ไม่ใช่นะครับที่มักกล่าวว่า “สมถะเหมือนการหลบภัย วิปัสสนาเหมือนการผจญภัย”

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 26 พฤษภาคม 2009.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    อืมม ท่านกลับตัวกลับใจนี่เข้าใจพูดนะ

    เพราะว่า ขาดเมตตานี่แหละ มันเลยขาดความอ่อนโยน จิตนี่นอกจากจะต้องฝึกให้เขามีความหนักแน่นแล้ว ต้องฝึกให้เขามีความอ่อนโยนด้วย ไม่ใช่แข็งกระด้าง หนักแน่นแต่อ่อนโยน ทีนี้บางทีเราเอาแต่จิต ๆ ๆ ภายใน ๆ วิมุติ ๆ อย่างเดียว สมมุติไม่รักษา ไม่ประคับประคอง มันก็มีปัญหากับคนรอบข้างได้ จะรักษาส่วนใหญ่โดยการมุ่งทำร้ายส่วนน้อยนี่ต้องพิจารณาให้ดี ไม่ทำก็เหมือนทำ ข้อนี้ก็เป็นศีลอย่างหนึ่ง หมั่นรักษาความปกติของใจไว้เป็นดีที่สุด ทุกคนเกิดมาต่างคนต่างต้องสร้างบารมีของตัวของตัวเอง ความไม่ได้ดั่งใจนั่นแหละมันทำลายกันได้ ต้องเติมเมตตาให้เยอะ ๆ ถ้าว่าดับกิเลสแล้ว โทสะนอกจากเราต้องดับคือไม่ปรุงต่อแล้ว ยังต้องเจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทนอีก จิตถึงจะมีกำลังเต็มที่ เห็นมั้ย มีฌานมันยังทำวุ่นได้ ดูให้ดี ๆ ไม่ใช่จะเอาแต่ถูก ๆ แล้วฆ่าพวกที่คิดว่าผิดให้หมด อันนั้นแหละ มันยังขาดไปจริง ๆ เสื่อมได้เหมือนกันนะ

    สมมุติก็ต้องรักษา วิมุติก็ศึกษาไป ทำให้มันเข้ากันได้ และไปด้วยกันได้อย่างกลมกลืนนั่นแหละ มิน่าหล่ะ พระอรหันต์ท่านไปอยู่ที่ไหน ๆ ถึงได้มีแต่คนรักนะ อย่างนี้เอง...

    สาธุ
     
  2. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    นานากร ไม่ใช่นานาคร ท่านจินนี่ไม่ได้ยกหางนานา ไม่เอ่ยชืื่อ สาหตุอะไร ท่านจึงคิดไปได้หนอ
    เรียกนานากรรม ก็ได้ ท่านจินนี่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเจอ
    อะ อนุโมให้ท่านขันธ์ก็ได้ เดี๋ยวน้อยใจ
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ tboon สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ แสดงวิธีการจัดการกับ มารไว้กี่วิธี คุณรุ้ไหม

    เมตตา เอาไว้ใช้กับ มารที่เป็น ช้าง ซึ่งเป็น สัตว์ที่ไม่รุ้เรื่องอะไร และ ตกมัน
    ส่วน พวกมารยาสาไถ พระพุทธองค์ ใช้ อิทธวิธี พวกพรหมมิจฉาทิฎฐิ พระองค์ใช้ฤทธิ์ ต่างๆ

    นี่แหละ วิธีการที่จัดการกับ พวก มิจฉาทิฎฐิ
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คนเรา มีสองประเภท ที่จะไม่รุ้สึกกับกรรมที่ทำลงไป
    1 พวกเก้อยาก มักจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ตัวเองไม่รุ้สึกอะไร เป็นพวกรักษาหน้าตัวเอง ดังอิสตรีประมาท ที่ทำแสร้งตบมือ หัวเราะดังว่า ตัวเองนั้นสุขสบายแล้ว
    2 พระอรหันต์

    ประเภทแรก กรรมจะวิ่งมาทีหลัง หนักกว่าเดิม เพราะว่าไม่รุ้จัก จิตใจตัวเองที่แท้จริง เป็นการปิด หนทางพระนิพพานเสร็จสรรพ
    ส่วน ประเภทที่สอง ไม่ต้องพูดถึง

    ดังนั้น ความกลบเกลือนใดๆ ก็ตาม ยิ่งจะแสดงความน่าหัวร่อ ออกมามากขึ้น
     
  5. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    เหตุด้วยนะ แต่ละคนเริ่มมาไม่เท่ากัน วิธีทางย่อมมีการแตกต่างกัน
    เขาเรียกว่า นานาจิตตัง หน้าที่รับผิดชอบการเวียรว่ายตายเกิดของสัตว์ เป็นหน้าที่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเคยตรัสกับพระอานนท์ไว้แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  6. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    มีปัญญาหาทางป้องกันไม่ให้โจร(กิเลส)เข้าปล้นบ้าน(จิต)

    ตรงป้องกันโจร(กิเลส)ไม่ให้เข้าปล้นบ้าน
    มีอุบาย(วีธี) หรือ อบรมจิต ให้จิตเรียนรู้ในแต่ละภาวะที่อาจเกิด จากสาเหตุปัจจัยไม่เหมือนกัน มีวิธีหรืออุบายอย่างไรบ้างนะครับในการอบรม
    ช่วยยกตัวอย่างให้ด้วยนะครับ อนุโมทนาครับ
     
  7. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ระวังกิเลสมันหลอกใช้นะ
     
  8. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ค่ะ ขอบคุณ เดี๋ยวจะนำไปพิจารณา Thank you ที่แนะนำ
    โดน โดน
     
  9. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ท่านที่กล่าวนี้ใจงามนะครับ ผมเห็น ผมติดตามมาหลายโพสแล้ว ในแต่ละโพสจะครอบคลุม ไม่แสดงออกสุดโต่งเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ไม่แสดงความขัดแย้งกับผู้ใด

    อนุโมทนาครับ ^-^
     
  10. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    [​IMG]

    เหนื่อยไหม พักก่อน เน้อ.....^^
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ นานาคร ผมจะยกมาเตือนสติ คุณว่า คุณ ควรมีจุดยืน คุณระลึกได้หรือไม่ว่า คุณไม่เห็นด้วยกับนายขันธ์ เรื่องอะไร
    ตอนนี้ จะมาแสร้ง ทำเป็น อนุโมทนา สาธุกับ นายขันธ์

    จะทำเป็น สตรีผุ้มีใจเบิกบาน นั้น มันต้องวางได้ก่อนกระทำ ไม่ใช่ทำไปแล้ว ไม่ระลึก แบบนี้เรียกว่า เป็นคนหลงลืมขาดสติ

     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผม ว่านะ แค่โจรเห็นหน้าเจ้าของบ้าน เจ้าของบ้านเห็นหน้าโจร โจรก็เผ่นแล้ว เว้นเสียแต่โจรมันพกอาวุธมาด้วย เจ้าของบ้านก็ต้องมีกำแพงประตูที่แข็งแกร่ง(ศีล)มียามที่ซื่อสัตว์(สัมมาสติ)มีความกล้าหาญไม่หวั่นไหวในความกลัว(สัมมาสมาธิ)มีอาวุธคือปืน(ปัญญา)หากโจรมันเข้ามาเมื่อไร ยิงไส้แตกเลย
     
  13. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    วิธีการของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน การป้องกันโจรของเรา เราจะเรียนรู้ โจรให้ลึกซึ้ง รู้เขารู้เรา
    อยาก ไม่อยาก ฝืน ไม่ฝืน ต้องเข้าใจโลกธรรม 8 ให้ลึกซึ้ง เราจะตามมันทัน
    ส่วนรายละเอียดของ อารมณ์ เราไม่มีความสามารถอธิบายเป็นอักษรได้ อนุมานไม่ได้เพราะไม่ใช่พระอรหันต์ ที่จะอธิบายได้อย่างแยบคายได้ อนุโมทนา เอ่อ ถามเราหรือเปล่านี่
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ มัวแต่อนุโมทนาทำไม จินนี่ ดุตัวเอง ไม่ใช่ ดุคนอื่นแล้ว ตบมือ มันไม่ใช่ละคร หรือ งิ้ว
     
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ครับ มันขึ้นอยู่กับการสั่งสมมาของแต่ละบุคคลจริง

    ไอ้เรื่องดันทุรังนี่มันก็คือทุกข์เพราะความไม่รู้ของเราอย่างหนึ่ง

    ตีปัญหาโจทย์ไม่แตก มันก็ดีดดิ้น ดันทุรังอยู่นั่นเอง

    วางไม่เป็นก็ทุกข์อยู่ร่ำไป

    ผมว่าด้วยพุทธบารมีของพระพุทธองค์ขนาดนั้น ถ้าท่านจะใช้พระพุทธปาฏิหารย์ให้คนทั้งโลกเห็น และสอนคนทั้งโลกพร้อมกันในเวลาเดียวกันเลย ผมว่าทรงทำได้แน่ ๆ แต่ทำไมท่านไม่ทรงทำเช่นนั้น เพราะอะไร น่าคิดนะ..
     
  16. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ท่านขันธ์ก็ สติ มันมีเกิด ๆ ดับๆ นี่นา ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยทั้งหมด
    มันก็มีทั้ง เห็น และไม่เห็นแหล่ะ ท่านขันธ์ โปรดอย่าถือสา หาความเลยนะ
     
  17. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    มีอาวุธคือปืน(ปัญญา)หากโจรมันเข้ามาเมื่อไร ยิงไส้แตกเลย<!-- google_ad_section_end -->


    ...ขอผมสักกระบอกสิท่าน วิษณุ ปืนผมยิงไม่ออก..pig_cryy2

    ...ยิงได้จะยิงให้ไส้แตกเลย..5 5 5..
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    อิอิ..
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมก็บอกแล้ว ที่ต้นความไม่ใช่หรือว่า ผมยกมาทำไม
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขออนุญาติ ร่วมตอบแสดงความเห็นส่วนตัวนะคะ
    วิธีที่เราใช้อยู่ คือ ศึกษา ดูกิเลส ที่เกิดมีในตัวเรา นี่แหละ

    ดูกิเลส เพื่อรู้จักกิเลส ว่าเวลาที่มันเกิด เรารู้สึกอย่างไร
    อย่างเวลาโกรธ แล้ว มือสั่นใจสั่น ก็รู้ตัว ว่า โกรธ มาเยี่ยมเราแล้ว
    เรามีอาการมือสั่นใจสั่น มีสติรู้ตัวได้ทัน บ่อยๆ เนืองๆ จนสติมันจำได้แม่น
    หลังจากจำได้แล้ว พอมีโกรธอีก อาการมือสั่นใจสั่น มันก็หายไปเอง
    ส่วนโกรธมันก็คงยังมีอยู่ แต่ทุเลาลง ไม่หน้ามืดใจสั่น ก็ดูต่อไปอีก
    ทีนี้โกรธแล้วไม่หน้ามืดใจสั่น แต่อาจมีอาการอย่างอื่นที่แฝงมาแต่เรารู้ไม่ทัน
    เช่น หงุดหงิด หรืออื่นๆ ที่มันละเอียดกว่านี้ เราก็คอยสังเกตอาการต่อไป
    บ่อยๆ จนสติจำอาการได้แม่น อาการอันเกิดจากโกรธนี้ ก็จะไม่เกิดอีก
    มันก็จะละกิเลสหยาบๆ ลงไปหาละเอียดได้ ถ้ามีปัญญา มีสติ ไปเห็น
    อาการที่มาพร้อมกิเลสบางตัว แล้วสติจำได้ อาการมันก็หายไปเอง
    ส่วนกิเลส กองอื่นๆ เราก็อาศัยวิธีนี้ดูจิตไป อบรมไปเรื่อยๆ
    ตอนนี้รู้เท่านี้ ก็ทำไปเรื่อยๆ พอไม่มีอะไรให้ดูแล้ว แปลว่ามันติดอะไรซักอย่าง
    ก็ต้องหาความรู้เพิ่ม หรือไปหาครูบาอาจารย์ ไปขอการบ้านเพิ่ม อะไรก็ว่าไป
    ของเรานะ เดินทางนี้อยู่ ก็อบรมจิตไปแบบนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...