ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    (ต้องขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้ และกัลยาณมิตรทุกท่าน ในการให้ข้อมูลนอกเหนือหัวข้อธรรมะ น่ะครับ)

    หากว่าคุณ cookieberry มาเเคลการี่ คุณ cookieberry จะได้กราบหลวงพ่อวิริยังค์ ครับ หลวงพ่อท่านเป็นประธานที่วัด เวลาวัดมีงานครับปีละหลายครั้ง

    ผมได้กราบท่านหลายครั้งแล้วครับ

    ส่วนเรื่องการหางานนั้น ผมคิดว่า นอกจาก ส่งประวัติทาง internet แล้ว ก็ลองโทรถามบริษัทนั้นๆ ว่าได้รับ resume ของเราหรือเปล่า ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมประการใด ก็ติดต่อกลับตามหมายเลขที่ให้

    อีกวิธีที่น่าจะทำคือ เตรียม cover letter กับ resume พร้อมทั้งพิมพ์นามบัตรของตนเองแนบไปด้วย แล้วไปยื่นที่ บริษัทนั้นๆ เลยครับ ยื่นยิ่งเยอะ (หลายบริษัท) ยิ่งดี

    ในความคิดผม (อาจไม่ถูกต้อง) ผมคิดว่า ถ้าบริษัทเรียกสัมภาษณ์ เกรงว่าคุณ cookieberry จะมาไม่ทัน หากว่าได้มาก่อน แล้วเตรียมตัว น่าจะคล่องตัวกว่า
    อยู่ Regina ได้ ก็อยู่ Calgary ได้ เพราะ หน้าหนาว ก็ หนาวไม่แพ้กัน (ฮิ ฮิ)

    หากว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือ ก็ยินดีครับ

    อย่างน้อยผมคิดว่าผมได้มีส่วนบ้าง แม้จะเพียงเล็กน้อย ในการสืบต่อพระพุทธศาสนา แม้ไม่ใช่ทางตรง ก็ขอเป็นทางออมครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ

     
  2. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    จ๊ากกกกกกก ถูกเลือก..ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย แล้วก็แหมน่าจะส่งอาจารย์มาสอนกันบ้างนะเนี่ย เล่นให้เรียนเองแบบนี้ เหมือนคนตาบอดเล้ย แต่ก็เอาเถอะ จะพยายามต่อไป สู้โว้ย

    อ้อ..เมื่อวานขึ้นไปบ่นๆอะไรไปเรื่อยเปื่อย ท่านสมเด็จเลยว่า มาบ่นอะไร อุตส่าห์ส่งลูก cookieberry มาช่วยอีกคนแล้ว คนอื่นเขาจะได้ไม่ว่าว่าดิฉันบ้า คิดเห็นไปคนเดียว ก็เลยขำๆ ก็จริงเนอะ ตอนนี้เพิ่มคุณ cookieberry มาอีกคน เป็นสองละ ลงเรือลำเดียวกันแล้วนะคะ คุณ cookieberry ห้ามชิ่งหนีด้วย อิอิ

    สรุป คุณและดิฉันมีหน้าที่คนละอย่าง คุณต้องคอยเป็นผู้ช่วยอาจารย์ ส่วนดิฉันต้องคอยช่วยคนอื่นให้พ้นทุกข์ (ไหวหรือเปล่าเนี่ย ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2009
  3. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    ขอบคุณมากค่ะ เราเพิ่งได้รับโทรศัพท์จาก ผู้จัดการร้าน Shoppers Drug Mart เมื่อไม่นานนี้เองค่ะ เค้าเรียกให้ไปสัมภาษณ์ ไม่รู้ว่าเป็นตำเเหน่งอะไรเหมือนกัน มีอะไรก็ทำไปก่อนละกันค่ะ

    ร้านนี้มีสาขาทั่วเเคนาดาอยู่เเล้ว ย้ายสาขาไป Calgary ที่หลังก็ได้ค่ะ ก่อนเรียนจบอาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ สอนเราว่ามีงานอะไรทำไปก่อน พอเราเข้าเป็นคนในบริษัทของเค้าแล้ว เราจะพบว่ามีตำเเหน่งเปิดมากมาย งานส่วนใหญ่เค้าจะรับคนภายในบริษัทก่อน งานที่โพสออกมาข้างนอกคือคนภายในเค้าหมดเเล้ว เค้าถึงต้องเปิดรับคนนอก

    อยู่ต่างประเทศต้องทำใจต่อให้มีปริญญาจบคณะดีเเค่ไหน สองตาเเทบจะไม่เเลถ้าไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน เด็กไทยที่รับเเรงกดดันทางนี้ไม่ได้ มักจะกลับบ้านกันหลังจากเรียนจบค่ะ เเต่เรากลับบ้านไปก็ไม่มีใครเเล้ว เพราะทั้งพ่อเเละเเม่เสียหมดเเล้ว เราเลยต้องสู้โดยมีพระอาจารย์คอยดูเเลอยู่ค่ะ

    ถ้าเราได้งานนี้ถือว่าเป็นจุดเเรกค่ะ งานหายากค่ะสำหรับคน ไม่มีประสบการณ์ทำงานอย่างเรา ดังนั้นเราจึงไม่มีโอกาสเลือกงาน ต้องหาพื้นที่ให้ตัวเองยืนได้เเล้วค่อยขยาย สุดท้ายย้ายไปเเคลการี่เเน่นอนค่ะ เพราะเราอยากอยู่ใกล้วัด ชอบไปวัดค่ะจริงๆชอบมากกว่าไปเดินห้างอีก 555

    อวยพรให้เราโชคดีสำหรับพรุ่งนี้ด้วยนะคะ

    ขอโทษด้วยนะคะที่ตอบนอกเรื่องหัวข้อการคุย
     
  4. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    อยากไปอยู่บ้างจัง canada อิอิ แต่ว่ามันหนาวโครตๆๆๆ มีเพื่อนอยู่โน่น พยายามจะให้เราไปลงหลักปักฐานที่นั่นเหมือนกัน ตอนแรกก็คิดนะ เคยจะสมัคร PR แต่ไม่ไหวรอนานเกิ๊น อีกอย่างกลัวคิดถึงเมืองไทย ถ้าแค่ให้ไปเที่ยวละโอเค ขนาดไปเที่ยวมาเลเซียมาสี่ห้าวัน ยังคิดถึงเมืองไทยแทบแย่ อาหารการกิน ของก็ถูกกว่าด้วย สรุป ฉันรักเธอ ประเทศไทย
     
  5. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    เราก็ตั้งใจจะสมัคร PR เหมือนกันค่ะ ตามกฏหมายของมณฑล Saskatchewan & Alberta require ประสบการณ์ทำงานเเค่ครึ่งปีเองค่ะถึงจะสมัคร PR ได้ ง่ายมากค่ะสำหรับคนเรียนจบในประเทศเค้า สำหรับเราชินเเล้วค่ะ อยู่ไกลบ้านมานานพอสมควรเเล้วตั้งเเต่เเม่ยังไม่เสีย

    เราเลือกอยู่ที่นี่เเลกกับความสบายใจเเละความก้าวหน้าของการปฏิบัติธรรม เพราะสิ่งรบกวนน้อยกว่าค่ะ

    ที่สำคัญที่สุดอยู่เพื่อหาเงินไปช่วยพระอาจารย์ไปทำนุบำรุงพระศาสนา อยู่ต่างประเทศทำงานได้เงินเยอะดีค่ะ ทำบุญกับพระอาจารย์เเล้วอุทิศส่วนกุศลให้พ่อกับเเม่
     
  6. paitoon01

    paitoon01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +4,160
    สวัสดีครับคุณMe, myself คุณcookieberry คุณRicardo Decalgary คุณอมริศา
    และเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน

    คุณMe, myself และคุณcookieberry ครับ
    ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
    อย่าเพิ่งทิ้งผู้ที่ยังมีบารมีอ่อนอย่างพวกผมนะครับ
    เมื่อคืนสวดมนต์ไหว้พระแล้ว ผมต่อด้วยคาถาบูชาสมเด็จองค์ปฐม 9 จบแล้วก็นั่งสมาธิ
    รู้สึกสบายใจมาก ๆ จิตใจอิ่มเอิบครับ จะพยายามปฏิบัติเช่นนี้ทุกวันครับ
     
  7. paitoon01

    paitoon01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +4,160
    ขอโทษ ลืมทักทายคุณ classic songs
    สวัสดีครับคุณ classic songs
    ผมชอบ"ตัดเข้าโฆษณา" ของคุณนะครับ
    ผมเรียนจบเอกโฆษณามา
    รู้สึกชอบมุขนี้ของคุณจริง ๆ
    ครีเอทีฟทั้งหลายจำไว้ใช้นะ

    ผมจะรออ่าน "ตัดเข้าโฆษณา" ของคุณอีกนะครับ
     
  8. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    ไหวเเน่นอนค่ะ เเต่จะว่าไปคุณ Me, Myself คิดว่าไม่เเปลกหรือคะที่คุณรู้ด้วยตัวของคุณเอง ไม่ต้องผ่านการเเนะนำหรือสอนเหมือนกับเราที่มีครู ประเด็นคือ

    เราว่าเรื่องของคุณคล้ายๆกับของหลวงปู่ฤาษีตรงที่ ท่านเองสามารถรู้เรื่องราวของคนตาย เช่นบ้านนี้เคยมีคนตาย หน้าตาเเบบนี้เเบบนั้นค่ะ ซึ่งก็คือวิชา จุตูปปาตญาน นั่นเอง ตอนนั้นท่านยังเด็กอยู่เลย ท่านก็ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกับคุณค่ะ บารมีมาเอง

    ของเรามีครูพาขึ้นไป ครูเองยังบ่นเลยสงสัยท่านฉุดเราขึ้นไปไม่งั้นมันจะได้อะไรเร็วขนาดนั้น คือครูเเทบไม่ต้องสอนค่ะ นะมะพะทะ ประมาณ 10 นาทีค่ะ ไปเลย ไม่รู้สึกตัวเลย

    เพราะอย่างนี้เเหล่ะค่ะทำให้เราประมาทว่าการนั่งสมาธิง่ายนิดเดียว พอเราต้องมาปฏิบัติสายพระอาจารย์ซึ่งเป็นสายหลวงปู่มั่น เน้นที่จิตอยู่กับกาย อย่าส่งจิตออกไปข้างนอก ขอบอกว่าจะเป็นจะตายเอาค่ะ

    จนป่านนี้ยังฝึกไม่ผ่านขณิกสมาธิเลยค่ะ รู้สึกเหมือนจับลูกลิงมาฝึกอ่ะคะ ดุ๊กๆดิ๊กๆ ไปเรื่อย ต้องตามจิตกลับมา กลับมาได้เเป๊บนึง ไปอีกเเล้ว โอ๊ย ไม่ง่ายเหมือนมโนยิทธิเลยค่ะ

    ยังไงๆก็ต้องฝึกสาย สุกขวิปัสสโกคู่ไปด้วยค่ะ มีที่มาค่ะ

    วันเเรกที่วัดพระอาจารย์ ท่านสั่งให้นั่งสมาธิหลังจากทำวัตรเช้า

    เราเองนั่งสมาธิไม่เป็นค่ะ เป็นเเต่มโนยิทธิ เราก็ขึ้นไปเฝ้าสมเด็จองค์ปฐม เเปลกที่ว่าท่านนั่งนิ่งไปพูดกับเราเลย เราก็งง ช่วงที่กำลังงงค่ะ เสียงเทศน์มาเลยค่ะ "อย่าส่งจิตไปเฝ้าพระพุทธเจ้า มโนยิทธิไม่ใช่ที่สุดของการหลุดพ้น เป็นเพียงอุบายให้เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง เอาจิตกลับมา" เราก็อะไรหว่า กลับก็กลับ

    เราส่งจิตใหม่เอาตัวเองไปกราบพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมที่วัดท่าซุง เสียงเทศน์มาเลยค่ะ ไปกราบพระพุทธรูปก็ไม่ได้ "พระพุทธรูปเป็นอุบายของพระพุทธศาสนาอีกเหมือนกัน เอาจิตตัวเองไว้ที่ตัวเอง อย่าส่ายออกไปข้างนอก "

    เราเหวอไปเลย รู้ตัวเเล้วว่าตัวเองถูกตามจิตให้กลับลงมา เเต่ที่เราสงสัยคือว่า ทำไมถึงมีเสียงเทศน์สามเสียง เราก็คิดว่า สงสัยเป็นเทปเปิด หลังจากหมดเวลานั่งสมาธิ ลืมตาดูไม่มีเครื่องเล่นเทป มีเเต่พระอาจารย์ถือไมโครโฟนพูดอยู่องค์เดียว ซึ่งทั้งสามเสียงไม่มีเสียงไหนเป็นเสียงของพระอาจารย์เลยค่ะที่เราได้ยินในสมาธิ เสียงหนึ่งเสียงในนั้นเป็นเสียงของหลวงปู่เหรียญเเน่นอน

    จากวันนั้นคิดว่า เอาดีทางมโนยิทธิไม่ได้เเล้วค่ะ ปฏิบัติเเบบผีเข้าผีออกมาก ไม่ได้ขึ้นไปหาสมเด็จองค์ปฐมจริงๆจังๆ ค่ะ เหมือนที่บอกไปครั้งต้นๆว่ากลัวโดนพระอาจารย์ดุ เพราะท่านตามจิตเราได้ค่ะ ประสบการณ์เหนือเมฆมากค่ะ คนอื่นคิดว่าท่านเทศน์ธรรมดา มีเเต่เราเท่านั้นที่รู้ว่าท่านตามจิตเราอยู่

    จนได้มาอ่านเจอกระทู้ของคุณ Me, Myself เนี่ยเเหล่ะค่ะ เราถึงคิดถึงวิชานี้ขึ้นมาอีก อยากฝึกมโนยิทธิอีก เราถึงได้รับอนุญาตให้ฝึกทั้งสองวิชาควบคู่กัน

    เมื่อสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา เรานั่งสมาธิสายสุขวิปัสสโกค่ะ เห็นลูกเเก้วปรากฏอยู่ตรงหน้าโดยไม่ได้กำหนดจิตค่ะ เค้ามาเอง เราก็นั่งมองอยู่สามวัน จนอดไม่ได้โทรถามโยมที่วัดให้ฝากถามพระอาจารย์ค่ะ ท่านดุมาว่าอย่าใช้มโนยิทธิเพ่ง ไม่มีครู เดี๋ยวจะเป็นบ้า เราก็งง เเต่ตอนหลังก็เข้าใจค่ะว่าลูกเเก้วที่เห็นคือ อโลกสิณ วิชาเก่าตามมาค่ะเเต่อดฝึก

    พระอาจารย์ไม่ให้ฝึกกสิณหรืออภิญญาอะไรทั้งนั้น จริงๆเเล้วไม่ใช่พระอาจารย์หรอกค่ะ เรารู้มาตั้งเเต่บวชชีที่วัดท่าซุงเเล้วว่า สมเด็จองค์ปฐมท่านห้ามฝึกวิชานอกเหนือจากมโนยิทธิค่ะ เพราะเราจะหลง อวดดี อวดเก่ง สุดท้ายจะตกนรก ไปอยู่เป็นเพื่อนพระเทวทัตอ่ะค่ะ

    ไม่ใช่เราคนเดียวนะที่โดนห้าม พระองค์ที่เราเล่าให้ฟังตอนต้นค่ะ ท่านก็โดนห้ามเหมือนกัน ดังนั้นตอนที่ท่านเข้าบวชเป็นสายธรรมยุติกับพระอาจารย์ ท่านถึงลืมวิชาคาถาอาคมหมดเลยค่ะ ไม่งั้นท่านจะได้อยู่เป็นเพื่อนพระเทวทัตเหมือนกัน
     
  9. Pikzy

    Pikzy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +619
    คำว่า สู้โว้ย นี่ เจ๊ทำผมฮากลิ้งเลย (ลองนึกภาพตาม)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009
  10. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีค่ะ ท่านกัลยาณมิตรทุกท่าน มีเรื่องราวความรู้มาแบ่งปันอีกแล้วค่ะ

    ดิฉันมีโรคประจำตัวอยู่อย่างหนึ่งคือปวดหัวไมเกรน ถ้าคนที่เป็นโรคนี้จะรู้นะคะว่ามันทรมานขนาดไหน คนที่เป็นโรคนี่เกิดจากสองสาเหตุ
    1. โรคที่เกิดจากการเจ็บป่วยจริงๆ
    2. โรคกรรมโรคเวรค่ะ
    โรคปวดหัวของดิฉันนี่มันเป็นโรคกรรมโรคเวรค่ะ มันก็เลยไม่หาย ดิฉันจะเป็นตอนช่วงที่มีรอบเดือน เพราะฮอร์โมนมันจะเปลี่ยนแปลง ยิ่งทำให้ปวดหัวไมเกรนกำเริบ เคยปวดขนาดเอาหัวโขกกะฝาฝนัง ไม่ก็ทุบหัวต้วเองเลยแหละ แล้วก็ทำให้อยากอาเจียรด้วย งานการไม่ต้องทำ ต้องหยุดทุกอย่าง นอนนิ่งๆเหมือนคนตายไปเลยยิ่งดี แต่ไม่ใช่ว่าจะหายนะคะ ต้องกินยาแล้วนอนพักให้หลับไปเลย ตื่นมาถึงจะค่อยยังชั่ว บางทีตื่นมายังไม่หายก็มี ต้องกินยาซ้ำอีก ทรมานมากๆ

    ทีนี้เมื่อต้นเดือนก่อน ก็อาการกำเริบ กินยาก็แล้ว นอนพักก็แล้วมันก็ยังไม่หาย เป็นหนักกว่าเดิมอีก ปกติกินยาแล้วจะดีขึ้นเพราะตอนหลังเจอยาที่มันถูกกับอาการของเราพอดี ทำให้หายได้ไว แต่ครั้งนี้ปาไปสองวันยังไม่ดีขึ้นเลย หัวปวดจนร้องไห้ ต้องอาเจียรออกด้วย ตกกลางคืนไปทำแล้วสมาธ๊ง สมาธิ มันปวดขนาดนี้ ใครจะไปมีกะจิตกะใจ เออ..ถ้าปวดแขนปวดขายังว่าไปอย่าง ปวดหัวแบบนี้ คิดอะไรไม่ได้ แต่สุดท้าย ไปๆมาๆ ก็เลยต้องไปหาหลวงพ่อโต บอกว่าปวดหัวจะระเบิดแล้ว ทำไมถึงปวดหัวได้ขนาดนี้ ท่านก็ว่าเป็นเพราะกรรมที่เราไปทุบหัวปลาช่อน..ฮือ ฮือ..ตรูนึกแล้วเชียว คือสมัยตอนเป็นเด็ก อาศัยอยู่กับย่าแล้วก็ครอบครัวอา ปกติย่ากับอาสะใภ้เป็นคนทำกับข้าว ไอ้เราอ่ะผู้ช่วย แล้วก็ไม่เคยฆ่าปลาหรือสัตว์เป็นๆกับเขาหรอก

    ทีนี้อยู่มาวันหนึ่ง ย่าก็สั่งมาว่าให้ไปทุบหัวปลาให้หน่อย แกบอกว่า "กรูไม่อยากทุบมันหรอก ทุบแล้วกรูเจ็บเนื้อเจ็บตัวเวรกรรม" โอ้..เวรกรรม แล้วมาให้หนูทุบเนี่ยนะ แล้วตูจะไม่โดนด้วยเหรอ กรรมของตู ทำไงละคำสั่งย่าคือประกาศิต ไม่ทำก็ไม่ได้ก็แกจะกิน ก็ต้องทำทั้งๆที่รู้ว่ามันบาป แล้วตั้งสองตัวด้วย โอย..ไปนั่งจดๆจ้องๆอยู่ตั้งนาน กว่าจะทุบมันได้ แถมอีตอนทุบหลับตาด้วยนะ แล้วก็ว่า "อโหสิให้ฉ้นเถอะ" ทุบไปทีแรกมันไม่ตายนิ ก็เราเล่นหลับตา มันก็โดนไม่ถนัด มันก็ดิ้นใหญ่เลย น่าสงสาร ย่าก็ด่าอีกว่าทุบหัวปลาแค่นี้ก็ทุบไม่ตาย แกก็บ่นๆๆๆ เฮ้อ.. ก็ต้องมาทุบมันใหม่ คราวนี้ไม่หลับตาละ เอามันจังๆไปเลย ให้มันตายทีเดียวไม่ทรมาน สรุปตั้งแต่เกิดมาทุบหัวปลาช่อนไปสองตัว

    ที่บ้าน ย่ากับอาเขาจะกินอะไรที่มันยากๆลำบาก ทรมานสัตว์ ดิฉันอยู่มาเนี่ย เจอสารพัดวิธีที่เขาทำ อย่างหอยมะระ (หอยทะเลชนิดหนึ่ง) ตัวมันก็ใหญ่นะ เขาว่ากันว่าเนื้อมันหวาน แต่ดิฉันไม่รู้เพราะไม่เคยกิน แล้ววิธีที่จะเอาเนื้อมันมากินได้ก็ต้องเอาไปเผาไฟ เห็นย่าทำแล้วก็คิดว่ามันจะทรมานขนาดไหนนะ ไอ้เราก็เป็นเด็กนะ ก็ได้แต่นั่งดู พูดอะไรไปเดี๋ยวก็โดนหาว่าไปสอนผู้ใหญ่ เขาจะก่อกองไฟ แล้วก็เอาหอยนี่ไปเผา สักพักก็เขี่ยออกมาดูว่ามันสุกรึยัง ถ้ายังก็เขี่ยเข้ากองไฟไปเผาใหม่ คือว่าหอยมะระ เปลือกมันหนา เขาต้องเผากันนาน สงสารมันน่าดู กว่าจะสุก เขี่ยเข้าเขี่ยออกตั้งหลายรอบ เขาก็กินกันเกือบทั้งบ้านนะ มีดิฉันอ่ะไม่กิน

    ยัง ยังไม่หมด จะเล่าให้ฟังอีกสักเรื่อง อาผู้ชายกับเพื่อนนี่ชอบกินเหล้ากันมาก แล้วก็ชอบหาอาหารแปลกๆมากิน อย่างต้มเปรตปลาไหล ต้มยำตะพาบอะไรประมาณนี้ พอดีอาเขาเลี้ยงตะพาบขาย จริงๆแกเลี้ยงมาสารพัดแหละ ทั้งไก่ หมู กบ ปลา ฯลฯ ดิฉันก็เจอเหตุการณ์การฆาตกรรมสัตว์พวกนี้อยู่เนืองๆ แต่ที่สุดๆนี่เห็นจะเป็นตะพาบ สุดโหดจริงๆ อย่างตอนมันตัวเล็กๆยังไม่โหดเท่าไหร่ พวกตะพาบเวลามันกลัวมันจะหดหัวอยู่ในกระดองใช่มะ อาก็เอากาบมะพร้าวไปแหย่ปากมัน มันก็กัด พวกนี้พอกัดแล้วมันไม่ปล่อยไง เขาก็ดึงกาบมะพร้าวจนคอตะพาบมันออกมานอกกระดองแล้วเขาก็เอามีดฟันฉับลงไป คอขาด กรี๊ดดดด แล้วก็ตามระเบียบ กลายไปเป็นอาหารของพวกขี้เหล้า

    ทีนี้ไอ้ตัวโตๆนี่ซิ เคยไปเห็นแกทำครั้งหนึ่ง โหย..สุดจะโหด แล้วเจ้าตะพาบตัวนี้มันใหญ่จริงๆ แกทำไงรู้ไหม แกเอาท่อนไม้ที่เราไว้ทุบน้ำแข็งทุบกระดองมัน ทุบๆๆๆๆๆจนมันน่วมละมั้ง เราเห็นมันสั่นไปหมดเลย แล้วแกก็เอามีดปลายแหลมยาวประมาณฟุตกว่าๆอ่ะ แทงเข้าไปในปากมันแล้วก็ตอกจนทะลุออกไปถึงหาง จากนั้นชักออก แล้วคราวนี้แทงจากทางหางตอกไปทะลุปาก หลังจากนั้นก็เอามันไปย่างบนเตา เราเห็นแล้วโครตสงสารมันเลย ตัวมันสั่นไปหมด แล้วเราเห็นมันร้องไห้ด้วย แต่ไม่รู้จะช่วยมันได้ยังไง ทนดูต่อไปไม่ไหวเราเลยเดินหนีออกไปนอกบ้าน รอจนคิดว่ามันคงกลายไปเป็นอาหารพวกขี้เหล้าแล้วแหละถึงได้เข้าบ้าน

    หลังจากจบ ม.6 ก็เข้ามาอยู่กับอาผู้หญิงที่กรุงเทพ แล้วมีพวกลูกๆอาอยู่กันเยอะ เด็กเกือบสิบคนมั้ง ดิฉันเป็นแม่ครัวเอก แต่ไม่เคยทำพวกปลาเป็นๆนะ แต่ว่ามันมีอีกอย่างหนึ่ง ลูกอาอีกครอบครัวหนึ่ง (อาคนนี้เป็นคนออกค่าอาหารทั้งบ้าน) เขาชอบกินปูผัดผงกระหรี่ เราก็ต้องทำให้กิน แต่ปูก็ต้องทำเป็นๆใช่ไหม ต้องจำใจทำ ทีนี้มีอยู่ครั้งหนึ่งกะลังทำปูนี่แหละ ก็ผ่ามันใช่มะ แล้วลูกอาบ้านนี้อยู่ด้วยพอดี พอเขาเห็นก็ว่า "ว้าย...มันยังดิ้นอยู่เลยอ่ะ" ดิฉันเองก็เสียใจแล้วก็คิดว่าบาปอยู่แล้ว พอมาพูดงี้ดิฉันเลยว่าก็อยากกินกันนักไม่ใช่เหรอ ก็นี่แหละจะได้รู้ไว้ หลังจากนั้นดิฉันเลิกเด็ดขาดไม่ทำอาหารจากสัตว์เป็นๆชนิดไหนทั้งนั้น เลี้ยงลูกมา ลูกก็ไม่เคยเห็นดิฉันทำอาหารจากสัตว์เป็นให้กิน แล้วลูกก็จะติดนิสัยเหมือนดิฉัน ไม่ทำบาป ไม่ฆ่าสัตว์ แล้วถ้าไปที่ไหนแล้วเห็นเขาฆ่าสัตว์มาทำอาหารก็ไม่กินเหมือนดิฉันไปด้วย

    นอกเรื่องไปซะยาวเลย คือว่าสาเหตุที่ดิฉันปวดหัว หลวงพ่อบอกว่าเป็นเพราะการทุบหัวปลาช่อนแล้วก็ฆ่าสัตว์เป็นโรคเวรโรคกรรม ก็เลยถามหลวงพ่อว่าแล้วมีวิธีแก้ไหม ท่านก็ว่าให้ไปปล่อยปลา แล้วก็ขออโหสิกรรม แล้วก็อธิษฐานขอให้หายเจ็บป่วย ดิฉันก็ว่าปล่อยปลามันต่อชีวิตไม่ใช่เหรอ ท่านก็ว่าก็ใช่ แต่ใช้ในเรื่องของการเจ็บป่วยได้เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ช่วงดวงมีเคราะห์ การปล่อยปลาจะช่วยเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ ท่านสั่งว่าให้ปล่อยเรื่อยๆจนกว่าจะหาย

    ตอนหลังมาอ่านเจอที่หลวงพ่อฤาษีกับหลวงพี่เล็กว่าไว้ ก็มาตรงกัน เรื่องปล่อยปลาช่วยเรื่องการเจ็บป่วยได้ ก็เลยนำมาบอกท่านกัลยาณมิตรให้รับรู้ไว้ค่ะ

    แล้วจะว่าอุปทานหรือเปล่า ก็ไม่น่าจะใช่ หลังจากที่ไปปล่อยปลาแล้วก็ขออโหสิกรรมกับสัตว์ทั้งหลายที่เราฆ่ามา แล้วก็ขอให้อาการปวดหัวมันหาย เดือนนี้มีรอบเดือน อาการปวดหัวไมเกรนน้อยลงจนแทบจะไม่รู้สึกเลย แต่ก็พอมีให้รู้สึกมึนๆอยู่ ยังไงก็จะไปปล่อยปลาเรื่อยๆค่ะ อย่างน้อยก็ได้ช่วยชีวิตสัตว์
     
  11. naruphos

    naruphos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,737
    เหมือนกันครับ (smile)
     
  12. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    จริงค่ะ ดิฉันเห็นด้วย ไม่ว่ามโนมยิทธิหรืออภิญญา ถ้าเราคิดไม่ได้ มีทางหลงไปใช้ในทางที่ผิดแน่นอนค่ะ อย่าว่าแค่หลงตัวเลยนะคะ แค่จะเอาไปใช้ช่วยคนก็ยังลำบากเลยค่ะ เพราะดิฉันเองเคยคิดเล่นๆว่า ถ้าเกิดทำอันนั้นได้นะ ทำอันนี้ได้นะ เวลาที่คนตกอยู่ในอันตรายดิฉันจะได้ไปช่วยได้ ความคิดอันนี้เป็นความคิดทางดีนะคะ ไม่ได้หลง แต่มันอาจจะเป็นการฝืนกฏแห่งกรรม ดิฉันมาเข้าใจแจ่มแจ้ง เมื่อมาอ่านเจอที่หลวงพ่อฤาษีกับหลวงพี่เล็กบอกว่า การที่จะได้อภิญญา บุคคลผู้นั้นต้องยอมรับเกี่ยวกับกฏแห่งกรรมด้วย จะไปช่วยสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ต้องดูว่าเขามีกรรมอะไรมา ถึงต้องมาโดนแบบนี้ หากเราไม่ยอมรับกฏแห่งกรรมแล้ว ไปช่วยเขา มันจะทำให้เรารับกรรมคนอื่นเขามาด้วย ซึ่งถ้าหากว่าเรายังไม่สามารถยอมรับเรื่องของกฏแห่งกรรมได้จริงๆ อภิญญาที่เราเคยมีมาในสมัยก่อนก็จะยังไม่มีทางได้ค่ะ

    ดิฉันก็เห็นด้วยเรื่องการที่จะไปช่วยใครต้องดูเรื่องของกฏแห่งกรรมด้วย ไม่งั้นคงวุ่นพิลึก ดิฉันก็พยายามเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองแหละค่ะ ไม่มีอาจารย์สอนก็ดีไปอย่างนะคะ มันได้ทดสอบแล้วก็ประเมินตัวเองอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ต้องมีสติมีปัญญาในการที่จะใช้มันด้วย ตอนนี้ก็พยายามเรียนรู้ให้มากขึ้นแต่ก็ต้องระวังตัวเองไม่ให้ยึดติดเหมือนกันค่ะ
     
  13. naruphos

    naruphos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ขอให้หายปวดหัวไมเกรนไวๆ นะครับ คุณ Me, Myself จะได้มีเรื่องราวให้เราอ่าน ได้ตื่นเต้นทุกวันครับ
     
  14. phutsa

    phutsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    261
    ค่าพลัง:
    +852
    รออ่านอยู่เหมือนกันครับ ...
     
  15. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    เรื่อง โรคเวรโรคกรรม ผมน่ะ เชื่อเลย
    จากประสบการณ์ของตัวเอง นะครับ ไม่เชื่อก็ไม่ว่ากันครับ

    ผมน่ะ ชอบเป็นแผลในช่องปาก อยู่บ่อยๆๆ จนถึงทุกวันนี้ก็เป็น เป็นอยู่อย่างนั้น บางที่ก็เป็นนานกว่าจะหาย แต่ก็บางที ก็ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มันคิดได้ แล้วถามตัวเองว่า
    " ทำไมหนอ เราถึงเป็นแผลในปากอยู่บ่อยๆๆ" หลังจากนึก มันก็คิดได้ว่า

    เมื่อก่อน ตอนเป็นเด็ก ไอ้เราก็เด็กบ้านนอก วันหยุดไม่รู้จะทำอะไร ก็ไปเที่ยวตกปลากับพี่สาว พี่เข้ามีหน้าที่เอาปลาร้า หรือไม่ก็ใส้เดือนหันเป็นท่อน เพื่อที่จะมาเป็นเหยื่อให้ปลา
    เรามีหน้าที่ดูไม้เบ็ดตกปลา (สมัยก่อนก็เบ็ดไม่ไผ่ธรรมดานี่แหละครับ) พอปลาตอด..กินเหยื่อปุ๊บ เราก็ดึง เบ็ดมันก็เกี่ยวปากปลา มันก็เป็นแผลมันคงเจ็บ พอเอาขึ้นมาก็ต้องมาง้างเบ็ดออกจากตัวมันอีก ก็เจ็บอีกเหมือนกัน

    พอนึกได้ ก็ขออโหสิ... จะไม่ตกเบ็ดปลา อีกแล้วครับ...

    เห็นเบ็ดตกปลาแล้วขยาด จนถึงทุกวันนี้ครับ
     
  16. naruphos

    naruphos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,737
    สงสัยนิดนึงครับ ถ้าสมมุติว่าเราฆ่าสัตว์โดยไม่ตั้งใจบาปไหมครับ อย่างผมขับรถตอนกลางคืนไปต่างจังหวัด แล้วมีแมลงมักบินมาชนรถผม แต่ผมเป็นคนขับนะ แบบนี้บาปไหมครับ หรือมีกบกระโดดมาใต้ล้อรถพอดีแบบนี้นะครับ
     
  17. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    วันนี้เพิ่งได้โอกาสเข้ามาอ่านครับ สมาชิกอุ่นหนาฝาคั่ง

    ได้อ่านคำอุทานของคุณ Me, myself ขออนุญาตท่านประธานที่เคารพ อมยิ้มอีกครั้งครับ

    ในใจก็นึกว่าได้ดู นักกีฬายกน้ำหนักหญิงของไทย ก่อนยกต้องตะโกน "สู้โว้ย" แล้วก็รวบรวมสมาธิ จนยกผ่านแล้ว ก็ได้เหรียญทองมาประดับ

    ผมและกัลยาณมิตรหลายๆท่าน ขอเอาใจช่วยครับ
    ขอตะโกนบ้าง "สู้ สู้ สู้ GO GO GO"

    ส่วนเรื่องลงเรือลำเดียวกันกับคุณ cookieberry นั้น ไม่ทราบว่า เรือใหญ่พอจะรับสมาชิกเพิ่มหรือเปล่าครับ (ฮิ ฮิ) อย่างน้อยมีสายยางให้เกาะก็ยังดี

    จะพยายามตามให้ทันครับ

    บุญรักษาครับ

     
  18. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ขออนุญาต ท่านเจ้าของกระทู้ และกัลยาณมิตร ตัดเข้าโฆษณา อีกครั้งครับ

    ยินดีด้วยครับสำหรับคุณ cookieberry
    ที่นี้ไม่ว่าบริษัทไหนต้องการ Canadian experience ครับ ทำไปก่อนแล้วค่อย ขยับขยาย

    มา Calgary เมื่อไหร่ อย่าลืมส่งข่าวบ้างน่ะครับ เพื่อได้ช่วยเหลือ (ถ้ามี)

    ช่วยทางธรรมไม่ได้ อย่างน้อยก็พอช่วยทางโลกได้ครับ ไม่มากก็น้อย

    ขออวยพรให้คุณ cookieberry โชคดีในทุกๆวันเลยครับ


    จบโฆษณา


     
  19. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ผมยื่น PR ช่วงสิ้นปี 2001 ได้รับอนุมัติ กลางปี 2005
    อาหารการกินครบถ้วน

    ถ้าจะมาเที่ยว ยินดีเป็นไกด์ให้ครับ แต่ต้องเผื่อเวลามากหน่อยครับ เพราะไกลมาก

    อยู่ต่างแดนมีประสบการณ์หลายอย่างที่ดีมีประโยชน์ สามารถนำกลับไปพัฒนาที่บ้านเกิดได้ครับ

    แต่ต้องรอจังหวะเวลาครับ

    ผมก็รักเธอ ประเทศไทย ครับ

     
  20. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    โมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ คุณ cookieberry

    หากมีอะไรให้ช่วยเหลือ ร่วมบุญ ก็ยินดีครับ

    คนละเล็ก ละน้อย ช่วยกันทำนุบำรุง พระพุทธศาสนาครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ

     

แชร์หน้านี้

Loading...