ความเข้าใจผิดๆ เรื่องจิต จิตไมใช่วิญญาณขันธ์ และวิญญาณขันธ์ก็ไม่ใช่จิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 10 กรกฎาคม 2009.

  1. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เค้ารึผมครับที่โพสกระทู้ ตำหนิธรรม แล้วมันเห็นผิดจริงไหม

    ผมก้ ไม่ได้บอกว่าตนนั้นมีปัญญามากเหลือล้นเพียงแต่อทิบาย การเกดิและดับของจิตปัจจุบันขณะเท่านั้น คุณได้เห้นแล้วก้คิดไปเองว่ารู้มากจังเก่งจัง จริงๆแล้วก้ยังหลงยังไม่หลุดพ้นเหมือนกันทั้งนั้น แต่เห็นทาง คุณเข้าใจไหม คนที่เห็นทางน่ะ

    แล้วก้จบเถอะไม่มีประโยชน์เลย
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    อนุโมทนาสาธุ ท่านอาจานขันธ์ครับ

    ;aa24
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    อนุโมทนาสาธุ ท่านอาจานนิวรณ์ครับ
    ที่นำเอาสัมมาสมาธิมาให้ น่าที่จะนำเอาฉบับที่เป็นพุทธวจนะ ชัดเจนกว่าครับ
    ภิกษุในกรณีนี้มีปกติตามเห็นความตั้งขึ้นและเสื่อมไป ในอุปทานขันธ์ทั้งห้า

    ภิกษุในกรณีนี้มีปกติตามเห็น อะไรที่ตามรู้ตามเห็นอุปทานขันธ์๕?

    ;aa24
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ถ้ายอมรับ ก็ต้องเข้าใจวรรคนี้ด้วยสิ เพราะ วรรคนี้คือ สมาธิภาวนาที่พระท่านหนึ่ง
    ที่คุณเห็นว่าท่านไม่ได้สอนสมาธิ แต่ทว่า ท่านสอนสมาธิอยู่ และเป็นไปตามวรรคนี้
    เป็นหลัก


    เมื่อสติสัมปชัญญะดีแล้ว เจริญแล้ว ญาณสัมปยุตแล้ว พระท่านก็สอนวรรคนี้ต่อ

    ส่วน แบบที่ 1 กับ 2 นั้น พระท่านปล่อยตามวาสนาของผู้ฝึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    อนุโมทนาสาธุครับท่านเกสท์
    ยังไงท่านก็อย่าลืมภาษิตโบราณ
    เล่นกับเด็กๆขึ้นหัว เล่นกับสุนัขๆเลียปาก

    ;aa24
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ขึ้นชื่อว่าการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนาผมยอมรับทั้งสิ้น
    แต่ความหมดจดชัดเจน เพื่อกันความเข้าใจผิด ก็สำคัญนะครับ

    "เมื่อสติสัมปชัญญะดีแล้ว เจริญแล้ว ญาณสัมปยุตแล้ว พระท่านก็สอนวรรคนี้ต่อ"
    เมื่อท่านสอนมาแบบนี้ ท่านต้องรู้สิครับว่า ญาณสัมปยุตกันที่ไหน?
    เมื่อสติสัมปชัญญะดีแล้ว เจริญแล้ว ทั้งสติสัมปชัญญะดีแล้ว เจริญแล้วที่ไหน?

    ;aa24
     
  7. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ผมนี่ไม่น่าเห็นผิดมาสนทนากับคุรแม้แต่นิดเดียว แม้จะอทิบายอย่างไรมันก้ไม่สามารถเข้าสู่ใจได้ จริงๆก้พอรุ้นะ แต่ก้ยังหลวมตัว ธรรมภูติ ตามเวรตามกรรมเทอะ
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ก็ถูกของคุณ
    และเราก็ทำอยู่นี่ไง ฝึกให้เกิดมัชฌิมาปฏิปทา ในใจ
    ด้วยการ ดูขันธ์5 แล้วดูใจตัวเอง ส่วนใหญ่ก็จะเห็น ใจตัวเองไม่เป็นกลาง
    เห็นยินดี ยินร้าย ชอบใจ ไม่ชอบใจ หลง เผลอ
    เห็นใจเข้าไปยึดขันธ์5เป็นตัวตน เห็นใจวิปลาส เห็นใจปกติ
    การเห็นนี้ ถ้าเรามีสติเกิดประกอบการเห็น เราเรียกว่า เห็นด้วยใจที่เฉย
    เพราะใจมันมีสติมันจึงเห็นเฉยๆ ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย เห็นความจริงที่เกิดขึ้น
    ของขันธ์5ตามจริง 1 แว๊บ เห็นขันธ์5 ไม่ใช่เรา 1 แว๊บ เราฝึกเห็นอย่างนี้ไป
    เนืองๆ จะสะสมการเห็นด้วยสติ เมื่อเห็นมากๆจนพอจะเกิดสัมปชัญญะขึ้นที่ใจ
    ใจมันก็เกิดปัญญารู้ขึ้นมาได้ มันก็เกิดปัญญารู้ตั้งแต่เรื่องหยาบๆ ไปจนถึงเรื่อง
    ที่ละเอียด ปราณีต ขึ้นได้ เป็นทางหนึ่งของการเจริญสติ เจริญสมาธิ ของ สาย
    ปัญญา คุณไม่เข้าใจหรอก คุณก็เดินไปตามทางที่คุณรู้ เราก็ไปตามทางที่เรา
    เคยเดินมา เค้าถึงเรียกว่า จริตต่างกัน

    ลองอ่านนี่ดู หลวงพ่อชา ท่านเทศน์ไว้ มีเรื่องการปฏิบัติของสายปัญญา
    บางคนทำสมาธิยาก เพราะอะไร เพราะจริตแปลกเข้า แต่ก็เป็นสมาธิ แต่ก็ไม่หนักแน่นไม่ได้รับความสบายเพราะสมาธิแต่จะได้รับความสบายเพราะปัญญา เพราะปัญญาความคิด เห็นความจริงของมัน แล้วก็แก้ปัญหาถูกต้อง เป็นประเภทปัญญาวิมุตติไม่ใช่เจโตวิมุตติ มันจะมีความสบายทุกอย่างที่จะได้เกิดขึ้น เป็นหนทางของเราเพราะปัญญา สมาธิมันน้อย คล้ายๆกับว่าไม่ต้องนั่งสมาธิ พิจารณา “อันนั้นเป็นอะไรหนอ”แล้วแก้ปัญหาอันนี้นได้ทันทีเลยสบายไปเลยสงบ ลักษณะผู้มีปัญญาต้องเป็นอย่างนั้น ทำสมาธิไม่ค่ยได้ง่สยและไม่ค่อยดีด้วย มีสามธิแต่เพียงเฉพาะเสี้ยงปัญญาให้เกิดดีขึ้นมาได้ โดยมาอาศัยปัญญา เช่น สมมุติว่า ทำนากับทำสวนเราอาศัยนามากว่าสวน หรือทำนากับทำไร่ เราจะอาศัยนามากว่าไร่

    ในเรื่องของเราอาชีพของเราและการภาวนาของเราก็เหมือนกัน มันจะได้อาศัยปัญญาแก้ปัญหา แล้วจะเห็นความตริง ความสงบจึงเกิดขึ้นมา มันเป็นไปอย่างนั้น ธรรมดาก็เป็นไปอย่างนั้น มันต่างกันบางคนแรงในทางปัญญา สมาธิพอเป็นฐานไม่มาก คล้ายๆกันว่านั่งสมาธิไม่ค่อยสงบ ชอบมีความปรุงแต่งมีความคิดและมีปัญญาซักเรื่องนั้นมาพิจารณา ซักเรื่องนี้มาพิจารณา แล้วพิจารณาลงสู่ความสงบก็เห็นความถูกต้อง อันนี้จะได้มีกำลังกว่าสมาธิ อันนี้จริตของบางคนเป็นอย่างนั้น แม้จะยืน เดิน นั่ง นอนก็ตาม ความตรัสรู้ธรรมะนั้นไม่แน่นอน จะเป็นอิริยาบถใดก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้นั่งก็ได้ นอนก็ได้ อันนี้แหละผู้แรงด้วยปัญญา เป็นผู้มีปัญญาสามารถที่จะไม่เกี่ยวข้องกับสมาธิมากก็ได้ ถ้าพูดกันง่ายๆ ปัญญาเห็นเลย เห็นไปเลย ก็ละไปเลย สงบไปเลยได้ความสบายเพราะอันนั้นมันเห็นชัด มันเห็นจริงง เชื่อมั่นยืนยันเป็นพยานตนเองได้ นี่จริตของบางคนเป็นไปอย่างนี้ แต่จะอย่างไรก็ช่าง มันก็ต้องทำลายความเห็นผิดออกเหลือแต่ความเห็นถูก ทำลายความฟุ้งซ่านออก เหลือแต่ความสงบมันก้จะลงไปสู่จุดอันเดียวกัน บางคนปัญญาน้อย นั่งสมาธิได้ง่าย สงบ สงบเร็วที่สุด ไว แต่ไม่ค่อยมีปัญญา ไม่ทันกิเลสทั้งหลายไม่รู้เรื่องกิเลสทั้งหลายแก้ปัญหาไม่ค่อยได้ พระโยคาวจรเจ้าผู้ปฏิบัติมีสองหน้าอย่างนี้ ก็คู่กันเรื่อยไป แต่ปัญญาหรือวิปัสสนากับสมถะมันก็ทิ้งกันไม่ได้ คาบเกี่ยวกันไปเรื่อยๆอย่างนี้ทีนี้ ถ้ามันชัดแจ้งในความสงบ เมื่อมีอารมณ์มาผ่าน มีนิมิตขึ้นมาผ่าน ก็ไม่ได้สงสัยว่า “เคลิ้มไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้” “หลงไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้” “ลืมไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้” “หลับไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้” จิตขณะนี้สงสัย “หลับก็ไม่ใช่ ตื่นก็ไม่ใช่” นี่มันคลุมเครือ เรียกว่ามันมั่วสุมอยู่กับอารมณ์ ไม่แจ่มใสเหมือนกันกับพระจันทร์เข้าก้อนเมฆ มองเห็นอยู่แล้วแต่ไม่แจ่มแจ้ง มัวๆไม่เหมือนกับพระจันทร์ออกจากก้อนเมฆนั่นแจ่มใสสะอาด จิตเราสงบ มีสติสัมปชัญญะรอบคอบสมบูรณ์แล้ว จึงไม่สงสัยในอาการทั้งหลายที่เกิดขึ้น จะหมดจากนิวรณ์จริงๆ รู้ว่าอันใดเกิดขึ้นมาเป็นอันใดหมดทุกอย่าง รู้แจ้ง รู้เรื่องตามเป็นจริง ไม่ได้สงสัย อันนี้นเป็นดวงจิตที่ใสสะอาด สมาธิถึงขีดสุดแล้วเป็นเช่นนั้น

    อ่านทั้งหมด ได้ที่นี่ http://palungjit.org/threads/การทำจ...อผล-พระโพธิญาณเถร-หลวงปู่ชา-สุภัทโท-}.196114/
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ใจที่รู้แจ้งความจริงของขันธ์5ว่าไม่ที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
    จนปล่อยวางขันธ์5 ไม่ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์5 ลงได้ คือรู้แจ้งอริยสัจจ์
     
  10. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    นที่ไม่เห็น คือคนที่ไม่ได้ทำจริงไม่ใช้ชิวิตจริงๆ อยุ่แต่ในอึดมคติอยุ่กับความคิดอย่างเดียว
     
  11. Amoxcycol

    Amoxcycol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +65
    มองตัวเอง ในกระจกเล็ก บานใหญ่เนาะ
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    พูดไรไม่รุ้เรื่อง แปลด้วย การจะชี้แนะผู้อื่นต้องชัดเจน ท่าแบบนี้เรียกเหน็บแนมนะ
     
  13. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500


    ท่านอย่าได้เอาภายนอกมาสู่ภายใน จงมองหาสิ่งที่มีอยู่ในภายในนะท่าน เชื่อกระผม
     
  14. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    บุคคลแต่ละคนมีจริตที่แตกต่าง ไม่ว่าจะโทสะโมหะศรัทธาราคะ จริต ก้เป็นเพียง อุปทาน จิต ของคนๆนั้น เราต้องมองจิตไม่ใช่ข่มหรือฝืนจิต ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ทำความสงบ ก้อยู่ในความสงบ หาทางออกไห้เจอ แล้วจะเจอกลาง
     
  15. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ครั้งหนึ่งเจ้าชายสิททัตถะ ก้เคยบำเพ็ญ ทุขกิริยาเพราะเชื่อว่าจะหลุดพ้น หรือการไปเรียนวิชาต่างๆๆจะเป็นการข่มจิตให้สงบ ได้ฌาณสมาบัติ ก้ยังไม่หลุดพ้น หรือจะเสวยแต่สุขอยูแต่ในสุขก้ยังไม่หลุดพ้น ออกจากทั้ง3 สิ่ง นี้ อย่างหลงติดอยู่ใน ทุข สุข อทุกสุข
    ต้องรุ้ใน ปติจสมุปบาท
     
  16. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    หากท่านใดเห็นแล้วซึ่งสิ่งทั้งปวงอันเป็นของสกปรกที่คอยกัดเคลือบทำลายจิต ขอท่านผู้มีปัญญาละเสีย ความเข้าใจอันใดเป็นไปตามกำลังของตน แต่คนที่ไม่เข้าใจแล้วบอกว่าเข้าใจอันนี้น่ากลัว และสุดท้ายวันนึงเวปนี้ก็จะต้องถูกปิดลง ตามกาล ตามเหตุปัจจัยเช่นกัน
     
  17. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    เมื่อคุณยอมรับความถูกต้องของผมในเบื้องต้น
    ก็ควรยอมรับความถูกต้องของผมในลำดับถัดไปด้วย
    เพราะเมื่อบุคคลใดพิจารณาถูกต้องในเบื้องต้น
    ลำดับถัดไปก็น่าจะมีความถูกต้องมากกว่าใช่มั้ยครับ

    ต่างจากบุคคลที่พิจารณาผิดในเบื้องต้น
    ความถูกต้องในลำดับถัดไปจึงไม่ใช่ฐานะที่เป็นไปได้

    ก็อย่างนั้นล่ะเมื่อเบื้องต้นผมถูก แล้วคุณผิด
    แล้วลำดับถัดไปใครกันล่ะที่ไม่มีโอกาสถูกเลย
    คุณก็น่าจะรู้

    ธรรมะของหลวงปู่ชาที่คุณยกมานั้น
    ถ้าคุณอ่านแล้วเข้าใจ ก็จะเป็นประโยชน์มาก
    เพราะเมื่อเข้าใจแล้ว ก็นำไปปฏิบัติได้ถูกต้องมากขึ้น
    แต่คุณอ่านไปแล้วก็เข้าใจผิด ๆ
    เพราะถูกครอบงำแนวคิดจา่กสำนักดูจิต

    ปัญญาอบรมสมาธิ หรือ วิปัสสนานำสมถะ นี่
    ถ้าผู้ไม่เคยรู้เคยเห็นจะไม่เข้าใจนะ

    สิ่งแรกที่คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า
    definition ของ ปัญญา
    ก็คือ ไม่ใช่เฉพาะแต่รู้อยู่เฉย ๆ
    การรู้เฉย ๆ ไม่ใช่ความหมายของปัญญาทั้งหมด
    ความหมายของปัญญา ต้องรวมไปถึงการพิจารณาด้วย

    ดูแต่ปัญญาในทางโลก
    คุณต้องเรียนเพื่อให้รู้และพิจารณาสิ่งนั้นใช่มั้้ย
    จึงจะรู้ได้ชัด และมีปัญญา

    ทางธรรมก็เช่นเดียวกัน เมื่อรู้แล้ว ก็ต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน
    จึงจะรู้ชัดได้

    ทีนี้พูดถึงปัญญาวิมุตติ ที่หลวงปู่ชากล่าว
    ท่านว่านักปฏิบัติกลุ่มนี้ ทำสมาธิไม่ค่อยสงบ
    ใช้ปัญญาพิจารณาจึงทำให้ใจสงบได้

    เห็นมั้ย ต้องพิจารณา
    ไม่ใช่ดูเฉย ๆ ไม่แทรกไม่แซง
    ถ้าดูเฉย ๆ ไม่แทรกไม่แซง เป็นปัญญาไม่ได้

    เพราะการถูกครอบงำทางความคิดจากสำนักดูจิต
    จุดนี้ล่ะ จุดที่ว่าดูเฉย ๆ ไม่ต้องแทรกแซง นี่ล่ะ
    เป็นจุดที่บังปัญญาของคุณ

    คุณต้องพิจารณานะ
    เมื่อพิจารณาลงสู่ธรรมแล้ว
    จะเข้าใจ อย่าดูเฉย ๆ
    ต้องพิจารณา
     
  18. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้มันแล้ว ไอ้รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณใดๆ ทั้งนี้เมื่อไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้และทราบสาเหตุที่ใช้หรือไม่ต้องใช้ได้จริง ด้วยปัญญาของตน และถ้ามองแบบ...คิดเองว่าทำไมถึงต้อง
    ดับขันธ์ปรินิพพาน ทำไมไม่ดับจิตปรินิพพาน ขอท่านทั้งหลายโปรดใช้ปัญญาเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตตภาวนา พุทโธ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    แสดง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
    คัดลอกของครูบาอาจารย์เพียงบางส่วนเท่านั้น


    สมาธิ งามท่ามกลาง เราก็ตั้งจิตมั่น
    ลองดูซิว่าจิตเราตั้งหรือไม่ตั้ง มันเอนเอียงไปทางไหน
    มันข้องตรงไหน มันคาตรงไหน


    เราได้แต่ว่าสมาธิ คือจิตตั้งมั่น เราตั้งดูซิมันตั้งหรือไม่ตั้ง
    ถ้ามันตั้งมันเป็นอย่างไรเล่า มันก็ไม่เอนเอียงไปหาความรักความชัง
    ไม่หลงในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ทั้งหลายต่างๆ


    สิ่งใดเกิดขึ้นเราก็ดับ นี่มันจึงเข้าถึงสมาธิ จิตตั้งมั่น
    เมื่อจิตสงบตั้งมั่นแล้วมันก็ใส นี่แหละสมถกรรมฐาน ให้รู้จักสมถะคือทำจิตให้สงบภายใน


    เมื่อจิตของเราสงบภายในแล้วอุปมาเหมือนน้ำสงบ น้ำสงบแล้วก็ใส
    ใสแล้วก็มองเห็นเหตุ มองเห็นผล มองเห็นบุญกุศล มองเห็นสุข มองเห็นทุกข์ มองเห็นดี มองเห็นชั่ว


    เมื่อจิตของเราสงบแล้ว มันจะออกข้างซ้ายข้างขวาข้างหน้าข้างหลังข้างบนข้างล่าง
    เราก็รู้เรียกว่ามันตั้ง เพ่งเล็งมีสติอยู่ตรงนี้ นี่แหละให้พึงรู้พึงเข้าใจต่อไปในการทำสมาธิ


    อันนี้เมื่อจิตของเราเห็นแล้วอย่างนั้น เห็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นในสังขารทั้งหลาย
    และปัญญาความรอบรู้ในกองสังขาร


    มันจะได้เกิดปัญญารอบรู้ในกองสังขารว่าใครเป็นผู้ปรุงแต่งเล่า
    ไม่ใช่คนอื่นปรุงแต่ง กายสังขาร จิตสังขาร ปรุงขึ้นจากจิตของเรา

    นี่แหละมันจะได้เกิดเป็นวิปัสสนา บาทของสมถะ



    ;aa24
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตตภาวนา พุทโธ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    แสดง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
    คัดลอกของครูบาอาจารย์เพียงบางส่วนเท่านั้น


    เราจะดับได้เพราะเหตุใด เราเห็นอาทีนวโทษ เห็นโทษแห่งสังขาร
    เห็นภัยแห่งสังขารทั้งหลาย เห็นทุกข์แห่งสังขารทั้งหลาย นี่มันจะดับได้ตรงนี้


    เมื่อเห็นทุกข์เห็นโทษแล้ว มันก็ตัดได้ จึงเป็นวิปัสสนาความรู้แจ้งเห็นจริงสัจธรรม
    สัจจะของจริงคืออะไรเล่า เมื่อสังขารความปรุงความแต่งขึ้นแล้ว มันก็เกิดมันหลง


    เมื่อหลงแล้วท่านก็บอกว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยานามรูปํ,
    เมื่ออวิชชาความหลงมีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารมีแล้วเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
    วิญญาณมีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป นามรูปมีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดอายตนะ


    อายตนะมีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ ความกระทบถูกต้อง ผัสสะ มีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
    เวทนามีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ความทะเยอทะยาน
    ตัณหามีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทานการยึดถือ


    นี่ให้พิจารณาอันนี้ อุปาทานมีแล้วก้เป็นปัจจัยให้เกิดภพ คือเข้าไปตั้ง
    ภพมีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดชาติคือความเกิด ชาติมีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดชรา
    ชรามีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดพยาธิ พยาธิมีแล้วก็เป็นปัจัยให้เกิดมรณะ คือ ความตาย
    มรณะมีแล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดทุกข์


    นี่ พระพุทธเจ้าจึงได้พิจารณาในปฏิจจสมุปทานเป็นเครื่องข้องอยู่ ท่านจึงได้พ้นทุกข์อันนี้
    ;aa24 ครูบาอาจารย์ท่านผ่านมามาก ท่านสอนไม่ผิดหรอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...