ความเข้าใจผิดๆ เรื่องจิต จิตไมใช่วิญญาณขันธ์ และวิญญาณขันธ์ก็ไม่ใช่จิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 10 กรกฎาคม 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตตภาวนา พุทโธ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    แสดง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
    คัดลอกของครูบาอาจารย์เพียงบางส่วนเท่านั้น

    เหตุนั้นท่านจึงว่าทุกข์ควรกำหนด ท่านไม่ให้ละทุกข์ ทุกข์ควรกำหนด
    ควรพิจารณา ไปละสมุทัยนี่เป็นอย่างนี้ เราก็รู้เรื่องสมุทัย


    สัตว์ทั้งหลายจมลงในมหาสมุทรเป็นเหยื่อปลาหมด ปาโป ปาปํ จมในมหาสมุทรคือหลงความสมมติ
    ท่านค้นแล้วว่าทุกข์นี้มันมาจากไหน ท่านทวนกระแส
    ทีแรกท่านพิจารณาว่าทุกข์มาจากไหน


    อะไรเป็นเหตุปัจจัยมา มาจากความตาย ความตายมาจากไหนเห็นเหตุปัจจัยมา
    มาจากความเจ็บไข้ได้พยาธิอาพาธโรคา
    สิ่งเหล่านี้มาจากไหนเล่า มาจากชรา
    ความเฒ่าแก่ความชำรุดทรุดโทรม ความชำรุดทรุดโทรมมาจากไหนเล่า


    มาจากความเกิด ชาติคือความเกิด เกิดมาจากไหน มาจากภพ ภพคือเข้าไปตั้ง
    ภพมาจากไหนเล่า ท่านพิจารณา มาจากอุปาทาน ความยึดถือถ้าเรายึดถือที่ไหนก็ไปตั้งภพที่นั่น


    ให้ดูเอาซิภพของเราน้อนๆใหญ่ๆ อุปาทานมาจากไหนเล่า
    มาจากตัณหา ความทะเยอทะยาน ตัณหามาจากไหน
    มาจากเวทนา มันมีเวทนา สุขา เวทนา ทุกขา เวทนา ทีนี้เวทนาเหล่านี้มาจากไหนเล่า
    มาจากผัสสะ ความกระทบถูกต้อง ผัสสะมาจากไหนเล่า
    มาจากอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรานี้ อายตนะมาจากไหนเล่า
    มาจากรูป นามรูป รูปมาจากไหนมาจากวิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณ วิญญาณมาจากไหนเล่า
    มาจากสังขาร สังขารความปรุงความแต่ง สังขารมาจากไหนเล่า มาจากอวิชชา


    นี่ ท่านทั้งหลายมาจบตรงนี้จึงว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ,
    นี่มาจากอวิชชาเราต้องเรียนไปถึงอวิชชา ใครๆก็ไปหลงแต่อวิชชา


    เหตุนั้นท่านจึงว่าทุกข์ควรกำหนด ท่านไม่ให้ละทุกข์ ทุกข์ควรกำหนด
    ควรพิจารณา ไปละสมุทัยนี่เป็นอย่างนี้ เราก็รู้เรื่องสมุทัย


    สัตว์ทั้งหลายจมลงในมหาสมุทรเป็นเหยื่อปลาหมด ปาโป ปาปํ จมในมหาสมุทรคือหลงความสมมติ
    ท่านค้นแล้วว่าทุกข์นี้มันมาจากไหน ท่านทวนกระแส
    ทีแรกท่านพิจารณาว่าทุกข์มาจากไหน


    อะไรเป็นเหตุปัจจัยมา มาจากความตาย ความตายมาจากไหนเห็นเหตุปัจจัยมา
    มาจากความเจ็บไข้ได้พยาธิอาพาธโรคา
    สิ่งเหล่านี้มาจากไหนเล่า มาจากชรา
    ความเฒ่าแก่ความชำรุดทรุดโทรม ความชำรุดทรุดโทรมมาจากไหนเล่า


    มาจากความเกิด ชาติคือความเกิด เกิดมาจากไหน มาจากภพ ภพคือเข้าไปตั้ง
    ภพมาจากไหนเล่า ท่านพิจารณา มาจากอุปาทาน ความยึดถือถ้าเรายึดถือที่ไหนก็ไปตั้งภพที่นั่น


    ให้ดูเอาซิภพของเราน้อนๆใหญ่ๆ อุปาทานมาจากไหนเล่า
    มาจากตัณหา ความทะเยอทะยาน ตัณหามาจากไหน
    มาจากเวทนา มันมีเวทนา สุขา เวทนา ทุกขา เวทนา ทีนี้เวทนาเหล่านี้มาจากไหนเล่า
    มาจากผัสสะ ความกระทบถูกต้อง ผัสสะมาจากไหนเล่า
    มาจากอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรานี้ อายตนะมาจากไหนเล่า
    มาจากรูป นามรูป รูปมาจากไหนมาจากวิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณ วิญญาณมาจากไหนเล่า
    มาจากสังขาร สังขารความปรุงความแต่ง สังขารมาจากไหนเล่า มาจากอวิชชา


    นี่ ท่านทั้งหลายมาจบตรงนี้จึงว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ,
    นี่มาจากอวิชชาเราต้องเรียนไปถึงอวิชชา ใครๆก็ไปหลงแต่อวิชชา


    เราไม่ได้โอปนยิโก ใครเป็นผู้รู้ว่าอวิชชาและไม่ระลึกถึงมัน
    มีผู้รู้อยู่ จึงรู้ว่าอวิชชาทำให้มันเห็นแจ้งเห็นจริงในตัวของเรา
    นี่แหละเป็นข้อปฏิบัติ เพราะฉะนั้น ให้พากันพึงรู้พึงเข้าใจอย่าไปหลง



    ;aa24ครูบาอาจารย์ท่านผ่านมามาก ท่านสอนไม่ผิดหรอก เราไม่เข้าใจเองต่างหาก<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตตภาวนา พุทโธ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    แสดง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
    คัดลอกของครูบาอาจารย์เพียงบางส่วนเท่านั้น

    เรานั่งอยู่เดี๋ยวนี้เราหลงอะไร นี่แหละให้รู้จักพุทธศาสนา
    ศาสนาจะเจริญขึ้นก็อาศัยเราประพฤติปฏิบัติ เรากระทำอย่างนี้

    จึงจะเจริญได้ เมื่อเราไม่ประพฤติปฏิบัติ ศาสนาก็เสื่อม
    เรื่องเป็นอย่างนี้ เสื่อมเสียไม่ได้เสื่อมไปไหน
    เสื่อมจากตัวบุคคล คือคนไม่ประพฤติคนไม่กระทำ


    เดี๋ยวนี้บางคนว่า พระอรหัตพระอรหันต์ไม่มี พระโสดาสกิทาคาอนาคาก็ไม่มี
    จะมีได้ยังไงเพราะคนไม่กระทำ เพราะคนไม่ปฏิบัติ เพราะคนไม่ได้ขัดไม่ได้เกลา


    และของเราไม่ได้ประพฤติเราไม่ได้ดู เรื่องเป็นอย่างนี้ เมื่อเราได้ยินได้ฟังแล้ว
    โอปนยิโก ดูซิ พระโสดาอยู่ที่ไหนเล่า ตำราบอกไว้สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ก็เท่านี้


    รู้อันนี้ เมื่อเรารู้อันนี้แล้ว นั่นแหละเข้ามรรคในเบื้องต้นจะได้เป็นพระโสดา
    สักกายทิฏฐิ เดี๋ยวนี้เรามาถือตัวตน


    เมื่อเราพิจารณาดังอธิบายมาเบื้องต้น นะมันไม่เป็นตัวเป็นตนแล้ว
    มันก็ละทิฏฐิ ละมานะ อหังการ มมังการ ถือว่าเป็นตัวเป็นตน ไม่ยึดถือ
    จิตมันก็ละ มันก็ว่าง วิจิกิจฉา สงสัยว่าจะดีอย่างโน้นอย่างนี้
    เราก็เห็นแล้วขี้มูกน้ำลายของเราเลือดของเรา เหมือนที่อธิบายมาแล้วนั่น


    จะสงัสยอะไรอีกเล่า มันดีหรือมันชั่วล่ะ ดูซิ เพ่งดูซิ โลหิตํ น้ำเลือด
    เพ่งกสิณดูซิ กสิณ แปลว่าความเพ่ง สีแดง เพ่งดูซิเลือดอยู่ที่ไหน
    สีแดงคือเลือด เลือดของตนและของบุคคลอื่นเป็นอย่างไร เพ่งดูซิ
    มันจะละได้หรือละไม่ได้


    เมื่อเห็นว่าเป็นเลือดแล้ว ใครจะเอาล่ะ ใครยังจะต้องการอีกเล่า
    เพ่งกสิณเรียกอสุภะให้เห็นกสิณ เพ่งให้มันเห็น
    เห็นแล้วจิตของเราจะได้ไม่มีความสงสัย มันจะถอนสักกายทิฏฐิได้


    มันจะไม่เป็นสีลัพพตปรามาส ความลูบคลำว่า ศีล สมาธิ ปัญญา
    อยู่ที่อื่นที่ไกล ประจำใจของเราอยู่ สุขทุกข์ทั้งหลาย


    นี่ พระพุทธศาสนา ให้พากันรู้จัก นี่แหละเมื่อเราเห็นแจ้งแล้ว
    จิตของเราก็หยั่งถึงศีลถึงสมาธิ
    มันมีปัญญาความรอบรู้ในกองสังขารทั้งหลายมันปรุงแต่งไม่ได้
    ให้พึงรู้พึงเห็น นี่แหละศาสนาจึงจะเจริญได้


    ;aa24ครูบาอาจารย์ท่านผ่านมามาก ท่านสอนไม่ผิดหรอก เราไม่เข้าใจเองต่างหาก
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตตภาวนา พุทโธ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    แสดง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
    คัดลอกของครูบาอาจารย์เพียงบางส่วนเท่านั้น

    เดี๋ยวนี้ศาสนาจะเสื่อมก็คือ

    ภิกุสามเณรบวชแล้วไม่ประพฤติปฏิบัติศีลของตน สมาธิของตนไม่รักษา
    ที่เล่าเรียนไปก็เรียนไปเปล่าๆ ประโยชน์ ไม่ประพฤติไม่ปฏิบัติและไม่ฝึกหัด
    ไม่มีความสำรวมระวัง ปล่อยไปประพฤติไปต่างๆนานา


    เดี๋ยวนี้พระเณรเดินขบวนก็มี ทำไปเหลวไหล รับประทานอาหารยามวิกาลก็มี
    จับเงินจับทองก็มี ต่อของซื้อของขายก็มี พูดเกี้ยวสีกาก็มี เที่ยวเล่นตามถนนหนทางก็มี
    พวกนี้ซิมาย่ำยีพระศาสนา ทำศาสนาให้เสื่อม
    ไม่มีความสำรวมระวังศีลของตน ไม่ประพฤติปฏิบัติศีลของตน


    อุบาสกอุบาสิกา ก็ไม่มีความเคารพในทาน ศีล ภาวนา ของตน
    นี่ซิมันเสื่อม พระภิกษุสามเณรบวชมาแล้วก็ควรเล่าเรียนศึกษาสำรวมสิกขาวินัยของตนให้เรียบร้อย
    รู้จักแล้วศีลของเรา ๒๒๗ เณรก็ศีล ๑๐ เป็นข้องดเว้น
    เราสำรวมระวังอย่างนี้ ศาสนาก็เจริญรุ่งเรือง เดี๋ยวนี้มันไม่เป็นเช่นนั้น ศาสนาจึงเสื่อมเสีย


    คนทั้งหลายก็ดูหมิ่นศาสนา ดูถูกศาสนา
    เพราะเราไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา
    มีแต่ศีรษะโล้นกับผ้าเหลืองว่าเป็นพระเท่านั้น


    ข้อวัตรข้อปฏิบัติเป็นอย่างไร ก็ให้ดูเอาซิว่าท่านห้ามอะไร
    เราทั้งหลายก็บวชแล้วได้ศึกษามาแล้วการที่พระพุทธเจ้าสอนทุกสิ่งทุกอย่างในศีล ๒๒๗ ใหเงดเว้น
    นุ่งห่มท่านก็สอน นั่งนอนเดินยืนท่านก็สอน
    ถ่ายอุจจาระปัสสาวะบ้วนเขฬะท่านก็สอน จรดคำข้าวเข้าปากท่านก็สอน
    นี่แหละความละเอียดของท่านที่ต้องการความสวยความงาม ความสำรวมระวัง นี่เป็นอย่างนี้


    ;aa24ครูบาอาจารย์ท่านผ่านมามาก ท่านสอนไม่ผิดหรอก เราไม่เข้าใจเองต่างหาก<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตตภาวนา พุทโธ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    แสดง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
    คัดลอกของครูบาอาจารย์เพียงบางส่วนเท่านั้น

    นี่ให้รู้จักจิตของเราเป็นกุศล หรือเป็นอกุศลให้รู้จัก
    จิตของเรา
    สงบหรือไม่สงบ จิตของเราดีหรือไม่ดี


    ให้รู้จัก นี่แหละ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ
    ให้รู้จักจิตของเรา อุปฺปนฺนํ โหติ มันอุบัติขึ้นจากตนของตนนี้
    เอ้าต่อไปนี้ต่างคนต่างได้ยินได้ฟัง โอปนยิโก คือพิจารณาน้อมเข้ามาดู นะ


    อันนี้ พิจารณาเพ่งดูหัวใจของเรา เราข้องอะไรอยู่ จิตของเราเป็นอย่างไร
    จิตของเราดีเป็นอย่างไร จิตดีเป็นอย่างนี้
    จิตสงบดีมีความสุขความสบายเย็นอกเย็นใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่วุ่นไม่วาย


    พุทโธ ใจเบิกบานสบาย นี่และ นำความสุขความเจริญมาให้ในปัจจุบันและเบื้องหน้า


    เรามาที่นี้ต้องการความสุขความสบาย ความสุขความเจริญ
    ถ้าจิตของเราเป็นอย่างนี้แล้ว สันทิฏฐิโก เราก็รู้เองเห็นเอง นี่เป็นอย่างนี้


    ถ้าจิตของเราไม่ดีแล้วเป็นอย่างไร จิตไม่สงบจิตวุ่นวายจิตทะเยอทะยานดิ้นรน
    จิตไม่ดีแล้วทุกข์ยากเดือดร้อนวุ่นวายทุกข์ยากลำบาก
    ให้หนักหน่วงให้ง่วงเหงาให้มืดให้มัววุ่นวาย
    นี่นำสัตว์ทั้งหลายตกทุกข์ได้ยากทั้งปัจจุบันและเบื้องหน้า


    เมื่อจิตเป็นเช่นนี้แล้วประเทศชาติของเราก็วุ่นวาย
    ไม่ใช่อื่นเป็น ไม่ใช่อื่นวุ่นวาย ดวงใจของเรานี้วุ่นวาย


    เอ้าวัดดูเอาซิจะกว้างขวางอะไร

    ;aa24ครูบาอาจารย์ท่านผ่านมามาก ท่านสอนไม่ผิดหรอก เราไม่เข้าใจเองต่างหาก<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  5. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ธรรมที่ท่าน หลวงปู่ฝั้น อาจาโร แสดงนั้นดีแล้ว แต่คนตีความนี่สิ มันไม่ถูกความ
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คุณไม่เข้าใจหรอก คนที่พิจารณาธรรมไม่ใช่เรา เป็นพระโยคาวจรเจ้า
    เราแค่รู้ ดูเหตุที่เกิด โดยการไม่ทำอะไร เมื่อเรานิ่งแล้ว พระโยคาวจรเจ้า
    จึงจะมีโอกาส พิจารณาธรรม ตามจริงที่ปรากฏตรงหน้า ขณะจิตนั้น
    ถ้าคุณ หาใจ ตัวเองไม่เจอ หรือ คุณเข้าใจ ใจของคุณ ไม่ถูกต้อง
    ใจคุณ ก็ไม่ได้พิจารณาธรรม มีแต่คุณเองที่พิจารณาธรรม
    จะพิจารณากี่รอบต่อกี่รอบ ก็เป็นคุณที่พิจารณาธรรม แต่ถ้าคุณบอกว่า
    คุณคือพระโยคาวจรเจ้า คุณคือใจ คุณพิจารณาก็คือใจพิจารณา อันนี้ก็อีก
    เรื่องหนึ่ง ซึ่งเราไม่อาจไปรู้ความจริงของคุณได้ แต่ถ้าคุณบอกว่าคุณข้าม
    โคตรไปแล้ว นั่นคือคุณมีสัมมาทิฏฐิแล้ว รู้ถูก ทำถูกตามจริง ถ้ายังไม่ใช่
    คุณก็อย่าเพิ่งเชื่อตัวเองให้มากนัก ว่าคุณถูกคนอื่นผิด สำหรับเรายังไม่ข้าม
    โคตร ยังเป็นปุถุชน แต่เป็นปุถุชนผู้สดับธรรมและเดินมรรคตามที่คิดว่าใช่
    เราต้องทำไปจนกว่าจะรู้ถูก ตามที่เราเข้าใจ แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่า
    สิ่งที่เราคิดขณะนี้คือถูก คนอื่นคิดและทำไม่เหมือนเราคือผิด

    สงสัยว่า จะคิดไม่ตรงกัน ก็ทำต่างกัน เราก็พิสูจน์ในทางเฉพาะของเรา
    และเราเชื่อว่า คุณอ่านธรรมของหลวงพ่อชา แล้วคิดไปคนละทางกับเราแน่นอน
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    จิตตภาวนา พุทโธ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    แสดง ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
    วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
    คัดลอกของครูบาอาจารย์เพียงบางส่วนเท่านั้น

    นี่ให้รู้จักจิตของเราเป็นกุศล หรือเป็นอกุศลให้รู้จัก
    จิตของเรา
    สงบหรือไม่สงบ จิตของเราดีหรือไม่ดี


    ให้รู้จัก นี่แหละ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ
    ให้รู้จักจิตของเรา อุปฺปนฺนํ โหติ มันอุบัติขึ้นจากตนของตนนี้
    เอ้าต่อไปนี้ต่างคนต่างได้ยินได้ฟัง โอปนยิโก คือพิจารณาน้อมเข้ามาดู นะ


    อันนี้ พิจารณาเพ่งดูหัวใจของเรา เราข้องอะไรอยู่ จิตของเราเป็นอย่างไร
    จิตของเราดีเป็นอย่างไร จิตดีเป็นอย่างนี้
    จิตสงบดีมีความสุขความสบายเย็นอกเย็นใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่วุ่นไม่วาย

    ++++++++++

    คำของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็คือคำของพ่อแม่ครูบาอาจารย์
    ไปเพิ่มเติ่มเสริมแต่งให้เป็นบาปไปทำไม????????

    ;aa24 อย่าเที่ยวทำตัวเก่งเกินครูบาอาจารย์ จำเอาไว้นะ ปัญญาจะทรามเอาง่ายๆนะ
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คุณเกสท์
    เรามีความเห็นว่า คุณอ่านธรรมของหลองพ่อชา แล้วคิดไม่เหมือนเราแน่นอน
    เรามีหน้าที่นิ่ง แค่รู้ คนที่พิจารณาธรรม ไม่ใช่เรา แต่คือ ใจของเรา
    ใจของเราคือพระโยคาวจรเจ้า เราบอกคุณได้แค่นี้
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จิตของเรา แสดงว่า จิตไม่ใช่เรา จิตอยู่ส่วนหนึ่ง เราอยู่ส่วนหนึ่ง
    วันใดที่เห็นว่า จิต ไม่ใช่ของเรา วันนั้นคือวันที่ เห็นความจริง ของจิต และของตัวเราเอง
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คนที่คิดว่า สามารถบังคับบัญชาจิต ให้เป็นดังใจหมายได้ ก็ต้องบังคับกันตลอดไป
    วันไหนที่คนนั้นไม่อยู่บังคับแล้ว จิตก็เป็นอิสระ อีกครั้ง
    จิต อบรมได้ ขัดเกลาได้ แต่เราจะบังคับบัญชาจิตไว้ตลอดกาล ได้แน่หรือ

    จิตเปรียบเหมือน ลูก ของเรา ที่เราอบรมได้ ขัดเกลาได้ แต่เราไม่สามารถครองลูกไว้กับเราตลอดไป
    เมื่อถึงเวลา ก็ต้องจากกันไปตามวิถีกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  11. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    ก็ปฏิบัติผิดทางน่ะสิคุณถึงได้เป็นอย่างนี้ไง

    สิ่งที่ผมบอกคุณปฏิบัติไปถึงไม่ได้
    คุณก็ต้องค้านเป็นธรรมดาผมไม่ว่าอะไร
    ถ้าคุณลงใจกับผมคุณก็ไม่ค้านผม
    ก็แค่นั้น

    คุณสังเกตมั้ยทำไมพวกคุณ(ดูจิต)
    ถึงได้ถูกต่อต้านนักไม่ว่าจะไปที่ไหน

    คุณเคยกลับมาพิจารณามั้ย

    หรือคอยแต่จะตำหนิว่าคนอื่นไม่ดี
    ที่มาคอยตำหนิพวกคุณ
    แต่พวกคุณไม่รู้ว่า พวกคุณนั่นล่ะกำลังทำศาสนาให้เสื่อม
    คุณรู้มั้ย
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คนที่ไม่ถึงน่ะไม่ใช่คุณขวัญหรอก
     
  13. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    มันเป็นเพียงการจินตนาการของคุณ
    และมันก็เป็นการจินตนาการที่ผิดดด้วย

    คุณคือพระโยควจรเหรอ
    โธ่...น่าสงสาร
     
  14. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    เรื่องไตรลักษณ์ที่ถามเมื่อวานยังตอบไม่ได้
    ยังมีหน้ามาแสดงตัวอะไรอีก

    ไป..ไปหาปี๊ปมาคลุมหัวไป
     
  15. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    คำว่า จิตของเรา ที่หลวงปู่กล่าวผมกลับมองเห็นเป็น คำว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ คือคำนี้ไม่ได้หมายรวมถึงความเป็นอัตตาตัวตนเลยแม้แต่น้อย
     
  16. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    คำว่าดับขันธ์ปรินิพพานมีนานแล้ว รู้สึกจะใช้สำหรับพระพุทธเจ้า
    ที่ต้องลาขันธฺ์ คำทุกคำเขาตั้งมาต้องมีความหมาย รายละเอียดหากตกบกพร่อง
    แล้ว จะสามารถรวมจิตได้อย่างไร หากมองอะไร รวบรัดแสดงว่า เป็นคนสุกเอาเผากิน ไม่อร่อยแน่ ขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังแสดงการแยกสัดส่วนของเม็ดข้าวสารเลย แสดงว่า จิตที่กรองแล้ว ร่อนแล้ว ย่อมละเอียดหาประมาณไม่ได้
    ลองพิจารณาคำว่าดับขันธ์ปรินิพพพานของพระพุทธเจ้าอีกที ที่ถามแบบนี้
    เพราะมีในพระไตรปิกฏหลายภาษา พิจารณาอีกทีนะ ทำไมต้องใช้คำว่าดับ
    และอีกอย่างสงสัยจะเข้าใจผิดแน่ วิญญาญ กับจิต เป็นคนละตัวกัน
     
  17. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมคงเข้าใจผิดเองแต่คำว่าจุดๆๆๆ คือโง่ๆๆๆ ครับ
     
  18. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมเข้าใจท่านทั้งหลายแล้วเพราะผมไม่ทำให้ถึงซึ่งความจริงอันแท้ จริง จึงไม่สามารถแยกได้ ว่า รูป กับ นาม คืออะไร จิต คือ อะไร แล้ว ไตรลักษณ์ คือ อะไร แล้ว อริยะสัจทั้ง๔ คือ อะไร ผมอาจจะเป็นคนที่สุกเอาเผากินจริงๆอย่างท่านว่า ถ้าชาตินี้ยังมีเวลาเหลือ ผมคงพอได้ทำวิปัสสนาญาณให้เกิด ให้จงได้ ส่วนท่านที่ว่าๆท่านมีแล้วได้แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็คงไม่มีสิ่งใดพิสูจน์ได้ หากฌาณบารมียังไม่แจ่มชัด ข้าพเจ้าจะกระทำให้แจ่มชัดที่สุดในชาตินี้เพื่อพิจารณาความจริงให้จงได้
    ขอบคุณท่านทั้งหลายที่มีเมตตาต่อข้าพเจ้า
     
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ขออนุโมทนาในการปฏิบัติ ของคุณเก่งขอให้เห็นธรรมในชาติปัจจุบัน
    เราขออนุโมทนาด้วย กำลังใจสร้างจากคนอื่นไม่ได้หรอก
    ต้องสร้างจากข้างในเรา สู้ๆ นะ เราก็จะสู้เหมือนกัน
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คุณอ่านโพสท์ยังไง ตีความยังผิดเลย
    เราบอกว่า ใจ คือพระโยคาวจรเจ้า
    แต่เราไม่ใช่ เราอยู่ส่วนหนึ่ง ใจเราอยู่อีกส่วนหนึ่ง
    และใจ ก็ไม่ใช่ของเรา

    คุณไม่เข้าใจ ก็เป็นเรื่องของคุณ เราเข้าใจเรื่องของเรา ก็แล้วกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...