โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอถามพี่จิ-โป ครับ เกี่ยวกับที่คุณแจ๊กซ์69 ถามอ่ะครับ

    ผมสงสัยว่า คนเรา 1 คน (ธรรมดา) นั้นมีกี่จิตครับ เพราะบางครั้งผมคิดไปทางนี้
    แต่มันจะมีอีกความคิด ดังขึ้นมา โต้แย้งหรือ คิดไปเรื่องอื่นเลย ทำให้ กำหนดไม่
    ค่อยจะได้ ผมเลยใช้วิธี พยายามจับที่ลมหายใจ 1 ความคิด และ อีก 1 ความคิด
    ก็ภาวนา พุทโธ ไป อันนี้พอช่วยได้ แต่จะไม่ค่อยได้สมาธิ ซักเท่าไร

    ถ้าให้จับที่ลมหายใจอย่างเดียว ก็ชอบมีความคิดทำให้วอกแวก
     
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ขอบคุณครับแล้วอีกเรื่องนึงรบกวนแนะการฝึกวิชาสมาธิหน่อยครับ
    ผมสามารถนึกหรือมองอะไรก้ได้ อยากให้มันรูปร่างต่างๆได้แค่ครั้งเดียวสามรถติดตาได้ตลอด
    สายฟ้าเอามาไว้ที่ฝ่ามือและก็รู้สึกเหมือนมือชานิดๆเหมือนมีไฟฟ้าจริงๆ
    แต่ไม่ค่อยรู่วิธีฝึกขอรบกวนช่วยแนะวิธีฝึกหน่อยนะครับ
     
  3. sorakran2007

    sorakran2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +945

    ขอเชิญทุกท่านร่วมงานได้นะครับ ใกล้ถึงวันแล้ว... ^^
     
  4. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ตอนที่ได้ยินเสียงนั่นครั้งแรก คุณจิ-โป ไม่รู้สึกกลัวเลยหรือคะ...ศิลามณี เคยได้ยินแต่เป็นเสียงแทรงเข้ามา....ในขณะทำสมาธิ ตอนนั้นเปิดเสียงสวดมนต์ไปด้วย..พอเคลิมๆนิดก็จะ ได้ยินเสียง..หลังๆเลยไม่เปิดเสียงสวดมนต์ .. แต่ขณะนั่งพอเริ่มนิ่งๆเคลิมๆ .ชักเริ่มรู้สึกกลัว .กลัวว่าจะมีเสียงอะไรเข้ามา .อืมร์...คุณจิโป พอจะแนะนำวิธีไม่ให้กลัวได้ไหมคะ...
     
  5. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196

    ตามตำราพระไตรปิฏกเกี่ยวกับวิถีจิตท่านว่าคนเรามีจิตเพียงดวงเดียวครับ
    ส่วนที่มันพูดได้เป็นสองคนหรือหลายคนในตัวเราท่านว่ามันเป็นชวนจิต(ชะวะนะจิต)
    นั่นคือในหนึ่งขณะจิตนั้น จิตเราจะแบ่งออกไปเป็นหลายๆชวนจิตเหมือนว่าจิต
    เราเป็นแมลงมุมอยู่กลางใยแมงมุมแล้วใยแมงมุมที่สานกันนั้นเป็นชวนจิต เมื่อ
    มีอะไรมาสัมผัสใยแมงมุม แมงมุมก็รู้ตัวเหมือนๆกับที่มาสัมผัสตัวแมงมุมโดย
    ตรง มโนคือใจเรานั้นเลยสร้างเสียงขึ้นมาด้วยการปรุงที่เกิดจากสัมผัสต่างๆ
    ไม่ว่าจะเป็นอนุสติ เจตสิก เทวดา ผี พระต่างๆ เลยกลายเป็นว่าเราคือคนนึง
    ก็มีอีกคนนึงอยู่ในตัวเรานั่นเอง ทั้งๆที่ความจริงแล้วแม้ส่วนที่ว่าเป็นเราแท้นั้น
    มันก็ไม่มีเหมือนกัน

    แต่ประโยชน์ของอาการแบบนี้ก็มีนะครับถ้าเราฝึกได้เช่นปากเราสวดมนต์บาลี
    บทชะยันโตโพธินามูเล.. แต่ในใจเราก็สวดภาษาเทพ และอีกชวนจิตนึง
    ก็สวดแก้อาถรรพ์แบบเขมร กลายเป็นขณะจิตเดียวเกิดกำลังขึ้นมาสามอย่าง
    คนโบราณที่มีอาคมเก่งๆเขาทำแบบนี้จริงๆ ผมเองทำได้แค่สองอย่าง ยังไม่
    เก่งถึงขั้นพูดสามอย่างในคราเดียว ฝึกใว้เพราะเจอผีพระเราสวดมนต์ไล่มัน
    มันก็สวดตามเราได้เผลอๆเราหลงลืมมันดันสวดโชว์เราอีกต่างหาก เลยต้อง
    เอาแบบปากสวดบทนึงใจสวดอีกบทล้อมมันใว้


    การปฏิบัติของคนที่ได้ยินเสียงหลายๆคนในใจนั้นมันก็เหมือนแมงมุมจับกลาง
    ใยแมงมุมแล้วมีแมลงหลายๆตัวมาติดที่ใยแมงมุมนั้น ทำให้เกิดการสั่นไหว
    เกิดการรับรู้หลายๆทางพร้อมๆกัน เพราะฉะนั้นก็ควรจะหาตัวแมงมุมนั้นก่อน
    หาให้เจอว่าอันไหนคือจิต อันไหนคือชวนจิต วิธีการไหนๆก็ไม่สบายและง่าย
    ดายเท่าของหลวงปู่ฝั้นอาจาโร ท่านกล่าวใว้ว่า ให้เราหลับตาลงแล้วไม่ต้อง
    กำหนด ไม่ต้องภาวนาอะไรใดๆ เพียงแต่ให้นิ่งตั้งใจฟังเสียงหัวใจเราเต้น
    เมื่อใจเรานิ่งสงบแล้วเสียงหัวใจเราเต้นจะดังขึ้นจนเราได้ยิน แล้วก็นิ่ง ฟังเสียง
    นั้นอย่างสงบจนจบครบเวลาการนั่งนั้น นี้เองเราจะเจอตัวแมงมุมคือจิตเราเอง
    แล้วค่อยละวางว่าแม้จิตก็ไม่ใช่เรา แม้อารมณ์ก็ไม่ใช่เราในภายหลังครับ
     
  6. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ตอนผมได้ยินคราแรกไม่กลัวครับ แค่งงว่าเอ้า เสียงใครมาพูดอะไรอีก
    วิธีการก็อย่างที่บอกข้างบนครับ ใครได้ยินเสียงแทรกให้นิ่ง สงบ ฟังเสียง
    หัวใจเต้นให้ชัดเจนก่อน จากนั้นค่อยปฏิบัติแบบอื่นต่อไป จะไปกำหนดอะไร
    ก็ทำไป หรือจะเอาแบบหลวงปู่ฝั้น ฟังเสียงหัวใจอย่างเดียวจบหลักสูตรจน
    สำเร็จไปเลยก็เข้าท่า การฟังเสียงเต้นนี้จะทำให้เราเข้มแข็งไม่กลัวครับ
    เพราะเมื่อกลัวก็ไม่ได้ยินเสียง ตราบใดที่จิตเราสงบจนได้ยินเสียงนี้แม้ฟ้าร้อง
    ใกล้ๆก็เฉยๆ เคยกลัวอะไรจนขีดสุดใหมละครับ ตอนกลัวขีดสุดนั่นเองธรรมชาติ
    ของมนุษย์จะทำให้เราได้ยินเสียงหัวใจเราเต้นอย่างแรง แล้วความกลัวนั้นๆ
    ก็จะหายไป เมื่อความกลัวหายเสียงหัวใจเต้นก็พลอยหายไป

    ที่ให้ฝึกฟังเสียงหัวใจเต้นก็ทำนองเดียวกันนี้เอง แต่ประโยชน์มันมีมากกว่าการ
    ระงับความกลัว มันทำให้เราสงบเย็นเป็นเอกคตารมณ์ได้อย่างวิเศษดุจทารก
    ที่อยู่ในครรภ์มารดาฉะนั้น
     
  7. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    ขอบคุณทุกคำถามและทุกคำตอบครับ ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว

    การฟังเสียงหัวใจ (ดูเหมือนอ่านหน้าแรกๆเคยได้ยินว่าอาจารย์พี่จิโปให้ฝึกโดยวิธีนี้) นั่งแล้วเพ่งไปที่หัวใจ รอฟังเสีง หรือ นั่งแล้วเพ่งไปที่หัวใจ รอการเต้นตุ้บตั้บครับ (อันหลังรู้สึกกว่า-อันแรกแอบลองแล้วไม่ได้ครับ)
     
  8. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    อยากดูรูปจังเลยครับ ว่าแต่อีกไม่กี่วันจะมาฆบูชาแล้ว พี่มีโปรแกรมที่ไหนอีกหรือเปล่าครับ
     
  9. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]


    [​IMG]



    ที่วัดป่าหิมพานต์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]


    บนเจดีย์หลวงปู่หลุย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1675.JPG
      IMG_1675.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      41
    • IMG_1675.jpg..jpg
      IMG_1675.jpg..jpg
      ขนาดไฟล์:
      203.8 KB
      เปิดดู:
      357
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  11. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    รอการเต้นของหัวใจครับ ฟังให้ได้นานที่สุดอย่าให้ขาดช่วง
    ดังตึกตัก สองจังหวะต่อหนึ่งครั้ง มองไปที่หัวใจแบบสบายๆ อย่าเพ่งแบบ
    เอาเป็นเอาตาย มองไปแบบสบายๆ นานเข้าจะเห็นเยื่อในหัวใจ นานไปจะเห็น
    น้ำเลือดในหัวใจ และนานไปเลือดในหัวใจจะมีสีขาว ไม่ใช่แดงครับ ขาวเท่า
    ฝายมือหนึ่ง การละวางในกายสังขารจะเกิดเอง เมื่อละกายสังขารแล้วโสดาบัน
    จะมาเอง เมื่อเลือดเป็นสีขาวเท่าฝายมือหนึ่งจะเกิดวสี อยากได้ยินเสียงเต้น
    เมื่อใดก็ได้ เมื่อเกิดวสี ความเร็วในการจับการผุดขึ้นของกิเลสจะเกิดเองนั้น
    สกทาคามี เมื่อเกิดวสีนานเข้าจะเห็นสภาวะก่อนกิเลสมันจะผุดนั้นเรียก
    สภาพของอนาคามีส่วนพระอรหันต์เกิดสภาพยังไงผมไม่รู้ครับ ถามใครก็ไม่มี
    ใครบอกมีแต่ยิ้ม ท่านว่าเมื่อสงบปัญญามันจะเกิดเอง คนเราเกิดมาเป็นชาว
    พุทธแล้วได้ยินได้ฟังธรรมมามากแม้จะเป็นแบบผ่านๆก็ตามเมื่อสงบแล้วธรรม
    นั้นๆจะชัดเจนเอง("ไม่รู้ว่าชัดกี่ล้านพิกเซ้วว" ผมเคยแซวเทวดาว่างี้)


    ว่าแต่สถานปฏิบัติธรรมป่าหิมพานต์ดูสวยงามน่ารื่นรมดีนะครับ ท่าทางกลาง
    คืนจะหนาวน่าดู
     
  12. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1665.JPG
      IMG_1665.JPG
      ขนาดไฟล์:
      263.7 KB
      เปิดดู:
      259
  13. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG][​IMG]


    เจดีย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์
     
  14. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]



    [​IMG]


    ที่เจดีย์หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    เมื่ก่อนผมเคยทำได้แต่ผมไม่ได้ยินเสียงหัวใจอะไรนะครับแต่ผมอนิ่งอยู่เฉยๆหายใจเข้าออกทำจนกะทั่งรู้สึกว่าในตัวผมมีอะไรมาหมุนในตัวผมทั่วทั้งตัวและก็มีแสงสว่างมาในหัวสักพักแล้วผมก็พอ
    อยากถามว่าแสงสว่างที่ว่าใช่อนัตตาหรือป่าวครับแล้วให้ที่มันหมุนๆในร่างกายคืออะไรครับ
    ขอบคุณครับ
     
  16. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]


    ที่ริมโขงไปหาอะไรทานรอคณะที่กำลังจะติดตามมาช่วงออกจากวัดหลวงปู่ขาวแล้วจะไปวัดสีดาจะมีนาคและเทพมารับกันมากจนถึงวัดสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรจากรูปจะเห็นดวงกลมๆห้าดวงด้วยกันดวงที่ชัดสุดจะอยู่ไกลอีกดวงอยู่ที่แขนผม อีกดวงอยู่ที่แขนพี่ที่ใส่เสื้อยีนอีกดวงอยู่บนหัวพี่ที่เสื้อขาว และอีกดวงอยู่บนหัวน้องอีกคนที่อยู่ไกล้ๆกับป้ายแล้วพอถ่ายช้ำอีกหลายทีก็ไม่เจออะไรครับแต่ก็บังเอิญหน่อยตรงที่มีไปห้าคนแล้วมีดวงกลมๆห้าดวงพอดีเลยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]



    [​IMG]


    ที่วัดสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตรที่เก็บศพหลวงปู่ทองทิพย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  18. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [​IMG]


    [​IMG]


    ที่วัดบ้านเสียว กาฬสินธุ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1835.jpg..jpg
      IMG_1835.jpg..jpg
      ขนาดไฟล์:
      171.2 KB
      เปิดดู:
      244
    • IMG_1838.JPG
      IMG_1838.JPG
      ขนาดไฟล์:
      280.6 KB
      เปิดดู:
      256
  19. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    แวะเข้ามาดูคะ..............
     
  20. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ที่หมุนในร่างกายเราเรียกว่าอาการครับ แล้วแต่บางคนไปไม่เหมือนกัน
    บางคนก็จับสัมผัสการหมุนไม่ได้แต่เกิดปิติซาบซ่านแทน ตรงนั้นไม่ต้อง
    สนใจครับ ส่วนแสงสว่างเป็นที่สุดแห่งอรูปฌาณ ซึ่งตามจริงแล้วไม่ใช่ว่า
    ต้องเป็นชั้นอริยะเท่านั้นที่เข้าอรูปฌาณได้ คนธรรมดาสามัญที่นั่งสมาธิ
    ไม่เคยติดเลย บางวันเวลาอาจเข้ามาตรงนี้ได้เหมือนกัน นั่นคือการมีสติ
    ตามตลอดเวลาไม่ว่าอาการนั้นๆจะเป็นยังไงก็ตาม ใจเรามีสติแม้น้อยนิดติดตาม
    มันไปตลอดอย่างไม่กลัว จะตกปุ๊กลงตรงอรูปฌาณอันมีแสงสว่างเป็นอาณาเขต
    เรียกว่าสภาวะแห่งพระพรหมเหมือนกันหมดทุกๆคน ตรงนี้ระวังนิดเดียวคือ
    อย่าชอบตรงนี้ ว่ามันสว่างมันว่างมันโล่ง เพราะใจเราจะติดตรงนี้ทำให้ตอน
    ตายแล้วจิตไปจับตรงนี้ก็เสร็จเลยไปเป็นพระพรหมอีกนานแสนนานกว่าจะหมด
    การสืบสันสติของพรหมจนมาเกิดใหม่ อดนิพพานกันพอดีต้องมาสร้างใหม่หมด

    ตรงแสงสว่างนี้เองเป็นจุดเปลี่ยนของพระพุทธองค์ว่าใช้ปัญญาอีกนิดก็พ้น
    ทุกข์ ตรงนี้ใช้วิปัสสนาญาณในการคิดหาทางหลุดพ้น(นับจากเจโตปริญญาณ
    ขึ้นมา) ไม่เหมือนตอนแรกเริ่มที่ใช้ปัญญาคิดทำให้เกิดความสะอาดของ
    ดวงจิต(นับจากมูลกิเลสขึ้นมา)เป็นต้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...