ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เมื่อวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่ผ่านมา
    สมาชิกกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)ท่านหนึ่ง ได้เดินทางไปปลดปล่อยวิญญาณที่ภูเก็ต
    บริเวณที่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่ม หลังจากนั้นก็กลับมาที่พัก แล้วถ่ายภาพตัวเองในกระจก จากกล้องถ่ายวีดีโอ ปรากฏภาพประหลาด เหมือนมีอะไรมาแปะติดลูกกะตาข้างขวา คล้ายๆรังไหม ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เอาอะไรมาแปะปิดที่ตาเลย

    เรื่องนี้สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นอุปกรณ์อะไรบางอย่าง ที่ส่งมาให้สมาชิกท่านนี้ไว้ใช้ประโยชน์

    ซึ่งท่านสมาชิกท่านนี้ ได้เรียกสิ่งนี้ว่า ดวงตาอนันตนาคราช



    [​IMG]
     
  2. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081

    ยินดีต้อนรับคุณฝ้าย ครับ

    มาติดตามข่าวสารจากกระทู้บ่อยๆนะครับ
    เพื่อจะได้ทราบว่ามีกิจกรรมกลุ่มฯที่ใดบ้าง จะได้เข้าไปร่วมทำกิจกรรม
    ศึกษาในสิ่งที่ต้องการได้ครับ
     
  3. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    เมื่อเช้าตอนเดินทางมาที่ เกษตรบางเขน ก็นั่งเมลล์ออกจากบ้านพี่สันโดษแต่เช้า -*-
    (11 โมง....เช้า???)

    พอรถผ่านมาแถวๆสะพานตาก ก็แวบไปเห็นคอนโด(มั้ง) สามอัน มันติดตาดี ^^

    [​IMG]

    ระหว่างการเดินทาง และทำอย่างอื่น ข้างนอก ก็มีอาการปวดหัวไหล่อีกแล้ว เป็นแบบนี้ประจำค่ะ เวลาออกไปข้างนอก

    คาดว่ากล้ามเนื้อบริเวณไหล่น่าจะเกร็ง แต่ นี่มัน-*- นานจัง ยาคลายกล้ามเนื้อก็เอาไม่อยู่ -- ว๊า ไม่ลั้ลลา~ละ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  4. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ตะลึง?อุปกรณ์ต่อกระดูกของอาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน)ทำงาน


    คัดลอกจากเว็บ...ตะลึง?อุปกรณ์ต่อกระดูกของอาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน)ทำงาน



    สืบเนื่องมาจากงานวิทยาศาสตร์ทางจิต ครั้งที่ ๑๖ ซึ่งจัดขึ้นที่พันธ์ทิพย์ งามวงศ์วาน
    เมื่อวันที่ ๑๐-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๒

    และในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ อาจารย์หนุ่ย หรือเทพบุตรชาวดิน หนึ่งในกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
    ได้อาสาเฝ้าบูธ ที่ ศ.ดร.เทพพนม เมืองแมน มอบหมายมาให้ เพื่อเป็นสถานที่นัดพบ
    สนทนา สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว ที่จะมาช่วยโลกยามเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ

    ในงานครั้งนี้ อาจารย์หนุ่ย ได้พบกับสตรีประหลาดท่านหนึ่ง มายืนสนทนาด้วย
    แบบตัวต่อตัว สตรีท่านนี้ กล่าวในลักษณะว่ามาจากจักรวาลต่างดาวอันไกลโพ้น
    ซึ่งทำให้อาจารย์หนุ่ย คิดในใจว่า สงสัยมาลองของแน่ๆ แหม ทำเป็นเอาคำพูดที่เคยลงในกระทู้เขากะลามาพูด
    รู้ทันนะ เป็นการแสดงออกในใจที่ไม่มีความเชื่อโดยเด็ดขาด


    แต่อาจารย์หนุ่ย ก็ยังคงนั่งฟังสตรีท่านนี้ กล่าวต่อไปว่า

    ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านจะต้องทำงานกัน (จารหนุ่ยคิดในใจว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้ทำงานหรือ) ขอกระดาษให้เราหนึ่งแผ่น (จารหนุ่ย หยิบกระดาษขนาดเอ๔ ยื่นให้)

    สตรีที่ยืนอยู่หน้าอาจารย์หนุ่ย ยกกระดาษขึ้นมาเขียนข้อความอะไรบางอย่าง
    แล้วยื่นให้จารหนุ่ย เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นอักขระภาษาที่อ่านไม่ออก และไม่สามารถเข้าใจได้ (มาภายหลัง จารหนุ่ย แปลกใจว่า ทำไมเขาเขียนข้อความได้ชัดเจนมีน้ำหนัก โดยไม่มีที่รองเขียนเลย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    หลังจากที่เขียนข้อความลงกระดาษส่งให้อาจารย์หนุ่ยแล้ว
    สตรีท่านนั้นก็บอกให้จารหนุ่ย ยื่นแขนข้างหนึ่งออกมา
    แทนที่จารหนุ่ยจะยื่นแขนแบมือ กลับยื่นเพียงข้อมือออกไป งอฝ่ามือลง

    แล้วเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อ
    ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์หนุ่ย ใช้สองนิ้วมือแตะที่ข้อมือของจารหนุ่ยที่ยื่นมาให้

    จารหนุ่ย กล่าวว่า ณ ขณะนั้น เหมือนถูกมนต์สะกด ได้แต่ทำตาม
    ใช้เพียงความรู้สึกนึกคิดแทนคำพูดเป็นส่วนมาก ซึ่งก็ได้รับคำตอบกลับมาตรงกับใจคิด


    ขณะที่สองนิ้วของผู้มาเยือน แตะอยู่ที่ข้อมือของอาจารย์หนุ่ย

    อาจารย์หนุ่ยบอกว่า มันเหมือนมีกระแสพลังอันยิ่งใหญ่มากมาย
    วิ่งผ่านจากข้อมือเข้ามาในตัว ซึ่งทำให้เข้าใจในสภาวะเหมือนเช่นที่พระอาจารย์
    ที่อยู่ปราจีนบุรี ได้รับคลื่นพลังจากมนุษย์ต่างดาว ได้เป็นอย่างดีว่าเป็นอย่างนี้เอง

    เมื่อแหงนมองหน้าของสตรีลึกลับ ก็เกิดปรากฏการณ์ เหมือนมีคลื่นแทรก
    เป็นเส้นๆ ไม่สามารถมองใบหน้าได้ชัด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เมื่อสตรีผู้มาเยือน ยกนิ้วมือออกจากข้อมือของอาจารย์หนุ่ย
    อาจารย์หนุ่ยเกิดอาการมึนงง ไม่สามารถหาคำตอบให้ตนเองได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    แล้วยกกระดาษที่ถูกเขียนข้อความประหลาดขึ้นมาดูอีกครั้ง
    เพียงฉับพลัน เมื่อจารหนุ่ย เงยหน้าขึ้นไปมองสตรีท่านนั้น
    ปรากฏว่า ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความว่างเปล่า
    แขกผู้มาเยือนท่านนั้น หายไปไหนแล้ว

    อาจารย์หนุ่ยรีบลุกขึ้น แล้วเดินไปยังบูธตรงข้าม ซึ่งเป็นบูธของอาจารย์สถิฐธรรม
    สอบถามผู้ที่ยืนอยู่ในบูธว่า เห็นผู้หญิงที่มายืนคุยกับจารหนุ่ยไหม
    ได้รับคำตอบบอกมาว่า ไม่เห็นมีใครเลย เห็นแต่จารหนุ่ยคนเดียว
    แล้วคนอื่นๆในบูธ ดร.เทพพนม ไปไหนกันหมด

    เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น ก็ยิ่งสร้างความระแวงสงสัยมากขึ้น
    เป็นไปได้อย่างไรกันนี่

    อาจารย์หนุ่ย รีบเดินวนไปมา เพื่อค้นหาสตรีประหลาด ที่มายืนพูดคุยเพียง ๕ นาที
    ก็หายสาบสูญไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  7. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ขณะที่เดินวนหาร่างของสตรีผู้มาเยือน
    จารหนุ่ย ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า เอ แล้วจะไปหาเจอได้อย่างไร
    เขาใส่เสื้อสีอะไร ยังจำไม่ได้เลย

    พลางฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
    สตรีท่านนี้ เคยพูดว่า ไม่ต้องตามหาเรา เพราะจะไม่มีวันตามหาเจอ

    เมื่อหมดหวังที่จะตามหา จารหนุ่ย ก็กลับมานั่งเฝ้าบูธ ตามเดิม
    แล้วรีบโทร รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้อาจารย์สุดใจ ได้รับรู้ทันที


    จบตอนที่ ๑
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  8. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ตอนที่ ๒

    หลังจากพบเหตุการณ์ประหลาดที่งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ครั้งที่ ๑๖ แล้ว
    อีกอาทิตย์ถัดมา อาจารย์หนุ่ย ก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนสนิท

    ในงานนี้เป็นบริบทเริ่มต้นของการใช้อุปกรณ์ต่างดาว ในการรักษาเชื่อมต่อกระดูก
    ซึ่งไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า จะเป็นไปได้

    เรามาติดตามกันต่อไปครับ




    ในงานแต่งงานที่กำลังดำเนินไปอยู่นั้น
    มีคุณป้าวัย ๖๐ เศษ กำลังเดินลงบันได
    และแล้วก็เกิดสะดุด ล้มลง

    คุณป้า นั่งทำหน้าแสดงอาการเจ็บปวด
    ปลายเท้าเริ่มบวมขึ้นมา

    เพื่อนของอาจารย์หนุ่ย ที่รู้ว่าจารหนุ่ย สามารถใช้พลังจากต่างดาวรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ รีบไปตามอาจารย์หนุ่ย มาดู และทำการรักษา ทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  9. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เมื่ออาจารย์หนุ่ย มาถึงที่ที่คุณป้านั่งอยู่ ได้มองดูที่ปลายเท้า
    และเอ่ยปากบอกไปทันทีว่า กระดูกหักสองท่อนเลย
    ไม่เป็นไร เดี๋ยวรักษาให้

    จารหนุ่ย ยกมือขึ้นเหนือบริเวณปลายเท้าที่บวม เพื่อทำการรักษา
    สักพักก็บอกว่า เรียบร้อยแล้ว
    คุณป้า สามารถลุกขึ้นเดินได้ แต่อาการบวมนั้น ยังปรากฏให้เห็นอยู่

    เมื่อคุณป้า กลับบ้านต่างจังหวัด(สิงห์บุรี)
    ไม่สามารถสวมรองเท้าได้ เพราะขายังบวมอยู่
    ลูกสาวคุณป้า เกิดความเป็นห่วง จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล

    มาถึงโรงพยาบาล คุณหมอได้ให้คุณป้าไปเอกซเรย์ ที่ปลายเท้าที่บวม
    เมื่อดูจากฟิล์มเอกซเรย์แล้ว
    คุณหมอได้กล่าวขึ้นมาว่า

    คุณป้าไปรักษาที่ไหนมาหรือเปล่า
    คุณป้าบอกว่า ไม่ได้ไปรักษาที่ไหน

    คุณหมอบอกว่า ไม่น่าเชื่อ กระดูกคุณป้าหักสองท่อน แต่ตอนนี้กระดูกได้เชื่อมต่อกันแล้ว ยังมีร่องรอยให้เห็นถึงการหักของกระดูกอยู่บ้าง คุณป้าต้องไปรักษาที่ไหนมาแน่ๆ

    คุณป้า นั่งนึกอยู่สักพัก ก็เอ่ย ออกมาว่า
    ตอนที่ตกบันได ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง เขาบอกว่ากระดูกหักสองท่อน
    แล้วก็ใช้พลังอะไรไม่รู้ เห็นบอกว่าเป็นพลังจากต่างดาว
    ส่งผ่านทางมือ ออกมารักษาให้ เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  10. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    คุณหมอได้ฟังคุณป้ากล่าวให้ฟังเช่นนั้น ก็เกิดความประหลาดใจ
    และบอกว่า เป็นไปไม่ได้ คุณป้าอายุก็ตั้ง ๖๐ กว่า แล้ว
    กระดูกจะเชื่อมต่อกันได้เร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
    ยิ่งคนมีอายุมาก กระดูกยิ่งเชื่อมต่อกันยาก
    มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อจริงๆ

    หากคุณป้า พบเจอผู้ชายคนที่รักษาให้คุณป้า เมื่อไร
    ช่วยบอกให้รู้ด้วยว่า หมออยากพบ อยากเจอ และสนทนาด้วย.



    หมายเหตุ คุณหมอ ไม่ทราบหรอกว่า มีคำกล่าวของระบบ ประโยคหนึ่งว่า
    เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ อย่าตีกรอบ



    จบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  11. เทพบุตรชาวดิน

    เทพบุตรชาวดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +1,901
    โมทนากับจารเม้าท์ด้วยครับ ให้เล่าเองคงไม่เร้าใจเท่าจารเม้าท์มาเล่าเป็นแน่ :cool:
     
  12. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ได้รับรายงานข่าวมาสดๆร้อนๆ เกี่ยวกับอาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรฯ) อีกแล้วครับทั่น

    เมื่อไม่กี่วันมานี้เพื่อนของอาจารย์หนุ่ย ได้ชวนจารหนุ่ย ไปเป็นเพื่อนหาหมอโรคผิวหนัง
    เนื่องจากเพื่อนจารหนุ่ย มีอาการเป็นผื่นคันตามลำตัว

    ขณะนั่งรอหมออยู่นั้น จารหนุ่ย คิดขึ้นมาได้ว่า
    ใบหน้าของตัวเอง ก็รู้สึกแสบๆร้อนๆ ยังไงชอบกล
    คงจะต้องให้หมอผิวหนังช่วยดูให้หน่อย
    จึงลงชื่อเพื่อขอพบหมอด้วยอีกคน

    คุณหมอได้เรียกชื่อจารหนุ่ย ก่อน แทนที่จะเรียกชื่อเพื่อน

    เมื่อจารหนุ่ย ได้พบหมอ จึงบอกอาการที่ใบหน้าให้ฟัง
    หมอได้สอบถามและตรวจเซลผิวหนังที่ใบหน้าอย่างละเอียด
    พร้อมถามอายุ ซึ่งจารหนุ่ยแจ้งไปว่า ๓๕ (ที่จริงจะเข้าสี่สิบแล้ว)
    และสรุปผลออกมาว่า

    เคสของจารหนุ่ย เป็นเคส ที่แปลกมาก และไม่เคยเจอมาก่อน
    สาเหตุที่ใบหน้ามีอาการแสบร้อน เนื่องจากว่า
    เซลผิวหน้งมีการผลัดเซล และสร้างเซลใหม่
    เซลใหม่ที่ถูกสร้างกลับเป็นเซลของเด็กๆ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้
    ส่วนที่มีอาการแสบร้อน นั้น เนื่องจากจารหนุ่ย ใช้สบู่ผู้ใหญ่ที่มีสารเคมีแรงกว่าสบู่เด็ก
    จึงต้องให้กลับไปใช้สบู่เด็ก

    สรุปแล้ว คณะแพทย์ที่มารักษาจารหนุ่ย ได้ขอขูดตัวอย่างเซลผิวหนังบนใบหน้า
    ของจารหนุ่ย ไปตรวจสอบวิจัยศึกษา และจะนำไปเป็นตัวอย่างการสอนนักเรียนแพทย์อีกด้วย

    ดังนั้น ช่วงนี้ ใครที่พบหน้าจารหนุ่ย และเห็นใบหน้าปิดพลาสเตอร์ เต็มไปหมด
    ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จารหนุ่ย ไปทำอะไรแผลงๆมาหรือเปล่า

    แจ้งมาเพื่อทราบครับ
     
  13. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <CENTER>อุปกรณ์การแพทย์จากต่างดาว

    </CENTER>


    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>ข้อมูลมาประกอบ ในส่วนเกี่ยวข้องเรื่องของอุปกรณ์การแพทย์จากต่างดาว

    เคยลงในกระทู้นี้หน้า 120 - 121 ลงไว้เมื่อปี 2008



    .....................



    นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันชื่อ นายเร็ก วูลฟ์ ได้เขียนหนังสือสารคดีขายดีของตนเองชื่อว่า “ศัลยกรรมมนุษย์ต่างดาว” ซึ่งได้มีเรื่องย่อ ๆ เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ของมนุษย์ต่างดาวในโลก และมีหลายบทที่อ้างถึงหมอ ยู.เอฟ.โอ. ได้รักษาผู้ป่วยในโลกมนุษย์หลายราย โดยวิธีและเทคนิคการแพทย์ของพวกเขา

    ซึ่งในรอบ 30 ปี ได้มีมนุษย์โลกของเราที่ป่วยหนักหลายโรค ได้รับการรักษาจากแพทย์ของ ยู.เอฟ.โอ. หายกันหลายราย โรคร้าย ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคประสาท อัมพาต ไข้หวัดใหญ่ มาลาเรีย ได้รับการบำบัดจากมนุษย์ต่างดาว ต่อไปนี้คือการเปิดเผยบางรายของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจากหมอ ยู.เอฟ.โอ.<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นางแอนเดียร์ เดวิส เป็นคนไข้รายหนึ่งที่ได้รับการรักษา เธออายุ 34 ปี ชาวอเมริกัน แห่งเมืองหลุยส์วิลล์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อตอนอายุ 8 ปี เธอเป็นไซนัส โพรงจมูกเป็นหนอง ทำให้หายใจไม่สะดวก เป็นหวัดบ่อยมาก ต่อมาเธอเป็นหืดและหอบ หายใจไม่ออก ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมดได้ตรวจอาการแล้วบอกว่า<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    “อีกหนึ่งอาทิตย์คุณมาผ่าตัดไซนัสที่โรงพยาบาล”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แต่ยังไม่ทันถึงหนึ่งอาทิตย์ตามนัดหมายเลย เธอเกิดเป็นโรคคอพอกอีกโรคหนึ่ง เธอเจ็บปวดทรมานมาก จึงได้ไปหาหมอและนอนพักอยู่ในโรงพยาบาล
    <O:p</O:p
    แต่พอตอนดึกสงัด ผู้ป่วยในห้องเดียวกับเธอนอนหลับสนิท ส่วนเธอยังไม่หลับ เธอมองออกไปที่หน้าต่างก็ได้เห็นวัตถุสิ่งหนึ่งคล้ายจานบินขนาดเล็ก บินมาใกล้หน้าต่างของโรงพยาบาล จะว่าเป็นเครื่องบินก็ไม่ใช่ เพราะไม่มีเสียงดังของเครื่องยนต์ สักครู่ได้มีมนุษย์หัวโล้น ดวงตากลม ศีรษะล้าน รูปร่างล่ำสัน สูง 7 – 8 ฟุต ลอยตัวอยู่ในอากาศ แล้วโผล่เข้ามาที่หน้าต่าง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เธอตกใจมากจะร้องเรียกให้คนช่วยเหลือก็ร้องไม่ออก เหมือนถูกสะกดจิต สักครู่มนุษย์ประหลาดก็พูดว่า
    <O:p</O:p
    “ เงียบและอย่างตกใจ ฉันจะช่วยรักษาเธอให้หายป่วย”
    <O:p</O:p
    พวกเขามากันสองคน นายคนแรกใช้ไฟฉาย ๆ ที่ดวงตาและปากของเธอ แล้วบอกว่า
    <O:p</O:p
    “ เธอเป็นไซนัสอย่างแรง เป็นไข้หวัด เป็นโรคคออักเสบแพ้มลพิษเกสรดอกไม้ “
    <O:p</O:p
    พูดจบ เพื่อนของเขาก็นำกล่องเล็ก ๆ คล้ายกล้องถ่ายรูป วางบนหน้าอกของเธอ ใช้สายยางสอดเข้าไปในปากของเธอ แล้วดูดหนองในโพรงจมูกออกมาทิ้ง ชั่วเพียงไม่กี่นาทีก็เสร็จ เขาเอายาจากขวดเล็ก ๆ เท่าขวดน้ำหอมฉีดใส่จมูกของเธอ จากนั้นเขาก็พูดว่า
    <O:p</O:p
    “ ขอให้เธอนอนหลับฝันดี พรุ่งนี้เช้าเธอจะหายเป็นปกติ”
    <O:p</O:p
    เธอรู้สึกว่าจมูกของเธอโล่ง ไม่มีอาการเจ็บปวด หายใจก็สะดวก เธอคิดว่า ที่พวกนั้นทำกับเธอเช่นนั้นเป็นการรักษาโรคให้เธอ พวกเขามาอย่างสันติ ไม่มุ่งหวังทำอันตรายเธอ เธอจึงไม่ตกใจกลัวอีกแล้ว กับตรงข้ามเธอรู้สึกดีใจและขอบคุณ


    (ต่อแผ่นที่ 2 )


    เธอรู้สึกดีใจและขอบคุณที่พวกเขาทำเช่นนั้นกับเธอ เธอพูดอ้อมแอ้มว่า
    <O:p</O:p
    “ ขอบคุณท่านมาก ท่านมาจากไหน ?”
    <O:p</O:p
    พวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
    <O:p</O:p
    “เรามาจากแดนไกล”
    <O:p</O:p
    “ประเทศอะไร ?”
    <O:p</O:p
    “พวกเรามาจากต่างดาว ไม่ใช่มาจากต่างประเทศ ”
    <O:p</O:p
    เมื่อพวกเขาพูดจบ ก็เดินไปยังเตียงนอนของเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งเธอป่วยเป็นอัมพาต นอนสลบไสลอยู่บนเตียงข้าง ๆ เธอ เด็กผู้หญิงคนนั้นอายุราว ๆ 7 – 8 ขวบเช่นกัน เธอรู้จักชื่อของเด็กหญิงคนนั้นในวันต่อมาว่าชื่อ ด.ญ.ซิลเวีย นอร์ตัน
    <O:p</O:p
    พวกมนุษย์ต่างดาว ได้ปลุกซิลเวียให้ลุกขึ้น แล้วก็นวดตามแขน – ขา ของเธอ พวกเขาสัมผัสเบา ๆ ที่ศีรษะของเธอแล้วพูดว่า
    <O:p</O:p
    "พวกเราเป็นหมอ จะช่วยรักษาเธอ อย่าตกใจ ไม่ต้องกลัว และอย่าส่งเสียงดังนะครับ"
    <O:p</O:p
    คนหนึ่งเอาฆ้อนเล็ก ๆ มาเคาะที่ข้อศอกและหัวเข่าของเธอ แล้วก็นวดศีรษะของเธอ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
    <O:p</O:p
    “ เส้นประสาทของเธอทับกัน พรุ่งนี้เธอจะหายจากการเป็นอัมพาต เดินได้ตามปกติ”
    <O:p</O:p
    อีกคนใช้ไฟฉายด้านปลายถูไปมาที่ขาข้างที่เป็นอัมพาต ทำท่าเหมือนรีดเสื้อผ้า จากนั้นเขาก็ดึงเธอให้ลุกขึ้นจากเตียง และให้เธอเดิน ซิลเวียเดินได้ทันที สักครู่เขาก็สั่งให้เธอนอน แล้วพูดว่า
    <O:p</O:p
    "เธอจงนอนพักผ่อนให้พอ พรุ่งนี้เธอก็วิ่งได้แล้ว"
    <O:p</O:p
    จากนั้นมนุษย์ประหลาด หรือเรียกว่ามนุษย์ต่างดาว ตามที่เขาบอกว่าเขามาจากต่างดาว ได้กระโดดไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว และหายตัวไปพร้อมกับจานบินเล็ก ๆ
    <O:p</O:p
    พอรุ่งเช้า เมื่อแอนเดียร์ และซิลเวีย ตื่นขึ้น ขณะที่ ดร.โจเซฟ แฮกแมน นายแพทย์เวรประจำห้องเดินมาตรวจผู้ป่วย ทั้งสองคนบอกว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
    <O:p</O:p
    ดร.โจเซฟ รีบวิ่งไปหยิบเครื่องมือตรวจร่างกายมาตรวจจมูก ปาก และตา ของแอนเดียร์ (ตอนนั้นยังเป็นเด็กหญิง) ยิ่งตื่นตาตื่นใจมากขึ้นไปอีก หมอพบว่าในโพรงจมูกของเธอแห้ง มีกลิ่นน้ำหอมโชยมาจากจมูก หมอตรวจโดยทั่วไป รวมทั้งภายในลำคอของแอนเดียร์ ปรากฏว่าเธอหายจากโรคร้ายอย่างสนิท จึงได้โทรศัพท์ไปเรียกพ่อแม่มารับกลับบ้าน

    (ต่อแผ่น 3)

    นางแอนเดียร์ ยังมีประสบการณ์ว่าหมอ ยู.เอฟ.โอ. มารักษาโรคให้เธออีกครั้งเมื่อเธอเป็นสาว ตอนอายุ 21 ปี คราวนี้เป็นสาวรุ่น เป็นนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองซาคราเมนโต ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ เธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านมต้องผ่าตัด เธอนอนรอการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย พอตกดึก ยู.เอฟ.โอ. สองคน หรือหมอจากต่างดาวได้มาหาเธอ พวกเขาโผล่มาทางหน้าต่างเหมือนเมื่อ 13 ปีที่แล้ว พวกเขากล่าวคำว่า
    <O:p</O:p
    “สวัสดีแอนเดียร์ พวกเรามาเยี่ยมเธออีกครั้ง เรารู้ว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง เราจะรักษาให้เธออีกนะ”
    <O:p</O:p
    พวกเขาพูดเสร็จก็หยิบกล่องเครื่องมือออกมา ฉายแสงแบบแสงเลเซอร์ แต่แสงนวลใยคล้ายแสงจันทร์ส่องตรงที่หน้าอกเธอ คอ และใบหน้าของเธอ เพียงชั่วครู่พวกเขาก็เก็บเครื่องมือแล้วกล่าวคำอำลา
    <O:p</O:p
    “เธอหายแล้วล่ะ พรุ่งนี้เธอก็กลับบ้านได้แล้ว เราจะมาเยี่ยมเธออีก”
    <O:p</O:p
    พูดแล้วพวกเขาก็หายไปทางหน้าต่าง
    <O:p</O:p
    เมื่อตื่นเช้า แอนเดียร์ก็ล่ำลาหมอผู้ดูแลรักษา โดยบอกหมอว่าเธอหายป่วยแล้ว หมอที่รักษาก็คือ ดร.โทนี่ เพนเตอร์ ส่ายหัวไปมาเพราะไม่เชื่อ คิดว่าเธอกลัวการผ่าตัด เธอจึงเปลี่ยนใจ
    <O:p</O:p
    หมอจึงพาเธอเข้าห้องตรวจ เพื่อฉายเอกซเรย์ดู ปรากฏว่าแอนเดียร์หายจากโรงมะเร็งเต้านมอย่างปลิดทิ้ง ไม่มีร่องรอยการฉายแสงหรือการบำบัดแต่อย่างใด ดร. โทนี่ได้แต่อุทานว่า
    <O:p</O:p
    “ประหลาด และมหัศจรรย์มาก”
    <O:p</O:p
    หมอเองแทบไม่เชื่อหู และไม่เชื่อสายตาตนเอง แต่ปรากฏการณ์อันลึกลับได้เกิดขึ้นแล้วที่โรงพยาบาลแห่งนั้น ผู้ป่วยรายหนึ่งออกความเห็นว่า หมอผีมารักษาตัวให้แอนเดียร์มากกว่า
    <O:p</O:p
    ในกรณีนี้ ดร.แนต วิซุเวียน นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญทางด้านดาราศาสตร์และจักรวาล ได้ให้ความเห็นว่า
    <O:p</O:p
    “มนุษย์ต่างดาวย่างก้าวมาสู่โลกของเราแล้ว โดยมนุษย์โลกของเรายังไม่รู้ตัว ผู้ที่ได้สัมผัสมีเพียงไม่กี่ราย เขาเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ที่นางแอนเดียร์เล่าว่า มนุษย์ต่างดาวหัวล้าน ดวงตากลมโบ๋นั้น อาจเป็นเพียงเครื่องแต่งตัวภายนอก เพื่อป้องกันมลพิษบนพื้นโลก หรือในอวกาศก็เป็นได้ หรือมนุษย์ต่างดาวแต่งตัวแปลก ๆ เพื่อสร้างภาพลวงตาก็เป็นไปได้"
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ตัวอย่างที่สอง เป็นรายของนายริช ซูมากิ อายุ 48 ปี ชาวอเมริกัน เชื้อสายญี่ปุ่น อดีตเป็นทหารผ่านศึกสงครามเวียตนาม เขาถูกพวกเวียตกงยิงที่ขา จนขาเสียกลับไปอเมริกาและรักษาอยู่หลายปี ต่อมาเป็นอัมพาต ขาข้างซ้ายที่ถูกยิงเคลื่อนไหวไม่ได้ ร่างกายเหมือนตายไปแถบหนึ่ง
    <O:p</O:p
    เวลาประมาณสองทุ่ม เขานั่งรถเข็นแบบล้อเลื่อนอัตโนมัติ และเข็นอยู่ใกล้ ๆ บ้าน ที่ติดกับสวนสาธารณะในเมืองเซนต์หลุยส์ รัสมิสซูรี่ พอดีมีมนุษย์ประหลาดสองคนเดินมาหาเขาและบอกว่า
    <O:p</O:p
    “พวกเราเป็นหมอจากต่างดาว จะรักษาโรคให้คุณตกลงไหม?”

    <O:p</O:p
    (ต่อแผ่น 4)


    เขาไม่ตอบ แต่สองคนก็เข้ามาประชิดตัวเขา คนหนึ่งใช้ไฟฉาย ฉายไปตามตัวเขา แล้วบอกว่าเส้นเอ็นของเขาทำงานผิดปกติ เซลล์สมองไม่ทำงาน ขาดเลือดและแร่ธาตุ

    หมอต่างดาวคนหนึ่งจึงนวดศีรษะ แขน และขาของเขา สักพักหนึ่งเขารู้สึกขาสั่นไปมา จากนั้นคนหนึ่งก็นำกระบอกคล้ายไฟฉายแต่รูปร่างเป็นเหลี่ยม ฉายแสงไฟใส่ศีรษะ และแขน-ขาของเขา แล้วใช้กระบอกนั้นนวดตามตัว พร้อมพูดขึ้นว่า
    <O:p</O:p
    “คุณหายแล้ว กลับไปนอนให้สบายพรุ่งนี้ก็จะหายเป็นปกติ”
    <O:p</O:p
    ส่วนอีกคนก็พูดว่า

    “คุณอยากเดินได้ไหม ?”
    <O:p</O:p
    “อยากเดินได้สิครับ”<O:p</O:p

    จากนั้นทั้งสองคนก็ยกเขาทั้งรถเข็น โยนไปในอากาศสูงสัก 4 – 5 ฟุต และเขาตกไปที่สนามหญ้าห่างจากที่เดิม 5 – 6 เมตร เขาตกกระเด็นออกจากรถเข็น ล้มกลิ้งนอนอยู่บนพื้นหญ้า มนุษย์ต่างดาวบอกว่า
    <O:p</O:p
    “คุณลุกเดินได้แล้ว พวกเราไปละนะคุณซูมากิ”


    (ต่อแผ่น 5)


    <B>พวกเขาพูดจบก็ลอยตัวขึ้นบนอากาศที่มองเห็นชัด เพราะแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าใกล้ ๆ จานบินรูปร่างทรงกลมลำเล็ก ๆ มารับพวกเขา จากนั้นก็บินหายลับไปในท้องฟ้าเพียงชั่วพริบตา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นายซูมากิหายตกตะลึง แล้วลองลุกขึ้นยืน ก็ยืนได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็ประคองตัวเดินกลับบ้านได้ โดยทิ้งรถเข็นไว้ที่สวนสาธารณะ คนในครอบครัวเห็นเขาเดินได้ต่างก็แปลกใจ หลายคนถามว่า
    <O:p</O:p
    “คุณทำอย่างไรจึงหาย และหายไปไหนมา”
    <O:p</O:p
    เขาไม่ตอบแต่กลับเข้าห้องนอน ปิดประตูห้องนอนทันที คืนนั้นเขานอนหลับฝันดีตลอดคืน รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาเขารู้สึกสดชื่น สามารถเดินไปเดินมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแก่เขา อาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นเป็นประจำตามนิ้วมือนิ้วเท้าและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้หายเป็นปลิดทิ้ง เขาได้บอกกับทุกคนในครอบครัวว่า
    <O:p</O:p
    “หมอจากต่างดาวรักษาอัมพาตให้ผมหายเพียงชั่วพริบตา ขอให้ทุกคนเก็บไว้เป็นความลับ เพราะประเดี๋ยวคนอื่น ๆ จะหาว่าผมบ้า”
    <O:p</O:p
    เขาเปิดเผยเรื่องนี้ให้นายเร็ก วูลฟ์ นักเขียนสารคดีศัลยกรรมมนุษย์ต่างดาวเท่านั้นที่ได้ทราบในเวลาต่อมา<O:p</O:p


    อีกเรื่องหนึ่ง เป็นรายของนายจูเนียร์ วอลล์ อายุ 23 ปี เป็นนักซิ่ง ชอบขับรถเร็วและขับรถแข่งสมัครเล่น คืนหนึ่งเขาขับรถมาด้วยความเร็วบนถนนหลวงสายที่ 99 ซึ่งวิ่งช่วงเมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย กำลังมุ่งสู่เมืองรีโน่ รัฐเนวาด้า
    <O:p</O:p
    ในช่วงกิโลเมตรที่ 225 รถของเขาเสียหลักพลิกคว่ำไปตกข้างถนนหลวง ประตูรถเปิด เขากระเด็นออกไปนอกรถยนต์ ศีรษะกระแทกกับเศษดิน เศษหิน จนศีรษะแตกเป็นแผลได้เลือด ตามตัวถลอกปอกเปิก หัวเข่าแตก เหมือนว่าหัวเข่าหลุดออกจากข้อต่อของเขา เขาลุกไม่ได้ แผลใต้หัวเขาเหวอะหวะเลือดไหลไม่หยุด เขาตกใจมาก ปวดและเจ็บแทบทนไม่ไหว จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น
    <O:p</O:p
    เขามองเห็นแสงกะพริบ ๆ อยู่บนท้องฟ้า แล้วพุ่งมาที่ยอดภูเขา เขารู้สึกดีใจมากคิดว่ามีเครื่องบินตรวจการณ์บินผ่านมา เขาอาจได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจสายตรวจ แต่เขาไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินเลย มองเห็นมีแต่แสงหลากสีจากวัตถุประหลาดคล้ายกับจานบิน
    <O:p</O:p
    ขณะกำลังเพ่งอยู่นั้น ก็มีแสงคล้ายแสงลำกล้องจากกระบอกไฟฉาย แต่แสงแรงมากจนเขาตาพร่าไปหมด แสงส่องตรงมาที่ตัวเขา ขณะที่เขางุนงงอยู่นั้น ก็มีมนุษย์หน้าตาประหลาดสองคน ศีรษะโล้นและใหญ่กว่าของคนเรา ดวงตากลมโบ๋ สูง 7 ฟุตขึ้นไป มายืนตรงหน้าเขาแล้วพูดว่า
    <O:p</O:p
    “ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจ พวกเราจะช่วยคุณ
    <O:p</O:p
    จากนั้น คนหนึ่งใช้เข็มแหลม ๆ คล้ายเข็มฉีดยาแทงขาเขา ทำให้เขาชาและหายเจ็บทันที อีกคนเอามีดแหลมและคมมากปาดขาเขาตรงที่เป็นแผลและหัวเข่า พร้อมกับพูดว่า
    <O:p</O:p
    “กระดูกของคุณเลื่อน เอ็นขาดไปสองเส้น แต่ไม่เป็นไร”
    <O:p</O:p
    เขาได้รับการทำศัลยกรรมจากมนุษย์ประหลาดสองคนนั้น โดยใช้แสงจากไฟฉาย ฉายไปตามบาดแผล มีความร้อนเล็กน้อย มองเห็นมีควันเกิดขึ้นตรงที่ถูกฉายแสง สักครู่บาดแผลของเขาก็หายสนิท เกือบจะเป็นปกติ เพียงชั่วครู่เขาก็พูดว่า
    <O:p</O:p
    “คุณลุกขึ้นเดินได้ตามปกติ ไหนคุณลองเดินตามเรามาซิ”
    <O:p</O:p
    มนุษย์ต่างดาวสั่งนายจูเนียร์ให้ลุกเดิน และนายจูเนียร์ก็เดินได้โดยไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก พวกเขาทั้งสองช่วยกันยกรถยนต์ที่พลิกคว่ำขึ้นบนถนนแล้วพูดว่า
    <O:p</O:p
    “คุณเข้าไปขับรถเดินทางต่อไปได้ รถคุณไม่เป็นอะไร”


    <O:p</O:p


    (ต่อแผ่นที่ 6)<O:p</O:p
    </B>
    นายจูเนียร์ เดินเข้าไปนั่งในที่คนขับ สตาร์ทรถยนต์เสียงดังแกร็ก ๆ และไม่ติด พวกเขาคนหนึ่งไปเปิดกระโปรงหน้ารถยนต์ แล้วใช้มือชี้ไปที่เครื่องยนต์ ทันใดนั้นรถก็ติดทันที
    <O:p</O:p
    “เอาละ คุณขับรถไปได้และอย่าขับรถเร็วเกินอัตรา เพราะจะทำให้คุณตายได้”
    <O:p</O:p
    พวกเขาพูดจบก็หายตัวไปกับความมืดข้างทาง นายจูเนียร์พูดตามหลังไปว่า
    <O:p</O:p
    “ขอบคุณ ๆ”
    <O:p</O:p
    และไม่ทันที่จะได้สอบถามว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน พวกเขาได้อันตราธานหายไปอย่างฉับไวจนมองไม่ทัน
    <O:p</O:p
    นายจูเนียร์ขับรถไปถึงจุดหมายได้ตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าพวกมนุษย์ประหลาดไม่ช่วยเหลือผ่าตัดให้เขา โดยใช้มีดเพียงอันเดียวผ่าตัด และเย็บบาดแผลให้เขาด้วยแสงเลเซอร์จากกระบอกไฟฉายให้เขา ป่านนี้เขาคงตายไปแล้วเพราะทนบาดแผลไม่ไหวแห่งความเจ็บปวดไม่ไหว หรืออาจกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้ายในป่าทึกระหว่างทางไปแล้วก็ได้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เขาครุ่นคิด และบอกตัวเองว่า นั่นต้องเป็นมนุษย์ต่างดาวแน่นอน
    <O:p</O:p
    นี่คือตัวอย่างเพียง 3 – 4 ราย ซึ่งมีในหนังสือ ศัลยกรรมมนุษย์ต่างดาว.



    [​IMG]


    หน้าที่ 2


    [​IMG]


    แผ่นที่ 3


    [​IMG]

    แผ่นที่ 4


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]



    ข้อความและภาพจากอาจารย์สุดใจ ชื่นสำนวน กระทู้หน้า 120 -121
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2010
  14. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เรื่องของอาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน) อีกเรื่องที่ลืมนำมาเล่า มีดังนี้ครับ

    เมื่อหลายเดือนมาแล้ว อาจารย์หนุ่ยได้ชวนเพื่อนไปกินข้าวราดแกงที่แสนอร่อย ตามคำบอกเล่าของคนที่เคยไปกินมาแล้ว

    เมื่อไปถึงตึกแถวที่ตั้งของร้านอาหาร ก็มองหาที่จอดรถ
    สายตาเหลือบไปเห็นซอยถัดไปที่อยู่ใกล้กัน
    จึงขับรถไปจอดตรงปากซอย ซึ่งในซอยนั้นเป็นที่ว่างเปล่า
    แล้วเดินไปยังร้านอาหาร

    หลังจากเสร็จจากการบำรุงกระเพาะอาหารแล้ว
    อาจารย์หนุ่ยก็เดินกลับมายังที่จอดรถ

    แต่แล้วก็ต้องตกตะลึง
    เมื่อเห็นบริเวณที่จอดรถ กลายเป็นหน้าร้าน เซเว่นอีเลเว่น
    บริเวณที่เป็นซอยว่างเปล่ากลับกลายเป็นตลาดที่มีผู้คนมากมายกำลังจับจ่ายซื้อสินค้ากันอย่างคับคั่ง

    ไม่รอช้า จารหนุ่ย รีบขึ้นรถพร้อมกับเพื่อน เพื่อจะรีบออกไปจากสถานที่ตรงนั้นให้ได้เร็วที่สุด เนื่องจากไปจอดขวางทางเขาไว้
    รอบๆรถจารหนุ่ย เต็มไปด้วยสายตาผู้คนที่มองมายังจารหนุ่ย
    ราวกับจะต่อว่า ว่า จอดรถไม่ดูตาม้าตาเรือเลย
    มาจอดเกะกะขวางหน้าร้านค้า อยู่ได้

    เรื่องราวที่ปรากฏขึ้นนี้ จารหนุ่ยเข้าใจแล้วว่า
    เป็นมิติที่ทับซ้อนกัน
    มนุษย์ต่างดาว พยายามทำให้จารหนุ่ยได้เห็น
    เพื่อให้เกิดความเคยชิน และขจัดความกลัวออกไปให้หมด

    ดังนั้น อาจารย์หนุ่ย จะต้องพบเจอกับปรากฏการณ์อีกมากที่มนุษย์ต่างดาว
    ต้องการให้เจอ เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้สามารถทำงานในสถานการณ์ที่ต้องการได้.
     
  15. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ฟังเรื่องของ อาจารย์หนุ่ย (ขออนุญาตเรียกด้วยคนนะคะ) แล้ว ขนลุกเลยค่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เจออะไรแปลกๆเกี่ยวกับ มนตด บ้างรึเปล่า แต่ก็ไม่กล้าขอ บอกตรงๆว่ากลัวค่ะ ตอนนี้ยังก้ำกึ่ง แบบอยากจะเชื่อ แต่ตัวเองก็ยังไม่เคยเจออะไรด้วยตัวเอง (คงไม่มีเซ้นส์อะไรกับเรื่องแบบนี้) ก็เลยยังไม่เชื่อเต็มที่ แต่ก็ขอรับรู้แบบนี้ไปก่อน คงสบายใจกว่า อยู่ดีๆมีอะไรแปลกมาเกิดขึ้นกับตัวเอง คงช๊อกพิลึก
     
  16. pkanlaya

    pkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +597
    ต่อไปเรื่องอุปกรณ์มนุษย์ต่างดาวและการใช้งานอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับมนุษย์แบบเราๆ และถ้าเป็นไปได้จารหนุ่ยน่าจะได้ถ่ายทอดข้อมูลที่ได้เจอะเจอตั้งแต่การได้พบหญิงนิรนามในงานวิทยาศาสตร์ทางจิตครั้งที่ 16 ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ประสบการณ์การใช้อุปกรณ์ รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นลำดับ มีการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานก็จะดีมากๆ ต่อไปในภายภาคหน้าซึ่งจะเกิดเหตุการณ์อะไรอีกเราก็ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ แต่การที่เราได้บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้เป็นขั้นตอน จะเป็นตำนานหรือประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานอันทรงคุณค่าต่อมวลมนุษยชาติในอนาคตอย่างแน่นอน ไหนๆก็งานเข้าซะขนาดนี้แล้ว แนะนำว่าทำให้มันเป็นเรื่องขึ้นมาซะเลยจารหนุ่ยอาจต้องการผู้ช่วยในการจดบันทึกถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ เช่น จารเม้าท์ เป็นต้น เพราะสำนวนที่ท่านได้กรุณาถ่ายทอดมาให้พวกเราได้อ่านกันอยู่อย่างต่อเนื่อง ช่างเร้าใจจริงๆซะด้วย
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    ผมคงต้องทำหน้าที่จดบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เหมือนเช่นเรื่องราวของจารหนุ่ย แทนการสแกนกรรมแล้วหละครับ เพราะตอนนี้ทราบว่าจารหนุ่ยก็สแกนกรรมได้ วันที่มาพบกันวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ จารหนุ่ยได้แตะข้อมือของน้องคนหนึ่ง พร้อมกับบอกว่ามีอะไรกับยักษ์หรือเปล่า ซึ่งน้องคนนั้นก็พยักหน้ารับแบบ งงงง ว่า จารหนุ่ยรู้ได้อย่างไร

    ขอขอบคุณจารกัลยา ที่แวะมาให้กำลังใจกันนะครับ
    งานเข้าสำหรับจารหนุ่ยครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ขอโมทนาแบบร่าเริง ๕๕๕
     
  18. *April*

    *April* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +349
    เรื่องราวของพี่หนุ่ย น่าตื่นเต้นมากเลยค่ะ พี่เม้าท์

    ยินดีด้วยนะค๊ะพี่หนุ่ย
     
  19. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    เมื่อวานได้มีโอกาสคุยกับพี่หนุ่ย(คุณเทพบุตรชาวดิน)ช่วงประมาณห้าทุ่มเศษๆ

    ไล้ก็ออกมาคุยนอกห้อง...ก็ออกมาตรงดาดฟ้า(อีกล่ะ) ปรากฏว่าเห็นกระจุกแสงแปลกๆที่รวมตัวกันเป็นรูปสามเหลี่ยม

    อยู่บนฟ้า ขนาดที่มองด้วยตาเปล่าจากตึกก็คงประมาณ ความกว้างได้ ๐.๕ เซนติเมตร

    ตอนแรกนึกว่าดาวลูกไก่หรือเปล่า แต่มานั่งดูไปเรื่อยๆก็นึกได้ว่า ดาวลูกไก่ ไม่ได้อยู่ทางทิศนั้นนี่นา -*-

    เอ.....หรือจะเป็นเครื่องบิน?(เครื่องบินที่ไหนมันใหญ่แบบนั้นล่ะ?- -)

    หรือดาวเทียม?(นั่นมันจอดอยู่กับที่นะเธอ!!~-*-)

    เมื่อเห็นอย่างนั้นก็เลยรีบกลับไปที่ห้อง เพื่อเอากล้องมาถ่าย....แต่ เมฆมันมาบังเอาซะแล้ว-*-

    (นี่จะไม่ให้เราเก็บรูปไว้เลย -- ใจร้ายจริงT~T)

    จากกระจุกไฟเฉยๆที่มีแสงแวบไปแวบมา มันก็เริ่มกะพริบๆ เหมือนกับของเล่นเด็ก- -

    ในใจคิดอะไรไม่ออก ก็เลย ยกมือไปทักทาย Hello!~^O^

    ไฟมันก็ยิ่งกะพริบถี่ขึ้นกว่าเดิม

    พี่หนุ่ย ก็บอกเอาว่า เค้ามาให้เห็นๆๆๆ หึหึหึ -- ปกติไล้เป็นคนที่สายตาสั้นเอาพอสมควร

    เวลามองดาวบนฟ้า จะเห็นเบลอๆ แต่เมื่อคืนนี้ เห็นกระจุกแสงนั้นได้ชัดเจน

    -___-

    คุยโทรศัพท์บนดาดฟ้า......เงียบ วังเวง-*-

    มีแต่ความรู้สึกที่เหมือนมีใครมาจ้องมองเราตลอด (ก็พวกที่อยู่รอบๆดาดฟ้านี่แล)

    ลองสแกนดูก็นึกขำขึ้นมาว่า ที่เค้ามาหาบนดาดฟ้านี่ เค้าหน้าตาน่ารักมากจริงๆ

    ตามที่จิตเห็น ทำตาโตแอ๊บแบ๋ว-*-

    [​IMG]

    เหมือนมานั่งฟังโทรศัพท์กับเรา(พวกนี้ไม่มีมารยาทจริงๆ....แต่ถ้าเค้าบอกเราว่าจะมาขอฟังนี่ คงหลอนกว่า)

    มานั่งเวียนๆอยู่แถวนั้นกับเราแล้วก็ทำหน้าทำตาแบบ.......

    ....

    [​IMG] (ในใจได้ยินเสียงพวกเค้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ "อาไยหยออออออ? เขาม่ายได้มาแอบฟังน๊าาาาาา)

    เพิ่งจะรู้นะว่าผีที่ดาดฟ้า ห้องเรามันทั้งแอ๊บ และตอแหลมากจริงๆ -*-

    (ทีมาเข้าฝันล่ะทำหน้าดุ พอมาแอบฟังคนคุยกันนิ ตาวาว ไม่รู้เรื่อง ยังกะเด็กซะงั้น)

    ..........

    คุณ หนุ่ย ผ่านข้อมูลมาว่า เสาร์นี้จะมีทริปไปเขากะลาที่ นครสวรรค์กัน

    ไอ่เราก็ตกใจ!!~''''*o*

    เพราะเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ มีเสียงแวบเข้ามาในหัวเราประมาณว่า

    "เนี่ย.....เสาร์เนี๊ย....จะมีทริปของรุ่นพี่นะ.....ไปทางเหนือกันนะ......ที่นคร.......

    แล้ว ............ฯลฯ"

    ตลกตัวเอง ที่ได้มาเจอคำเฉลยหลายๆอย่าง ในเวลาเมื่อคืน

    >~<

    ...............เมื่อคุยกันเสร็จ ก็ สไกป์โทรไปหาพี่สันโดษ เรื่องว่าจะไปนครสวรรค์

    เราก็ไม่แน่ใจ ว่าจะได้ไปกันหรือเปล่า ฯลฯ ยังไงวันนี้คงรอดูว่าจะได้คำตอบมาว่าอะไร

    :d
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การเดินทางไปเขากะลาวันพรุ่งนี้ สันโดษคงไม่ได้ไปเเน่นอนเพราะว่าสันโดษรู้หน้าที่ว่าตัวเองกำลังฝึกเดี่ยวอยู่

    น้องไล้เองก็ไม่ต่างกันต้องอยู่คนเดียวไปสักพักนึงเพื่อฝึกปรับสภาวะของการเป็นผู้นำ

    พวกเราสองคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำใคร เเต่นำจิตวิญาณของตัวเราเอง

    ใจจริงสันโดษอยากไปมากๆ เพราะว่าการที่อยู่บ้านตลอดเวลาเป็นเรื่องที่กดดันเป็นที่สุด

    จริงๆสันโดษอยู่คนเดียว ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้เจอผู้คน การฝึกที่เราต้องอยู่คนเดียวจนชิน

    ไปไหนมาไหนคนเดียว ทำอะไรคนเดียวมาตลอด

    เเม้เเต่ตอนที่ทำงานก็มีโอกาสอยู่คนเดียวในออฟฟิศเลยก็ว่าได้

    จุดประสงค์ของการถูกเเยกออกจากสังคมเพื่อที่ตนเองจะได้ไม่ยึดติดกับสิ่งใดเเละผู้ใด

    พร้อมที่จะปรับสภาวะให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ตลอดเวลา

    หลายๆคนที่มีโอกาสได้ฝึกเดี่ยวก็ขอให้อดทนเรียนรู้ตนเองไป

    สันโดษเองก็ต้องทำงานในส่วนที่เหลือของตัวเองให้เสร็จ

    ถ้ามีโอกาสเราคงจะได้เจอกันเเละวันที่เราเจอกัน คือ วันที่เราไม่ได้คิดนั้นเองค่ะ

    อย่างที่บอกว่า สำหรับร่างของตัวเองนี้ไม่ได้ถูกควบคุมด้วยตัวเอง

    สันโดษรู้ว่า จิตใจคิดอะไร อยากทำอะไร เเละต้องการอะไรเเต่สิ่งที่คิด กับสิ่งที่ได้ทำส่วนมากจะสวนทางกันเสมอ

    บ่อยครั้งที่ตัวเองอึดอัด คิดมาก เเละรู้สึกเป็นกาฝากของสังคมเเละครอบครัว

    ไม่อยากมีชีวิตเเบบนี้ พูดตรงๆก็คือ เรามีสมองมีเเขนมีขาเเละมีประสบการณ์ทำงานชั่วโมงการบินของการทำงานสูง

    เเต่ว่าตอนนี้กลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

    เเละตอนนี้สันโดษกำลังเกิดปัญหามากจริงๆ เเละก็คิดมากจนไม่อยากคิดอะไรอีกเเล้ว

    สันโดษไม่อยากรับรู้เเละปล่อยจิตปล่อยกายเป็นอิสระอีกครั้ง

    อยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็พูด ตามรู้ตามดู เพียงเท่านั้น

    อาการต่างๆ ที่สันโดษเป็น ก็ไม่ต่างจาก ศพเดินได้เพียงเท่านั้นเอง

    เพราะว่า สันโดษไม่อยากมีชีวิตในโลกใบนี้

    เเต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าสันโดษอยากตาย หรือ คิดสั้น

    เพราะว่า สันโดษไม่ชอบชีวิตเเบบนี้จริงๆ

    เเต่ก็ ยังคงเเสดงออกเเละทำอะไรออกมามากมาย

    ในเมื่อตัวเราไม่คิด เเละ เราก็ไม่อยากทำอะไร อยู่ชีวิตเเบบไปวันๆ

    เเล้วใคร คือ ผู้ กำหนดร่างกายของสันโดษ

    ตอนนี้รู้สึก เหมือนกับว่า ตัวเอง คือ หุ่นกระบอก

    สันโดษไม่ได้คิดเเละไม่เคยรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะได้ทำอะไร

    มีสิ่งต่างๆเข้ามาทำร้ายจิตใจตัวเอง เเละ ทำให้มีความสุข

    เเต่สันโดษกลับไม่รู้สึกอะไรเลย เเต่รู้ตัวเเละมีสติรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ตลอดเวลา

    ชาวเขากะลามักจะบอกว่า พวกเราเป็นเพียงตัวละคร

    สำหรับสันโดษเอง บางครั้งสันโดษก็รู้สึกเหมือนกับ พิน๊อคคิโอ่ ค่ะ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...