จิตนิ่งแล้ว ยกอะไรไปวิปัสสนา ??

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Mr.Boy_jakkrit, 13 มกราคม 2011.

  1. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ถ้าอย่างนั้นตกลงเข้าใจตามกัน
    ว่าถ้าอยากพ้นทุกข์
    ต้องมีความเพียร ความตั้งใจ ความจงใจ
    เพื่อความพ้นทุกข์

    สิ่งที่จะทำให้พ้นทุกข์ไปเองไม่มี
    ต้องมีความเพียร ความตั้งใจ ความจงใจ ในการปฏิบัิติ

    เพราะศาสนาจะสมบูรณ์ได้
    ต้องมีปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
    เมื่อมีการปฏิบัติ ตามปริยัติที่ว่าไว้
    ปฏิเวธ ก็เหมือนเงาเทียมตัว การปฏิบัติ

    ดังนั้นต้องมีความเพียร ความตั้งใจ ความจงใจ ในการปฏิบัติ
    จึงจะเกิดปฏิเวธได้
    ปฏิเวธจะเกิดขึ้นเองไม่ได้
    หากขาดการปฏิบัติ

    เข้าใจตรงกันนะครับ

    แต่แรกผมก็ไม่ไ้ด้ยกเรื่องกิเลสมาเลยนะ
    ผมพูดถึงการปฏิบัติที่ต้องมีความเพียร ความตั้งใจ ความจงใจ ทำให้มี
    มันจะมีขึ้นเองไม่ได้
    ที่ผมพูดก็ชัดเจน

    แล้วคุณไปเอาเรื่องกิเลสเกิดขึ้นเองมาตั้งแต่เมื่อไหร่
    ตั้งแต่แรกก็ไม่ไ้ด้บอกว่าเป็นกิเลส
    บอกแต่ว่าบางสิ่งบางอย่าง
    บางสิ่งบางอย่าง แปลว่ากิเลสอย่างนั้นเหรอ

    ถ้าคุณใช้คำว่ากิเลสแต่แรก
    มันก็เข้าใจกันทุกคน
    แต่นี่ใช้คำว่าบางสิ่งบางอย่าง
    แล้วมาบอกว่าเป็นกิเลสในตอนท้ายแบบนี้
    จะให้หมายความว่ายังไง

    พลิกหน้าพลิกหลังแบบนี้
    ใครเค้าจะเชื่อถือ

    อุชุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ
    นี่สงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า
    คือผู้ปฏิบัติดี ผู้ปฏิบัติตรง
    ตรงต่ออะไรล่ะ
    ตรงต่อธรรม ธรรมในหัวใจเรานี่แหละ
    เป็นธรรมไม่เป็นธรรมเราก็รู้แก่ใจเราดี
    แล้วเราตรงต่อธรรมมั้ยล่ะ

    ถ้าไม่ตรง ก็ต้องแก้ไขดัดแปลงตนเอง
    เพราะการแก้ไขดัดแปลงตนเอง
    ต้องทำไปเรื่อย ๆ ก้าวหน้า ไปเรื่อย ๆ
    ถ้าการแก้ไขตนครั้งที่หนึ่งยังไม่เริ่ม
    มันก็มีครั้งที่สอง ที่สาม ที่สี่ไม่ได้

    แล้วเราจะต้องแก้ไขดัดแปลงตนเองให้ตรงต่อธรรม
    กี่ครั้งล่ะ ถึงจะถึงนิพพานได้
    มันไม่ใช่น้อยนะ
     
  2. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    ตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นเองรึเปล่า หรือมีคนทำความเพียร ยกพระอาทิตย์ขึ้น จิตเองกายเองเช่นกันเมื่อเข้าสู่ความเป็นเองย่อมเป็นอย่างนั้นตั้งอยู่อย่างนั้น กำหนดไม่ได้บังคับไม่ได้(อันนี้เกิดในสมาธิ) ล้วนเกิดแต่เหตุ อย่างเช่นเราพิจารณากายบ่อยๆ(อันนี้ความเพียร)หรือได้ทำมาบ้างแล้ว พอจิตถึงความเป็นเองในสมาธิ จิตจะแสดงภาพขึ้นมาเองขณะแสดงผัสสะสัมผัสอาจจะอยู่ครบหรือเข้าสู่ความแหลมคมของอายตนะอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เนื่องจากพิจารณาอย่างชำนาญแล้ว(ทำจนคล่องตัว) พอจิตเข้าสู่ชาญข้ามปิติสุข ข้ามเอกคตารมณ์ไป พอถึง พอถึงคราวจิตเขาจะพิจารณาเองเขาจะยกขึ้นพิจารณาเองเราทำอะไรไม่ได้นอกจากรู้อย่างเดียว(อันนี้ต้องทำให้ถึงตรงนั้นนะบางคนก็ไม่เป้นแบบนั้น)จะคิดแทรก หรือยกคำใดสอดเข้าไปไม่ได้ทำได้แค่รู้เท่านั้น ควรพิจารณาบ่อยๆตอนยังไม่ถึงสมาธิตรงนั้นจิตจะได้ไม่เขวยกอย่างอื่นขึ้นมาแสดงตอนสมาธิเข้าสู่ภูมิวิปัสนาขั้นที่ว่า(นี่ยังมีแบบอื่นอีกนะทำบ่อยๆนี่ไม่ขยันมันคงไม่บ่อยนะ) เช่นหมั่นพิจารณากาย พอจิตถึงความเป้นเอง(ย้ำเลยต้องตรงนี้ จิต ถึง ความเป็นเองในขณะทำสมาธิ) จิตก็จะไม่เขวยกกายมาพิจารณา(นั่นสิถ้าทำอย่างอื่นมาบางทีมันทำกายทิพแยกให้ดูซะงั้น) นี่ละมั้งที่พี่ต้องการจะสื่อ คือต้องมีความเพียร(ย้ำอีกทีชัดๆเลยไม่รู้อ่านกันใหม) :cool: มั้งพี่ ผมมั่วนะครับรอคนเป็นดีกว่า(ไม่แน่ใจนะที่พูดต้องถึงตรงนั้นเองอ่ะ)คนที่ทำได้เวปนี้ส่วนใหญ่จะใบ้กันเพราะเสียงต่อเสื่อมเมื่อเล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2011
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG]
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เปรียบเทียบผิดแล้ว ธรรมชาติของวัฏฏะ นั้นแหละ ที่เป็นไปเอง

    แต่ ธรรมชาติวิวัฏฏะ จะต้องเพียร ให้มี ก็เปรียบเหมือนคนลอยคอกลางทะเล ไม่เพียรแล้วมันจะถึงฝั่งหรือ

    มีแต่ มันจะซัดพาไปตามกระแสแห่งกรรม

    นี่ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับธรรมะอยู่มาก

    จริงๆ เรื่องนี้ น่าจะก้าวข้ามมาได้แล้วนะ เพราะพูดกันมานานแล้ว
     
  5. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    แสดงว่ายังไม่เคยเห็นของจริง
    เดาล้วน ๆ
    ธรรมะพวกห้องประเทือง
    จำครูบาอาจารย์มาพูดมาอวดทั้งนั้น

    น้อมเอาธรรมของ อ.ขันธ์ เอามาในใจ
    พิจารณาดูหัวใจตัวเองให้ดี
    ว่าที่แสดงออกมานี่กิเลสบงการหรือเปล่า
    ถ้าใจมันร้อนมากก็ควรหยุดก่อน นิ่งก่อน
    เมื่อรู้สึกเย็นไม่รุ่มร้อนก็ค่อยแสดงความคิดความเห็นออกมาก็ได้

    เอาธรรมะ ของ อ.ขันธ์ นะ เข้ามาแก้ในใจตัวเอง
    มันร้อนมันรุ่มเพราะอะไร

    เอานะ
     
  6. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    บางคนในชาตินี้ อยู่ๆก็มีญาณวิเศษ เกิดขึ้นมาเองโดยมิได้ฝึกจิต (ไม่ใช่ว่าไม่ต้องทำความเพียรมาก่อน)

    บางคนในชาตินี้ ต้องทำความเพียร ความตั้งมั่นของจิต แล้วญาณจึงบังเกิดขึ้น

    บางคนในชาตินี้ ขณะทำความเพียรเพียงเล็กน้อย แล้วของเก่ามาส่งมาเสริม(จึงเข้าใจว่าผุดขึ้นเอง)

    ความเข้าใจของแต่ละท่าน ก็ล้วนเข้าใจตามที่ตนปฏิบัติ ไม่มีใครถูกใครผิดทั้งหมด

    แม้ในสมัยที่ว่างเว้นจากพุทธศาสนา มีคนได้ยินหญิงสาวร้องเพลง เกี่ยวกับ ความทุกข์

    เมื่อโน้มเข้าหาตัว ก็บรรลุมรรคผลเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า (ใช่ว่าไม่ได้บำเพ็ญมาแต่กาลก่อน)


    การตรัสรู้โดยฉับพลันมีได้หรือไม่

    ปัญหา มีพระพุทธศาสนาบางนิกายถือว่า การบรรลุมรรคผล อาจเกิดขึ้นได้โดยแบพลัน เช่นเดียวกับแสงสว่างวาบขึ้นทันทีทันใด ขับไล่ความมืดให้หมดสิ้นไป การบรรลุมรรคผลโดยฉับพลันดังกล่าวจะมีได้หรือไม่ ?

    พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนปหาราทะ มหาสมุทรลาดลุ่มลึกลงไปโดยลำดับไม่โกรกชันเหนือเหวฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตตผลโดยตรง...ฯ”

    มหาปราทสูตร อ. อํ. (๑๐๙)
    ตบ. ๒๓ : ๒๐๓ ตท. ๒๓ : ๑๗๗
    ตอ. G.S. IV : ๑๓๘
     
  7. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    อืมลองพิจารณาดูว่าผิดสมาธิขั้นใหน ช่วยอธิบายอาการอย่างอื่นประกอบด้วยนะครับ ไม่เอาตำรานะ เอาปฏิบัติเข้าว่าก็ได้ หรือมีตำรายกมาด้วยจะดีแต่ต้องเป็นที่ปฏิบัติมานะ:cool:

    พักนี้ดีหน่อย ไม่เข้าปีติไม่วิตกวิจารณ์
    ทำ นิ่ง ดิ่ง เลย (ยอมรับครับเวลาปฏิบัติผมน้อยมาก)

    ความเห็นส่วนตัวนะ ผมว่าแต่ละคนพอนั่งมาธิ หรือทำวิปัสนา บางทีก็ไม่เป็นเหมือนกันหรอก หรือคนเดียวทำเหมือนกันแล้วเกิดแบบเดียวกันทุกครั้ง นี่ก็คงหายากนะ บางคนนั่ง นับ 1 2 3 จิตรวมสว่างเลย บางคนนั่ง 3 ช.ม ปฐมยังเข้าไม่ได้ก็มี บางคนปีติก่อนวิตกวิจารณ์ก็มี บางคนวิตกวิจาร์แล้วค่อยปีติก็มี บางคนจิตรวมกายทิพย์แยกออกก็มี บางคนกายเบาสีฟ้าโปร่งใส บางคนเห้นคล้ายกายเนื้อแต่บางกว่าเบากว่าก็มี บางท่านจิตรู้กว้างๆแบบใกลเป็นกิโลๆก็มี บางท่านจิตเป็นดวงแก้วก็มี บางท่านจิตไม่มีรูปก็มี แม้แต่ดวงแก้วก็ต้องแยกขอบหนา ขอบบางอีก สว่างน้อยสว่างมากอีก บางท่านก็รู้ว่าไม่ใช่จิตเป็นเพียงอาการของจิตก็มี บางท่านก็รู้ว่าเป็นดวงจิตก็มี บางท่านเห้นแต่ยังไม่ถึงก็มี บางท่านถึงแล้วเห็นแล้วก็มี จะเห็นแนวเดียวกันหรือเข้าใจตรงกันนั้นยากยิ่งนัก แม้จะเอาคนนั่ง สมาธิ 10 คนมานั่งเรียงกันก็ตาม หาได้ยากยิ่งที่ สมาธิจะเกิดแบบเดียวกัน พร้อมๆกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2011
  8. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว
    แบนนี้มีที่ไหน

    แยกกาย 1 กาย 2 ได้อีก

    การปฏิบัติมีแต่อาการ 32 เท่านั้นแหละ
    ไปเอากาย 1 กาย 2 มาจากไหนอีก

    เอานะไปพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์ด้วยความมีสตินะ
    เมื่อพิจารณาพอแล้วจิตจะรวมเข้ามา
    เหมือนกันภาวนาหรือดูลมหายใจนั่นล่ะ
    จิตรวมบ่อยก็จะเป็นสมาธิขึ้นมาเองนั้นแหละ

    กาย 1 กาย 2 นี่มันผิดทางนะ
    ด้นเดามาพูดนะนี่

    ธรรมะครูบาอาจารย์ที่ห้องประเทืองเปิดนี่ไม่ผิดหรอก
    แต่คนที่ห้องประเทืองเอาธรรมะครูบาอาจารย์มาพูดต่อนี่มันผิด
    ไปจำของท่านมาแล้วมาด้นเดาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ก็เอาความด้นเดาที่เข้าใจผิดของตัวเองนั่นล่ะมาพูด
    ใครฟังใครเชื่อเค้าก็ผิดตามตัวเองไปหมดนั่นแหละ

    เห็นมั้ยห้องประเทืองเดี๋ยวนี้กล้าพูดที่ไหน
    เงียบกันไปหมดเห็นมั้ยล่ะ

    กล้าโพสต์มั้ยล่ะเดี๋ยวนี้น่ะ
     
  9. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    ที่เข้าใจว่าเกิดขึ้นเองก็ถูก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาเองเพราะเกิดจากการภาวนา เช่น

    เมื่อเราเพ่งภาพพระพุทธเจ้า จนติดตาติดใจ เป็นเวลา สองเดือนโดยประมาณ
    ภาพพระก็จะเริ่มเปลี่ยนไปเป็นพระพุทธรูปหรือพระสงฆ์(กายเนื้อ)ต่อมา
    พระพุทธเจ้าตรัสสอนธรรมให้แก่เรา ในระดับที่สูงขึ้นอีกระดับได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้น ให้เข้าใจก่อนว่าเป็นการเกิดขึ้นเองในระดับสมาธิ เมื่อถอยฌาน
    ออกมาที่อุปจารฌานแล้วให้นำคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
    มาพิจารณา นี่แหละ วิปัสสนา ในหลักสูตร วิชาสามและอภิญญา

    ส่วน สติปัฏฐาน นั้น เป็นการทำ สมถะควบวิปัสสนา ในระดับฌานขณิกถึงฌานหนึ่ง

    ส่วนอรูปฌาน นั้น สามารถพิจารณาใน ระดับ ฌานสี่ได้(ฌานสี่ใช้งาน)

    ส่วนที่เข้าใจกันว่าทำ สมถะเมื่อจิตตั้งมั่นถึงฌานสี่แล้ว จิตจะหลุดพ้นได้เอง
    จริงอยู่การหลุดพ้นของจิตมีอยู่ ๒ แบบ คือ เจโตวิมุตติ และ ปัญญาวิมุตติ
    แต่สุดท้าย ก็ต้องใช้ "ปัญญา" มารู้แจ้ง
     
  10. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เพิ่มเติมมาอีกก็ดี

    จะบอกให้นะ พวกนี้จิตส่งออกทั้งนั้น
    การปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์นี่จิตต้องไม่ออกไปจากวงแห่งกาย
    วงแห่งกายมีอาการ 32 เท่านั้น
    ไอ้กายทิพย์กายหยาบไม่มีหรอก

    อย่างคุณนี่มันจิตปรุุงแต่ง
     
  11. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    แรกๆก็แยกได้แต่หนึ่งแหละ แต่เอากายที่ออกจากกายเนื้อมานั่งอีกทีแล้วจิตรวมเข้าก็แยกกาย 2 ออกเองแหละ ต้องลองดูว่าเป้นเปล่านะครับ พอดี ผมเข้า ออก 3ครั้ง ติดกันเลย มันแยกออกงั้นเลยพูดตามที่เป็น ไม่มีเจตนาเดาจริงๆ

    เอ่อผมว่าเลิกพาดพิงห้องสนทนาธรรมดีกว่านะครับ พี่เขาสอนผมผมก็ยังทำไม่ได้หรอกหลายๆอย่าง อีกอย่างคนอื่นเสียหายด้วยแท้ๆทั้งที่ไม่มีเหตุอันควรเลยเนอะว่ามั้ยครับ
     
  12. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็บอกแล้วไงจิตปรุงแต่ง

    ขนาดตกภวังค์หลับ
    คุณยังไม่รู้เลย
    ยังคิดว่าจิตพักตัว

    คุณก็ประจำอยู่ห้องประเทืองแล้วมันจะไปพาดพิงใครที่ไหน
    ก็เห็นตรงตัวอยู่นี่ไง
     
  13. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    แสดงว่าเวลาเดิน นั่ง นอน นี่เห็นรู้ภายตลอดแน่ๆเลยๆ หรือไม่เวลาเสียงเกิดข้างนอกนี่หูคงดับไปแล้วถึงไม่ส่งไปรู้เสียงภายนอก (-.-)
    ตายไปคงไม่มีอะไรไปลงนรกแน่ๆ เพราะไอ้กายทิพย์กายหยาบไม่มี แล้วจะปฏิบัติออกทุกข์ได้ไงล่ะทีนี้ T-T นรก สวรรค์ก็คงไม่อีกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2011
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ..ไม่ยึด.. ฟังหลวงปู่บ่อยๆน่ะดีแล้ว ทำตามบ่อยๆด้วยก็โอเค
    ฟังพระเชื่อพระแล้วทำตามดีที่สุดแล้ว
    เราสนทนากลับผู้ควรสนทนาก็ตามโอกาส อันนี้เลือกเอาเอง
    ไม่ต้องกลัว ห้องประเทืองปัญญา จะเดือดร้อนหลอก
     
  15. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    อาการตกภวังหลับก็ไม่ตรงกันอีกแหละ ผมตกภวังหลับโลกธาตุจะดับ เวลารึอะไรหายไปไม่มีกระทั่งตัวรู้ มันใหลปื้ดดดด ไปเลย แล้วมารู้ตัวอีกทีตอนรู้(อันนี้ก็ไม่ตรงกันอีกแหละพี่)

    อืมหมดปัญญาแล้วล่ะยอมแพ้ครับยกธงขาว

    คุณโดนต่อยในฝันนี่เจ็บมั้ยครับ เวลาจับสิ่งของในฝันหรือ ยกขึ้นนี่มันหนักมั้ยครับ อายตนะระหว่างฝันกับที่แยกออกมาจากชาน 4 นี่มันต่างอยู่นาผมว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2011
  16. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    ค่อยอุ่นใจขึ้นมาหน่อย ขอบคุณมากครับ
     
  17. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็นี่ไง
    ปฏิบัิติไม่เคยเจอของจริง
    มันเลยมั่วไปหมด

    คนประกาศตัวสอนก็มั่ว
    คนปฏิบัติตามก็มั่ว

    ธรรมครูบาอาจารย์ดี ๆ
    เอามาปู้ยี่ปู้ยำหมด
     
  18. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ก็บอกไอ้ที่ไม่รู้เรื่องนั่นแหละมันหลับ

    ไม่ต้องพูดหรอกเรื่องฌาณ อะไรนี่
    คุณยังไม่ได้ฌาณอะไรหรอก
    ผมอ่านดูก็รู้
     
  19. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    การน้อมใจฟังธรรมพระสุปฏิปันโน เป็นเรื่องน่ายินดีอนุโมทนา



    แต่...การฟังธรรม และเข้าใจในธรรม แล้วนำมาปฏิบัติให้ถูก เป็นอีกเรื่องหนึ่ง....

    ที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่การคาดคะเน ด้นเดา แต่อย่างใดเลย

    เพียงแค่ฟังธรรมจากท่านฯ แล้วตีความตามเนื้อธรรม จะถูกต้องตามที่เราเข้าใจ

    นั่นเป็นเรื่อง...ที่เราคิดเข้าข้างตนเอง...

    การปฏิบัติที่ถูกต้อง...นอกจากฟังธรรมแล้ว

    เรายังต้องไปศึกษา...ขอความคิดเห็น..จากครูบาอาจารย์ผู้รู้จริง

    ผู้ไม่ผ่านจากประสบการณ์จริง....เอาธรรมะของครูบาอาจารย์มาอธิบาย

    ไม่แตกต่าง..ตาบอดคลำช้าง มาพูดอธิบายหรอก...ดูน่าตลกมากกว่า



    เพียงแค่ฟังและอ่าน....ยังน้อยไป หลงทางได้

    ตีความผิด เข้าใจผิด มองของยากเป็นง่าย..
     
  20. อโศ

    อโศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,689
    ค่าพลัง:
    +5,830
    ระวังที่สุด ประเภทปริยัติตัดแปะ ปฏิบัติแต่งเอง

    จะกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่แก้ไขไม่ได้....
     

แชร์หน้านี้

Loading...