@ คชสีห์/เทพพระพิฆเนศ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ งาแกะ เรื่มเปิดที่เบาๆ @

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย พลังชาตรี 13, 7 พฤศจิกายน 2010.

  1. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
  2. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853

    เย้าแย่ศิืษย์หลวงพ่อเดิม ยิงมาแล้วหนึ่งท่านครับ

    ขอบพระคุณมากๆครับ อ.นพ ที่กรุณาเปิดให้ ไม่ทราบจบที่ อ. เลยหรือเปล่าหน่อ

     
  3. ไชยพันธุ์

    ไชยพันธุ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +782
    วันนี้ได้รับแล้ว ขอบคุณมากครับ แล้วโอนยอดใหม่เวลาประมาณ 20.45 น.
    ที่อยู่ตามเดิมครับ ขอบคุณครับ
     
  4. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ขอบพระคุณมากครับ พี่ ไชยพันธุ์ ส่งไปให้แล้วแต่เมื่อวานครับ

    วันนี้บ่ายๆน่าจะถึงครับ ขอบพระคุณมากครับ
     
  5. คนกรุงศรี

    คนกรุงศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +763
    หลวงพ่อเดิม แหวนงาช้างแกะสิงห์สองขวัญ สุดสวย ร่วมประมูลด้วย 4,619 บาท
     
  6. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
  7. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ขอบพระคุณท่านคนกรุงสรีมากๆครับที่เข้ามาร่วมประมูลในครั้งนีครับ

    ขอบพระคุณทั้ง 2 ท่านมากครับที่ร่วนมาประมูล

    ขอบพระคุณครับ ผลสุดท้ายผู้ชนะ......อยุธยาไม่สิ้นคนดี

    ขอบพระคุณ อ.นพ และท่านคนกรุงศรี และทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2011
  8. ไชยพันธุ์

    ไชยพันธุ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +782
    วันนี้ได้รับแล้ว ขอบคุณมากครับ
     
  9. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    [​IMG]

    อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสขลังเวท 5 แผ่นดิน

    อาจารย์เฮง ณ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ สิริอายุ ๗๕ ปี พื้นเพท่านเป็นคนบ้านหันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาท่านเป็น นายตำรวจ หรือผู้ตรวจการณ์คุก โดยบิดาส่งไปเรียนที่ปีนัง สิงคโปร์ แต่เรียนไม่สำเร็จ

    ท่านเป็นคนชอบเรียนวิชาไสยศาสตร์ ได้ท่องเที่ยวเล่าเรียนมาแต่ทางภาคใต้ ท่านอาจารย์เฮงเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ พระยาเพชรปรีชา มีเพื่อนฝูงเป็นเจ้าพระยาหลายคน เมื่อท่านเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา คือจ.พระนครศรีอยุธยา คราวเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านให้ความสนใจศึกษาตำรับตำราทางไสยศาสตร์ อันว่าด้วยเวทมนตร์คาถา อักขระเลขยันต์ จากจารึกวัดประดู่โรงธรรมอย่างแตกฉาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัย สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    อาจารย์เฮง ท่าน รวบรวมสรรพวิทยาไสยศาสตร์ โดยจารึกไว้ที่ วัดประดู่โรงธรรม นี้อย่างพร้อมสรรพ ตำรับวัดประดู่โรงธรรม เป็นแม่บทของตำราที่ว่าด้วย เวทมนตร์คาถาและอักขระเลขยันต์ ที่มีปรากฏและเล่าเรียนสืบต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์เฮงนั้น ท่านเรียนรู้ตาม คำภีร์รัตนมาลา อย่างแตกฉาน และเจนจบมาก หลังจากที่ ท่านอาจารย์เฮง สึกจากการอุปสมบทแล้ว ท่านกลับมาครองเพศฆราวาส เริ่มปรากฏชื่อเสียงเกียรติคุณกระเดื่องดัง ทางเป็นพระอาจารย์ของท่าน เริ่มต้นด้วยการเป็น อาจารย์สัก ก่อน หลวงปู่สี เล่าว่า ครั้งกบฏบวรเดช ในสมัยรัชกาลที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๗๖) มีนายทหารและข้าราชการมาให้ท่านสักเป็นจำนวนมาก และจากการที่ท่านอาจารย์เฮง ตั้งพิธีสักที่วัดหันตรานั่นเอง ครั้งนั้น ท่านอาจารย์เฮง จำเป็นต้องอาราธนาพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์ในพิธีสักนั้นด้วย ในสมัยนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๖) ในท้องที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หาพระที่สวดพุทธมนต์และพุทธาภิเษกพิธียากมาก ยกเว้น ท่านอาจารย์สี วัดสะแกเท่านั้น เพราะท่านอาจารย์สีเคยลงมาศึกษาอยู่ที่สำนักวัดเลียบ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีความเจนจบในเรื่องนี้อยู่ สืบต่อมาเมื่อท่านอาจารย์เฮง จะประกอบพิธีกรรมครั้งใด จำต้องมาอาราธนาท่านอาจารย์สีไปร่วมพิธีทางฝ่ายสงฆ์อยู่เสมอ

    โดยพื้นฐานและฐานะของท่านอาจารย์เฮงนั้น จัดว่าเป็นผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ท่านมีบ้านเป็นหลักแหล่งอยู่ที่ทุ่งหันตรา มีไร่นา และมีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่วังน้อย เมื่อท่านมีลูกศิษย์ลูกหาทางกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อความสะดวกในการประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา จึงเชิญท่านมาเช่าบ้านอยู่ที่สวนมะลิ และย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวหน้าสมาคม วาย.เอ็ม.ซี.เอ วรจักร จนกระทั่งสงครามมหาเอเชียระเบิด ท่านจึงอพยพขึ้นไปอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ราว พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๔๘๕ การย้ายครอบครัวในครั้งนั้น ท่านซื้อเรือต่อ หรือเรือข้าวขนาดย่อมลำหนึ่ง ติดเครื่องยนต์แล่นขึ้นไปเป็นการสะดวกในการสัญจร ขณะนั้นที่ถนนหนทางอยู่ในสภาพกันดาร การคมนาคมทางน้ำดูจะมีความสำคัญมาก ภายในเรือของท่านใช้เป็นที่อาศัย ซึ่งพร้อมมูลไปด้วยปัจจัยในการดำรงชีวิต อย่างมีความสุขสบาย นึกจะโยกย้ายหรือท่องเที่ยวไป ณ ที่แห่งใด ก็ย่อมได้ตามความประสงค์ เขาว่าท่านเป็นคนร้อนวิชา อยู่ไม่เป็นที่ จึงชอบท่องเที่ยวไปในถิ่นที่ต่างๆ และจะวนเวียนมาจอดที่ต้นสะตือ วัดสะแก เป็นประจำ เป็นสถานที่ที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านจะไปพบหาท่านได้ที่นั่น อาจารย์เฮง อุปสมบท ๒ ครั้ง ครั้งแรกที่วัดสุวรรณคาราราม จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าใจว่าท่านคงจะอุปสมบทเมื่ออายุครบบวชตามประเพณี แต่ในครั้งหลังท่านมาบวชอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ท่านบวชที่ วัดพระญาติการาม โดยมี หลวงพ่อกลั่น ธรรมโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาศิลปะวิทยายุทธมาจากหลวงพ่อกลั่นหลายแขนงเหมือนกัน เช่น วิชาฝังเข็ม สำหรับวิชา สักยันต์ ๙ เฮ ชาตรีนั้น ทราบมาว่าเมื่อท่านท่องเที่ยวอยู่ทางภาคใต้ เคยศึกษามากับแขกก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็อาจจะมาเรียนเพิ่มเติมกับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม อีกก็เป็นได้ การอุปสมบทของท่านอาจารย์เฮงกับหลวงพ่อกลั่นนั้น เข้าใจว่า ท่านบวช
    "เพื่อประสงค์จะศึกษาวิทยายุทธพุทธาคมกับหลวงพ่อกลั่น"

    วัดพระญาติการาม ในยุคนั้น หลวงพ่อกลั่นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยปกติท่านปรมาจารย์ด้านพุทธาคมนั้นมักจะมีอุปนิสัยห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว มั่นคง ไม่โลเล จึงทำด้านอาคมขลัง สำหรับท่านอาจารย์เฮง นอกจากท่านจะมีอุปนิสัยดังกล่าวแล้วอย่างพร้อมมูล ท่านยังมีความเป็นอัจฉริยะ ในด้านการช่างอย่างอัศจรรย์หลายประการ อาทิ การวาดเขียนภาพต่างๆ การแกะสลักงา การกลึง เป็นต้น


    เหล็กจารย์งาช้างแกะัเล่มนี้ เป็นการแกะที่ผิวงาเท่านั้นครับเพื่อต้องการความแข็งแรง เพื่อเมื่ออาจารย์จะทำการจารย์ท่านต้องใช้แรงกดพอควร ถ้างาแกะแบบโปร่งหรือทะลุจะทำให้เกิดการแตกหักเสียหายได้ จะไม่เหมือนอย่างที่ท่านแกะหมูเดี่ยวๆจะแกะทะลุสวยงามมากๆครับ

    ที่สุดความหายาก จังหวัดอยุธยา สวยซึ้งตรึงใจ

    เหล็กจานงาช้างแกะ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ จอมขลังเวท 5 แผ่นดินไทย

    ศิษย์สายวัดสะแก พลาดแล้วจบกันหาไม่เจอแน่นอนจ้า

    พลังจิตแห่งพุทธานุภาพ ที่ได้ผ่านกระแสด้ามงาเหล็กจานนี้พุทธคุณคงไม่ต้องกล่าวนะครับ

    มีหลายท่านบอกมาว่าไม่ออกของดีๆบางเลยช่วงนี้ เลยตัดใจออกมาให้ ประมูลกันคงจะดีพอนะครับที่ร้องขอมา

    ........


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    เปิดประมูล ตามที่ีร้องขอกัน คงจะดีพอนะครับ

    เปิดประมูลตามที่ร้องขอกันมาเริ่มที่ 13000 บาท

    บิดขึ้นตามใจท่านเลยครับ

    ปิดเวลา 21.00 น. วันเสาร์ที่ 26/02/54

    รายการแบบนี้ปิดไวหน่อยนะครับ มอบให้แฟนๆที่ติดตามกันจ้า



    ขอบพระคุณมากกกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2011
  10. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    เปิดประมูล ตามที่ีร้องขอกัน คงจะดีพอนะครับ

    เปิดประมูลตามที่ร้องขอกันมาเริ่มที่
    13000
    บาท

    บิดขึ้นตามใจท่านเลยครับ

    ปิดเวลา 21.00 น. วันที่
    19/02/54

    รายการแบบนี้ปิดไวหน่อยนะครับ มอบให้แฟนๆที่ติดตามกันจ้า


    ขอบพระคุณมากกกครับ
    <!-- google_ad_section_end -->

    คุณเล็กครับ ปิดประมูลวันไหนครับ.............................................
     
  11. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    หลงลืมวันครับพี่

    ปิดวันเสาร์ที่ 26/02/54 ครับ

    ขอบพระคุณมากครับ
     
  12. คนกรุงศรี

    คนกรุงศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +763
    โอนแล้วนะครับวันนี้ 25/02/54 10.35 น. จำนวนเงิน 4,619 บาทที่อยู่แจ้งทาง PM ครับ
     
  13. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853

    ขอบพระคุณมากครับ วันนี้น่าถึงครับ
     
  14. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง ผู้เรืองวิทยาคม เมืองกรุงเก่า

    .
    หลวงพ่อจง เป็นพระเถราจารย์ที่มีวิทยาคมแก่กล้า ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจาก หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ อำเภอบางบาล และหลวงพ่อปั้น วัดพิกุล อยุธยา พระอาจารย์ทั้งสองท่านนี้ ก็เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เช่นกัน หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เป็นสหายธรรมสนิทสนมกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นอันมาก เนื่องจากมีพระอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน นัยว่าสองหลวงพ่อนี้เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน จึงมีความสนิทสนมและต่างฝ่ายต่างเคารพนับถือธรรมปฏิบัติของกันและกันมากเป็นพิเศษ

    หลวงพ่อปาน มีสังฆกิจอย่างไร ต้องนิมนต์หลวงพ่อจงไปในพิธีเสมอ หลวงพ่อจงมีสังฆกิจเช่นไรก็จะต้องนิมนต์หลวงพ่อปานไปร่วมพิธีทุกครั้ง หลวงพ่อปาน ท่านมักพูดแก่ศิษย์ของท่านเองว่า พระอย่างหลวงพ่อจงนั้น เป็นทองคำทั้งองค์ พระขนาดนี้อย่า ไปขออะไรท่านนะ จะเป็นบาปหนัก เพราะแม้เทพยดาชั้นสูง ๆ ยังต้องขอเป็นโยมอุปัฎฐากเลย

    ด้วยเหตุนี้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานจึงเคารพนับถือหลวงพ่อจงมาก และท่านยังสั่งว่า “ถ้าฉันไม่อยู่ติดขัดเรื่องธรรมะ ให้ไปถามท่านจงนะ ท่านจงนี้น่ะ ท่านสอนเทวดามาแล้ว ถ้าเธอไปเรียนกับท่านจงได้ ก็นับว่าเป็นบุญของเธอ”

    บารมีทางวิทยาคม


    หลวงพ่อเริ่มมีชื่เสียงรุ่งโรจน์เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เมื่อราว พ.ศ.2475 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศเป็นต้นมา ซึ่งช่วงเวลานั้น เป็นเวลาที่บ้านเมืองต้องการทหารผู้กล้าหาญเข้มแข็ง เพื่อรับสถานการณ์ของบ้านเมือง ปัจจัยสำคัญในการปลุกใจทหารคือ เครื่องรางของขลัง

    ล่วงมาจนถึงปี พ.ศ. 2483 สงครามอินโดจีนอุบัติขึ้น เกียรติคุณของหลวงพ่อได้เลื่องลือไปทั่วประเทศไทย โดยได้จัดทำเสื้อแดงลงเลขยันต์ปลุกเสกด้วยวิทยาคม แจกจ่ายให้แก่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพลเรือนทั่ว ๆ ไป "จนได้ชื่อว่าเป็นทหารผี"

    ด้วยอำนาจจิตตานุภาพอันทรงพลังของหลวงพ่อ บันดาลอัศจรรย์บำรุงขวัญทหารให้เข้มแข็งกล้าหาญในการสงคราม นับว่า หลวงพ่อได้มีส่วนในการบำรุงขวัญทหารไทยอยู่มิใช่น้อย

    บรรเทาภัยในสงครามโลก เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สองระเบิดขึ้นนั้น ทางพันธมิตรได้ส่งเครื่องบินเข้าโจมตีประเทศไทยหลายครั้ง จนเป็นที่หนักใจแก่ทางราชการของเรา โดยเฉพาะกองทัพอากาศที่ไม่มีกำลังอาวุธพอที่จะต่อต้านได้

    ดังนั้น ทางทหารอากาศจึงไปนิมนต์หลวงพ่อจง ถึงวัดหน้าต่างนอก โดยขอให้ท่านขึ้นเครื่องบินไปโปรยผงวิเศษและข้าวตอกดอกไม้ ลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง เพื่อพรางตาข้าศึกที่ส่ง บี 29 มาทิ้งระเบิด และเป็นที่น่าประหลาดอย่างที่สุดว่า จุดที่หลวงพ่อโปรยผงวิเศษและข้าวตอกดอกไม้นั้น แคล้วคลาดจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายพันธมิตรอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีสถานที่ใดถูกระเบิดทำลายแม้แต่น้อย นี่คือกิตติคุณที่แสดงว่า ท่านเก่งในทางแคล้วคลาดจริงโดยปราศจากข้อสงสัย

    เมื่อกล่าวถึงวิทยาอาคมของหลวงพ่อที่มีผู้นิยมและต้องการนั้น เท่าที่ทราบมีสามสาขา คือ

    1. วิทยาคมทางด้านคงกระพันชาตรี
    2. วิทยาคมทางด้านเมตตา
    3. วิทยาคมทางน้ำมนต์

    ในบรรดาวิทยาคมทั้งสามสาขาที่ประมวลมานี้ วิทยาคมทางเมตตาเป็นที่เลื่องลือมากกว่าอย่างอื่น

    เกี่ยวกับเครื่องรางของขลังซึ่งท่านปลุกเสกเวทวิทยาคม กระทำภาวนาด้วยบุญฤทธิ์อธิษฐาน อันเป็นพลังจิตแกร่งกล้าในแนวที่ให้ความนิยมกันมากนั้น ส่นมากแรก ๆ ท่านก็ใช้แนวทางความรู้อันที่เรียกมาจากท่านพระครูโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน ผู้เป็นปรมาจารย์องค์แรกของท่าน แต่ต่อมาเมื่อท่านได้ศึกษารอบรู้ในหลักการ อันเป็นกฎเกณฑ์ของผู้จะไต่เต้าเข้าหาความสำเร็จในอภิญญา อันเป็นพุทธวิธีชั้นสูงสุด

    จากนั้นมา ท่านก็ใช้ความรอบรู้อันเกิดจากภูมิปฏิภาณของผู้ใกล้เป็นสัพพัญญูเยี่ยงท่าน ผู้เป็นองค์อรหันต์แต่โบราณกาลมานั้น เข้าบำเพ็ญธรรมกิจ เพื่อให้บรรลุผลในทางอิทธิบารมี จนสามารถอาจดลบันดาลให้ผลดี ตามความต้องการของบุคคลที่เป็นคนดีสมมโนรสปรารถนา ดังนั้น ก็สามารถพูดได้ว่า วิทยาอาคมของท่านมิใช่ในแนวทางไสยศาสตร์ หลวงพ่อจงเมื่อให้นิ่งของปลุกเสกของท่านแก่ผู้ใด ท่านจะต้องบอกเตือนสติด้วยการให้คติเสมอว่า ขอให้รักษาตัว รักษาใจไว้ให้จงดี ศีลธรรมอย่าลืม หากหมั่นบูชาพระ รำลึกถึงพระ และหมั่นศรัทธาปฏิบัติพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เป็นนิตย์แล้ว ยากนักจะมีโพยภัยเหล่าใดเบียดเบียนบีฑาราวี ขอให้ท่องไว้ในใจเสมอว่า เวรย่อมมีขึ้นเฉพาะเมื่อได้มีการก่อเวร มีหนี้ก็หนีไม่พ้น จะต้องชดใช้เขาในเวลาหนึ่ง คนเราไม่ทำบาปพึงไว้ใจได้ว่า ต้องไม่มีบาปใดติดตามสนองปองผลาญ จงหมั่นแจกจ่ายเมตตาอย่าให้ขาดสาย คงต้องได้กุศลแรงกว่ากุศลอื่นใดหลายเท่านัก

    มีเรื่องเล่าลือกันมาเรื่องหนึ่งซึ่งพูดถึงกันมาก เรื่องมีว่า ครั้งหนึ่ง ณ ตำบลบางช้าง บรรดาเกจิอาจารย์มากหลาย มีท่านโอภาสี หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อปาน หลวงพ่อเจิ่น ท่านพระอาจารย์ฟ้อน หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อเงิน และหลวงพ่อจง ฯลฯ ได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีสงฆ์ ในงานพิธีนั้นเขาได้เอาไม้ไผ่มาจักตอกสลับเป็นรูปฉัตรเจ็ดชั้น รูปลักษณ์คล้ายเจดีย์ยอดสูงเรียว สูงราวสักสองวาเห็นจะได้ เจ้าของบ้านผู้นิมนต์พระสงฆ์ไป ได้เกิดกระทำพิธีขึ้นอย่างหนึ่ง แล้วอาราธนาขอให้เหล่าเกจิอาจารย์ปีนขึ้นไปบนยอดฉัตร ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสวรรค์มาประทานพรให้เจ้าของพิธี อันนี้จะเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่อย่างไร เมื่อเขาอาราธนานิมนต์ สงฆ์เหล่านั้นท่านก็อีหลักอีเหลื่อ แต่บางองค์เห็นว่าจะกระทำมิได้ เพราะไม่ไผ่สานถักเป็นรูปฉัตรสูงตั้งสองวานั้นมีลักษณะแบบบาง ตามรูร่องที่ทำไว้ให้เหยียบไม่มั่นคง อาจงอหักหรือล่มล้มลงมา มีอันตรายโดยง่ายด้วย

    ซึ่งต่างองค์ต่างก็ปฏิเสธ มีหลวงพ่อเดิมเห็นว่าควรรับนิมนต์ ไม่ควรขัดอัธยาศัยของเจ้าของบ้าน แต่ดูเหมือนติดจะคิดลองดีหลวงพ่อจง ซึ่งขณะนั้นต่างมีชื่อโด่งดังในทางคล้ายคลึงกัน พร้อมกับถามหลวงพ่อจงว่า “หากท่านเห็นด้วย เราทั้งสองควรรับนิมนต์เป็นผู้แทนสงฆ์อื่นเสียด้วยก็จะดี จะได้เสร็จกิจไป เพราะเคยได้ยินว่าท่านก็มีพลังจิตในทางทำตัวเบาเยี่ยม”
    พลางก็ชี้ฉัตรด้านข้างเป็นสัญญานว่าให้หลวงพ่อจงไปที่นั่น ส่วนหลวงพ่อเดิมเอง ยึดเอาฉัตรที่ตั้งตรงหน้าตั้งท่าป่ายปีนขึ้นไป
    ควรทราบเสียก่อนว่า อันฉัตรที่ทำด้วยไผ่สานนี้ไม่มีที่เกาะจับ แม้จะสอดเท้าเข้ารูที่เว้นเป็นช่องไว้ก็จะสอดเข้าได้เพียงปลายนิ้วเท้าเท่านั้น ฝ่ายหลวงพ่อจงไม่ว่าอะไร หัวร่อ หึ หึ หึ ออกเดินดุ่มไปหาฉัตรที่ห่างออกไปราวสามวาทันที

    หลวงพ่อเดิมสอดปลายเท้าเข้ารู มือเพียงแตะฉัตรก้าวอย่างแผ่วเบาปราดขึ้นไปท่ามกลางผู้คนรอบ ๆ ชะเง้อมองอย่างตื่นเต้น พลางปรายตามองดูหลวงพ่อจง แต่แล้วก็ต้องตะลึง เพราะหลวงพ่อเดิมขึ้นไปได้ราวห้าศอก หลวงพ่อจงขึ้นไปยืนคร่อมยอดฉัตรซะแล้ว

    เรื่องราวเกี่ยวกับความเก่งกาจ แผลง ๆ ซึ่งบุคคลและสงฆ์อื่นยากจะทำได้ ยังมีเรื่องพิลึกพิลั่นมาเล่าลือสืบเนื่องกันอีกมาก หลายกระทงความ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อจง ท่านไปปัตตานี และสงขลา ตามคำอาราธนาให้ไปประกอบพิธีมงคลทางพุทธศาสนา มีกลุ่มคนนอกศาสนาสติไม่ใคร่เรียบร้อย มักชอบตลบตะแลงลิ้นพ่นหาว่าพระสงฆ์ไทยไม่ดีจริงไม่เก่งจริง (ไม่รู้วาในทางใด แต่สันนิษฐานว่าคงจะเป็นในทางสำแดงอิทธิพลอย่างใดอย่างหนึ่ง) กล่าวท้าทายกระทำว้าวุ่นหลายครั้งครา ต่อภิกษุสงฆ์ไทยหลายองค์ วันที่เกิดกรณีนี้ พอดีหลวงพ่อจง ต้องเดินทางผ่านสวนยางพาราของเขาไป ซึ่งไม่ห่างจากบริเวณทางที่รถกำลังจะต้องหยุด เห็นมีไฟป่าลุกลามปามเข้าหาสวนยางกำลังคุโชนระบาด ส่วนตัวมนุษย์นอกศาสนานั้นก็เดินทางไปในรถโดยสาร (รถขนหินของกรมทางฯ) ขบวนนั้นไปด้วย เขาร้องเอ็ดตะโรและคร่ำครวญต่าง ๆ นานา ว่าฉิบหายแล้ว ฉิบหายแน่

    หลวงพ่อจง เห็นเป็นการน่าเวทนา จึงพูดว่า ไม่ฉิบหายน่า พูดแล้วท่านก็ปีนขึ้นไปขนยอดกอไผ่จีนข้างที่ทำการกรมทาง เอายอดไผ่มาอมในปาก สะบัดไปแล้วร้อง ดับ..ดับ...ดับ.. ซึ่งอีกสิบนาทีต่อมา ไฟป่าก็ดับโดยอัศจรรย์ ทำให้มนุษย์นอกศาสนาตะลึงจังงัง และแต่นั้นมา หมอนั่นไม่กล้ากระทำวุ่นวาย ท้าทายใครต่อใครในพุทธศาสนาอย่างคนปากพล่อยสามหาวอีก พร้อมทั้งมีจิตใจหันไปเคารพศรัทธาเลื่อมใสต่อภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง


    ตะกรุดหนังหน้าผากเสือหลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง

    .เป็นตะกรุดที่ท่านสร้างขึ้นมาไม่มากนัก หลวงพ่อจงจัดสร้างหนังหน้าผากเสือเป็นรูปแบบพันสามข้อ ข้อสามบนกลางตามแผ่นหนังหน้าผาก ที่จะถักได้ครับ ขนาดเล็ก ความยาว 1.5 นิ้ว หลวงพ่อท่านปลุกเสกเป็นพิเศษนานมาก ตามประวัติ ส่วนดอกที่เห็นในรูปนั้นท่านเจ้าของตะกรุดได้นำไปลงทองเองครับ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    เปิดประมูลเริ่มแรกที่ 1913 บาท

    บิดขึ้นครั้งละเท่าไรก็ได้ครับ

    ปิดประมูลวันพฤหัสที่ 27 ก.พ 54 เวลา 19.00 น.

    ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2011
  15. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    [​IMG]

    อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสขลังเวท 5 แผ่นดิน

    อาจารย์เฮง ณ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ สิริอายุ ๗๕ ปี พื้นเพท่านเป็นคนบ้านหันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาท่านเป็น นายตำรวจ หรือผู้ตรวจการณ์คุก โดยบิดาส่งไปเรียนที่ปีนัง สิงคโปร์ แต่เรียนไม่สำเร็จ

    ท่านเป็นคนชอบเรียนวิชาไสยศาสตร์ ได้ท่องเที่ยวเล่าเรียนมาแต่ทางภาคใต้ ท่านอาจารย์เฮงเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ พระยาเพชรปรีชา มีเพื่อนฝูงเป็นเจ้าพระยาหลายคน เมื่อท่านเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา คือจ.พระนครศรีอยุธยา คราวเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านให้ความสนใจศึกษาตำรับตำราทางไสยศาสตร์ อันว่าด้วยเวทมนตร์คาถา อักขระเลขยันต์ จากจารึกวัดประดู่โรงธรรมอย่างแตกฉาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัย สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    อาจารย์เฮง ท่าน รวบรวมสรรพวิทยาไสยศาสตร์ โดยจารึกไว้ที่ วัดประดู่โรงธรรม นี้อย่างพร้อมสรรพ ตำรับวัดประดู่โรงธรรม เป็นแม่บทของตำราที่ว่าด้วย เวทมนตร์คาถาและอักขระเลขยันต์ ที่มีปรากฏและเล่าเรียนสืบต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์เฮงนั้น ท่านเรียนรู้ตาม คำภีร์รัตนมาลา อย่างแตกฉาน และเจนจบมาก หลังจากที่ ท่านอาจารย์เฮง สึกจากการอุปสมบทแล้ว ท่านกลับมาครองเพศฆราวาส เริ่มปรากฏชื่อเสียงเกียรติคุณกระเดื่องดัง ทางเป็นพระอาจารย์ของท่าน เริ่มต้นด้วยการเป็น อาจารย์สัก ก่อน หลวงปู่สี เล่าว่า ครั้งกบฏบวรเดช ในสมัยรัชกาลที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๗๖) มีนายทหารและข้าราชการมาให้ท่านสักเป็นจำนวนมาก และจากการที่ท่านอาจารย์เฮง ตั้งพิธีสักที่วัดหันตรานั่นเอง ครั้งนั้น ท่านอาจารย์เฮง จำเป็นต้องอาราธนาพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์ในพิธีสักนั้นด้วย ในสมัยนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๖) ในท้องที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หาพระที่สวดพุทธมนต์และพุทธาภิเษกพิธียากมาก ยกเว้น ท่านอาจารย์สี วัดสะแกเท่านั้น เพราะท่านอาจารย์สีเคยลงมาศึกษาอยู่ที่สำนักวัดเลียบ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีความเจนจบในเรื่องนี้อยู่ สืบต่อมาเมื่อท่านอาจารย์เฮง จะประกอบพิธีกรรมครั้งใด จำต้องมาอาราธนาท่านอาจารย์สีไปร่วมพิธีทางฝ่ายสงฆ์อยู่เสมอ

    โดยพื้นฐานและฐานะของท่านอาจารย์เฮงนั้น จัดว่าเป็นผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ท่านมีบ้านเป็นหลักแหล่งอยู่ที่ทุ่งหันตรา มีไร่นา และมีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่วังน้อย เมื่อท่านมีลูกศิษย์ลูกหาทางกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อความสะดวกในการประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา จึงเชิญท่านมาเช่าบ้านอยู่ที่สวนมะลิ และย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวหน้าสมาคม วาย.เอ็ม.ซี.เอ วรจักร จนกระทั่งสงครามมหาเอเชียระเบิด ท่านจึงอพยพขึ้นไปอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ราว พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๔๘๕ การย้ายครอบครัวในครั้งนั้น ท่านซื้อเรือต่อ หรือเรือข้าวขนาดย่อมลำหนึ่ง ติดเครื่องยนต์แล่นขึ้นไปเป็นการสะดวกในการสัญจร ขณะนั้นที่ถนนหนทางอยู่ในสภาพกันดาร การคมนาคมทางน้ำดูจะมีความสำคัญมาก ภายในเรือของท่านใช้เป็นที่อาศัย ซึ่งพร้อมมูลไปด้วยปัจจัยในการดำรงชีวิต อย่างมีความสุขสบาย นึกจะโยกย้ายหรือท่องเที่ยวไป ณ ที่แห่งใด ก็ย่อมได้ตามความประสงค์ เขาว่าท่านเป็นคนร้อนวิชา อยู่ไม่เป็นที่ จึงชอบท่องเที่ยวไปในถิ่นที่ต่างๆ และจะวนเวียนมาจอดที่ต้นสะตือ วัดสะแก เป็นประจำ เป็นสถานที่ที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านจะไปพบหาท่านได้ที่นั่น อาจารย์เฮง อุปสมบท ๒ ครั้ง ครั้งแรกที่วัดสุวรรณคาราราม จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าใจว่าท่านคงจะอุปสมบทเมื่ออายุครบบวชตามประเพณี แต่ในครั้งหลังท่านมาบวชอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ท่านบวชที่ วัดพระญาติการาม โดยมี หลวงพ่อกลั่น ธรรมโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาศิลปะวิทยายุทธมาจากหลวงพ่อกลั่นหลายแขนงเหมือนกัน เช่น วิชาฝังเข็ม สำหรับวิชา สักยันต์ ๙ เฮ ชาตรีนั้น ทราบมาว่าเมื่อท่านท่องเที่ยวอยู่ทางภาคใต้ เคยศึกษามากับแขกก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็อาจจะมาเรียนเพิ่มเติมกับหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม อีกก็เป็นได้ การอุปสมบทของท่านอาจารย์เฮงกับหลวงพ่อกลั่นนั้น เข้าใจว่า ท่านบวช
    "เพื่อประสงค์จะศึกษาวิทยายุทธพุทธาคมกับหลวงพ่อกลั่น"

    วัดพระญาติการาม ในยุคนั้น หลวงพ่อกลั่นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยปกติท่านปรมาจารย์ด้านพุทธาคมนั้นมักจะมีอุปนิสัยห้าวหาญ เด็ดเดี่ยว มั่นคง ไม่โลเล จึงทำด้านอาคมขลัง สำหรับท่านอาจารย์เฮง นอกจากท่านจะมีอุปนิสัยดังกล่าวแล้วอย่างพร้อมมูล ท่านยังมีความเป็นอัจฉริยะ ในด้านการช่างอย่างอัศจรรย์หลายประการ อาทิ การวาดเขียนภาพต่างๆ การแกะสลักงา การกลึง เป็นต้น


    เหล็กจารย์งาช้างแกะัเล่มนี้ เป็นการแกะที่ผิวงาเท่านั้นครับเพื่อต้องการความแข็งแรง เพื่อเมื่ออาจารย์จะทำการจารย์ท่านต้องใช้แรงกดพอควร ถ้างาแกะแบบโปร่งหรือทะลุจะทำให้เกิดการแตกหักเสียหายได้ จะไม่เหมือนอย่างที่ท่านแกะหมูเดี่ยวๆจะแกะทะลุสวยงามมากๆครับ

    ที่สุดความหายาก จังหวัดอยุธยา สวยซึ้งตรึงใจ

    เหล็กจานงาช้างแกะ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ จอมขลังเวท 5 แผ่นดินไทย

    ศิษย์สายวัดสะแก พลาดแล้วจบกันหาไม่เจอแน่นอนจ้า

    พลังจิตแห่งพุทธานุภาพ ที่ได้ผ่านกระแสด้ามงาเหล็กจานนี้พุทธคุณคงไม่ต้องกล่าวนะครับ

    มีหลายท่านบอกมาว่าไม่ออกของดีๆบางเลยช่วงนี้ เลยตัดใจออกมาให้ ประมูลกันคงจะดีพอนะครับที่ร้องขอมา

    ........


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    เปิดประมูล ตามที่ีร้องขอกัน คงจะดีพอนะครับ

    เปิดประมูลตามที่ร้องขอกันมาเริ่มที่ 13000 บาท

    บิดขึ้นตามใจท่านเลยครับ

    ปิดเวลา 21.00 น. วันเสาร์ที่ 26/02/54

    รายการแบบนี้ปิดไวหน่อยนะครับ มอบให้แฟนๆที่ติดตามกันจ้า



    ขอบพระคุณมากกกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2011
  16. ongvip

    ongvip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +2,216
    อยากได้อันนี้เป็นของขวัญจังเลย ประมูลไม่ไหวกระป๋องแตกเลี้ยว:':)':)':)':)':)':)':)':)'(
     
  17. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ถ่อมตัวอีกแล้วคุณอ๋องเรา ถึงจะแตกก็แตกไม่นานเดี๋ยวก็ล้นเหมือนเดิมครับ

    เตรียมไว้แล้วครับ......
    (deejai)(deejai)(deejai)(deejai)(deejai)(deejai)(deejai)(deejai)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2011
  18. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    หุหุหุ............................


    อยากได้เหมือนกัน ................อิอิ ต้องแย่งละมั๊ง............
     
  19. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853

    สู้ๆๆๆๆครับ เชียร์ๆๆๆๆๆ.... ครับ...ไม่มีใครประมูลพี่ชายบอกว่าเก็บลืมเป็น

    "มรดก" แน่นอนครับไม่ออกมาให้เห็นอีกจ้า

    ประวัติการใด้มา ได้มาจากอำเภอบางประหัน ขออนุญาติท่านเจ้าของเดิมด้วยครับ ท่านเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งในอำเภอ ท่านบอกว่าท่านได้มาก็ลำบากมากตามมาเป็นปีๆๆ ตอนแรกได้มาก็คิดว่าจะนำไปถวายให้อาจารย์องค์หนึ่งแต่ก็รู้สึกเสียดาย เลยหาอันอื่นไปถวาย และหลังจากนั้นก็มีคนตามจีบตลอดหลายรูปแบบ เอาของมาตีกันบาง แต่ก็ไม่ถูกใจอะไรเลย "จนมาถึงเธอ" (เจ้าของเดิมพูด) กันให้เพราะเคารพ ........ ถึงได้มาครับ

    เหล็กจานงาเล่มนี้ จะแกะมาจากงาช้างส่วนปลายงาที่มีความแข็งที่สุดการแกะจึงยากลำบากมากเพราะเป็นส่วนที่แข็งที่สุดลักษณะงาแห้งแข็ง (แห้งมากๆ)

    ที่มาดีมากครับ ศิลปะก็ตีเป็นอื่นไปก็ไม่ได้ นอกเสียจาก อาจารย์เฮง ไพรวัลย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2011
  20. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง ผู้เรืองวิทยาคม เมืองกรุงเก่า

    .
    หลวงพ่อจง เป็นพระเถราจารย์ที่มีวิทยาคมแก่กล้า ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจาก หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ อำเภอบางบาล และหลวงพ่อปั้น วัดพิกุล อยุธยา พระอาจารย์ทั้งสองท่านนี้ ก็เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เช่นกัน หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เป็นสหายธรรมสนิทสนมกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นอันมาก เนื่องจากมีพระอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน นัยว่าสองหลวงพ่อนี้เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน จึงมีความสนิทสนมและต่างฝ่ายต่างเคารพนับถือธรรมปฏิบัติของกันและกันมากเป็นพิเศษ

    หลวงพ่อปาน มีสังฆกิจอย่างไร ต้องนิมนต์หลวงพ่อจงไปในพิธีเสมอ หลวงพ่อจงมีสังฆกิจเช่นไรก็จะต้องนิมนต์หลวงพ่อปานไปร่วมพิธีทุกครั้ง หลวงพ่อปาน ท่านมักพูดแก่ศิษย์ของท่านเองว่า พระอย่างหลวงพ่อจงนั้น เป็นทองคำทั้งองค์ พระขนาดนี้อย่า ไปขออะไรท่านนะ จะเป็นบาปหนัก เพราะแม้เทพยดาชั้นสูง ๆ ยังต้องขอเป็นโยมอุปัฎฐากเลย

    ด้วยเหตุนี้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานจึงเคารพนับถือหลวงพ่อจงมาก และท่านยังสั่งว่า “ถ้าฉันไม่อยู่ติดขัดเรื่องธรรมะ ให้ไปถามท่านจงนะ ท่านจงนี้น่ะ ท่านสอนเทวดามาแล้ว ถ้าเธอไปเรียนกับท่านจงได้ ก็นับว่าเป็นบุญของเธอ”

    บารมีทางวิทยาคม


    หลวงพ่อเริ่มมีชื่เสียงรุ่งโรจน์เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เมื่อราว พ.ศ.2475 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศเป็นต้นมา ซึ่งช่วงเวลานั้น เป็นเวลาที่บ้านเมืองต้องการทหารผู้กล้าหาญเข้มแข็ง เพื่อรับสถานการณ์ของบ้านเมือง ปัจจัยสำคัญในการปลุกใจทหารคือ เครื่องรางของขลัง

    ล่วงมาจนถึงปี พ.ศ. 2483 สงครามอินโดจีนอุบัติขึ้น เกียรติคุณของหลวงพ่อได้เลื่องลือไปทั่วประเทศไทย โดยได้จัดทำเสื้อแดงลงเลขยันต์ปลุกเสกด้วยวิทยาคม แจกจ่ายให้แก่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพลเรือนทั่ว ๆ ไป "จนได้ชื่อว่าเป็นทหารผี"

    ด้วยอำนาจจิตตานุภาพอันทรงพลังของหลวงพ่อ บันดาลอัศจรรย์บำรุงขวัญทหารให้เข้มแข็งกล้าหาญในการสงคราม นับว่า หลวงพ่อได้มีส่วนในการบำรุงขวัญทหารไทยอยู่มิใช่น้อย

    บรรเทาภัยในสงครามโลก เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สองระเบิดขึ้นนั้น ทางพันธมิตรได้ส่งเครื่องบินเข้าโจมตีประเทศไทยหลายครั้ง จนเป็นที่หนักใจแก่ทางราชการของเรา โดยเฉพาะกองทัพอากาศที่ไม่มีกำลังอาวุธพอที่จะต่อต้านได้

    ดังนั้น ทางทหารอากาศจึงไปนิมนต์หลวงพ่อจง ถึงวัดหน้าต่างนอก โดยขอให้ท่านขึ้นเครื่องบินไปโปรยผงวิเศษและข้าวตอกดอกไม้ ลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง เพื่อพรางตาข้าศึกที่ส่ง บี 29 มาทิ้งระเบิด และเป็นที่น่าประหลาดอย่างที่สุดว่า จุดที่หลวงพ่อโปรยผงวิเศษและข้าวตอกดอกไม้นั้น แคล้วคลาดจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายพันธมิตรอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีสถานที่ใดถูกระเบิดทำลายแม้แต่น้อย นี่คือกิตติคุณที่แสดงว่า ท่านเก่งในทางแคล้วคลาดจริงโดยปราศจากข้อสงสัย

    เมื่อกล่าวถึงวิทยาอาคมของหลวงพ่อที่มีผู้นิยมและต้องการนั้น เท่าที่ทราบมีสามสาขา คือ

    1. วิทยาคมทางด้านคงกระพันชาตรี
    2. วิทยาคมทางด้านเมตตา
    3. วิทยาคมทางน้ำมนต์

    ในบรรดาวิทยาคมทั้งสามสาขาที่ประมวลมานี้ วิทยาคมทางเมตตาเป็นที่เลื่องลือมากกว่าอย่างอื่น

    เกี่ยวกับเครื่องรางของขลังซึ่งท่านปลุกเสกเวทวิทยาคม กระทำภาวนาด้วยบุญฤทธิ์อธิษฐาน อันเป็นพลังจิตแกร่งกล้าในแนวที่ให้ความนิยมกันมากนั้น ส่นมากแรก ๆ ท่านก็ใช้แนวทางความรู้อันที่เรียกมาจากท่านพระครูโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน ผู้เป็นปรมาจารย์องค์แรกของท่าน แต่ต่อมาเมื่อท่านได้ศึกษารอบรู้ในหลักการ อันเป็นกฎเกณฑ์ของผู้จะไต่เต้าเข้าหาความสำเร็จในอภิญญา อันเป็นพุทธวิธีชั้นสูงสุด

    จากนั้นมา ท่านก็ใช้ความรอบรู้อันเกิดจากภูมิปฏิภาณของผู้ใกล้เป็นสัพพัญญูเยี่ยงท่าน ผู้เป็นองค์อรหันต์แต่โบราณกาลมานั้น เข้าบำเพ็ญธรรมกิจ เพื่อให้บรรลุผลในทางอิทธิบารมี จนสามารถอาจดลบันดาลให้ผลดี ตามความต้องการของบุคคลที่เป็นคนดีสมมโนรสปรารถนา ดังนั้น ก็สามารถพูดได้ว่า วิทยาอาคมของท่านมิใช่ในแนวทางไสยศาสตร์ หลวงพ่อจงเมื่อให้นิ่งของปลุกเสกของท่านแก่ผู้ใด ท่านจะต้องบอกเตือนสติด้วยการให้คติเสมอว่า ขอให้รักษาตัว รักษาใจไว้ให้จงดี ศีลธรรมอย่าลืม หากหมั่นบูชาพระ รำลึกถึงพระ และหมั่นศรัทธาปฏิบัติพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เป็นนิตย์แล้ว ยากนักจะมีโพยภัยเหล่าใดเบียดเบียนบีฑาราวี ขอให้ท่องไว้ในใจเสมอว่า เวรย่อมมีขึ้นเฉพาะเมื่อได้มีการก่อเวร มีหนี้ก็หนีไม่พ้น จะต้องชดใช้เขาในเวลาหนึ่ง คนเราไม่ทำบาปพึงไว้ใจได้ว่า ต้องไม่มีบาปใดติดตามสนองปองผลาญ จงหมั่นแจกจ่ายเมตตาอย่าให้ขาดสาย คงต้องได้กุศลแรงกว่ากุศลอื่นใดหลายเท่านัก

    มีเรื่องเล่าลือกันมาเรื่องหนึ่งซึ่งพูดถึงกันมาก เรื่องมีว่า ครั้งหนึ่ง ณ ตำบลบางช้าง บรรดาเกจิอาจารย์มากหลาย มีท่านโอภาสี หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อปาน หลวงพ่อเจิ่น ท่านพระอาจารย์ฟ้อน หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อเงิน และหลวงพ่อจง ฯลฯ ได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีสงฆ์ ในงานพิธีนั้นเขาได้เอาไม้ไผ่มาจักตอกสลับเป็นรูปฉัตรเจ็ดชั้น รูปลักษณ์คล้ายเจดีย์ยอดสูงเรียว สูงราวสักสองวาเห็นจะได้ เจ้าของบ้านผู้นิมนต์พระสงฆ์ไป ได้เกิดกระทำพิธีขึ้นอย่างหนึ่ง แล้วอาราธนาขอให้เหล่าเกจิอาจารย์ปีนขึ้นไปบนยอดฉัตร ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสวรรค์มาประทานพรให้เจ้าของพิธี อันนี้จะเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่อย่างไร เมื่อเขาอาราธนานิมนต์ สงฆ์เหล่านั้นท่านก็อีหลักอีเหลื่อ แต่บางองค์เห็นว่าจะกระทำมิได้ เพราะไม่ไผ่สานถักเป็นรูปฉัตรสูงตั้งสองวานั้นมีลักษณะแบบบาง ตามรูร่องที่ทำไว้ให้เหยียบไม่มั่นคง อาจงอหักหรือล่มล้มลงมา มีอันตรายโดยง่ายด้วย

    ซึ่งต่างองค์ต่างก็ปฏิเสธ มีหลวงพ่อเดิมเห็นว่าควรรับนิมนต์ ไม่ควรขัดอัธยาศัยของเจ้าของบ้าน แต่ดูเหมือนติดจะคิดลองดีหลวงพ่อจง ซึ่งขณะนั้นต่างมีชื่อโด่งดังในทางคล้ายคลึงกัน พร้อมกับถามหลวงพ่อจงว่า “หากท่านเห็นด้วย เราทั้งสองควรรับนิมนต์เป็นผู้แทนสงฆ์อื่นเสียด้วยก็จะดี จะได้เสร็จกิจไป เพราะเคยได้ยินว่าท่านก็มีพลังจิตในทางทำตัวเบาเยี่ยม”
    พลางก็ชี้ฉัตรด้านข้างเป็นสัญญานว่าให้หลวงพ่อจงไปที่นั่น ส่วนหลวงพ่อเดิมเอง ยึดเอาฉัตรที่ตั้งตรงหน้าตั้งท่าป่ายปีนขึ้นไป
    ควรทราบเสียก่อนว่า อันฉัตรที่ทำด้วยไผ่สานนี้ไม่มีที่เกาะจับ แม้จะสอดเท้าเข้ารูที่เว้นเป็นช่องไว้ก็จะสอดเข้าได้เพียงปลายนิ้วเท้าเท่านั้น ฝ่ายหลวงพ่อจงไม่ว่าอะไร หัวร่อ หึ หึ หึ ออกเดินดุ่มไปหาฉัตรที่ห่างออกไปราวสามวาทันที

    หลวงพ่อเดิมสอดปลายเท้าเข้ารู มือเพียงแตะฉัตรก้าวอย่างแผ่วเบาปราดขึ้นไปท่ามกลางผู้คนรอบ ๆ ชะเง้อมองอย่างตื่นเต้น พลางปรายตามองดูหลวงพ่อจง แต่แล้วก็ต้องตะลึง เพราะหลวงพ่อเดิมขึ้นไปได้ราวห้าศอก หลวงพ่อจงขึ้นไปยืนคร่อมยอดฉัตรซะแล้ว

    เรื่องราวเกี่ยวกับความเก่งกาจ แผลง ๆ ซึ่งบุคคลและสงฆ์อื่นยากจะทำได้ ยังมีเรื่องพิลึกพิลั่นมาเล่าลือสืบเนื่องกันอีกมาก หลายกระทงความ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อจง ท่านไปปัตตานี และสงขลา ตามคำอาราธนาให้ไปประกอบพิธีมงคลทางพุทธศาสนา มีกลุ่มคนนอกศาสนาสติไม่ใคร่เรียบร้อย มักชอบตลบตะแลงลิ้นพ่นหาว่าพระสงฆ์ไทยไม่ดีจริงไม่เก่งจริง (ไม่รู้วาในทางใด แต่สันนิษฐานว่าคงจะเป็นในทางสำแดงอิทธิพลอย่างใดอย่างหนึ่ง) กล่าวท้าทายกระทำว้าวุ่นหลายครั้งครา ต่อภิกษุสงฆ์ไทยหลายองค์ วันที่เกิดกรณีนี้ พอดีหลวงพ่อจง ต้องเดินทางผ่านสวนยางพาราของเขาไป ซึ่งไม่ห่างจากบริเวณทางที่รถกำลังจะต้องหยุด เห็นมีไฟป่าลุกลามปามเข้าหาสวนยางกำลังคุโชนระบาด ส่วนตัวมนุษย์นอกศาสนานั้นก็เดินทางไปในรถโดยสาร (รถขนหินของกรมทางฯ) ขบวนนั้นไปด้วย เขาร้องเอ็ดตะโรและคร่ำครวญต่าง ๆ นานา ว่าฉิบหายแล้ว ฉิบหายแน่

    หลวงพ่อจง เห็นเป็นการน่าเวทนา จึงพูดว่า ไม่ฉิบหายน่า พูดแล้วท่านก็ปีนขึ้นไปขนยอดกอไผ่จีนข้างที่ทำการกรมทาง เอายอดไผ่มาอมในปาก สะบัดไปแล้วร้อง ดับ..ดับ...ดับ.. ซึ่งอีกสิบนาทีต่อมา ไฟป่าก็ดับโดยอัศจรรย์ ทำให้มนุษย์นอกศาสนาตะลึงจังงัง และแต่นั้นมา หมอนั่นไม่กล้ากระทำวุ่นวาย ท้าทายใครต่อใครในพุทธศาสนาอย่างคนปากพล่อยสามหาวอีก พร้อมทั้งมีจิตใจหันไปเคารพศรัทธาเลื่อมใสต่อภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง


    ตะกรุดหนังหน้าผากเสือหลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง

    .เป็นตะกรุดที่ท่านสร้างขึ้นมาไม่มากนัก หลวงพ่อจงจัดสร้างหนังหน้าผากเสือเป็นรูปแบบพันสามข้อ ข้อสามบนกลางตามแผ่นหนังหน้าผาก ที่จะถักได้ครับ ขนาดเล็ก ความยาว 1.5 นิ้ว หลวงพ่อท่านปลุกเสกเป็นพิเศษนานมาก ตามประวัติ ส่วนดอกที่เห็นในรูปนั้นท่านเจ้าของตะกรุดได้นำไปลงทองเองครับ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    เปิดประมูลเริ่มแรกที่ 1913 บาท

    บิดขึ้นครั้งละเท่าไรก็ได้ครับ

    ปิดประมูลวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ 54 เวลา 19.00 น.

    ขอบพระคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...