11111111111111* 11111111111111* แบ่งให้บูชาพระเครื่องหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(ฤาษีลิงดำ)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย พรแม่ศรี, 13 พฤษภาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. พรแม่ศรี

    พรแม่ศรี ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    18,789
    ค่าพลัง:
    +55,474
    ว้าววว...น้องพัณณ์ อัพให้ขอบพระคุณมากครับ
     
  2. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    คือ กาลเวลานั่นเอง

    กาลเวลามีตาสองข้าง ข้างหนึ่งคือ กลางวัน อีกข้างหนึ่งคือ กลางคืน
    คอยเคี้ยวกินอายุของสรรพสัตว์ในปฐพีให้ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ

    ยักษ์ตนนี้แม้ดูน่ากลัว แต่ก็แฝงไว้ด้วยคุณประโยชน์ คือ เป็นเครื่องย้ำเตือนให้สรรพสัตว์ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท
    คอยหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยคอยเตือนให้หมั่นบอกตัวเองว่า "กัลยาณมิตรทั้งหลาย วันคืนล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2010
  3. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    ขออนุญาติแทรกธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ พี่ทศพล
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่อ่านธรรมะครับ

    (ขออภัยหากเป็นการรบกวน)
    ขอบพระคุณครับ...baimin

    [​IMG]

    สักกายทิฏฐิตัวเดียว

    ถ้าได้อรูปฌาน แล้วใช้อรูปฌานเป็นพื้นฐานในการเจริญวิปัสสนาญาณ จับ สักกายทิฏฐิตัวเดียว ท่านจะเป็นอรหันต์ภายใน ๗ วัน ไม่ยากลำบากอะไร ของกล้วย ๆ หากว่าจิตของท่านทรงฌาน ๔ ได้เป็นปกติ หากวาสนาบารมีเข้มแข็ง จะเป็นอรหันต์ได้ภายใน ๗ วัน
    ถ้ากำลังใจอ่อนไปนิดจะเป็นอรหันต์ได้ภายใน ๗ เดือน ถ้ากำลังใจย่อหย่อนไปอีกหน่อยหนึ่ง จะเป็นอรหันต์ได้ภายใน ๗ ปี ถ้าจิตทรงฌาน ๔ ได้แบบนั้น ใครปฏิบัติถึง ๗ เดือนก็ซวยเต็มที ไม่มีใครเขาทำกัน
    เป็นอันว่า เมื่อเราได้จิตวิเวกแล้วต้องทำอุปธิวิเวกให้เกิดขึ้น มันจะไปยากอะไรไม่เห็นยาก
    อุปธิวิเวก คือ หนึ่ง พระโสดาบัน ตัดสักกายทิฏฐิเห็นว่าร่างกายนี่ เราเดินธุดงค์หรือนั่งธุดงค์ ธุดงค์ในวัดก็ดี ธุดงค์ในป่าก็ดี ทำจิตเสมอกัน
    คิดว่าร่างกายนี้มันมีความเกิดในเบื้องต้น มีความเปลี่ยนแปลงแปรปรวนในท่ามกลาง มีการตายในที่สุด และก็คิดว่าถ้าตายเวลานี้เราจะไปไหน เขาคิดกันอย่างนี้ ไม่ได้คิดว่า อีก ๕ ปี ๑๐ ปี ๒๐ ปี คิดอย่างนั้นมันคิดลงนรก มรณานุสสติกรรมฐาน พระพุทธเจ้าเคยถามพระอานนท์ว่า
    "อานันทะ! ดูก่อน..อานนท์ เธอคิดถึงความตายวันละกี่ครั้ง?"
    พระอานนท์ตอบพระพุทธเจ้าว่า
    "คิดถึงความตายวันละประมาณ ๗ ครั้ง พระพุทธเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
    "อานนท์..ห่างเกินไป ตถาคตนี่คิดถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก"
    นี่จำไว้ให้ดีนะ ฉะนั้น นักธุดงค์ภายในหรือภายนอกก็ตาม ต้อคิดเสมอว่าเราจะตายเดี๋ยวนี้ ถ้าอยากจะเป็นเทวดาก็ทรงจิตไว้ขั้นกามาวจร คือ ขั้นอุปจารสมาธิ อย่างนี้ตายแล้วเป็นเทวดา
    ถ้าต้องการเป็นพรหม เราก็ทรงอารมณ์ไว้ตามปกติ ตายแล้วเป็นเทวดา
    ถ้าเราต้องการตายแล้วไปนิพพาน ก็คิดไว้เสมอว่าโลกเป็นทุกข์ ร่างกายเป็นทุกข์ คนและสัตว์ทั้งหมดมีแต่ทุกข์ คนและสัตว์มีสภาพเหมือนอากาศ มีเกิดขึ้นในเบื้องต้น และมีการสลายตัวในที่สุด ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งที่พักพิงอะไรเลย ในที่สุดต่างคนต่างพัง คนที่คุยกับเราไม่ช้าเขาก็ตาย เราก็ตาย เกิดแล้วตาย เกิดมาทำไม เกิดแล้วตายเราไม่เกิดเสียดีกว่า ไม่เกิดไปไหน .. ตั้งใจไปนิพพาน

    จาก หนังสือ หลักการปฏิบัติธุดงค์
     
  4. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174

    สาธุคร้าบ.บ.บ.บ. พี่ชัย...คิดตั้งนาน...คิดม่ะออกเลย เหอะๆๆๆๆๆๆๆ
     
  5. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ baimin [​IMG]

    คำถาม

    มียักษ์อยู่ตนหนึ่ง มีดวงตาสองข้าง ข้างหนึ่งสว่าง ข้างหนึ่งริบหรี่ มีฟัน 30 ซี่ เคี้ยวกินสัตว์ในพื้นปฐพี อยากทราบว่ายักษ์ตนนี้มีชื่อว่าอะไร

    คำตอบ

    คือ กาลเวลานั่นเอง

    กาลเวลามีตาสองข้าง ข้างหนึ่งคือ กลางวัน อีกข้างหนึ่งคือ กลางคืน
    คอยเคี้ยวกินอายุของสรรพสัตว์ในปฐพีให้ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ

    ยักษ์ตนนี้แม้ดูน่ากลัว แต่ก็แฝงไว้ด้วยคุณประโยชน์ คือ เป็นเครื่องย้ำเตือนให้สรรพสัตว์ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท
    คอยหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยคอยเตือนให้หมั่นบอกตัวเองว่า "กัลยาณมิตรทั้งหลาย วันคืนล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่"



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สาธุ สาธุ
     
  6. lektantan

    lektantan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,624
    ค่าพลัง:
    +22,640
    แล้วฟัน 30 ซีกละครับ??????

    แต่มีอยู่อย่างที่กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรได้ "พระนิพพาน"
    ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เวลาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
    ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2010
  7. lektantan

    lektantan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,624
    ค่าพลัง:
    +22,640
    ความจริงคำตอบนี้สามารถตอบได้นะพี่ทศ
    ตอบว่าคนฟันหลอ 2 ซีก

    เพราะคนเรานี่แหละกลืนกินทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง
    จะสร้างหรือทำลายก็ได้
     
  8. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    น่าจะหมายถึงจำนวน 30 วัน ใน 1 เดือนนะครับพี่เล็ก เหอะๆๆๆๆๆ
     
  9. lektantan

    lektantan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,624
    ค่าพลัง:
    +22,640
    เหอะ ๆ ๆ
     
  10. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    ข้างขึ้น15วัน + ข้างแรม15วัน
     
  11. อริยทรัพย์

    อริยทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    17,660
    ค่าพลัง:
    +13,710
    โมทนา สาธุ ได้อ่านธรรมะที่หลวงพ่อท่านสอนแล้วรู้สึกดีมาก ๆครับ
    ขอบคุณ คุณbaimin ด้วยที่นำมาโพสไว้ให้ได้อ่านกัน
    หลายท่านก็เคยได้อ่านมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่ากี่ท่านที่นำมาปฎิบัติ
     
  12. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174


    อ้าวพี่หรั่งมายังไงหล่ะนี่เหอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  13. พรแม่ศรี

    พรแม่ศรี ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    18,789
    ค่าพลัง:
    +55,474
    สาธุ ๆ ๆ ด้วยนะครับบบ:cool:
     
  14. พรแม่ศรี

    พรแม่ศรี ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    18,789
    ค่าพลัง:
    +55,474
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อริยทรัพย์ [​IMG]
    โมทนา สาธุ ได้อ่านธรรมะที่หลวงพ่อท่านสอนแล้วรู้สึกดีมาก ๆครับ
    ขอบคุณ คุณbaimin ด้วยที่นำมาโพสไว้ให้ได้อ่านกัน
    หลายท่านก็เคยได้อ่านมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่ากี่ท่านที่นำมาปฎิบัติ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พี่ฝรั่ง ขออนุโมทนาด้วยนะครับ (k)(k)(k)
     
  15. อริยทรัพย์

    อริยทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2008
    โพสต์:
    17,660
    ค่าพลัง:
    +13,710
    เข้ามาอ่านธรรมะที่ คุณbaimin โพสไว้ แล้วน้องน๊อตมาไงวันนี้ไม่ได้ทำงานรึ
     
  16. พรแม่ศรี

    พรแม่ศรี ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    18,789
    ค่าพลัง:
    +55,474
    อ๋อ....ฟันหลุดร่วง ตามอายุสังขาร
     
  17. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130


    โอนแล้วครับ แต่ค่อยส่งหลังสงกรานต์



    <TABLE class=MainTb cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR class=SubIntroR><TD class=BorderA colSpan=3>รายการเสร็จสมบูรณ์</TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL width=200>โอนจากบัญชี</TD><TD class=RightCL width=250 colSpan=2>aaa01 </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้โอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>นาย บุรักษ์ ศาลากิจ </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ธนาคารผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>ธ.ไทยพาณิชย์ - SCB </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>เลขที่บัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>776-2-14246-7 </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ชื่อบัญชีผู้รับโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>THOSSAPHON SR </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>จำนวนเงิน (บาท)</TD><TD class=RightCL colSpan=2>2,150.00 </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>ค่าธรรมเนียม </TD><TD class=RightCL colSpan=2>0.00</TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>กำหนดวันโอน</TD><TD class=RightCL colSpan=2>08/04/2010 10:56:25 AM </TD></TR><TR class=SwapR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงรายการ</TD><TD class=RightCL colSpan=2>tmbi1905280 </TD></TR><TR class=SwapBR><TD class=LeftCL>หมายเลขอ้างอิงระหว่างธนาคาร</TD><TD class=RightCL colSpan=2>270698932023 </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    สวัสดีครับพี่หรั่ง อนุโมทนาสาธุด้วยครับ...baimin :cool:
     
  19. ณ แปดริ้ว

    ณ แปดริ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,701
    ค่าพลัง:
    +54,174
    ทำจ้า แต่แอบเขามาเล่นเน็ตอ่ะคับ เลยตอบช้านิดนึงนะ เหอะๆๆๆๆๆๆๆ
     
  20. baimin

    baimin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,933
    ค่าพลัง:
    +14,580
    พระนิพพาน หลวงพ่อสดและหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    อาตมาเองก็เป็นคนงมงายมาก่อน ในกาลก่อนใครพูดเรื่องนิพพานไม่เชื่อ นิพพานมีสภาพสูญ เขาว่าอย่างนั้น ต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเห็นว่า เรามีสันดานชั่วละมั้ง ก็ส่งให้ไปหา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปเรียนกับหลวงพ่อสดประมาณ ๑ เดือน ก็ทำได้ตามสมควร เรียกว่าพื้นฐานมีอยู่แล้ว ต่อมาวันหนึ่งประมาณ เวลา ๖ ทุ่มเศษ หลังจากทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐานกันแล้ว หลวงพ่อสดท่านก็คุยชวนคุย คนอื่นเขากลับหมด ก็อยู่ด้วยกันประมาณ ๑๐ องค์ วันนั้น ท่านก็บอกว่าฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟัง คือ พระที่ไปถึงนิพพานแล้ว มีรูปร่างเหมือนแก้วหมด ตัวเป็นแก้ว เราก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปมากแล้ว นิพพานเขาบอกว่ามีสภาพสูญ แล้วทำไมจะมีตัวมีตน

    แล้วท่านก็ยังคุยต่อไปว่า นิพพานนี้เป็นเมือง แต่ว่าเป็นทิพย์พิเศษ เป็นทิพย์ที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก มีพระอรหันต์มากมาย คนที่ไปนิพพานได้ เขาเรียกว่า พระอรหันต์ จะตายเมื่อเป็นฆราวาสจะตายเมื่อเป็นพระก็ตาม ต้องถึงอรหันต์ก่อน เมื่อถึงอรหันต์ก่อนแล้วก็ตาย ตายแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น ร่างกายเป็นแก้วหมด เมืองเป็นแก้ว สถานที่อยู่แพรวพราวเป็นระยับ อาตมาก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปเยอะ ตอนก่อนก็ดี สอนดี มาตอนนี้ชักจะไปมากเสียแล้ว

    แต่ก็ไม่ค้าน ฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ ท่านก็คุยต่อไปว่า เมื่อคืนนั้น ขี่ม้าแก้วไปเมืองนิพพาน (เอาเข้าแล้ว) แล้วต่อมาคุยไปคุยมาท่านก็บอกว่า (ท่านคงจะทราบ ท่านไม่โง่เท่าเด็ก เพราะพระขนาดรู้นิพพานไปแล้ว อย่างอื่นก็ต้องรู้หมด แต่ความจริงคำว่า รู้หมด ในที่นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ใช่รู้เท่าพระพุทธเจ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ควรจะรู้ ก็สามารถรู้หมด)

    ท่านก็เลยบอกว่า เธอดูดาวงดวงนี้นะ ดาวดวงนี้สุกสว่างมาก ประเดี๋ยวฉันจะทำให้ดาวดวงนี้ริบหรี่ลง จะค่อย ๆ หรี่ลงจนกระทั่งไม่เห็นแสงดาว ท่านชี้ให้ดู แล้วก็มองต่อไป ตอนนี้เริ่มหรี่ ละ ๆ แสงดาวก็หรี่ไปตามเสียงของท่าน ในที่สุด หรี่ที่สุด ไม่เห็นแสงดาว ท่านถามว่า เวลานี้ทุกคนเห็นแสงดาวไหม ก็กราบเรียนท่านว่า ไม่เห็นแสงขอรับ ท่านบอกว่า ต่อนี้ไป ดาวจะเริ่มค่อย ๆ สว่าง ขึ้นทีละน้อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุด แล้วก็เป็นไปตามนั้น

    พอท่านทำถึงตอนนี้ก็เกิดความเข้าใจว่า ความดีหรือวิชาความรู้ที่เรามีอยู่ มันไม่ได้ ๑ ในล้านที่ท่านมีแล้ว ฉะนั้นคำว่านิพพานจะต้องมีแน่ ท่านมีความสามารถอย่างนี้เกินที่เราจะพึงคิด ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ศึกษามาในด้านกรรมฐานก็ดีหรือที่คุยกันมาก็ดี นี่ท่านรู้จริง ท่านก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพาน คำว่านิพพานสูญท่านไม่ยอมพูด ไปถามท่านเข้าว่านิพพานสูญรึ ท่านนิ่ง ในที่สุดก็ไปถาม ๒ องค์ คือ หลวงพ่อปาน กับหลวงพ่อโหน่ง ถามว่านิพพานสูญรึ ท่านตอบว่า
    ถ้าคนใดสูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกว่านิพพานสูญ แต่คนไหนไม่สูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกนิพพานไม่สูญ ก็รวมความว่า นิพพานไม่สูญแน่

    ทีนี้ต่อมา หลวงพ่อสดท่านก็ยืนยันเอาจริงเอาจัง ต่อมาท่านก็สงเคราะห์คืนนั้นเอง ท่านก็สงเคราะห์บอกว่า เรื่องต้องการทราบนิพพาน เขาทำกันอย่างนี้ ท่านก็แนะนำวิธีการของท่าน รู้สึกไม่ยาก เพราะเราเรียนกันมาเดือนหนึ่งแล้ว ตามพื้นฐานต่าง ๆ ท่านบอกว่าใช้กำลังใจอย่างนี้ เวลาผ่านไปประมาณสัก ๑๐ นาที รู้สึกว่านานมากหน่อย ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพานมีจริง เห็นนิพพานเป็นแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ พระที่นิพพานทั้งหมด เป็นแก้วหมด แต่ไม่ใช่แก้วปั้น เป็นแก้วเดินได้ คือแพรวพราวเหมือนแก้ว สวยงามระยับทุกอย่างที่พูดนี้ยังนึกถึงบุญคุณหลวงพ่อ สดท่านยังไม่หาย ท่านมีบุญคุณมาก

    รวมความว่า เวลานั้นเรายังเป็นคนโง่ อาจจะมีจิตทึมทึก แต่ความจริงขอพูดตามความเป็นจริงเวลานั้นจิตไม่ดำ จิตใสเป็นแก้ว แต่ความแพรวพราวของจิตไม่มีการใสเป็นแก้วนั้น เวลานั้นเป็นฌานโลกีย์ ฌานสูงสุด ใช้กำลังเฉพาะเวลานะ ฌานโลกีย์นี้เอาจริงเอาจังกันไม่ได้ จะเอาตลอดเวลานี้ไม่ได้ เพราะอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ แล้วท่านก็สั่งว่า หลังจากนี้ต่อไป ทุก ๆ องค์ จงทำอย่างนี้จิตต่อให้ถึงนิพพานทุกวัน ตามที่จะพึงทำได้ อย่างน้อยที่สุด จงพบนิพพาน ๒ ครั้ง คือ ๑. เช้ามืด และประการที่ ๒. ก่อนหลับ หลังจากนี้ไป เธอกลับไปแล้ว ทีหลังกลับมาหาฉันใหม่ ฉันจะสอบ

    เมื่อได้ลีลามาอย่างนั้นแล้วก็กลับ มาหาครูบาอาจารย์เดิม คือ หลวงพ่อปาน พอขึ้นจากเรือก็ปรากฏว่าพบหลวงพ่อปานอยู่หน้าท่า ท่านเห็นหน้าแล้วท่านก็ยิ้ม ว่าอย่างไรท่านนักปราชญ์ทั้งหลาย เห็นนิพพานแล้วใช่ไหม ตกใจ ก็ถามว่า หลวงพ่อทราบหรือครับ บอก เออ ข้าไม่ทราบหรอก วะ เทวดาเขามาบอก บอกว่าเมื่อคืนที่แล้วมานี่ หลวงพ่อสดฝึกพวกเอ็งไปนิพพานใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านบอกว่า ใช่ขอรับ ท่านบอกว่า นั่นแหละ เป็นของจริง ของจริงมีตามนั้น หลวงพ่อสดท่านมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้

    ก็ถามว่า ถ้าหลวงพ่อสอนเองจะได้ไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันสอนเองก็ได้ แต่ปากพวกเธอมันมาก มันพูดมาก ดีไม่ดีพูดไปพูดมา งานของฉันก็มาก งานก่อสร้างก็เยอะ งานรักษาคนเป็นโรคก็เป็นประจำวัน ไม่มีเวลาว่าง ถ้าเธอไปพูดเรื่องนิพพาน ฉันสอนเข้าฉันก็ไม่มีเวลาหยุด เวลาจะรักษาคนก็จะไม่มี เวลาที่จะก่อสร้างวัดต่าง ๆ ก็ไม่มี ฉันหวังจะสงเคราะห์ในด้านนี้ จึงได้ส่งเธอไปหาหลวงพ่อสด ก็ถามว่า หลวงพ่อสดกับหลวงพ่อรู้จักกันดีรึ ท่านก็ตอบว่า รู้จักกันดีมาก เคยไปสอบซ้อมกรรมฐานด้วยกัน สอบกันไปสอบกันมาแล้ว ต่างคนต่างต้นเสมอกัน ก็รวมความว่ากำลังไล่เรื่อยกัน บรรดาท่านพุทธบริษัท นี่เป็นจุดหนึ่งที่อาตมาแสดงถึงความโง่กับครูบาอาจารย์์
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...