แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. ภูมิบุญ

    ภูมิบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +109
    หลวงพ่อสำเนียง

    จำได้ว่า คุณ ท.เลียงพิบูลย์ เคยเขียนเรื่องของท่าน ในหนังสือกฎแห่งกรรม
    ประมาณเล่มที่ 27 ยังมีคนจำท่านได้อยู่..แต่คงเหลือไม่มากนัก
     
  2. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    สู้ๆ ครับ


    เคยได้ยินคำนี้มั้ยครับ " เก่งไม่กลัว กลัวคนขยัน "

    ขยันเข้าไว้ครับ
     
  3. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,785
    ยืนยันอีกเสียงครับ

    ตอนนี้ มีพระดี+ปฏิบัติ = ได้ผลดีชีวิตดีขึ้นแน่นอน ลองแล้วครับเหมือนท่านเลยครับ แสดงว่าแบบนี้ถูกต้องแน่นอนครับ เพราะผมเห็นผลภายใน 1 วันครับ :cool:
     
  4. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,785
    องค์ที่รูปถ่ายท่าน ทำมือกวัก รึป่าวครับ
     
  5. โอสถ

    โอสถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,545
    ค่าพลัง:
    +12,113
    เรื่องประสบการณ์ บางทีถ้าเราสังเกตุ อาจมีสิ่งเล็กๆน้อยๆในชีวิตที่เป็นเหมือนเรื่องบังเอิญ แต่ก็เหมือนไม่บังเอิญ

    อย่างเมื่อวาน ผมค้นพระที่เก็บไว้ เจอพระเนื้อว่านองค์หนึ่งที่พี่ชายเคยให้มานานสิบกว่าปีแล้ว จำได้แต่ว่าเป็นพระเกจิสายใต้และค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ก็นึกไม่ออกจำไม่ได้ว่าเป็นเกจิท่านไหน ก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อ เก็บพระไว้ที่เดิม

    พอมาวันนี้ ก็บังเอิญเจอร้านหนึ่งในห้องพระเครื่อง เพิ่งนำเอาพระพิมพ์นั้นออกมาให้บูชาในวันนี้เป็นวันแรก ... มองตอนแรกก็ว่า คุ้นๆตา ... แล้วก็นึกออกว่าเพิ่งเห็นมาเมื่อวานนี้เอง เป็นพิมพ์เดียวกันเลย เพียงแต่คนละเนื้อกันเท่านั้น

    จะว่าบังเอิญก็บังเอิญ จะว่าแปลกก็แปลก เหมือนท่านต้องการจะให้เรารู้ว่า ท่านคือใคร ... พอวันรุ่งขึ้นก็รู้เลย

    ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ก็เป็นความบังเอิญ ที่เหมือนไม่บังเอิญอย่างหนึ่ง
     
  6. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327

    พี่หนุ่ม ครับ เคยได้อ่าน หนังสืออยู่ฉบับหนึ่งมั้ยครับ (ผมจำไม่ได้ว่าหนังสืออะไร นานมากแล้ว) เรื่องหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร เค้าเขียนว่า ท่านแอบอ้างว่าเป็นบุตรของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผมได้อ่านนานมากแล้ว สงสัยมานาน ว่าที่เค้าเขียนจริงไม่จริง เป็นเซียนดังด้วยนะครับ ที่เขียน
     
  7. ภูมิบุญ

    ภูมิบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +109
    หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร

    รู้สึกว่าในหนังสือจะไม่มีรูปนะครับ เป็นหนังสือกฎแห่งกรรมชุดท้ายๆ ผมซื้อจากเซ็นทรัลลาดพร้าว ร้านอะไรก็จำไม่ได้ซะแล่ว ขนาดพอ็กเก็ตบุ้กค์หนาสักครึ่งนิ้ว
    ออกประมาณปี2540 ( ในเล่มเดิม มีห้าเล่ม หนาปึ้ก สักสามนิ้วได้ ก็มีพิมพ์เอาไว้ แต่ผมจำว่าเป็นเรื่องที่เท่าไหร่ไม่ได้ ผมซื้อจากแผง ประมาณปี 2526 )
     
  8. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327
    โหลดมาฝากครับ เพลงสวดที่ พี่หนุ่ม แนะนำ

    หาโหลดอยู่เกือบ 2 ชม. พอเจอก็โหลดไม่ได้ แต่ก็หามาฝากทุกท่านจนได้ครับ


    ตอนแรกจะลงให้โหลดได้เลย แต่ไฟล์ใหญ่มาก

    ผมเลยนำลิ้งค์ที่โหลด มาให้เลยครับ เข้าไปโหลดกันได้เลย


    02-มหากรุณาจิตธารณีสูตรคาถา.wma - 4shared.com - การใช้เพลงและ mp3 ร่วมกัน - ดาวน์โหลด
     
  9. โอ ท่าซุง

    โอ ท่าซุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,291
    ค่าพลัง:
    +8,435
    สวัสดียามเช้าทุกท่านครับ
     
  10. 2zani

    2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549

    สวัสดีครับพี่หนุ่ม และพี่ๆทุกท่าน

    รู้โลกรู้ธรรม หลวงตามหาบัว<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->
    เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
    เมื่อวัน ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๕​

    รู้โลกรู้ธรรม


    <O></O>

    เราได้มาบวชในพระพุทธศาสนาไม่ได้มา บวชเพื่อฟังข่าวของพระพุทธเจ้าแลสาวกทั้งหลายโดยถ่ายเดียวต้องนำข่าว ของท่านว่าดำเนินอย่างใดจึงเป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์และปรากฏ องค์เป็นศาสดาและเป็นสรณะของพวกเรามาปฏิบัติข่าวของ ท่านเป็นข่าวพ้นทุกข์โดยมากเราผู้สนใจ ในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ต้องจับเอา เป็นเหตุคือปฏิปทาเครื่องดำเนินของท่านที่ได้ รับผลมาแล้วว่าต้นเหตุเป็นมาอย่างไรไม่เช่นนั้น เราจะไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างพระพุทธเจ้าแลสาวกทั้งหลายเช่นผลไม้ ต่างเราจะมองดูแต่ผลซึ่งเกิดอยู่บนลำต้น ถ่ายเดียวโดยไม่คำนึงว่าผลไม้นี้เกิดมาได้ อย่างไรและต้นไม้นี้อาศัยอะไรเป็นอาหารปุ๋ยประเภท ใดซึ่งถูกกับผลไม้ประเภทนั้นจึงยังผล ให้ปรากฏขึ้นและได้รับประโยชน์<O></O>

    ข่าวแห่งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็ดีข่าวแห่ง สาวกที่ได้ตรัสรู้ตามพระองค์ท่านก็ดีนี่เป็นข่าว ส่วนผลแต่ข่าวเหตุพระพุทธเจ้าแลสาวกท่านดำเนินอย่างใดจึง ได้บรรลุผลอันสมบูรณ์เราบวชมาในพระพุทธศาสนาจึงไม่ควรรอ ฟังข่าวของท่านซึ่งเป็นผลโดยถ่ายเดียวที่ถูกต้อง ฟังผลที่ท่านได้รับด้วยทั้งเหตุที่ท่านดำเนินด้วยข้อปฏิบัติ อันยังผลนั้นให้ปรากฏขึ้นด้วยแล้วน้อม เข้ามาเป็นเครื่องพร่ำสอนตนเองแต่ละท่านว่าทางจากจุด นี้ไปถึงจุดนั้นหรือบ้านนั้นเมืองนั้นมีทางไปได้ อย่างไรเขาไปทางสายใดจึงจะถึงที่หรือเมืองนั้นเราต้องจับ ต้นทางเป็นของสำคัญทางแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า แลสาวกดำเนินเป็นทางที่โลกไม่ชอบ ดำเนินกัน เพราะเหตุนั้นพระพุทธเจ้ากับสาวกจึงต่างจากโลกเมื่อปรากฏ ผลขึ้นมาแล้วโลกต้องยอมกราบพระพุทธเจ้าว่าท่าน ประเสริฐจริงพระธรรมที่เกิดจากพระพุทธเจ้าก็เป็น ธรรมประเสริฐและสาวกทั้งหลายก็กลายเป็นผู้ ประเสริฐจากบรรดาโลกทั้งหลาย

    ทางสายนี้เป็นทางเดินลำบากยากอยู่เพราะ เกี่ยวกับการบังคับทั้งการไปการอยู่การหลับนอนการฉันและการถ่าย เทต่างๆนอกจากนั้นยังมีการบังคับทางด้านจิตใจมีรั้วกั้น อยู่รอบด้าน จึงจัดว่าเป็นทางที่สัตว์ทั้งหลายผู้ต้องการจะไหลไปตามกระแสแห่งความอยากของ ตนจะดำเนินตามพระพุทธเจ้าแลสาวกได้โดยยาก แต่ผู้ฝืน ดำเนินตามแนวที่พระพุทธเจ้าแลสาวกดำเนินไปแล้วผู้นั้นจะ ต้องถึงฝั่งแห่งความเกษมได้คือพระ นิพพาน<O></O>

    เวลานี้เราทั้งหลายต่างก็คาดเครื่องรบเต็มตัวอยู่ แล้วเครื่องรบของเราทุกชิ้นซึ่งเป็น หลักธงชัยอันสืบเนื่องมาแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ทรงได้ชัยชนะมาแล้วเครื่องรบนั้นคือบริขาร แปดที่ประทานให้ผู้บวชเป็นพระเป็นเณรในพระพุทธศาสนาได้แก่บาตรสบงจีวรสังฆาฏิประคดเอวมีดโกนเครื่อง กรองน้ำและกล่องเข็มนี่คือ เครื่องรบของนักบวชที่ประทนให้เป็นมรดกนับแต่วัน อุปสมบทปฏิญาณตนเป็นศิษย์พระตถาคตและทรงชี้ วิธีปฏิบัติและทางดำเนินเพื่อชัยชนะข้าศึกคือกิเลสโลโภโทโสโมโหอันเป็น ส่วนภายในทุกกรณีแต่ประโยคสำคัญคือตัวของเราเองบัดนี้เรา ได้คาดการรบไว้มากน้อยเท่าไรเพื่อชัยชนะมาสู่ตัวเรา<O></O>

    เครื่องมือในการรบคือศีลสมาธิปัญญาแยกออกไป ตามมัชฌิมาปฏิปทามีคือสัมมาทิฏฐิสัมมาสัง กัปโปนี่เป็นองค์แห่งปัญญาสัมมาวาจาสัมมากัม มันโตสัมมาอาชีโวนี่เป็นองค์ แห่งศีลสัมมาวายาโมสัมมาสติสัมมาสมาธินี่เป็น องค์แห่งสมาธิรวมแล้วเรียกว่าศีลสมาธิปัญญาพระ พุทธเจ้าแลสาวกท่านเดินทางสายนี้แลซึ่งโลกทั้ง หลายเดินได้โดยยากเบื้องต้นพระองค์ทรงดำเนินพระองค์ เดียวก่อนใครในโลกเมื่อถึง ฝั่งแห่งความปลอดภัยแล้ว จึงทรงพระเมตตานำธรรมที่ได้ตรัสรู้มาประกาศสั่งสอนแก่ปวงชน<O></O>

    ผู้มีอุปนิสัยใคร่ต่อความพ้นทุกข์อยู่แล้วพอได้ฟัง พระธรรมที่ทรงประกาศสอนต่างก็มีความสนใจใคร่จะฟังข้ออรรถข้อธรรมคือหลัก ความจริงจากพระพุทธเจ้าและเกิดความเชื่อถือและเลื่อมใสบางรายได้ สำเร็จมรรคผลต่อพระ พักตร์ของพระพุทธเจ้าก็มีโดยเป็นพระโสดาบันบ้างเป็นพระ สกิทาคามีบ้างเป็นพระอนาคามีบ้างและเป็นพระ อรหันต์บ้างนี่เป็นผลเกิดจากความเชื่อความ เลื่อมใสในหลักความจริงที่พระองค์ได้ประกาศไว้แล้วบางรายนำ ข้อธรรมที่ได้สดับแล้วไปประพฤติปฏิบัติโดยลำพังตนเองในสถานที่ ต่างและได้สำเร็จมรรคผลอยู่ในที่ นั้นก็มีเป็นจำนวนมาก<O></O>

    เฉพาะนักบวชที่ชอบเที่ยวอยู่ในที่วิเวกสงัดโดยมากเมื่อเกิด ข้องใจในส่วนแห่งธรรมขึ้นมาก็เข้าไปทูลถามทรงชี้แจง ให้ฟังจนเป็นที่พอใจแล้วนำไปปฏิบัติจนสามารถรู้แจ้งแทงตลอดเป็นสาวก อรหันต์ขึ้นมาและเป็นพยานแห่งธรรมของจริงที่ พระองค์ทรงรู้เห็น ว่าไม่เป็นโมฆธรรมสำหรับสัตว์ทั้งหลายคำว่าสาวกแปลว่าผู้ฟังฟังทั้ง เหตุดีเหตุชั่วผลดีผลชั่วฟังทั้ง เรื่องของตนเองทั้งเรื่องของคนอื่นที่เป็น ความผิดและความถูกซึ่งจะเคลื่อนทางกายวาจาใจสาวกทั้ง หลายไม่มีความท้อแท้ไม่มีความอ่อนแอในการบำเพ็ญศีลสมาธิปัญญาให้เป็นไป วันยังค่ำคืนยังรุ่งสาวกทั้งหลายถือเป็นเรื่องความเพียร ทั้งนั้นฉะนั้นประวัติของสาวกที่ท่านผ่านพ้น อุปสรรคคือกองทุกข์ไปได้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความอาจหาญ ร่าเริงต่อสถานที่อยู่อันวิเวกสงัดมีความ ร่าเริงต่อความเพียร<O></O>

    แต่ข่าวของพวกเราจะเป็นอย่างไรจงน้อมข่าว ของท่านมาดำเนินด้วยความกล้าหาญและมักน้อย ในปัจจัยเครื่องอาศัยตลอดที่อยู่อาศัยทั้งอารมณ์ เครื่องรบกวนใจจงพยายามตัดให้น้อยลงอารมณ์ใด เป็นไปเพื่อก่อเหตุแห่งทุกข์ขึ้นมาอารมณ์นั้น ท่านเรียกว่าสมุทัยแดนเกิด ขึ้นแห่งทุกข์จงพยายามตัดทอนให้น้อยหรือเบาบางลง เป็นลำดับจนไม่มีอะไรเหลือด้วยอำนาจของมรรคคือศีลสมาธิปัญญาถ้าเราอ่อน ต่อความเพียรเพื่อละกิเลสแล้วอย่างไรก็เอาตัวไปไม่รอดเพราะ วันนี้กับวานนี้เป็นความมืดสว่างอันเดียวกันไม่เป็น ผลดีผลชั่วอันใดที่จะให้กิเลสหมดไปจากเราและจะให้ กิเลสเกิดขึ้นในใจเราได้นอกจากความเคลื่อนไหวของกายวาจาใจของเราเท่า นั้นที่จะให้กิเลสหมดไปและเป็นการสั่งสมกิเลสขึ้นมามีอยู่ เพียงเท่านี้<O></O>

    เพราะเหตุนั้นจงน้อมข่าว ของพระพุทธเจ้าและข่าวสาวกมาเป็นข่าวของเราอย่าประมาท นอนใจอยู่เปล่าจะเสียการได้ยินแต่ข่าวท่านมีความขยันหมั่น เพียรและหลบซ่อนองค์อยู่ในป่าอันเป็นที่ไม่วุ่นวายและรบกวน ด้วยเรื่องใดมีตนส่งไปใน ความเพียรทั้งกลางวันกลางคืนมีสติกับ ปัญญาประกอบองค์ความเพียรไม่ขาดวรรคขาดตอนได้ยินแต่ ข่าวท่านสำเร็จพระโสดาสำเร็จพระสกิทาคาพระอนาคาและพระ อรหันต์แต่ไม่ได้ยินข่าวเรา ทำไมจึงไม่ได้ยินข่าวเรา นั้นเพราะสาวกท่านปฏิบัติตนอย่างไรจึงได้สำเร็จผล อย่างนั้นแต่เราไม่ ได้ปฏิบัติตนอย่างนั้นจึงไม่สำเร็จอย่างนั้นถ้าเรา ปฏิบัติตามแบบของท่านโดยถูกต้องข่าวนั้นก็ จะสะท้อนย้อนมาเป็นข่าวของเราจนได้<O></O>

    เรื่องโอกาสวาสนาอำนวยนักบวชเรา นับว่ามีโชคกว่าใครๆในการประกอบความเพียรเพื่อรื้อถอนตน ออกจากทุกข์ถ้าเราว่าไม่มีโอกาสทั้งๆที่เราอยู่ ในเพศที่มีโอกาสนี้แล้วไม่มีใครจะมีโอกาสและความ ว่างในโลกให้เหนือจากเราไปได้ถ้าเราอยู่ ในสถานที่นี้ว่าปฏิบัติไม่ดีเราจะไปอยู่ ในสถานที่ใดจึงจะปฏิบัติดีเราอยู่ในสถานที่นี้ว่าไม่วิเวกเราบวชใน เพศนี้ว่าไม่ดีเราจะอยู่ในเพศไหนจึงจะดีโลกธาตุนี้ วุ่นวายเต็มไปด้วยกองทุกข์ทั้งนั้นอยู่ที่ไหน มีแต่ความเดือดร้อนไม่มีเกาะดอนใดพอจะมีความร่มเย็นเป็น สุขนอกจากเกาะหรือดอนแห่งศีลธรรมเท่านั้นเกาะดอน แห่งศีลธรรมเป็นที่ร่มเย็นเป็นสุขใครได้ก้าว เข้ามาพึ่งร่มเงาแม้แต่ชั่วระยะเพียงเล็กน้อยก็ได้รับความร่มเย็น

    จะเห็นใกล้ๆเช่นผู้มีความ เชื่อเลื่อมใสในพระศาสนา นำธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติตนเองก็ย่อมได้ รับความสะดวกกายสบายใจเฉพาะในวงครอบครัวมีความสุขเพราะไม่มี ความระแวงสงสัยในความประพฤติของกันและกันระหว่างคู่สามีภรรยาต่างจะมี ความสุขเพราะความไว้วางใจต่อความประพฤติของกันและกันซึ่งต่างก็ มีธรรมคือความมักน้อยและสันโดษในคู่ครองของตนเท่านั้นไม่มีความ ใฝ่ใจไยดีกับหญิงชายใดนอกจากคู่ ครองของตนแม้จะไปทำงานในบ้านนอกบ้านก็เป็นงาน เป็นการนำผลประโยชน์มาสู่ครอบครัวของตนด้วยความ ชุ่มชื่นเบิกบานจิตใจ<O></O>

    ทั้งสามีภรรยาต่างมีความรักใคร่วางใจต่อกันในทาง อารมณ์ไม่มักมากในหญิงชายอันเป็นข้าศึกเครื่องทำลายครอบ ครัวและศีลธรรมเพียงครอบครัวหนึ่งๆปฏิบัติตน ต่อกันเท่านี้เรื่องกองทุกข์ปวดร้าวในหัวอกฟกช้ำใน หัวใจ จะไม่เกิดขึ้นในครอบครัวนั้นๆเลยธรรมคำสั่ง สอนของพระพุทธเจ้า ทำความร่มเย็นให้ทั้งฆราวาสและนักบวชได้อย่างนี้เพราะธรรม เป็นธรรมชาติเย็นอยู่แล้วใครปฏิบัติตามผู้นั้น ต้องได้รับความร่มเย็นเป็นผลตอบแทนขึ้นมา ตามกำลังความสามารถที่ตนได้ก่อเหตุอันดีไว้

    เราบวชในพระศาสนาเป็นผู้มีโอกาสด้วยวาสนาก็ อำนวยด้วยถ้าเราอยู่ในเพศนี้ไม่เย็นเพศไหนจะ เย็นยิ่งกว่าเพศนี้ไม่มีถ้าเราอยู่ในที่นี้ไม่เย็น เราจะไปอยู่ที่ไหนจึงจะเย็นเรานั่ง สมาธิภาวนาให้เย็นยังกลับร้อนเราจะทำ อย่างไรจึงจะเย็นเรารักษาศีลว่าเป็นของเย็นก็ไม่เย็นนั่งสมาธิ ว่าเป็นของเย็นก็กลายเป็นของร้อนเราฝึกหัด อบรมปัญญาให้มีความฉลาดสามารถยังกิเลสอาสวะให้หมดจากใจ ก็เห็นว่าเป็นของร้อนแล้วอะไรเล่าจะมาทำความเย็นให้ปรากฏขึ้น ในจิตของเราในโลกนี้มีที่ไหนบ้างซึ่งจะเป็นที่ เย็นพระพุทธเจ้าแลสาวกก็ทรงแสวงหามาก่อนพวกเราแล้วไม่ทรงพบ ว่าที่ไหนจะเย็นพระทัยจึงได้เสด็จออกบวชแสวงหาที่เย็น<O></O>

    บวชแล้วทรงแสวงหาที่เย็นอยู่ถึงหกปีไม่ทรง ปรากฏที่ไหนพอปลงพระทัยเชื่อถือได้ว่าที่นั้นที่นี้น่าจะเย็นจนสุด พระทัยไม่ปรากฏมีที่ไหนในโลกกว้างแสนกว้างจึงทรงย้อน เข้าไปอยู่ป่าอันเป็นที่เงียบสงัดซึ่งใครเขาไม่ ปรารถนาด้วยทรงย้อนกระแสใจเข้าสู่ป่าคือแดนแห่ง กิเลสซ่องสุมอยู่ภายในกายและภายในใจด้วยทรงหยั่งจิต เข้าในอริยสัจสี่พิจารณาทุกข์ซึ่งเป็นตัวผลค้นคว้าลง ถึงตัวเหตุอันเป็นแหล่งผลิตทุกข์ให้สัตว์เสวยไม่มีวันจบสิ้นทรงกำหนด เริ่มต้นแต่อานาปานสติอันเป็นส่วนหนึ่งของกายเข้าไปเป็น ลำดับถึงส่วนนามธรรมคือเวทนาทั้ง สามได้แก่สุขทุกข์เฉยที่เกิด ขึ้นภายในกายและภายในใจตลอดกาลพร้อมทั้ง สัญญาผู้หมายมั่นในเวทนาทั้งสามและสังขาร ผู้ปรุงแต่งในเวทนาทั้งสามให้เป็นไปตามใจอวิชชาผู้บงการแม้วิญญาณ ผู้รับรู้ในเวทนาทั้งสามก็ได้ถูกปัญญาของพระองค์ตามประหัตประหารโดยไม่หยุด ยั้งในคืนเพ็ญวิสาขมาส<O></O>

    ขันธ์ทั้งห้าอันเป็นกองแห่งอริยสัจซึ่งเต็มไปด้วยทุกข์สมุทัย ได้ถูกพระปัญญาของพระองค์ไล่ต้อนเข้ารวมจุดไม่มีที่ปลีกออกได้เพราะอำนาจ พระปัญญาหว่านล้อมรอบขอบชิดหมดแล้วจึงหมุนติ้ว ลงสู่อุโมงค์อันเป็นป้อมค่ายของอวิชชาที่ทำหน้าที่สั่งงานคือพระ ปัญญาของพระพุทธเจ้าตามค้นดูรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณจนแจ้งชัด แล้วผลในตอนนี้ปรากฏว่าอาการแห่ง ขันธ์ทั้งห้าบอกสาเหตุอยู่ในตัวว่ามาจากป้อม ค่ายของอวิชชาเป็นผู้สั่งงานแต่ผู้เดียวเท่านั้นพระองค์ ท่านทรงหมดความติดพระทัยในขันธ์ห้าว่าไม่ใช่ ตัวโจรคือกิเลสแน่แล้ว ก็ทรงหยั่งพระปัญญาขุดค้นตามเข้าไปจนถึงป้อมค่ายของหัวหน้าวัฏจักรคืออวิชชาทรงพิจารณา ถอยออกขยับเข้าตามความกระเพื่อมของอวิชชาแสดงตัวด้วยพระปัญญาที่ทันสมัย<O></O>

    ระยะนี้ท่านเรียกว่าพิจารณาปัจ จยาการคือความสืบต่อ ของอวิชชาจะสั่งงานไปตามขันธ์หรือตาม อายตนะซึ่งเป็นทางเดินของอวิชชาแต่มาถึง ระยะนี้แม้อวิชชาจะแสดงใบ้ประการใดวิชชาคือ พระปัญญาของพระองค์รู้เท่าทันเพลงของอวิชชาหมดแล้วขณะนี้ อวิชชากำลังถูกจับตัวเป็นผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ คือพระปัญญากำลังให้อวิชชาชี้ของกลางที่เคยไปเที่ยวฉกลักปล้นจี้เขามาในขณะเดียว กันก็เป็นเชิงฝึกซ้อมพระปัญญาให้มีความฉลาดรอบคอบยิ่งขึ้นและเป็นการ จะสังหารอวิชชาในขณะนั้นแล้วการพิจารณา ความเคลื่อนไหวของอวิชชาก็ดีการพิจารณา อวิชชาโดยตรงก็ดีทุกขณะท่านผู้ฟังโปรดทราบว่าเป็นวิธี การจะสังหารอวิชชาอยู่ในตัวแล้ว<O></O>

    เมื่อทรงหยั่งพระปัญญาลงสู่จุดรวมแห่งวัฏจักร พิจารณาไม่หยุดยั้งทั้งเห็นว่าเป็นบ่อแห่งความทุกข์ทั้ง มวลทั้งเห็นว่าเป็นบ่อแห่งความแปรสภาพอยู่รอบตัวทั้งเป็น บ่อแห่งอนัตตาทั้งมวลจะถือเป็นเราที่ไหนทรงพิจารณา กลับไปกลับมาจนทราบชัดด้วยพระปัญญาว่าอวิชชานี้ คือตัวการก่อเรื่องให้ยุ่งไม่มีเวลาสงบสุขได้แม้แต่ขณะเดียวชื่อว่า เรื่องสมมุติทั้งหมดไหลลงรวมจุดเดียวนี้ทั้งนั้น และเป็นแหล่งผลิตทุกข์ทั้งมวลถ้าแหล่งนี้ ไม่ถูกทำลายเสียได้เมื่อใดทุกข์ซึ่งเป็นสิ่งสำเร็จรูปมาจาก แหล่งผลิตนี้จะเป็นไปตลอดอนันตกาลไม่มีวันจบสิ้น ลงได้และเป็นเหตุแห่งทุกข์อันใหญ่หลวงถ้าไม่ดับ ต้นเหตุนี้เสียทุกข์จะดับไปไม่ได้เพราะความ หลงต้นเหตุนี้เป็นเราเป็นของเราสิ่งทั้ง มวลซึ่งเกิดจากต้นเหตุนี้จึงกลายเป็นเราเป็นของเรา ไปเสียสิ้นเช่นทุกข์ก็กลายเป็นเราเป็นของเราสมุทัยส่วน ย่อยก็กลายเป็นเราเป็นของเราขึ้นมาเพราะ สมุทัยส่วนใหญ่กลายเป็นเราเป็นของเราอยู่แล้วทีนี้ก็ ลุกลามออกไปว่าดีชั่วสุขทุกข์ได้ เสีย ดีใจเสียใจเป็น เราเป็นของเราเรื่องเราจึงระบาดไป ทั่วโลกยิ่งกว่าโรคระบาดที่น่ากลัวกันเสียอีก<O></O>

    แท้จริงมาจากต้นเหตุเพียงอันเดียวเท่านั้นคืออวิชฺชา ปจฺจยา สงฺขาราต่อเป็นพืชไปทั่วภพทั่วชาติทั่วโลกดิน แดนไม่มีขอบเขตยิ่งกว่ามหาสมุทรทะเลอวิชฺชา ปจฺจยา นี้จะทนต่อจอบเพชรและพระปัญญา เพชรที่พระองค์ขุดค้นฟาดฟันอย่างไม่ท้อถอยไปไม่ได้วัฏจักรได้ ถูกถล่มจมลงไปด้วยอำนาจพระปัญญาของพระพุทธเจ้า พระวิชชาวิมุตติ หลุดลอยขึ้นมาในขณะอวิชชาดับลงไปในปัจฉิมยาม ของราตรีเดือนหกเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงธมฺโม ปทีโปพระธรรมอันเต็มดวงในพระทัยก็ได้ปรากฏ ขึ้นในวันเดียวกันเป็นอันว่าในคืนวันนั้นพระจันทร์กับ พระธรรมได้โผล่ขึ้นจากกลีบเมฆพร้อมๆกันซึ่งเป็น ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งในโลกปัจจุบันนั้นไม่เคยมีเราทั้ง หลายได้ทราบในพระประวัติปรากฏเพียงครั้งเดียวเท่านั้น<O></O>

    นี่พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงแสวงหาความร่มเย็นอย่าง เราๆที่ไหนก็ไม่ทรงพบเมื่อ พระองค์ทรงย้อนพระทัยเข้าสู่ป่าอันเป็นที่สงัดวิเวกและย้อนเข้าสู่ป่าคือกอง แห่งอริยสัจสี่อันเป็นรากฐานซึ่งจะให้ทรงพบความร่ม เย็นได้แล้วก็ทรงพบจุดจบแห่งกองทุกข์ทั้งมวลและทรงพบ ความเย็นอย่างอัศจรรย์ขึ้นในที่นั้น<O></O>

    ความร้อนก็เกิดในพระองค์ผู้เดียวและความ เย็นก็เกิดในพระองค์คนเดียวกันแม้ความโง่ ความฉลาดก็จะเกิดในคนเดียวกันนั้นฉะนั้นจง ทราบเสียว่าไม่มีที่ไหนจะร้อนยิ่งกว่าหัวใจของคนมีกิเลสและสถานที่ อยู่ของคนต้องโทษซึ่งถูกคุมขังก็สถานที่ ที่จะยกจิตออกจากที่คุมขังคือกิเลสนั้นเหมาะที่สุด ตามทางพระพุทธเจ้าคือป่าหรือสถานที่ที่อยู่บัดนี้และการ กระทำซึ่งกำลังทำอยู่ขณะนี้ จะเป็นไปเพื่อความเยือกเย็นในใจและความหลุดพ้นโดยไม่กลับ มาสู่หลุมมูตรคูถนี้อีกพระพุทธเจ้าแลสาวกทั้งหลายท่านอยู่ใน ที่วิเวกสงัดอันเป็นที่ประกอบความเพียรได้สะดวก<O></O>

    ฉะนั้นเราทั้งหลาย จงอยู่อย่างท่านจงมีความรักในศีลมีความรัก ในสมาธิมีความรักในปัญญามีความรักใน ความเพียรเพื่อความอยู่สบายในอิริยาบถทั้งปวงมีความ รื่นเริงบันเทิงในงานที่ชอบคือการถอด ถอนกิเลสเป็นสิ่งสำคัญที่กล่าวนี้เป็นความสงัดภายนอกในส่วนแห่ง กายและความสงัดภายในใจมีความสงัดภายนอกเป็นที่อยู่ของกายมีความสงัด ภายในเป็นที่อยู่ของใจสถานที่เหล่านี้มีความร่มเย็นและสะดวก แก่การประคองความเพียรและเป็นข่าวดีแก่ผู้สนใจปฏิบัติธรรมข่าวของพระ พุทธเจ้าแลสาวกก็เป็นข่าวอย่างนี้ข้อสำคัญจง เป็นผู้มีสติระวังความเคลื่อนไหวของตนอยู่เสมอไปที่ไหนอยู่ที่ใดให้มีธรรม หล่อเลี้ยงหัวใจอยู่เสมออย่านำโลกมาหล่อเลี้ยงและถือเป็นความ สนิทสนม<O></O>

    คำว่าโลกถ้าลงได้ เข้าสิงหัวใจของใครแล้วจะเป็นไฟขึ้นมาจากที่ใจดวงนั้นผลที่ปรากฏ ขึ้นจากไฟก็คือความรุ่มร้อนอยู่ที่ไหน ก็ไม่สบายตามท่านกล่าวไว้ตำนานว่ามีสุนัข จิ้งจอกตัวหนึ่งมีแผลอยู่บนศีรษะ ถูกหนอนเจาะหนอนไชกัดกินอยู่ทั้งวันทั้งคืนสุนัขตัว นั้นไปอยู่ที่ไหนก็ไม่สบายไปอยู่ในร่มไม้ก็หาว่าร่มไม้ไม่สบายไปอยู่ใน ที่แจ้งก็หาว่าที่แจ้งไม่สบายไปอยู่ที่ ลับก็หาว่าไม่สบายไปนอนแช่น้ำก็หาว่าไม่สบายวิ่งขึ้น อยู่บนบกก็หาว่าไม่สบายไปอยู่ที่ไหนก็หาว่าที่นั้นไม่สบายวิ่งไปวิ่ง มาไม่เป็นอันกินอยู่หลับนอนเพราะเข้าใจ ว่าทุกข์มีอยู่ในสถานที่ต่างๆไม่คิดว่า ทุกข์มีอยู่ที่แผลบนศีรษะพอแผลของสุนัขหายไปเท่านั้นสุนัขตัว นั้นอยู่ที่ไหนก็สบาย<O></O>

    นี่เมื่อเทียบกับพวกเราผู้มีแผลอยู่บนศีรษะคือใจถูกหนอนคือ กิเลสกัดไชกินอยู่ตลอดเวลาคือทางรูปก็กัด เข้ามาทางเสียงก็กัดเข้ามาทางกลิ่นก็ กัดเข้ามาทางรสก็กัดเข้ามาทางเครื่อง สัมผัสก็กัดเข้ามากัดเข้ามาทุกด้านเมื่อเป็น เช่นนั้นอยู่ที่ไหนก็ไม่สบายจากที่นี่ไป อยู่ที่อื่นก็ไม่สบายออกจากที่แจ้งไปสู่ที่ลับก็ไม่สบายไปอยู่ใต้ ร่มไม้ก็ไม่สบายไปอยู่ภูเขาก็ไม่สบายลงไปอยู่ใน น้ำก็ไม่สบายขึ้นอยู่บนบกก็ไม่สบายขึ้นอยู่บน กุฏิก็ไม่สบายลงอยู่ใต้ถุนก็ไม่สบายไปอยู่ที่ ไหนก็ไม่สบายไปเสียทั้งนั้นที่นี่เราจะ ตำหนิอะไรเพราะแผลและตัวหนอนคือกิเลสมิได้อยู่ ในที่อยู่นั้นแต่มันอยู่ บนศีรษะคือใจของเราเอง<O></O>

    วิธีจะนำหนอนออกจากศีรษะนั้นคือเครื่อง มือได้แก่ศีลเครื่อง กำจัดหนอนประเภทหยาบออกจากใจของเราได้สมาธิกำจัดหนอน ประเภทกลางออกจากใจได้ปัญญาเครื่องมือ กำจัดหนอนคือกิเลสส่วนละเอียดจากใจได้เมื่อเรา ได้นำเครื่องมือทั้งสามคือศีลสมาธิปัญญาเข้า ไปกำจัดหนอนคือกิเลสอย่าง หยาบอย่างกลางและอย่าง ละเอียดออกจากใจจนหมดสิ้นแล้วนั่งอยู่ ที่ไหนก็สุโข วิเวโกมีความสงัดทั้งภายนอกมีความสงัด ทั้งภายในใจไม่มีอะไรก่อกวนให้เกิดความกังวลไม่มีหนอน กัดหนอนไชเหมือนที่เคยเป็นมานี่เพราะ อำนาจศีลสมาธิปัญญาที่ทันสมัย กำจัดกิเลสแม้อยู่ภายในใจให้หมดไปได้<O></O>

    เพราะเหตุนั้นเราอยู่ไหนอย่า ปราศจากสติจงเป็นผู้มีสติทุกอิริยาบถการเคลื่อน ไหวไปมาการขบฉันการนั่งการนอนเว้นเสีย แต่หลับนอนเท่านั้นจงให้เป็นไปกับสติและปัญญาจะชื่อว่า มีธรรมรักษาตนจะเป็นผู้ปลอดภัยจากเวร<O></O>

    อนึ่งภัยหรือเวร นั้นไม่มีใครจะมาก่อสร้างให้นอกจากตัว เราเองเป็นผู้ก่อเหตุทำเวรขึ้นมาใส่ตัวเองผลจึงปรากฏ เป็นที่รุ่มร้อนนี่คือความปราศจากสติถ้าเป็นผู้ มีสติอยู่แล้วเรื่องทั้งนี้จะไม่มารังควานจิตใจของ เราได้จะเป็นไปเพื่อความสงบสุขทุกๆอิริยาบถการประกอบ ความเพียรทุกๆประโยคสติกับ ปัญญาเป็นธรรมสำคัญมากและต้องแนบ กับความเพียรนั้นๆเสมอไปถ้าหากว่า สติกับปัญญาได้ขาดจากประโยคแห่งความเพียรนั้นๆแล้วความเพียร เหล่านั้นต้องกลายเป็นโมฆะไปทันทีโปรดทราบไว้ อย่างนี้จะได้รู้สึกว่าสติปัญญาเป็นธรรมสำคัญ อย่างไรบ้าง<O></O>

    การเดินจงกรมนั่งสมาธิ ทุกๆครั้งถ้าไม่มีสติ ปัญญาเป็นเครื่องกำกับรักษาอยู่แล้วก็ไม่ผิด อะไรกับเขาเดินเขานั่งธรรมดาในอิริยาบถ ทั้งปวงต้องมีสติกับปัญญาประคองความเพียรติดต่อสืบเนื่องเป็นลำดับกิเลสจะยก กองพลมาจากที่ไหนจะมารบ กวนใจของเราได้เพราะตัวของ เราเป็นตัวกิเลสและเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเผาผลาญตนเอง ให้ได้รับความเดือดร้อนถ้ามีสติปัญญาประจำอยู่กับบทธรรมหรือ อาการแห่งธรรมที่ตนกำลังพิจารณาอยู่ไม่ขาดวรรคขาดตอนก็เป็นการ เตรียมดับเพลิงกิเลสตัณหาอยู่ในตัวแล้วเพลิง กิเลสตัณหาตัวใดจะมาจากทางไหนจะมารังแก และทำลายเราให้ได้รับความเดือดร้อนจะไม่มีเลย นอกจากตัวเหตุดีชั่วเป็นเรื่องของตนสั่งสมขึ้นเองเท่านั้น<O></O>

    จงอย่าเห็นว่ากิเลสทุกประเภทจะมีอยู่ในที่ต่างๆเข้ามาแทรก สิงหัวใจของเราแล้วปล้นสะดมเอาหัวใจของเราไปใจดวงเดียว อาศัยตาหูจมูกลิ้นกายเป็นทาง เดินเมื่อส่งกระแสออกมาทางตาจึงปรากฏ รูปขึ้นมาส่งกระแสออกมาทางหูจมูกลิ้นกายก็ปรากฏ เป็นเสียงเป็นกลิ่นเป็นรสเป็น เครื่องสัมผัสขึ้นมาแล้วถือเอาอารมณ์ที่ตนได้รับสัมผัส นั้นๆเข้าไปสู่ใจกลายเป็น สมุทัยก่อทุกข์ขึ้นมาเราจะเห็นว่าอะไรเป็นตัวกิเลสเล่าเมื่อการ ก่อทุกข์ให้เกิดเป็นเรื่องของเราเองแล้วนี่เราจะ เห็นได้จากใจที่ปราศจากสติปราศจากปัญญาปล่อยตัว เองไปตามอำนาจของตัณหาเครื่องผลักดันเขาก็ฉุดลาก ไปสู่อารมณ์ต่างๆตามแต่อวิชชาความงมงายและตัณหา ความอยากไม่มีเพียงพอจะบังคับให้เป็นไปตามความต้องการของตน<O></O>

    เวลานี้เราบวชในพระศาสนาจงพยายาม ให้รู้ทางเดินของเสือโคร่งตัวสำคัญซึ่งเดิน อยู่ทั้งวันทั้งคืนคือเดินไปตามกระแสของตาหูจมูกลิ้นกายออกไปสู่ รูปเสียงกลิ่นรสเครื่อง สัมผัสแล้วนำอารมณ์เข้ามาเป็นอาหารกินอยู่ในถ้ำคือกายนี้เพื่อบำรุง เสือโคร่งคืออวิชชาให้มีกำลังกล้าแล้วสั่งสม ทุกข์ให้เกิดขึ้นในตัวทั้งวันทั้งคืนความเป็น ทั้งนี้เพราะความไม่มีสติไม่มีปัญญาเป็นพี่เลี้ยงรักษาใจจึงเป็น ช่องทางให้กระแสของใจเล็ดลอดออกไปสู่อารมณ์อันเป็นพิษมาเผาผลาญ ตนเองให้เกิดเรื่องเกิดราวอยู่เสมอ<O></O>

    ฉะนั้นจงเป็นผู้ ถึงพร้อมด้วยสติและปัญญาอยู่ทุกๆอิริยาบถ เถิดคำว่าโลกวิทูเป็นผลอัน เกิดขึ้นจากความเพียรที่มีสติและปัญญาเป็นธรรมหล่อเลี้ยง อย่างไรต้องรู้ชัดทั้งโลกนอกคือสภาวธรรม ทั่วไปทั้งโลกในคือใจกับ เรื่องที่เกิดจากใจเพราะอำนาจสติกับปัญญาขัดเกลาอยู่ เสมอความบริสุทธิ์พุทโธอันเด่นดวงจะโผล่ขึ้นมาอย่าง เต็มที่ภายในใจของตน<O></O>

    วันนี้ได้อธิบายข่าวของพระพุทธเจ้าและข่าว แห่งสาวกทั้งหลาย ทั้งปฏิปทาที่ท่านทรงดำเนินทั้งผลเป็น ที่พึงพอใจที่พระพุทธเจ้าและสาวกทรงได้รับมาแล้วเพื่อให้ เราทุกท่านได้ยึดเป็นหลักฐานน้อมเข้าสู่ข้อปฏิบัติของเราเพื่อ ดำเนินให้เป็นไปตามแนวทางของท่านผลที่ได้รับ จะเป็นที่พึงพอใจ

    หลักสำคัญที่ได้ย้ำไว้ในวันนี้คือเรื่อง ของสติกับปัญญา เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับผู้มุ่งทำตนให้พ้นจากทุกข์ในวันนี้วันหน้าต้องเป็น ผู้หนักในสติสิ่งใดมาสัมผัสจงให้ทราบด้วยอำนาจสติ และใคร่ครวญด้วยปัญญาทุกอย่างและทุกอาการที่มา สัมผัสจะเข้ามาสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายใจทางใดทาง หนึ่งก็ตามจงพยายามฝึกหัดสติและปัญญากับสิ่งที่ มาสัมผัสนั้นๆสิ่งที่มาสัมผัสทั้งหลายจะกลายเป็น หินลับสติและปัญญาให้คมกล้าขึ้นโดยลำดับแต่ถ้าเรา ปล่อยไปตามอัตโนมัติของใจแล้วสิ่งที่มา สัมผัสทั้งหลายจะกลายเป็นข้าศึกต่อสติกับปัญญาและต่อใจของตนเอง<O></O>

    ถ้าเราเป็นผู้มีสติอยู่ตลอดเวลามีปัญญาคิด ค้นอยู่เสมอแล้วเราจะกำหนดสภาวธรรมอันใดไม่ว่าข้าง นอกไม่ว่าข้างในคือกายกับใจจะต้องทราบ ได้อย่างชัดแจ้งเช่น พิจารณาสกลกายของเราตั้งแต่ผิวหนังเข้าไปถึงข้างในแยกส่วน แบ่งส่วนแห่งร่างกายทั้งหลายออกเป็นชิ้นเป็นอันได้ตามต้องการจะกำหนดโดย ทางไตรลักษณ์ก็ได้คือโดยทางอนิจฺจํความ แปรสภาพของส่วนต่างจะประจักษ์ อยู่ตลอดเวลาทั้งส่วนแห่งร่างกายทั้งส่วน แห่งเวทนาคือสุขทุกข์เฉยทั้งส่วน แห่งสัญญาคือความจำได้หมายรู้ทั้งส่วน แห่งสังขารคือความคิดความ ปรุงของใจทั้งส่วนแห่งวิญญาณคือความรับ รู้สิ่งที่มากระทบตาหูจมูกลิ้นกายใจจะพิจารณา โดยทางอนัตตาความไม่ใช่เราไม่ใช่ของ เราในสิ่งเหล่านี้ก็ได้

    สิ่งเหล่านี้จะประกาศไตรลักษณ์ประจำตนอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดยั้งนอกจากสติกับปัญญาจะไม่ติดต่อเท่า นั้นจึงไม่ทราบว่าสภาวะเหล่านั้นประกาศตัวอย่างไรบ้างคำว่าอนิจฺจํคือความ แปรสภาพอยู่เสมอสภาวธรรมข้างนอกทั่วไปก็แปรภายในร่าง กายทุกส่วนก็แปรความสุขทุกข์เฉยปรากฏขึ้น ก็แปรสัญญาความจดจำก็แปรสังขารความ คิดนึกของใจก็แปรวิญญาณความรับรู้ก็แปรแต่ละ อย่างๆมีความแปรสภาพประจำตนอยู่เสมอความเป็น ทุกข์ความเป็น อนตฺตาก็เป็นจักร ตัวเดียวกันกับอนิจฺจํและอยู่ใน เครื่องจักรไตรลักษณ์อันเดียวกันเมื่อจักร ตัวหนึ่งเริ่มไหวตัวจักรตัวอื่นต้องเริ่ม ทำงานไปพร้อมกัน<O></O>

    ถ้าเราพิจารณาด้วยความมีสติปัญญาประจำตนอยู่เช่น นี้จะไม่เห็นตัวจักรคือไตรลักษณ์ได้แก่อนิจฺจํทุกฺขํอนตฺตาทำงานอยู่ บนร่างกายและจิตใจของเราและสภาวธรรมทั่วไปได้อย่าง ไรเล่าเมื่อเห็นประจักษ์อยู่เช่นนี้จะมัวประมาทนอนใจอยู่ อย่างไรว่าสภาพเหล่านี้เป็นที่ไว้วางใจได้แล้วนอกจากจะ เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นตัวภัยทุกอาการของเขาหาความไว้ วางใจไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียวทั้งสิ่งที่ ผ่านมาแล้วทั้งสิ่งที่ยังมาไม่ถึงทั้งสิ่ง ที่เห็นประจักษ์อยู่ในขณะนี้เป็นกอง เพลิงเช่นเดียวกันคือจะอาศัยกายกายก็แตกจะอาศัยสุขสุขก็แตกเฉยเฉยก็แตกสัญญาก็แตกสังขารก็ แตกวิญญาณก็แตกทุกๆอาการต้อง แตกทั้งนั้น<O></O>

    แล้วจะอาศัยอะไรมีแต่ของแตก หักหมดทั้งร่างถ้าถือกายเป็นเรากายแตกเรา ก็หมดที่พึ่งถือเวทนาเป็นเราเวทนาแตกก็ หมดที่พึ่งถือสัญญาสังขารวิญญาณเป็น เราสิ่งเหล่านี้แตกเราก็หมดที่พึ่งโดยสิ้นเชิงเลยกลาย เป็นจิตอนาถาอาศัยอะไรมีแต่สิ่งแตกหักนี่คือ อุบายของปัญญาคิดหาความรอบคอบใส่ตัวเองและพิจารณา เน้นลงไปอีกว่าเรานั่งอยู่กับทุกข์นอนอยู่กับ ทุกข์อิริยาบถทั้งสี่อยู่กับโรงงานแห่งไตรลักษณ์ตัวจักรทำ งานหมุนอยู่บนร่างกายและจิตใจของเราไม่มีวันปิดงานผลรายได้ตก ออกมาจากโรงงานคืออนิจฺจํทุกฺขํอนตฺตาแผ่ไปทั่ว โลกธาตุ<O></O>

    ผู้ไม่ฉลาดเพียงถูกสะเก็ดก็ร้องครางไปตามๆกันฉะนั้นใครๆจึงบ่นว่า ทุกข์บ่นว่าเดือดร้อนบ่นว่า บกพร่องขาดเขินบ่นว่าไม่สะดวกกายสบายใจบ่นว่าไม่ สมหวังเราอยู่บนโลกแปรปรวนเราอยู่ใน โลกของไตรลักษณ์คืออนิจฺจํทุกฺขํอนตฺตาจะหาอะไรมา เป็นตัวเราได้เล่าก็เราอาศัยเขาสิ่งที่ ปรากฏขึ้นเราถือว่าเป็นของเราเสียเมื่อสิ่ง นั้นดับสลายไปเราจึงเสียใจเราอยู่กับ โลกที่ไว้ใจไม่ได้ทุกคนและสัตว์จึงต้องเดือดร้อนไปตามๆกัน<O></O>

    การพิจารณาอย่างนี้ก็เพื่อจะให้เห็นว่าโลกนี้เป็น อย่างไรนั่นเองอนึ่งการพิจารณา ไตรลักษณ์และการรู้เห็นในไตรลักษณ์ไม่ต้องถือ เป็นความจำเป็นว่าจะต้องพิจารณาทั้งสามและรู้พร้อมๆกันทั้งสาม ไตรลักษณ์เพียงพิจารณาและเห็นเพียง ไตรลักษณ์หนึ่งเท่านั้น ก็สามารถซึมซาบไปทั่วทั้งสามไตรลักษณ์ได้เหมือนกันคำว่าโลกวิทูรู้โลกไม่จำเป็น ต้องไปนับเม็ดหินเม็ดทรายในแผ่นดินมีเท่าไรใน ท้องมหาสมุทรมีเท่าไรในแผ่นดินมีต้นไม้ภูเขาเท่าไรมีทรัพย์ สมบัติสัตว์บุคคลเท่าไรคำว่าโลกวิทูรู้เพลงของ โลกรู้กลมายาของใจตัวเองที่ไปสำคัญโลกว่าเป็นอะไรจึงไปยึด มั่นสำคัญผิดกลายเป็นพิษแก่ตัวเอง จนปรากฏเป็นกิเลสตัณหาอวิชชาขึ้นมาให้เที่ยว เวียนว่ายตายเกิดในสงสารทุกข์แล้วทุกข์เล่าไม่มีวันจบสิ้นสัก ทีโลกวิทูรู้ตามเป็นจริงซึ่งสภาวธรรมทั้งหลายแล้วปล่อย วางไว้ตามสภาพของเขาเท่านั้น<O></O>

    การพิจารณาไตรลักษณ์ก็เช่นเดียวกันในส่วนแห่ง กายทั้งหมดนี้เราพิจารณาเพียงอาการใดอาการหนึ่ง เท่านั้นก็สามารถจะทราบในอาการทั้งหลายซึ่ง เป็นส่วนแห่งกายนั้นด้วยและมีไตรลักษณ์ประจำตนเช่นเดียวกันเมื่อเห็น ชัดด้วยปัญญาแล้วจะทนถือมั่นสำคัญผิดอยู่อย่างไรต้องปล่อย วางเป็นลำดับตามส่วนแห่งปัญญาที่เห็นชัดแล้วเหตุที่ถือ มั่นสำคัญผิดนั้นก็เพราะไม่เข้าใจชัดเหตุที่ยัง ไม่เข้าใจชัดก็เพราะกำลังของสติและกำลังของปัญญายังไม่เพียงพอถ้าพอ แล้วอย่างไรก็ทนถืออยู่ไม่ได้เมื่อเห็นอนิจฺจํทุกฺขํอนตฺตาชัดแล้ว ต้องปล่อยวางและรู้เท่าตามเป็นจริง<O></O>

    ไตรลักษณ์ฝ่ายรูปเสียงกลิ่นรสเครื่อง สัมผัสกับรูปกายของเราเป็นไตรลักษณ์ส่วนหยาบเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเป็น ไตรลักษณ์ส่วนกลางจิตอวิชชาคือจิตที่ มีอวิชชาครองอยู่จัดเป็นไตรลักษณ์ส่วนละเอียดไตรลักษณ์ ประเภทนี้มีประจำอยู่กับจิตอวิชชาคือจิตที่ เต็มไปด้วยความลุ่มหลง ขยับตัวออกขณะไหนก็เป็นกิเลสขณะนั้นจงค้นดูให้ ชัด เพราะสภาวธรรมทั้งหลายรู้มาหมดแล้วธรรมชาติอัน นี้เป็นอะไรจึงไม่รู้ตนเองธรรมชาติอันนี้จะเป็นอะไรต่อไปหรือว่า ธรรมชาตินี้เป็นเราถ้าเป็นเราเราก็ติด เราอีกเราตัวนี้จะไปก่อกำเนิดขึ้นอีกในภพทั้งหลายไม่จบ สิ้นเพื่อความรอบคอบเข้าเป็นลำดับเพราะได้ ตัดกิ่งก้านสาขาคือพิจารณาส่วนหยาบเข้ามาหมดแล้วต้องตัดลำ ต้นให้ขาดและถอนรากเหง้าขึ้นมาอีกต้นไม้นั้น จึงจะตายฉิบหายไม่มีเหลือ<O></O>

    นี่เราตัดและรู้เท่ารูปเสียงกลิ่นรสเครื่อง สัมผัสและรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณเท่า นั้นส่วนใหญ่ของสิ่งเหล่านี้คืออะไรรากเหง้า แห่งความลุ่มหลงคืออะไรผู้มาถือกำเนิดเป็นธาตุเป็นขันธ์คือ อะไรนั่นคือตัวการก่อเหตุที่สำคัญจงพิจารณา ให้เห็นธรรมชาตินั้นเป็นเช่นเดียวกับสภาวะทั้งหลายที่ผ่านมาแล้วความรู้อัน นี้เป็นอะไรได้ทำความรู้เท่าและปล่อยวางตนหรือ ยังถ้ายังไม่รู้ตนเองก็แสดงว่าเราฉลาดแต่ภายนอกส่วนภายใน เรายังโง่เพื่อความฉลาดและรอบคอบเราต้อง ขยับเข้าไปพิจารณาธรรมชาตินี้อีกทีหนึ่งคือความรู้ ที่เป็นตัวการรากวัฏจักรรากความ หมุนเวียนเชื้อแห่งกองทุกข์ทั้งมวลบรรจุไว้ใน ธรรมชาตินี้หมด<O></O>

    จงพิจารณาเข้าไปถึงธรรมชาติที่รู้ๆให้เห็น เป็นไตรลักษณ์อีกเช่นเดียวกับสภาวะอื่นๆอนิจฺจํแปรสภาพอยู่ รอบตัวทุกฺขํหลงอันนี้ ต้องจมอยู่ในทุกข์อนตฺตาถือว่าเป็น เราเป็นของเราที่ไหนธรรมชาตินี้เป็นตัวสมมุติที่ละเอียด ยิ่งกว่าสมมุติใดๆในไตรโลกธาตุทั้งนี้โดย มากไม่มีใครจะพูดอย่างนี้ว่าธรรมชาตินี้ เป็นไตรลักษณ์หรือไม่แต่ขอพูดโดยหลักธรรมชาติที่ได้ ปฏิบัติมาและรู้เห็นอย่างไรก็นำมา อธิบายให้ท่านทั้งหลายทราบเต็มกำลังของตนทุกแง่ทุกมุมมิได้ปิด บังไว้แม้จะไม่มีในตำราแต่หลักธรรมชาติเมื่อพิจารณาเข้าไปมันปรากฏ อยู่อย่างนี้เพื่อท่านนักปฏิบัติที่สนใจจะได้ถือ ไว้เป็นข้อคิดเมื่อคราวจำเป็นเกิดขึ้นและจะได้นำมา พิจารณาแก้ไขตนเองเพราะท่านนักปฏิบัติที่สนใจในธรรมอัน ยิ่งด้วยความเพียรจะต้องผ่านในหลักธรรมชาติที่กล่าวนี้ อย่างแน่นอนทั้งจะได้ทราบในหลักแห่งสวากขาตธรรม และนิยยานิกธรรม ที่พระพุทธเจ้าประทานไว้แก่ผู้สนใจ ในธรรมปฏิบัติว่าไม่เป็นโมฆธรรมไปตามสัญญาความคาดหมาย เสียทีเดียวยังมี สันทิฏฐิโก แฝงอยู่ด้วยธรรมของ พระองค์จะได้เป็นธงชัยให้โลกได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป<O></O>

    การพิจารณาผู้รู้ที่เป็นตัวสังสารจักร เพื่อให้ท่านนักปฏิบัติได้เห็นจุดจบแห่งภพหรือที่สุดของโลกอันแท้จริงลงได้ไม่เช่น นั้นจะกลายเป็นว่ารู้โลกแต่กลับมาหลงธรรมในตัวเองผลสุดท้าย เลยกลายเป็นหลงทั้งโลกหลงทั้งธรรมเพื่อความ รู้โลกรู้ธรรมอย่างแท้จริง จงพิจารณาลงจุดผู้รู้ที่เด่นดวงจนเห็นว่าเป็นตัวโทษหาชิ้นดีไม่ได้ ด้วยปัญญาที่ทันสมัยใจดวงนี้จะระเบิดเชื้อวัฏฏะออกให้ดู อย่างเต็มใจพร้อมทั้งความเห็นภัยจนน่าใจหายในขณะ นั้น<O></O>

    เช่นเดียวกับเราไม่รู้ไปยึดเอาที่หลับนอนในถ้ำเสือ ซึ่งเขาอาศัยอยู่เป็นประจำได้ยินเสียงเสือกระหึ่มเข้าใจว่าเป็น เสียงฆ้องกลองเลยเงี่ยหูฟังอย่างเพลินใจแต่พอมีคน ที่เขารู้ว่าถ้ำเสือนอน และนี่คือเสียงเสือกระหนึ่งด้วยความหึงหวงถ้ำเพียงได้ ยินเขาบอกเล่าเท่านั้น ก็ตัวลอยออกมาด้วยความอกสั่นขวัญหายไปหมดโลดเต้นออก มาด้วยความกลัวจนไม่มีสติยับยั้งว่าระยะทาง ที่วิ่งออกมามีอะไรขวางหน้าอยู่บ้างยังไม่ทันจะ คิด เพราะชีวิตมีราคาสูงกว่านี่เสือ อวิชชากระหึ่มขณะจะสิ้นซากจากจิตก็มีลักษณะเช่นเดียวกันบรรดาท่าน ที่เคยผ่านเสืออวิชชามาแล้วอย่างโชกโชนจะไม่ให้ท่านกลัวอย่างไรเล่าที่ยังเห็น ว่าเสียงเสืออวิชชาเป็นเหมือนเสียงฆ้องเสียงกลองก็คือพวก เราผู้กำลังเป็นอวิชชาอยู่เท่านั้นท่านที่เป็น วิชชาแล้วได้ยินแต่ข่าวอวิชชาผลิตทุกข์ให้ สัตว์ได้รับความทรมานท่านก็กลัว<O></O>

    พออวิชชาถูกระเบิดคือปัญญาแตก กระจายออกแล้วนั้นแลเราพ้นจากถ้ำเสือแล้วใครเล่าที่ วิ่งออกมาจากถ้ำเสือจนตัวลอยแล้ว ยังจะพอใจไยดีกลับไปนอนฟังเสียงเพลงของเสือกระหึ่มในถ้ำเสืออีกบรรดาท่าน ผู้ผ่านถ้ำเสือออกถึงที่ปลอดภัยแล้วต้องออก อุทานในใจด้วยกันทุกรายว่าพ้นแล้วจากแดนแห่งความสมมุติแดนแห่ง ความยุ่งเหยิงแดนแห่งความบกพร่องแดนแห่ง ความเกิดแก่เจ็บตายจิตที่เป็น สมมุติกับกิเลสซึ่งเป็นตัวสมมุติด้วยกันเกาะกันเข้า กลายเป็นก้อนสมมุติขึ้นมาพาให้สัตว์เวียนว่ายธรรมชาติ ที่น่ากลัวนี้เราพ้นไปเสียแล้วบัดนี้จิต ของเราไม่ใช่จิตสมมุติแต่กลายเป็นวิมุตติจิตขึ้นมาแล้วชื่อว่าการท่อง เที่ยววกเวียนที่เคยเป็นมาได้ตัดสินกันแล้วในวันนี้นับแต่ขณะ นี้ไปเราจะไม่เป็นผู้ต้องหาขึ้นโรงขึ้นศาล เพื่อแก้คดีกล่าวหาจากอวิชชาอีกแล้วอวิชชาผู้พา เกิดพาตายได้แยกทางกันกับเราแล้วในวันนี้จิตของเรา ถึงแล้วซึ่งธรรมอันไม่ใช่วิสัยของอวิชชาจะตามยื้อแย่งนี่อุทาน ของท่านที่หลุดลอยออกได้จากถ้ำเสือ

    ข่าวของพระพุทธเจ้าและสาวกท่านดำเนินอย่างไรจึงถึง แดนแห่งความเกษมเราก็ดำเนินตามแนวทางของท่านเป็น ลำดับมาจนถึงธรรมชาติที่รู้ๆอันเป็นสหาย ของอวิชชาและถูกทำลายโดยสิ้นเชิงด้วยอำนาจของปัญญาจากนั้นไม่ มีสมมุติใดๆเข้าเคลือบแฝงแต่ ธรรมชาติที่ไม่ใช่สมมุตินั้นท่านให้นาม แฝงว่าวิมุตติเพื่อให้ลง กันได้กับโลกที่มีสมมุติ<O></O>

    ขอให้เป็นข่าวของพวกเรานักปฏิบัติอย่างนี้ดำเนิน อย่างนี้เป็นมาอย่างนี้รู้เห็นได้ อย่างนี้ด้วยปัญญาเชื่อว่าไม่เสียทีที่เกิดมาเป็น มนุษย์ได้บวชในพระพุทธศาสนาได้ดำเนิน ตามเยี่ยงอย่างของพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายจนเต็มกำลังความสามารถทั้งด้าน ความเพียรเพื่อแก้กิเลสอาสวะทั้งแดนแห่ง ความหลุดพ้นก็สุดขีดความสามารถอีกเช่นเดียวกัน<O></O>

    ดังนั้นขอให้บรรดาท่านผู้ฟังทุกท่านจงน้อมเอา ธรรมที่ทรงประทานไว้แล้วด้วยพระเมตตามาปฏิบัติหากท่านจะ ปิดพระโอษฐ์ไม่ทรงโปรดสัตว์ผู้ยากจนเช่นพวกเราเข้าสู่ นิพพานไปเสีย ก็สุดหวังผู้ตั้งใจตามเสด็จพระองค์ท่านโดยทางธรรมตามบทธรรมเป็นภาษา ของเราว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ตถาคตแต่ไม่ทรงเห็นอย่างนั้น จึงโปรดประทานร่องรอยไว้ในธรรมทุกบททุกบาทโปรดทราบว่า นั่นคือศาสนาผู้ใคร่ต่อธรรมชื่อว่าใคร่ต่อศาสนาจงน้อม ปฏิบัติเต็มกำลัง ผลที่ได้รับจะเป็นไปตามธรรมที่ศาสดาตรัสไว้ทุกประการนับแต่ชั้น ต้นจนถึงวิมุตติพระนิพพานจะเป็นสมบัติของท่านทั้งหลายโดยไม่ ต้องสงสัยจึงขอยุติธรรมเทศนาเพียงเท่านี้ อวํ

    http://www.luangta.com/thamma/thamma...=9]Luangta.Com
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  11. wee99

    wee99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    653
    ค่าพลัง:
    +1,897
    สวัสดียามเช้าครับ ทุกท่าน ขอให้มีความสุขตลอดทั้งวันครับ
     
  12. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดียามเช้าครับทุกๆท่าน....ขอให้เป็นอีกวันที่มีแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิตและสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดีครับ......(^_^)....
     
  13. duiy333

    duiy333 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +390
    :cool:สวัสดียามสายครับ ขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุขสมหวังครับ ....
     
  14. namo_2009

    namo_2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,432
    ค่าพลัง:
    +10,228
    เคยมั้ยครับทำงานไม่หนักมากแต่ใช้หัวคิดจนอ่อนล้า ลุกจากโต๊ะแทบจะล้มขาอ่อน
     
  15. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    อาการแบบนี้ผมก็เป็นบ่อยครับคุณ namo .........ชีวิตทุกวันนี้ก็ไม่ได้ใช้พลังงานในการทำงานมากมายนัก...แต่กลับรู้สึกเหนื่อยล้ามากๆ...(>_<).......
     
  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ภาพยนตร์ พุทธศาสดา

    สวัสดีตอนเช้าครับ ขอให้ผ่านวันนี้ไปได้อย่างมีความสุขทุกคนนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image001.jpg
      image001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      165.1 KB
      เปิดดู:
      105
    • image002.jpg
      image002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.3 KB
      เปิดดู:
      76
    • image003.jpg
      image003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      105.3 KB
      เปิดดู:
      74
    • image004.jpg
      image004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.6 KB
      เปิดดู:
      71
    • image005.jpg
      image005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.4 KB
      เปิดดู:
      64
    • image006.jpg
      image006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      193.2 KB
      เปิดดู:
      78
  17. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    สารคดีเชิงภาพประวัติพระพุทธศาสนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image007.jpg
      image007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      169.9 KB
      เปิดดู:
      71
    • image008.jpg
      image008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      170.9 KB
      เปิดดู:
      75
    • image009.jpg
      image009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      167.2 KB
      เปิดดู:
      72
    • image010.jpg
      image010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      163.5 KB
      เปิดดู:
      61
    • image011.jpg
      image011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      179.1 KB
      เปิดดู:
      61
    • image012.jpg
      image012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      155.2 KB
      เปิดดู:
      62
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เป็นภาพชุดต่อเนื่องในโครงการสร้างภาพยนตร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image013.jpg
      image013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      184.7 KB
      เปิดดู:
      73
    • image014.jpg
      image014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.4 KB
      เปิดดู:
      65
    • image015.jpg
      image015.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.1 KB
      เปิดดู:
      62
    • image016.jpg
      image016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      169.5 KB
      เปิดดู:
      65
    • image017.jpg
      image017.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148.1 KB
      เปิดดู:
      64
    • image018.jpg
      image018.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.3 KB
      เปิดดู:
      76
  19. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,785
    ขอบคุณครับ เข้าไปนั่งอ่านในเว็บแล้ว ทำได้เยี่ยมจริงๆครับ
     
  20. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เป็นพุทธบูชา ในวาระวันหยุดยาวเข้าพรรษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image019.jpg
      image019.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121 KB
      เปิดดู:
      83
    • image020.jpg
      image020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      182.8 KB
      เปิดดู:
      78
    • image021.jpg
      image021.jpg
      ขนาดไฟล์:
      150.3 KB
      เปิดดู:
      60
    • image022.jpg
      image022.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.5 KB
      เปิดดู:
      64
    • image023.jpg
      image023.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146.8 KB
      เปิดดู:
      73
    • image024.jpg
      image024.jpg
      ขนาดไฟล์:
      183 KB
      เปิดดู:
      78

แชร์หน้านี้

Loading...