การจะบรรลุธรรมต้องทำอย่างไรบ้าง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เข้าหาธรรม, 6 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. เข้าหาธรรม

    เข้าหาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +514
    ต้องฝึกสมาธิจนถึงขึั้นไหนคะ และจำเป็นต้องสวดมนต์หรือเปล่า
    ต้องรู้อริยสัจ4 หรือขันธ์ห้า ทำนองนี้มั้ยคะ

    สรุปคำถามเลยคือ ต้องมี ต้องทำ ต้องรู้อะไรบ้างคะ ถึงจะบรรลุธรรมสำเร็จอรหันต์ ที่ทราบคือว่าต้องมีการสั่งสมบุญและฝึกสมาธิจากชาติก่อนๆมาด้วยถึงจะทำได้เร็ว

    แล้วก็สงสัยเรื่องสักกายทิฏฐิค่ะ
    เห็นว่า ร่างกายเป็นเรา
    ถ้าจะละ จนถือว่าปฏิบัติได้นี่คือหมายความว่าต้องรู้ตลอดเวลาเลยใช่มั้ยคะว่า ร่างกายนี้สักวันต้องเหี่ยว ต้องตาย ไม่ใช่ของเรา

    คือเราต้องรู้ตลอดทั้งวันใช่มั้ยคะ ประมาณว่า ไม่มีวินาทีไหนที่ไม่รู้ใช่มั้ย

    คิอดิฉันทราบแล้วค่ะว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา สักวันเราต้องละร่าง แต่ไม่ได้คิดตลอดเวลาน่ะค่ะ เพียงแค่ทราบเท่านั้น บางทีก็นึกได้ แต่ไม่ตลอดเวลา แบบนี้ถือว่ายังละไม่ได้ใช่มั้ยคะ?<!-- google_ad_section_end -->



    ตอนนี้กลับมาดูคำถามเหล่านี้แล้วตลกตัวเองจังค่ะ แสดงให้เห็นเลยว่าตอนนั้นเรายังไม่รู้อะไรเลย(เมื่อเราปฏิบัติ ความรู้จะไหลเข้ามาแทนที่ความไม่รู้ ก็เหมือนแก้วน้ำที่ตอนแรกมีอากาศ แต่พอเราเติมน้ำไปอากาศก็จะถูกแทนที่โดยน้ำ)

    สรุปเลยนะคะ ตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่มีเพียงแค่ประโยคเดียวก็อธิบายได้หมด

    "สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น" (สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย)

    แต่วิธีปฎิบัติที่ถูกต้องต่างๆ ก็ล้วนเป็นไปเพื่อบรรเทาความยึดมั่นถือมั่นอยู่แล้ว ต้องมีเหตุก่อนถึงจะมีผลใช่มั้ยล่ะคะ?

    ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบคำถามของดิฉันนะคะ และดิฉันจะพยายามฝึกปฏิบัติต่อไปเพื่อความพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ขออนุโมทนากับทุกท่านที่แนะนำอะไรดีๆ นะคะ

    คนที่เข้ามาอ่านเพื่อหาความรู้ก็ขอให้พิจารณาอ่านด้วยนะคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2012
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ต้องดำเนินตาม ทาน ศีล ภาวนา ครับ....

    สำหรับฆราวาสเราต้องดำเนินอย่างนี้....

    ทาน แก้ ความโลภ

    ศีล แก้ ความโกรธ

    ภาวนา แก้ ความหลง.....

    เนื้อหาปลีกย่อยเยอะมากครับ.....ลองศึกษาไปเรื่อยๆนะครับ.....

    ถ้าไม่รู้จะทำอย่างไรเลย...ไปปฏิบัติธรรมที่วัดสักช่วง สามวัน เจ็ดวัน ก็จะเข้าใจอะไรมากขึ้นนะครับ......

    การบรรลุธรรมนั้นอย่าเพิ่งไปคิดเลยนะ....เอาทุกวันนี้จะดำเนินชีวิตอย่างไรให้ผาสุขด้วยพุทธธรรมได้....อย่างนี้ในขั้นต้น...ถือว่าดีแล้วครับ...
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ต้องจำให้ได้ครับ ต้องมีสติคือความระลึกได้ มันไม่ใช่การทำหรืออะไรแบบนั้นหรอกครับ
    คือมันมีอยู่แล้วเราต้องระลึกให้ได้ เรื่องของบุญก็น่าจะเกี่ยวพระพุทธองค์ก่อนเสด็จ
    ปรินิพพานก็ตรัสว่า
    "อานนท์ เธอได้อุปัฏฐากตถาคตด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
    อันประกอบด้วยเมตตา ซึ่งเป็นประโยชน์เกื้อกูล เป็นความสุข ไม่มีสอง
    หากประมาณมิได้มาช้านานแล้ว เธอได้ทำบุญไว้มากแล้วอานนท์ เธอ
    จงประกอบความเพียรเถิด จักเป็นผู้ไม่มีอาสวะโดยฉับพลัน"

    ต้องรู้อะไรบ้าง อริยสัจ 4 ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2011
  4. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    โพชฌงค์ หรือ โพชฌงค์ 7 คือธรรมที่เป็นองค์แห่งการตรัสรู้ หรือองค์ของผู้ตรัสรู้ มีเจ็ดอย่างคือ
    1. สติ (สติสัมโพชฌงค์) ความระลึกได้ สำนึกพร้อมอยู่ ใจอยู่กับกิจ จิตอยู่กับเรื่อง
    2. ธัมมวิจยะ (ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์) ความเฟ้นธรรม ความสอดส่องสืบค้นธรรม
    3. วิริยะ (วิริยสัมโพชฌงค์) ความเพียร
    4. ปีติ (ปีติสัมโพชฌงค์) ความอิ่มใจ
    5. ปัสสัทธิ (ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์) ความสงบกายใจ
    6. สมาธิ (สมาธิสัมโพชฌงค์) ความมีใจตั้งมั่น จิตแน่วในอารมณ์
    7. อุเบกขา (อุเบกขาสัมโพชฌงค์) ความมีใจเป็นกลาง เพราะเห็นตามเป็นจริง
    โพชฌงค์ 7 เป็นหลักธรรมส่วนหนึ่งของ โพธิปักขิยธรรม 37 (ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ เกื้อหนุนแก่อริยมรรค อันได้แก่ สติปัฏฐาน4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 และมรรคมีองค์ 8)
     
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,485
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,013
    สําหรับผม อย่างเเรกคือ ต้องรักษาศีลห้า สวดมนต์ ( เเนะนําคาถาชินบัญชรเเละพาหุง ถ้าจะสวดอีกหลายๆบทได้ก็จะดีมากครับ ) นั่งสมาธิ เเ่ผ่เมตตาไปทั่วทั้งจักรวาล ไม่เลือกเฉพาะเจาะจงทุกวันครับ เเละ ณ โอกาสนี้ ผมอยากฝากหนังสือ ' ชีวิตเป็นอย่างนี้ ' ที่อยู่ใต้ comment ของผมให้คุณ เข้าหาธรรม download ไปอ่านให้จบครับ ลองอ่านให้จบดูครับ เเล้วเราจะมีความคิดอะไรดีๆขึ้นมาอีกเยอะสําหรับชีวิตของเรา เจริญในธรรมครับ
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สิ่งที่ผมจะกล่าว ผมอยากชี้ให้คุณเจ้าของกระทู้ได้มอง

    สิ่งที่มีอยู่ในชีวิตของคุณเอง ตั้งแต่คุณเกิดขึ้นมาบนโลก และ จำความได้เป็นครั้งแรก

    ย้อนดูบ่อยๆคุณก็จะเห็นชัดยิ่งขึ้น และ คุณจะสามารถย้อนดูได้จนถึงขณะที่อยู่ในครรณ์

    หากทำได้บ่อยๆ โลกใบนี้ยังจะมีสิ่งใดที่ให้คุณอาลัยอาวรณ์อยู่อีกหรือ

    ผมมีสิ่งที่ให้คุณคิด ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นจริง หรือ อาจจะไม่เป็นจริงก็ได้

    เวลาที่นั่งกรรมฐานจนจิตหยุดนิ่งไม่มีอารมณ์อื่นนอกจากอารมณ์ของจิต ไม่มีลมหายใจ ไม่มีร่างกาย ไม่รับรู้สภาวะข้างนอก เพราะสิ่งที่เห็นก็มีแต่ความว่าง

    หากทำได้เช่นนี้ตลอดทั้งวัน ตลอดเดือน ตลอดปี และ ตลอดชีวิตจนถึงความตายเป็นที่สุด

    ในขณะที่กำลังจะตายจิตใจจะปรุงแต่งอะไร จะมีสิ่งใดให้ยึดติด คุณลองคิดดูว่าหลังจากที่ตายแล้วที่ใดกันเล่าที่จะไป

    ทุกข์ทั้งหลายเกิดจากการปรุงแต่ง การปรุงแต่งเกิดจากการที่จิตจับความรู้สึก ความรู้สึกเกิดจากการกระทบของอายตนะกับสิ่งภายนอก(อายตนะ12)

    การปฎิบัติเท่านั้นที่จะนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ หนทางอื่นเสมอเหมือนไม่มี มุ่งมั่นปฎิบัติให้ถึงพร้อม จนปัญญาเกิดรู้เห็นสภาวะความเป็นจริง จิตจะวางลงเอง รู้เอง เห็นเอง ว่าจิตหลุดพ้นหรือไม่อย่างไร

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  7. itipizo

    itipizo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +86
    องค์เห็นการรู้แจ้ง 7 ข้อ
    ที่กัลยาณมิตรแนะนำท่านนั้น
    ถ้าคุณดำเนินแนวทางนี้ ทำให้ต่อเนื่อง
    ความทุกข์จะน้อยลง ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณมีสติ เลยทีเดียว
    ธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ยาก ถ้าทำถูก
    คุณจะเห็นผลตั้งแต่วินาทีแรก ไม่ต้องรอกันเป็นปี ๆ

    สติ เป็นด่านแรก อย่าเป็นคนเสียสติ เสียสติให้กับอดีต อนาคต
    เมื่อคุณมีสติอยู่กับปัจจุบัน คุณจะเห็นธรรมแสดง ความเกิด ดับ
    ให้คุณดูอยู่ในขณะจิต เสมือนคุณได้ฟังธรรมอยู่ตลอดเวลา (ธัมมะวิจยะ)
    แล้วให้เพียรกระทำอยู่ให้ต่อเนื่อง (วิริยะ) เมื่อจิตทิ้งอดีต ทิ้งอนาคต
    มันเกิดสภาวะว่าง ๆ เบา ๆ สบาย ๆ (ปีติ) จนเกิด ความสงบระงับ
    มีความสุขอย่างที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนบนพื้นโลกนี้ (ปัสสัทธิ)
    จนใจตั้งมั่น (สมาธิ ) ไม่มีความแส่ส่ายไปในอารมณ์ เป็นกลางทุกสรรพสิ่ง (อุึเบกขา)

    ทุกอย่างนี้ มันเริ่มที่ สติ ถ้าคุณมีสติกับปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
    ทุกอย่างคุณธรรมทีเ่หลือจะตามกันมาส่งผลให้คุณเองถึงที่
    ขอให้ทำให้ต่อเนื่องจริง ๆ เถิด

    ถ้าคุณกินอาหารอยู่ อย่าถามว่าจะอิ่มเมื่อไร
    แล้วคนอื่นจะไม่รู้ด้วยว่า คุณอิ่มหรือยัง
    แต่คนที่อิ่มแล้ว ท่านจะมองคุณออก ว่าคุณหิว หรือ อิ่มอยู่
    เพราะท่านได้ลิ้มรสความอิ่มมาก่อน

    ถ้าไม่อยากจะมีของเล่น ไม่อยากจะชมนกชมไม้ข้างริมทาง
    ในสังสารวัฏนี้มากนัก ก็จงเดินทางนี้เถิด ลัด สั้น ตัดตรงที่สุดแล้ว
    นี่คือ โพชฌงค์ 7 ประการ องค์แห่งการรู้แจ้ง ที่กัลยาณมิตรได้นำมาบอกกล่าว
    ก่อนหน้านี้ครับ

    ขอให้ดับทุกข์ได้ทุกขณะ บ่อย ๆ
    เมื่อดับ ได้ถี่ขึ้น มันจะดับไม่เหลือ
    แล้วจะทราบว่า อันที่จริง มันไม่มีอะไรเลย
    ดิ้นรนกับเกือบตาย สุดท้ายมันหญ้าปากคอก
    มันมีอยู่แล้ว กลับไม่เห็น...
     
  8. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ละชั่ว
    -ทำดี
    -ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ (ศีล สมาธิ ปัญญา)
     
  9. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    “พระอรหันต์ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากไหน ก็มาจากหัวใจของปุถุชนมาจากราคะ โทสะ โมหะ ถ้าหากใจปุถุชนนั้นพยายามบากบั่นฝึกปรือตัวเองให้เดินตามมรรคสัมมาปฏิบัติ พระอรหันต์ก็มาจากที่นั่น กลั่นกรองมาจากที่นั่น เหมือนดอกบัวมาจากขี้ตมขี้โคลน เน่าๆ เหม็นๆ แต่พอพ้นน้ำรับแสงอาทิตย์บานแย้มเต็มที่ มีสง่าราศี ใครก็อยากได้อยากชม”

    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม
    โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ-จิตใจ : พระดีศิษย์หลวงตาบ้านตาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2011
  10. ปกาสัย

    ปกาสัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +257
    ลองศึกษาและปฏิบัติตามวิธีที่หลวงพ่อฤาษีท่านสอนตามลิงค์ด้านล่างนี่เลยนะ แต่การปฏิบัติใดๆ ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผล และมีความก้าวหน้าไปถึงยังจุดที่เรามุ่งหวังไว้...

    1. วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
    2. คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ๔๐ กอง
    3. สังโยชน์ 10
    4. อริยะบุคคล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2011
  11. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    บางครั้งการดับทุขลงชั่วขณะนั้นก้ทำง่ายๆ โดยการไม่ต้องทำอะไร
    เมื่อรู้อาการของทุขที่เกิดก้พิจารนาว่าทุขเหล่านี้เกิดประจำ เกิดอีกแล้ว และมันก้ไม่ทนทานเด่วก้เปลี่ยนไป เป็นสุขบ้าง งั้นทุขเกิดมีสติรับรู้เท่าทันทุข ก้จะเห็นความธรรมดาเอง ของทุขที่แสดงอาการและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราแค่ไม่ไปสนใจ
    แต่เพราะ บางครั้ง เราดิ้นรนหนีทุข และบางครั้งเราพอใจทุข ก้เลยคิดว่าเราเป็นทุข ทุขเป็นของเรา และเรามีทุข

    ตั้งสติ วางใจเป็นกลางพิจารนาอย่างรอบคอบ และต่อเนื่องให้เห็นความเป็นจริงของทุขที่เกิดขึ้นก้อาจจะหลุดพ้นจากทุขนั้นๆได้ เกิดปัญญาแทงตลอดไม่ติดอยู่กับทุขที่เกิด
     
  12. danmra

    danmra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +80
    ถ้าจะให้ดีที่สุดผมขอแนะนำว่าให้ ลองเข้าไปดู วิธีปฏิบัติตามที่คุณปกาสัย แนะนำครับ นั่นคือทางที่ตรงที่สุด ง่ายที่สุด เพียงแต่ขอให้ใช้ อิทธิบาท๔ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติ จะดีมากขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
     
  13. Tofzz

    Tofzz สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +2
    ความจริงจะบรรลุธรรมได้ ไม่ใช่แค่ฝึกสมาธิ ได้อภิญญา เพราะการได้อภิญญาก็พาลงนรกได้เหมือนกัน

    ตัวอย่างเช่นพระเทวทัต แรก บวชเข้ามาใหม่ ก็ได้อภิญญา มีฤิทธิ์ แต่สุดท้ายก็ยังหลงทำความชั่วอยู่

    ความพิเศษของ ศาสนาพุทธ คือ "วิปััสสนา" ส่วนกรรมฐาน 40 ที่พระพุทธเจ้าสอน

    ก็เพื่อเป็น ฐาน ของจิตในการฝึก "วิปัสสนา" ทำใหจิตมีสติ มีกำลัง พอจะพิจารณา

    ความเป็นไป ของธรรม ด้วย "ปัญญา" (ธรรมที่ว่านี้ คือธรรมชาติ)

    สมัยพุทธกาล หลังจากพระพุทธเจ้าเทศน์จบ ก็มักมีคนบรรลุเป็นโสดาบัน กันเยอะ

    เพราะ ท่านเหล่านั้น ฟังไป "พิจารณา" ไป ด้วย "ปัญญา" มีจิต แน่วแน่ ในการฟังคำ ครูผู้สอน(พระพุทธองค์)จึงบรรลุธรรม

    ฉนั้นการศึกษา คำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ อาจเป็นหนทางบรรลุธรร ได้เหมือนกัน แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ยา ต้องถูก กับโรคด้วย

    เพราะ เราก็ไม่รู้ว่าเราต้องฟังธรรมอันไหน เราจึงจะบรรลุ ไม่เหมือนสมัยก่อน พระพุทธองค์จำแนก ได้ว่า คนไหนต้องฟังธรรมบทไหนจะบรรลุธรรม

    เราจึงต้องฟัง ธรรม ให้มากเข้าไว้ แล้ว พิจารณาตามด้วย ที่ว่าฟังนี้ เลือกอาจารย์หน่อยก็ดี บางท่านอ่านมาไม่ดี การแสดงธรรมก็อาจผิดเพี้ยนไป ก็มี

    อีกทางหนึ่งที่จะบรรลุ ได้ ก็คือ การปฎิบัติ

    ถ้าเริ่มปฎิบัติ ศีล ให้ครบก่อน คือตั้งใจว่านับจากนี้ไปจะรักษาศีล 5 ตลอดชีวิต แล้วทำให้ได้ด้วยนะครับ (ข้อมุสาวาทา เป็นข้อที่ยากที่สุด ถ้าพูดความจริงแล้วเดือดร้อน ให้หลีกเลี่ยงที่จะไม่พูด แทน)

    ส่วนจะเริ่มปฎิบัติอย่างไร ก็เลือกเอากรรมฐาน กองใดกองหนึ่งใน 40 กอง มาเป็น ฐาน เพื่อให้จิตมีกำลังเสียก่อน

    กรรมฐานกองที่ง่ายที่สุด ผมแนะนำ อานาปานานุสสติ ไปเรื่อย พอเริ่มมีสมาธิแล้ว ก็ขึ้นวิปัสนา เลย

    ส่วน "วิปัสสนา" คืออะไร ด้านล่างเลยครับ (ก๊อปมาจาก www.buddha.s5.com)

    ป.ล.ถ้าผิดพลาดประการไหน ก็ช่วย แย้งได้นะครับ ผมก็ อธิบายเท่าที่ผมเข้าใจนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2011
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG]....:cool::cool::cool:


    [​IMG].....:cool::cool::cool:
     
  15. หมอรวย

    หมอรวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +105
    เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ เลยครับ ขอชื่นชม
     
  16. chatbong

    chatbong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +120
    กำลังอยากรู้อยู่พอดี ขอบคุณมากๆสำหรับเจ้าของกระทู้และทุกคำตอบค่ะ
    อนุโมทนาค่ะ
     
  17. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    รายละเอียดเยอะมากเลย ขอตอบสั้นๆนะครับ

    สมาธิควรถึงอัปปนาสมาธิ หรือ ฌาณ4

    ไม่จำเป็นต้องสวดมนต์ ถ้าฝึกสมาธิได้ดี แต่การสวดมนต์สามารถส่งเสริมด้านสมาธิและปัญญาได้

    ต้องรู้อริยสัจ4อย่างแจ่มแจ้ง เพราะการบรรลุธรรมคือรู้แจ้งอริยสัจ
    เมื่อรู้แจ้งแล้ว จึงปล่อยวางขันธ์ห้า ทุกข์จึงเกิดที่ใจไม่ได้อีกต่อไป

    ต้องมีคือ ศีล สมาธิ ปัญญา
    ต้องทำคือ มรรค
    ต้องรู้คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ

    การสั่งสมบุญหรือฝึกสมาธิจากชาติก่อน ก็ช่วยได้ แต่ไม่ควรใส่ใจกับเรื่องที่ผ่านไปแล้วให้มากนัก ควรเร่งทำสิ่งที่ควรทำให้เกิดขึ้นมีขึ้นมา จึงถูกต้อง...
     
  18. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,306
    อนุโมทนา ในข้อยกมาตอบเพื่อเป็นหนทางของหลายท่าน
    แต่อยากรบกวนให่้ท่านวิมุตติ สนับสนุนเรื่องการสวดมนต์ไม่ว่าจะเจริญสมาธิถึงขั้นไหนก็ตาม การสวดมนต์ก็ยังเป็นเรื่องที่ควรค่าอยู่ ที่รบกวนท่านวิมุตติให้ต้องแนะนำ เนื่องจากในบรอด์นี้ ท่านวิมุตติถือว่าเป็นผู้มีเนือหาในธรรม และมักแนะนำได้ดี เพื่อว่าท่านอื่นๆที่ได้เข้ามาแวะชมบรอด์นี้จะได้ระลึกเรื่องของการสวดมนต์ร่วมกับการเจริญสมาธิ คู่กันไป
    ขอบคุณล่วงหน้าไว้ก่อนเลยค่ะ อิปุ๊บปั๊บ
     
  19. ผู้ที่_

    ผู้ที่_ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +83
  20. โดเรม้อน

    โดเรม้อน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    848
    ค่าพลัง:
    +75
    ศีล สมาธิ ปัญญา....................
     

แชร์หน้านี้

Loading...