดดาคนเดียวในสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์และแคทยา สำเร็จการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลป์จากสถาบันคอร์ตโทลด์และเป็นผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ทั้งที่ลอนดอนและกรุงเทพฯ โดยได้จัดพิมพ์หนังสือมาไม่ต่ำกว่า 25 ปีแล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ทำ คือ ได้ก่อตั้งมูลนิธิโลกสีเขียวฯ ขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพื่อเผยแพร่การอนุรักษ์และการศึกษาสิ่งแวดล้อมแก่สาธารณชน</B>

    ไอลีน ฮันเตอร์ (2451-2543) เป็นพี่สาวคนโตของหม่อมเอลิซาเบธ จักรพงษ์ หลังจากประสบความสำเร็จจากอาชีพมัณฑนากรในช่วงปี พ.ศ.2473 ไอลีน ฮันเตอร์ได้หันมาเริ่มเขียนหนังสือเล่มที่ได้ตีพิมพ์มาก่อนหน้านี้ มี Vanished with the Rose, The Profound Attachment และ Christabel : The Russel Case and After.



    หลังจากที่ท่านพ่อ (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์) สิ้นพระชนม์เมื่อข้าพเจ้าอายุได้เพียง 7 ขวบ แม่และข้าพเจ้าก็มักใช้เวลาตอนค่ำที่บ้านของเราที่มณฑลคอร์นวอลล์ดูภาพยนตร์ 16 มม. ที่ท่านทั้งสองบันทึกไว้ ซึ่งครอบคลุมช่วงระยะที่ยาวนานถึง 30 ปี ระหว่าง พ.ศ.2478-2507

    เราทั้งสอง คือ แม่และข้าพเจ้า มักจะนั่งดูภาพยนตร์เหล่านี้กันในห้องที่เราเรียกว่า "บาร์พีระ" แวดล้อมไปด้วยถ้วยรางวัลที่ท่านอาของข้าพเจ้าทรงได้รับจากการแข่งรถ

    ในตอนนั้นข้าพเจ้าหาได้ตระหนักไม่ว่า ภาพยนตร์เหล่านี้อาจจะทำให้แม่เศร้าโศกมากขึ้นไปอีก แต่คิดอีกอย่างหนึ่งก็เป็นไปได้เหมือนกันว่า การนั่งดูภาพยนตร์เหล่านี้ช่วยคลายความเศร้าของแม่ลง และทำให้แม่มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับท่านพ่ออีกครั้ง

    ในส่วนของข้าพเจ้าเองนั้นรู้สึกสนุกสนานไปกับการได้ถามแม่ว่า บุคคลต่างๆ ที่เห็นในภาพยนตร์เป็นใคร รวมไปถึงการนั่งฟังเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้น

    เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเห็นภาพของสุภาพสตรีวัยกลางคนที่กำลังแย้มยิ้ม ซึ่งข้าพเจ้าได้รับการบอกเล่าว่า คือ แคทยา ผู้เป็นย่าของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นชาวรัสเซีย (ดูเหมือนว่า ข้าพเจ้าเคยพบกับย่าครั้งหนึ่งที่ปารีส แต่ตอนนั้นอายุเพียง 2 ขวบ จึงจำอะไรไม่ได้เลย) <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    แคทยาระหว่างเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อร่วมงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุลจักรพงษ์ภูวนาถ

    ในภาพจากซ้ายไปขวา หม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล, แคทยา, หม่อมเจ้าหญิงกุสุมา เกษมสันต์, หม่อมเจ้าหญิงบันดาลสวัสดี (ดิศกุล) เทวกุล

    แถวหลังจากซ้ายไปขวา หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต เทวกุล, หม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล, สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช, ไม่ทราบพระนาม
    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>

    ในภาพยนตร์ที่เห็น ย่าอาจจะกำลังเดินตัดผ่าสนามหญ้าในจังหวะความเร็วที่เร็วกว่าที่เป็นจริงของภาพยนตร์ 16 มม. ในสมัยนั้น หรือไม่ก็กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ตรงระเบียงบ้าน ส่วนใหญ่แล้วภาพที่เห็นนั้น ถ่ายกันตอนที่อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส ข้าพเจ้าจึงไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ย่าเป็นคนแบบไหนหรือมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร

    แปดปีต่อมา เมื่อแม่เสียชีวิตลง ข้าพเจ้าก็มีภาระมากมายในการรวบรวมจดหมายบันทึกรายวันและเอกสารส่วนตัวอื่นๆ ของท่านพ่อและแม่ นอกจากนั้นยังต้องจัดการกับเอกสารส่วนตัวต่างๆ ของทูลหม่อมปู่และหม่อมย่าด้วย ซึ่งมีทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษารัสเซีย

    ข้าพเจ้าอ่านภาษาไทยได้ แต่ไม่มีความรู้ภาษารัสเซีย

    มีหีบอยู่ใบหนึ่งที่เก็บภาพถ่ายเก่าต่างๆ รวมทั้งภาพถ่ายที่ระลึกที่มีตราช่างภาพชื่อดังของเมืองเคียฟ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและกรุงเทพฯ ประทับอยู่ ข้าพเจ้าเห็นว่าภาพชายไว้เคราดูเคร่งขรึม ผู้หญิงอายุคราวแม่หน้าตาเป็นคนเจ้าระเบียบ เคร่งครัด และภาพถ่ายหญิงสาวในชุดพยาบาล ด้านหลังของภาพแม่เขียนชื่อพ่อของย่า แม่ของย่า และชื่อของแคทยาไว้

    นับจากนั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าก็เริ่มหมกมุ่นกับการค้นหาเรื่องราวของคนเหล่านั้น แต่เพราะไม่รู้ภาษารัสเซีย ทั้งยังต้องเตรียมสอบ จนเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเวลาต่อมา จึงต้องเลิกราการติดตามเรื่องราวของบรรพบุรุษไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง

    หลังจากนั้นอีก 10 ปี เมื่อข้าพเจ้าได้พูดคุยเรื่องนี้กับป้าไอลีน ฮันเตอร์ (Eileen Hunter) ที่ร้านอาหารกรีกเล็กๆ ในย่านคราเวน ฮิลล์ (Craven Hill) ซึ่งเป็นร้านโปรดของเราสองคน เราต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า เรื่องราวของแคทยาและทูลหม่อมปู่นั้น เป็นเรื่องที่น่าจะเขียนออกเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้กัน โดยป้าจะเป็นคนเขียนและข้าพเจ้าจะค้นคว้าวิจัย ข้าพเจ้าก็เริ่มแปลบันทึกภาษาไทยของทูลหม่อมปู่

    อย่างไรก็ดี การหาคนแปลจดหมายส่วนตัวภาษารัสเซียเหล่านี้ กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ แม้คนที่เก่งภาษารัสเซียหลายคน สามารถอ่านลายพระหัตถ์ของทูลหม่อมปู่ที่ทรงไว้อย่างบรรจง แต่พอมาถึงลายมือของย่า กลับแกะไม่ออก และไม่เข้าใจสำนวนภาษา <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ถ่ายร่วมกับแคทยา ระหว่างที่เดินทางกลับมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ใต้ภาพนี้มีข้อความเขียนไว้ว่า "ให้แม่เป็นที่รฤกในคราวที่ต้องจากกันไปคนละทาง ด้วยความรักและนับถือ ธันวาคม พ.ศ. 2463"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>

    ในที่สุดต้องรอจนข้าพเจ้าย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทยเป็นเวลา 3 ปี ในช่วงกลางทศวรรษ 2523 ที่ได้รู้จักกับนักแปลบางคน คนหนึ่งเป็นชายชราเชื้อสายคอสแสค ที่อายุมากจนเนื้อตัวสั่นตลอดเวลา อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราแห่งหนึ่งในย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ ยังมีสามีภรรยาชาวสก๊อตคู่หนึ่งที่ทำงานเป็นนักแปลอยู่ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ และสุดท้ายก็คือนักข่าวของหนังสือพิมพ์ปราฟตา (Pravda) ซึ่งจริงๆ อาจเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์การข่าวกรองเคจีบีของอดีตสหภาพโซเวียตก็ได้ คนหลังสุดนี้กับภรรยาซึ่งเป็นคนร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ ดูเหมือนจะโปรดปรานข้าพเจ้าและชื่นชมโครงการของเรามาก แต่หลังจากที่ย้ายออกไปจากรุงเทพฯ แล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย

    ช่วงระหว่างการทำงานแปลเอกสารต่างๆ เหล่านี้ ชีวิตจิตใจของข้าพเจ้าค่อยๆ ถูกกลืนเข้าไปเป็นส่วหนึ่งของชีวิตของทูลหม่อมปู่และหม่อมย่า ซึมซับความสุขสมหวัง ความโศกเศร้าและความทุกข์ทรมานทั้งมวลที่ท่านทั้งสองเคยเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชีวิตและความรู้สึกนึกคิดของหม่อมย่า ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ต้องมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน เพราะแม้ว่าข้าพเจ้าจะมีชื่อเป็นไทย หลายคนรู้จักและพูดไทยได้ดี แต่หน้าตาท่าทางที่ดูเป็นฝรั่ง ก็ทำให้ข้าพเจ้าต้องรู้สึกอึดอัดกับการใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในเมืองไทย ย่าก็คงต้องรู้สึกอึดอัดมากยิ่งกว่าข้าพเจ้าเป็นหลายเท่าตัว เพราะกรุงเทพฯ สมัยที่ย่าใช้ชีวิตนั้น ยังไม่มีลักษณะของความเป็นเมืองที่เปิดกว้างรับวัฒนธรรมที่หลากหลายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

    ยิ่งไปกว่านั้น ข้าพเจ้ายังรู้สึกว่า ตนเองมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายๆกับย่า เพราะเราต่างก็เป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเล็กๆ ขาดความรู้สึกอบอุ่นจากไออกของพ่อแม่อย่างที่พึงได้รับ

    .....

    แคทยาและเจ้าฟ้าสยาม เป็นเรื่องราวความรักอันอื้อฉาวในปลายรัชกาลที่ 5 เมื่อรัชทายาทอันดับ 2 แห่งสยาม สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุลจักรพงษ์ภูวนาถที่เสด็จไปศึกษาวิชาการทหารที่รัสเซีย ภายใต้พระอุปถัมภ์ของจักรพรรดิซาร์นิโคลาสที่ 2 ได้ตกหลุมรักกับหญิงงามแห่งเมืองเคียฟและตัดสินพระทัยทิ้งเกียรติศักดิ์แห่งพระบรมวงศ์มาแต่งงานด้วย โดยไม่เกรงกลัวพระราชอาญา ซึ่งเมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว เป็นเรื่องต้องห้าม

    หนังสือเล่มนี้ เล่าถึงความรักที่ไร้เชื้อชาติและฐานันดร เป็นเรื่องที่ชวนอ่านชวนติดตาม แต่ละตอนในหนังสือนี้แฝงไว้ด้วยความสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในรั้วในวังเมื่อปลายรัชกาลที่ 5 จนถึงสมัยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยหลังจากที่ได้พาหญิงคนรักมาสู่สยามแล้ว ทั้งคู่ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ ทั้งจากภายในราชวงศ์และสังคมชั้นสูงในสมัยนั้น

    แต่แคทยาก็ต้องอดทนต่อสรรพสิ่งเหล่านั้น เพื่อคนรักและโอรสองค์เดียว พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระราชนัดดาองค์แรกอันเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระพันปีหลวง

    จวบกระทั่งความเหินห่างกันจากการเดินทางไปยุโรปแปดเดือนของแคทยา ทำให้เกิดช่องว่างให้สาวรุ่นองค์หนึ่งในราชวงศ์ไทยเข้ามาพัวพันกับเจ้าฟ้าจักรพงษ์ แคทยาจะทำอย่างไร เมื่อรักเริ่มไม่หวานเหมือนเก่า เมื่อเจ้าฟ้าจักรพงษ์เกิดลุ่มหลงในรักครั้งใหม่นี้ ความรักต่างวัยที่ทำให้ทรงลืมแคทยา ลืมความรักที่ทั้งสองบากบั่นมาตั้งแต่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ต้องจบลงด้วยการหย่าร้างในที่สุด

    แต่โชคชะตานำพาให้แคทยาพบรักใหม่และใช้ชีวิตบั้นปลายกับพระโอรสในยุโรปอย่างมีความสุข

    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวของพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ที่ประสบความสำเร็จในการจัดการแข่งรถกับพระองค์พีระ งานประพันธ์อมตะและวิถีชีวิตของพระองค์จุลฯ ในอังกฤษ

    หนังสืออัตชีวประวัติเชิงประวัติศาสตร์ไทยเล่มนี้ ประมวลจากจดหมายเหตุรายวัน บันทึกส่วนพระองค์และภาพประกอบมากมายที่ส่วนใหญ่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อน จากคลังเอกสารในความครอบครองของราชสกุลจักรพงษ์ พร้อมเชิงอรรถขยายความท้ายเล่มและสารบัญค้นชื่อ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ผมเติมให้อีกท่าน
    อีกท่านเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีผู้ที่ตรวจสอบให้ท่านนี้ ถึง 3 ท่าน ซึ่งตรวจสอบแล้วก็ตรงกันกับข้อมูลที่คุณnongnooo บอกมา

    พระสมเด็จ มีอยู่รุ่นนึง ผมมีรุ่นนี้เมื่อปีกว่าๆมาแล้ว แต่ผมพึ่งจะทราบว่า ในองค์พระสมเด็จรุ่นนี้ (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีอธิษฐานจิตเดี่ยว และสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2415) มีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม เมื่อสักประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมานี่เอง เนื่องจากท่านที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นำไปให้กับผู้ที่ตรวจสอบท่านนึง ตรวจดูให้ และบอกว่า มีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม สุดท้ายพี่ใหญ่จึงบอกผมว่า ใช่ตามที่ท่านนี้บอกผมมา (ซึ่งเดิมพี่ใหญ่ไม่ได้บอก เกรงว่าถ้าบอกผิดไปแล้วเป็นกรรม)

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันนี้ผมไปซื้อกล่องสแตนเลส เพื่อนำมาบรรจุพระสมเด็จ (ที่ได้ร่วมทำบุญกัน) มาเรียบร้อยแล้ว และผมได้สั่งแผ่นสแตนเลสไว้ ขนาด 3.5 ซม.* 8 ซม.ไว้จำนวน 50 ชิ้น ซึ่งแผ่นสแตนเลสจะมีการบันทึกข้อความไว้ว่า "พระวังหน้า พ.ศ.2367-2428 กรุงรัตนโกสินทร์ คณะพระธรรมทูต พ.ศ.235(โสณ-อุตร) สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี" ซึ่งผมจะนำแผ่นสแตนเลสที่สั่งทำ ใส่ไว้ในโถเบญจรงค์ในทุกๆโถ (หากสามารถทำได้ เนื่องจากผมต้องไปรับแผ่นสแตนเลสนี้ ในสับดาห์หน้า ผมไม่แน่ใจว่าผมจะนำไปใส่ไว้ได้ทุกๆโถหรือไม่)

    แผ่นสแตนเลสที่จะนำไปใส่ในโถเบญจรงค์ น่าจะอยู่ประมาณ 40 แผ่น(แผ่นละ 180บาท) ทางร้านคิดในราคาต้นทุนให้ ถูกมากๆ รวมทั้งกล่องสแตนเลสก็คิดในราคาต้นทุน(500บาท)เช่นกัน หากแผ่นสแตนเลสที่เหลือ ผมจะได้นำไปใช้ในงานอื่นๆต่อไปด้วย

    เรื่องนี้ต้องทำ เนื่องจากว่า เดี๋ยวคนรุ่นต่อๆไปจะไม่ทราบว่า พระที่บรรจุอยู่คืออะไร จะได้ไม่โง่กัน

    หากท่านใดจะทำอุปกรณ์ที่ทำจากสแตนเลส ขอเชิญได้ที่ร้านเลิศลอย (269 ถนนตากสิน แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.) อยู่ใกล้ๆกับสำเหร่ ร้านนี้พระอาจารย์นิลท่านมาสั่งตู้พระไตรปิฎก(ทำจากสแตนเลสทั้งตู้) จำนวน 5 ตู้ด้วยครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนกล่องสแตนเลสที่ผมจะนำพระสมเด็จ(ที่ร่วมทำบุญกัน) ผมจะนำแผ่นทองเหลือง ผมเองจะเขียนข้อความด้วยเหล็กจาร เพื่อบอกให้คนรุ่นต่อไปได้ทราบ

    แผ่นทองเหลือง (หลวงปู่สุภา อธิษฐานจิตไว้ และนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ผ้ายันต์ครอบจักรวาล)
    เหล็กจาร (หลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ,หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นต้น) เคยใช้

    ผมกราบขอขมาองค์หลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ทุกๆองค์ ,หลวงปู่ทุกๆองค์ที่อธิษฐานจิตแผ่นทองเหลือง และหลวงปู่สุภาด้วยครับ
    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ

    sithiphong
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ส่วนพระพิมพ์ หรือเหรียญที่คุณkaticatได้รางวัลธนาคารความดี ที่ไม่ใช่พระวังหน้า ผมคงต้องปรึกษากับคุณเพชร และแยกใส่ในกล่องอื่นต่างหาก คนรุ่นหลังจะได้ไม่สับสนครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1381



    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1381

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 24 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 21 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">



    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, lkT6dki </TD></TR></TBODY></TABLE>

    --------------------------

    สงสัยว่า ต้องไปหากล่องอีก 1 กล่องหรือโถเบญจรงค์ขนาดเล็กมาแล้วครับคุณเพชร
    ไว้มาเจอกันแล้วค่อยคุยกันอีกครั้งนะครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ขอแจ้งหมายกำหนดการยกฉัตร ที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    [​IMG]

    แผนที่ การเดินทางไปที่ สนส.ผาผึ้งครับ
    [​IMG]

    http://palungjit.org/showthrea...61#post1785661
    http://palungjit.org/showthrea...14#post1785514

    การสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ปัจจุบันนี้ใกล้จะสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว คงเหลือการตกแต่งภายใน ,ภายนอก อีกบางส่วน งบประมาณเท่าที่ผมทราบมายังคงค้างอยู่อีก ประมาณ 1-1.5 ล้านบาท

    ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว(สร้างไปแล้วประมาณ 80 กว่า%ครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมกันสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิมาโดยตลอดครับ
    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- attachments -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    อีกซักครู่พบกัน ผมขอนำพระวังหน้าร่วมบรรจุด้วย ๑๐๐ องค์ ประกอบด้วย
    พระรูปเหมือนหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ๒๐ องค์
    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์นิยม รักแดง ๑๐ องค์
    พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์พระประธาน รักแดง ๑๐ องค์
    พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวนวลที่หลวงปู่อุตรเถระเจ้าเสก ๑๐ องค์
    พระสมเด็จปัญจสิริ พิมพ์หลังประทุน ๑๐ องค์
    พระสมเด็จปัญจสิริ ๑๐ องค์
    พระสมเด็จวังหน้า ๓๐ องค์(พิมพ์นิยม และพิมพ์เกษไชโย ฐาน ๗ ชั้น)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    --------------------------------------------------------------------

    ขอแจ้งหมายกำหนดการยกฉัตร ที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    [​IMG]

    แผนที่ การเดินทางไปที่ สนส.ผาผึ้งครับ
    [​IMG]

    http://palungjit.org/showthrea...61#post1785661
    http://palungjit.org/showthrea...14#post1785514

    การสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ปัจจุบันนี้ใกล้จะสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว คงเหลือการตกแต่งภายใน ,ภายนอก อีกบางส่วน งบประมาณเท่าที่ผมทราบมายังคงค้างอยู่อีก ประมาณ 1-1.5 ล้านบาท

    ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว(สร้างไปแล้วประมาณ 80 กว่า%ครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมกันสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิมาโดยตลอดครับ
    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- attachments -->
     
  10. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ขอแสดงความเห็นด้วยครับ ก้อนหินทั่วไป หากไม่บังเอิญเป็นธาตุกายสิทธิ์ หรือ ปฐวีธาตุ
    ในความเห็นผมก็ไม่ต่างจากหินธรรมดา นอกจากคนที่พกหินนั้นจะฝึกจิตจนแก่กล้า และ เสกได้เอง
    แต่ถ้าทำได้แบบนั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องพกไว้คุ้มครองตัวเองครับ

    ช่วงนี้งานยุ่งมากไม่ค่อยได้เข้ามากลางวันเลย เลยพลาดกิจกรรมนี้ไป แต่อยากแสดงความเห็น
    เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หากพี่จะมอบสายสิญจน์ให้ ผมขอบรรจุร่วมในพระเจดีย์นะครับ แต่ถ้าไม่ผมก็สบายใจครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2009
  11. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ่า...ไม่ลงรูปหรือครับ หุหุ รุ่นอะไรน๊า...
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    หมดเวลาครับน้องหมอ พี่ตั้งใจแค่ประมาณครึ่งวันครับ
    แต่ก็ขอขอบใจเรื่องแสดงความคิดเห็นนะครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมเติมให้อีกท่าน
    อีกท่านเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีผู้ที่ตรวจสอบให้ท่านนี้ ถึง 3 ท่าน ซึ่งตรวจสอบแล้วก็ตรงกันกับข้อมูลที่คุณnongnooo บอกมา

    พระสมเด็จ มีอยู่รุ่นนึง ผมมีรุ่นนี้เมื่อปีกว่าๆมาแล้ว แต่ผมพึ่งจะทราบว่า ในองค์พระสมเด็จรุ่นนี้ (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีอธิษฐานจิตเดี่ยว และสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ.2415) มีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม เมื่อสักประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมานี่เอง เนื่องจากท่านที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นำไปให้กับผู้ที่ตรวจสอบท่านนึง ตรวจดูให้ และบอกว่า มีพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม สุดท้ายพี่ใหญ่จึงบอกผมว่า ใช่ตามที่ท่านนี้บอกผมมา (ซึ่งเดิมพี่ใหญ่ไม่ได้บอก เกรงว่าถ้าบอกผิดไปแล้วเป็นกรรม)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ไม่ลงรูปครับ
    แต่ถ้าจำไม่ผิด รูปรุ่นนี้เคยลงในกระทู้พระวังหน้าแล้ว แต่จำไม่ได้แล้วว่า อยู่หน้าไหนอ่ะ ลองไปหาดูกันเอง
    ;aa13
    .
     
  14. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    หุหุ ขนาดไม่รู้ก็ได้ข่าวว่าตามเก็บกันอยู่แล้วนะสำหรับรุ่นนี้ ถ้ารู้อีกคงจะยิ่งวุ่น
    ยังไงเสียคนได้ไป สำหรับพระวังหน้า ก็ต้องเก็บบูชาให้ดีนะครับ เกิดเจอรุ่นนี้เข้าไป จะโดนกรรมหนักไปกันใหญ่
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ะ รุ่นไหนครับผมไม่เห็นทราบเลยครับ หุ หุ
     
  16. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    คงต้องฝากคุณน้องนู๋ ถาม คุณลุงข้างบ้าน ว่า เคยเห็นหรือเปล่า ครับ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ได้มาแล้ว สำหรับแผ่นทองเหลือง ถ้าไม่คืนนี้ หรือคืนพรุ่งนี้ จะเขียนอธิบายไว้โดยย่อๆว่า พระวังหน้าเป็นอย่างไร พระวังหลวงเป็นอย่างไร เพื่อให้คนรุ่นหน้า ได้รู้เรื่องกัน

    และผมจะทุกๆที่ที่ผมนำไปบรรจุตามที่ต่างๆ จะได้ขยายความรู้ขึ้นไปในอนาคตครับ

    .
     
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เยี่ยมเลยครับ ความรู้จะได้ส่งต่อไปไม่สูญหายครับ
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ะ มีผู้ใจบุญมาแซวตาลุงข้างบ้านผมด้วยครับ หุ หุ
     
  20. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    วันนี้ได้โอนเงินร่วมบุญ 1000.11 บาท เวลา 15.28น.ค่ะ เป็นค่ากล่องสเตนเลส 500 บาท ส่วนที่เหลือสมทบกับเจดีย์ก่อนนะคะ
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...