การนั่งสมาธิ วิปัสนา กรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พันตา, 4 มิถุนายน 2009.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ถ้าคนที่รู้วิธีแล้ว สามารถแหวกได้ครั้งนึงแล้ว ... ถ้าไม่ใช้วิธีเดิม จะแหวกได้มั๊ย...หรือว่า มีวิธีแหวกแบบใหม่อีกครับ
     
  2. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เป็นเช่นนั้น...
     
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    วิธีเดิม

    การแหวกครั้งแรก ยังไม่รู้ชัด

    หลังแหวกแล้วหนึ่งครั้ง แน่ใจในวิธี

    ที่แน่ใจเพราะได้แหวกแล้ว...
     
  4. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    [/quote] "ตามข้อมูลที่หามาทั้งหมด.....เริ่มที่จะงง....จิด คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์.......มีหน้าที่รับรู้ วิญญาณ เช่น จักษุวิญญาณ เมื่อมีการปรุงแต่ง.(ที่ใจ)......จึงเกิดเป็นอารมณ์ ทั้งดีและไม่ดี..............การรับรู้อารมณ์เป็นธรรมชาติที่จิตไปรู้...................

    ท่าน พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) บอกว่า จิต คือ วิญญาณ......เอาหละ ตกลงมันคนละขณะกันหรืออย่างไร.........

    ถ้าจิต เป็น วิญญาณ แน่นอนว่าจิตไม่เที่ยง...."
    <!-- google_ad_section_end -->[/quote]

    ก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน งง นะเนี่ยะ จิตมันเกิดดับตลอดเวลาเพื่อรับอารมณ์ทั้งหลาย หรือนั่นก็คือเงื่อนไขที่หมายรวมไปถึงการเกิดวิญญาณในแต่ละฐานที่ถูกกระทบนั่นเอง การเกิดดับและรับรู้นั้นรวดเร็วมากจนเหมือนจิตนั้นคือวิญญาณ เมื่อเกิดและดับไป จึงเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ดับไป วิปัสนาจารย์ท่านว่า จิตจะมีการเกิดดับรวดเร็วมากเดี๋ยวเป็นกุศลเดี๋ยวเป็นอกุศล ให้สงสัยว่าจิตที่เราใช้ตามรู้อารมณ์ต่าง ๆ เป็นจิตคนละดวงกันกับจิตที่เกิดมารองรับอารมณ์ของวิญญาณใช่หรือไม่ หากมีสติที่ไวพอ เราจะจับการเกิดดับนั้นได้ เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ค่อยกระจ่าง แล้วใจล่ะ อยู่ไหนมันดูเหมือนจะมีใจอีกตัวนะ พอเข้าใจแล้วเรื่องการแยกขันธ์ หรือการดับขันธ์ ระลึกชาติออกแล้ว ว่าเคยได้ยินมาตลอดเค้าจะกล่าวว่า "ดับขันธ์ปรินิพพาน" เข้าใจแจ่มแจ้งวันนี้ ว่าเราต้องดับขันธ์ ตีขันให้แตกเพื่อปลดทุกข์ถาวร
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สมมติ นี้ต้องเข้าใจกันให้ดี ใช้กันให้ถูก

    เรา เคยชินกับความหมาย สมมติ คือ ปลอม

    ในทางศาสนา เราไม่กล่าวว่ามีอะไรปลอม

    สมมติ มันหมายถึง การบัญญัติออกมาเพื่อประโยชน์ในการสื่อสาร

    ดังนั้น ธรรม ที่เราเอาสมมติ บัญญัติเข้า จึงเป็น สัจจ เสมอๆกันกับ ปรมัตถ์สัจจ

    เหตุนี้ พุทธศาสนา ไม่ปฏิเสธการมีพ่อแม่ การมีคุณธรรม ความดี

    * * *

    หากใครใช้คำว่า สมมติ ไปในทาง ของปลอม ไม่มีจริง นั้นแปลว่า
    ยังมี มิจฉาทิฏฐิ ที่เจือปนมาช้านาน มาหลอกหลอนเอา ซึ่งเรียกว่า
    นัตถิกทิฏฐิ เช่น ตอนเราเรียนวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์จะสอน
    ถึงการสูญ แล้วเราก็เผลอจำไว้ แล้วมันก็มาลักลั่น ทำให้ความหมาย
    ของคำว่า สมมติ ใช้ผิดไปจากหลักศาสนา
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เอาเป็นว่าช่างมัน.........ผู้ที่จะศึกษาพระอภิธรรมได้......ต้องใช้ความเพียรสูง....เป็นผู้ทีปัญญามาก........หลวงพ่อปราโมทย์...ก็เคยบอกไว้.....ต้องใช้เวลาศึกษา......
    ทุกคำจริงๆ......ทุกคำมีความหมาย.........ไม่ใช่ธรรมดาที่ใครจะศึกษาจบได้ง่ายๆ.....

    ช่างเถอะค่อยๆ..ศึกษาไป......รู้แต่ว่าตอนนี้จิตมีโลภะ เป็นเจตสิก คือ อยากรู้ .....มีโทสะ เป็นเจตสิก...คือทำไมไม่เข้าใจวะ.......มีโมหะเจตสิกเป็นตัวชูโรงใหญ่....ช่างมัน.....

    แต่ต้องศึกษา....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2009
  7. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    สังขตธาตุ ค้นหา อสังขตธาตุ ไม่ได้
    จิตแสวงหาจิต อีกหนึ่งกัปป์ คงไม่พบ
    เหมือนเอาลูกกะตามองหาลูกกะตาตัวเอง
    จิตสามารถอบรมได้
    อบรมให้เข้าใจธรรมชาติของความมีอยู่แล้วที่เป็นอสังขตธาตุ
    หากไปสร้างอสังขตธาตุ นั่นยังหาไม่เจอ กลายเป็นพรหมลูกฟัก
    ดังนั้น จิตอบรมให้สร้าง อสังขตธาตุ ไม่อาจทำได้...
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    นั่นนะซิ ... เมื่อรู้จักแหวกได้แล้วครั้งนึง ย่อมใช้วิธีเดิมในการแหวกครั้งที่สอง อาจจะ ทุลุทะลวงจนตลอดแล้วแต่เหตุ
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คุณ ภาณุเดช เคยถอดจิตไหม

    หากเคยถอดจิต จะต้องมีประสบการณ์ จิตหมดกำลัง และกำลังจะกลับ

    หรือ จิตเกิดสงสัยว่า ที่เห็นนี้เป็นนิมิตจริง หรือ นิมิตลวง

    สองอาการนี้ นักถอดจิตจะกำหนดจิตกลับมาที่ร่างเดิม แล้วออกไปใหม่

    ตรงนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ขอให้สังเกต ตอนกลับมา แล้วออกไปใหม่
    เจ้าจิตที่ถอดออกไปมันอยู่ตรงไหน มันโพล่ที่เดิม หรือ ว่าต้องเดิน
    กลับไปใหม่ ...ตรงนี้ ให้สังเกตุ ฐาน ของจิตมีสอง และหากมีสติปัญญา
    จะระลึกช่องทางได้

    เมื่อสังเกตได้ว่า ฐานของจิต ไม่จำเป็นต้องมีเพียง 1 ดวง จะสามารถ
    กลับมาที่ร่างเพื่อทำสมถะเติมให้อีกดวงที่กำลังออกไปนั้น

    และหากไม่ยึดมั่นว่า จิตมีแค่สอง ทำไมจิตที่ร่างเดิมจะส่งออกไปอีก
    หนึ่งต่างหากจากดวงเดิมๆ ไม่ได้ หากสติปัญญาสามารถจดจำสภาวะ
    การออกไปได้ ก็ดวงแรกก็ออกไปด้วยวิธีนั้น

    ตรงนี้ เพื่อให้เห็นว่า จิตมันมีดวงเดียวเทียวไปจริงหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2009
  10. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อีกสักความเห็นนะครับ

    จะใช้วิธีเดิมได้ไหม ก็ขึ้นอยู่กับฐานที่ใช้พิจารณาก่อนแหวกนั่น ถ้าหากไล่ทั้งกระบวนการเกิดดับแห่งทุกข์ ละได้ตรงกิเลส ตรงนี้ย่อมเห็นมรรคเบื้องบน ใช้วิธีเดิมได้

    แต่ถ้าประเภทบุญเยอะ อบรมมาหลายภพชาติ ดูกาย ดูเวทนา แล้วมันแหวก โดยยังไม่แน่ชัดในวิธี อันนี้ก็ต้องไล่รูปนามให้ได้อยู่ดี ซึ่งตรงนี้จะเป็นการแบ่งประเภท หรือทำนายชาติภพที่ยังเหลือได้ (เบื้องต้นนะ เพื่ออะไรมันก็ต้องสำเร็จ ถ้าเพียร อาจจะในชาติเดียวก็ได้)

    ปล. ตรงนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะ ไม่ต้องเห็นตามก็ได้ ไม่บังคับ ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2009
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    แล้ว มโนธาตุ แสวงหา อสังขตธาตุ ได้หรือเปล่า
     
  12. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    อ้อ..เป็นอย่างนั้นเองหรือ

    เป็นเช่นนั้นเองหรือ เราก็เข้าใจได้ถูกแล้วสิ ขอบคุณ คุณวิมตุติมากที่ทำให้กระจ่าง งั้นเลิกงงกันดีกว่านะคุณภาณุเดช อิอิ
    ..............................................................
    ถึงคุณจินนี่ ที่ว่า "ดับขันธ์ ปรินิพพาน" นั่น เท่าที่รู้ พระพุทธเจ้าท่่่่่่่่่่านทำการดับ คือรู้แจ้งในมัน เห็นมันเป็นสิ่งทั้ง 5 อันเกิดเพราะมีสิ่งเกื้อกูลกัน อันมีรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั่นเอง ท่านทำการรู้นั้นให้แจ้งก่อนปรินิพพาน จึงถือได้ว่าท่านทรงดับขันธ์ แน่นอนว่าตามนั้น จิตก็คือจิต นิพพานก็คือนิพพาน ไม่หลงประเด็นแน่นอนท่าน ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2009
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ......เอาเป็นว่าคุยเรื่องอื่นนะ...ถอดจิต....ชลอก่อนแล้วกัน......

    ตกลง สมถะ กับ วิปัสสนา นี่จบแล้วนะ.....

    มัว อภิธรรม ....จนงง เลยผม.....
     
  14. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    555

    ก็ว่าอย่างนั้น ประมาณนั้นเหมือนกัน เกิดอกุศลจิตในด้านที่ดี เป็นความอยากรู้เรื่องธรรม เหนื่อยแล้วไปปฏิบัติกันดีกว่า ตามอ่านไปเรื่อย ๆ หนุกดี 555
     
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มันยากนิดหน่อย สำหรับสมถะยานิก ที่อยู่ดีๆ จะให้รับขอเสนอให้พิจารณา

    จิต ด้วยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เพราะ ความเคยชินจากการ
    ปฏิบัติ...."หลวงปู่มั่นสอนว่า ระวัง อย่าให้จิตไปติดเฉย" กรรมฐานที่เป็น
    สมถะแต่มีการพิจารณา ก็คือการฝึกการพิจารณาให้เป็น พอทำเป็นก็จะยอม
    ลงมาระลึกดู จิตในสภาพไตรลักษณ์แบบนักวิปัสสนายานิก ลงมาเมื่อไหร่
    เข้าใจเมือไหร่ ก็จะอุทานเป็นเสียงเดียว......เสียงเดียวกับนักวิปัสสนาที่
    เขาพร้อมที่จะเห็นไปก่อนหน้า ....สิ่งที่ไปเห็นนั้นเท่ากัน แต่ของเล่น หรือ
    กีฬาจิตนั้นมีแตกต่างกันไป
     
  16. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    เอ้าแหวก แหวก แหวก

    แหวกไปครั้งนึงแระ แหนมันชักจะกลับมาปกคลุมรกอีกแล้ว ต้องมาเริ่มแหวกกันใหม่ อิอิ ช่วย ๆ กันแหวก 555
     
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646

    ครับผมใช่......พระอภิธรรมเยอะมากๆ....ทั้งศัพท์เฉพาะ.......ปวดหัวนะว่าไปแล้ว.......อะไรเป็นเหตุของอะไร......อะไรเป็นผลของอะไร.....เชื่อมโยงกันอย่างไรอีก.......แค่เรื่อง จิต นะ โอโห........เห็นพระพม่าเขานั่งท่องกัน......ยกนิ้วให้ท่านเลย..........ส่วนตัวชอบศึกษาพระสูตร....สนุกดีครับ....เข้าใจง่ายดี....ยังไงเราก็ปฏิบัติกันนะครับ.......สาธุ
     
  18. Peace in mind

    Peace in mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +370
    555

    เห็นใจ อุตส่าห์ค้นขว้ามาให้อ่านอีกด้วย อิอิ ยินดี ๆ หวังว่าประเด็น สมถะ-วิปัสสนา คงยุติลงแล้ว นี่ถ้าเป็นสมัยที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิต เค้าคงพากันไปสอบถามเอาความจากท่านแล้วหล่ะ พระท่านเล่าเรื่องจากพระไตรปิฎกให้ฟัง เวลาสงฆ์ถกเถียงกันในเรื่องธรรม จิปาถะ แม้กระทั่งใครสำเร็จอรหันต์ โสดาบันหรือไม่ ก็มีอันต้องเข้าพบพระพุทธเจ้าอยากรู้อยากเห็นอยากพิสูจน์ กันมานานแล้ว 555
     
  19. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    นั้นนะท่าน....ก็หวังให้มันจบนะ........พูดกันมานาน...สมัยใหนละ....มันไม่จบกันสักที......ความจริงผมว่ามันไม่มีอะไรเลย.........พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ชัด........สังเกตท่าน....ไม่นานเดี๋ยวหัวข้อนี้ดังใหม่.....เป็นหัวข้อยอดฮิด.....กับหัวข้อ นิพพานเป็นอัตตา หริอสภาวะ.........ดูนะท่านสังเกตดู.....555

    พระพุทธเจ้าตอนนี้ที่เห็นใกล้สุดคือพระไตร.....5555
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ถ้าคุณ ภาณุเดช ชอบแบบ งง แบบเป็นปริศนา (ระวังนะ นี่ผมกำลังเล็งคุณเป็น ทิฏฐิจริต
    แล้วนะ -- อย่าทีเดียว ไม่งั้น เกลียดกันตาย )

    มาดูอันนี้ดีกว่า เรียกว่า วิริยะ อภิธรรมเติม เจตสิก เป็น วิริยะเจตสิก

    ความสนุก ที่อยากจะชวนคุยแทนเรื่องอื่นๆ ก็ตรงที่ ส่วนเหตุใกล้ให้เกิด

    ความ วิริยะอุตสาหะ ทำไม มีความสลด เป็นเหตุใกล้ ใครซักค้านได้บ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...