ข้อความส่งผ่านชาวอินดิโก้(TH) เหล่าเมล็ดพันธุ์ผู้ลงมาด้วยภารกิจต่าง ๆ จงเตรียมพร้อม

คำถามนี้ลองถามตัวเองดีกว่าค่ะ เพราะคุณเป็นคนตั้งคำถามเเยกขึ้นมาเอง คนที่รู้ดีที่สุด คือ ตัวคุณเอง

 

เพราะความคิดมนุษย์ยังไม่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ถ้าไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาถามหรอกว่า สองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร?
เพราะเมื่อจิตได้หลอมรวมกับธรรมชาติ ต่อให้แตกต่างกันยังไง
ก็มีแค่ร่างกายสามมิติเท่านั้นที่แตกต่าง...

 

ได้คำตอบและข้อสรุปแล้วครับ ขอบคุณครับ

 

นั้นผมขอถามคำถามใหม่ เพื่อนำไปสู่การตอบปัญหา(เป็นปัญหาที่ผมคิดขึ้นในใจ แต่จะไม่ถามตรงๆ ) ต่อไปนะครับ

อินดิเอโก มีการฝึกตนหรือไม่?

 

ยินดีค่ะ เเค่อยากจะบอกว่า มนุษย์ทุกคน คือ อินดีโก้มาตั้งเเต่เกิดอยู่เเล้วค่ะ

หน้าที่ของมนุษย์ คือ การเรียนรู้ชีวิตที่มีขอบเขตเเละข้อจำกัดในมิติที่สาม

เพียงเเต่บางคนยังไม่พร้อมที่จะตื่น เพราะ เขายังอยากที่จะมีความสุขกับการเป็นมนุษย์

เมื่อถึงเวลาของเเต่ละคน พวกเขาก็จะตื่นขึ้นมาเอง ขอเพียงเเค่เขาเอ่ยปากบอกกับตัวเอง

เหมือนกับการตั้งปณิธานของศาสนาพุทธ ไม่ว่าจะเป็น นิพพาน หรือ โปรดสรรพสัตว์

ดั้งเดิมมนุษย์ คือ จิตวิญญาณในมิติหลากหลาย เเต่จุดเริ่มต้นมาจากสิ่งเดียวกัน

เมื่อถึงเวลาที่เเต่ละคนกำหนด พวกเขาก็จะกลับบ้านได้เองโดยอัตโนมัติ

เเละระหว่างทางก็จะปลุกเพื่อนๆของพวกเขาให้ตื่นเช่นเดียวกัน

ไม่มีใครพิเศษ หรือ ด้อยกว่าใครหรอกค่ะ มันอยู่ที่ตัวมนุษย์คนนั้นว่า

ตัวเขาพร้อมหรือยัง?ที่จะรู้จักจิตวิญญาณที่เเท้จริงของตัวเองเมื่อไรก็เท่านั้นเอง

 

ทุกวัน ของ มนุษย์ทุกคน คือ การฝึก ตั้งเเต่เกิดจนถึงตาย

ทั้งทางโลก เเละทางธรรม คือ การฝึก

เเม้เเต่ความไม่ดีก็คือ ครู เพื่อให้เราไม่ยึดติดกับสิ่งใดเลย

ถึงมีเเบบฝึกหัดเรื่องความผิดหวัง ทุกข์ใจ ทุกข์กาย มาเป็นระลอก เพื่อให้เราเรียนรู้การเป็นมนุษย์

ถ้าคุณติดสุขเขาก็จะทำให้คุณทุกข์เพื่อให้ทิ้งดี

ถ้าคุณติดเลวเขาก็จะสร้างความสูญเสียบางอย่างเพื่อให้คุณกลับมาดี

ทุกวันของมนุษย์ทุกคน คือ การเรียนรู้ ไม่ใช่เเค่ การสวดมนต์นั่งสมาธิ

เเ้ม้เเต่การที่เราคุยกัน นี้ก็ คือ งานของพวกเรา เมื่อถึงเวลาต้องกินเราก็กิน

ใช้ชีวิต 24 ชั่วโมงเเละเต็มที่กับมันในเเต่ละวินาที กับทุกๆคนที่คุณเจอ

เเล้วคุณจะไม่เสียดายชีวิตในปัจจุบันเเน่นอนค่ะ

เเละนั้นก็ คือ การฝึกตนของจิตวิญญาณที่มีร่างกาย ชื่อว่า มนุษย์ค่ะ

 

ที่คุณบอกว่าเมื่อถึงเวลา พวกเขาจะตื่นขึ้นมาเอง และแค่เพียงเอ่ยปากบอกตัวเอง ก็เพียงพอแล้ว นั่นแสดงว่า อินดิเอโก ไม่จำเป็นต้องมีการบวนการฝึกอะไรเลยใช่หรือไม่?

 

การใช้ชีวิตทุกวันนี้ในแต่ละวันคุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง...
นั่นแหละค่ะ การฝึกฝนของพวกเรา และเป็นแบบนี้เหมือนกันทุกคน

ไม่ว่าตัวคุณจะเป็นใคร คุณไม่มีวันหยุดนิ่งที่จะรับรู้ข้อมูลต่างๆ
จิตวิญญาณของคุณคือนักเดินทาง ผู้มาหาประสบการณ์
และในเวลานี้ พวกเราเรียนรู้ในบทเรียนของมนุษย์อยู่ค่ะ

 

เข้ามาเป็นกำลังใจให้คุณ KelG

 

ความเห็นส่วนตัว อิดิโก้น่าจะมีการฝึกตนมานานแล้วอาจหมายถึงชาติภพก่อน
เมื่อพร้อมจึงลงมาทำภารกิจบนโลก ก็ไม่แตกต่างกับคนธรรมดาหรอกครับ ที่ผ่านมา
อิดิโก้ก็เป็นคนธรรมดาทั่วๆไปละครับแต่ฝึกตนจนพร้อมจึงมาช่วย แต่ิสิ่งที่ จขกท โพสมา
ไม่รู้ข้อเท็จจริงอย่างไร ก็ต้องใช้วิจารณญาณละครับ

 

คำตอบที่อินดิเอโกตอบมา สามารถใช้เป็นข้อสรุปได้แล้วครับ
ว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้นเป็นความจริงแท้หรือจิตปรุงแต่งกันแน่

 

ยินดีด้วยครับ

 

ถ้าผมกำลังเดินทางไปโตเกียว แล้วคุณกำลังเดินทางไปปารีส เราไปยังจุดหมายที่ต่างกัน(ไหม???) ในที่สุดแล้ว เราได้อยู่บนโลกใบเดียวกัน(ไหม????)

ทุกสิ่งล้วนเป็นหนึ่ง หมายถึงทุกสิ่งล้วนเป็นอณูของจักรวาลใบนี้ทั้งสิ้น ความคิดที่แบ่งแยกก็ล้วนสนับสนุนว่ามีอณุภาคย่อยอยู่ทั่วทั้งจักรวาล ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว ก็คือองค์ประกอบของจักรวาลเดียวกัน นี่แหละคือหนึ่งเดียวในความหมายของเรา และที่ผมมาบอกนี้ หากมีคนคิดได้แค่หนึ่งคนก็ถือว่าดีแล้ว และเขาคนนั้นก็จะได้รับรู้ถึงการเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง สุดท้ายแล้วหากคุณอยากจะถามว่าแล้วมันดียังไง?? ผมจะตอบว่า เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อพวกคุณคนใดสามารถทำได้พวกคุณจะเข้าใจด้วยตัวเอง หากพวกคุณทำไม่ได้ พวกคุณก็ไม่มีวันเข้าใจภาวะนี้ และก็ต้องวนเวียนอยู่กับคำว่าทุกข์ทรมานไปเรื่อย ๆ


และสุดท้าย ..อินดิโก้ นั้นไม่ใช่พวกที่มีแค่กลุ่มเดียว อินดิโก้มีมากมายหลากหลาย แต่อินดิโก้ในความหมายของผมขอบอกไว้ตรงนี้ว่า พวกเราเป็นกลุ่มผู้ตื่นแล้วที่มีบทบาทสำคัญในการรับมือกับสิ่งที่จะฉุดรั้งพวกคุณให้จมดิ่งอยู่ในความมืดมน พวกเราคือกลุ่มที่จะช่วยดึงรั้งคุณให้สามารถผ่านช่วงวิกฤติไปให้ได้ และอย่างที่บอก ว่าจะมีคนเพียงหยิบมือเดียวที่อาจทำได้และได้เลื่อนสู่ภาวะที่สูงขึ้น หรือถ้าพวกนั้นมีพลังมากกว่า พวกคุณหรือเราอาจทำไม่สำเร็จหรือล้มเหลวไป ซึ่งนั่นหมายถึงหมดโอกาศที่จะเข้าสู่ภาวะที่ละเอียดกว่า หากไร้ซึ่งโอกาศ ก็ไร้ซึ่งความสำเร็จ ดังนั้นอย่าคิดว่า พลัง นั้นไม่สำคัญ! พลัง และโอกาศ นั่นสำคัญเป็นอย่างมาก (kiss)


with love

 

มีทั้งอินดิโก้ดีและไม่ดีใช่หรือไม่

 

ใช่แล้ว พวกเราทุกคน จะอยู่ที่ไหนก็ชั่ง ต่างถิ่น ต่างแดน หรือ ตายไปแล้วกายเป็น กายทิพย์ หรือจะความคิดที่แบ่งแยก ขัดแย้งกัน ต่างคนต่างคิดไม่เหมือนกัน สำหรับมนุษย์แล้วคนๆหนึ่งหรืออีกหลายๆคน มันก็คือพลังงานเดียวกัน ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันพวกเรามาจากแหล่งต้นกำเนิดของพลังงานที่เดียวกัน เพราะฉะนั้น จะใครก็แล้วแต่ พวกเราคือพี่น้องกันทั้งหมดทั้งสิ้น สำหรับผู้ที่มาช่วยเหลือมนุษย์เพียงแต่เราเลือกที่จะทำพันธะสัญญาต่อกัน แล้วลงมาจุติที่โลกมนุษย์แห่งนี้
ดังคำว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลแห่งนี้ล้วนมาจากพลังงานของพระผู้สร้างที่ๆเดียวกันทั้งหมดทั้งสิ้น ฉะนั้นจงรักกันไว้catt15:z8sleeping_rb

 

ผู้ตื่นแล้วซึ่งความเป็นกลาง ย่อมทำได้ทั้งสองสิ่ง ในเมื่อเค้าเหล่านั้นคือสิ่งเดียวกัน

เราไม่ดี เพราะโดนทำร้ายมาก่อน ก้ไม่จำเป็นต้องดีตอบ หรือเรายังคงแผ่ความรักไปหาเค้า

นั่นเป็นสิทธิเส้นทางการดำเนินชีวิต ที่แต่ละคนสามารถเลือกได้

คนที่ติดสินและแบ่งแยกว่าดีหรือไม่ดี คือใคร คุณเองทราบดีอยู่แล้วค่ะ

มิติของจิตวิญญาณไม่มีการเดินทางเป็นเส้นตรง จึงไม่มีบรรทัดฐานในการตัดสิน

จำแนก แยก แบ่ง...

นอกจากจิตใจจะเชื่อมั่นและส่งผลต่อการเป็นอยู่ และ การกระทำ

 

...............................

 

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาโพสต์และเข้ามาอ่านกันนะครับ อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่ายังมีผู้ที่ตื่นแล้วและผู้ที่รอการตื่นอยู่ในที่นี้อีกไม่น้อย ขอบคุณจากใจจริง และนี่ผมจะบอกกุญแจสำคัญให้สำหรับผู้ที่ยังไม่มีกระบวนการตื่นรู้นะครับ นี่คือโอกาศ และไม่มีใครจะคว้ามันแทนตัวคุณได้ อยู่ที่ตัวคุณเท่านั้นเอง กุญแจง่าย ๆ และเป็นพื้นฐานสำหรับการตื่นรู้นี้ คือ "คิดดี และ รักผู้อื่น (คุณจะรับรู้ได้ว่า การที่ได้รักผู้อื่น ก้เปรียบเสมือนได้รักตนเอง เพราะแท้จริงแล้วพวกเราคือหนึ่งเดียวกัน)" แค่นี้เองครับ ไม่ยากเลยใช่มั้ย นี่เป็นบันไดขั้นพื้นฐานร่วมของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตในจักรวาลที่จะต้องสร้างไปทีละขั้นเพื่อที่จะถึงจุดสุดยอดให้ได้ จะสังเกตุว่าระยะเวลาที่ใช้สร้างบันไดนั้นจะค่อนข้างแตกต่างกัน อย่างขั้นแรกอาจต้องใช้เวลาถึงพันล้านปี และจะค่อยๆลดระยะเวลาลงมาเรื่อย ๆ ยิ่งสูงขึ้นยิ่งไวขึ้น ในข้อนี้ผมขอละไปเลยนะครับ เพราะมันไม่สำคัญอะไรที่จะรู้ในตอนนี้ สุดท้ายแล้ว สิ่งต่าง ๆ จำต้องเปลี่ยนแปลง และสิ่งต่าง ๆ จำต้องเกิดขึ้น ...สำคัญที่ว่า "จงอย่ากลัวความเปลี่ยนแปลง" เพราะถ้าไม่มีความเปลี่ยนแปลง บันไดขั้นต่อไปก็มิอาจบังเกิด ขอให้โชคดีทุกท่าน เรากำลังก้าวสู่ขั้นท้าย ๆ แล้ว (kiss)


with love

 

ขอบคุณมากครับ

 

แล้วตอนนี้จะทำยังไงครับ กัมมันตรังสีจะแพร่กระจายไปทั่วแล้วซิเนี่ย เรื่องทุกอย่างคงเข้าใกล้เต็มที่แล้ว