พระสมเด็จ

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย phaderm, 13 สิงหาคม 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. komsunb

    komsunb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +922
    ชุดต่อไปครับ

    กฤตภาส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. komsunb

    komsunb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +922
    ชุดต่อไปครับ

    กฤตภาส
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. punpraya

    punpraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1,256
    ค่าพลัง:
    +2,228
    ผมขอโทษนะครับ ขอแสดงความเห็นนิดนึง สมเด็จวัดพระแก้ว สมเด็จเบญจรงค์ ตำนานมีมานานแล้ว และคนที่เขาทำพระขายแถวท่าพระจันทร์ เขาก็ทำมานานมากแล้วด้วย ของจริงผมไม่แน่ใจ อาจจะมีก็ได้ เพราะสมเด็จโต ท่าน สร้างพระไว้มากกว่าที่เซียนเล่นหากันซึ่งมีไม่กี่พิมพ์ แต่ที่เซียนเขาเล่นกันเพราะ พระมีจำนวนมากกว่าพิมพ์ที่ไม่อยู่ในสารบบ และสามารถหาข้อยุติในเรื่องของเนื้อหา และพิมพ์ได้ เรื่องพระที่หลวงปู่ท่านสร้างแต่ไม่อยู่ในสารบบนี่เถียงกันมานานแล้ว และคนที่เขาทำพระ(ขึ้นเอง)ก็รู้จุดอ่อนนี้ดี เขาจึงทำพระออกมาอย่างที่เราคิดว่าน่าจะมี หรือน่าจะเป็น เช่นประวัติมีว่าหลวงปู่เคยพายเรือเองแล้วให้เด็กวัดนั่ง อันนี้เป็นประวัติจริง เขาก็ทำออกมาเป็นสมเด็จแจวเรือจ้าง(คงเคยได้ยิน) ประวัติบอกว่าหลวงปู่โตท่านเกี่ยวข้องกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอยู่มาก( ร.3/ร.4) เขารู้ว่าคนนับถือ ร.5 กันมาก และช่วงชีวิตของทั้ง 2 ท่านคาบเกี่ยวกันก็นำมาบวกกันซะ กลายเป็นพระที่ขรัวโตสร้างถวาย ผมไม่ใช่เซียนพระ แต่อยากบอกว่า พระที่หลวงปู่โตสร้างแต่ไม่อยู่ในสารบบ มีแต่พระมีไม่มาก แต่พระที่ทำเองโดยอิงประวัติหลวงปู่ บวกกับความเชื่อของเราเอง ประกอบกับสมเด็จของจริงไม่มีแล้วอยู่ในมือคนรวยซะหมด ทำให้เกิดพระแบบนี้ขึ้นมา ที่เขาทำพระแบบนี้ทำมาหลายสิบปีแล้วอย่างน้อยน่าจะ60ปีได้ จนพระเก่าไปเองยิ่งดูดี พระปลอมเขาทำเนื้อได้สวยมากนะครับ อาชีพของเขานี่ ดูพระแท้ที่ออกใหม่ซิครับจะเอาแตกลายงาขนาดไหนก็ได้ หรือมีคราบกรุเกาะ(รุ่นแช่นำมนต์)ก็ได้ แต่ถ้าชอบก็ไม่เสียหายอะไรครับมันอยู่ที่ตัวเรา
     
  4. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113

    ผมขอโทษนะครับ ขอแสดงความเห็นนิดนึง
    ข้อ1
    ประวัติมีว่าหลวงปู่เคยพายเรือเองแล้วให้เด็กวัดนั่ง อันนี้เป็นประวัติจริง
    ไม่ใช่ครับ ความจริงจะต้องเป็น
    นิทานมีว่าหลวงปู่เคยพายเรือเองแล้วให้เด็กวัดนั่ง อันนี้เป็นนิทาน
    เหตุผลที่ว่าเป็นนิทานก็เพราะเป็นที่รู้กันก็ตามประวัติบอกว่าหลวงปู่โตท่านเกี่ยวข้องกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอยู่มาก( ร.3/ร.4)

    ข้อ2
    ที่เขาทำออกมาเป็นสมเด็จแจวเรือจ้าง(คงเคยได้ยิน) ไม่ได้ถูกสร้างมาจากในวังแต่เป็น เซียนพระที่หากินทางนี้ทำขึ้นมาขาย

    ข้อ3
    นิทานที่กล่าวว่าสมเด็จมีส่วนผสมของปูนเปลือกหอย

    ข้อ4
    สมเด็จวัดพระแก้ว สมเด็จปัญจศิริหรือที่คุณเรียกว่าสมเด็จเบญจรงค์ ไม่ใช่ตำนานที่มีมานานแล้ว แต่มีการบันทึกอยู่ใน

    1.ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13
    <O:p</O:p
    2.ตำนานเรื่องเครื่องโต๊ะและถ้วยปั้น พระนิพนธ์ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
    <O:p</O:p
    3.ประวัติ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
    <O:p</O:p
    4.พระราชประวัติวังหน้า
    <O:p</O:p
    5.ประวัติเจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี(ท้วม บุนนาค) เจ้าคุณกรมท่า ฉบับนายนัฐวุฒิ สุทธิสงคราม

    6.วิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ และพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า
    เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุญนาค)

    ซึ่งเขียนโดย ท่านปรัศนี ประชากร (เป็นนามปากกาของท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร )


    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    ลองศึกษาดูครับ
     
  5. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ทุกเล่มที่กล่าวมามีอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติครับ


    .
     
  6. punpraya

    punpraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1,256
    ค่าพลัง:
    +2,228
    ขอบคุณครับคุณguawnผมไม่ได้บอกว่าไม่มีแต่ แค่อยากบอกว่าของปลอมมีมากกว่าของจริง มากจริงๆ จ๊ะ
     
  7. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    ของดีที่หาคนรู้จักได้ยาก มีไว้บูชาเองและเป็นมรดกของตระกูล ไม่ต้องถามซื้อนะครับ หาไม่ได้ง่ายๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ของคุณkomsunb<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_351295", true); </SCRIPT> นั้น จากรูปพระสมเด็จผมเองไม่แน่ใจครับ ส่วนพิมพ์อื่นๆเป็นพระพิมพ์ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสกครับ (ผมเองดูจากรูปได้ประมาณ 50-60 %) เก็บไว้นะครับ

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ของจริงๆนั้น ก็แค่มีไม่น้อยกว่า 30 ล้านองค์เท่านั้นเองครับ ลองอ่านดูนะครับ แต่เริ่มมีของปลอมในยุคนี้ ในยุคก่อนๆนั้นไม่มีของปลอมครับ


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2006
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมจะขอเล่าเกร็ดเล็กๆน้อยๆในเรื่องพระกรุวัดพระแก้วให้ฟังกันครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เรื่องพระกรุวัดพระแก้วนั้น ก่อนที่จะรู้ว่าพระพิมพ์ไหนเป็นพระกรุวัดพระแก้วบ้าง ต้องศึกษาก่อนว่าพระกรุวัดพระแก้วนั้นมีการสร้างขึ้นเมื่อไร สร้างที่ไหนอย่างไร เนื้อหาทรงพิมพ์เป็นอย่างไร <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระกรุวัดพระแก้วอาจแยกได้เป็น 3 ประเภทคือ<O:p</O:p
    1.พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า เริ่มสร้างประมาณปีพ.ศ.2400 ถึง ปี พ.ศ.2428 (เป็นปีที่ท่านเจ้า(กรมพระราชบวรวิชัยชาญ)ท่านทิวงคต ตามประวัติศาสตร์ <O:p</O:p
    2.พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหลวง เริ่มสร้างขึ้นปี พ.ศ.2415 ถึง ปีพ.ศ.2453 (เป็นปีที่รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต)<O:p</O:p
    3.พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหลวง เริ่มสร้างขึ้นปี พ.ศ.2453 จวบจนปลายรัชกาลที่ 6<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหน้านั้น ด้านหลังของพระพิมพ์จะเรียบเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีครุฑ , เสมา , ตราเสนาบดี , สิงห์ แต่ถ้าพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหลวง ด้านหลังของพระพิมพ์จะมีตราครุฑ เนื่องจากครุฑเป็นสัญลักษณ์ที่พระมหากษัตริย์ใช้เท่านั้น แต่ถ้าด้านหลังของพระพิมพ์มีตราอื่นๆ จะเป็นของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้ให้สร้างขึ้น <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหน้าและวังหลวง(ปีที่สร้าง พ.ศ.2415 ถึง ปี พ.ศ.2428)นั้น มีพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส แต่ถ้าพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นหลังจาก ปี พ.ศ.2428 เป็นพระพิมพ์ที่เข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดพระแก้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหน้าและวังหลวงนั้น มีเป็นจำนวนมาก ช่างสิบหมู่ 1 คน สามารถสร้าง(กดแม่พิมพ์)พระพิมพ์ได้วันละ 500 องค์ พระพิมพ์สร้างขึ้นตั้งแต่ ปีพ.ศ.2400 จนปลายรัชกาลที่ 6 ลองคิดดูกันเล่นๆว่า พระพิมพ์จะมีจำนวนกี่องค์ ผมเองเคยคุยกับท่านอาจารย์ประถม ผมถามว่าอาจารย์ครับ พระพิมพ์ทั้งของวังหน้าและวังหลวงสร้างมีประมาณสักกี่องค์ ท่านตอบผมว่า ไม่น่าจะน้อยกว่า 30.................................. 30 ล้านองค์ ผมก็ถามต่อว่าส่วนพิมพ์ของพระพิมพ์ละครับอาจารย์ มีสักกี่พิมพ์ ท่านอาจารย์ประถม ท่านบอกกับผมว่า มีเป็นร้อยพิมพ์ ผมถึงกับตะลึงว่า พระที่เราเก็บไว้นั้น ไม่ได้ 1 ใน 1000 เลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่พระพิมพ์ในขณะนี้นั้น เริ่มมีพระปลอมออกมาบ้างแล้วนะครับ ให้ระวังกัน ผมจะยกตัวอย่างให้ดูสักพิมพ์ คือพระพิมพ์ที่มีการลงมุกด้านหลังนั้น เขาจะใช้พลาสติกที่เป็นมุกติดเข้าไป เคยมีลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถม ซื้อไป แล้วลองไปแกะดู ปรากฏตามที่ผมได้แจ้งไปครับ

    .<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แต่ (แต่อีกแล้ว) พระกรุวัดพระแก้วยังมีอีกเป็นจำนวนมากนะครับที่เป็นของแท้ วิธีการพิสูจน์ว่าพระพิมพ์นั้นเป็นของแท้หรือไม่ ให้นำพระพิมพ์ไปหาพระหรือฆารวาสที่ท่านได้ฌานหรือได้ญาณเป็นอย่างน้อยแล้วตรวจดูให้ว่าเป็นพระแท้หรือไม่โดยการตรวจสอบพลังอิทธิคุณของพระพิมพ์ ให้ไปหาพระหรือฆารวาสไม่น้อยกว่า 5 คน ผลที่ตรวจสอบได้นั้นต้องตรงกัน เป็นอันใช้ได้ ห้ามใช้แว่นส่องแต่เพียงอย่างเดียว หากใช้แว่นสองแต่เพียงอย่างเดียวนั้น จะไม่มีวันรู้ว่าพระพิมพ์นั้นดีหรือไม่ ต่อให้ส่องอีกสัก 1,000,000ปี ก็ไม่มีวันเจอของจริง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เรื่องของผู้จับพลังนั้น แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ<O:p</O:p
    1.จับพลังอิทธิคุณขององค์พระพิมพ์ได้ <O:p</O:p
    2.จับพลังอิทธิคุณขององค์พระพิมพ์เป็น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1.จับพลังอิทธิคุณขององค์พระพิมพ์ได้นั้น จะรู้แต่เพียงว่าพระพิมพ์นั้นมีพลังหรือไม่ แรงหรือไม่แรง พลังอิทธิคุณด้านไหน(เมตตา , แคล้วคลาด , คงกระพัน) เท่านั้น<O:p</O:p
    2.จับพลังอิทธิคุณขององค์พระพิมพ์เป็นนั้น นอกจากจะรู้แต่เพียงว่าพระพิมพ์นั้นมีพลังหรือไม่ แรงหรือไม่แรง พลังอิทธิคุณด้านไหน(เมตตา , แคล้วคลาด , คงกระพัน) แล้วจะรู้อีกว่าเป็นพระองค์ไหนเสก , การเสกสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่หรือเป็นการเชิญพระองค์นั้นหลังจากที่พระองค์นั้นมรณภาพไปแล้ว ,เป็นการเสกเดี่ยวหรือเสกหมู่(มวยหมู่) และยิ่งกว่านั้นก็คือการนั่งสมาธิ การนั่งสมาธิสามารถคุยกับพระผู้ที่เสกพระพิมพ์ได้ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เรื่องของการจับพลังพระพิมพ์นั้น มีปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่หลายประการ อาทิเช่น <O:p</O:p
    1.พระพิมพ์บางองค์ เวลาที่กดพระพิมพ์นั้น อาจกดไปโดนฤกษ์ดอกลูกพิษ ถ้าพระพิมพ์องค์ไหน กดโดนฤกษ์ดอกลูกพิษ ไม่ว่าพระองค์ไหน ก็เสกไม่เข้าทั้งสิ้น ฤกษ์ดอกลูกพิษนั้น มีทุกวัน แต่ว่ามีเป็นช่วงๆ บางครั้งในหนึ่งวัน มีช่วงเดียว บางครั้งในหนึ่งวัน อาจมีหลายช่วงก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น <O:p</O:p
    2.ในการจับพลังองค์พระพิมพ์นั้น บางวัน พระผู้เสกท่านอาจปิดกระแสขององค์พระพิมพ์ก็เป็นได้ การปิดกระแสนั้น พระผู้เสกย่อมทำได้เนื่องจากว่า ระดับของญาณหรืออภิญญาสูงกว่าผู้จับพลังองค์พระพิมพ์ มีเพื่อนผมคนหนึ่ง สามารถจับพลังขององค์พระพิมพ์ได้ มีอยู่วันหนึ่ง เพื่อนผมผู้นี้ได้นำพระพิมพ์องค์หนึ่ง ไปให้อาจารย์ของเขาตรวจพลังให้ แต่ปรากฏว่า อาจารย์ของเขาได้บอกว่า พระพิมพ์องค์นี้ ไม่มีพลัง ไม่มีอะไรเลย แต่เพื่อนผมได้นำพระพิมพ์องค์เดิมไปให้เพื่อนของเขาจับ ปรากฏว่าเพื่อนของเขาจับพลังได้ และยังบอกอีกว่า พลังขององค์พระพิมพ์นั้น แรงมากด้วย ในเรื่องนี้ ความคิดเห็นส่วนตัวผม ผมเห็นว่า พระผู้เสกท่านอาจปิดกระแสไม่ให้อาจารย์ของเพื่อนตรวจพลัง นะครับ <O:p</O:p
    3.ในบางวัน พระผู้เสก ท่านอาจปิดกระแสขององค์พระพิมพ์ ก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน <O:p</O:p
    4.และในบางวัน ผู้ที่ตรวจพลังของพระพิมพ์ เป็นวันที่เบื้องบนไม่ให้ตรวจพลังขององค์พระพิมพ์ ก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน <O:p</O:p
    5.พิมพ์ทุกองค์นั้น เวลาที่ผ่านการปลุกเสกแล้ว จะมีเทวดารักษาองค์พระพิมพ์ทุกองค์ บางครั้งเทวดาที่รักษาองค์พระพิมพ์อาจจะปิดกระแสก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน <O:p</O:p
    6.ในบางครั้งพระปลอมก็มีพลังเช่นเดียวกัน ถ้าผู้ทำพระปลอมได้นำพระไปเข้าพิธีพุทธาภิเษก <O:p</O:p
    7.หรือบางครั้งผู้ทำพระปลอมได้นำเศษพระแท้ผสมลงไป ก็สามารถมีพลังได้เหมือนกัน เพียงแต่พลังอาจจะน้อยกว่าพระแท้ครับ <O:p</O:p
    8.การนำพระแท้ไปไว้ในที่ไม่สมควร เทวดาที่รักษาองค์พระพิมพ์ ท่านอาจจะไม่อยู่ครับ และทำให้พลังขององค์พระพิมพ์นั้นเสื่อมได้ครับ ตามหลัก มีเกิดได้ก็มีดับได้นะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมเอง ก่อนที่จะนำพระไปแจกให้ใครก็ตาม ผมจะนำพระไปให้ท่านอาจารย์ประถม ท่านเป็นผู้ที่ตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ท่านอาจารย์ประถมท่านเคยบอกผมว่า พระผู้เสกพระพิมพ์แต่ละองค์นั้น จะมีกระแสที่ไม่เหมือนกัน ผมเองเชื่อว่า ท่านอาจารย์ประถม ท่านรู้กระแสพระแต่ละองค์ว่า มีกระแสเป็นอย่างไร และผมยังเชื่ออีกว่า ท่านอาจารย์ประถม ท่านสามารถมองเห็นรังสีขององค์พระพิมพ์ได้ เนื่องจากท่านเองได้เล่าให้ฟังในเรื่องของรังสีของคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรให้ฟังหลายครั้ง อีกทั้งลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมหลายท่าน ก็สามารถตรวจสอบพลังขององค์พระพิมพ์ได้ เช่นการนั่งดูว่าใครเสก ,การนั่งดูพิธีเสก ,การจับพลังขององค์พระพิมพ์ ครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ส่วนเรื่องการแตกลายงานั้น หากได้มีการศึกษาแล้ว สามารถจะดูได้ว่าเป็นการแตกลายงาใหม่หรือเก่า ต้องเข้าใจในเรื่องของการแตกลายงาว่า สาเหตุของการแตกลายงาคืออะไร แต่ไม่ใช่ที่เซียนเขียนกันว่าการแตกลายงาเกิดจากรัก ส่วนรักนั้นคืออะไร เป็นอย่างไร ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของรัก เคยเห็นรัก เคยสร้างพระ ส่วนผงปูนนั้น จะเป็นปูนเพชรจากเทือกเขาฮันซุย ประเทศจีน ที่นำเข้าจากประเทศจีน มาทำเครื่องถ้วยชาม เครื่องสังคโลก และส่วนหนึ่งนำมาสร้างพระพิมพ์ ไม่ใช่ปูนเปลือกหอย ถ้านำปูนเปลือกหอยมาสร้างพระแล้ว พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นก็จะไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ เทวดาไม่อยู่ในซากสัตว์เดรัชฉาน เรื่องของการตำผงอีก ถ้าจะให้เนื้อพระพิมพ์สวยงามมากๆนั้น ต้องใช้ระยะเวลาในการตำผง 1 ครก ใช้เวลา 4 ชั่วโมง แต่บางทีบางท่านตำผงอยู่อาจขี้เกียจ อาจจะตำผง 1 ครก ใช้เวลา 2 ชั่วโมงหรือแค่ 3 ชั่วโมงเองก็มี จะทำให้เนื้อนั้นแตกต่างจะเนื้อพระที่ใช้ระยะเวลาการตำผง 4 ชั่วโมง ท่านที่มีหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า(ที่ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครเขียน) ก็จะพอเข้าใจ

    .<O:p</O:p

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2006
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องพระสมเด็จปัญจศิรินั้น เป็นพระที่ค่อนข้างดูยากสำหรับผู้ที่ไม่เคยเห็น หรือเห็นมาน้อย เพราะว่าสีในองค์พระนั้น จะมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่รุ่นแรกๆ ยันรุ่นหลังๆ การสร้างพระพิมพ์นั้นจะมีการสร้างกันอย่างต่อเนื่องไป จึงไม่ทราบชัดเจนมากนักว่าองค์นี้สร้างเมื่อไร แต่ที่ท่านอาจารย์ประถมท่านเคยสอนผมไว้ สีของพระพิมพ์ปัญจศิริรุ่นที่นิยมกันนั้น สีจะค่อนข้างหม่น สีจะแยกกันชัดเจนไม่กลืนกัน มีผงทองนพคุณผสมอยู่ในเนื้อพระพิมพ์ แต่ว่าในรุ่นอื่นๆ พระปัญจศิรินั้นก็มีผงทองนพคุณผสมอยู่ด้วยเสมอ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมเองมีพระพิมพ์ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านเสกไว้ตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่เป็นพันองค์ ส่วนพระพิมพ์ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ผมมีไม่น้อยกว่า 4,000 องค์ แต่บางคนเก็บพระพิมพ์ที่เซียนบอกว่าเป็นพระปลอมหรือพระนอกระบบ เป็นแสนองค์ โดยเฉพาะสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครเคยเปรียบเทียบให้เห็นกันแล้วว่าพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่ากับพระสมเด็จวัดระฆังนั้นเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ข้อแตกต่างระหว่างพระสมเด็จวัดระฆัง กับ พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า

    1.เนื้อหาของสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าจะกระเดียดไปทางพระพิมพ์สมเด็จของวัดใหม่อมตรส แต่ที่เป็นชนิดเนื้อน้ำมันก็มีอยู่เป็นบางพิมพ์ บางพิมพ์ก็ห่างไกลจากวัดระฆังฯ บางพิมพ์ก็ใกล้เคียงกัน แต่มีข้อแตกต่างที่พอจะเห็นได้ชัดจากการลงรัก การตัดขอบ มวลสาร และจุดโค๊ด
    2.สมเด็จวัดระฆังฯทุกองค์ทุกทรงพิมพ์จะต้องมีการตัดขอบข้าง ส่วนพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่ามีทั้งพิมพ์ที่มีการตัดขอบข้างและพิมพ์ยกถอดในตัว ไม่มีการคัดขอบ
    3.ด้านหลังของพระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังฯ จะปรากฏรอยคลื่นที่เรียกว่า “ ผิวโลก ” และจะมีรอยปูไต่คล้ายตีนปู เจาะลึกลงในเนื้อพระ ส่วนพระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ด้านหลังอาจจะเรียบราบด้วยเครื่องอัด จะปรากฏรอยปูไต่บ้าง ก็เบาบางมาก
    4.พระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังฯ หากเป็นพระที่ลงรัก จะมีการลงรักแต่เฉพาะด้านหน้า และเป็นการลงรักที่หนาโดยไม่เลือกว่าจะเป็นสีดำหรือสีผสมอมดำแดง ส่วนพระพิมพ์ที่สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าส่วนใหญ่จะมีการลงรักสองชั้นคือ ลงรักชาดสีแดง ทับด้วยรักสมุกสีดำโดยจะลงทั้งด้านหน้าและด้านหลังและที่ขอบทั้งสี่ด้าน การลงรักไม่สวยลงเพียงหยาบๆ และรักมักจะเปื่อยยุ่ย ไม่ร่อนกะเทาะ เพราะความหนาของรักมีไม่พอ ส่วนที่ลงรักหนาก็มีอยู่บ้าง ส่วนมากจะเป็นรักสมุกชั้นเดียวลงโดยฝีมือช่างรัก ซึ่งพบน้อยมาก รักมักจะย่นแลดูงามตา การลงรักของพระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังฯ มักมีการลงรักปิดทอง ที่เรียกว่า “ลงรักปิดทอง” การลงรักในพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณ5.มวลสารของพระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยผงทองนพคุณและผงแร่ขี้เหล็กไหลอันเป็นสื่อซับพลังจิต ซึ่งไม่มีในพระพิมพ์สมเด็จวัดระฆัง
    6.ส่วนที่คล้ายกันของพระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังฯ กับพระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า คืออายุการสร้างและการพุทธาภิเษก โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เหมือนกัน
    7.พระพิมพ์สมเด็จเจ้าคุณกรมท่าสำเร็จด้วยราชพิธีหลวง ส่วนพระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังฯ สำเร็จด้วยการพุทธาภิเษกธรรมดาสามัญ

    ผมขอเพิ่มเติมนะครับ
    พระพิมพ์สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ท่านเชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (พระอุตรเถระเจ้า ,พระโสณเถระเจ้า ,พระมูนียะเถระเจ้า ,พระภูริยะเถระเจ้า ,พระฌานียะเถระเจ้า) มาปลุกเสกให้ โดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ท่านมาในรูปอทิสมันกายครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระพิมพ์ของวังหน้า

    พระวังหน้า เริ่มมีการจัดสร้างจากพระบัณฑูรย์ของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ (ท่านเป็นพระราชโอรสองค์ต้นของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า) โดยเริ่มมีการจัดสร้างขึ้นครั้งแรก ประมาณปี พ.ศ.2400 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    การจัดสร้างพระของวังหน้านั้น จะมีมวลสารที่นำมาสร้างอยู่หลายอย่าง เช่น ปูนเพชร (ซึ่งนำเข้ามาจากเทือกเขาเมืองอันฮุย ประเทศจีน โดยท่านกรมเจ้าคุณท่า ท่านเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี นามเดิมว่า ท้วม บุนนาค ส่วนกรมเจ้าคุณท่านั้น หน้าที่ราชการของกรมท่า มีหน้าที่ชำระความระหว่างคนไทยกับชาวต่างประเทศ ,รับรองพ่อค้าชาวต่างประเทศ รวมไปถึงการรับรองฑูตานุทูตของต่างประเทศ ,การนำฑูตานุฑูตของไทยไปเจริญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ,การค้าขายกับต่างประเทศ ถ้าเปรียบเทียบในสมัยปัจจุบัน คือกระทรวงการต่างประเทศ) ,ผงอิทธิคุณ (เป็นผงที่เกิดจากการที่พระสงฆ์เขียนบาลี หรือยันต์ต่างๆ ) ซึ่งได้จากวังหน้าเอง หรือสำนักมูลกจายย์ ทั่วพระนคร ,เศษผงทองคำ(ใช้ในการโรยที่หน้าพระพิมพ์ แต่ในบางพิมพ์ก็จะไม่มี) เป็นหลักใหญ่ ส่วนในการผสมผง ตำผงนั้น 1 ครกใช้ระยะเวลา 4 ชั่วโมง จึงจะใช้ได้


    ในการพุทธาภิเษกนั้น เป็นพิธีพุทธาภิเษกหลวง ที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (อยู่ในวังหน้า ปัจจุบันสถานที่ของวังหน้า คือม.ธรรมศาสตร์ ,พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร ,วิทยาลัยนาฎศิลป์ ,โรงละครแห่งชาติ) องค์พระประธานที่วัดบวรสถานสุทธาวาสคือพระพุทธสิหิงค์ โดยเชิญสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มาเป็นประธานการปลุกเสก แต่ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ท่านเชิญหลวงปู่เทพโลกอุดร มาปลุกเสกให้ด้วย


    ตัวอย่างของพระวังหน้านั้น เช่น สมเด็จวังหน้า ,สมเด็จกรมเจ้าคุณท่า ,หรืออย่างกรุวัดท้ายตลาด, ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านได้นำพระไปบรรจุกรุที่วัดท้ายตลาด หรือพระหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ท่านกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญท่านนำพระไปถวายให้กับหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ (ท่านอ.ประถม อาจสาคร ท่านบอกว่า ชื่อของหลวงพ่อแก้ว นั้น ท่านชื่อ สุข แต่ที่ผู้คนเรียกท่านว่าหลวงพ่อแก้วนั้น เนื่องจากพระที่ท่านแจก เปรียบกับแก้วสารพัดนึก นั้นเอง)
    .<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ที่มี พ.ศ.2408 นั้น ดีที่สุดนะครับ ทั้งหมดจะมีอยู่ 44 พิมพ์ ผมเองมีแค่ 37 พิมพ์เท่านั้น มีทั้งหน้าเดียวและสองหน้า ถ้าพระพิมพ์สองหน้า จะมีกริ่งอยู่ด้วยครับ มีทั้งเนื้อปูนเพชร ,เนื้อดิน ,เนื้อสังขวานรก็มีนะครับ เก็บไว้ให้ดี โชคดีแล้วครับ

    .
     
  15. chai wong

    chai wong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +1,366
    คุณ สิทธิพงศ์ ช่วยดูให้หน่อยครับ

    พระรุ่นนี้สร้างประมาณปีไหนครับ และใครเป็นผู้ปลุกเสกครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. chai wong

    chai wong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +1,366
    พระชุดนี้ทันสมเด็จโตท่านปลุกเสกไหมครับ

    ขอบคุณมากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเองนั้นก็ไม่ค่อยจะเก่งมากนะครับ การดูพระพิมพ์จากรูปไม่ค่อยจะชัวร์ ผมเองยังต้องนำไปให้ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครดูให้นะครับ ที่ผมบอกไป ประมาณ 50 - 60 % เท่านั้นนะครับ ที่จริงต้องดูจากองค์จริงเป็นหลัก หากผิดพลาดประการใด ผมขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

    .
     
  20. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    สมเด็จวัดระฆังท่านสร้างแจกชาวบ้านทั่วไป

    สมเด็จบางขุนพรหม ท่านบรรจุกรุอยู่กับดิน

    แต่สมเด็จเนื้อลงรักปิดทองล่องชาด ท่านสร้างแล้วเก็บรักษาไว้บนที่สูง คือเพดานโบสถ์วัดระฆัง ให้นัยยะว่าเป็นของสูง

    สมเด็จเบญจสิริถึงกับเก็บรักษาไว้บนเพดานโบสถ์วัดพระแก้ว อันถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิสูงสุดของชาติ

    พระรุ่น 2408 มีขนาด 2 เท่าของชิ้นฟัก เพราะเหตุว่าสร้างถวายเจ้านาย ท่านจึงเมตตาทำให้พิเศษแตกต่าง เป็นการอนุโลมตามความนิยมการแบ่งชั้นวรรณะในยุคนั้น งานนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับการแสดงมุทิตาจิต บูชาคุณพระอาจารย์แสง วัดมณีชลขันธ์
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...