ความเข้าใจผิดๆ เรื่องจิต จิตไมใช่วิญญาณขันธ์ และวิญญาณขันธ์ก็ไม่ใช่จิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 10 กรกฎาคม 2009.

  1. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อวิชชา๘ อันมี
    ๑. ความไม่รู้ใน"ทุกข์" ี่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้รู้ และให้ดับสนิทหมายถึงอุปาทานทุกข์หรืออุปาทานขันธ์๕,และมีสติรู้เท่าทันอุปาทานทุกข์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้น ที่ล้วนเกิดขึ้นมาจากเหล่าทุกขอริยสัจและทุกขเวทนาที่เป็นสภาวธรรม(ธรรมชาติ)หนึ่งของชีวิต ที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว แล้วต้องปฏิบัติอย่างไรจึงไม่เป็นเวทนูปาทานขันธ์ อันเป็นอุปาทานทุกข์ที่แสนเร่าร้อนเผาลน คงเป็นเพียงทุกข์ธรรมชาติ, และทุกข์นี้ มีกิจจญาณหรือกิจอันควรกระทำที่ประกอบปัญญายิ่ง คือ เป็นสิ่งที่ควร " รู้ "
    ๒. ความไม่รู้ใน"สมุทัย"เหตุให้เกิดทุกข์มาจากตัณหา ๓(กามตัณหา-อยากในกามหรือในทางโลกๆ, ภวตัณหา-ความอยาก, วิภวตัณหา-ความไม่อยาก, อยากดับสูญ) อันจักเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดอุปาทานขันธ์ ๕ อันเป็นอุปาทานทุกข์, สมุทัย มีกิจจญาณหรือกิจอันควรกระทำที่ประกอบปัญญา คือ เป็นสิ่งที่ควร "ละ"
    ๓. ความไม่รู้ใน"นิโรธ" เป็นเช่นใด ไม่เคยสัมผัส หรือไม่เข้าใจสภาวะนิโรธอันว่างจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน อันล้วนเป็นเหตุปัจจัยที่ต่อเนื่องสัมพันธ์กันอันยังให้เกิดอุปาทานทุกข์ ทําให้ไม่ทราบว่าดับทุกข์ได้แล้ว จักเป็นสุขสงบ หรือดับร้อน เยี่ยงใด? คุ้มค่าให้ปฏิบัติไหม? มีจริงหรือเปล่า? หรือเข้าใจผิดไปจับสภาวะผลอันสงบเย็นของสมาธิหรือฌานเป็นสภาวะนิโรธ!ทําให้จริงๆแล้วยังคงมีความสงสัยอยู่ลึกๆในจิต(วิจิกิจฉา), นิโรธ มีกิจจญาณหรือกิจอันควรกระทำที่ประกอบปัญญา คือ เป็นสิ่งที่ควร " ทำให้แแจ้ง "
    ๔. ความไม่รู้ใน"มรรค"การปฎิบัติในการดับทุกข์ ควรปฏิบัติอย่างไร? ศึกษาแล้วยังไม่เข้าใจ ปฏิบัติไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน? วิธีใด? ของใครถูกแน่? (อ่านรายละเอียดในอริยสัจ ๔), มรรค มีกิจจญาณหรือกิจอันควรกระทำที่ประกอบปัญญา คือ เป็นสิ่งที่ควร " ปฏิบัติ "
    ๕. ความไม่รู้ใน"ความไม่รู้อดีต" การไม่รู้ระลึกชาติ หรือภพที่เคยเกิดเคยเป็นในภพชาติต่างๆในปัจจุบันชาติ หมายถึงการ ย้อนระลึกขันธ์๕หรืออุปาทานขันธ์๕ที่เคยเกิดเคยเป็น กล่าวคือไม่รู้ไม่เข้าใจขันธ์ ๕ ที่เคยเกิดๆดับๆ อันก่อให้เกิดอุปาทานทุกข์นั้นเกิดแต่เหตุปัจจัย และเหตุปัจจัยอะไร? เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ เครื่องรู้ เครื่องระลึก อันก่อให้เกิดปัญญาญาณ และนิพพิทาญาณอันยังให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในการดับทุกข์ (โยนิโสมนสิการปฏิจจสมุปบาทเรื่องภพ เรื่องชาติ จบแล้ว ลองย้อนมาพิจารณาอีกครั้ง)
    ๖. ความไม่รู้ใน"ความไม่รู้อนาคต"การไม่รู้อนาคต คือไม่รู้ไม่เข้าใจในการอุบัติ(เกิด) การจุติ(ดับ) ของขันธ์ทั้ง๕ว่าล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นและเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้น เช่น กรรมคือตามการกระทําที่มีเจตนาทั้งสิ้น และอนาคตนั้นก็จักเป็นไปตามเหตุปัจจัยอันคือกรรมการกระทํานั่นเอง ดังนั้นความทุกข์ในภายหน้าหรือชาติหน้าก็ล้วนเกิดดับอันเกิดแต่กรรมการกระทํา อันจักยังให้เกิดอุปาทานขันธ์๕เช่นเดิมหรือเกิดความทุกข์ขึ้นเฉกเช่นเดียวกับอดีต ดังนั้นเพราะความไม่รู้ จึงประมาท จึงมิได้แก้ไขเยี่ยงไร เพื่อไม่ให้ทุกข์จะเกิดขึ้นมาได้อีก กล่าวคือการรู้อนาคตเพราะรู้การเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั่นเอง คือเมื่อเหตุเป็นเช่นนี้ ผลเยี่ยงนี้จึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อันเกิดขึ้นจากความเข้าใจในสภาวะธรรมอย่างถ่องแท้
    ๗. ความไม่รู้ในทั้ง"อดีตและอนาคต" จึงไม่เกิดการยอมรับและเข้าใจในเหตุปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง จึงไม่มีทั้งเครื่องระลึก เครื่องเตือนสติจากการระลึกอดีต, และเกิดความประมาท ขาดการป้องกันจากการไม่รู้ทั้งอดีตและอนาคต
    ๘. ความไม่รู้ใน"ปฏิจจสมุปบาท" ไม่ทราบ,ไม่รู้ กระบวนการเกิดขึ้นของทุกข์ และกระบวนการดับไปของทุกข์ จึงไม่รู้จักอาสวะกิเลส ตลอดจนตัณหาและอุปาทานที่แอบซ่อนนอนเนื่องอยู่ในจิตหรือในอวิชชา เมื่อไม่รู้ไม่เข้าใจจึงไม่สามารถดับทุกข์ ที่เหตุปัจจัยด้อย่างเข้าใจและถูกต้องตามจริง อันอุปมาได้ดั่งช่างยนต์ที่ไม่รู้ไม่ศึกษาเรื่องเครื่องยนต์ แล้วจักซ่อมเครื่องยนต์ให้ดีเยี่ยงใด?

    ความไม่รุ้ในสิ่งเหล่านี้แหละ คุรต้องฟัง คุณไม่ใช่ผู่ที่จะตรัสรู้ ด้วยตัวเอง ในกัปนี้ผู้ที่ตรัสรู้ด้วยตนเองนั้นมี 5 พระองค์ ทั้งหมดนั้นเกิดแต่เหตุ

    หากต้องการนิพพานในชาตินี้ต้อง ทำตัวให้รู้ตามให้ได้ และต้องรู้ในอะไร ต้องรู้ในอริยสัจ เหมือนๆๆกับพระอรหัน เหมือนกับพระพุทธเจ้าทุกพระองคืนั้นแล

    หากจะเป็นพุทธภูมิ พุทธภูมินั้นไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่เดาสุ่มเอาว่าเป็น แต่มีเหตุปัจจัยที่สมบูรณ์


    ดังนั้นหากต้องการนิพพานจริงๆๆต้องศึกษาและปติบัติ อย่าถือตนว่ารุ้แล้ว ธรรมอื่นไม่สำคัญแล้ว มองธรรมเป็นสิ่งผิด มันเป็นความเห็นผิด
     
  2. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    แล้วก้ พวกที่เห็นจิตแล้วกลัว เพราะความไม่รู้เพราะอวิชา ทำไห้คิดว่าอย่าปรุงแต่งจิต ระวังจิตอย่าปรุง อย่าสร้าง

    จริงๆๆแล้วจิตนั้นปรุงแต่งอยุ่แล้วเป็นธรรมดา แต่เราต้องไม่หลงตามจิตที่ปรุงแต่งนั้นคำว่าไม่หลงนั้น ต้องเห็นด้วยปัญญาไม่ใช่สัญญาอีกเช่นกัน ยังไม่แสดง
     
  3. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ทำยังไงจึงจะเห็นได้ว่า
    ขันธ์ 5 ไม่เที่ยง ขันธ์ 5 เป็นทุกข์
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ดู รู้ ขันธ์5 ด้วยใจที่เป็นกลาง ตั้งมั่นที่รู้ ในปัจจุบันขณะ (รู้ในปัจจุบันเท่าที่จะสามารถรู้ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  5. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ผิด
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เราทำเพื่อรู้ ผิดหรือถูก ทำแล้วจึงรู้

    วันไหนรู้ถูก ก็มัชชิมาปฏิปทา เกิดเอง

    แล้ว ถูก ของคุณ เป็นอย่างไร เราจะได้เปิดหู เปิดตา
     
  7. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    มันต้องมัชฌิมาปฏิปทาก่อน
    แล้วจึงจะรู้ได้

    ไม่ใช่รู้ก่อน แล้วถึงจะเป็นมัชฌิมาปฏิปทา

    ถึงเวลาจะเฉลยเอง

    ตอนนี้ไปดูลูกก่อนไป
    ถ้าตื่นมากลางดึก
    เดี๋ยวเจ้านายเค้าโวยนะว่าไม่ดูแลลูก
     
  8. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ขันธ์ 5 ไม่เที่ยงเพราะมีอาการเกิดขึ้นตั้งอยุ่และดับ ไป
    ขันธื 5 เป็นทุข เพราะทนอยุ่ไม่ได้ ต้องแปรเปลี่ยน

    จะเห็นได้ เมื่อปัญญาเกิด เมื่อปันยาเกิดอาการของปัญญานั้นคือส่องให้เห็น เห็นตัวนี้แหละเป็นเห็นของปัญญา

    พระตถาคตเจ้าสอนวิทีทำไห้เกิดปัญญา หรือการเห้นด้วยการ ตั้งสติรู้ตัว รุ้ตน รู้ขันธ์ ว่ามีอาการอย่าไร ก้จะเห้นอาการที่เกิดขึ้นตั้งอยุ่ดับไป
     
  9. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อันเป็นสติปัฐฐาน 4 ทางแห่งปัญญาทางแห่งการ เห็น อริยสัจ
     
  10. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ต้องเห็นเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปแล้ว

    แล้วจะรู้ได้ทันทีว่าขันธ์ 5 ไม่เที่ย เป็นทุกข์ อย่างนั้นเหรอ

    มันผิดนะ
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เราเชื่อว่า ดู ขันธ์5 ไปเนืองๆ เริ่มตั้งแต่ใจยังไม่เป็นกลาง
    แล้วดูใจไปด้วย วันหนึ่ง จะรู้เอง มัชฌิมาปฏิปทา เกิดเองที่ใจ

    ลองผิดลองถูก ไปเนืองๆ
    ดูลูกอยู่ ไปละ
     
  12. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    เออดีแล้วไปดูลูกก่อน

    ต้องทำตามมัชฌิมาปฏิปทาก่อนนะ
    ถึงจะรู้จักไตรลักษณ์อย่างแท้จริงได้

    คุณเข้าใจกลับหัวกลับหางไปหมด
     
  13. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137

    การเห็นง่ายๆๆอย่างนี้ละครับคุณ เกส ที่เรียกว่าปัญญา

    แต่ต้องเป็นการเห็นจริง หากยังไม่ได้เห้นนั้นไม่มีทางเข้าใจเหมือนพูดไห้ฟังว่าปัญญาเกิดอวิชาดับนั้นแล

    เห็นอย่างอื่นยังเป้นเห็น ในขั้นหนึ่งๆๆเท่านั้น

    เห็นสุดท้ายนั้นทำไห้อาสวะดับ เป็นการเห็นอริยะสัจ
     
  14. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    สิ่งที่เรียกว่า ผิด ถูกนั้นถุกก่อขึ้นจากสัยญา ขันธ์

    แต่ละคนมีจริตที่แตกต่าง สิ่งที่แตกต่างนี้ส่งไห้ผลต่างกันแต่ อยู่ใน ความไม่รุ้เหมือนกัน

    เมื่อรุ้ก้ไม่ต่างแล้ว
     
  15. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ผิด

    เห็นเฉยจะเกิดปัญญาได้อย่างไร

    ปัญญา คือ รู้ชัด
    ไม่ใช่เห็นเฉย ๆ
     
  16. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ก็ของอย่างเดียวกัน
    รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน
    มันจะต่างกันไปไหน

    ส่วนจริตเป็นเพียงแต่วิธีการทำให้เห็นเท่านั้น

    แ่ต่สิ่งที่เห็นเป็นสิ่งเดียวกัน
    สิ่งที่เกิดดับไม่ใช่ขันธ์ ดอกหรือ
    แล้วจะเห็นต่างกันได้อย่างไร
    ก็มีขันธ์ 5 กันทุกผู้ทุกนามอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
     
  17. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137

    ความต่างนั้น มันไม่ใช่ของ ไม่ใช่ขันธ์ แต่เป็นปัยญา
     
  18. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ปัญญา หรือการรู้ชัด มีต่างกันด้วยเหรอ
    ถ้าอย่างนั้นพระอรหันต์บางองค์ ก็รู้นิพพาน ต่างกันสิ
    เพราะปัญญา ท่านต่างกัน

    อย่างนี้ก็มีหลายนิพพานสิ
    เพราะองค์หนึ่งรู้นิพพานอย่างหนึ่ง
    อีกองค์หนึ่งก็รู้นิพพานอย่างหนึ่ง

    เพราะปัญญาต่างกัน ทำให้รู้นิพพานต่างกัน
     
  19. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ของสิ่งนึง มีกลไกภายใน มีกระดาษห่อไว้ มีกล่องใส่ มีถุงครอบ อีก

    คราวนี้ผู้ที่เห็น นั้น บาง ทีก้เกะออกได้เพียง ถุง บ้างก้กล่อง บ้าง ก้ กระดาษ แต่ มีคนบอกเอาไว้ก่อนแล้วว่าด้านในถุงนั้นมี กล่องมีกระดาด และมีวัตถุ และมีกลไก โดยที่คนผู้นั้นไม่ได้เห็นเองเพียงแต่รู้จากผู้ที่บอกไว้เท่านั้น

    การเห็นนั้นจึงต่างๆๆ ดังเช่น ขันธ์ ขันธ์นั้นเปลือกนอกสุดก้ กาย คือเห็นนอกสุด
    เห็นมากขึ้นก้เห็น กาย+จิต
    ห็นมากขึ้นก้เห็น จิต + องคืประกอปจิต
    เห็นมากขึ้น ก้เห็นองประกอปจิต+ สิ่งที่นำมาสอดคล้องกันเอาไว้ เป็น ตัณหา
    เห็นมากขึ้นก้เห็นต้นตอของ ตัณหา กิเลส อวิชา
    เห็นสุดท้ายก้เห็น อวิชา

    หากเห็นสิ่งเหล่านี้ เรียกว่าปัยญาเกิด
     
  20. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ความต่างนั้นเป็นดังที่อทิบาย สุดท้ายแล้วสิ่งที่เห็นสุดท้ายเป็นสิ่งเดียวกันแต่คือเห็น ต้นตอเห็นเหตุ เห็นอริยสัจ ทุก สมุทัย นิโรท มรรค
     

แชร์หน้านี้

Loading...