ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ผู้ชุมนุมปิดถนนใน กทม.เพิ่มอีกหลายสาย​

​

กรุงเทพฯ 10 เม.ย. - กลุ่มคนเสื้อแดงยังชุมนุมปิดถนนเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้นทาง ตำรวจแนะนำควรหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว ขณะที่เส้นทางหลวงมุ่งหน้าหลายจังหวัด ยังคล่องตัว และไม่พบอุบัติเหตุ

ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร กองบัญชาการตำรวจนครบาล สรุปภาพรวมการปิดการจราจรของกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่ามีการปิดการจราจรเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้นทาง อาทิ แยกนราธิวาสราชนครินทร์ ถึงแยกสาธร, แยกนรินทร (ฝั่ง ถ.นราธิวาส) หน้าตึกเอ็มไพร์ ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปิดการจราจร บริเวณหน้าสถานีดับเพลิงสุทธิสาร ตั้งแต่ถนนวิภาวดีฯ ทั้งขาเข้าและขาออก ถึงแยกใต้ด่วนดินแดง, แยกตึกชัย, แยกสุขุมวิท-พระราม 4,ถนนมิตรไมตรี, ทางลงยกระดับสุรศักดิ์, ถนนอโศก-ดินแดง และแยกโบสถ์แม่พระ

ขณะที่เส้นทางโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยังคงปิดการจราจรทั้ง 4 ด้าน ต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ รวมทั้งถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่ แยก พล.1 ถึงแยกสี่เสาเทเวศน์ ที่ยังคงปิดการจราจรต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 8 เมษายนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทางกองบังคับการตำรวจจราจรได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหากไม่มีความจำเป็นจริงๆ ขอให้ประชาชนชนหลีกเลี่ยงการการใช้เส้นทางดังกล่าว หรือสอบถามสภาพการจราจรได้ที่ สถานีวิทยุ สวพ.91 หมายเลข 1644 กองบังคับการตำรวจจราจ 1197 และ 1137

ส่วนการจราจรบนถนนหลวงที่จะมุ่งหน้าสู่จังหวัดต่างๆ พบว่ายังคล่องตัวทั้งขาเข้าและขาออก รวมทั้งวงแหวนรอบนอก บริเวณด่านทับช้าง รถยังเคลื่อนตัวได้ตามปกติ และยังไม่มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ตำรวจทางหลวงคาดว่าช่วงบ่ายถึงเย็นวันนี้ จะมีประชาชนทยอยเดินทางหนาแน่นขึ้น สามารถสอบถามเส้นทางได้ที่ 1193 และ 02-354-6007 ตลอด 24 ชั่วโมง.- สำนักข่าวไทย

2009-04-10 11:54:25

ผลกระทบเสื้อแดงปิดถนน ชาวกรุงเปลี่ยนเส้นทางและวิธีเดินทางไปทำงานเช้านี้​

​

กรุงเทพฯ 10 เม.ย.-การปิดจราจรของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ส่งผลให้ประชาชนกรุงเทพฯ ที่ยังต้องทำงานในวันนี้ต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินทางจากปกติ

โดยส่วนใหญ่หันไปใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟใต้ดิน เพื่อร่นระยะทางก่อนไปหารถต่ออีกระยะ น.ส.พิชญา สมะพันธุ์ ซึ่งเดินทางจากห้วยขวางไปทำงานที่ย่านสยามสแควร์ ใช้วิธีเดินเท้าให้พ้นจากจุดที่ผู้ชุมนุมปิดจราจร บริเวณแยกประชาสงเคราะห์ แล้วชักชวนเพื่อนร่วมทางที่รอรถโดยสารสาธารณะด้วยกันที่จะไปเส้นทางเดียวกัน เพื่อร่วมแบ่งจ่ายค่าโดยสารแท็กซี่

ด้านนางมาลี ศรีประเสริฐ กล่าวขณะขึ้นจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินว่า เปลี่ยนเส้นทางมาใช้รถไฟฟ้าใต้ดินจากสามย่าน เพื่อต่อรถที่แยกรัชดาภิเษกไปถนนรามคำแหง ต่างบอกว่าการที่รัฐบาลประกาศเป็นวันหยุดราชการช่วยลดความเดือดร้อนของประชาชนได้ครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังเดือดร้อนและอยากขอให้ผู้ชุมนุมเปิดการจราจรโดยเร็ว สำหรับการจราจรบริเวณถนนโดยรอบที่มุ่งสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิคับคั่งเป็นบางจุด โดยเฉพาะจุดที่รถประจำทางหยุดวิ่ง.-สำนักข่าวไทย

2009-04-10 09:26:46

ยิงอาก้าถล่มรถ ผญบ.พัทลุง บาดเจ็บ​

​

พัทลุง 10 เม.ย.- พ.ต.อ.ปรีชา กลัดสวัสดิ์ ผกก.สภ.เมืองพัทลุง นำกำลังเข้าตรวจสอบถนนสายตำนาน–บ้านไสในขัน หมู่ 8 ต.ตำนาน อ.เมือง หลังเกิดเหตุยิงถล่มรถกระบะทะเบียน กข 7250 พัทลุง ช่วงสายวันนี้ (10 เม.ย.)

ซึ่งเป็นรถของนายสมปอง ช่วยเนียม อายุ 39 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 15 ต.ตำนาน ถูกกระสุนปืนอาก้าเป็นรูพรุนเกือบทั่วคัน ส่วนนายสมปอง บาดเจ็บชาวบ้านนำส่งโรงพยาบาลปิยะรักษ์พัทลุง เจ้าหน้าที่เก็บปลอกกระสุนปืนอาก้ากว่า 40 นัด ไว้เป็นหลักฐาน โดยก่อนเกิดเหตุนายสมปอง ขับรถยนต์คันดังกล่าวกลับบ้านระหว่างทางมีรถกระบะสีขาวแซงขึ้นประกบ จากนั้น 4 ชายฉกรรจ์ใช้อาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก กระหน่ำยิงไม่ยั้ง ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากขัดแย้งการเมืองท้องถิ่น.-สำนักข่าวไทย

2009-04-10 13:44:46

ที่มา http://news.mcot.net/politic/

เสื้อแดงกว่า 2 พันคนบุกประชิดโรงแรมที่ประชุมอาเซียน

​

​

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
<!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT>
ล่าสุด มีรายงานว่า กลุ่มเสื้อแดงสามารถฝ่าด่านตำรวจและทหารได้ถึง 5 ด่านแล้ว ตอนนี้เคลื่อนขบวนมาถึงหน้าโรงแรมสถานที่จัดการประชุมอาเซียนแล้ว
ขณะที่ ที่ประชุมโกลาหลไฟลัดวงจร

โรงแรมรอยัล คลิฟบีช รีสอร์ทพัทยา เมื่อเวลา 11.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงประมาณ 300 คน ซึ่งเป็นชุดล่วงหน้าได้ผ่าด่านสกัดกั้นของ ตำรวจในพื้นที่ ตำรวจตะเวนชายแดน และทหาร เข้ามาถึงบริเวณทางเข้าโรงแรม และปิดทางไม่ให้รถผ่านเข้าออกโรงแรมได้ ทำให้การจราจรหน้าโรงแรมติดขัดเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยตามขึ้นมาปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณหน้าโรงแรมกว่า 1,000 คน โดยมีการนำรถ 6 ล้อปราศรัยเคลื่อนที่ นำโดย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ได้ปราศรัยให้ผู้ชุมนุมปิดล้อมบริเวณด้านหน้าโรงแรม โดยจะไม่มีการบุกรุกเข้ามายังโรงแรม

จากนั้นเวลา 11.56 น. ทหารเรือประมาณ 1 กองร้อย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อีกจำนวนหนึ่งได้มาตั้งแถวเป็นแนวป้องกันทางเข้าโรงแรมเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผุ้ชุมนุมบุกเข้ามาในโรงแรมได้ ส่วนการอารักขาผู้นำประเทศ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประชุมได้มีการจัดหน่วยนาวิกโยธินอารักขาผู้นำแต่ละประเทศที่มาถึงแล้วอย่างเข้มงวด โดยใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขึ้นสูงสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนนี้ เวลา 11.00 น. บริเวณอาคารปฏิบัติงานของผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศ เกิดไฟดับประมาณ 20 นาที เกิดความโกลาหล เนื่องจากมีผู้สื่อข่าวที่ต้องการจะผ่านเข้าไปยังศูนย์ผู้สื่อข่าว แต่ไม่สามารถสแกนบัตรให้ผ่านได้

ต่อมา เมื่อแก้ไขกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ได้แจ้งว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ไม่ใช่เกิดจากการตัดไฟ เนื่องจากขณะที่เกิดไฟดับ กลุ่มผู้ชุมนุมได้บุกเข้ามาถึงบริเวณเชิงเขาพระตำหนักแล้ว จึงสงสัยว่าอาจเกิดจากกลุ่มชุมนุมตัดไฟ

วันที่ 10 เมษายน 2552 13:08

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

 

กรรมของประเทศจริง ๆ

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

...บูมแรงกรรมวงเวียนกรรมกงล้อกรรม
คือกระทำคือความคิดคือจิตไหว
คือการตอบคือสนองสะท้อนนัย
คือความหมายให้สิ่งใดได้กลับคืน

...รอยเท้าเหยียบสุธาย้ำซ้ำอีกรอบ
กรรมตีกรอบครอบใจจิตยากจะฝืน
สะสมทำกรรมล้อเกวียนเวียนกลับคืน
ทนกล้ำกลืนฝืนให้ผ่านกาลเลยไป

...ช้างสารท้าชนช้างชนหญ้าป่นปี่
นั่นเพราะหญ้าก็ต้องมีกรรมเคียงใกล้
หากไม่มีไฉนแหลกลานทะลาย
เพราะยินดีในสิ่งร้ายก็เป็นกรรม

...เตือนจิตใจให้ยึดมั่นในธรรมมะ
ให้ลดละอโหสิธรรมชูค้ำ
วางกิเลสตัณหาละเพื่อตัดกรรม
อย่าตอกย้ำซ้ำรอยเกวียนเวียนวงกรรม
............................ธรรมดา(ฯ)

 

ไม่มีคำว่าสายเกินแก้ในพระพุทธศาสนา

โดยปกติของพระพุทธองค์ ธรรมใดที่ไม่จริง พระองค์จะไม่ตรัส ตรัสอย่างใดก็เป็นอย่างนั้นไม่เป็นอื่น คำสอนของพระองค์จึงเป็นหนึ่งเสมอ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นอริยสัจหรือความจริงทุกคำพูด

ไม่มีคำว่าสายเกินแก้ในพระพุทธศาสนา เมื่อรู้ว่าผิด รู้ว่าไม่ดี รู้ได้ที่ใจเราก่อนทั้งสิ้น

คำขอขมาพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ
(ถ้าหลายคนว่า.....ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ....
ขะมะตุ โน ภันเต , อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ )
​

หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ

พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้

ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย

และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ ฯ

 

*** ผู้ทำได้...คงต้องมา ****



- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางไปสู่พระนิพพาน สรุปย่อๆว่า
<o></o>
ก) ศีล สมาธิ ปัญญาย่อมาจากอริยมรรค 8 ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์
<o></o>
ข) “พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ต่างก็บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้ด้วยอริสัจทั้งสิ้น และพระสาวกของพระองค์ทุกองค์ต่างก็จบกิจเป็นพระอรหันต์ได้ด้วยอริยสัจ มีทางนี้ทางเดียว ทางอื่นไม่มี” ทรงตรัสไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว
<o></o>
ค) ดังนั้นท่านผู้ใดที่ต้องการจะพ้นทุกข์ หรือไปพระนิพพานภายในชาตินี้ ก็ต้องอาศัยศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักสำคัญในการปฏิบัติ ทรงตรัสว่า “ผู้ ใดต้องการพระนิพพานจริง ต้องรักษาศีล 5 ศีล 8 ศีล 227 หรือศีลพระปาติโมกข์เสียก่อน จึงชื่อว่าเข้าใกล้ทาง มีโอกาสที่จักได้ถึงโลกุตรธรรมนิพพานโดยแท้”<o></o>
<o></o>
“ผู้ปรารถนาพระนิพพาน ต้องแสวงหาครูที่ดีที่รู้แจ้งพระนิพพานจริง”<o></o>
ทรงยกตัวอย่าง ท่านพระองคุลิมาลเถระ เดิมได้ครูที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อเริ่มต้นผิด ผลที่ได้รับก็ผิดตลอด คือเป็นมหาโจรฆ่าคนตายนับพัน เมื่อได้พบตถาคตซึ่งเป็นสัมมาทิฏฐิ ผลที่ได้รับก็จบกิจเป็นพระอรหันต์ ดังนั้น บุคคลผู้ไม่รู้พระนิพพานไม่ควรเป็นครูสั่งสอนท่านผู้อื่นในทางพระนิพพานเลย ถ้าขืนเป็นครูจักพากันฉิบหาย เป็นบาปกรรมแก่ตัวหนักหนาทีเดียว


จงอย่าหาพระธรรมนอกตัวเรา เพราะพระธรรมอยู่ที่ตัวเราคือกายและจิตเราทั้งสิ้น (84,000 พระธรรมขันธ์ ทรงสอนอยู่กายกับจิตเท่านั้น ทุกคนจึงมีตู้พระธรรมหรือตู้พระไตรปิฏกอยู่ ทุกคนจงพยายามใช้ปัญญาศึกษาแต่ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์เถิด)

 

*** องค์คุลีมาลย์ รับสัจจะพระพุทธเจ้า ****

องค์คุลีมาลย์ ท่านเคยผิดพลาด
ท่านไปเชื่ออาจารย์ ... ที่บอกว่าชีวิตจะเป็นอมตะ ถ้าฆ่าคนครบ ๑,๐๐๐ คน
เมื่อ ฆ่าไปแล้ว ๙๙๙ คน
ระหว่างที่จะกลับบ้าน ก็คิดว่าไม่ต้องไปเหนื่อยที่ไหน
ก็ไปฆ่าคนที่บ้านซะเลย
ขณะกำลังเดินกลับบ้าน ปรากฏว่าได้ยินเสียง แต่ไม่เห็นตัว
ตามจริงคือ ตัวกระทำของพระพุทธเจ้า เป็นบทสวดมนต์
ได้มาปรากฏคุยกับ องค์คุลีมาลย์ มาบอกว่า...ท่านทำไม่ถูก
องค์คุลีมาลย์ จึงถามว่า....จะต้องทำอย่างไร
พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า...ท่านจะต้องมีสัจจะ
คือ ......."เราไม่ควรจะเป็นทาสผู้อื่นด้วยประการทั้งปวง ...เราจะไม่เป็นพรานล่าชีวิตของผู้อื่น"
องค์คุลีมาลย์ จึงรับสัจจะ... กับพระพุทธเจ้า
แล้วจึงบวชเป็นพระ

เรื่ององค์คุลีมาลย์ คือ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้า ๕๐๐ ปี ไปแล้ว
บันทึกจากคำบอกเล่าของโลกุตตระ เมื่อ ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๓
- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

อันคำว่าอัตตานั้น อาจอันตรายกว่าที่คิด
ถ้าแม้นได้หลงก่อขึ้นแล้ว
ก็ใช้อัตตา พิจารณาอัตตา
ก็จะไม่มีวันได้เห็นอัตตาในตนเลย

 

เวลานี้กฎของกรรมกำลังให้ผลหนัก ประเทศกำลังแตกแยก โลกกำลังลุ่มร้อน

“เวลานี้กฎของกรรมกำลังให้ผลหนัก ความผันผวนย่อมเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่ไม่ควรที่จักหวั่นไหว รักษาจิตให้สงบ ให้เห็นทุกข์อย่างเป็นกฏธรรมดาเข้าไว้ รักษาอะไรไม่สำคัญเท่ารักษาจิตใจของตนเอง ใคร ตกอยู่ในห้วงของกิเลสก็ไม่สำคัญเท่ากับจิตใจของตนเองที่ตกอยู่ในห้วงของ กิเลส ดูจุดนี้เอาไว้ให้ดี รักษาอารมณ์ของตนเองให้อยู่ในกุศล ดีกว่าปล่อยให้ตกอยู่ในห้วงของอกุศล ปล่อยวางกรรมใครกรรมมันให้ได้ ใช้ปัญญาพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นชัดในกฎของกรรม จุดนั้นแหละจึงจักปล่อยวางกรรมใครกรรมมันได้ ความสุขจักเกิดขึ้นแก่จิตใจของตนเองอย่างแท้จริง”
<o>

</o>*มีชีวิตอยู่ อย่าหนีปัญหา เพราะหนีไม่พ้น หากกายยังอยู่ปัญหาของโลกก็เป็นธรรมดาของโลก จะพ้นได้ เมื่อตัดอารมณ์ 2 พอใจกับไม่พอใจได้เด็ดขาดแล้ว


* หากยังตัดอารมณ์ 2ไม่ได้ จงอย่าเอาอดีตที่ผ่านมาแล้วและอนาคตที่ยังมาไม่ถึงมาครุ่นคิด เพราะล้วนเป็นทุกข์ของจิต ต้องอยู่ในปัจจุบันธรรม<o></o>

 

คัดลอกส่วนหนึ่งมาจาก http://thaiup.mine.nu/main/buddist/buddist02.html

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น… องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจดูอุปนิสัยของสัตว์โลกทั้งหลายว่ามีใครสมควรที่พระองค์จะไปทรงโปรดได้บ้าง พระบรมศาสดาก็ทรงทราบว่าองคุลีมาลผู้นี้มรรคผลจะเกิดแก่เธอแต่ถ้าให้องคุลีมาลพบกับมารดาซึ่งจะไปหาลูกชายเสียก่อน บาปอันมหันต์ก็จะเกิดแก่องคุลีมาล เพราะองคุลีมาลตั้งใจแน่วแน่ว่า ในตอนเช้าวันนี้หากพบปะใครเป็นคนแรกก็จะฆ่าทันทีเพื่อจะตัดนิ้วให้ครบ ๑,๐๐๐ นิ้ว องคุลีมาลจะต้องพบกับมารดาเป็นคนแรกแน่ๆ และเขาก็จะฆ่ามารดาตามที่ตั้งใจไว้ การฆ่าแม่ผู้ให้กำเนิดเป็นอนันตริยกรรม แม้จะมีบุญมหาศาลอย่างไร บุญนั้นจะยังให้ผลไม่ได้ต้องไปรับกรรมในอเวจีมหานรกก่อน<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O> </O>
ด้วยพระกรุณาธิคุณ พระพุทธองค์จึงตัดสินพระทัยไปโปรดองคุลีมาลก่อนที่เขาจะสร้างกรรมตามที่จองเวรไว้ พระพุทธองค์เสด็จผ่านไปยังที่องคุลีมาลซ่อนกายอยู่ เมื่อองคุลีมาลเห็นพระสมณโคดมก็ออกจากที่ซุ่มซ่อนวิ่งไล่หมายจะฆ่าเอานิ้วที่ ๑,๐๐๐ ซึ่งเป็นนิ้วสุดท้าย พระบรมศาสดาได้แสดงฤทธิ์โดยพระองค์ดำเนินไปตามปกติ ส่วนองคุลีมาลวิ่งไล่กวดสุดฝีเท้า แต่วิ่งจนเหนื่อยหอบอย่างไรก็ไม่ทันพระองค์ องคุลีมาลจึงตะโกนไปว่า“สมณะหยุดก่อน”
พระจอมไตรตอบว่า
“เราหยุดแล้ว”
พระพุทธองค์ทรงดำเนินไปเรื่อยๆองคุลีมาลวิ่งไล่อย่างไรก็ไม่ทันเช่นเคย จึงฉุนโกรธยิ่งนักตะโกนกล่าวไปอีกว่า
“สมณะ! ทำไมจึงพูดมุสาวาท ท่านเดินอยู่ แต่บอกว่าหยุดแล้ว”
พระพุทธเจ้าจึงหันมาดำรัสว่า
“องคุลีมาล ตถาคตหยุดจากบาปธรรม กรรมอันลามกแล้ว เธอยังไม่หยุดอีกหรือ…”
ด้วยพระพุทธดำรัสเพียงเท่านี้องคุลีมาลก็ฉุกคิดได้กุศลกรรมได้เข้ามาสนองใจ ใจก็เกิดมีกำลังเพราะปีติได้สติคิดว่า โอ้… นี่เราทำความชั่วเสียแล้วหรือ จึงวางดาบถอดพวงร้อยนิ้วออกแล้ววิ่งเข้าไปหมอบกราบแทบพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ขณะนั้นมารดาขององคุลีมาลมาถึงพอดี พระพุทธองค์จึงทรงให้โอวาทในที่สุดองคุลีมาลก็ขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาและได้บรรลุเป็นพระอรหันต์…<O> </O>
<O></O>
<O></O>

 

*** ศีล กับ พระพุทธเจ้า ****

ศีล มีมาก่อนพระพุทธเจ้า
พ่อแม่ปู่ย่าทวดของพระพุทธเจ้าท่านถือศีลมาก่อน
แต่พระโคดม เข้าไปอยู่ในป่าคนเดียว
พยายามค้นหาความจริง ว่าศีลที่ถือกันมานั้น จะพาให้พ้นทุกข์ได้จริงหรือ
แล้วพระองค์ก็พบว่า ศีลปาณานั้น เกิดเป็นมนุษย์ไม่สามารถทำได้จริง
เพราะสัตว์ที่เล็กกว่าขนตา มนุษย์ก็มองไม่เห็น ยืนเดินนั่งนอนก็ต้องเบียดเบียนเขา
ยิ่งใครพูดว่าตัวเองทำได้ ก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องโกหก พูดไม่ตรงความจริงอีก
ถ้ารับศีล พูดพยากรณ์ให้กับตนเอง แล้วทำไม่ได้จริง มันกลับส่งผลเสียย้อนกลับมา

พระพุทธเจ้า จึงพิจารณาต่อพบว่า ความสำคัญอยู่ที่การทำได้จริง
เพราะการทำได้จริง ตามคำที่พูดกล่าวพยากรณ์ออกมา จะไม่เป็นการทำลายศีลพยากรณ์นั้น
การทำได้จริง คือ การทรงได้ สามารถทรงให้เกิดขึ้นได้จริง
จึงเป็นการเดินไปตามความจริง ตามหลักสัจจะธรรม ที่พระพุทธเจ้าพบในธรรมชาติว่า
ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน
เมื่อมนุษย์กล่าวในสิ่งที่สามารถทำได้จริง แล้วก็ทำได้จริง จึงเกิดเป็นความจริง
เกิดเป็นตัวตนของความจริงขึ้นมา ติดตัวไป และมีผลย้อนกลับมาในรูปแบบต่างๆ

พระพุทธเจ้าทรงมองเห็นว่า ศีลที่สุดประเสริฐนั้น เป็นเรื่องที่กว้างใหญ่เกินความสามารถมนุษย์
พระพุทธเจ้าจึงพิจารณาคำสอนของพระองค์เป็น สัจจะ
คือ พยากรณ์สิ่งที่จะทำที่สามารถทำได้จริง เป็นสิ่งที่แคบกว่า ให้ความชัดเจนกับตนเอง
จากศีลปาณาที่กว้าง คือ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
จึงย่อเป็นสัจจะที่ชัดเจนกว่า สัจจะไม่ฆ่ามนุษย์ สัจจะว่าจะไม่ฆ่าวัวไม่ฆ่าควาย
สัจจะสามารถนำไปใช้กับมนุษย์ผู้มีกรรม ผู้ที่กำลังสร้างกรรมกับสัตว์นานาชนิด
สัจจะเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงลงไป เป็นการบุคลิกให้มนุษย์แต่ละคน ที่มีนิสัยเป็นกรรมแตกต่างกัน

หลังจากพระพุทธเจ้าพิจารณาคำสอน คือสัจจะ แล้วพระองค์จึงออกจากป่า
เริ่มโปรดสัตว์โลกด้วยสัจจะ โปรดมนุษย์ให้เป็นอรหันต์ ตัดกิเลสนิสัยเฉพาะบุคคลด้วย สัจจะ
จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต วันละสังขารของพระพุทธเจ้า
ข้อสัจจะ จึงเป็นวินัยในการปฏิบัติของพระสาวกในสมัยพุทธกาล

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<O</O

 

*** สัจจะธรรม ธรรมเที่ยง ****

ถ้าโลกนี้ไม่มีตัวมีตน...กรรมก็ไม่มี กฎแห่งกรรมก็จะไม่มี
ผลตอบแทนจากการกระทำ ก็จะไม่มี
กรรม....เป็นตัวตนที่มองไม่เห็นตัว ล่องหนตลอดเวลา

แต่ โลกนี้เที่ยง...มีหลักสัจจะธรรม
ทุกการกระทำ ก่อให้เกิดตัวกระทำ เป็นตัวกระทำที่ตามติดเหมือนเงาตามตัว
ตัวกระทำนี้ จะส่งผลตอบแทนเสมอ
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ จะเจตนาหรือไม่เจตนา
ก็มีผลตอบแทนย้อนกลับมาทั้งสิ้น

แต่ที่มนุษย์เห็นกันว่าโลกไม่เที่ยง
เพราะ การกระทำมันไม่เที่ยง คือ กาย วาจา ใจไม่ตรงกัน
กายไปทำบุญ แต่ใจอยู่นอกวัดก็มี

สัจจะคำสอนของพระพุทธเจ้า จะทำให้เกิดการกระทำเที่ยง
เพราะ กาย วาจา ใจ จะร่วมกันทำข้อสัจจะนั้นให้เป็นจริงขึ้นมา
ผลตอบแทนจากสัจจะ จึงเที่ยงต่อผู้ทำได้เสมอ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

วัดกับไฟ

ยังไม่มา ยังไม่รู้ เมื่อมา แล้วจะเข้าใจ

 

*** สัจจะหนึ่งของพระพุทธเจ้า ****

มีสัจจะอยู่ข้อหนึ่ง
ที่พระพุทธเจ้า ใช้ลดนิสัยชอบมองคนอื่นผิด ๆ
นิสัยชอบเห็นตนเองดีแล้ว ตนเองเก่งแล้ว
นิสัยชอบมองตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น

คือ สัจจะข้อที่ว่า
"ไม่เห็นผู้อื่นผิด ไม่มองผู้อื่นผิดๆ ไม่เห็นว่าตนเองดีแล้ว"
พระพุทธเจ้า นำมาใช้ปฏิบัติทุกวันๆ เป็นประจำ
ทำให้พระพุทธเจ้าได้พิจารณาพระองค์เอง เกิดเป็นสมาธิพิจารณา
เป็นสมาธิพิจารณา ที่ทำให้เกิดปัญญาสามารถหาทางหลุดพ้นทุกข์จากนิสัยนี้ได้

ถ้ามนุษย์เราทุกคน นำสัจจะข้อนี้มาปฏิบัติให้เหมือนพระพุทธเจ้า
วันละชั่วโมง ในแต่ละวัน นิสัยนี้ของมนุษย์เราก็จะลดลง และหมดได้ในที่สุด

สัจจะนี้เป็นหนทางหลุดพ้นจากกิเลสนิสัยได้จริง
พระพุทธเจ้าอยู่ในป่า ใช้การพิจารณาด้วยพระองค์เอง ไม่ได้อ้างอิงใช้ตำราใดๆ

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั่นเห็นตถาคต...ว่าตถาคตทำอย่างไร
ธรรมของตถาคต...ผู้ทำได้ ผู้ตัดได้ ย่อมรู้ได้เอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เรียนท่านหนุมาน

ท่านผู้ไม่กลัวบาป และ ผู้ไม่กลัวผลของการกระทำ

กระผมมิได้มีเจตนาจะต่อโต้เถียงกับท่านแต่อย่างใด
เพียงแต่เป็นห่วงพระพุทธศาสนาและต้องการชี้แจงคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธองค์เพื่อเกิดประโยชน์ต่อตัวท่านและผู้ที่ผ่านเข้ามาเจอคำสอนที่บิดเบือนศาสนาของท่าน กระผมเตือนสติท่านด้วยความหวังดี มิได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง
การอ้างพระพุทธเจ้าคำสอนพระพุทธเจ้าแบบผิดๆเป็นการปรามาส พระพุทธและพระธรรม

การเจตนา บิดเบือนคำสอนและการเผยแพร่คำสอนที่ผิดมีผลกรรมสุดประมาณ
ท่านอาจมีเจตนาที่ดีแต่สิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะ ธรรมของพระพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้ว
ขอท่านโปรดใคร่ครวญพิจารณาธรรมด้วย สติและปัญญาด้วยเถิด

ถ้าหากท่านยังไม่หยุดบิดเบือนคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ก็ถือว่าเป็นกรรมของท่านใครก็ช่วยท่านไม่ได้
บุคคลผู้ไม่รู้พระนิพพานไม่ควรเป็นครูสั่งสอนท่านผู้อื่นในทางพระ นิพพานเลย ถ้าขืนเป็นครูจักพากันฉิบหาย เป็นบาปกรรมแก่ตัวหนักหนาทีเดียว


ด้วยอานิสงค์ของบุญอันใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วตั้งแต่อดีตจนถึง ปัจจุบัน และอานิสงของการปฏิบัติบูชาแด่พระรัตนตรัยและการเจริญสติ ขอบุญกุศลเหล่านั้นจงดลบัลดาลให้ท่าน พบสัตตบุรุษผู้สอนนิพพาน พบกัลยาณมิตรที่ดี และมีโยนิโสมณสิการ และถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเถิด หากยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด คำว่าไม่ได้ไม่มีจงอย่ามีแก่ท่าน....สาธุ<!-- google_ad_section_end --> <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">

 

*** ศาสนาพุทธ ****

ปัจจุบันนี้
วินัยข้อปฏิบัติ มีมากมาย
ขาดเพียง สัจจะ...เป็นผู้นำการกระทำให้เกิดขึ้นจริง
นี่คือสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้สังคมมนุษย์เสื่อมโทรมลง
การกระทำต่างๆ กาย วาจา ใจไม่ตรงกัน
เป็นการเดินสวนทางกับ สัจจะธรรม
ชีวิตมนุษย์ยุคปัจจุบัน จึงไม่มีแก่นสาร
เพราะ ไม่ได้ทำความจริงให้กับตนเอง
ปล่อยเวลาผ่านไป ตามนิสัยตัวเอง
สร้างกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาทุกวัน
ขอให้พยายามตัดลดนิสัย ให้ได้จริง
วันละข้อ วันละชั่วโมง
สัจจะมีผลตอบแทน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เป็นสัจจะธรรม ****

ขอบคุณที่เป็นห่วงและปรารถนาดี
ถ้า สัจจะเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง...ผู้ที่เชื่อ มีสัจจะ ก็จะได้รับผลตอบแทนจากสัจจะที่ทำได้ นิสัยก็จะลดลง
ถ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าบอกไปไม่เป็นความจริง....ข้าพเจ้าย่อมได้รับผลตอบแทน ตามหลักสัจจะธรรมที่ข้าพเจ้านำมาเปิดเผยในกาลนี้

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

หยุดบิดเบือนเถิด

สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคืออะไร หัวใจพุทธศานาคืออะไร
พระพุทธเจ้าสอนอริยสัจ (หลักพุทธศาสนาที่ต่างจากศาสนาอื่นๆ)
สอนรูป-นาม ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นกฏไตรลักษ์(ทุกขสัจ)
สอนเหตุแห่งทุกข์(สมุทัย)
สอนทางเดินแห่งการพ้นทุกข์ ศีล สมาธิ ปัญญา และ การเจริญสติปัฏฐาน(มรรค)
สอนนิพพาน(นิโรธ)
ธรรมใดที่ไม่จริง พระองค์จะไม่ตรัส ตรัสอย่างใดก็เป็นอย่างนั้นไม่เป็นอื่น คำสอนของพระองค์จึงเป็นหนึ่งเสมอ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นอริยสัจหรือความจริงทุกคำพูด



ท่านมีเจตนาบิดเบือนตรงหัวใจพุทธศาสนาโดยตรงในหลายๆกระทู้ที่ผมพบเห็นจนอดไม่ได้ที่จะออกมาโพสกระทู้ชี้แจงธรรมของพระพุทธองค์ในฐานะพุทธศาสนิกชน

ท่านเป็นใคร เป็นสัตตะบุรุษผู้มีปัญญาเหนือพระพุทธเจ้าหรือ???ถึงกล้าออกมาประกาศวาทะบิดเบือนทุกขสัจ หลักอริยสัจและทางแห่งมรรคโดยตรงอันถือเป็นแก่นในพุทธศาสนาในหลายๆกระทู้และลบหลู่พระไตรปิฎกที่สังคยนาโดยพระอรหันต์สาวก ท่านเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณหรือ???

ไม่รู้ว่าท่านมีเจตนาอะไร แต่ในฐานะพุทธศาสนิกชน ต้องออกมาขอร้องท่าน ถ้าท่านไม่หยุดก็ถือเป็นกรรมของท่าน
ไม่มีคำว่าสายเกินแก้ในพระพุทธศาสนา เมื่อรู้ว่าผิด รู้ว่าไม่ดี รู้ได้ที่ใจเราก่อนทั้งสิ้น


เดี๋ยวนี้มีผู้ไม่หวังดีต่อพุทธศาสนาแฝงตัวในในคราบพุทธบริษัทและนักเผยแพร่จำนวนมาก
ขอพุทธบริษัททั้งหลายโปรดใช้สติและปัญญาพิจารณาใตร่ตรองในธรรมด้วย

ตราบใดอริสัจยังอยู่พระธรรมของพระพุทธเจ้าก็ยังอยู่ครบถ้วนบริบูรณ์
ตราบใดมีผู้เจริญมรรคมีองค์8ครบถ้วนและมีผู้เจริญสติปัฏฐานตราบนั้นก็จะไม่สิ้นพระอรหันต์

คำขอขมาพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ
(ถ้าหลายคนว่า.....ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ....
ขะมะตุ โน ภันเต , อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ )
​

หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ

พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้

ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย

และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ ฯ

 

<TABLE class=tborder id=post1925686 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px" width=175>ทีมผู้ดูแลเว็บบอรด์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1925686", true); </SCRIPT>
ทีมผู้ดูแลเว็บบอรด์

วันที่สมัคร: Jul 2008
ข้อความ: 285
<IF condition=""></IF>Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3
ได้รับอนุโมทนา 112 ครั้ง ใน 56 โพส
พลังการให้คะแนน: 38



</TD><TD class=alt1 id=td_post_1925686 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->โปรดให้ความร่วมมือ งดกระทู้ และโพสต์ร้อน กระทบกระทั่งการเมือง<!-- google_ad_section_end -->

</CENTER>
<HR style="COLOR: rgb(255,255,255); BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255)" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!-- google_ad_client = "pub-2576485761337625"; /* 250x250, created 31/01/09 */ google_ad_slot = "7252767143"; google_ad_width = 250; google_ad_height = 250; //--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><INS style="BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-RIGHT: 0pt; BORDER-TOP: medium none; PADDING-LEFT: 0pt; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0pt; MARGIN: 0pt; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 250px; PADDING-TOP: 0pt; BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px"></INS>
1



</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รู้สึกว่ามาร้อนรุ่ม นอนไม่ได้มาสามวันแล้ว ไม่ทราบว่าใครเป็นบ้าง