พระปรอทหลวงปู่ละมัยของแท้ยังมีให้เช่า ที่วัดนะคร้บ

สาธุ อนุโมทนา สติมา ปัญญาเกิด

ยาแก้ไข้ส่วนใหญ่จะ รสขม ไม่หวานอร่อยฉันใด ... คำพูดผมบ่อยครั้งก็เป็นแบบนั้น ... อาจขัดใจบางคนบ้าง แต่ทุกคำเตือน เต็มไปด้วยความหวังดีและจริงใจ ...

เราต่างคนต่างมา พบเจอกันตามกรรมจัดสรร ถึงเวลาต่างคนก็ต่างไป เหมือนที่คุณทอร์กล่าวไว้ ... ผมเองก็ต้องเร่งปฎิบัติ และ ละวางซะที เพราะครูบาอาจารย์ท่านเตือนแล้ว เจอครั้งใดท่านก็กำหนดเวลาลดลงเรื่อยๆ ... ต่อไปคงไม่มีเวลามานั่งหน้าคอมนานๆแล้ว

 

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Ong
<link rel="File-List" href="file:///C:/DOCUME%7E1/weav-06/LOCALS%7E1/Temp/msoclip1/01/clip_filelist.xml"><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:&quot; panose-1:0 0 0 0 0 0 0 0 0 0; mso-font-alt:"Times New Roman"; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-formatther; mso-font-pitch:auto; mso-font-signature:0 0 0 0 0 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style>[FONT=&quot]เพราะความไม่รู้ จึงไล่แสวงหา[/FONT]

[FONT=&quot]ผมตามหา เครื่องรางของขลัง อะไรที่เค้าว่าดี[/FONT] [FONT=&quot]ก็ไล่เก็บ ไล่สะสม[/FONT]

[FONT=&quot]เอามาห้อย เอามาแขวนคอ ด้วยความเชื่อว่า ถ้าพก[/FONT] [FONT=&quot]ถ้าห้อยแล้วจะดีขึ้น[/FONT]

[FONT=&quot]ในเอวเยอะ ในคอก็เยอะ พะรุง พะรัง[/FONT]

[FONT=&quot]ในห้อง ก็มี อีกหลายกล่อง[/FONT]

[FONT=&quot]มานั่งดู ที่เราห้อย ที่เราพก ที่เราแขวน นี่[/FONT]

[FONT=&quot]จริงๆ แล้วเรารู้[/FONT]..... [FONT=&quot]ใจเราเข้าถึง พระ จริงๆ หรือ[/FONT] [FONT=&quot]ยัง[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT]

[FONT=&quot]ใครเค้าว่าดี ก็แห่ ตามไป[/FONT][FONT=&quot]ไปหาเอามา ได้ชิ้นนี้ ก็[/FONT].. [FONT=&quot]แสวงหาชิ้นต่อไป[/FONT]

[FONT=&quot]ความไม่รู้แท้ ๆ ที่นำพา[/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อไหร่จะรุ้สักที[/FONT]

[FONT=&quot]ชีวิต มันสั้น แต่ความไม่รุ้ช่างยาวนาน[/FONT]

[FONT=&quot]แสวงหาข้างนอกไป เรื่อยๆ ไม่เคยสิ้นสุด[/FONT]

[FONT=&quot]วิ่งตาม นานๆชักเหนื่อย[/FONT]

[FONT=&quot]ตอนนี้ เริ่มฉุกคิด เริมได้คิด[/FONT]..[FONT=&quot]ตั้งใจ จะชลอ ค่อยๆ[/FONT] [FONT=&quot]ลดแรงขับ ที่ไล่คว้า[/FONT]

[FONT=&quot]ทำความเข้าใจ[/FONT][FONT=&quot]ก่ะตนเอง[/FONT]

[FONT=&quot]บ่มเพาะ ที่พึ่งแท้จริง[/FONT]

[FONT=&quot]ที่มาจากภายใน[/FONT]

[FONT=&quot]บางทีการแสวงหาที่พึ่งมากมาย จากภายนอก ก็แค่[/FONT] [FONT=&quot]ชั่วครั้ง ชั่วคราว[/FONT]

[FONT=&quot]สมใจแค่เพียงอารมณ์หนึ่ง แต่ไม่เคยยั้งยืน[/FONT]

[FONT=&quot]ที่พึ่งแท้จริงต้องมาจาก ภายใน ต้อง มาจากตนเอง[/FONT]

[FONT=&quot]ถ้าเข้าใจตนเอง[/FONT][FONT=&quot].....[/FONT][FONT=&quot]คง[/FONT] [FONT=&quot]ได้คำตอบจริงๆ[/FONT]... [FONT=&quot]สักที [/FONT]..

[FONT=&quot]สักวันผมคงจะเกิดปัญญา

มหาโมทนาบุญด้วยครับพี่อิน เป็นอย่างคำว่าจริงๆครับ
สาธุๆๆ
[/FONT]

 

แบบว่า สืบทอดต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นเลยนะครับ

 

คมจนปาดคอเลยท่านอิน

 

วันนี้บ้านพระปรอทเงียบเหงาจริง

 

กราบๆๆ หลวงปู่ฟัก

 

เมื่อความเงียบเข้ามาปกคลุม :boo:
ความเหงาก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว :'(
ส่งผลให้เกิดความคิดฟุ้งซ่านนนนนน rabbit_run_away
ตั้งสติ ตั้งสติ แล้วหาเรื่องไรมาคุยกันดีกว่า (deejai)

ได้โปรด (||)

 

10.56 am

น้องbung2525 EG 8367 9655 7 TH
คุณนะจักรวาล EG 8367 9656 5 TH

 

ตั้งตารออย่างมีความหวังงงงงงงง

 

"การเล่นแร่แปรธาตุ"​

​

การเล่นแร่แปรธาตุวิชาเล่นแร่แปรธาตุ เป็นปฐมบทของวิชาเคมีในปัจจุบันทีเดียว เรียกว่ากำเนิดจากไสยศาสตร์มาเป็นรากฐานวิทยาศาสตร์ การเล่นแร่แปรธาตุหรือ รสายนเวท เป็นศาสตร์ที่มีมาแต่โบราณ ศาสตร์นี้ได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยกรีกโบราณโดยอริสโตเติล ซึ่งวางรากฐานจำนวนมากของศาสตร์นี้ นักเล่นแร่แปรธาตุเชื่อว่า ทุกอย่างในโลกประกอบไปด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ หากเปลี่ยนแปลงปริมาณของสี่ธาตุในวัตถุหนึ่งได้แล้ว ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงวัตถุนั้นได้ (เช่น เปลี่ยนตะกั่วเป็นทองคำ) สิ่งที่นักเล่นแร่แปรธาตุต้องการค้นพบ คือ อลิเซีย วิตา หรือยาอายุวัฒนะที่จะช่วยให้มีอายุยืนนาน และ ศิลานักปราชญ์ ซึ่งจะเปลี่ยนสสารใดๆให้กลายเป็นทองคำได้ รวมถึงการสร้างมนุษย์เทียมในหลอดแก้ว การเล่นแร่แปรธาตุแม้จะล้มเหลวแต่ก็เป็นรากฐานสำคัญให้วิทยาศาตร์หลายสาขาในกาลปัจจุบัน


การเล่นแร่แปรธาตุมีจริงๆ คนไทยแต่โบราณศึกษาปฏิบัติกันมานานแล้ว แต่มีครูบาอาจารย์และผู้เรียนกันได้จริงๆน้อยมาก เท่าที่ทราบกันมา เล่าว่า มีลูกศิษย์สายหลวงปู่เทพโลกอุดรนี่แหละ ที่เก่งจริงๆ เช่น หลวงปู่ละมัย เพชรบูรณ์ เป็นต้น ที่สามารถเรียนสำเร็จวิชาปรอทได้ (อย่างอื่นก็คงทำได้เช่นกัน)ทำปรอทจากของเหลวมาเป็นของแข็งได้ ทำปิรามิดปรอทออกให้บูชาได้ องค์ละเป็นหมื่นๆบาท ศิษย์สายธรรมกายไปบูชามาเป็นครั้งละเป็นร้อยๆองค์ คนไทยโบราณสมัยก่อนทำทองคำได้เอง นำมาหล่อพระ สร้างพระใหญ่โตมากมาย ตอนเป็นเมืองขึ้นประเทศอื่นๆ ก็ต้องทำทองคำนี่แหละส่งส่วยเขาปีละจำนวนมากๆด้วย จะให้ไปขุดจากไหนจึงจะหามาให้เขาพอและทันได้ ก็ต้องใช้วิชาความรู้พิเศาแบบนี้แหละ คนไทย เมืองไทยจึงเอาตัวรอดมาได้จนทุกวันนี้....หลวงพ่อฤาษี ก็ยืนยันว่ามีจริง และท่านเคยบอกสูตรทำทองคำไว้ให้ด้วย ในหนังสือเรื่องอ่านเล่นของท่าน ลองไปหาอ่านกันดูซิครับ เผื่อจะรวยกับเขาบ้าง.....

แรกนี้ ก็ขอเปิดตัว เล่นแร่แปรธาตุ ในเรื่องแขนกลคนแปรธาตุเวลาจะใช้วิชานี้จะต้องวาดวงแหวนเวทย์ละรายเวทย์ก่อนและจะทำการเปลี่ยนโลหะเป็นชนิดโลหะหรืออาวุธอื่น
ความจริงแล้ววิชาเล่นแร่แปรธาตุคืออะไรกันแน่
หลายคนอาจจะคิดว่า การเล่นแร่แปรธาตุ (เป็นสิ่งที่เหลวไหล เป็นไปไม่ได้ ฟังดูก็ไม่ค่อยจะ วิทยาศาสตร์เท่าไรนัก แต่เชื่อหรือไม่ว่า เพราะความพยายาม ที่จะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของธาตุนี่แหละ ที่ทำให้เราสามารถค้นพบ สาร (materials) ชนิดใหม่ๆ ที่มีคุณสมบัติ แปลกๆ น่าสนใจ แตกต่างกันออกไปขึ้นมาได้
วิชาเริ่มมาจากนักปรัชญากรีกชื่อดังอย่าง อริสโตเติล (Aristotle) มองสสารบนโลก ในรูปของ ดิน (earth) น้ำ (water) ลม (air) และ ไฟ (fire) ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ถูกสร้างมาจาก การรวมตัวของธาตุทั้งสี่นี้ ตัวอย่างเช่น กระดูก ประกอบด้วย ไฟ 3 ส่วน และ ดิน 4 ส่วน
ความเชื่อนี้เกิดมาจาก นักมายากล ชื่อ เอ็มพิดอเคิลส์ (Empedocles) เมื่อกว่า 2000 ปีที่แล้ว เอ็มพิดอเคิลส์ เชื่อว่า โลกเกิดจาก ธาตุทั้งสี่ชนิดนี้รวมตัวกันด้วยความรัก แต่แล้วก็เกิดทะเลาะวิวาทกัน จึงแบ่งแยกไปเป็น ท้องฟ้า (sky) กับ ดวงอาทิตย์ (sun) และ โลก (earth) กับ มหาสมุทร (oceans) เอ็มพิดอเคิลส์ ยังเชื่ออีกว่า ในที่สุด ความรัก จะสามารถรวบรวมธาตุทั้งหมดเข้าด้วยกัน อีกครั้งหนึ่ง (เหมือนนิยายน้ำเน่าหน่อยๆ เลยเนอะ)
แล้วเมื่อเข้าสู่ยุคของไอแซก นิวตัน (รวมถึงไอแซกนิวตัน เอง) ความเชื่อนี้ได้พัฒนาจากความคิดเป็นศาสตร์ของการเปลี่ยนธาตุราคาถูก เช่น ตะกั่วให้เป็นธาตุราคาแพง คือ ทอง เป็นศาสตร์ที่แพร่หลายและรู้จัก ที่เรียกว่าเป็น อัลเคมี ( Alchemistry) ซึ่งมักเรียกว่าเป็น ศาสตร์ของการเล่นแร่แปรธาตุ

นักอัลเคมีในอดีต แข่งขันในการหาวิธีเปลี่ยนธาตุ คือ ตะกั่ว ให้เป็นทองคำ โดยแข่งขันหาของวิเศษ ที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนธาตุ ได้คือ " หินนักปราชญ์ " และเมื่อเวลานานเข้าเรื่องของการเล่นแร่แปรธาตุโดยอัลเคมี ได้เสื่อมสลายไปกับการเริ่มต้น ของยุคเคมีใหม่ กับนักเคมีดัง เช่น ลาวัวซิเอ (Lavoisier ) เมื่อสองร้อยปีเศษในอดีต

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงยุคของวิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน จริง ๆ แล้ว สิ่งนี้นัก อัลเคมี พยายามทำกัน ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ นั่นคือ นักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่สามารถเปลี่ยนธาตุจากธาตุหนึงไปเป็นอีกธาตุหนึ่งได้ เพราะธาตุ ทุกชนิด ล้วนมีองค์ประกอบพื้นฐานเหมือนกัน คือ โปรตรอน นิวตรอน และ อิเล็กตรอน ความแตกต่างของชื่อธาตุต่าง ๆ ก็ขึ้นอย่างกับจำนวนของ โปรตรอน เท่านั้นเป็นหลัก นักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบัน ก็สามารถ ทำหน้าที่เป็น นักอัลเคมียุคใหม่ ได้ โดยวิธีทางนิวเคลียร์ ทำให้เกิดปฏิกริยานิวเคลียร์ เปลี่ยนธาตุหนึ่งไปเป็นอีกธาตุหนึ่งได้
แล้วนักอัลเคมียุคใหม่ เปลี่ยนตะกั่วเป็นทองคำได้หรือไม่

คำตอบคือไม่คุ้ม เพราะค่าใช้จ่ายในการลงทุน เปลี่ยนธาตุ ตะกั่วเป็นทองคำจะสูงกว่าคาราทองคำ ที่ถูกสร้างขึ้นมามาก

การเล่นแร่แปรธาตุ
การเล่นแปรธาตุ คือการเปลี่ยนโลหะให้เป็นทองคำศาสตร์ชนิดนี้ไม่ได้มีขอบเขตแค่กรรมวิธีการเปลี่ยนโลหะให้กลายเป็นทองคำเท่านั้น ยังรวมไปถึงการทำยาอายุวัฒนะ หรือที่คนจีนเรียกว่า ตัน---Tan ซึ่งกินแล้วช่วยให้เป็นหนุ่มสาวตลอดกาล อายุยืนหมื่นปี หรือเป็นอมตะและการสร้างมนุษย์ สังเคราะห์ในหลอดแก้ว โฮมูนคูลัส---Homunculus ด้วย ว่ากันว่า ศาสตร์แขนงนี้ได้รับการสั่งสอนถ่ายทอดมาจากเทพเจ้าอียิปที่มีนามว่า ธอธ---Thoth ซึ่งเป็นเทพผู้สร้างวิทยาศาสตร์ ชาวกรีกกับชาวโรมันเรียกเทพองค์เดียวกันนี้ว่า เฮอร์เมส---Hermes ถือกันว่าเป็นเทพประจำอาชีพหลายอาชีพ นักเล่นแร่แปรธาตุเชื่อว่า ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ลัวนมีมวลสารอันเป็นแก่นแท้ของตัวมันเองเป็นส่วนประกอบมากน้อยแตกต่างกันไป มวลสารนี้เรียกว่าพรีมา แมทีเรีย---Prima Materia ซึ่ง คุณคอสมอส แนะให้เรียกมันว่า "แก่นมวลสาร" เช่น ปรอท นักเล่นแร่แปรธาตุจะเอาปรอทธรรมดานี่แหละมาแยก หรือ "ไล่" ธาตุลม ธาตุดิน และธาตุน้ำออกไปให้หมด ส่วนที่เหลือก็จะเป็น แก่นมวลสาร เข้าใจว่าแร่ หรือโลหะอื่นพอไล่ธาตุพวกนี้ออกแล้วก็จะได้ แก่นมวลสาร เหมือนกันหมด แต่ได้มากน้อยแตกต่างกันไปเท่านั้น
แก่นมวลสาร นี่เองที่จะนำมาเปลี่ยนเป็นทองคำ แต่จะต้องเอามาผสมกับ หินฟิโลโซเฟอร์---Philosopher's stone หรือ "จินดามณี"ซึ่งได้จากการเอากำมะถันมาไล่ส่วนประกอบอื่นออกให้หมดจนเหลือเนื้อแท้ของมัน ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือชนิดสีขาว กับชนิดสีเหลือง จินดามณีขาวเมื่อผสมกับแก่นมวลสารแล้วจะกลายเป็นเงินบริสุทธิ์ ส่วน จินดามณีสีเหลือง จะเปลี่ยนแก่นมวลสารเป็นทองคำ กรรมวิธีต่าง ๆ มีขั้นตอนสลับซับซ้อนมาก องค์ประกอบที่ถือเป็นหัวใจของการผลิตคือ "ไฟ" การหุงแร่ให้ได้ แก่นมวลสาร และ จินดามณีต้องใช้ไฟที่มีความร้อนสูงมาก การจะวัดอุณหภูมิของไฟ ซึ่งสมัยก่อนยังไม่มีเครื่องวัดอุณหภูมิ นักเล่นแร่แปรธาตุจึงนิยมใช้ "ตุ๊กแกไฟ" เป็นที่สังเกต ถ้า ตุ๊กแกไฟ ลงไปเกลือกกลิ้งในกองไฟเมื่อไหร่ แสดงว่าไฟร้อนได้ที่ แต่ ตุ๊กแกไฟ นี่ต้องไปจับมาจากปล่องภูเขาไฟ และจะเจอตัวมันเฉพาะตอนภูเขาไฟกำลังระเบิดพ่นหินลาวาออกมาพวกมันก็จะออกมาดำผุดดำว่ายอยู่ในธารลาวา ถ้าจะจับมันจึงต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจาก หนังของตุ๊กแกไฟ อีกด้วย ส่วนยาอายุวัฒนะ ทำยากกว่าทำ จินดามณี อีก เพราะตัวยาต้องประกอบด้วยธาตุหลักครบทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ เอามาผสมกับตัวยาที่ได้จากสัตว์ พืช และที่ขาดไม่ได้คือ แก่นมวลสาร ฉะนั้นถ้าจะทำยาอายุวัฒนะก็ต้องรู้วิธีเปลี่ยนโลหะพื้น ๆ ให้เป็นทองคำซะก่อน

มีใครเคยพบเห็นยา หรือคนที่ได้กินยา ที่กินแล้วกลายเป็นมนุษย์อมตะกันบ้างใหมครับ

 

พี่ชายครับ ได้รับของแล้วนะครับ ขอบคุณมากครับ (สวยมากครับ)

 

ผมได้รับแล้วเหมือนกันครับ ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับพี่น้องบ้านปรอท ช่วงนี้เงียบๆ กันนะครับ
ได้ของดีของวิเศษไปแล้วแต่ละท่านมีความเจริญ มีพัฒนาการเป็นอย่างไรบ้างครับ

บางครั้งสำหรับคนธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป เช่น ผมเป็นต้น ก็ยากที่จะได้สัมผัสสิ่งที่เป็นทิพย์ แต่ก็ยังพยายามอยู่นะครับ เชื่อว่าไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ถ้าทำไม่ถึงย่อมไม่ได้สัมผัส ไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น ไม่ได้รู้จัก ต้องทุ่มเทถึงจะได้

วันนี้ 15/6/2553 รู้สึกคิดถึงหลวงปู่ คิดถึง อ.ย่ามแดง ครับ สิ่งที่เป็นเครื่องยื่นยันว่าเราศัทธาครูบาอาจารย์ หรือไม่ ผมคิดเิอาเองว่าสิ่งหนึ่งคงเป็นความระลึกถึง และ การนำคำสอนของท่านมาใช้ให้เกิดความเจริญในการดำรงชีวิตของเรา และ ความเจริญในเส้นทางแห่งธรรม
แต่อย่าลืมพ่อ แม่ ผู้่มีพระคุณสูงสุด ในชีวิตนี้ ไม่มีพ่อไม่มีแม่คงไม่ได้เกิดเป็นคนเช่นทุกวันนี้ จริงไหมครับ
หวังว่าพี่น้องทุกท่านจะมีความสุข และความเจริญในความดีงามทั้งทางโลกและทางธรรมนะครับ งานกวนยาที่จะถึงนี้คงมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ

 

เวลาเงินเดือนออก ผมทำบุญกับพระที่บ้านก่อนเลย(พ่อ,แม่) ส่งเงินให้ท่าน

 

เหมือนผมเลยครับ
เงินเดือนออกส่งให้พ่อแม่ ก่้อน
งานกวนยาที่จะถึงนี้แนวโน้มเป็นอย่างไรครับ ดูสถานะการณ์ช่วงนี้่เงียบๆ

 

สาธุ อนุโมทนาบุญกับคุณ อิน และทุกท่านด้วยครับ
ด้วยอานุภาพแห่งพุทธ ธรรม สงฆ์ ขอบุญนี้จงถึงแก่เทวดาประจำตัวข้า และพรหม ในคตปรอทที่ตอกฝังไว้ดีแล้วนี้ด้วย

 

ช่วงนี้เห็นบ้านปรอทเงียบๆ เลยลองไปค้นสมุดเก่าๆที่บันทึกเรื่องที่เคยไปคุยกับหลวงปู่ละมัยมาเล่าให้พิจารณากันเพลินๆครับ (อาจมีเนื้อหาบางส่วนผิดพลาดไม่สมบูรณ์ไปบ้าง ก็ด้วยเคยถามหลวงปู่มานานแล้ว อาจหลงลืมไปบ้าง ข้อความใดที่อาจผิดพลาด ผมขอกราบขอขมาหลวงปู่ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)

หลวงปู่เคยเล่าให้ผมฟังว่า ท่านเคยธุดงค์ไปเจอหินหลัก เป็นหินที่เดินได้ เดินขึ้นเขาลงเขาได้เอง หลวงปู่เคยพยายามกลับไปตามหาแต่ก็หาไม่เจอ ในนั้นมีอักขระโบราณที่อ่านยากมาก หลวงปู่บอกว่า ขนาดหลวงปู่ท่านอ่านได้ถึงสมัยภาษา พราหมณี (ภาษาสมัยพระเจ้าอโศก) ก็ยังอ่านไม่ได้

หลวงปู่ยังเล่าว่าปราสาทนครวัดนั้น ไม่ได้ขนก้อนหินใหญ่ๆมาสร้างอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ใช้การขุดดินจากสระมาปั้นอัดเป็นก้อนขนาดใหญ่เพื่อสร้า้งองค์ปราสาท

หลวงปู่เล่าว่า หลวงปู่สรวงเคยมาหาท่านก่อนที่หลวงปู่สรวงจะมรณภาพ โดยท่านเคยเป็นกษัตริย์วรมันในเขมรมาก่อน ร่างที่เราเห็นกันนี้เป็นร่างที่ท่านเปลี่ยนมาเป็นครั้งที่ 5 ของท่านแล้ว

หลวงปู่เล่าว่า เหล็กไหลไม่สามารถหุงขึ้นมาได้ อย่างที่มีบางตำนานเล่าว่าฤาษีเป็นผู้หุงเหล็กไหลขึ้นมา แต่เหล็กไหลเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากการหลอมละลาของภูเขาไฟ เป็นธาตุคล้ายๆยูเรเนียม

แต่ที่ผมชอบใจมากที่สุดในการคุยครั้งนั้น คือคำสอนที่ีหลวงปู่สอนไว้ว่า

"สมัยก่อนคนหยาบแต่ละเอียด แต่ต่อไปคนจะละเอียดแต่หยาบ"

(คนสมัยก่อน พูดมึงๆกูๆ แต่งตัวปอนๆ ดูเหมือนหยาบคาย แต่กลับมีจิตใจละเอียดละเมียดละไม มีศีลมีธรรมในใจดีกันทุกคน แต่คนเดี๋ยวนี้ ดูภายนอกสวยงาม เครื่องแต่งกาย ภาษา คำพูด ดูดีสวยงามไปหมด แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความแก่งแย่งชิงดี ไม่มีศีลไม่มีธรรมในใจ)

 

ขอร่วมเป็นสมาชิกบ้านปรอทด้วยคนครับ

ขอร่วมเป็นสมาชิกบ้านปรอทด้วยคนครับ นั่งอ่านข้อความในกระทู้มาหลายวันตั้งแต่ หน้า1 พึ่งจบถึงหน้าที่ 128 รู้สึกอบอุ่นมากครับ เหมือนนั่งอ่านนิยายสักเล่มหนึ่งที่ยาวๆ ไม่อยากให้จบ อ่านไป ก็เพิ่มความรู้ไป แล้วเก็บรวบรวมไว้

จนเมื่อวานก็ไปโทรไปหาน้าอุมา ขอบูชาพระปรอทมั่ง (อ่านตั้งนานกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะบูชาอะไร)แต่ก็สายไป เพราะพระที่สนใจ โดนผู้มีบุญเหมาไปหมดแล้วคือ พระปรอทเนื้อชมพูนุช เพิ่งเหมาต้นไป1-2 วันเอง แต่ก็ปลอบใจตัวเองเอา 12 นักกษัตรและเนื้อปรอทเพชรอย่างละองค์ ตอนนี้ก็ตั้งตารอน้าอุมาส่งให้วันจันทร์ เพราะวันศุกร์ น้าอุมายุ่งมาก ต้องดูคนงานก่อสร้าง ไม่ว่างไปส่งให้และ เสาร์อาทิตย์ ไปรณีษย์แถวนั้นไม่ทำงานด้วย

 

อยากได้คดปรอท

ถึงแม้จะเพิ่งเข้าบ้าน แต่ก็อยากบอกว่า อยากตอกคดปรอทมาก ยิ่งอ่านยิ่งอยาก
ถึงแม้จะรู้ตัวดีก็ตาม ว่าบ้านนี้เค้าไปตอกกันเกือบหมดแล้ว และตอกตั้ง 3 รอบแล้วแต่เราก็มาไม่ทันสักครั้ง
อารามว่าอยากตอกวันนี้ เดี๋ยวนี้เลย ว่าเข้าไปนั่น ว่าแล้วก็โทรเลย โทรหาน้าอุมา น้าอุมาบอกว่ามาตอกคนเดียวไม่ได้นะ ต้องมาเป็นหมู่คณะ ต้องรอบหมู่คณะก่อน ให้ลงชื่อบอกน้าเค้าไว้ น้ำเค้ามีข้อมูลว่าเร็วนี้จะมีกลุ่ม อบต หรืออะไรฟังไม่ถนัด จะมาตอกแต่ไม่รู้่วันไหน ให้รอก่อน
ตั้งใจอยากได้ สองแขนเลย เผื่อ คดปรอทวิ่งไปแขนอีกฝั่งไม่ทัน หรือจะได้ช่วงกันมีคนปรึกษา หารือกันน่ะ

รอ รอ รอ

 

ยินดีต้อนรับครับ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ อ.ย่ามแดง ก็ไปสวนป่าฯ