แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. หรหมจาโร

    หรหมจาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +1,056
    คุุณขุนเทียน คุณransang pmที่อยู่ให้ผมด้วยครับ พรุ่งนี้ผมจะส่งพระหลวงปู่ทิมไปให้ครับ
     
  2. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    พี่หนุ่้มเอ่ย ถึงเรื่องพระธาตุ ผมมีความสงสัยพอดีครับ มีคนให้ผมอาสาเอาพระธาตุไปส่งให้วัดผมก็จัดการเสร็จ แต่มีอีกส่วนก็รับอาสาเค้าไป แต่ส่วนหลังนี้เป็นพระบรมสารีริกธาตุองค์พระปฐม ก้อนใหญ่กว่าลูกแก้วอีก เป็นก้อนขาวๆ ถ้าประมาณก็ประมาณลูกหนังสะติ๊กโน่นนะครับ ผมสงสัยว่ามีจริงไหม แต่ก็ไปส่งให้เค้าครับ เพราะยังไงก็ถือว่าให้คนเจริญพุืทธานุสติกัน จะจริงไม่จริงก็ช่วยเค้าไปก่อน ในความคิดพี่ว่าเ้ป็นไงครับ ขอบคุณครับพี่
     
  3. วิมุติมรรค

    วิมุติมรรค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,753
    [​IMG]


    คุณยายอาจารย์ท่านนี้คือ อาจารย์เเม่ชีถนอม อาสไวย์
    สำนักวิปัสสนาถนอมรัตน์ ต.โพธิ์สะ อ.เมือง จ.อ่างทอง

    ท่านได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ที่มีวิชชากล้าเเข็ง เเละ เก่งที่สุดผู้หนึ่ง
    ในบรรดาศิษย์เอก...ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2010
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ใช่เลยครับ ผมจำชื่อผิดไปเองว่าชื่อคุณแม่หอม ใช่ชื่อที่บอกมานี้เลยคือคุณแม่ถนอม ขอประทานโทษต่อศิษย์ของคุณแม่ด้วยครับ สาธุ ขอกราบคุณแม่ครับ ผู้ละได้อย่างแท้จริง และมีปาฏิหารย์จริง ตัดได้ทุกสิ่งทางโลกแล้ว ขอบคุณมากครับ
     
  5. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,520
    รบกวนถามครับ จะใกล้วันเข้าพรรษาแล้ว ระหว่างเทียนกับหลอดไฟ ถวายอย่างไหนดีครับ ผมเป็นคนห่างวัดตั้งแต่เด็ก ขั้นตอนการถวายเทียนต้องทำอย่างไรบ้างครับ
     
  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    พระธาตุเม็ดใหญ่แบบนั้นไม่เคยเห็นเลยครับ จะบอกว่าเป็นอะไรนั้น คงจะไม่สมควรแน่นอน แต่ทำบุญกุศลโดยใจที่บริสุทธิ์ ดีแล้วครับ
     
  7. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ในความคิดของผมเองนะครับ ถวายหลอดไฟ เหมาะสมกับสภาพเป็นจริงในทุกวันนี้ ประเพณีนี้ทำเพื่อให้พระเณรมีแสงสว่างใช้เมื่อยามจำวัดท่องบ่นหนังสือหรือสวดมนตร์ แต่ยุคปัจจุบันไม่ค่อยได้ใช้เทียนแล้ว ใช้ไฟฟ้ากันแทบทั้งสิ้น ได้กุศลเช่นกัน
     
  8. noppornl

    noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,607
    ค่าพลัง:
    +8,008
    วันนี้ได้ทำกุศลปล่อยปลาไปเก้าตัวลงสู่คลองอันกว้างใหญ่
    เอาบุญกุศลมาเผื่อแผ่พี่น้องที่นี่ด้วย อนุโมทนากันนะครับ
     
  9. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    ในความคิดผมนะครับ แล้วแต่ว่าเอาไปแล้ววัดได้เอาไปใช้จริงไหม เท่าที่ผมรู้มาตอนนี้มีอาชีพใหม่ครับ คือไปหาซื้อเทียนตามวัดแล้วเอาไปหล่อขายใหม่ ผมเลยดูว่าจะถวายอย่างไรก็ดูวัด หากเป็นวัดที่อยู่ตามนอกๆ ก็ได้ใช้เทียนบูชาจริง แต่จะขายเอาเงินเข้าวัดก็คงไม่เป็นไร แต่ความตั้งใจผมอยากให้เกิดแสงสว่างเพื่อเป็นประโยชน์กับพระและเณรในการสวดมนต์ ผมเลยถวายหลอดไฟกับพัดลมส่วนใหญ่เพราะได้ใช้จริงๆ ถ้าถวายเทียนด้วยก็เลือกต้นไม่ใหญ่มากครับ ขั้นตอนก็นำไปถวายที่วัดดครับ หากกล่าวคำถวายไม่ได้ก็ขอเมตตาพระท่านกล่าวนำให้ครับ ก็จะเหมือนการถวายสังฆทานทั่วไป
     
  10. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    [FONT=&quot]เจ้ากรรมนายเวร (คัดลอกมา)[FONT=&quot]<o>

    </o>[/FONT]
    [/FONT] [FONT=&quot]ย้อนกล่าวถึงอดีต ที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นอยู่ในทุกวันนี้[/FONT] เมื่อปี พ.ศ. 2524 ตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย ปี 2 อายุก็อยู่ราวๆ 19-20 ปี เย็นวันหนึ่งข้าพเจ้าไปเดินเล่นกับเพื่อน พอขากลับก็ได้พบกับลูกสุนัขตัวหนึ่ง สีขาว ขนปุย อยู่ที่ข้างถนน ข้าพเจ้าเห็นมันน่ารักดีจึงร้องเรียกมันว่า เจ้านุ้ย ๆ และดูเหมือนว่ามันจะชอบชื่อนี้ พอเรียก “นุ้ย ๆ” มันก็วิ่งมาหาเลย และยอมให้อุ้มแต่โดยดี ข้าพเจ้าจึงนำเอาเจ้านุ้ยไปฝากให้แม่เลี้ยงที่ อ.ศรีเชียงใหม่ และจะกลับไปเยี่ยมเจ้านุ้ยที่ อ.ศรีเชียงใหม่ ทุกอาทิตย์

    และแล้ววันหนึ่งแม่ก็โทรมาบอกข้าพเจ้าว่า “ไอ้นุ้ยโดนรถชน” โดยรถมอเตอร์ไซค์เหยียบบริเวณท่อนหลังของเจ้านุ้ย แต่ไม่ตาย มันเดินด้วยสองขาหน้า แล้วลากส่วนท้ายที่โดนรถเหยียบ และร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวดทรมานทั้งวันทั้งคืน
    ตอนแรกที่รู้ข่าวว่าไอ้นุ้ยโดนรถเหยียบ ข้าพเจ้าไม่กล้ากลับบ้าน เพราะไม่อยากเห็นสภาพของเจ้านุ้ย แต่ก็อดคิดถึงมันไม่ได้ จึงตัดสินใจไปหาเจ้านุ้ย และจะพยายามทำใจไม่ให้สงสารมัน พอข้าพเจ้าก้าวเท้าเข้าไปถึงหน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงของเจ้านุ้ยร้องครวญคราง เดินสองขาหน้าลากส่วนหลังที่กำลังจะเน่า เดินเวียนวนไปมา เนื้อตัวมอมแมม ลำตัวผอมกะหร่องด้วยความเจ็บปวดทำให้มันอยู่เฉยไม่ได้ ตลอดคืนยันเช้าเจ้านุ้ยมันไม่ได้หลับไม่ได้นอน เอาแต่ร้องครวญคราง

    รุ่งเช้าข้าพเจ้าตัดสินใจมายืนดูเจ้านุ้ย “ใครหนอช่างใจร้ายขับรถเหยียบมันแล้วหนี” เจ้านุ้ยมันคงเจ็บปวดทรมานแทบขาดใจ จะช่วยมันอย่างไรดี เพื่อให้มันพ้นทุกขเวทนา ร่างกายลำตัวของมันส่วนล่างที่กำลังจะเน่ามีแมลงวันบินตอมเป็นกลุ่มๆ มันคงจะปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว มันจะทรมานอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่ถ้าหากมันตายไปตอนนี้ก็คงจะไม่ทรมานอีกต่อไป คงจะเจ็บอีกแค่ครั้งเดียว ข้าพเจ้ายืนคิดอยู่นาน คิดไปคิดมา คิดจนสับสน

    ขณะนั้นเองความคิดอุบาทว์ก็เกิดขึ้นมาในสมอง ข้าพเจ้าเดินไปจับได้ท่อนตอไม้ไผ่อันหนึ่ง ความยาวประมาณเกือบศอกแล้วเดินตรงไปยังเจ้านุ้ยทันที ทันใดนั้นก็เงื้อตอไม้ไผ่ขึ้นสุดแขน น้าข้าพเจ้าร้องทักขึ้น “เฮ้ย นั่นจะทำอะไร” แต่ขณะนั้นเองตอไม้ไผ่ในมือของข้าพเจ้าก็ฟาดลงตรงขมับด้านซ้ายของเจ้านุ้ยอย่างแรงแล้วรีบหันหน้าหนี เสียงของเจ้านุ้ยร้องดังขึ้นอย่างแรง แต่มันไม่ตาย คราวนี้ข้าพเจ้าเหมือนถูกผีร้ายเข้าสิง หันหน้ามาหาเจ้านุ้ยแล้วกระหน่ำตอไม้ไผ่ลงไปที่ศีรษะของมันบริเวณเดิมแบบไม่ยั้ง เสียงของมันค่อย ๆ เบาลง ๆ อย่างช้าๆ มีเลือดไหลออกตามรูหู รูจมูก และปาก ลำตัวของมันกระตุก สั่น ปากเผยอเล็กน้อยจนสิ้นใจและแน่นิ่งไปในที่สุด อนิจจา! ชีวิตของเจ้านุ้ยผู้น่าสงสาร ข้าพเจ้ามอบความตายให้มันเพื่อหวังจะช่วยมันหรือเป็นการก่อกรรม ก่อเวรกับเจ้านุ้ยกันแน่ ตอนนั้นทำเพราะคิดจะช่วยให้มันหายจากทุกข์ แต่ใจจริงรัก เมตตา และเสียดายเป็นที่สุด


    นับจากวันนั้นเป็นต้นมาชีวิตของข้าพเจ้าก็ดำเนินแบบปกติสุขเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้ากับเพื่อนๆ ได้เดินทางไปเที่ยว น้ำตกธารทอง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ขณะที่นั่งดูเพื่อนเล่นน้ำอยู่นั้น ไม่ทราบว่าเป็นอะไร อยู่ๆ ข้าพเจ้าก็เกิดพลัดตกลงน้ำ แล้วน้ำก็ไหลเข้าหูซ้ายทำให้มีอาการหูอื้อตลอดแต่ไม่มีหนอง นาน ๆ เข้าก็เริ่มปวดและปวดรุนแรงขึ้น จึงได้ไปพบแพทย์ แพทย์ก็ให้ยาหยอดหูและยามาทาน แต่ก็ไม่หายขาด มีอาการปวดร้าวไปหมดทั้งบริเวณแถบศีรษะด้านซ้าย ไม่ปวดมากแต่จะปวดตลอดทุกเวลา ทุกวินาที ปวดพอให้รำคาญ ปวดแบบนี้มาเป็นปีๆแล้ว

    จนปี พ.ศ. 2528 อาการปวดเริ่มหนักขึ้น ทั้งเวียนศีรษะและหน้ามืดบ่อยครั้ง ในที่สุดข้าพเจ้าตัดสินใจไปหาหมออีกครั้งที่โรงพยาบาลศิริราช นครราชสีมา หมอใช้เครื่องส่องดูหูที่หูข้างซ้าย แล้วหมอก็พูดขึ้นว่า “โอ รูโบ๋เลย เยื่อแก้วหูทะลุต้องผ่าตัดเปลี่ยนเยื่อแก้วหูใหม่นะ”

    ข้าพเจ้าฟังแล้วรู้สึกเสียวและกลัวมาก ผ่าที่ไหนไม่ผ่า มาผ่าที่หัวเรา ถ้าตายจะทำยังไง แล้วหมอก็นัดวันผ่า ตอนผ่ากลัวก็กลัว แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บมากนัก เพราะฤทธิ์ของยาชา แต่ก็ยังมีอาการเสียวๆ เย็นๆ ตรงที่ตอนคมมีดกรีด รู้สึกเย็นลงมาที่ลำคอในหลอดอาหาร แล้วข้าพเจ้าก็หมดสติไป จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกครั้ง รู้สึกเหนื่อยและเพลียมาก เพราะข้าพเจ้าวิ่งสุดกำลัง วิ่งหนีสิ่งที่น่ากลัวมาก ซึ่งไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน ด้านหลังของข้าพเจ้าคือสุนัขร่างผอมตัวหนึ่ง สีขาว รูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวมาก สูงประมาณเกือบศอก มันแยกเขี้ยวยาวคมกริบ ดวงตาทั้งคู่ของมันโตมากแดงเหมือนสีเลือด มันวิ่งเร็วมาก ข้าพเจ้าก็หนีสุดแรง ไม่ยอมหยุด เหมือนเกลียด โกรธ ชิงชังกันมาเป็นปีเป็นชาติ และในช่วงวินาทีนั้นข้าพเจ้าก็ขาอ่อน และทรุดลง สุนัขตัวนั้นก็ได้กระโดดขึ้นงับบริเวณศีรษะซีกซ้ายทั้งแถบ ข้าพเจ้าร้องและดิ้นจนสะดุ้งตื่น ทำให้เตียงข้างๆ หันมามอง และพูดกับข้าพเจ้าว่า

    “อ้าวเป็นอะไร รู้สึกตัวแล้วเหรอ รู้ไหมคุณหลับอยู่นี่สองคืนแล้วนะ พยาบาลเขาเดินมาดูหลายรอบแล้ว คุณก็ไม่ตื่นสักที” ข้าพเจ้ายิ้มแล้วก็พยักหน้าให้เขา คิดย้อนหลังไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่ามันคืออะไร สักพักหนึ่งเหมือนอยากจะอ้วก รีบพยุงตัวเองไปที่กระโถน รู้สึกเหมือนมีอะไรไหลอยู่ในลำคอ ข้าพเจ้าอ้าปากปล่อยให้มันไหลออกมา ปรากฏว่าเป็นน้ำเลือดสีแดงสดๆ ไหลออกจากปากลงสู่กระโถน ข้าพเจ้านอนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน แล้วหมอก็ให้กลับบ้านได้

    หลังจากผ่าตัดหูแล้วก็ยังมีอาการปวดศีรษะด้านซ้ายอยู่ โดยเฉพาะตรงหูและขมับซ้ายปวดตลอดเวลา จึงไปให้หมอตรวจที่โรงพยาบาลอีก หมอบอกว่าเยื่อแก้วหูทะลุอีก แต่ไม่มากนัก ขนาดเท่าปลายปากกา ข้าพเจ้าถามว่า “จะได้ผ่าตัดอีกไหม”

    หมอบอกว่า “ยังไม่ต้องหรอกเพราะยังไม่มาก” หมอให้ยามาหยอด และยาทาน อาการก็แค่พอทุเลาแต่ไม่หาย ระยะหลังๆ มานี้จะมีอาการปวดลูกตาซ้ายร่วมด้วย ปวดข้างเดียว ตาข้างขวาไม่เป็นอะไร และเวลานอนกลางคืน ข้าพเจ้ามักจะฝันเห็นสุนัขตัวผอมรูปร่างน่าเกลียดตัวนั้นไล่กัดแทบทุกคืน ก็สงสัยนะว่ามันเป็นเพราะเหตุใด


    จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้าต้องพาแม่ไปนอนวัดเพื่อจำศีลอุโบสถที่ วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นวัดกรรมฐาน ตอนนั้นเป็นเวลาทำวัตรเย็น แม่ให้อยู่ทำวัตรเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับ พระเริ่มสวดมนต์ได้สักพักหนึ่งข้าพเจ้าก็เริ่มมีอาการง่วงนอน ง่วงมากจนทนไม่ไหว จะหลับท่าเดียว จนในที่สุดข้าพเจ้าก็ไม่ได้ยินเสียงพระสวดมนต์เลย จะว่าหลับก็ไม่ใช่เพราะรู้ว่าตัวเองนั่งพนมมืออยู่ ไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว

    ข้าพเจ้าก็มองเห็นและได้ยินเสียงร้อยโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานของสุนัขตัวหนึ่ง มีขนสีขาว ตัวผอม ตอนนั้นข้าพเจ้าเหมือนลอยอยู่ มองดูข้างๆของสุนัขตัวนั้น มีชายคนหนึ่งกำลังถือตอไม้ไผ่อยู่ในมือยาวประมาณครึ่งศอก ข้าพเจ้าใจหายวาบ ขนลุก และกลัวจนตัวสั่น เพราะชายคนนั้นกำลังใช้ตอไม้ไผ่ตีลงไปที่หัวของสุนัขแบบไม่ยั้งมือ ข้าพเจ้ารีบร้องตะโกนใส่ชายคนนั้น “เฮ้ย! คุณฆ่ามันทำไม มันไปทำอะไรให้คุณ” ชายคนนั้นไม่ตอบ และเหมือนจะไม่ได้ยิน จนสุนัขตัวนั้นขาดใจตายและแน่นิ่งไป แล้วชายคนนั้นก็หันหน้ามา พอข้าพเจ้าเห็นหน้าเขาก็ตกใจหัวใจแทบหยุดเต้น


    อนิจจา ชายคนที่หันหน้ามาเขาคือตัวของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าตกใจกลัวและรู้สึกตัวขึ้นมา ปรากฏว่าทำวัตรเย็นจบไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้คนอื่นๆ กำลังนั่งหลับตาภาวนาสมาธิกันอยู่ แต่หลายคนก็กลับไปแล้ว ข้าพเจ้าหันไปมองนาฬิกาที่ผนัง “โธ่ นี่เรานั่งอยู่ตรงนี้เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วหรือ” แต่ไม่อยากรบกวนคนที่นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ จึงนั่งต่อ ช่วงนั้นร่างกายรู้สึกปลอดโปร่ง รู้สึกว่าอาการปวดศีรษะจะไม่มีเลย จึงขยับตัวเปลี่ยนท่ามานั่งขัดสมาธิเหมือนที่คนข้างๆ เขาทำ แต่ไม่รู้หรอกว่านั่งแล้วต้องท่องคาถาอะไรหรือเปล่าเพราะไม่เคยนั่ง เห็นตัวเองกำลังรู้สึกสบายก็เลยอยากจะนั่ง

    แต่เอ๊ะ! ที่ข้าพเจ้าเห็นผ่านไปเมื่อสักครู่มันคืออะไร และแล้วข้าพเจ้าก็รู้ และจำได้ทั้งหมดทุกขั้นตอนที่ทำกับเจ้านุ้ย มิน่าล่ะ ภาพนี้เหตุการณ์นี้มันจึงได้ตามหลอกหลอนข้าพเจ้าเรื่อยมา ข้าพเจ้าไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้กับใคร จนได้มาเจอ นิตยสารโลกทิพย์ และได้มาอ่านเจอคอลัมน์ “กรรมใดใครก่อ” จึงคิดที่จะเปิดเผยเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ที่สนใจ ได้อ่านและพิจารณาปฏิบัติตัวตามแนวทางที่เป็นจริง หลีกเลี่ยงจากการก่อกรรมทำเข็ญต่าง ๆ

    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าพเจ้าไม่คิดที่จะไปรักษาหูให้หายขาดจากความเจ็บปวดอีกเลย ข้าพเจ้ายอมรับความเจ็บนี้ แม้จะเจ็บปวดไปจนถึงวันตายก็ยอม บุญใด กุศลใดที่ข้าพเจ้าทำ ที่ข้าพเจ้าสร้าง ขอให้เจ้านุ้ยได้รับผลบุญกุศลที่ได้อุทิศไปให้ ไม่ว่าเจ้านุ้ยจะตกอยู่ ณ สถานที่แห่งใดก็ตาม ถ้าเจ้านุ้ยได้รับความทุกข์ทรมานก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุขก็ขอให้มีความสุขยิ่งๆขึ้นไป อย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลย ขอให้หมดเวรหมดกรรมต่อกันแต่เพียงชาตินี้ <o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2010
  11. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    ขอบคุณมากครับที่เอาเรื่องดี ๆ มาให้อ่านกัน คนสมัยนี้จำนวนมากไม่เกรงกลัวบาปกรรม ทำตามใจอยาก กว่าจะรู้ว่ากรรมมีจริงก็เจอกับตัวเอง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ
     
  12. siamese

    siamese เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +791
    พี่หนุ่มครับพระเนื้อดินเผาที่อาจารย์ผู้สร้าง เสกขณะที่เผาไฟ กับที่เสกหลังจากเผาไฟแล้ว มีผลต่อการหนุนธาตุในตัวเราแตกต่างกันมั้ยครับ ขอบคุณครับ
     
  13. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    พี่หนุ่มครับผมมีคำถามอีกแล้ว เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่มันเป็นช่องว่างระหว่าง ศาสนากับความเป็นจริงครับ เรื่องของเรื่องคือพ่อของเพื่อนรุ่นพี่ผมเค้า เส้นเลือดในสมองแตก ประมาณเที่ยงคืน เค้าไม่มีรถและฝนตกกว่าจะไปเรียกหารถมาเพื่อจะส่งพ่อไปโรงพยาบาลก็ตีสอง ไปหาโรงพยาบาลที่นี่ไม่ทำอะไร และต้องรอหมอใหญ่ หมอใหญ่บอกต้องส่งต่อ กว่าจะได้ส่งพ่อเค้าไปอีกโรงพยาบาลก็เกือบเที่ยง ปรากฏว่าอาการเป็นหนักครับ พ่อเค้าต้องเป็นเจ้าชายนิททรา ไม่ตายแต่ก็อยู่ได้ด้วยสาย Oxigen เค้าก็รวมความเห็นกันว่าจะถอดหรือจะปล่อยให้พ่อเค้าไปดี สรุปสุดท้ายก็ให้ถอด ผมอยากจะถามพี่ว่ากรณีอย่างนี้จะบาปไหมครับ มันเป็นช่องว่างเหมือนที่พี่เล่ามาจริงๆ ในส่วนของผมๆมาเล่าเรื่องนี้ให้แฟนฟัง และสั่งว่าถ้าผมเป็นอย่างนี้ให้ถอดเลย อย่าปล่อยให้ทรมาน แล้วคนถอดจะบาปไหมครับ
     
  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เเด่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อว่า แม่

    เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้
    เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง
    เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา
    เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น
    เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน
    เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน
    เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่รร. คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า 'ไม่ไป... ไม่ไป... ไม่ไป...''
    เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
    เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก
    เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
    เมื่อคุณอายุ 10ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง
    เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)
    เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี ให้ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมเข้าม.1 คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดู ต่อโดยไม่อ่านหนังสือเลย
    เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า 'แม่นี่...ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องมายุ่งกะหนู(ผม)หรอก'
    เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ
    เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้องโดยไม่สนใจ
    เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไปเที่ยว
    เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชาให้คุณได้เรียนเพิ่ม เพื่อหวังให้คุณเก่งและมีความรู้ คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน
    เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองกับเพื่อนตั้งแต่ค่ำยันเช้า
    เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญจากคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการใช้โทรศัพท์ตลอดคืนนั้น
    เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า 'แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย'
    เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า 'หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่'
    เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการไปกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณ โดยไม่กอดแม่ที่ท่านอยากกอดคุณ
    เมื่อคุณอายุ 23 ปีแม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า 'มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร'
    เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า 'แม่จะมายุ่งอะไรกะหนู(ผม)อีกเนี่ย'
    เมื่อคุณอายุ 25 ปี (สำหรับผู้ชาย)แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า 'อายคนอื่นเขาน่า แม่'
    (สำหรับผู้หญิง)แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า'หนูอยากไปอยู่ต่าง-ประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดยไม่มีแม่'
    เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า 'สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่'
    เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า 'ตอนนี้ไม่ว่างเลย'
    เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า 'มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ'

    และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
    โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่ 'แม่'

    ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ'แม่'ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ

    ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม

    รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น

    อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด วันนี้รัก "แม่" ให้มากกว่ารักตัวเอง <o></o>

    แสดงให้แม่รู้ว่าคุณก็ "รัก" แม่ ก่อนที่จะทำได้แค่เพียงบอกรักกับ "รูป" ของแม่เท่านั้น
    <o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2010
  15. namo_2009

    namo_2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,432
    ค่าพลัง:
    +10,228
    สวัสดีครับวันนี้ได้มีโอกาส (โดยไม่รู้ตัว) ได้กราบหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบครับ เพราะว่าจะไปหาที่พักให้พ่อกับแม่ครับจะมาเที่ยววัดหยุดช่วงเข้าพรรษา ขับไปเรื่อยๆจากระยอง พอเห็นวัดก็ตกใจเพราะผมไม่เคยไปเลย ในใจดีใจมากครับ ขับตรงเข้าไปทันทีครับ
    ได้กราบและปิดทองท่าน รู้สึกสบายใจมากๆมีความสุขมากๆ ก่อนกลับก็จัดปลัดขิก 1 ดอก พร้อมกระดาษที่เขียนคาถาบูชาท่าน และได้เสี่ยงเซียมซีขอท่านว่า ให้เซียมซีที่เสี่ยงนี้เป็นเรื่องในอนาคตของผมด้วยเถิด สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    อยู่ที่เจตนาครับ
    เมื่อไม่ได้เจตนาจะทำลายชีวิต และหมอใหญ่เองก็ลงความเห็นว่าสมองตายแล้ว ในทางการแพทย์ถือว่าเสียชีวิตแล้ว เราประสงค์ช่วยไม่ให้ทรมาน ไม่น่าจะเป็นบาปกรรมนะครับ ถือเอาเจตนาเป็นหลักใหญ่
     
  17. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หากมีการเพ่งกสิณไฟพร้อมๆกับการเผาพระเนื้อดินไปด้วย ก็เป็นการเพ่งอำนาจจิตและตั้งธาตุ หนุนธาตุไฟไปด้วยพร้อมกัน ทำให้ครบถ้วนในพลังอำนาจตามที่ผู้สร้างตั้งใจเจตนาไว้โดยตรง แต่หากพระเกจิที่เก่งๆสามารถปลุกเสกและตั้งธาตุหลังจากเผาเสร็จแล้ว ก็ได้เช่นกัน
     
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ลูกชั่ว<o>

    </o>
    พ่อแม่หรือที่ท่านสอนว่า เป็นพระในบ้านนั้น ท่านมีบุญคุณสูงสุดเหนือกว่าสิ่งใด ผู้ที่ทำร้าย หรือด่าว่าได้กระทั่งพ่อแม่ เขาว่าผู้นั้นจะทำมาหากินไม่ขึ้น ชีวิตมีแต่ตกต่ำ และเมื่อละโลกนี้ไปแล้ว จะต้องจมดิ่งลงนรกแน่นอน เรื่องกรรมเวรเป็นเรื่องที่มีจริง จะไปล้อเล่นไม่ได้ ใครก่อกรรมสิ่งใดไว้ทั้งดีและชั่ว เขาผู้นั้นก็จะได้รับผลกรรมตอบสนอง ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้

    ยายบุญ กับ ตาส่ง สองสามีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ประกอบอาชีพทำขนมขาย ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ขนมหม้อ มีกล้วยบวชชี ฟักทองแกงบวด เต้าส่วน ข้าวเหนียวถั่วดำ เป็นต้น ขายวันหนึ่งก็พอได้กำไรมาเป็นค่ากับข้าวบ้าง ค่าเช่าบ้านบ้าง สองสามีภรรยาเช่าบ้านอยู่ที่ชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ฯ มีลูกชายสุดที่รักอยู่คนเดียว ชื่อว่า ธีระชัย เมื่อลูกยังเล็ก ทั้งคู่จะช่วยกันทำขนม เสร็จแล้วยายบุญจะเป็นผู้ที่หาบขนมไปขายตามบ้าน พอเย็นหน่อยก็กลับมาพร้อมกับซื้อกับข้าวสำเร็จมา เป็นอยู่เช่นนี้ประจำ

    วันหนึ่งยายบุญไปขายขนมอย่างเช่นทุกวัน ตอนเย็นกลับมาเห็นตาส่งนอนอยู่ จึงเข้าไปปลุก แต่ปรากฎว่า ตาส่งได้ตายไปเสียแล้ว ด้วยโรคลมปัจจุบัน ยายบุญเสียใจมาก แต่ความเสียใจก็ไม่ช่วยให้ชีวิตกลับคืนมา จึงตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน และเลี้ยงลูกชายสุดที่รักต่อไป ธีระชัยเป็นคนไม่เอาถ่านตั้งแต่เล็ก ๆ แล้ว หนังสือก็ไม่ยอมเรียน งานบ้านก็ไม่ยอมช่วย ชอบแต่คบเพื่อนเที่ยวเตร่ไปวัน ๆ เช้ากินข้าวเสร็จก็ออก เย็นกลับมาก็กินข้าว เป็นอยู่เช่นนี้ประจำ แม่ว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่เชื่อ กลับเถียงแม่คำไม่ตกฟาก เมื่อธีระชัยย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม แทนที่จะดีขึ้น กลับเลวลง เขาเริ่มดื่มเหล้า สูบบุหรี่ บางครั้งมียาเสพติดอีกด้วย ทำให้ยายบุญผู้เป็นแม่ต้องกลุ้มใจยิ่งขึ้น ยายบุญได้แต่คิดว่าตนคงทำกรรมอะไรไว้แต่ชาติก่อน ชาตินี้ถึงมีลูกออกมาเช่นนี้ ได้แต่ยอมทนต่อไปจนถึงที่สุด

    แล้วก็มีความคิดว่า ลูกชายก็โตเป็นหนุ่มแล้ว ถ้าหาเมียให้ อาจจะทำให้นิสัยเขาเปลี่ยนเป็นดีขึ้นก็ได้ แล้วก็ได้มองเห็น สมจิตร ซึ่งเป็นลูกสาวเพื่อนบ้าน เห็นว่านิสัยดี เมื่อทั้งคู่ตกลงแล้ว ก็ได้ทำตามประเพณี ให้ชาวบ้านรับรู้ แล้วจึงรับสาวสมจิตรมาอยู่ด้วย สมจิตรเป็นเด็กดี นิสัยเรียบร้อย เมื่อมาอยู่ก็ได้ช่วยยายบุญทำขนมขาย ขยันขันแข็ง จึงเป็นที่รักของยายบุญมาก ที่ได้ลูกสะใภ้ถูกใจ เมื่อธีระชัยเที่ยวเตร่กลับมา บางครั้งเมามายจนเอะอะโวยวาย พอถูกแม่ว่า ก็ด่าว่าสมจิตร หาว่าเข้าข้างยายบุญ ไม่พอใจถึงกับตบตีสมจิตรอยู่บ่อยครั้ง

    ต่อมาสมจิตรได้ลูกชายคนหนึ่ง มีนิสัยเหมือนแม่ ขยันขันแข็งในการเรียนหนังสือ และเมื่อกลับจากโรงเรียนก็ได้ช่วยทางบ้านทำงานด้วย ลูกชายของสมจิตรรักแม่และย่ามาก แต่ไม่รักพ่อเลย เพราะพ่อได้แต่ขี้เหล้าเมายา บางครั้งพาลหาเรื่องตบตีแม่และย่าด้วย เขาจึงเกลียดพ่อมาก ธีระชัยอายุมากแล้ว แต่นิสัยยังไม่เปลี่ยน นิสัยแย่ยิ่งขึ้นกว่าเก่า คือกลับบ้านเมามายังไม่พอ แม่ว่าถึงกับตบตีแม่ด้วย นี่เป็นกรรมหนักที่เขาทำกับพ่อแม่ แทนที่จะตอบแทนพระคุณ กลับเนรคุณ ทั้งลูกทั้งเมียถึงกับขยาดในความเลวของธีระชัย แต่พูดอะไรไม่ได้ จึงทำเฉยเสีย

    ธีระชัยเริ่มติดยาเสพติด วันไหนไม่ได้เสพเป็นอันต้องกระวนกระวาย วันหนึ่งเขาต้องการเงินเพื่อไปซื้อยาเสพ เขาขอเงินแม่ แต่ยายบุญไม่ยอมให้ เท่านั้นแหละ เหมือนผีป่าเข้าสิง เขาตบตีทั้งแม่และเมียอย่างไม่นึกถึงเวรกรรมอะไรเลย พอดีลูกชายกลับมาเห็นเข้าจึงขวางไว้ และได้พูดกับพ่อ ว่าพ่อเนรคุณ แต่ไม่กล้าทำอะไรพ่อ กลัวจะเป็นบาป นายธีระชัยทำเช่นนี้จนเกิดเป็นนิสัย จนชาวบ้านต่างพูดกันว่า คอยดูนะ กรรมจะตามทัน

    ต่อมาอีกหนึ่งปี ธีระชัยมีอาการอยากเสพจนมือไม้สั่น บังเอิญเพื่อนในกลุ่มนั้นคนหนึ่งมียาเสพติดอยู่ในมือ ธีระชัยขอแบ่งบ้าง แต่เขาไม่ให้ จึงเกิดแย่งกันขึ้น ทุกคนจึงรุมซ้อมธีระชัยคนเดียว จนตัวฟกช้ำไปหมด นอนสลบอยู่ที่ตรงนั้นนั่นเอง ชาวบ้านมาบอกกับสมจิตร ทั้งแม่ เมีย และลูกของธีระชัย ต่างหน้าตาตื่นไปที่เกิดเหตุ เห็นตัวธีระชัยเขียวช้ำไปหมด ได้เอาตัวกลับมาบ้าน ธีระชัยฟื้นขึ้นมา แต่ทานอะไรไม่ได้เลย แม้แต่น้ำก็ต้องหยอดให้

    เขานอนทรมานอยู่อย่างนั้นเป็นเดือน ปากก็พร่ำเพ้อถึงเรื่องที่เขาเคยก่อเวร สร้างกรรมมาในอดีต ที่เขาไม่เคยเลี้ยงดูพ่อแม่เลย กลับโต้เถียงและทุบตีพ่อแม่ ซ้ำลูกเมียก็ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ วัน ๆ ปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไม่ใยดี ชีวิตจมปลักอยู่กับเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด จนต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เขานอนซมอย่างนั้นไม่นาน ในที่สุดก็สิ้นใจ เนื้อหนังร่างกายนั้นเหมือนกับผีตายซากไม่มีผิด นี่แหละหนากรรม
    <o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2010
  19. namo_2009

    namo_2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,432
    ค่าพลัง:
    +10,228
    ขอบคุณครับพี่หนุ่มเรื่องนี้ผมอ่านแล้ว บางอย่างผมเคยพูดกับแม่ ผมไม่อายที่จะบอกครับ ตอนนี้ผมไม่เคยแม้แต่จะทำให้แม่เสียใจ ทุกครั้งที่ท่านโทรหาผมจะคุยกับท่านให้ได้นานที่สุด ถามท่านว่ากินข้าวรึยัง สบายดีมั้ย ป่วยอะไรรึเปล่าครับแม่ ไปหาหมอะตรวจสุขภาพประจำปียัง ผมรักแม่ครับ
     
  20. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,764
    ค่าพลัง:
    +83,933
    ความเห็นผมส่วนตัวไม่ควรครับ หน้าที่ของลูกต้องทำให้ถึงที่สุด คนป่วยไม่ทรมานเพราะระบบประสาทไม่รับรู้ เป็นเพียงคนเลี้ยงและดูแลที่ทรมานต้องเสียทรัพย์และเวลา
     

แชร์หน้านี้

Loading...