ศีลข้อที่ ๓ รักแท้ต้องขอจากพ่อแม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย honey_bee414, 20 กรกฎาคม 2009.

  1. honey_bee414

    honey_bee414 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,665
    [​IMG]



    :z2 ศีลข้อที่ ๓ รักแท้ต้องขอจากพ่อแม่ :z2

    “ห้ามชิงสุกก่อนห่าม”
    “รักแท้ต้องอิงผู้ใหญ่”
    “เข้าตามตรอก...ออกตามประตู”

    ที่กล่าวมานั้นเป็นสุภาษิตสอนหญิงที่สอนให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว สอนให้ผู้ชาย
    รู้จักให้เกียรติสตรีและเห็นคุณค่าของค่าน้ำนมของแม่ฝ่ายผู้หญิง นอกจากนี้ยังเป็น
    การป้องกันไม่ให้ผู้หญิงต้องทนทุกข์จากความรักอันจอมปลอมเพราะถ้าฝ่ายชายมี
    ความรักแท้จริงแล้วจะต้องรวบรวมความกล้าเข้าไปพบกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง เพื่อขอ
    อนุญาตในการคบลูกสาวบ้านนี้ในฐานะคนรักจากผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง


    แม่ชีทศพร กล่าวว่าเดี๋ยวนี้พอเด็กๆ โตเป็นวัยรุ่นก็เริ่มมีความรัก สนอกสนใจเพศ
    ตรงข้าม มีแฟนก็อยากจะอยู่ใกล้ชิดซึ่งกันและกัน บางคนก็ชิงสุกก่อนห่าม มีความ
    สัมพันธ์กันระหว่างที่ยังเรียนหนังสืออยู่โดยที่พ่อแม่ไม่รู้เรื่อง ซึ่งสุภาษิตโบราณแบบ
    นี้กลายเป็นคำสอนที่ใช้ไม่ได้แล้ว


    หัวอกของผู้เป็นพ่อแม่ย่อมรักและห่วงใยลูกเป็นธรรมดา กว่าแม่จะเลี้ยงดูลูกสาว
    ให้เติบโตเป็นกุลสตรีที่มีคุณสมบัติของผู้หญิงที่ดี เพียบพร้อมไปด้วยปัญญา มีมารยาท
    จิตใจโอบอ้อมอารี อ่อนโยน รู้จักคิด มีความเข้มแข็ง สามารถเอาตัวรอดและเลี้ยงดู
    ตนเองได้ในสังคมยุคนี้ นับเป็นเรื่องที่ยากเอาการ ดังนั้นบ้านใดมีลูกสาว ผู้เป็นพ่อแม่
    ก็ยิ่งห่วงใยมากเป็นพิเศษ เพราะลูกสาวได้แต่งงานออกเรือนได้สามีที่ดีรักทะนุถนอม
    เป็นที่พึ่งพาได้ พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็จะสบายใจคลายความทุกข์


    สุภาษิตคำว่า “ห้ามชิงสุกก่อนห่าม” จึงเป็นการบอกว่าหากยังไม่ถึงวัยที่สมควรจะ
    ออกเรือนหรือยังไม่มีวุฒิภาวะในการรับผิดชอบชีวิตเลี้ยงดูครอบครัวได้ก็ยังไม่สมควร
    ที่จะแต่งงาน เพราะสังคมไทยแตกต่างไปจากสังคมตะวันตก ที่แม้ลูก ๆจะเติบโตเป็น
    ผู้ใหญ่แล้วแต่สำหรับในสายตาของพ่อแม่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่เสมอ และลูก
    ก็เปรียบเสมือนคนในปกครองของผู้เป็นพ่อแม่ นั่นหมายถึงลูกสาวแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่
    แต่ถ้าพ่อแม่ยังอยู่และเป็นห่วงใยอาทรต่อชีวิตความเป็นอยู่ของลูกก็แสดงว่า “หญิง
    สาวคนนี้ก็ยังเป็นลูกของพ่อแม่บ้านนี้”



    การชิงสุกก่อนห่ามโดยไม่บอกกล่าวพ่อแม่นอกจากจะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจของ
    พ่อแม่แล้วในขณะเดียวกันก็เป็นการผิดศีลข้อที่ ๓ ด้วย เพราะเป็นการพรากลูกสาว
    หรือมีเพศสัมพันธ์กับลูกสาวในปกครองของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตนั่นเอง



    แม่ชีทศพร กล่าวว่า “ไม่ได้ห้ามคน ๒ คนไม่ให้รักกัน โยมมีความรักน่ะไม่ได้ผิดหรอก
    เรียกว่าคน ๒ คนไปรักกันยังไม่ผิดศีลข้อที่ ๓ แต่จะผิดศีลข้อที่ ๓ ก็ต่อเมื่อพ่อแม่ของ
    ฝ่ายหญิงไม่พร้อมที่จะยกลูกสาวให้ไปแต่งงาน ถ้าพ่อแม่ไม่พร้อมให้ แล้วลูกสาวไป
    ชิงสุกก่อนห่ามไปแต่งงานถึงเรียกว่าผิดศีลข้อที่ ๓



    ความไม่พร้อมของทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายที่จะแต่งงาน มันนำมาซึ่งปัญหาหลาย ๆ
    เรื่องทั้งทางโลก ทางธรรมและกรรม สมมติว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงอนุญาตให้แต่งงานเนื่อง
    จากความไม่พร้อมในทางการเงินก็เริ่มก่อให้เกิดปัญหาตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว



    พอจะแต่งงานฝ่ายลูกเขยก็ไม่พร้อม ก็ต้องไปหายืมเงินมาจากคนอื่นเพื่อจะได้มี
    เงินจัดงานแต่งงาน โดยยืมเงินมาเป็นแสนบาทเพื่อมาเป็นเงินสินสอดทองหมั้นให้
    แม่ยายจะได้ไม่อายคนอื่น พอแต่งงานเสร็จฝ่ายลูกเขยก็เอาเงินคืนจากแม่ฝ่ายหญิง
    แล้วรับเอาตัวเจ้าสาวไป ทีนี้ลูกสาวของเราก็ต้องไปเป็นคนของเขาทั้งชีวิต หรือบางที
    แม่ฝ่ายหญิงไม่อยากจะเห็นลูกสาวตนเองไปลำบากก็คืนเงินที่เป็นเงินสินสอดที่ทาง
    ฝ่ายลูกเขยมอบให้ตนเองเอาคืนให้กับลูกสาว



    แม่ชีทศพร บอกว่า ผู้เป็นแม่เจ้าสาวห้ามคืนเงินคืนให้กลับลูกเขย เพราะเงินสินสอด
    ก้อนนี้คืนเงินค่าน้ำนมของแม่เจ้าสาวที่แม่เจ้าสาวจะต้องเก็บเอาไว้ ถ้าไม่เก็บ ก็ผิดศีล
    ข้อ 3 มันจะส่งผลให้ครอบครัวของลูกสาวเราไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่มีความ
    รุ่งเรือง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นเพราะการเอาเงินคืนไปให้ลูกเขยก็เหมือนกับทำพิธีกรรม
    หลอกๆ หลอกผีปู่ย่าตายาย หลอกว่าจะมาขอลูกสาวแต่งงาน วันแรกของการแต่งงาน
    ก็เริ่มต้นด้วยความหลอกลวง แล้วชีวิตของคู่สมรสใหม่จะเป็นมงคลได้อย่างไร เพราะ
    หลอกทุกๆคนที่มาร่วมงานตั้งแต่วันที่เป็นมงคลแล้ว ถ้าแม่รักลูกสาวก็จะต้องไม่คืน
    เงินสินสอด จำเอาไว้ว่าอย่าทำให้เรื่องนี้เป็นเพียงพิธีกรรมหลอก ถ้าฝ่ายเจ้าบ่าวมีเงิน
    เท่าไรก็ขอให้ทำเท่านั้น เจ้าบ่าวมีเงินเพียง 500 ก็ให้ 500 บาททำอย่างนี้จะดีกว่า
    ขอให้มีความซื่อสัตย์กับครอบครัวฝ่ายหญิงและตนเอง



    ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในวันแต่งงาน ฝ่ายเจ้าสาวจะชอบยืมของมาใช้ในวันแต่งงานเช่น
    ยืมรองเท้า ยืมชุดแต่งงาน เครื่องประดับ เป็นต้น การหยิบยืมมีความหมายว่าไม่มีการหลุด
    หนี้ นี่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ควรจะรู้ และถ้าคู่สมรสไหนเคยทำอย่างนั้น ก็ให้กลับไป
    หาพ่อแม่ของเรา ไปกราบท่านแล้วบอกกับท่านว่าในตอนที่เราได้แต่งงานมีเรือน หากทั้ง
    เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเคยทำความทุกข์ใจอะไรๆไว้กับพ่อกับแม่มา เราขออโหสิกรรมจาก
    ท่านทั้งสองคน นี่จึงจะไม่ผิดศีลข้อที่ 3


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ������


    sleeping_rb เขียนความดีที่หัวใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2010
  2. สว่างแดนดิน

    สว่างแดนดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +307
    เห็นด้วยครับ ว่าเราควรสู่ขอ หรือ ขอจากพ่อ-แม่ ของฝ่ายหญิง ซึ่งถือเป็นผู้ปกครองของคนที่เรารักให้ถูกต้อง แล้วแต่งงานตามประเพณี ก่อนที่เราจะล่วงเกินคนที่เรารักไป
    แต่เรื่องการคืนเงิน ผมว่าเป็นเรื่องของประเพณี อย่างบ้านคนจีน จะถือว่าการแต่งงานของลูก ก็คือการรับ ลูกเขย หรือ ลูกสะใภ้เข้ามาร่วมครอบครัวเดียวกัน เหมือนมีลูกเพิ่ม ดังนั้น เวลาแต่งแล้ว มักจะคืนเงินสินสอดให้ หรือ บางทีก็จะมีเงินเพิ่มให้ด้วย ด้วยความเชื่อว่าเป็นเงินขวัญถุง ให้ครอบครัวของลูกมีเงินทุน ไม่ลำบาก สามารถนำไปสร้างอนาคตเลี้ยงดูตัวเอง และ ครอบครัวได้
    และเมื่อแต่งงานแล้ว ทั้งลูกเขย และ ลูกสะใภ้ ก็พึงเลี้ยงดูพ่อ-แม่ของสามี-ภรรยา และของตัว ดุจดั่งลูกที่ดีทั้งหลายจะพึงทำ

    ไม่ได้มีเจตนาแย้งคำสอนของคุณแม่ทศพรนะครับ แค่มองจากมุมของลูกคนจีนครอบครัวนึงในเมืองไทย (ไม่รู้ว่าเป็นคนส่วนน้อยหรือเปล่า)
    กรรมใดหากเป็นการล่วงเกินคุณแม่ และ ผู้คัดลอก ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
     
  3. เกลี่ยง

    เกลี่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    233
    ค่าพลัง:
    +428
    โมทนา สาธุ กับบทความ
    อยากถามผู้รู้...แล้วกรณี พ่อแม่ของสาวหลอกเอาเงินโดยบอกว่ายกให้ แล้วเอาลูกสาวคืน ประมาณว่าฝากให้ไปเลี้ยงชั่วคราว พอหาสามีใหม่ที่ดีกว่าให้ลูกได้ ก็สั่งให้เลิก อย่างนี้เรียกว่าอะไร?
     
  4. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    อ่อ! สัก5%หรืออาจจะน้อยกว่าครับที่คิดแบบนี้ ทั้งหญิงและชายสมัยนี้ น่าสังเวช ยิ่งนัก
     
  5. มรรค 8 ประการ

    มรรค 8 ประการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    884
    ค่าพลัง:
    +2,641
    ชิงสุกก่อนห่ามนิแปลว่า มีอะไรกันแล้วใช่มั้ยครับ
     
  6. สะใภ้เพชรบูรณ์

    สะใภ้เพชรบูรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +424
    ถ้ามันไม่ลงตัว ก้ออยู่กินกันเฉย ๆ ไม่ต้องแต่งเลยดีกว่ามั้ย

    ก้อไม่มีตังอะค่ะ

    ไหน ๆ ก้อผิดศิล 3 ก้อให้ผิดเลยดีกว่า ถ้าแต่งแล้วมันต้องผิดมากกว่านี้
     
  7. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    • โมทนากับท่านเจ้าของบทความ ท่าน จขกท. และทุก ๆ คคห.ค่ะ


      "สองคน ยลตามช่อง
    คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม

    คนหนึ่ง ตาแหลมคม

    • มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว"

    :z17







     
  8. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    ^^ คิดว่าขอพรให้พ่อกับแม่อวยพรให้ด้วย แหะๆ
     
  9. พงศ์830

    พงศ์830 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +1,196
    7ปี ยังหนีไปกับคนอื่นเลย
     
  10. pazaa2

    pazaa2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +3
    (ping)อนุโมทนาด้วยน่ะค่ะ
     
  11. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    [​IMG] ก็อยากทำอย่างแม่ชีว่านะครับ แต่พ่อแม่ผู้หญิงเรียกสินสอดซะจมเขี้ยว
    มีเงินอยู่ไม่กี่พัน ยืมก็ไม่ได้ พาหนีก็ไม่ได้ พอจะบอกเลิกกับแฟน แฟนก็
    หาว่าหลอกลวงอยากมีแฟนใหม่ พาลจะฆ่าตัวตาย แล้วจะให้ทำอย่างไรละครับ
    .... ผมว่าแค่ปัญหาเงินสินสอด มันก็วุ่นพออยู่แล้ว ทำไมจะต้องกะเกณฑ์
    ต้องอย่างโน้นต้องอย่างนี้ พิธีการก็แค่เปลือกนอกไม่เกี่ยวกับศีลหรอก เอาไว้โอ้อวดชาวบ้าน
    . . . การจะเป็นสามีภรรยากัน ก็แค่ขออนุญาติพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็พอแล้ว ค
    นที่เป็นพ่อแม่และรักลูกจริง เขาไม่ห่วงเรื่องสินสอดทองหมั้นหรอก เรียกมาเท่าไรตอนรับไหว้ก็คืนให้หมด
    .. . . . ก็เพราะประเพณีนี่แหละทำให้พวกลูกๆ ไม่ว่าชายหรือหญิงร้องไห้มานักต่อนักแล้ว[​IMG]
     
  12. Kob4321

    Kob4321 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +56
    พยายามคิดไว้เสมอค่ะ ว่าร่างกายเราเป็นของพ่อแม่ครึ่งหนึง ก่อนจะทำอะไรลงไปก็ให้คิดทบทวนถึงสิ่งดีๆที่ท่านทำให้เราตั้งแต่เล็กจนโตเสียก่อน แล้วมันจะผ่านไปได้เองค่ะ
     
  13. ขอมจำแลง

    ขอมจำแลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +1,273


    *** ผมว่าแต่งงานกันแบบไม่มีสินสอดก็พอได้ แต่ต้องมีพิธีการนะครับ มันมีเหตุผลที่มาที่ไป ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในการรับรู้ของสังคม มีสังคมบังคับไว้ และจะรับผิดชอบต่อกันดีกว่า ที่ไปด้วยกันเอง หรือพ่อแม่ไม่รับรู้ซึ่งผิดศีลธรรมและเลิกรากันง่ายที่สุด เรื่องความไม่พร้อมด้วยอายุ ฐานะความรับผิดชอบ และอำนาจปกครองดูแลของบิดามารดาที่มีมาพร้อมกับความรักยิ่ง เป็นปัญหาสังคมที่สำคัญตอนนี้ทีเดียว
     
  14. ruknid1

    ruknid1 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    -cool day-เคยอ่านจากหนังสือของเเม่ชีทศพรเหมือนกันค่ะ เเรกๆก็รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่ท่านอธิบายไว้ เเต่เมื่อมาพิจารณาโดยส่วนตัว ก็เห็นด้วยกับท่านค่ะ
     
  15. realsiam

    realsiam สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +4
    ผมรู้สึกว่าบทความนี้มีคุณค่ามากครับ ขอบคุณสำหรับ บทความดีๆ เฉกเช่นนี้ ครับ =^_^=
     
  16. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ครับ รักษาศีลให้ครบเป็นดีที่สุดครับ ขอบคุณครับ
     
  17. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    ศีลข้อที่ ๓ รักแท้ต้องขอจากพ่อแม่ ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ
    ....ส่วนเรื่องสินสอดกับพิธีการ สินสอดสำคัญกว่าพิธีการ ส่วนใหญ่พ่อแม่
    ของฝ่ายหญิงที่รักและเป็นห่วงลูก อยากจะทดสอบฝ่ายชายก็ด้วยวิธีเรียก
    สินสอด เพื่อที่จะว่ามีความมานะพยายาม และมีความสามารถ ในการทำมาหา
    กิน <!-- google_ad_section_end -->แค่ไหนเพียงไรเนื่องด้วยความเป็นห่วงลูกสาว แต่สินสอดก็จะคืนในภาย
    หลัง
    ....ส่วนเรื่องพิธีการให้สังคมรับรู้ ผมว่าเรื่องของคนสองคนไม่น่าจะเกี่ยวกับ
    คนอื่น และผมว่าคนอื่น ในใจจริงก็ไม่อยากจะเกี่ยวข้องด้วย ยิ่งได้รับเชิญ
    มาในงานด้วยแล้วละก็ ถ้าไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทจริงๆ รับรองได้
    ต่อหน้าอวยพรเรา แต่ในใจอาจกำลังบ่นว่าเราอยู่ก็ได้ เพราะทำให้เสียเวลาเสีย
    เงินทอง อย่าไปเอาสาระหรือให้ความสำคัญกับสังคมมากไปเลยครับ ส่วนใหญ่
    ก็เป็นสังคมจอมปลอม ใส่หน้ากากเข้าหากัน เราจัดพิธีเขาก็ด่าไม่จัดเขาก็ด่า
    แล้วเราจะไปแคร์ทำไมกับสังคม สองคนมาอยู่เป็นสามีภรรยากันพยายาม
    รักษาน้ำใจกัน อยู่กันให้นานจนตายจากกัน นั้นแลครับสังคมก็ไม่มาว่าเราได้
    .....คุณคิดว่าสังคมอยากจะรู้หรือว่า เรามีครอบครัวหรือยัง ขนาดเขามี
    กฎเกณฑ์ดีๆไว้ เพื่อให้รู้ว่าหญิงคนนี้มีครอบครัวแล้ว ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว
    เพราะจะระเมิดศีลข้อสามได้ สังคมก็พยายามเปลี่ยนแปลงกฎนี้ โดยอ้าง
    ว่าไม่เสมอภาค จากเดิมเมื่อมีสามีแล้วต้องใช้นาง ไม่พอใจจะใช้นางสาว
    เหมือนตอนยังไม่มีสามี
     
  18. mu-nice

    mu-nice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +650
    และถ้าเป็นกรณีที่แม่ฝ่ายหญิงรับไว้แล้วแต่คืนมาให้เป็นของรับไหว้ผิดด้วยหรือเปล่าคะเพราะลูกไม่ได้เรียกร้องหรือขอจากพ่อแม่แต่ท่านให้เองเพราะท่านถือว่าเมื่อให้ท่านแล้วก็เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะให้ใครหรือไม่ให้ก็ได้ไม่ใช่หรือคะยังสงสัยอยูค่ะแต่มาตอนหลังเราก็เอาให้ท่านบ้าง(หลังจากแต่งแล้วนะคะ)จะยังผิดไหมคะเพราะถ้าเป็นตัวดิฉันเองถ้ารู้ว่าลูกไม่มีก็คงทนไม่ได้หรอกค่ะ
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อนุโมทนาค่ะ
    แต่ชาตินี้ คิดว่าคงไม่มีโอกาสจัดพิธีแต่งงานแน่นอน
    ไม่เห็นด้วยที่มีการเลี้ยงสุราในงานแต่ง
    แต่ถ้าไม่มีสุรา ชาวบ้านก็ว่า
    ทางโลกกับทางธรรมเดินสวนทางกัน
    ถ้ายึดธรรม ต้องตัดโลก
    ถ้ายึดโลก ก็ขาดธรรม
     
  20. anko

    anko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +8,252
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวและทุกความเห็นนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...