ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7104 ข่าวสดรายวัน


    พายุฝนถล่มภูผาหมอก-2พ่อลูกดับ "กันทรลักษ์"เร่งช่วยเหลือ-บ้านพังกว่า500หลัง



    ศรีสะเกษ - ที่บ้านโศกขามป้อม ม.4 ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เกิดเหตุพายุฝนพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านกว่า 502 หลังคาเรือนถูกลมพายุพัดเอาหลังคาสังกะสีปลิวหายไปไกลหลายสิบเมตร และปรากฏว่าพายุฝนที่พัดโหมกระหน่ำอย่างหนักครั้งนี้ ได้เป็นเหตุให้บ้านเลขที่ 106 ม.4 ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ พังพับลงมา และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย คือนายสุบรรณ ครองยุทธ์ อายุ 44 ปี และด.ญ.นิภาดา ครองยุทธ์ อายุ 13 ปี บุตรสาว สภาพศพถูกบ้านที่ถูกพายุพัดพังทับเสียชีวิตคาที่อย่างน่าสลดใจ

    นายสุภา สุมนทา อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 ม.4 ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงและได้เข้ามาช่วยเหลือ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุนั้นมีฝนตกและลมได้พัดแรงมาก นายสุบรรณและบุตรสาวได้อาศัยหลบอยู่ขณะเกิดเหตุแล้วก็มีลมพัดแรงมากอย่างต่อเนื่องทำให้บ้านได้พังทับลงมาตรงที่สองพ่อลูกหลบฝนอยู่ ตนและชาวบ้านจึงได้ช่วยกันเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าทั้ง 2 พ่อลูกได้เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ที่เกิดเหตุแล้ว

    ต่อมานายสุพจน์ ไชยกุฉิน ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันปราบปราม อำเภอกันทรลักษ์ และคณะได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบความเสียหายและได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกับนางรัตน์ ครองยุทธ์ แม่ของนายสุบรรณไว้จำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งกล่าวว่าในเบื้องต้นนั้นทางเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนที่ถูกบ้านถูกพายุพัดพังทั้งหมดเพื่อที่จะได้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งนอกจากบ้านโศกขามป้อมแล้วยังได้รับแจ้งว่าที่บ้านหนองตึก ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ บ้านเรือนของชาวบ้านก็ถูกพายุพัดบ้านพังได้รับความเสียหายหลายสิบหลังคาเรือนเช่นกันแต่ว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

    นับแสนแห่ดูบั้งไฟยโสฯ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    บั้งไฟแสน- พิธีเปิดจุดบั้งไฟแสนขอฝนตามความเชื่อของชาวยโสธร ยึดถือสืบทอดมาจากบรรพบุรุษนานนับร้อยๆปี โดยปีนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศกว่า 70,000 คนหลั่งไหลมาชมงาน เมื่อวันก่อน


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ยโสธร - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพิธีเปิดจุดบั้งไฟแสนขอฝนตามความเชื่อของชาวยโสธร ยึดถือสืบทอดมาจากบรรพบุรุษนานนับร้อยๆปี โดยปีนี้ทางเทศบาลเมืองยโสธรได้อนุญาตให้ช่างบั้งไฟทำบั้งไฟแสนจุดจำนวน 20 บั้ง บั้งไฟแฟนซีติดร่มจำนวน 48 บั้ง และบั้งไฟริวเซจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 6 บั้ง ใช้ฐานจุดที่บริเวณริมถนนแจ้งสนิท ลำห้วยลำทวน สวนสาธารณะพญาแถน เขตเทศบาลเมืองยโสธร ท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศกว่า 70,000 คน หลั่งไหลมาชมจุดบั้งไฟแสนขอฝนในงานบุญบั้งไฟจังหวัดยโสธร ประจำปี 2553 ทำให้ที่จอดรถภายในสนามกีฬากลางเต็มและล้นออกมาถึงถนนแจ้งสนิทจอดเรียงยาวกว่า 3 กิโลเมตร

    โดยบั้งไฟแสนบั้งแรก นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา ผวจ.ยโสธร นายเกรียงไกร พันธ์สายเชื้อ นายกเทศมนตรีเมืองยโสธร ร่วมกันจุดชนวนจากปะรำกองอำนวยการ ซึ่งบรรยากาศการจุดบั้งไฟเป็นไปด้วยความสนุกสนาน บั้งไฟแสนของช่างชุมชนต่างๆของยโสธรบั้งแล้วบั้งเล่าส่งเสียงกระหึ่มสลับกับบั้งไฟริวเซของญี่ปุ่นที่คณะช่างทำบั้งไฟจากเมืองซิซิบุ จ.ไซตามะ บินมาทำบั้งไฟที่ยโสธร ร่วมจุดเชื่อมสัมพันธไมตรี และเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ชาวเมืองซิซิบุมีประเพณีจุดบั้งไฟคล้าย คลึงกับเมืองยโสธร ชาวเมืองซิซิบุเพื่อถวายเทพยดาฟ้าดินที่ประทานพรให้ฝนตกทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และงานปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งจากเอเชียด้วยกันและจากยุโรปมาเที่ยวจำนวนมาก

    รพ.จุฬา-รพ.ตำรวจพร้อมรับมือมาตรการตัดน้ำ-ไฟ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงมาตรการเตรียมพร้อม หลังรัฐบาลประกาศจะทำการตัดน้ำ ตัดไฟ บริเวณรอบสี่แยกราชประสงค์ ว่า ได้ตรวจสอบกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ พบว่าหม้อแปลงไฟฟ้าของโรงพยาบาลกับ บริเวณถนนราชประสงค์ ได้แยกออกจากกัน อีกทั้งโรงพยาบาลมีระบบสำรองไฟ และน้ำ จึงเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการบริการประชาชน รวมถึงผู้บาดเจ็บได้
    “การย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลนั้น ขณะนี้ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คนเสื้อแดงบุกโรงพยาบาลเมื่อคืนวันที่ 29 เม.ย. จนถึงขณะนี้ทางโรงพยาบาลยังไม่สามารถเปิดให้บริการผู้ป่วยในได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามหากมีเหตุฉุกเฉินทางโรงพยาบาลพร้อมรองรับและเป็นโรงพยาบาลสนามดูแลผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บได้อย่างไม่มีปัญหา และคาดว่าหากมีการยุติชุมนุมทางโรงพยาบาลจะสามารถเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบ”ศ.นพ.อดิศร
    พล.ต.ท.นท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 200 เตียง โดยจะย้ายผู้ป่วยไปไว้ยังอาคารที่มีเครื่องปั่นไฟสำรองทั้งหมด ซึ่งจะสามารถใช้ได้ประมาณ 24 ชั่วโมงทั้งน้ำและไฟ โดยเป็นเครื่องระบบเติมน้ำมันดีเซล คาดว่าจะสามารถดูแลผู้ป่วยได้ไม่มีปัญหา เพราะปกติโรงพยาบาลจะมีเครื่องปั่นไฟสำรองอยู่แล้ว เพราะห้องผ่าตัดจะไม่สามารถปล่อยให้ไฟดับได้

    เสื้อแดงไม่สนมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 12 พ.ค. บรรยากาศการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั่วแผ่นดิน ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ มีผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา

    เวลา 09.00 น. น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. และหัวหน้ากลุ่มสันติวิธี ยืนยันว่า นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธาน นปช. ยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศตามที่เป็นข่าว เนื่องจากยังมีหมายจับอยู่ ขณะนี้มีเพียงอาการไม่สบายตามสภาพอากาศ และไม่ได้น้อยใจลาออกจากประธาน นปช. อย่างที่เป็นข่าว เพราะแกนนำไม่ได้มีความแตกแยกกัน แต่ต้องเข้าใจว่าการทำงานของกลุ่มคนเสื้อแดงมีการตัดสินใจเป็นคณะ ดังนั้นอาจมีบ้างในการประชุมที่จะมีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วเป็นไปตามมติที่ประชุมใหญ่ ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่าจะมีแกนนำคนเสื้อแดงบางคนขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันไม่มีอย่างแน่นอน ขณะนี้รู้สึกแปลกใจที่มีข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับความขัดแย้งออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายเรื่องไม่เป็นความจริง

    ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำอีกคน กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่ระบุว่าจะเดินทางไปมอบตัวที่กองปราบปรามในเวลา 14.00 น. ว่า เป็นการเสนอให้กับที่ประชุมเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลว่า หากแกนนำเข้ามอบตัวต้องได้รับการประกันตัว เพื่อต่อสู้คดี แต่มีแกนนำประมาณ 3-4 คน เกรงว่าจะไม้ได้รับการประกันตัว จึงเสนอตัวว่าจะเป็นหนูทดลองไปมอบตัวก่อน เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาล ว่ารัฐบาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ แต่มติที่ประชุมไม่แน่ใจในท่าทีของรัฐบาลจึงมีมติยังไม่เข้ามอบตัว จนกว่าจะจบเรื่องของนายสุเทพก่อน

    นายก่อแก้ว กล่าวว่าส่วนกรณีที่ ศอฉ. ขู่ตัดน้ำและไฟฟ้าว่า รัฐบาลทำไม่ได้ เพราะไฟฟ้าใช้เครื่องปั่นไฟ คนเสื้อแดงซื้อน้ำมันมาเติมเองไม่มีสิทธิ์ที่จะห้าม หากมายึดเครื่องปั่นไฟ คนเสื้อแดงจะขโมยไฟฟ้าใช้ฟรี ส่วนเรื่องน้ำ คนเสื้อแดงขออาศัยจากท่อน้ำดับเพลิง ที่ต่อจากท่อเมนหลักของน้ำประหา ความเป็นจริงไม่สามารถตัดได้ เพราะต้องหล่อเลี้ยงสถานที่ราชการ สถานทูต โรงเรียน โรงพยาบาลต้องงดใช้น้ำทั้งหมด หากตัดจริงจะไปต่อท่อจากหน้าสถานทูต อังกฤษ อเมริกา จะรอดูว่ารัฐบาลกล้าตัดน้ำของสถานทูตหรือไม่ ส่วนน้ำที่คนเสื้อแดงนำมาใช้ไม่ได้ใช้ฟรี เพราะการประปานครหลวง (กปน.) ส่งบิลมาเรียกเก็บแล้ว กว่า 6 แสนบาท เฉพาะที่ผ่านฟ้า ในราคายูนิตละ 17 บาท ถือว่าราคาแพงมาก นอกจากนั้นในการติดตั้งมิเตอร์น้ำประปาของ กปน. ยังไม่ได้แจ้งว่านำมาติดตั้งเมื่อไร และไม่เคยแจ้งว่าเริ่มจากตัวเลขมิเตอร์ที่เท่าไร รู้สึกว่าเป็นการคิดค่าน้ำที่แพงมากเกินไปจึงยังไม่จ่าย ขอต่อรองราคาก่อน

    เวลา 10.00 น. นายคารม พลทะกลาง ทนายความกลุ่ม นปช. พร้อมคณะ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 (ฝ่ายสอบสวน) และพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อสอบถามกรณีหมายจับแกนนำและบรรดา นปช. ที่ถูกออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และคดีอาญา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

    ต่อมานายคารม เปิดเผยว่า เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้หารือกับทางนายธาริศ เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าหากแกนนำทุกคนไปมอบตัวในทุกข้อหาที่ไม่ใช่ข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งกองปราบเป็นคนขอก็ต้องไปฝากขังที่ศาล ซึ่งพวกเราไม่ได้ห่วงอำนาจศาล แต่หากรัฐบาลต้องการปรองดองจริงๆ ก็ให้เพิกถอนและไปจบที่กองปราบเลยจะดีที่สุดขณะนี้เราไม่กังวลเพราะคดีล้มเจ้าการสอบสวนยังไม่ไปถึงไหน แต่ข้อหาก่อการร้าย เป็นหนึ่งในคดีพิเศษ หากเรื่องนี้จบ ไม่ต้องไปที่ศาลก็รับได้ ส่วนจะมอบตัววันไหน เบื้องต้นก็ยังเป็นกำหนดเดิมคือ วันที่ 15 พฤษภาคม แต่ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน เพราะหากมีการมอบตัว แต่ไม่ได้รับการปล่อยตัวก็คิดว่าแกนนำคงไม่เข้ามอบ วันนี้หากไม่มีเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

    ต่อมาเวลา 12.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปชง เดินทางถึงบริเวณด้านหลังเวทีราชประสงค์ ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ถึงเรื่องที่นายวีระหายหน้าไปจากเวทีนปช. ว่า เนื่องจากไม่สบาย นิดหน่อยเท่านั้น ส่วนความเคลื่อนไหวของนปช. ในเวลา 14.00 น.จะมีการประชุมแกนนำ เพื่อกำหนดท่าทีต่อไป

    นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงมาตรการกดดันของ ศอฉ. ที่จะสลายการชุมนุม นปช. ตอบรับวันเลือกตั้ง และยุบสภา รวมถึงมาตรการต่างๆ ไปแล้ว ประเด็นที่ติดค้างมีแค่ประเด็นเดียวคือ นายกฯ และรอง นายกฯ ที่ใช้จ้างวานให้ฆ่าคน ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สิ่งที่นายสุเทพไปดีเอสไอ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมาไม่ใช่การรับทราบข้อกล่าวหา แต่เป็นเพียงการไปตรวจราชการเท่านั้น นปช.ขอประกาศว่าวันที่ยุติการชุมนุม คือวันที่นายสุเทพตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย นอกจากนั้นวันนี้ยังมีญาติผู้เสียชีวิตไปแจ้งความที่กองปราบเพิ่มเติมด้วย ดังนั้นเมื่อไรที่นายสุเทพเข้ามอบตัว เป็นวันที่คนเสื้อแดงกลับบ้าน

    เวลา 13.00 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ รองประธาน นปช. ขึ้นปราศรัยบนเวทีโดยเยาะเย้ยคำขู่ของศอฉ. ที่จะตัดน้ำตัดไฟ เพื่อกดดันผู้ชุมนุม ว่า ยิ่งนานความคิดศอฉ. ยิ่งถอยหลังลงคลอง พร้อมให้ผู้ชุมนุมทุกคนเชื่อมั่นว่าแกนนำจะต้องทวงถามความยุติธรรมให้ผู้สูญเสียทุกคน หากนายอภิสิทธิ์ไม่ยอมให้นายสุเทพถูกดำเนินคดี เนื่องจากหลังจากนายสุเพทแล้ว นายอภิสิทธิ์จะต้องเดินเข้าสู่ขบวนยุติธรรมด้วย ขอให้ยกกำลังทั้งหมดมาที่ราชดำเนิน เพราะคนเสื้อแดงไม่ยอมถอย พร้อมเรียกร้องประชาชนให้เข้าร่วมต่อสู้ด้วยกัน เนื่องจากตราบใดที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรมการชุมนุมจะไม่หยุด จุดจบของการต่อสู้ครั้งนี้จะเกิดอะไรให้เกิดไป แต่อย่าให้เสียจุดยืนแห่งความเป็นมนุษย์ ที่รักในความยุติธรรมอย่างเด็ดขาด


    "สุขุมพันธุ์"ย้ายน.ร.หนีพื้นที่สีแดง



    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยภายหลังประชุมกำหนดแนวทางและมาตรการรักษาความปลอดภัยนักเรียนและโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ได้รับผลกระทบต่อการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2553 ในวันที่ 17 พ.ค.ว่า กทม.กำหนดการเคลื่อนย้ายนักเรียนในพื้นที่สีแดง หรือ Red Zone ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและให้ปิดโรงเรียนในพื้นที่ 2 สำนักงานเขต ได้แก่ เขตปทุมวัน และเขตบางรัก รวม 5 โรงเรียน

    ดังนี้ ร.ร.วัดปทุมวนาราม ย้ายไปเรียนที่ร.ร.กรุงเทพการบัญชี กำหนดเปิดเรียนวันที่ 17 พ.ค. ร.ร.ชัยมงคล ระดับชั้นประถมศึกษาย้ายไปเรียนที่ร.ร.ปทุมวัน และระดับมัธยมศึกษาย้ายไปเรียนที่ร.ร.สวนหลวง กำหนดเปิดเรียนวันที่ 17 พ.ค. ร.ร.สระบัว ย้ายไปเรียนที่ร.ร.วัดดวงแข สำหรับร.ร.สวนลุมพินี อยู่ระหว่างการพิจารณาหาโรงเรียนที่เหมาะสม

    ส่วนร.ร.วัดหัวลำโพง ได้กระจายนักเรียนระดับชั้นป.1 ไปเรียนร.ร.วัดแก้วแจ่มฟ้า ระดับชั้นป.2 ย้ายไปเรียนร.ร.วัดมหาพฤฒาราม ระดับชั้นป.3-5 ย้ายไปเรียนร.ร.วัดม่วงแค และระดับชั้นป.6 ย้ายไปเรียนร.ร.สวนพลู ได้เลื่อนกำหนดเปิดภาคเรียนเป็นวันที่ 1 มิ.ย. ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลง จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป หรือติดตามข่าวสารทางเว็บไซต์ www.bangkok. go.th หรือ สายด่วนกทม. โทร. 1555

    เณรขอร้อง

    คอลัมน์ ไหลตามโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>คือการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ต้อง ขวัญเสียกันบ้างล่ะตัวเอง

    ก็เค้ายังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเลย เพิ่ง 8 ขวบ เท่านั้น

    ต้องจากบ้านมา จากแม่มา

    แต่นั่นยังไม่เท่าไหร่ ต้องพรากจาก "ผม" ด้วยนี่สิ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อยู่ๆ ก็จับไถปรื๊ด ไถปรื๊ด

    เค้าต๊กกะใจนี่นา ขอปล่อยโฮ ก่อนแล้วกัน

    ส่วนที่หัวเราะ ฮิฮะร่าเริงอยู่ได้

    ผู้น้อยขอนับถือ

    วัดชอกยี กรุงโซล เกาหลีใต้ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ทุกปีมีพิธีบรรพชาเณรถวายพุทธบูชา

    เป็นวิสาขบูชา การบูชาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6

    วันพระพุทธองค์ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน

    ประเพณีปฏิบัติพุทธศาสนิกโสม ลูกชายอายุ 8 ขวบ ไปเข้าวัดบวชเณร

    3 สัปดาห์ เรียนรู้สงบ สำรวม แล้วศึกษาซาบซึ้งรสธรรม

    ถึงเวลากลับบ้าน แม่ภูมิใจ

    แต่ก่อนจะถึงวันนั้น แม่โอ๋ปลอบใจก่อนได้ไหม เณรขอร้อง...แง

    [FONT=Tahoma,]หน้า 24[/FONT]

    ฮือขับสมภาร-ลบหลู่ครูบาศรีวิชัย



    เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 พ.ค. ที่วัดบ้านปาง ต.ศรีวิชัย อ.ลี้ จ.ลำพูน นายเมือง แก้วอ้าย อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.13 ต.ศรีวิชัย นายประพันธ์ จันทะวัน อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ศรีวิชัย นายจักรคำ สุภาวงศ์ อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ศรีวิชัย ร่วมกับชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ประมาณ 300 คน รวมตัวกันขับไล่พระเกรียงศักดิ์ อายุ 36 ปี เจ้าอาวาสวัดบ้านปาง

    จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 3 เดือน พระเกรียงศักดิ์ร่วมกับชาวบ้านบางส่วน ขุดและทุบฐานพระเจดีย์วัดบ้านปาง ที่มีอายุกว่า 100 ปีโดยพลการและกล่าวอ้างว่าจะทุบเพื่อปรับปรุง ซึ่งชาวบ้านทราบเรื่องได้รวมตัวกันต่อต้านจนหยุดการทุบเจดีย์ไป ซึ่งทางคณะกรรมการของวัดได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ลี้ ต่อมาพระเกรียงศักดิ์ รื้อภาพเขียนฝาผนังลายสีน้ำมันทั้งหมดในพระวิหารของวัด เป็นภาพที่เขียนขึ้นมาในสมัยครูบาศรีวิชัย อายุประมาณ 100 ปี และประเมินราคาไม่ได้ และยังรื้อถอนหอหินทราย หินขัด ที่ประดิษฐานรูปเหมือนของครูบาศรีวิชัยจนเสียหายไปทั้งหลัง และยังรื้อฉัตรเก้าชั้นของหอพระเจ้าทันใจ สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก

    ในวันนี้ชาวบ้านได้ประชุมกัน และจะนิมนต์พระเกรียงศักดิ์มาตกลงกัน แต่พระเกรียงศักดิ์ได้หลบหนีออกจากวัดไปก่อน ชาวบ้านจึงตกลงกันว่าจะไม่ให้พระเกรียงศักดิ์กลับมาที่วัดอีก และจะได้เข้าแจ้งให้กับเจ้าคณะอำเภอลี้ทราบต่อไป รวมทั้งจะแจ้งความดำเนินคดีกับพระเกรียงศักดิ์ในข้อหาทำลายโบราณวัตถุต่อไป

    (กรอบบ่าย)

    สธ.ห่วงโรคลมแดดตายแล้ว4



    เมื่อวันที่ 11 พ.ค. น.พ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคลมแดดเป็นอาการที่เกิดจากการได้รับความร้อนมากเกิน อาจจะเกิดขึ้นในผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงก็ได้ จัดเป็นความผิดปกติที่มีความรุนแรงมากที่สุด ทำให้สมองไม่ทำงาน ไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ระบบประสาทส่วนกลาง การทำงานของตับและไต รวมทั้งสูญเสียความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติเกิน 40 องศาเซลเซียส ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องให้การรักษาอย่างรีบด่วน เนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิต 17-70 เปอร์เซ็นต์

    น.พ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า การป้องกันที่สำคัญที่สุดคือ ต้องดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือ 2 ลิตรต่อวัน หากทำงานกลางแดดควรสลับมาทำงานในที่ร่มเป็นครั้งคราว เนื่องจากผู้ที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอจะไม่สามารถปรับตัวให้สู้กับอากาศร้อนได้ เพราะน้ำเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย โดยปกติร่างกายจะพยายามปรับอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส ในการสังเกตว่าร่างกายได้รับน้ำเหมาะสมหรือไม่ สามารถสังเกตง่ายๆ จากสีของปัสสาวะ ถ้าปัสสาวะมีสีเหลืองจางๆ แสดงว่าได้รับน้ำเพียงพอ แต่ถ้าปัสสาวะสีเหลืองเข้มและปัสสาวะออกน้อย แสดงว่าได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะต้องดื่มน้ำให้มากๆ

    ในปี 2552 มีรายงานผู้ป่วยโรคลมแดดเข้ารักษาในโรงพยาบาล 32 ราย และมีทหารเข้ารักษาที่ร.พ.พระมงกุฎเกล้า 8 นาย เสียชีวิต 3 นาย ในปี 2553 ป่วยแล้ว 5 ราย เสียชีวิต 4 ราย

    ชี้20สัตว์10พืชไทยเสี่ยงสูญพันธุ์

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

    เมื่อวันที่ 12 พ.ค. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ปัจจุบันความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลก กำลังถูกคุกคาม และสูญเสียในอัตราที่สูงจนน่าวิตก โดยมีสาเหตุจากมนุษย์และปรากฎการณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่างๆทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติและระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศ การทำลายหรือเปลี่ยนแปลงสภาพถิ่นที่อยู่อาศัยในธรรมชาติ องค์การสหประชาชาติจึงกำหนดให้ปี 2010 เป็นปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ โดยกระตุ้นให้ทั่วโลกเห็นความสำคัญ และหยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมีนัยสำคัญให้ได้ภายในปีนี้ เพราะถือเป็นแหล่งผลิตอาหาร เชื้อเพลิง ยารักษาโรคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ สำหรับประเทศไทย ได้ร่วมขานรับกิจกรรมดังกล่าวภายใต้แผนอนุรักษ์ 20 พันธุ์สัตว์ 10 พันธุ์พืชของไทยที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกคุกคาม เพื่อเตรียมทำแผนอนุรักษ์ฟื้นฟูเอาไว้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งพืชและสัตว์ ให้ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2553-2555)

    สำหรับ 20 พันธุ์สัตว์ 10 พันธุ์พืช ของไทยนั้น สผ.ได้คัดเลือก ประกอบด้วย สัตว์ 20 ชนิด ได้แก่ นกกระเรียน นกแต้วแร้วท้องดำ นกเงือก นกกระสาคอดำ ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่พันธุ์เหลืองหางขาว เสือโคร่ง ช้างเอเชีย พะยูน ละมั่ง โลมาอิรวดี เต่าทะเล ตะพาบม่านลาย หอยมือเสือ ปูเจ้าพ่อหลวง ปูราชินี กระท่าง ปลากะโห้ สมเสร็จ และผีเสื้อถุงทอง ส่วน 10 พันธุ์พืช ได้แก่ ชายผ้าสีดา ฟ้ามุ่ยน้อย กุหลาบพันปี ค้อเชียงดาว พลับพลึงธาร กันภัยมหิดล เพชรหึง เหลืองจันทบูร รองเท้านารี จันทร์ผา จันกระพ้อ รักใหญ่ และหม้อ ข้าวหม้อแกงลิง ทั้งนี้เตรียมจะเปิดตัวโครงการดังกล่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ซึ่งถือเป็นศูนย์การเรียนรู้ปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพแห่งแรกของไทย รวมทั้งเตรียมนำ เสนอผลการดำเนินงาน และแนวทางต่างๆของไทยในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วงเดือนตุลาคมนี้ประเทศญี่ปุ่นด้วย


    กรุงเทพฯคาดบีทีเอสเสียหาย100ล. หากกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมแยกราชประสงค์ไม่เลิก



    นายอาณัติ อาภาภิรม ที่ปรึกษากรรมการ บ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส กล่าวว่า ตั้งแต่มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาอยู่ในย่านราชประสงค์ ทำให้การเดินรถของบีทีเอสต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วย ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงนำยางรถยนต์มาวางบนรางรถไฟฟ้าสถานีชิดลม ทำให้รถไฟฟ้าต้องหยุดเดินรถทุกขบวนในช่วงเช้า

    ส่วนในช่วงเย็นมีการหยุดเดินรถก่อนเวลาปกติรวมเป็นเวลากว่าสัปดาห์ ในส่วนรายได้ของบริษัทจากเดิมที่วิ่งปกติ จะมีรายได้ประมาณวันละ 10-11 ล้านบาท แต่กลับหายไปประมาณวันละ 1 ล้านบาท หากประเมินแล้วถือว่าไม่กระทบกับผลกำไรมากนัก เพราะการหยุดให้บริการเร็วกว่าปกติเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่ขณะนี้มาวิ่งให้บริการถึงเวลาเที่ยงคืนเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ยอมรับมีจำนวนผู้โดยสารน้อยกว่าปกติ แต่ขณะเดียวกันบางวันมีผู้โดยสารมากกว่าปกติเช่นกัน

    ด้านนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า จากการประเมินรายได้ของบีทีเอสหายไปประมาณร้อยละ 15 หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้รถไฟฟ้าต้องหยุดวิ่งบริการในบางวันและหยุดให้บริการเร็วกว่าปกติ แต่บริษัทยังสามารถให้บริการลูกค้าได้ร้อยละ 85 ต่อวัน

    ทั้งนี้ หากประเมินถึงตัวเลขรายได้ คาดว่าบริษัทเสียหายวันละประมาณ 1.5 ล้านบาทโดยประมาณ อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ลากยาวไปเรื่อยๆ คาดว่าบริษัทอาจเสียหายถึง 100 ล้านบาท


    ปรองดองโดนดอง ทหารพม่ายุบพรรคซูจี

    สกู๊ปพิเศษ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ซูจีพบแคมป์เบลเมื่อ 10 พ.ค.53

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพม่า เข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนจัดการเลือกตั้งทั่วไป

    นับตั้งแต่เกิดเหตุวางระเบิดในนครย่างกุ้ง ช่วงสงกรานต์ที่มีคนตายไป 10 ราย บาดเจ็บกว่า 170 ราย

    ต่อมา พล.ท.เต็ง เส่ง นายกรัฐมนตรีและคณะก็ลาออกจากตำแหน่งในกองทัพพอเป็นพิธี เพื่อมาลงรับสมัครเลือกตั้งในนามพรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา หรือยูเอสดีเอ

    ชื่อพรรคการเมืองนี้บอกกันให้ชัดๆ ว่า สนับสนุนทหารเต็มกำลัง

    จากนั้นพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี แกนนำการต่อสู้ของฝ่ายค้านพม่าก็มีอันต้องถูก "ยุบพรรค" ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนวันที่ 6 พ.ค. ตามข้อบังคับของกฎหมายที่รัฐบาลทหารพม่าร่างขึ้น

    ต้นสัปดาห์นี้ นายเคิร์ต แคมป์เบล ผู้ช่วยรัฐมนตรีการต่างประเทศของ นางฮิลลารี คลินตัน ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เดินทางเยือนพม่า และได้พบ นางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้านและสัญลักษณ์ประชาธิปไตยของพม่า <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หลังจากรัฐบาลทหารพม่าเปิดไฟเขียว เพื่อแสดงความใจกว้างที่ให้เข้าพบมาแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน

    แต่ความขัดแย้งในความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้สะท้อนภาพของกระบวนการปรองดองในพม่า ว่ายังคลุมเครือและอึมครึม

    โดยเฉพาะปัญหาของรัฐธรรมนูญพม่าที่จำกัดบทบาทของกลุ่มฝ่ายค้าน

    พรรคเอ็นแอลดีที่เป็นตำนานการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อประชาธิปไตยมายาวนานตั้งแต่ปีก่อตั้ง 2531 และถูกรัฐบาลทหารพม่า "ล้มกระดาน" ในชัยชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2533 หรือ 20 ปีก่อน ยังคงถูกกีดกันจากกระบวนการเลือกตั้ง

    ขณะที่นางซู จี วัย 64 ปี ยังคงถูกกักบริเวณต่อไป หลังถูกกักมาแล้ว 14 ปี จากช่วง 20 ปีที่อยู่ในพม่า

    ถึงแม้จะพอมีโอกาสให้พบบุคคลสำคัญจากนอกประเทศเป็นครั้งคราว

    แต่กลับไม่มีผลใดๆ ต่ออิสรภาพ

    พม่าปกครองด้วยรัฐบาลทหารมานานตั้งแต่ปี 2505 หรือราว 48 ปี

    แม้เคยมีวี่แววการเปลี่ยนแปลงในช่วงลุกฮือของประชาชนในปี 2531 แต่สุดท้ายพลังมวลชนก็พ่ายแพ้ให้ "ลูกปืน" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ทำความสะอาดก่อนปิดพรรค

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    มาถึงครั้งนี้รัฐบาลทหารพม่าจัดแจงจะจัดการเลือกตั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าพร้อมแล้วที่จะปรับตัวอีกครั้ง สู่เส้นทางประชาธิปไตยในแบบฉบับของตัวเอง

    เช่น ที่นั่งในสภา ร้อยละ 25 ต้องเก็บไว้ให้ทหาร

    ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในรัฐธรรม นูญ ต้องอาศัยเสียงเห็นชอบร้อยละ 75

    บุคคลที่เคยถูกตัดสินมีความผิดในคดีอาญาจะลงเลือกตั้งไม่ได้ ส่วนผู้ที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ อย่างนางซู จี ก็ลงสมัครไม่ได้เช่นกัน

    สุดท้ายคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งมาจากการคัดเลือกของรัฐบาลทหาร?!?

    การเขียนรัฐธรรมนูญที่ชวนขำแบบ "ตลกร้าย" ดังกล่าว ทำให้พรรคเอ็นแอลดีตัดสินใจคว่ำบาตร แม้จะต้อง "ใส่กุญแจ" ปิดที่ทำการพรรคไปอย่างเศร้าใจ

    แต่สมาชิกพรรคประกาศเคลื่อน ไหวทางสังคมต่อไป ขณะที่บางส่วนเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ในนามพลังประชาธิปไตยแห่งชาติ (National Democratic Force) ขึ้นมารองรับ

    วิน ทิน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเอ็นแอล ดี วัย 79 ปี ที่เคยติดคุกนาน 19 ปีจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์บีบีซี ว่า กฎหมายของพม่าเลวร้ายเกินกว่าเราจะรับได้

    การคว่ำบาตรการเลือกตั้งเป็น "สาร" ที่เราส่งถึงรัฐบาลทหาร และต้องการให้โลกได้เห็น

    ในการเยือนพม่าครั้งล่าสุดเมื่อ 10 พ.ค. นายแคมป์เบลกล่าวภายหลังได้เข้าพบปะพูดคุยกับนางซู จี วัย 64 ปี รวมถึงพบเจ้าหน้าที่รัฐบาลทหารพม่าที่กรุงเนปิดอว์ ว่า ผิดหวังกับการเตรียมการเลือกตั้งของพม่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ และขอให้จัดการเปิดกระบวนการเลือกตั้งอย่างโปร่งใสในทันที

    "ณ เวลานี้ เราเห็นว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ยังขาดความชอบด้วยกฎหมายตามหลักสากล เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าเร่งดำเนินการเปิดกระบวนการในเวลาที่เหลืออยู่นี้โดยทันที"

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]

    พม่าก็มีการยุบพรรคด้วยนะ

    โป๊ปไม่โทษสื่อ-วิกฤตศรัทธา



    เอพีรายงานว่า เมื่อ 11 พ.ค. สมเด็จ พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ประมุขแห่ง คริสตจักรโรมันคาทอลิก ตรัสระหว่างเยือนโปรตุเกส ถึงกรณีอื้อฉาวต่างๆ ที่บาทหลวงของคาทอลิกก่อขึ้น ว่า เป็นบาปของบุคคลในนิกายเอง จะไปโทษคนนอกไม่ได้ ถึงเวลาที่ต้องชำระล้างบาปด้วยการหยุดการกระทำนี้ คำตรัสดังกล่าวแสดงถึงความรับผิดชอบของวงการสงฆ์ต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมที่ฝ่ายวาติกันโทษว่า เป็นเพราะสื่อมวลชนพยายามปลุกปั่นให้เป็นประเด็น


    อินโดฯร้องขอคืนลิงจากไทย



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี รายงานว่า เมื่อ 11 พ.ค. นักอนุรักษ์สัตว์ป่าชาวอินโดนีเซียเดินทางไปประท้วงหน้ากระทรวงป่าไม้ในกรุงจาการ์ตา เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเอาลิงอุรังอุตัง 11 ตัวกลับประเทศ หลังจากลิงจำนวนนี้ถูกสวนสัตว์ซาฟารีในประเทศไทยจับไปแสดงชกมวย และต่อมาเจ้าหน้าที่ไทยบุกยึดได้ในปี 2552 แต่ก็ยังไม่ส่งคืนให้อินโดนีเซีย กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีสื่อ มวลชนอังกฤษรายงานเปิดโปงว่า สวนสัตว์ซาฟารีจับลิงมาแสดงชกมวยอีกครั้ง





    หวิดเกรียม

    คอลัมน์ เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ใช้ ได้ในบางกรณีเท่า นั้นแหละ

    ก็ดูเจ้าเป็ด มิสซี่ เดอะ มัสโควี่ สิ! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ

    ทะลึ่งเข้าไปสร้างรังกกไข่ใน "เตาอบ" ที่บ้าน

    นายมาริโอ โคพิตสกี วัย 46 ปี ช็อกหน้าซีด บอกว่า กำลังจะจุดไฟอบขนมปังอยู่แล้ว โชคดีเห็นทัน

    ...ไม่งั้นอาจได้กิน "เป็ดย่าง" พร้อม"ไข่ปิ้ง" 12 ใบเลยล่ะ!!

    รูปอยู่ในข่าวยุบพรรค หนังสือพิมพ์เขาใส่ผิดข่าวนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2010
  2. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    น้ำทะเลเดือดหรือไม่ ไม่ทราบ แต่ที่ทราบพึ่งกลับจากปราณบุรีมา พอลงทะเล โอ๊ะ นึกว่าลงไปในอ่างน้ำจาคุซี่ ที่เปิดเป็นน้ำอุ่น น้ำทะเลในทะเลอุ่นมากๆ ถ้าเกินก่าวนี้เรียกว่าร้อนแล้วล่ะครับ ยังไม่เคยเจอที่ลงทะเลแล้วไม่หายร้อน มิน่าปะการังยังไม่รอด
     
  3. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    คมชัดลึก :ในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ โดยในปี ๒๕๕๓ นี้ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ พฤษภาคม กำหนดงานก่อนวันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ๑ วันมีการประกาศถึงความสำคัญที่จะเริ่มพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในประกาศนั้น อ้างหลักธรรมทางพุทธศาสนาสมัยพุทธกาลคราวเกิดฝนแล้ง ด้วยพุทธานุภาพทรงบันดาลให้ฝนตก ทำนา ทำไร่ หว่านพืชผลได้ตามปกติ และกล่าวถึงตำนานการสร้างพระคันธาราราษฎ์อันเกี่ยวด้วยพุทธานุภาพที่ทรงบันดาลให้มีฝนตกจึงได้สร้างขึ้น ณ เมืองคันธารราษฎร์ครั้งอดีตกาล

    ประวัติความเป็นมาของพระคันธารราษฎร์ หรือ พระขอฝน ในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนั้น อาจารย์ขวัญทอง สอนศิริ หรือ อ.โจ้ ศูนย์พิษณุโลกศึกษา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ จ.พิษณุโลก ผู้ซึ่งได้รับรางวัลพระราชทานผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา สาขาส่งเสริมอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมไทย และผู้ทำหนังสือเรียบเรียง "พุทธนาคบริรักษ์ ๔๘ พรรษา สยามบรมราชกุมารี" บอกว่า ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่หอพระคันธารราษฎร์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นด้วยเนื้อโลหะสำริดกะไหล่ทอง เมื่อ พ.ศ.๒๓๒๖ มีความสูง ๕๗.๔๐ ซม.
    พุทธลักษณะของพระขอฝน เป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ขวายกเสมอพระอุระในท่ากวัก พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลาเป็นกิริยารับน้ำ ลักษณะพระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงโก่ง พระเนตรเหลือบต่ำโดยลงยาสีเหมือนจริง พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์บางเรียว พระกรรณยาว เกือบจดพระอังสา ขมวดพระเกศาทำเป็นรูปก้นหอยเรียงตลอดถึงพระเมาลี พระรัศมีทำเป็นรูปดอกบัวตูม ครองจีวรห่มเฉียง เปิดพระอังสาขวามีริ้วผ้าที่ด้านหน้าองค์พระพุทธรูป รองรับด้วยฐานบัวคว่ำบัวหงายและฐานสิงห์
    การจัดสร้างพระปางขอฝน ตรงกับพุทธประวัติตอนที่ในสมัยหนึ่งนครสาวัตถี แคว้นโกศล เกิดความแห้งแล้ง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล พืชผลได้รับความเสียหาย ประชาชนขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค สระโบกขรณี (สระบัว) ภายในพระเชตวันมหาวิหารก็แห้งขอดติดก้นสระ พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์จะอนุเคราะห์แก่มหาชน พระพุทธองค์ทรงผ้าวัสสิกสาฎก (ผ้าอาบน้ำฝน) แล้วเสด็จไปประทับ ณ บันไดสระ ยกพระหัตถ์ขวาขึ้นกวักเรียกฝน พระหัตถ์ซ้ายรองรับน้ำฝน ทันใดนั้นบังเกิดมหาเมฆตั้งเค้าขึ้นพร้อมกัน ในทุกทิศานุทิศ ด้วยพุทธานุภาพและพระมหากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ฝนได้ตกลงมาเป็นอัศจรรย์
    อย่างไรก็ตาม เดิมทีพระคันธารราษฎร์น่าจะประดิษฐานในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดแก้ว และสร้างปูชนียสถานเพิ่มเติม ได้สร้างหอพระคันธารราษฎร์ ขึ้นที่มุมระเบียงด้านหน้าพระอุโบสถ เป็นอาคารขนาดเล็กยอดปรางค์ เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป และเทวรูปสำคัญที่ใช้ในพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เรียกนามอาคารตามนามพระพุทธรูปว่า “หอพระคันธารราษฎร์”
    อ.โจ้ ยังบอกด้วยว่า ในพระบรมมหาราชวังยังมีพระพุทธรูปปางขอฝนอีกองค์หนึ่งแต่ไม่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ คือ พระพุทธรูปปางขอฝนประทับยืนเหนือปัทมาสน์ โดยมีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์แสดง ปางขอฝนโดยพระหัตถ์ขวายกขึ้นราวพระอังสา ทำกิริยากวักเรียกฝน ส่วนพระหัตถ์ซ้ายหงายเป็นกิริยารองรับน้ำฝน ซึ่งประทับยืนเหนือปัทมาสน์ ประกอบด้วยกลีบบัวหงาย ซ้อนสามชั้นและเกสรบัวเหนือก้านบัวและแผ่นพื้นน้ำที่มีฝูงปลากำลังแหวกว่ายอยู่เบื้องล่าง
    หลากประเพณีขอฝน
    ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นฮีต (จารีต) สำคัญ ฮีตหนึ่งของชาวอีสานทั่วทั้งภูมิภาค ตำนานของประเพณีบุญบั้งไฟ ผูกพันกับนิทานพื้นบ้านเรื่องสงครามระหว่างพญาคันคากกับพญาแถน เรื่องนี้เริ่มจากพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญาคันคาก (คางคก) อาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ครั้งนั้น พญาแถน เทพผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ผู้ดลบันดาลให้ฝนตก เกิดไม่พอใจชาวโลกจึงบันดาลให้ฝนไม่ตก เกิดไม่พอใจชาวโลกจึงบันดาลให้ฝนไม่ตกเลยตลอด ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ชาวเมืองทนไม่ไหวจึงคิดทำสงครามกับพญาแถน แต่สู้พญาแถนกับกองทัพเทวดาไม่ได้ ถูกไล่ล่าหนีมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่พญาคันคากอาศัยอยู่

    ในที่สุดพญาคันคากตกลงใจเป็นจอมทัพของชาวโลกต่อสู้กับพญาแถน พญาคันคากให้พญาปลวกก่อจอมปลวกขึ้นไปจนถึงสวรรค์ ให้พญามอดไม้ไปทำลายด้ามอาวุธของทหารและอาวุธพญาแถน และให้พญาผึ้ง ต่อ แตน ไปต่อยทหารและพญาแถนฝ่ายเทวดาพ่ายแพ้ พญาแถนจึงให้คำมั่นว่า หากมนุษย์ยิงบั้งไฟขึ้นไปเตือนเมื่อไรจะรีบบันดาลให้ฝนตกลงมาทันที และถ้ากบเขียดร้องก็ถือเป็นสัญญาณว่าฝนได้ตกลงถึงพื้นแล้ว และเมื่อใดที่ชาวเมืองเล่นว่าวก็เป็นสัญญาณแห่งการหมดสิ้นฤดูฝน พญาแถนก็บันดาลให้ฝนหยุดตก
    ส่วนพิธีแห่นางแมวนั้นมีการทำกันทั้งภาคกางและภาคอีสานเพราะเชื่อว่าเหตุที่ฝนไม่ตกมีเหตุผลหลายประการ เช่น เกิดจากดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง ประชาชนชาวเมืองหย่อนในศีลธรรม เจ้าเมืองหรือเจ้าแผ่นดินไม่ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม เป็นต้น เหตุนี้ชาวเมือง ชาวอีสานจึงต้องทำพิธีอ้อนวอนขอฝน และการที่ต้องใช้แมวเป็นตัวประกอบสำคัญในการขอฝน เพราะเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ที่เกลียดฝน ถ้าฝนตกครั้งใดแมวจะร้องทันที เมื่อขบวนแห่ผ่านไปที่บ้านใด ก็จะร้องเชื้อเชิญให้ออกมาร่วมพิธี เจ้าของบ้านก็จะนำกระบวยตักน้ำในตุ่มหน้าบ้าน สาดไปใน "ตะข้องนางแมว" หลังจากทำพิธีแห่นางแมวแล้วฝนจะตกลงมาตามคำอ้อนวอน
    นอกจากนี้แล้วคติความเชื่อของชาวล้านนานั้น จะขอฝนด้วย "ประเพณีตานก๋วยสลาก" หรือประเพณีกิ๋นสลากเป็นประเพณีทำบุญโดยมิได้เลือกเจาะจงพระสงฆ์องค์ใดของชาวล้านนา มีลักษณะโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับประเพณีถวายสลากภัตของชาวไทยภาคกลาง ตานก๋วยสลากอาจแบ่งได้เป็นสามชนิดคือ ๑.สลากเฉพาะวัด เรียกว่า สลากน้อย ๒.สลากที่นิมนต์พระจากวัดอื่นๆ มาร่วมพิธีด้วยเรียกว่า สลากหลวง ๓.สลากที่ทำเมื่อฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลเพื่อถวายกุศลแด่พระอินทร์ และเทพยดาต่างๆ เป็นการขอฝน เรียกว่าสลากขอฝน หรือสลากพระอินทร์
    พระพุทธเจ้า มีพระประสงค์จะอนุเคราะห์แก่มหาชน พระพุทธองค์ทรงผ้าวัสสิกสาฎก (ผ้าอาบน้ำฝน) แล้วเสด็จไปประทับ ณ บันไดสระ ยกพระหัตถ์ขวาขึ้นกวักเรียกฝน พระหัตถ์ซ้ายรองรับน้ำฝน ทันใดนั้นบังเกิดมหาเมฆตั้งเค้าขึ้นพร้อมกันในทุกทิศานุทิศ
    เรื่อง... "ไตรเทพ ไกรงู"
    ภาพ... "จากหนังสือพระพุทธปฏิมาในพระบรมมหาราชวัง"


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** คำสอน ****

    ตถาคตสอนด้วยสัจจะ พอสังคยานาก็หายไป
    สาวกปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงแยกไปอยู่ในป่า

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    นกเหล็กลิเบียตก เครื่องขัดข้อง ดับยกลำ 104 ศพ

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพเด็กชายชาวเนเธอร์แลนด์ที่รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว

    เครื่องบินโดยสารของสายการบิน แอฟริกิยาห์ แอร์เวย์ส ประสบอุบัติเหตุตกที่ประเทศลิเบีย หลังบินออกจากนครโยฮันเนสเบิร์ก เตรียมจะลงจอดที่ลิเบีย คาดเสียชีวิตเกือบยกลำ 104 ศพ เป็นผู้โดยสาร 93 ลูกเรือ 11 แต่เด็ก 8 ขวบรอดปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว...

    สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ว่า เครื่องบินโดยสารพาณิชย์ แอร์บัส 330 ของสายการบิน แอฟริกิยาห์ แอร์เวย์ส (Afriqiyah Airways) เที่ยวบินที่ 8 ยู 771 เกิดอุบัติเหตุตก ที่ประเทศลิเบีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 104 ศพ

    เครื่องบินลำดังกล่าวออกจากสนามบินโจฮันเนสเบิร์ก ของแอฟริกาใต้ มีกำหนดลงจอดเวลาประมาณ 06.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 11.00น. วันเดียวกัน ตามวันเวลาในไทย ที่สนามบินนานาชาติ กรุงทริโปลีของลิเบีย แต่เครื่องบินเกิดเหตุขัดข้อง ระเบิดโดยไม่ทราบสาเหตุขณะร่อนลงจอด
    ทั้งนี้ มีผู้โดยสารบนเครื่องทั้งหมด 93 คน จากหลากหลายสัญชาติ รวมทั้งอังกฤษ และแอฟริกาใต้ และลูกเรือชาวลิเบียอีก 11 คน แต่ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีผู้โดยสารจำนวน 94 คน

    เบื้องต้น ข่าวระบุว่าผู้คนบนเครื่องบินเสียชีวิตยกลำ แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่สนามบินนานาชาติกรุงทริโปลี ระบุว่ามีผู้รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์เพียงคนเดียวในโศกนาฎกรรมข้างต้น เป็นด.ช.ชาวเนเธอร์แลนด์ วัย 8 ขวบ แต่ไม่ระบุรายละเอียดอื่นๆ

    ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของแอฟริกาใต้ แถลงว่าเครื่องบินลำดังกล่าว บินลอยลำจากโยฮันเนสเบิร์กเมื่อเย็นวันอังคารและทราบข้อมูลเพียงว่าถูกแจ้ง ว่าสูญหายไปโดยยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม แต่สภาพอากาศค่อนข้างดีมาตลอดช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ้าหน้าที่สายการบินแอฟริกิยาห์ในโยฮันเนสเบิร์ก ยืนยันอุบัติเหตุแล้วแต่ไม่สามารถระบุชะตากรรมผู้คนบนเครื่องได้ สำหรับสายการบิน แอฟริกิยาห์ แอร์เวย์ส นั้นเป็นสายการบินสัญชาติลิเบีย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2544

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    เผยเหยื่อเครื่องบินลิเบียตกมีชาวดัชต์ 61 คน

    [​IMG]

    เหยื่อเครื่องบินลเบียตก มีชาวเนเธอร์แลนด์ อยู่ด้วย 61 คน เชื่อ ขี้เถ้าภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ไม่น่าเป็นเหตุทำให้เครื่องบินตกได้เพราะอยู่ห่างกว่า 3,200 กิโลเมตร...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 12 พ.ค. ถึงความคืบหน้าเหตุเครื่องบินตกในลิเบียเมื่อเช้าวันพุธ ว่า เจ้าหน้าที่พบกล่องบันทึกการบิน(กล่องดำ)แล้ว แต่ไม่แน่ชัดว่าจะใช้การได้หรือไม่เพราะพบมีร่องรอยถูกไฟลุกไหม้ ขณะเดีียวกัน สามารถเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตได้แล้วอย่างน้อย 96 ศพและกำลังค้นหาศพที่เหลือต่อไป

    ส่วนผู้คนบนเครื่อง นอกจากชาวลิเบียแล้ว ยังมีชาวแอฟริกัน และยุโรปรวมอยู่ด้วย แต่ยังระบุตัวเลขแต่ละสัญชาติที่แน่ชัดไม่ได้ ขณะที่บอร์ดการท่องเที่ยวของเนเธอร์แลนด์ ระบุว่าในกลุ่มผู้เสียชีวิต มีชาวเนเธอร์แลนด์อยู่ด้วย 61 คน ส่วนอังกฤษ กำลังเร่งตรวจสอบรายงานที่ว่ามีชาวอังกฤษอยู่บนเที่ยวบินมรณะนี้ด้วย

    ด้านสำนักงานความปลอดภัยการบินแห่งยุโรป ระบุ ควันขี้เถ้าภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ ไม่น่าจะมีผลทำให้เครื่องบินตก เนื่องจาก ลิเบียอยู่ห่างจากยุโรป กว่า 3,200 กิโลเมตร อีกทั้งสายการบินแอฟริกิยาห์ฯ ก็ไม่อยู่ในบัญชีดำถูกห้ามบินของสหภาพยุโรป (อียู)

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โคราชประกาศพื้นที่พายุถล่ม 25 อำเภอ

    [​IMG]

    โคราชประกาศพื้นที่ประสบวาตภัย 25 อำเภอ ขณะที่ปภ.เร่งช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยแล้ว...

    เมื่อช่วงเย็น 12 พ.ค. 2553 นางปิยะฉัตร อินสว่าง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา (ปภ.) เปิดเผยว่า ปภ.ได้ประกาศพื้นที่ประสบวาตภัยจากพายุฤดูร้อน ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 53 - 11 พ.ค. 53 ทำให้เกิดความเสียหายกับบ้านเรือน และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนแล้วรวม 25 อำเภอ 201 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 1,626 ครัวเรือน รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 2 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ 3 อำเภอ จากทั้งหมด 32 อำเภอ ที่ประสบวาตภัยรุนแรง ประกอบด้วย อ.เมือง ได้รับความเสียหาย 31 หมู่บ้าน อ.ด่านขุนทด ได้รับความเสียหาย 21 หมู่บ้าน และอ.ปักธงชัย ได้รับความเสียหาย 19 หมู่บ้าน

    นางปิยะฉัตร กล่าวอีกว่า ปภ.ได้ดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้น ด้วยการนำกระเบื้องและสังกะสีไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งหมด เพื่อรวบรวมข้อมูล และเตรียมขอเบิกจ่ายงบประมาณนำไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนแล้ว

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ปลาทะเลตายเกลื่อนหาดทับสะแก เตือนชาวบ้านอย่ากิน

    [​IMG]

    จนท.ยังไม่รู้สาเหตุปลาทะเลตายเกลื่อนชายหาดยาวกว่า 7 กม.ที่ทับสะแก บางตัวส่งกลิ่นเหม็นเน่าผิดปกติ ชาวบ้านนำไปกินแล้วท้องร่วงรุนแรง โดนน้ำแล้วคัน...

    เมื่อวันที่ 12 พ.ค. เกิดเหตุปลาทะเลอ่าวไทยหลายชนิด เช่น ปลากระบอกทะเล ปลาสลิดหิน ปลาสร้อยปลาเก๋าและปลาหมึกจำนวนมากกว่า 300 กิโลกรัม ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่บางตัวยังไม่ตายแต่ถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยชายหาดบ้านห้วยยาง ม.7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงหาดวนกร รวมระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร โดยปลาบางตัวที่ตายได้ส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง ชาวบ้านจึงเลือกทิ้งก่อน นำปลาที่เหลือไปทำอาหารและขายในตลาดสด

    นายปริญญา บริหารพานิช รอง นายก อบต.ห้วยยาง กล่าวว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปลาที่ลอยในทะเลและถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งมีลักษณะหมดแรงลอยตามน้ำไม่หนีคน บางตัวหลบอยู่ตามโขดหินและเมื่อจับมาภายในครึ่งชั่วโมงจะตายและส่งกลิ่นคาวอย่างรุนแรง กรณีเป็นปลาตายตามธรรมชาติที่ชาวประมงจับได้จะไม่เหม็นมากเท่านี้ จึงเป็นเรื่องแปลก ว่าปลาในทะเลอาจได้รับสารพิษ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกวันมากกว่า 3 สัปดาห์แล้ว โดยแต่ละวันมีชาวบ้านจับปลาไปประกอบอาหารมากกว่า 200-300 กิโลกรัม จึงเกรงว่าปลาที่ชาวบ้านรับประทานจะมีอันตรายถึงชีวิตจึงให้หน่วยงานรัฐมาตรวจสอบ

    ด้านนายภาคภูมิ ศิริสุรักษ์ ชาวประมงบ้านห้วยยาง กล่าวว่า ตั้งแต่ประกอบอาชีพประมงมา 20 ปี ไม่เคยพบปลาลอยตายเข้าฝั่งมากขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นที่ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปลาที่จับได้จะลอยมาให้จับง่ายๆ ไม่หนี ขณะที่บางตัวมีกลิ่นและเริ่มเน่าเปื่อย ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนตนนำปลาที่จับได้ไปประกอบอาหาร หลังจากนั้น ท้องเสียอย่างรุนแรงถึง 6 ครั้ง คาดว่าปลามีสารพิษ ขณะที่น้ำทะเลซึ่งถูกร่างกายจะทำให้ผิวเป็นผื่นแดง และคัน

    ขณะที่นาย อนุรักษ์ กิจเพิ่มเกียรติ นักวิชาการประมงชำนาญการ สำนักงานประมง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า เบื้องต้นตรวจสอบปลาทะเลที่ตายแล้วคาดว่าสาเหตุเกิดจากภาวะโลกร้อนทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนอุณหภูมิหรือได้รับสารพิษไซยาไนด์ ที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า การน๊อคปลา ขณะนี้ได้ส่งตัวอย่างปลาและน้ำทะเลให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง ประจวบคีรีขันธ์ (คลองวาฬ) ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ จึงเตือนประชาชนห้ามนำปลาไปรับประทาน

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    หัวรถจักรชนโบกี้ กันตัง-กทม. ตกรางเจ็บนับสิบ

    [​IMG]

    [​IMG]

    หัวรถจักรดีเซล แหกโค้ง พุ่งชนอัดก๊อบปี้โบกี้ขบวนรถไฟสายกันตัง-กรุงเทพ ฯ ที่จอดเสีย บริเวณ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี จนเสียหลักตกราง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก...

    เมื่อเวลา 18.50 น.วันที่ 12 พ.ค. 2553 ร.ต.ท.จารึก ชูแก้ว ร้อยเวร สภ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุเกิดอุบัติเหตุหัวรถจักรรถไฟชนกับโบกี้รถไฟที่จอดเสีย เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดพื้นที่หมู่ 1 บ้านห้วยมุด เขตเทศบาลบ้านนาสาร ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาบ้านนาสาร พร้อมประสานไปยังศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เพื่อประสานหน่วยแพทย์ฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่กู้ภัยกู้ชีพเข้าให้ความช่วยเหลือ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

    ที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งระหว่างสถานีรถไฟบ้านนาสารและสถานีรถไฟบ้านห้วยมุด พบขบวนรถเร็วที่ 168 กันตัง-กรุงเทพ ซึ่งมีโบกี้ทั้งหมด 12 โบกี้ จอดเสียหลักอยู่บนรางรถไฟ โดยที่ท้ายขบวนโบกี้ที่ 12 พบมีหัวรถจักรเปล่า ชนอัดก๊อปปี้อยู่ สภาพหัวรถจักรและโบกี้ที่ 12 พังเสียหายยับเยิน ขณะที่โบกี้ที่ 11 ได้รับแรงกระแทกอย่างแรง เป็นเหตุให้ตัวโบกี้พังเสียหายถึงกับตัวโบกี้รถพังยุบและหลังคาโบกี้โค้งงอ ภายในโบกี้มีผู้โดยสารอยู่เต็มทั้ง 2 โบกี้ ต่างส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่จึงเร่งลำเลียงผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลบ้านนาสารและโรงพยาบาลใกล้เคียง

    สอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถไฟขบวนการดังกล่าวออกจากสถานีบ้านนาสาร เมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. บรรทุกผู้โดยสารจำนวน 12 โบกี้ ประมาณ 500 คน มุ่งหน้ารับผู้โดยสารที่สถานีสุราษฎร์ธานี อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างทางถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าหัวรถจักรเกิดขัดข้อง ทำให้ขบวนรถไม่สามารถไปต่อได้ ต้องจอดหยุดตายอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟจึงแจ้งไปยังสถานีบ้านนาสาร เพื่อนำหัวรถจักรมาลากขบวนรถไฟขบวนดังกล่าวกลับไปยังสถานีบ้านนาสาร โดยทางสถานีรถไฟบ้านนาสารได้ใช้หัวรถจักรดีเซลของรถด่วนที่ 86 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ ไปทำการลากขบวนรถไฟดังกล่าว เพื่อกลับมาเปลี่ยนหัวจักรที่สถานีรถไฟบ้านนาสาร

    ปรากฏว่าขณะที่หัวรถจักรกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุด้วยความเร็ว ซึ่งเป็นทางโค้งพอดี ไม่สามารถเบรคได้ทัน เป็นเหตุให้หัวรถจักรพุ่งเข้าชนท้ายขบวนรถไฟอย่างแรง จนทำให้ตู้โดยสารที่ 12 และ 11 และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก โดยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบ้านนาสารประมาณ 30 ราย ส่วนใหญ่บาดเจ็บจากอาการกระแทกและบาดแผลถลอก และบาดเจ็บเล็กน้อยอีกประมาณ 50 คน

    ทางด้านนายทวีศักดิ์ รัตนโชติ นายสถานีรถไฟบ้านนาสาร กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากความขัดข้องของระบบห้ามล้อหัวรถจักรดีเซล ซึ่งจะต้องตรวจสอบและหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อทำการกู้ลากนำตู้โดยสารออกจากรางรถไฟ เพื่อเปิดเส้นทางให้รถไฟขบวนอื่นๆ สัญจรผ่านได้ตามปกติ ส่วนผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวนรถที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือบาดเจ็บเล็กน้อยประสงค์จะเดินทางไปยังสถานีปลายทางต่อ โดยหากใครต้องการเดินทางต่อกับรถทัวร์โดยสาร หรือรถไฟขบวนอื่นต่อไป ทางสถานีรถไฟบ้านนาสารก็จะดำเนินการประสานเรื่องการเดินทางต่อไปยังสถานีปลายทางต่อไป

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.thairath.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    12 พ.ค. 53

    การหนีภัยคราวนี้ ถ้าต้องหนี มิใช่ไปเที่ยวไม่กี่วันก็กลับ จะเป็นเดือนเป็นปี
    หรือตลอดชีวิตไม่มีใครบอกได้ ดังนั้นการเตรียมการที่ฐานทุกที่จะต้องมีการ
    เตรียมการอย่างดีที่สุด เพื่อให้เกิดทุกข์น้อยที่สุด



    13 พ.ค. 53

    ย้อนภาพ

    วันที่ 2 พ.ค. 53 เคยลงบทความว่าจีนจะเจอแจ็คพ็อท ภาพในเช้ามืดนั้น
    ในความฝันผมได้เห็น เบื้องหลังภาพจะเป็นภูเขาไฟระเบิด เบื้องหน้าจะเป็น
    ทะเลโคลนไหลลงมาทับถมบ้านเรือนเก็บกวาดบ้านเรือนรายทางเป็นจำนวน
    มาก ผมจึงกระโดดขึ้นไปเกาะขื่อหลังคาเพื่อที่จะหนีทะเลโคลน ความสูงของ
    ทะเลโคลนท่วมมิดชั้นล่างของตัวบ้านสูงเหนือพื้นชั้นลอยสิบเซนติเมตร ใน
    ความฝันผมถามว่าเกิดที่ไหน? คำตอบที่ได้รับคือจีน

    จากภาพภัยพิบัติที่ได้เห็นคือภูเขาไฟระเบิดกับทะเลโคลนพอจะเตือนอะไร?
    ให้รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นบ้างในอนาคต



    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภูเขาไฟระเบิดในจีนเกือบล้างโลก
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    วอชิงตัน-นักวิทยาศาสตร์อังกฤษชี้ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ในจีนเกือบทำลายชีวิตบนโลกสูญสิ้นเมื่อ 260 ล้านปีก่อน

    วารสารไซเอนซ์ วารสารวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ รายงานอ้างผลการศึกษาของนักโบราณชีวศาสตร์ในอังกฤษที่ระบุว่า เหตุภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ในจีนเมื่อ 260 ล้านปีก่อน ได้ทำลายล้างชีวิตสัตว์น้ำ และสัตว์บกทั่วโลก โดยเชื่อว่าการระเบิดครั้งนั้นทำให้สัตว์น้ำสูญพันธุ์ถึงร้อยละ 96 และสัตว์บกสูญอีกอีกราวร้อยละ 70 เลยทีเดียว

    นายพอล วิกนอลล์ ศาสตราจารย์และนักโบราณชีวศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยลีดส์ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะนักวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่า การสูญพันธุ์อย่างฉับพลันของเหล่าสัตว์น้ำที่เรียกว่า "การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่กัวดาลูเปียน " สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในซากฟอสซิลที่บันทึกความเชื่อมโยงระหว่างการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ และหายนภัยสิ่งแวดล้อมโลกเอาไว้

    การระเบิดของภูเขาไฟอี้เหมยในมณฑลเสฉวน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ปล่อยลาวาออกมามากถึงครึ่งล้านลูกบาศก์กิโลเมตร ซึ่งเป็นปริมาณมากพอที่จะปกคลุมพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่กว่าแคว้นเวลส์ในอังกฤษได้ถึง 5 เท่า

    การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสัตว์ทะเลเกิดขึ้นเพราะการปะทะกันของน้ำทะเล และลาวาที่ไหลอย่างรวดเร็วลงทะเลน้ำตื้น ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ส่งก๊าซซัลเฟอร์ไดอ็อกไซด์ปริมาณมหาศาลขึ้นสู่บรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศสูงสุด

    นายวิกนอลล์อธิบายว่า เมื่อลาวาที่มีความหนืดต่ำเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปปะทะกับน้ำทะเลตื้นๆที่เคยปกคลุมภูเขาอี้เหมยซาน จะทำให้น้ำทะเลเดือดจัด ส่งไอน้ำจำนวนมหาศาลขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศกระจายไปทั่วโลก ทำให้โลกเย็นลง และทำให้เกิดฝนกรดจำนวนมากตกลงใส่ต้นไม้ และสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ที่กระจายตัวอยู่ทั่วผืนโลก ซึ่งขณะนั้นยังเป็นทวีปแพนเจียร์ ทวีปใหญ่ทวีปเดียว ก่อนจะแยกตัวออกมาเป็นทวีปแอฟริกา อเมริกา ออสเตรเลีย และแอนตาร์กติกาอย่างเช่นปัจจุบันนี้

    รายงานระบุอีกว่า การระเบิดนี้เป็นการระเบิดครั้งใหญ่อย่างที่มนุษย์ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และเกิดขึ้นก่อนที่ไดโนเสาร์จะครองโลก รุนแรงจนเกือบจะกวาดล้างชีวิตบนโลก โดยการระเบิดเกิดที่ขึ้นใกล้ทะเลตื้นๆ จึงทำให้นักวิจัยสามารถศึกษาได้ทั้งหินภูเขาไฟ และหินตะกอนที่มีซากฟอสซิลสัตว์น้ำได้พร้อมๆ กัน ทำให้สามารถเปรียบเทียบช่วงเวลาที่เกิดขึ้นได้

    ที่มาhttp://www.bangkokbiznews.com

    พบภูเขาไฟขนาดยักษ์อยู่ใต้มหาสมุทรอินเดีย

    [​IMG]
    ภาพการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล

    พบภูเขาไฟขนาดยักษ์อยู่ใต้มหาสมุทรอินเดีย ระหว่างการสำรวจเพื่อหาสาเหตุของสึนามิ

    คณะวิทยาศาสตร์ที่ดำลงไปสำรวจพื้นมหาสมุทร เพื่อศึกษาถึงธรรมชาติการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ได้ค้นพบภูเขาไฟขนาดใหญ่ใต้น้ำ บริเวณชายนอกฝั่งทางตะวันตกของอินโดนีเซีย โดยนายยูซุฟ สุรัชมาน ดีจาจา-ดีฮัจจา ผู้ชี่ยวชาญการสำรวจทางธรณีวิทยาทางทะเล จากสำนักประเมินและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ให้ความเห็นว่า ภูเขาไฟ ซึ่งมีความสูง 15,000 ฟุต และมีฐานกินพื้นที่เป็นระยะทาง 50 กิโลเมตร ถือเป็นการค้นพบที่คาดไม่ถึง ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่า ภูเขาไฟลูกนี้มีการเคลื่อนไหวหรือไม่ แต่ถ้าเกิดการประทุขึ้นก็จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

    ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติได้ค้นพบภูเขาไฟ อยู่ห่างไปทางตะวันตกของเกาะสุมาตราประมาณ 330 กิโลเมตร ขณะทำการสำรวจใต้ท้องมหาสมุทรอินเดีย เมื่อช่วงต้นเดือนและภูเขาไฟอยู่ต่ำจากผิวน้ำ 1,380 เมตร

    เป้าหมายของการสำรวจใต้ทะเล ก็เพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้น ถึงสาเหตุของภัยธรรมชาติอย่างการเกิดสึนามิในเอเชีย เมื่อปี 2547 ที่คร่าช่วิตประชาชนไป 230,000 คน ในกว่า 10 ประเทศ และผู้เสียชีวิตกว่าครึ่งอยู่ในอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุด เนื่องจากมีที่ตั้งอยู่บริเวณรอยเลื่อน และภูเขาไฟ ที่เรียกกันว่า วงแหวนแห่งไฟ

    หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2552

    ที่มาhttp://www.komchadluek.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2010
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภูเขาไฟระเบิดกับการเกิดทะเลโคลน

    [​IMG]

    ภูเขาไฟระเบิด เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห้นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่ง มีความร้อนสะสมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า"จุดร้อน" ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียกว่า แมกมา และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟ เราเรียกว่า ลาวา

    กระบวนการระเบิดของภูเขานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจกระจ่างชัดนัก นักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอน้ำ และแก๊ส สะสมตัวอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวา ถ้าลาวาข้นมากๆ อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วย

    เวลาภูเขาไฟระเบิด มิใช่มีแต่เฉพาะลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊สไอน้ำ ฝุ่นผงเถ้าถ่านต่างๆ ออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าต่างๆ ที่ตกลงมาด้วยกัน ไหลบ่ากลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาต่ำลงไป ยิ่งถ้าภูเขาไฟนั้นมีหิมะคลุมอยู่ มันจะละลายหิมะ นำโคลนมาเป็นจำนวนมากได้ เช่น ในกรณีของภัยพิบัติที่เกิดในประเทศโคลัมเบียเมื่อไม่นานนี้

    แหล่งที่มา:คณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์.สารานุกรมวิทยาศาสตร์.2534

    http://scratchpad.wikia.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทิเบตร้อนสุด ธารน้ำแข็งหิมาลัยละลายเร็วขึ้น!!!
    เขียนโดย Administrator

    [​IMG]

    อุณหภูมิบริเวณที่ราบสูงทิเบต หลังคาโลกสูงขึ้นถึง 0.3 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มขึ้นต่อทศวรรษสองเท่า จากการศึกษาของกรมอุตุนิยมวิทยาของทิเบต อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้ธารน้ำแข็งในเทือกเขาหิมาลัยละลายเร็วขึ้น

    ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่สูงในเขตร้อนของโลกกำลังได้รับผลจากปรากฏการณ์เรือนกระจกอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับบริเวณขั้วโลก ซึ่งกว่า 50 ปีมาแล้วที่อุณหภูมิบริเวณอาร์กติก ขั้วโลกเหนือและแอน ตาร์กติกาขั้วโลกใต้ได้เพิ่มสูงขึ้น 0.5 องศาเซลเซียสต่อทศวรรษ

    เมื่อปี 2000 นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบริเวณที่ราบสูงทิเบตซึ่งพบว่าอุณหภูมิไม่ได้สูงขึ้นเพราะองค์ประกอบเวลาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสูงขึ้นเพราะองค์ประกอบความสูงด้วย ผลการศึกษานี้สรุปได้ว่า ที่ราบสูงคือหนึ่งในบริเวณที่มีความอ่อนไหวที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ การศึกษาในปี 2006 ก็ได้ผลเช่นเดียวกัน

    ดร.ลอนนี ทอมป์สัน นักธารน้ำแข็งวิทยาผู้มีชื่อเสียงของ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ กล่าวว่า "ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาแอนดีส หรือในแอฟริกาก็ตาม อุณหภูมิกำลังสูงที่สุดในบริเวณที่สูงที่สุด" และว่าเรากำลังเห็นอุณหภูมิที่สูงขึ้นในอัตราเร่งซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการละลายหรือหดตัวของธารน้ำแข็งในที่สูงซึ่งเรากำลังเห็นกันอยู่

    [​IMG]

    อุณหภูมิที่สูงขึ้นในที่สูง ทำให้ธารน้ำแข็งภูเขาที่เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้ และเทือกเขาแอลป์ในยุโรป กำลังละลายอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันกับธารน้ำแข็งที่เกาะกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกา

    การศึกษาขององค์กร World Glacier Monitoring Service (WGMS) ซึ่งเผยแพร่เมื่อต้นปี 2007 พบว่า ธารน้ำแข็งภูเขาหดตัวหรือละลายเร็วกว่าที่เคยเกิดในทศวรรษที่ 1980 ถึงสามเท่า โดยธารน้ำแข็งบางลงโดยเฉลี่ยเท่ากับ 66 เซนติเมตร ในปี 2005 คิดเป็นอัตรา 1.6 เท่าของทศวรรษที่ 1990 และสามเท่าของทศวรรษที่ 1980

    WGMS ทำการศึกษาธารน้ำแข็งกลุ่มตัวอย่าง 30 สายที่ภูเขาทั่วโลกจำนวน 9 ลูก โดยวัดความบางของธารน้ำแข็งเป็นเมตรเทียบเท่าน้ำ กล่าวคือ น้ำ 1 เมตรเทียบเท่าน้ำแข็ง 1.1 เมตร สิ่งที่พบก็คือ ธารน้ำแข็งภูเขาสูญเสียน้ำแข็งเทียบเท่าน้ำไปแล้ว 9.6 เมตรนับตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา

    ไมเคิล เซมป์ นักวิทยาศาสตร์ของ WGMS บอกว่าเมื่อ 150 ปีก่อนธารน้ำแข็งมีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ธารน้ำแข็งในช่วงเวลา10,000 ปี แต่หลังจากปี 1850 ลดลงถึง 50% และน้อยที่สุดในช่วงเวลา 10,000 ปี

    สำหรับเทือกเขาแอลป์ข้อมูลบ่งชี้ว่าธารน้ำแข็งหดตัวเร็วที่สุดตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา โดยสูญเสียน้ำแข็งโดยเฉลี่ย 1 เมตรในทุกๆ ปี และสูญเสียน้ำแข็งไปแล้ว 19 เมตร ตั้งแต่ปี 1980 ปัจจุบันธารน้ำแข็งบริเวณเทือกเขาแอลป์มีความหนาโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เมตรเท่านั้น

    นักวิทยาศาสตร์พยากรณ์ว่าหากอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้น 3 องศาเซลเซียล ธารน้ำแข็งในเทือกเขาแอลป์จะหายไปประมาณ 80% จะเหลือเพียงธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดและอยู่สูงที่สุดเท่านั้น

    [​IMG]

    ส่วนเทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาที่มีความสำคัญต่อประชากรโลกมากที่สุด เพราะเป็นแหล่งน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของโลกรองจากบริเวณขั้วโลก มีธารน้ำแข็งหลายพันสายและทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็งอีกหลายพันแห่ง ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดคือ ธารน้ำแข็งเซียเชน ยาว 72 กิโลเมตร อยู่ระหว่างแจมมูกับแคชเมียร์

    เทือกเขาหิมาลัยเป็นแหล่งน้ำให้กับประชากร 1 ใน 6 ของโลก เพราะเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสำคัญในเอเชียถึง 7 สาย คือแม่น้ำคงคาในอินเดีย แม่น้ำอินดุสในปากี สถาน แม่น้ำบราห์มาปุตราในบังคลาเทศ แม่น้ำแยงซีและแม่น้ำเหลืองในจีน แม่น้ำอิระวดีในพม่า และแม่น้ำโขงซึ่งไหลผ่านหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    หากธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยละลายมากขึ้นจะเกิดอุทกภัย ในพื้นที่ของประเทศอินเดีย ภูฏาน เนปาล และเขตปกครองตนเองทิเบต เพราะทะเลสาบธารน้ำแข็งจะแตก และหากธารน้ำแข็งละลายจนหมดประชากรโลกหลายร้อยล้านคนจะขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง

    ปี 2002 หน่วยงาน United Nations Environment Program (UNEP) ของสหประชาชาติร่วมกับ International Center for Integrated Mountain Develop ment (ICIMOD) เผยผลการศึกษาธารน้ำแข็งจำนวน 4,000 สายและ ทะเลสาบ 5,000 แห่งในประเทศเนปาลและภูฏาน โดยใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียม และภาพถ่ายจากเครื่องบินเป็นเวลานาน 3 ปี ซึ่งพบว่าทะเลสาบธารน้ำแข็ง 20 แห่งในเนปาล และ 24 แห่งในภูฎานอยู่ในสภาวะอันตราย

    ทีมนักวิทยาศาสตร์พยากรณ์ว่าทะเลสาบเหล่านี้มีโอกาสแตกในกลางทศวรรษหน้า เพราะปริมาณน้ำมหาศาลจากธารน้ำแข็ง จะทำให้เกิดน้ำท่วมและทะเลโคลนในพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่า และสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหลายหมื่นคนที่อาศัยไกลออกไปกว่า 100 กิโลเมตร

    สถิติแสดงว่าทะเลสาบธารน้ำแข็งของเทือกเขาหิมาลัยจะแตกทุกๆ 500 ปี ทว่านับตั้งแต่ปี 1935 เป็นต้นมาทะเลสาบธารน้ำแข็งแตกแล้วถึง 12 ครั้ง

    ปี 1954 ทะเลสาบธารน้ำแข็ง เชงหว่าง โช ในทิเบตแตก น้ำจากทะเลสาบไหลท่วมเมืองซึ่งอยู่ไกลออกไปถึง 120 กิโลเมตร ปี 1985 ทะเลสาบธารน้ำแข็ง ดิก โช ในเนปาลแตก กระแสน้ำสูงถึง 15 เมตร ทำลายสถานีไฟฟ้า สะพาน 14 แห่ง และคร่าชีวิตประชาชนหลายสิบคน

    อนาคตของประชาชนหลายร้อยล้านคนกำลังน่า เป็นห่วง เจนนิเฟอร์ มอร์แกน ผู้อำนวยการโปรแกรมการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกขององค์กรกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) พยากรณ์ว่า การละลายอย่างรวดเร็วของธารน้ำแข็งหิมาลัยในช่วงแรกจะทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้นจนเกิดน้ำท่วมในบริเวณกว้าง แต่อีกไม่กี่ทศวรรษต่อมาสถานการณ์จะเปลี่ยนไป ระดับน้ำในแม่น้ำจะลดลง

    ธารน้ำแข็งซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดน้ำของแม่น้ำคงคา แม่น้ำอินดุส แม่บราห์มาปุตรา แม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวิน แม่น้ำแยงซี และแม่น้ำเหลืองจะหดตัวปีละ 10-15 เมตรต่อปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชากรหลายร้อยล้านคนในจีน เนปาล และอินเดีย

    ที่มา www.journeythai.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1himarai.jpg
      1himarai.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.5 KB
      เปิดดู:
      1,724
    • 1004.jpg
      1004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.5 KB
      เปิดดู:
      1,674
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.1 KB
      เปิดดู:
      2,579
    • 1157.jpg
      1157.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.7 KB
      เปิดดู:
      65
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2010
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สลายม็อบเย็นนี้ ล้มเลือกตั้ง นปช.ยันไม่ถอย

    [​IMG]

    อภิสิทธิ์ยืนยันล้มแผนจัดเลือกตั้ง 14 พ.ย.นี้ หลังแดงยังปักหลักชุมนุม ซัดเงื่อนไข นปช.ให้ตำรวจออกหมายเรียกสุเทพเป็นเรื่องไร้สาระ บี้ ศอฉ.ลุยม็อบหกโมงเย็นวันนี้ เลี่ยงตอบต้องจบก่อน 17 พ.ค ขณะที่ นปช.ประกาศไม่ถอย...

    ที่โรงแรมรามาการ์เดน วันที่ 13 พ.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนการยกเลิกเงื่อนไขวันเลือกตั้ง 14 พ.ย. ว่า แผนปรองดองไม่มีเรื่องต้องต่อรองกัน ดังนั้นที่พูดกันว่า มีการต่อรองเจรจาเงื่อนไขไม่มี และเรื่องที่ นปช. หยิบยกมาตอนหลังไม่ใช่สาระ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งทุกคนในรัฐบาลในหน่วยงานรัฐอยู่ภายใต้กฎหมายและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว แต่จะมาใช้วิธีการเรียกร้องถึงขั้นจะให้ตำรวจต้องไปสอบสวนออกหมายเรียก อย่างนี้แทรกแซงกระบวนการ

    นายกรัฐมนตรีกล่อวต่อไปว่า แม้ นปช. ไม่ยุติการชุมนุม แต่จะเดินหน้าในแผนปรองดอง 5 ข้อต่อไป ส่วนเรื่องการเลือกตั้งเป็นดุลยพินิจของตนไม่ใช่จะต้องกำหนดว่าวันที่ 14 พ.ย. เพราะ นปช.ไม่ตอบรับทำให้บ้านเมืองไม่สงบ และเหตุการณ์ยืดเยื้อออกไปอีก โจทย์ที่ให้กับ ศอฉ.ชัดเจนอยู่แล้ว คือ คืนความเป็นปกติให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ช่วงเช้าตนไม่ได้เข้าร่วมประชุม ศอฉ. แต่ช่วงบ่ายหลังจากหารือแผนเรื่องสื่อที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วจะเข้าร่วมประชุม ศอฉ.และจะเรียนให้ทราบถึงมาตรการของ ศอฉ.อีกครั้ง

    ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการกับ นปช.ที่ชุมนุมให้จบก่อนวันที่ 17 พ.ค.นี้ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ได้เดินเลี่ยงก่อนกล่าวว่า "ทำให้เร็วที่สุด" แล้วขึ้นรถเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลทันที

    ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ศอฉ.สั่งให้สำนักงานทั้งรัฐและเอกชนบริเวณใกล้พื้นที่ชุมนุมหยุดทำการ ให้ทหารตำรวจเพิ่มความกดดันและเตรียมปิดเส้นทางจราจรโดยรอบราชประสงค์และศาลาแดงในรัศมีเกือบ 2 กิโลเมตรทั้งทางรถยนต์ รถไฟฟ้าและเรือโดยสารตั้งแต่เวลา 18.00 น.วันนี้เป็นต้นไปและพร้อมใช้กำลังเข้าปฏิบัติการตามหลัก 7 ขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก มีรถหุ้มเกราะและพลซุ่มยิงจัดการกับกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่จะใช้อาวุธตอบโต้เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติการขอพื้นที่คืน ทางด้านกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศปักหลักสู้ไม่ยอมถอยเด็ดขาด

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    กดปุ่มล้อมแดง 6 โมงเย็น บีบสลายชุมนุม

    [​IMG]

    ศอฉ.ฮึ่ม 6 โมงเย็นกดดันแดง ปิดถนน 3 เส้น ป้องแดงเข้าราชประสงค์ สั่งห้างร้านหยุด 1 วันรอคลี่คลาย ลั่นใช้รถเกราะกระชับวงล้อม พร้อมใช้กระสุนจริง “เอ็ม 16 –ทราโว่-พลแม่นปืน” ป้องก่อการร้ายแดงยิงทหาร...

    เมื่อวันที่ 13 พ.ค.เวลา 11.30 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ.ว่า ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ศอฉ.ตั้งด่านตรวจอาวุธควบคุมผ่านเข้าออกของบุคคลต้องสงสัย ขณะนี้มีแนวทางการปฏิบัติที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นการกำหนดมาตรการในการปิดล้อม สกัดกั้นพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์อย่างสมบูรณ์ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันนี้ พื้นที่ที่มีผลกระทบทางด้านเหนือเริ่มตั้งแต่ แยกราชเทวี ไปตาม ถ.เพชรบุรี จนถึงแยกขึ้นทางด่วนเพชรบุรี ทางทิศใต้ ตั้งแต่แยกทางขึ้นด่วนเพชรบุรี ตามถนนวิทยุ จนกระทั่งสี่แยกถนนวิทยุ เรื่อยมาจนถึงถนนพระรามที่ 4 จนถึงแยกสามย่าน และขึ้นเหนือไปบรรจบจุดเริ่มต้นตามถนนพญาไท จนกระทั่งถึงแยกราชเทวี ซึ่งเป็นลักษณะกรอบสี่เหลี่ยม

    “ในกรอบสี่เหลี่ยมนี้ ถนนพญาไท เพชรบุรี และ วิทยุ จะมีการปิดการจราจร ส่วนถนนพระราม 4 จะไม่ปิดการจราจร ซึ่งพื้นที่ที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมจะปิดการจราจรทุกชนิดไม่ว่า จะเป็นรถโดยสาร รถไฟฟ้า รถไฟฟ้าใต้ดิน ทางเรือ เป็นการปิดจราจรร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถออกนอกพื้นที่ได้ แต่ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ยกเว้นผู้อาศัย และผู้ที่มีสถานที่ทำงานในบริเวณนั้นจะได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าได้ แต่ต้องเตรียมเอกสารหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่า อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรพนักงานที่แสดงว่า ท่านทำงานที่ไหน เพื่อนำไปแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่าน ซึ่งจะมีด่านอยู่ทุกเส้นทางในพื้นที่กรอบสี่เหลี่ยม โดยเจ้าหน้าที่ประจำด่านจะมีสติ๊กเกอร์มอบให้เพื่อเป็นบัตรแสดงตนในการผ่านเข้าออก”โฆษกศอฉ. กล่าว

    พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ในพื้นที่ที่มีการสกัดกั้นร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น การบริการสาธารณทุกชนิดทั้ง ไฟฟ้า ประปา การจราจร รถประจำทาง เรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดินจะมีการระงับเริ่มตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นไป ส่วนใดดำเนินการได้ จะเริ่มดำเนินการในเวลา 18.00 น. ส่วนใดยังไม่พร้อมต้องเตรียมการให้พร้อม และดำเนินการทันทีที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อให้มาตรการสาธารณนะทุกชนิดส่งผลกระทบ และกดดันต่อผู้ชุมนุมให้ยุติการชุมนุม และออกจากพื้นที่โดยเร็ว ไม่ได้ต้องการให้กระทบต่อประชาชนที่อาศัยหรือทำงานในบริเวณแยกราชประสงค์ ในส่วนการตัดไฟฟ้า และประปานั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้ในเวลา 18.00 น. แต่หากพร้อมเมื่อไรจะดำเนินการทันที

    นอกจากนี้ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ทางศอฉ.จะขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ห้างร้าน บริษัทเอกชนที่ประกอบการในพื้นที่ ขอให้ท่านหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว และอนุญาตให้พนักงานหยุดตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้จากการที่ ศอฉ.ทำหนังสือร้องขอต่อศาล เพื่ออนุมัติให้ผู้ประกอบการ ธุรกิจโทรศัพท์มือถือตัดสัญญาณนั้น ทางศาลได้มีการอนุมัติโดยสามารถตัดสัญญาณโทรศัพท์ได้ครั้งละ 6 ชั่วโมงต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง ไม่จำกัดจำนวน ซึ่งจะมีการดำเนินการไปสักระยะหนึ่งจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

    “ส่วนเรื่องการกระชับวงล้อมของเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจมีความจำเป็นต้องกระชับวงล้อม เข้ามา โดยอาศัยรถเกราะหรือรถสายพานลำเลียงพล ซึ่งเรามีความจำเป็นในการนำมาใช้งาน เราไมต้องการนำอาวุธร้ายแรงมาใช้ต่อประชาชน แต่รถเกราะเป็นเกราะป้องกันอันตรายจากอาวุธยิงต่างๆให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจ และสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม เพราะเรามั่นใจว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมมีผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีอาวุธสงครามอยู่ เมื่อตำรวจทหารใช้รถเกราะ หากมีการยิงอาวุธสงครามเข้ามา ทำให้เราไม่จำเป็นต้องตอบโต้ด้วยอาวุธกลับไปเกินความจำเป็น”โฆษกศอฉ. กล่าว
    พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนการกระชับวงล้อมในวันนี้อาจเป็นไปได้ว่า กลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่จะเคลื่อนที่เข้าปะทะเจ้าหน้าที่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนหลักสากลจากเบาไปหาหนัก 7 ขั้นตอน และมีการใช้อาวุธกระสุนจริงด้วย เมื่อท่านพยายามเคลื่อนที่เข้ามา ขอให้หยุดแล้ว แต่ยังไม่หยุด ต้องมีความจำเป็นต้องใช้กระสุนยางที่ยิงจากปืนลูกซอง หากยังเข้ามาอีก เราไม่สามารถปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่ผ่านมาได้ คือ มีการบุกยึดอาวุธ รถยานพาหนะของเจ้าหน้าที่ และมีโอกาสนำไปก่อเหตุร้ายได้ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้ปืนลูกซอง กระสุนจริงในการยิงสกัดไม่ให้ท่านเข้ามา แต่การยิงสามารถพิสูจน์ได้ว่า เราไม่ต้องการมุ่งทำร้ายเอาชีวิตประชาชน ท่าทางการยิง ตำบลกระสุน กรวยกระสุน จะแสดงออกชัดเจนว่า ไม่ต้องการทำร้ายถึงชีวิต แต่ต้องการหยุดยั้งการปฏิบัติที่ผิดกฎหมาย และการพยายามขึ้งตัวเจ้าหน้าที่

    “ใน ส่วนปืนเล็กยาวที่มีอยู่ เช่น ปืนทราโว่ เอ็ม 16 จะใช้ใน 3 กรณี 1.การยิงข่มขวัญขึ้นฟ้า 2.ยิงเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายโดยหมายเอาชีวิต ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ 3.ยิงไปยังบุคคลที่มีอาวุธอยู่ในมือไม่ว่ายจะเป็นปืน ลูกระเบิด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่ง คือ พลแม่นปืน ทำหน้าที่ในการระวังป้องกัน และใช้ยิงผู้ก่อการร้ายที่มีอาวุธ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะไม่มีอาวุธหนักอื่นนอกจานี้ โดยจะไม่มีการใช้ลูกระเบิดขว้าง ระเบิดเอ็ม 79 หรือปืนที่นอกเหนือไปจากนี้ เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งการยิงของเจ้าหน้าที่เป็นการยิงทีละนัด ไม่ได้ยิงแบบอัตโนมัติ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินการในกรณีที่เจ้าหน้าที่มีการกดดัน พื้นที่ และผู้ชุมนุมพยายามเข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ การดำเนินการนี้ไม่ได้หมายรวมถึงการขอพื้นที่คืนที่แยกราชประสงค์”พ.อ. สรรเสริญ กล่าว

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2010
  12. ถาวโร(ถา-วะ-โร)

    ถาวโร(ถา-วะ-โร) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +672
    คุณ Falkman ครับ

    ประสานกับคุณต้นอ้อแล้วว่าเกิดบริเวณแหลมเส็ดตะกวด

    แลตติจูด 10 องศา 6 ลิบดา 3.74 ฟิลิบดา เหนือ

    ลองจิจูด 98 องศา 38 ลิบดา 41.43 ฟิลิบดา ตะวันออก
     
  13. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
    เมื่อ 74,000 ปีก่อน ซูเปอร์ภูเขาไฟชื่อ โทบา (Toba) ในเกาะสุมาตรา ของอินโดนีเซีย ระเบิดขึ้น เป็นการระเบิดที่แรงที่สุดในรอบ ๒ ล้านปีที่ผ่านมา ปลดปล่อยแมกม่าออกมา ประมาณ 2500 ลูกบาศก์กิโลเมตร หรือคิดเป็นปริมาตรเป็นสองเท่าของยอดเขา เอเวอเรสต์ ความแรงของการระเบิด ใหญ่กว่า การระเบิดของภูเขาไฟ เซนต์เฮเลน ในสหรัฐ เมื่อไม่กี่ปีก่อน ประมาณ 5000 เท่า ทำให้ ต้นไม้ในป่าของอินเดียตายไปทั้งหมด สัตว์ส่วนมากตายไปหมด รวมทั้ง พวก hominin หรือ มนุษย์โบราณ ด้วย

    เมื่อสองเดือนก่อน มีรายงานว่า มีแรงสั่นสะเทือนที่ภูเขาไฟ โทบา เกิดขึ้นหลายครั้ง

    Supervolcano: How humanity survived its darkest hour -- Signs of the Times News
     
  14. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
    เมื่อ 74,000 ปีก่อน ซูเปอร์ภูเขาไฟชื่อ โทบา (Toba) ในเกาะสุมาตรา ของอินโดนีเซีย ระเบิดขึ้น เป็นการระเบิดที่แรงที่สุดในรอบ ๒ ล้านปีที่ผ่านมา ปลดปล่อยแมกม่าออกมา ประมาณ 2500 ลูกบาศก์กิโลเมตร หรือคิดเป็นปริมาตรเป็นสองเท่าของยอดเขา เอเวอเรสต์ ความแรงของการระเบิด ใหญ่กว่า การระเบิดของภูเขาไฟ เซนต์เฮเลน ในสหรัฐ เมื่อไม่กี่ปีก่อน ประมาณ 5000 เท่า ทำให้ ต้นไม้ในป่าของอินเดียตายไปทั้งหมด สัตว์ส่วนมากตายไปหมด รวมทั้ง พวก hominin หรือ มนุษย์โบราณ ด้วย

    เมื่อสองเดือนก่อน มีรายงานว่า มีแรงสั่นสะเทือนที่ภูเขาไฟ โทบา เกิดขึ้นหลายครั้ง

    Supervolcano: How humanity survived its darkest hour -- Signs of the Times News
     
  15. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    กระแสน้ำ + สารเคมี + การเน่าเสียของน้ำ + อากาศ และอีกบางอย่างซึ่งหลากหลายข้อมูลจากหลายๆท่านแบบว่ารู้สึกว่าเราควรอยู่ห่างจากน้ำทะเลซักระยะนึงนะครับ เพื่อความปลอดภัยไม่อยากให้เกิดภัยที่ทำลายล้างเหมือนที่ได้อ่านข่าวต่างๆจากทั่วทุกมุมโลกที่เกิดภัยในรูปแบบต่างๆเลย ผลและเพื่อนๆคนในครอบครัวจึงไม่ขอเข้าใกล้นำทะเลจนเกินไปร้อนมากก็อาบน้ำบ่อน้ำประปาที่พอหาได้อยู่ไปก่อนครับปลอดภัยไว้ก่อน
     
  16. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ข่าว: ตะลึง!ปลาพญานาคโผล่เกยตื้นชายฝั่งสวีเดน

    <SCRIPT type=text/javascript>google_ad_client = "pub-0032874521947222"; /* 468x15, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/13/09 */ google_ad_slot = "7657140061"; google_ad_width = 468; google_ad_height = 15;</SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"></INS></INS>




    [​IMG]
    ปลาพญานาค ถูกพบชายฝั่งสวีเดน
    เชื่อสัญญาณอันตายแผ่นดินไหวรุนแรงใต้ทะเล
    (13พ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวสวีเดนต่างตื่นตะลึงเมื่อพบปลาเฮอร์ริ่ง ปลาขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายพญานาค เกยตื้นอยู่บริเวณชายฝั่งสวีเดน มีลำตัวยาวประมาณ 11 ฟุต ซึ่งนับว่าเป็นปลากระดูกแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    ผู้เชี่ยวชาญด้านท้องทะเลกล่าวว่า ปลาชนิดนี้อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึกกว่า 3 พันฟุต พบครั้งแรกในแถบสแกนดิเนเวียเมื่อ 130 ปีที่แล้ว ซึ่งในอดีตมีความเชื่อกันว่า ถ้าหากปลาพญานาคพวกนี้โผล่ให้เห็นเมื่อไหร่ แสดงว่าอาจจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงใต้ท้องทะเล
    อย่างไรก็ตามยังไม่ปรากฎหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่าการปรากฎตัวของพญานาคจะเป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวจริงๆ
    [​IMG]
    ปลาพญานาคถูกจับได้เมื่อปี 2539
    ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2552 ปลาเฮอร์ริงหรือปลาพญานาคยักษ์ยังเคยถูกทหารเรืออเมริกันจับได้ในลำน้ำโขง เมื่อวันที่ 28 กันยายนปี 2539 จากการตรวจสอบข้อมูลจาก เอ็นไซโคลพิเดีย บริเทนนิกา ปลาพญานาค มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “รีกัลเลคุส เกลสเน” อยู่ในวงศ์ “รีกัลซิเด” อาจโตได้สูงสุดยาวถึง 9 เมตร และหนัก 300 กิโลกรัม เป็นปลาที่มีกระดูกสันหลังยาวที่สุด ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำร้ายมนุษย์แต่อย่างใด
    จากนี้ไป ต้องรอการพิสูจน์ว่า หากมีการปรากฎตัวของปลาพญานาค จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงใต้ท้องทะเล ตามความเชื่อของคนในท้ิองถิ่นหรือ่ไม่





    [​IMG]
    ด่วน เสธ.แดงถูกยิงที่ศีระษะอาการสาหัส
    20.40 น. หลังจากแพทย์นำตัวออกจากห้องเอ็กซเรย์ ขณะนี้พล.ต.ขัตติยะถูกนำตัวไปรักษาต่อที่ห้องไอซียูอีกครั้ง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เสธ.แดง หรือพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกยิงที่ศีระษะ ขณะนี้อการสาหัส เผู้ชุมนุมเร่งนำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวเฉียวเป็นการด่วน โดยอาการยังคงไม่รู้สึกตัว
    <SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript charset=utf-8>/*<![CDATA[*/if (!document.phpAds_used) document.phpAds_used = ','; phpAds_random = new String (Math.random()); phpAds_random = phpAds_random.substring(2,11); document.write ("<" + "script language='JavaScript' type='text/javascript' charset='utf-8' src='"); document.write ("http://ad.mthai.com/adjs.php?n=" + phpAds_random); document.write ("&what=zone:328&withText=1"); document.write ("&exclude=" + document.phpAds_used); if (document.referrer) document.write ("&referer=" + escape(document.referrer)); document.write ("'><" + "/script>");/*]]>*/</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript charset=utf-8 src="http://ad.mthai.com/adjs.php?n=119660839&what=zone:328&withText=1&exclude=,"></SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript charset=utf-8 src="http://ad.mthai.com/adjs.php?n=071469000&what=zone:328&withText=1&exclude=,&referer=http%3A//www.mthai.com/"></SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2010
  17. ~:*พนมวัน*:~

    ~:*พนมวัน*:~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,214
    ลงเล่นน้ำที่เกาะหวาย จ. ตราด เมื่อวันที่ 11 พค. ตอนเกือบ 2 ทุ่ม น้ำอุ่นจนแปลกใจค่ะ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จับตามุสลิมเขมรแห่ลง 3 จังหวัดภาคใต้ พบกว่า 1.5 พันคน

    [​IMG]

    ทหารพรานสระแก้วพบพิรุธมุสลิมเขมรไม่กลัวตายแห่ทะลักลง 3 จว.ใต้ของไทย เผยตั้งแต่ต้นปีมีลงไปแล้วกว่า1,500 คน ไม่พบประวัติเดินทางกลับ ทั้งที่พาสปอร์ตอยู่ได้ 1 เดือน นอกจากนี้ยังไม่เคยเกิดเหตุร้ายกับกลุ่มคนเหล่านี้..

    เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 13 พ.ค. ขณะ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 132 กองกำลังบูรพา(ผบ.ร้อย ทพ.1206ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา) นำกำลังตั้งจุดตรวจค้นยาเสพติดบริเวณจุดตรวจหน้ากองร้อยทหารพรานคลองลึก หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ตรวจพบกลุ่มชาวเขมรมุสลิมจำนวนมาก เดินทางผ่านด่าน พรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในฝั่งไทย จึงเรียกตรวจ

    ตรวจสอบทราบว่าเป็นชาวเขมรที่นับถือศาสนาอิสลาม (เขมรมุสลิม) จำนวน 41 คน เป็นชาย 20 คน หญิง 18 คน เด็กชาย 2 คน และเด็กหญิง 1คน เดินทางมาจาก จ.กัมปงจาม ประเทศกัมพูชา โดยทั้งหมดมีพาสปอร์ตเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้อง เมื่อสอบถามอ้างว่าจะเดินทางไปเยี่ยมญาติที่ ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

    อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตพบว่าพาสปอร์ตที่ชาวเขมรมุสลิมนำมาแสดงเป็นพาสปอร์ตใหม่เดินทางมาครั้งแรกทุกคน อีกทั้งจะเดินทางไปยังชายแดนภาคใต้ของไทยซึ่งยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่ โดยไม่มีความหวาดกลัวใดๆ จึงตัวมาตรวจค้นอย่างเข้มงวดที่ กองร้อยทหารพรานที่ 1206 ซึ่งจากการตรวจค้นภายในกระเป๋าเสื้อผ้าพบแต่ละคนมีการลักลอบนำยารักษาโรค ชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นยาปฏิชีวนะ และครีมลอกผิว ซึ่งเป็นของต้องห้ามนำเข้า จึงตรวจยึดไว้ จากนั้นได้ทำการบัณทึกภาพและทำประวัติไว้ก่อนจะอนุญาตให้เดินทางต่อไป

    ร.อ.ชาญ เผยว่าจากการตรวจสอบพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 53 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีชาวเขมรมุสลิมที่เดินทางไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนราธิวาสและปัตตานี แล้วจำนวน 1,572 คน รวมประมาณ 5 เดือนเฉลี่ยเดินทางไปเดือนละ 300 คน และเมื่อไปตรวจสอบกับ ด่าน ตม.อรัญประเทศ พบว่าไม่มีหลักฐานการเดินทางกลับของชาวเขมรมุสลิมเหล่านี้เลย ทำให้สงสัยว่าชาวเขมรมุสลิมเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหน เนื่องจากวีซ่าเข้าประเทศไทยอยู่ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น อีกทั้งความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเกิดเหตุร้ายอย่างต่อเนื่อง แต่ชาวเขมรมุสลิมเหล่านี้ ซึ่งเดินทางไปเป็นจำนวนมากนับพันคน กลับไม่เคยเกิดเหตุร้ายขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท ทางกองร้อยทหารพรานที่ 1206ฯ จึงต้องเข้มงวดในการตรวจค้นและทำประวัติ เพราะเกรงว่าอาจจะมีการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายไปร่วมสนับสนุนกลุ่มโจรใต้ได้

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ปลากระชังตายไม่ทราบสาเหตุวันละ 1-2 ตัน

    [​IMG]

    เกษตรกรเลี้ยงปลากระชังเดือดร้อนหนัก ปลาตายไม่ทราบสาเหตุวันละกว่า 1 ตัน ประมงเร่งเก็บตัวอย่างส่งตรวจ เตือนห้ามนำไปรับประทาน และชะลอการเลี้ยง ...

    ที่จังหวัดนครพนม หลังจากสภาพอากาศแปรปรวน บวกกับมีฝนตกลงมาในช่วง 2 -3 วัน ส่งผลให้ปลาในกระชังที่เลี้ยงตามแนวริมฝั่งแม่น้ำโขง ของเกษตรกร ชาวบ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม ลอยตายไม่ทราบสาเหตุ วันละกว่า 1 ตัน สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร ที่เลี้ยงปลาประสบปัญหาการขาดทุนอย่างหนัก ตกรายละ 1 - 2 แสนบาท พร้อมเร่งตักปลาที่เหลือส่งจำหน่าย

    เบื้องต้นทางด้าน นายโสนิล ปรีถวิล หัวหน้าฝ่ายพัฒนาและส่งเสริมอาชีพประมง สำนักงานประมงจังหวัดนครพนม พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนตำบลอาจสามารถ เข้าไปตรวจสอบเก็บตัวอย่างเพื่อนำส่งไปตรวจ ที่ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ กรมประมง ซึ่งต้องรอผลการตรวจหาสาเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนคุณภาพน้ำได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว อยู่ในภาวะปกติ เชื่อว่าไม่เป็นสาเหตุทำให้ปลาตาย พร้อมกำชับเกษตรกรห้ามรับประทานปลาที่ตาย ให้นำปลาที่ตายไปเผาทำลาย ห้ามปล่อยทิ้งลงลำน้ำโขง ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค เร่งนำปลาที่เหลือไปจำหน่าย ก่อนนำกระชังปลาขึ้นทำความสะอาด และชลอการเลี้ยงปลาชุดใหม่ไว้ชั่วคราว

    นายกิตติศักดิ์ สามพันธ์ อายุ 36 ปี เกษตรกรเลี้ยงปลากระชังที่ประสบปัญหา กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกร ในพื้นที่ ชาวบ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม กว่า 30 ราย กำลังประสบความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจาก 2 -3 วันที่ผ่านมา ปลาที่เลี้ยงในกระชังริมน้ำโขง ลอยตายไม่ทราบสาเหตุ วันละ 1 - 2 ตัน ส่งผลให้ขาดทุนอย่างหนัก รายละ 1 - 2 แสนบาท ซึ่งได้นำยาปฏิชีวนะมาใส่ฆ่าเชื้อแต่ไม่เกิดประโยชน์ ต้องปล่อยทิ้งตามธรรมชาติ โดยแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ประมงมาเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบแล้ว ส่วนปลาที่เหลือก็ทยอยตายทุกวัน ซึ่งเคยประสบปัญหาแบบนี้มาเมื่อประมาณปี 2551 จนต้องหยุดเลี้ยงชั่วคราว

    อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมาช่วยตรวจสอบแก้ไขโดยเร็วทางด้าน นายโสนิล ปรีถวิล หัวหน้าฝ่ายพัฒนาและส่งเสริมอาชีพประมง สำนักงานประมงจังหวัดนครพนม จากการตรวจเก็บตัวอย่างปลาที่ตายพบว่า ตามตัวไม่มีบาดแผล แต่จะเกิดการช็อคลอยขึ้นผิวน้ำก่อนตาย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกิดจากสภาพอากาศร้อน หรือช่วงที่ฝนตกมีสารเคมีไหลลงสู่น้ำโขง แต่ก็ต้องรอผลการตรวจหาสาเหตุ เพื่อหาทางป้องกันแก้ไข จึงขอฝากเตือนเกษตรกรให้เร่งนำปลาที่เหลือออกจำหน่าย และชะลอการเลี้ยงเป็นการชั่วคราว ซึ่งทางประมงจะได้เร่งหาทางแก้ไขเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    บีทีเอสงดให้บริการแล้ว

    [​IMG]

    บีทีเอสประกาศงดรับส่งผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกแล้วในวันที่ 13 พ.ค. หลังเกิดเสียงดังคล้ายปืนและระเบิดบริเวณแยกศาลาแดง...

    เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 พ.ค. การเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสในวันที่ 13 พ.ค. 53 ได้ทำการยกเลิกการให้บริการแล้ว หลังเกิดเสียงดังคล้ายปืนและระเบิดบริเวณแยกศาลาแดง บริษัทฯขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์ฮอตไลน์บีทีเอส 0 2617 6000 หรือ 0 2617 7300 ต่อ 1832,1834,1835,1836,1842,1844 ในเวลาทำการและ BTS SkyTrain (BTS_SkyTrain) on Twitter

    ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2553

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. *~*Sea Anemone*~*

    *~*Sea Anemone*~* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +9,121
    เร็วๆ จะมีเหตุการณ์ร้ายๆ กับประเทศไทยอ่ะป่าว ขอให้ผ่านพ้นโดยปกติทีเถิด
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จากเหตุการณ์ น้ำทะเลเดือด ปลาทะเลตาย จำนวนมาก

    ปลาพญานาคปรากฏตัวหลายแห่งทั่วโลก

    ปะการังฟอกขาวที่ทะเลอันดามัน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 4-5 วันก่อน ฟอกขาวไป 30 เปอร์เซนต์

    มาวานนี้ ฟอกขาวไป 90 เปอร์เซนต์

    สิ่งต่างๆเหล่านี้บอกว่า ภูเขาไฟใต้ ทะเลกำลังประทุและกำลังจะระเบิดทั้งนี้ เมื่ออุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ปะการังตาย (ฟอกขาว) แหล่งอาหาร ของปลาทะเล สัตว์ทะเลตาย

    ปลาทะเลตาย

    น้ำทะเลเป็นพิษ

    สาหร่ายแดงพิษ หรือ Red tide ปรากฏ

    กลายเป็นทะเลสีเลือด ทะเลที่ปราศจากชีวิต และเป็นพิษ

    นั่นหมายถึงแห่งอาหารของโลกจะหมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว อย่างที่มนุษย์ไม่อาจคาดคิด

    เมื่อแหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดจากมหาสมุทรหมดสิ้นไป

    อาหารจากผืนดินก็แห้งแล้ง ขาดน้ำ ขาดข้าวปลาอาหาร ถึงระดับที่อดตายกันได้

    อัตราเร่งของภัยพิบัติขณะนี้ เร็วมากๆจน หลายคนที่ไม่ใส่ใจ ไม่เตรียมตัว อาจ ไม่รอดจากภัยพิบัติครั้งนี้

    เร่งปลูกต้นไม้ สร้างแหล่งอาหาร ปลูกหัวมันทิ้งไว้ ตามที่พอมีที่ว่าง

    สำรองน้ำ โดยเฉพาะน้ำดื่ม น้ำสะอาด สำคัญมาก

    เวลามีน้อยลงไปทุกขณะแล้วครับ

    ภูเขาไฟใต้มหาสมุทรกำลังประทุ และอาจระเบิดในไม่ช้า

    ภูเขาไฟบนผิวโลกกำลังจะระเบิด

    อุณหภูมิโลกร้อนขึ้นจาก ภายในเปลือกโลก ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ในอัตราเร่งแบบทวีคูณ จากที่คาดการณ์โดยมีฐานการคำนวณจากสภาพอากาศเพียงอย่างเดียว

    เร่งเตรียมตัว เตรียมจิตใจ เตรียมกาย เตรียมบุญกุศลให้เพียงพอแก่การรอดพ้นจากภัยพิบัติครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...