ไม่ใช่นะครับที่มักกล่าวว่า “สมถะเหมือนการหลบภัย วิปัสสนาเหมือนการผจญภัย”

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 26 พฤษภาคม 2009.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ที่ว่าใจเห็นธรรมนั้น เห็นอะไรครับ...

    (แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะครับ)
     
  2. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    จิตเห็นรูปนามแยกออก ความไร้ตัวตนปรากฏชัด

    สังขารแปรเปลี่ยนไม่มีประมาณ ทั้งจักรวาลไม่มีอะไรเที่ยงเลย...
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    หนทางเดินใช่จะมีเพียง 1 ทาง
    สิ่งใดที่ท่านยังไม่รู้จริง ก็อย่าเพิ่งคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้
    ที่เราทำสีแดงไว้ คืออ่านแล้วสื่อเข้ามาถึงใจเราได้
    ใจเราสนใจเรื่องใดมันก็จะ รับรู้แล้วตอบสนองออกมา
    ท่านต้องการให้เราตอบจากความรู้สึกที่เป็นภูมิปัญญาแท้ๆของเรา
    หรือจะให้เราตอบจากความรู้ความจำของเราดีล่ะ

    เรามั่นใจว่า จิตผู้รู้ที่เติบโตและเจาะเปลือกออกมาได้ จะไม่ตาย
    และยังแข็งแรงกว่าเดิม มีทั้งอีคิวและไอคิว บริบูรณ์

    สำหรับเราเห็นว่า จิตประภัสสร นั้นยังมีโอกาสหมองได้อีก เพราะขาดปัญญา
    ไม่รู้แจ้งอริยสัจ4 เมื่อจิตประภัสสรมีวิชชา มีความรู้แจ้งแล้ว จึงขจัดอวิชชา
    ออกได้ แล้วย่อมไม่กลับไปหมองอีก จึงถึงความบริสุทธิอย่างแท้จริง

    ก็เป็นความคิดความเห็น เป็นแนวทางที่เราจะเดินไปซึ่งอาจจะเห็นไปคนละ
    อย่างกับท่านธรรมภูติ
     
  4. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    สิ่งที่เห็น เป็นอะไร ไม่บัญญัติ

    สิ่งที่เอาไปเห็น คืออะไร ไม่ต้องสน

    เกิดการเห็น เกิดปัญญา เข้าใจตน

    ความมืดมน ค่อยๆจาง ห่างหายไป

    เจริญฌาณ สติ วิปัสสนา

    ปัญญาพา ดำเนินชีวิต จิตสดใส

    พายุโหม กระหน่ำ มาที่ใจ

    ทวนญาณไซร้ กรรมฐานนำ ทำงานเพลิน

    ใกล้เปิดเทอม งานมาก ถาโถมใส่

    ทุกข์ทางโลก ต้องแบกรับ หนักอกฉัน

    ตั้งสติ พิจารณา ในฉับพลัน

    ความทุกข์นั้น แท้จริง คืออุปาทาน...
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เนิ่นช้า

    จมยินดี ยินร้าย

    ไม่ตื่น

    มีแต่ ซะลึมซะลือ สลับ หลับสนิท
     
  6. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    สำหรับมุมมองของผมนั้น

    ความสำคัญอยู่ที่ว่า เวลาเราคิด เราพิจารณาอะไรอยู่ ขณะนั้นจิตของเราเกิดหรือไม่ เราหลงความคิดอยู่หรือไม่ เราดูออกหรือยัง จิตเกิดเป็นเช่นไร จิตปกติเป็นเช่นไร ถ้าหากเราแยกรูปแยกนามได้ เราก็จะเห็นว่าความคิดนั้นส่วนความคิด จิตก็ส่วนจิต ถ้าขณะที่กำลังคิดอยู่ จิตของเราจะเกิดจะเข้าไปร่วมไปหลงกับความคิดแล้ว ถ้าเรารู้ทัน เราก็ดับตั้งแต่ต้นได้ ความลำเอียงที่จะเกิดจากภาวะการหลงความคิดก็จะไม่มี ความเป็นกลางก็อยู่ที่เราเข้าใจตรงนี้ดีพอหรือยังนั่นเอง
     
  7. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    เนื้อเพลง ต้นไม้ - Infamous
    ต้นไม้สักต้น จะโตขึ้นมาต้องใช้เวลา
    ดูแลรักษาให้โตขึ้นมาอย่างสวยงาม
    ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านมรสุม ที่โหมแรง
    โดยมีต้นแกร่ง ไม่ล้มแม้เจอเรื่องราวใด ๆ
    ออกดอก ออกผล ให้กินจนอิ่ม ขยายกิ่งก้านให้เป็นร่มเงา
    แต่ไม่มีอะไรที่ยังยืนคู่ใคร สักวันจึงพังทลาย
    *ต้นไม้ต้นน้อย ที่ยืนจนโตต้นสวยงาม
    โดนแสงจากฟ้า ผ่าลงมาตรงที่กลางหัวใจ
    ไม่มีอีกแล้วร่มเงาที่เคยเอ่นออนทอดกาย
    หยัดยืนไม่ไหวต้องตายลงไปต่อหน้าต่อตา
    ความรักที่เคยใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุด
    ในชีวิตฉัน สร้างมันขึ้นมาอย่างมีความหมาย
    ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านมรสุมก็มากมาย
    แต่ยังคงก้าวไป เดินไปด้วยใจ ยังเหลือ
    ดังต้นไม้ที่เริ่มจะโต ให้เปนที่พัก ให้ฟ้าเข้าใจ
    แต่ไม่มีอะไรที่ยังยืนคู่ใคร สักวันจึงพังทลาย
    *ความรักที่ชั้นสร้างมันขึ้นมาจนสวยงาม โดนแสงจากฟ้าผ่าลงมาตรงที่กลางหัวใจ
    ไม่มีอีกแล้วความรักที่เคยมีอยุ่ข้างกาย ต้องสูนสลาย ต้องตายลงไปต่อหน้าต่อตา อีกครั้ง ..
    [solo]
    na na Na na nan naa
    *ต้นไม้ต้นน้อย ที่ยืนจนโตต้นสวยงาม โดนแสงจากฟ้า ผ่าลงมาตรงที่กลางหัวใจ
    ไม่มีอีกแล้วร่มเงาที่เคยเอ่นออนทอดกาย หยัดยืนไม่ไหวต้องตายลงไปต่อหน้าต่อตา อีกครั้ง ..






    คิดว่า ถ้ามีสติเจอเหตุการณ์แบบนี้ บอกว่ามันคือที่สุดแห่งทุกข์
    หากเจอเหตุการ์อีกครั้ง สภาวะมันเริ่มเป็นสามัญ รู้สึกเฉย ๆ
     
  8. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ผมเห็นด้วยในข้อนี้ เราต้องแยกให้ออก ต้องมีความเข้าใจด้วยว่าอะไรคือ การสงบอย่างหลง ๆ และ อะไรคือการสงบด้วยปัญญาจริง ๆ ตรงนี้มันแตกต่างกันชัดเจน เพียงแต่เราจะเข้าใจหรือยังเท่านั้นเอง
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    หยุดอยู่ที่รู้ มีแค่รู้ กับไม่รู้

    ไม่ได้อะไรมา ไม่เสียอะไรไป จะสำคัญไปใย

    แต่ใจมันจะให้ความสำคัญนั้น ไม่ผิด

    แต่เมื่อไหร่เอาความสำคัญนั้น มาสำแดง

    มาอิงเพื่อคาระวะ ก็ผิดทันที

    ตรงนี้จะใช้วัด-พยากรณ์ ต้องเผลอแล้วรู้ ดูให้ทัน [​IMG]
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คิดว่าจะ ฉับได้ แหม ไม่ขาด ขออีกหน่อย

    นานา มักมี มานะ นำหน้า มานะ มันมักจะมาพร้อม ทิฏฐิ ตรงนี้ นานา มีอนุสัยแสดง
    ออกชัดในตัวนี้

    ดังนั้น ให้ระลึกรู้ไว้ด้วย

    ระลึกรู้เฉยๆ นะ อย่าไปห้าม อย่าไปเกลียดจิต ถ้าจิตมันไหลไป อย่าไปด่ามัน ห้ามด่าจิต

    เอ...มีคนเอามาโพสนะ หลวงปู่มั่นสอนพระท่านไหนสักท่าน ท่านเผลอไปด่าจิต เพราะ
    มันชอบล้ำหน้า มีทิฏฐิมานะล้ำหน้า ท่านภาวนาเห็นเข้า เห็นว่าบังคับไม่ได้ เลยไปด่าจิต
    โชคดีที่หลวงปู่มั่นเล็งญาณมาเจอ จึงได้มาสอน

    มีอีกเคส ศิษย์พระปราโมทย์ ท่านนั่งเครื่องบินมันขึ้นมันลง แล้วไปเห็นจิตมันชอบรวม
    แบบสมถะ มันหลบ ท่านก็เลยไปว่าจิตเข้า 1 ขณะ แต่ก็ปล่อยรู้ ขณะที่ปล่อยรู้เกิดจิต
    รวมพร้อมจะมรรคสมังคี แต่เพราะเผลอไปด่าจิต 1 ขณะก่อนหน้า มันเลยมีเชื้ออกุศล
    ทำให้พลาดตกมานับ 0 เริ่มภาวนากันใหม่

    * * * *

    การภาวนามันง่าย พระพุทธองค์ค้นคว้าทางออกมาให้ปฏิบัติง่ายๆแล้ว
    แต่มันก็ ยาก แบบนี้แหละ

    จิตมันหิวอารมณ์(อาหาร) มันดิ้นกุ๊กกิ๊กๆ ก็เพื่อสร้างอาหารให้จิต !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  11. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    เพียงแต่ นานาจะบอกว่าแม้แต่ความทุกข์ที่คิดว่ามันคือที่สุดแห่งชีวิต
    ยังมีวันหมดทุกข์ ก็เลยเอามาลงไตรลักษณ์ จะผิดก็ตรงไปคิดต่อกับเหตุการณ์ล่วงหน้านี่แหล่ะ ที่นานาพลาดไป


    คูณเอกวีร์จะบอกว่า มานะทิฐิ คือชอบตำหนิจิต และคิดอะไรเร็วและรุนแรงเกินไปใช่ไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    โง่ ทั้ง 3 คนนั่นแหละ
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    รู้นี่หน่า แต่ต้องไม่ ว่ามันนะ ให้รู้ เพราะมันก็คือ การรู้ทุกขสัจจ

    การรู้ทุกขสัจจ ก็ต้องเห็นยากหน่อย เป็นธรรมดา

    แต่เมื่อวันก่อน จำได้ว่า นานา ออกแนวตำหนิตัวเอง ตรงนี้เลย
    ต้องบอกกล่าวเล่าสิบไว้เผื่อๆ เพราะผมไม่รู้ว่า นานา บ่นออก
    มาโดยมีใจจมหรือเปล่า หากบ่นโดยใจไม่จม บ่นเพื่อวิทยาทาน ก็แล้วไปเนาะ[​IMG]
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เห็นธรรม มันจะต้องไปให้มันพิสดารอะไรครับ

    มันต้องไม่เห็นอะไร ที่เป็นแก่นสาร แล้วใจรู้สึก

    ไปเปรียบเทียบอะไร

    คนหนึ่งมี หยุด มีแต่รู้กับไม่รู้

    คนหนึ่ง สมมติไป โน่น จักรวาล

    คนหนึ่ง สมมติ ไปว่า ขณะจิตคิดเป็นอย่างโน้นอย่างนี้

    โง่ทั้ง 3 คน
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    สมถะเหมือนคนหนีปัญหา ชอบหลบเวทนา ไม่สู้เวทนาให้รู้ว่าเวทนาเป็นตนเป็น

    ตัวอย่างไร หลบเข้าฌานนอนนิ่งนั่งนิ่งเป็นก้อนหิน

    วิปัสสนาเหมือนคนสู้ปัญหา ไม่หลบเวทนา ค้นหาสมมติฐาน

    ของเวทนาจนทำลายสมมติฐานเวทนาได้ และได้รับความเป็นอิสระเสรีภาพ

    อย่างถาวร

    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    การเป็นคนมี ทิฏฐิ มีปัญญาอินทรีย์ มันเป็น ธรรมดา ที่จะต้องมี มานะ เจือด้วย

    แต่มันก็เหมือน เราใช้อยากปฏิบัติในช่วงแรกๆ ที่ก้าวเข้ามาในศาสนานั้นแหละ

    ของมันต้องใช้ มันต้องมีเป็นธรรมดา แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะพ้นของมันไปเอง

    อย่างตัว อยาก พอเราเข้าใจ มันก็ผลิกไปเป็น ฉันทะ

    ส่วน มานะ นี่ จำบาลีไม่ได้ว่าแปลไปเป็นอะไร แต่มันก็คล้ายๆ ขันติ รู้สึกเรียกว่า ทมะ มั้ง

    อันนี้เสริมปริยัตินะ ให้อ่านผ่านๆ อย่ายึดเป็นความรู้ เพราะพอยึดเป็นความรู้นะ

    มันล้ำหน้าทันที ..... ยากแท้ๆ น๊อ !

    * * * *

    สงสัยผมเองก็ต้องตัด ฉับ ให้ได้ ไม่งั้น จะพาคุณ นานา ล้ำหน้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  17. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ไม่ว่ากัน ไม่ว่ากัน
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คนที่ว่า หยุด มีแต่รู้กับไม่รู้ นี่ติด ทัสนะ

    คนที่ว่า แยกรูปนาม ก็นั่นแหละ แยกได้แต่รูปนาม

    คนที่ ว่าจิตพิจารณา ดูว่า จิตเกิดดับ นี่ก็หมายความว่า เขากำลังอยู่ที่ จิตตานุปัสสนา
    ยังไม่ได้ ธรรมานุปัสสนา

    ทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่า เอกวีร์จะดีที่สุด แต่ก็หลงที่สุดเหมือนกัน

    คนอื่น ก็หลง แต่ก็หลงน้อยกว่าเอกวีร์

    แต่เอกวีร์หลงมาก ก็ปัญญามากเหมือนกัน คงจะพวกที่ไปทั้งนรก ทั้งสวรรค์
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ลุง ! เขาภาวนา แยก รูป-นาม ได้จน มันจะทวนกระแสเห็นธาตุรู้
    อยู่รอมมะล่อแล้ว เขาเห็น รูป-นาม แบบปรมัตถ์ ไม่ได้เห็น รูป-นาม
    แบบลุง(ที่ใช้คิด)

    กล่าวธรรมชักลงหลัง มันจืดๆ นะครับ
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เอกวีร์ อย่าไปรับรองคนส่งเดช เลย

    คนยังฟุ้ง มันก็ได้ไปแค่ความคิดเท่านั้นแหละ เรียกว่า สังขาร

    อย่าให้มันเป็น รูป นาม อย่างอื่นเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...