พระเครื่องในคอผู้เฒ่าประจำบ้าน.. น.๔๘๙ สุดยอดแห่งแดนใต้..

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย บุพนิมิต, 9 สิงหาคม 2010.

  1. armchi

    armchi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,631
    ค่าพลัง:
    +2,031
    ผมเคยนั้งสมาธิตอนอายุสิบกว่าปี ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวผมได้โตขึ้นรู้สึกว่าข้างในแก้มเต็มไปด้วยเนื้อร่างกายใหญ่คับห้อง จนนั่งระยะหนึ่งเกิดวะตะสงสาร มีคำถามว่าเรามีตัวตนข้างในเรามีวิญญาณจริงหรือ นึกถึงจักรวาลที่สุดเขตแดน มองแขนขาตัวเองรู้สึกวิเศษที่เครื่อนไหวขยับได้ อะไรทำให้เราคิดเครื่อนไหวได้ หรือวิญญาณของเรา เมื่อเราดับเราไปไหน วิญญาณเรามีไหม พอมาอีกทีรู้สึกโศกเศร้าในร่างกาย และสิ่งรอบๆตัว รู้ศึกว่าโดดเดี่ยวเควี้งคว้าง จนนั่งได้ระยะหนึ่งมีอะไรแปลกๆเข้ามา จนผมต้องหยุดไป เพราะอาจารย์ท่านได้ไปธุดงเสียแล้ว จนผมทำงานได้เริ่มนั่งใหม่ตอนนี้ผมทำได้แค่จิตใจสงบเท่านั้นครับผม คงเป็นเพราะความเป็นห่วงหลายๆอย่างจึงทำให้ไปได้ช้ากว่าตอนเป็นเด็กครับผม (เคยนอนแล้วพอตื่นมาเห็นร่างกายยังนอนอยู่ต้องพยานอนกลับไปหลายครั้งกว่าเราจะตื่นจากฝันนั้นจริงๆเป็นอย่างนี้มาหลายครั้งมันเหมือนฝันกิ่งความจริงครับผม ผมไม่มีความรู้มันจึงดูน่ากลัวครับผม)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2010
  2. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    เมื่อปีที่แล้วครับ นั่งแล้วหลับตา แต่เหมือนลืมตา คือเห็นหมดทุกอย่าง ร่างกายตัวเองใสเป็นแก้ว มีเทวดามานั่งด้วย สามองค์ แล้วเป็นปิติอย่างมาก พอเลยช่วงนั้นมา ก็ไม่ได้แบบนั้นอีกเลย เฮ้อ......กลับมาเลวใหม่อีกแล้วเรา ตอนนี้ก็นั่งภาวนาบ้าง นอนภาวนาบ้าง แต่จิตก็ไม่เหมือนเดิม เสื่อมไวมากเลยครับ

    ส่วนคุณอาร์มชิ นี่ตอนเด็กคงกิเลสน้อยกว่าตอนนี้แน่เลย จึงกลับมาไม่ได้ เหมือนผมเลย 555++ สู้ต่อครับ ผมก็จะสู้ต่อ แต่ออกพรรษาผมก็กลับมาดื่มน้ำเมาอีกครั้งแล้วครับ เลวดีจริงๆผมเนี่ย
     
  3. armchi

    armchi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,631
    ค่าพลัง:
    +2,031
    ขออนุโมทนาครับผม.....
     
  4. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ฮ่าๆๆๆ....ความตั้งใจแลมุมานะ...ขอให้คุณนันสมปรารถนาในมโนยิทธิครับ...

    แต่ก่อนฝึกมโนยิทธิ...คุณนันต้องดับกิเลส "โทสะ" ให้ได้ก่อนครับ...เมื่อเกิดโทสะให้พิจารณาถึงเหตที่ทำให้มันเกิด เหตุที่มันยังคงอยู่ แลเหตุที่จะทำให้มันดับไปได้....
    คนโกง...นั้นเกิดแต่กรรมของเขาผู้นั้น...
    หากเขาเข้าใจกรรม...เขาย่อมไม่คิดโกง....

    เขาโกง...เพราะมีโลภะกิเลส...และคงอยู่นาน ตั้งอยู่ในตัวเขานาน...เขามีความสุขกับการตั้งอยู่ของโลภะกิเลสที่เกิดแก่ตัวเขาขณะนั้น...จึงยังไม่มีเหตุที่จะดับไป...จนกว่ากรรมจะส่งผลให้สิ่งที่เขาได้มามันเสื่อมสูญไป...โลภะกิเลสเขาดับเมื่อใด...ผลที่เขาได้รับ...ย่อมนำความทุกข์ตามกรรมที่เขาทำมาสู่ตัวเขาเองเมื่อถึงเวลาที่เขาหมดบุญครับ....

    อย่าไปเกิดโทสะเพราะกรรมของคนอื่นเลยครับคุณนัน...ฮ่าๆๆๆๆ
    สาธุ สาธุ สาธุ....
     
  5. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    สาธุ สาธุ สาธุ...นักปฏิบัติที่ยังกล้าๆกลัวๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ
    หากจะเดินให้ถูกทาง...คงต้องอาศัยครูบาอาจารย์ท่านชี้แนะล่ะครับ....

    สุราพาเพลินใจครับ...งดได้ล้วนเป็นกุศลต่อร่างกายครับ....
    ผมเองก็...ฉายา "ลูกชายเซียนเมา" ครับ...ตอนนี้เลิกเด็ดขาดแล้วครับ....
     
  6. armchi

    armchi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,631
    ค่าพลัง:
    +2,031
    ผมก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกันครับผม เมื่อก่อนหลับตาก็เห็นดวงไฟเล็กๆขยายให้ใหญ่หรือดึงเข้ามาตรงไหนก็ได้ ตอนนี้ต้องเพ่งเทียนช่วยก็ไม่ดีเท่า สักพักก็หาย เป็นเพราะมีกิเลสเพิ่มขึ้นจริงๆครับ เพราะอยากได้........มันจึงไม่ได้มาครับผม ขอเป็นกำลังใจให้พี่สวนพลู เช่นกันครับผม
     
  7. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    ผมจะไปเข้าคลอสปฏิบัติที่วัดโบสถ์โก่งธนูครับ เผื่อหลวงตาจะมาช่วย ถ้าบารมีผมพอจะได้กับเขาบ้างน่ะครับ ขอบคุณพี่เกรียงครับ
     
  8. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    ฝึกกสินไฟด้วยหรอครับ ผมเคยฝึกแต่ก็ยากเหลือเกิน เลยจับภาพพระแทนครับ
    เร่งเข้าน่ะครับพี่อาร์มชิ ผมก็จะเร่ง มันไกล้ได้เวลาแล้ว
     
  9. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    อ่ะนะพวกเราแต่ละคนถ้าทางมีวาสนาบารมีร่วมกันมาก่อน ถึงได้มาพบปะกันอีก แถมพูดเรื่องธรรมะพี่ยิ่งชอบ นี่ก็พึ่งกลับจากเผาศพมาวันนี้ไม่ค่อยว่างเลยไม่ได้เข้ามาพึ่งเข้ามาอ่าน กระทู้หลายเลย ดีครับการภาวนาคือ การปล่อยวาง สิ่งที่เราพบเจอในสมาธิมันเป็นเพียงทางที่เราต้องผ่าน สิ่งที่สำคัญคือสติ ถ้าเรามีสติก็คือเรามีภาวนา ผมเคยเดินจงกรมตั้งแต่ฉันข้าวเสร็จประมาณ 08.30 น. ไปจน 17.00 น.ทุกวัน ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ดีออกกำลังกายดี ผมต้องกลับมาคิดว่า เราก็ทำความเพียร ครูอาจารย์ว่าเราออกกำลังกาย อ๋อเพราะเราไม่มีสตินี่เอง จิตมันคิดดีคิดชั่ว คิดรักคิดชอบเกลียดชัง เขาตลอดทั้งวัน ไม่เคยอยู่กับใจตัวเราเองเลย ส่งจิตออกนอกกายใจตลอดเวลา เป็นสัมภเวสี แสวงหาที่เกิด พอเราเข้าใจแล้ว ต่อไปเราก็ตั้งสติอยู่กับภาวนาไปเรื่อยๆ สงบเราก็ไม่เอา ไม่สงบเราก็ไม่เอา วางใจให้อยู่กับสติรู้เฉย อยู่กับการภาวนา ไม่ช้าใจมันก็สงบ ที่ไม่สงบเพราะเราเกิดความอยาก ที่จะให้สงบ มันจึงไม่ถึงความพอดี
     
  10. armchi

    armchi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,631
    ค่าพลัง:
    +2,031
     
  11. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    กสินเป็นการฝึกที่จะทำให้ผู้ฝึกเข้าถึงจตุถณานได้ แต่ต้องมีครูอาจารย์คอยดูครับเพราะอาจจะผิดทางเพราะติดฤทธิ์ได้ กสินเป็นการเพ่งจิตให้อยู่กับรูปในิมิตเช่นดิน น้ำ ลม ไฟ สี เป็นต้น ควรระมัดระวังแต่ถ้าท่านมีอุปนิสัยมาก็อนุโมทนาด้วยครับดีทั้งนั้นอย่างน้อยก็ทำใจเราให้สงบ
     
  12. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,011
    ค่าพลัง:
    +146,284

    เฉียบ..............................
     
  13. armchi

    armchi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,631
    ค่าพลัง:
    +2,031
    ตอนนี้ผมก็ฝึกอยู่แต่ไปไม่ถึงไหนเลยครับผม ได้แค่จิตใจสงบจริงๆครับผม
     
  14. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    คนธรรมดาๆอย่างเราๆ...ล้วนมีบุญ มีกรรม มีบารมีมากน้อยไม่เท่ากัน...และมิอาจวัดได้ว่าเรามีมากน้อยเท่าไหร่ เพียงใดครับคุณนัน...

    แต่หากได้พบกับพระผู้ปฏิบัติ...ย่อมได้พบผู้ชี้ทางที่ดี แลอาจได้พบผู้ที่สามารถบอกเราได้ว่า..บุญเรามีเท่าใด กรรมเรามีเท่าใด....

    แต่ทุกอย่างจะล้วนไร้ความหมาย ไม่มีสำคัญเท่า...หากเรามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติแลเคร่งครัดตามรอยพระพุทธองค์ครับ....

    ครูอาจารย์ผู้ประเสริฐ...แลแตกฉานในข้อปฏิบัติ...หากเราได้พบจริง...ย่อมประเสริฐกว่าที่จะลองผิดลองถูกด้วยตนเองครับ....

    ผมเพียงแค่ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ...ไม่ฟุ้งซ่าน...
    ไม่วิตกกังวลในเรื่องที่ไม่ที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง....
    หรือคอยกำราบความคิดในเชิงลบ...ซึ่งบางครั้งแล่นเข้ามาในหัวโดยไม่รู้ตัว....

    ได้แค่นี้...ถือเป็นสายกลางของผมแล้วครับ...
    หากใกล้ชิดพระมากไปกว่านี้...เกรงว่าจะใฝ่รู้ทางธรรมมากเกินไป...เดี๋ยวคงได้บวชไม่สึกครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ
     
  15. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    อนุโมทนาครับ...
    ทางธรรมหากเลือกเดินได้...ล้วนสร้างบุญบารมีครับ...
     
  16. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    "ที่ไม่สงบเพราะเราเกิดความอยาก ที่จะให้สงบ มันจึงไม่ถึงความพอดี"
    หุหุหุ...สุดยอดครับพี่หน่อง...
    อันนี้เข้าถึงแก่นแท้จริงครับ...
    หลุดจากจุดนี้ไป...ก็บรรลุธรรมแล้วครับพี่ ฮ่าๆๆๆๆ
     
  17. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ฮ่าๆๆๆ....ต้องใช้หลักของพี่หน่องแล้วครับท่าน armchi...

    "ที่ไม่สงบเพราะเราเกิดความอยาก ที่จะให้สงบ มันจึงไม่ถึงความพอดี"

    จุดสุดยอดของการเจริญสติ...อยู่ตรงนี้ครับ...
    หากพ้นตรงนี้ไปได้...ก็เข้าสู่สมาธิจิตจริงๆครับ...

    ลองพิจารณาดูบ่อยๆนะครับ...สงบจริงๆ หรือเพราะเราคิดไปเองว่ามันสงบ...
    เพราะหากท่าน armchi สงบจริงๆ...ท่าน armchi ต้องไปได้ไกลกว่านี้ได้อีก...
    สาธุ สาธุ สาธุ....(ขนลุกเลยเรา หุหุหุ)
     
  18. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    แอบย่องมาสังเกตุการณ์...อิอิอิ....
    น้องๆหลายท่าน ยังต้องการคำชี้แนะจากผู้บรรลุแล้วอย่างพี่พีอยู่ด้วยเช่นกันนะครับ...

    ฮ่าๆๆๆๆ.....
     
  19. armchi

    armchi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    1,631
    ค่าพลัง:
    +2,031
    ขอบคุณครับพี่บุพนิมิต ผมยังมีกิเลสอยู่จริงครับผมจึงเป็นเหตุให้ไม่พัฒนาครับผม
     
  20. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,795
    เป็นกำลังใจให้ครับ ที่เขียนมาอย่างนี้ เพราะตัวเองเคยผ่านแบบนี้มา ความอยากที่จะสงบ ยิ่งเร่งความเพียรด้วยความอยาก กลายเป็นการทรมาตัวเอง จนถึงกับเครียด หน้าชาปากชาเหมือนคนรู้สึกว่าปากเราเบลอหนาเพราะเราเครียดไปเลย ต้องค่อยๆตะล่อม ปล่อยความรู้สึกอยากจะให้สงบลงไป เนื่องจากติดตรงที่ว่าเราเคยได้รับความสงบมา เลยต้องการสงบแบบที่เราได้พอเราไม่ได้เหมือนเก่า เราก็ยิ่งพยามทำไปใหญ่ เมื่อจิตไม่ถึงความพอดีทำไปด้วยความอยากเราจึงเกิดความทุกข์ หนักเข้าเราก็จะโทษตัวเราเองว่าเรามีบุญน้อย วาสนาน้อยมีกิเลสมาก ที่แท้เราโดนความคิดเราหลอกเอาทั้งนั้น ผมเองเลยทบทวนเรื่องความคิดของตัวเองตามที่ครูอาจารย์สอน คือนั่งเพื่อเจริญสติ จึงตั้งไว้ในใจว่าต่อนี้ไปเวลานั่งเราจะนั่งเอาสติไม่เอาความสงบ ให้จิตของเรารู้อยู่กับกายกับใจของเราเอง ว่าขณะนี้เรานั่งอยู่ก็รู้ว่านั่งอยู่ พูดง่ายๆคืออยูกับปัจจุบันเฉพาะหน้าทุกขณะไป เวลาจิตคิดไปเรื่องต่างๆนาๆพอเราหลงไปกับอารมณ์เหล่านั้น เมื่อรู้สึกตัวก็กลับมาตั้งอยู่กับกายใจ ตัวเองเฉพาะหน้า ปัจจุบันใหม่ ความรู้สึกโกรธรำคาญใจต่างๆ กับที่เราหลงไปเราต้องละออกเนื่องจากต้องการความสงบแล้วไม่สงบจึงรู้สึกโกรธกับตัวเอง สิ่งนี้คือกิเลส เมื่อเราทำแบบนี้บ่อยขึ้น อารมณ์ที่จิตคิดนึกจะสั้นลงมาเรื่อยๆ กลับมาอยู่กับกายใจมากขึ้น จิตก็จะได้รับความสงบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนคนทานข้าว ไม่ต้องถามว่าทานกี่คำถึงจะอิ่ม มันจะเริ่มมีความอิ่มของมันตั้งแต่เริ่มทานทีแรก จนกระทั่งคำสุดท้าย ครับผมเคยปฏิบัติแบบนี้มาแต่ก็ไม่ไปได้ตลอดในเพศบรรพชิต แต่ก็มีความเชื่อมั่นในคุณของพระพุทธเจ้าว่าหาที่สุดไม่ได้ และไม่ได้คิดจะโอ๋อวดภูมิอะไรเลย นอกจากเห็นพวกเราชอบที่จะประพฤติปฏิบัติจึงได้เขียนสิ่งที่เคยสัมผัสและได้รับการสอนจากครูอาจารย์มา เผื่อจะเกิดประโยชน์ต่อท่านได้ อย่างน้อยอาจทำให้เกิดความเพลินดุจเช่นนิยายอ่านแล้วมีรอยยิ้มบนใบหน้าครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...