หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง อุตรดิตถ์ เถระ ๕ แผ่นดิน ลูกบุญธรรมของหลวงพ่อเงิน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย kang_som, 30 มีนาคม 2011.

  1. น้ำหว้า

    น้ำหว้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +978
    เรียน ท่านธรรมประทีปบังเอิญแอบอ่านแล้วทราบว่าท่านธรรมประทีปมีเกศาหลวงปู่ญาท่านสวนคือผมอยากจะได้สักเล็กน้อยเพราะจะนำไปเลี่ยมพร้อมพระอุปคุตของท่านเอาใว้คล้องติดตัวบูชาเป็นศิริมงคลแก่ตัวครับหามานานเหลือเกิน
    ส่วนตัวผมพอจะมีเกศาและเล็บหลวงปู่ทองดำ วัดท่าทองอยู่เล็กน้อยก็จะมอบให้คุณธรรมประทีปใว้เป็นศิริมงคลเช่นกันครับ หวังได้รับความกรุณานะครับ

    สำหรับเหรียญวายทูเคสร้างพร้อมพระกริ่งเจ้าคุณนิมมานโกวิทปี42 อาจารย์ดอนวัดหมอนไม้เป็นผู้สร้างครับ ส่วนพระผงน้ำมันพุทธกวักพิมพ์ใหญ่,เล็กคณะลูกศิษย์เรือนจำอ.ตสร้างถวายปี253กว่าๆมวลสารดีมากเจตนาบริสุทธิ์ครับ
     
  2. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    คุณน้ำหว้านานๆเขามาที แต่มาพร้อมข้อมูลแบบแน่นเปรี๊ยะ สอบถามด้วยครับว่าพระสมเด็จรุ่นนี้สร้างพร้อมพิมพ์พุทธกวักด้วยหรือเปล่าครับ องค์นี้มีเกสาหลวงปู่ด้วยครับ


    [​IMG]
     
  3. ransang

    ransang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    7,391
    ค่าพลัง:
    +19,723

    พิมพิ์ พุทธกวัก ทั้งเนื้อผงและเนื้อน้ำมัน มวลสารดีหมดใช่ใหมครับ และเสกนานใหมครับ เห็นว่ามีพิมพิ์เล็กด้วย กำลังตามดูของดีอยู่ครับ

    ขอบคุณครับ
     
  4. น้ำหว้า

    น้ำหว้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +978
    รู้น้อยขอตอบตามที่พอทราบนะครับ..สมเด็จตามรูปเรียกว่าสมเด็จขาโต๊ะคณะลูกศิษย์เรือนจำอ.ตสร้างพร้อมกับพุทธกวักปี37-38ประมาณนี้ แบบที่ฝังตะกรุดเงิน,ทองคำ,นาคก็มีนะครับด้านหลังจะเป็นยันต์ตรี หลวงปู่แจกแก่ผู้มากราบนมัสการไม่มีของเก๊ครับ
    ส่วนวัตถุมงคลที่หลวงปู่พูดถึงบ่อยๆก็จะเป็นสมเด็จแผ่นดินไหวปี13 รูปหล่อ,พระปิดตาเนื้อแร่เหล็กน้ำพี้ปี37(แต่ที่สำคัญหลวงปู่บอกว่ารุ่นไหนก็เหมือนกันเพราะผู้เสกองค์เดียวกัน ขอให้ทำใจนับถือให้มั่นและมีศีลมีธรรมโดยเฉพาะศีลห้า หลวงปู่กล่าวกับผู้เขียนโดยตรง)
    ฉากหน้าที่เห็นและเข้าใจกันในต้วหลวงปู่เป็นพระเกจิผู้ทรงวิทยาคม โดยเนื้อแท้แล้วถ้าใกล้ชิดและสังเกตุหลวงปู่ทองดำแล้วจะรู้ว่าหลวงปู่คือพระอริยะเจ้าผู้ปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นโดยแท้จริง ว่า่งๆจะเล่าให้ฟังครับ
     
  5. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805

    ขอบคุณท่านน้ำหว้ามาครับที่มาช่วยตอบคำถามท่านรองฯเจริญและมาร่วมเล่าบารมีหลวงปู่ให้กับทุกคนได้รับรู้ ยิ่งประโยคที่หลวงปู่บอกว่า "รุ่นไหนก็เหมือนกันเพราะผู้เสกองค์เดียวกัน ขอให้ทำใจนับถือให้มั่นและมีศีลมีธรรมโดยเฉพาะศีลห้า"

    ว่างๆ มาเล่าประสบการณ์ให้ฟังอีกนะครับ....
     
  6. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805

    พี่ ransang พุทธกวักพิมพ์เล็ก ผมโพสเอาไว้ในหน้า ๓ ครับ ลองดูเข้าไปดูครับ .....ดูนะครับไม่อนุญาตให้ขอ เพราะมีองค์เดียว ๕๕๕๕๕....
     
  7. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    ขอบคุณมากครับ ผมไม่มีข้อมูลจริงๆ เจอคนพื้นที่ เข้าให้แล้วไง อิอิอิ....

    - ท่านตรีนิสิงเห รบกวนมีข้อมูลเพิ่มเติมครูบาอาจารย์ ในพื้นที่เอามาลงอีกนะครับ ผมเองก็รอติดตามอยู่เหมือนกัน เส้นพิชัยผมมีโอกาสไปน้อยมาก เพื่อนก็มีแต่ไม่เคยไป ส่วนใหญ่ออกไปทางทองแสนขัน


    [​IMG]


    - หลวงพ่อโยชน์ สุทธิวังโส วัดนาลับแลง เจ้าตำรับวัตถุมงคล “เหล็กน้ำพี้” (ลูกศิษย์ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ , หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม,หลวงพ่อผล วัดเทียนดัด และหลวงพ่ออยู่ วัดใหม่หนองพะอง ) ท่านไม่ได้เป็นคนอุตรดิตถ์ แต่เป็นคนสมุทรสาคร ปลีกวิเวกธุดงค์มาภาคเหนือ แล้วมาจำพรรษาที่วัดนาลับแลง


    [​IMG]


    - หลวงพ่อแกง ปสาโท วัดน้ำปึง ต.จริม อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2011
  8. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    ขอขอบคุณมากๆ ที่ให้ข้อมูลครับ สมเด็จองค์นี้ชอบตรงมีเกสาหลวงปูผสมด้วย

    พิจารณาความตามเนื้อเรื่องแล้ว ผมเข้าใจว่าคุณน้ำหว้าน่าจะมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ทองดำอยู่พอสมควร โชคดีจริงๆครับ

    อยากรู้ประวัติหลวงพ่อแกง ปสาโท เหมือนกัน เคยเห็นในเว็บเปิดให้บูชาเหรียญของท่านหลักพันต้นเลยครับ
     
  9. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    จัดให้พี่เจริญครับ

    หลวงพ่อแกง ปสาโท พระเกจิอาจารย์วัดน้ำปึง
    คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6
    บุญนำ เกิดแก้ว

    อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ เป็นเมืองแห่งความสงบร่มเย็น ผู้คนอยู่กันอย่างสงบสุข

    ณ ที่แห่งนี้ "หลวงพ่อแกง ปสาโท" หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า "หลวงพ่อแกง" เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านทั่วไป

    ปัจจุบันสิริอายุ 74 พรรษา 51 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้ำปึง หมู่ที่ 1 ต.จริม อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์

    อัตโนประวัติ เกิดในสกุล นันทะกา ในปีพ.ศ.2475 ณ บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 5 ต.หาดล้า อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์

    ชีวิตในวัยเยาว์ ท่านได้เติบโตท่ามกลางท้องทุ่งนาป่าดอย ช่วยบิดามารดาทำนา เป็นคนที่มีนิสัยร่าเริงแจ่มใส โอบอ้อมอารี เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดา ไม่ชอบการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

    ท่านได้เข้ารับการศึกษา ตอนอายุ 10 ขวบ ที่โรงเรียนบ้านน้ำปึง จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
    ครั้นเมื่ออายุได้ 22 ปี ท่านได้ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เพื่อทดแทนคุณบุพการี เมื่อปีพ.ศ.2497 ณ พัทธสีมาวัดน้ำปึง หมู่ที่ 4 ต.หาดล้า อ.ท่าปลา (ที่ตั้งเดิม) โดยมีพระครูบุญสิริวิศาล เจ้าคณะอำเภอท่าปลา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระเที่ยง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสุวิทย์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาว่า "ปสาโท" แปลว่า ความเลื่อมใส

    หลังจากเข้าพิธีอุปสมบท ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดน้ำปึง ด้วยความวิริยะอุตสาหะในการท่องหนังสือเจ็ดตำนานและสิบสองตำนาน จนได้หมด พร้อมทั้งปฏิบัติกิจวัตรอยู่ในกรอบวินัยบวรพระพุทธศาสนา จนเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านยิ่ง

    พ.ศ.2521 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดน้ำปึง

    ท่านยังได้ศึกษาเล่าเรียนวิทยาคมด้วยตัวเอง โดยการศึกษาจากสมุดข่อยหรือปับสาโบราณ ซึ่งเป็นภาษาล้านนาของเก่าและจากตำรามหายันต์

    ต่อมา พ.ศ.2515 อ.ท่าปลา ต้องมีการอพยพครั้งใหญ่ เนื่องจากมีการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ จำต้องย้ายวัดน้ำปึงมาอยู่ หมู่ที่ 1 ต.จริม (ปัจจุบัน)

    พ.ศ.2536 วัดน้ำปึง ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างศาสนสถาน หลวงพ่อแกงและศิษยานุศิษย์ คณะศรัทธาของวัดน้ำปึง จึงช่วยกันสร้างถาวรวัตถุต่างๆ

    พ.ศ.2539 สร้างศาลาการเปรียญ เพื่อใช้ประกอบพิธีทางพระศาสนา ใช้งบประมาณ 894,449 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้จากการสร้างวัตถุมงคล เป็นพระสมเด็จรุ่นแรก

    ปีเดียวกัน สร้างกุฏิคอนกรีต เพื่อเป็นที่พักของพระภิกษุสงฆ์ โดยใช้งบประมาณ 1,100,000 บาท เป็นเงินจากการสร้างวัตถุมงคล เป็นเหรียญรุ่นสร้างกุฏิ จำนวน 30,000 เหรียญ เหรียญละ 69 บาท

    พ.ศ.2540 สร้างหอระฆังและกุฏิไม้ ใช้เงิน 250,000 บาท เป็นเงินจากทอดผ้าป่าและทอดกฐิน รวมทั้งการถวายปัจจัยของหลวงพ่อเอง ปีเดียวกันสร้างพระอุโบสถ เป็นเงิน 2,360,000 บาท เป็นเงินทอดผ้าป่า กฐิน และเงินจากการถวายปัจจัยของหลวงพ่อ

    พ.ศ.2543 สร้างศาลาธรรมสังเวช เป็นเงิน 95,000 บาท เป็นเงินจากการทอดผ้าป่า-กฐิน และการถวายปัจจัยของหลวงพ่อเอง

    พ.ศ.2544 สร้างวิหาร เมรุ ซุ้มประตูวัด กำแพงวัด โดยใช้งบจากเงินทอดผ้าป่า-กฐิน และเงินจากการถวายปัจจัย

    นอกจากนี้ หลวงพ่อแกงยังได้สร้างอาคารโรงเรียนนิคมสงเคราะห์ 5 ตึกผู้ป่วยพิเศษ 3 ห้อง โรงพยาบาลท่าปลา ซึ่งเป็นห้องพัก ประกอบด้วย ห้องน้ำในตัว เตียงคนไข้ อุปกรณ์รักษา ใช้งบประมาณกว่า 481,223 บาท เหตุที่หลวงพ่อแกงสร้างโรพยาบาล เนื่องจากในพื้นที่ชุมชนมีพระภิกษุมารักษาอาการอาพาธบ่อย

    หลวงพ่อแกง ได้ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอท่าปลา จัดทำธงเพื่อร่วมต่อต้านยาเสพติดตามโครงการของรัฐบาล ที่ต้องการปราบปรามยาเสติด แจกจ่ายให้กับชาวบ้านไปติดไว้หน้าบ้าน

    พ.ศ.2546 หลวงพ่อแกง ได้ตั้งมูลนิธิหลวงพ่อแกง ปสาโท เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนทั่วไป โดยการนำดอกเบี้ยออกมาใช้ ส่วนเงินต้นไม่สามารถเบิกออกมาใช้ได้

    การสร้างวัตถุมงคล พ.ศ.2537 สร้างพระสมเด็จรุ่นแรก และสร้างเหรียญรูปไข่ พิมพ์หยดน้ำ พระกริ่ง สีผึ้งเมตตา และด้ายมงคลผูกข้อมือ ตะกรุด เป็นต้น

    หลวงพ่อแกง เคยปรารภว่า "ของดีก็ต้องอยู่กับคนดีมีศีลธรรม คนไม่ดีนำเอาไปไม่มีประโยชน์อะไร"

    ทุกวันนี้ คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อแกงจากทั่วสารทิศ ต่างให้ความเคารพนับถือท่านยิ่งนัก ดังจะเห็นได้จากความมุ่งมั่น สร้างความเจริญให้กับวัดน้ำปึง และอ.ท่าปลา ให้เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ

    ถือได้ว่า หลวงพ่อแกงเป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่ง ที่มุ่งมั่นให้พระพุทธศาสนาสืบทอดยาวนานตลอดไป

    ท่านมรณภาพด้วยโรคมะเร็งในปอด เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2550 มีการประชุมเพลิงสรีระสังขารพระอธิการแกงหรือหลวงพ่อแกง ในวันที่ 25 มีนาคม 2553 เวลา 16.00 น. ณ บริเวณเมรุชั่วคราวหรือปราสาทจำลอง บริเวณด้านหน้าอุโบสถวัดน้ำปึง<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2011
  10. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลประวัติหลวงพ่อแกง ต้องอย่างนี้ครับไม่เสียชื่อเจ้าบ้าน ถ้ามีข้อมูลในพื้นที่เพิ่มเติมด้วยรับรอง แจ่ม....
     
  11. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805

    ขอบคุณคร้าบบบบบท่านรองฯ..........พยายามหาข้อมูลมาตอบสนองความต้องการให้ได้มากที่สุดครับ

    เอ...รู้สึกท่านรองจะเปลี่ยนรูปประจำตัวใช่มั้ยครับ อิอิอิ หลวงปู่เรามาแล้ว อิอิอิ
     
  12. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>kang_som, วต </TD></TR></TBODY></TABLE>



    สวัสดีครับท่าน วต ยินดีต้อนรับครับ..มีวัตถุมงคลหรือประสบการณ์ นำมาเล่าแบ่งปันกันได้นะครับ....
     
  13. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    วันนี้มาดูยันต์ประจำตัวของหลวงปู่กันครับ คือ ยันต์ นะ โม พุท ธา ยะ (พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์) ซึ่งได้ร่ำเรียนมาจากหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พระอาจารย์ของท่าน ยันต์นี้เป็นยันต์/คาถา ที่ประทับอยู่กับวัตถุมงคลของหลวงปู่โดยส่วนใหญ่ครับ เช่น เหรียญรุ่นแรก ปี ๒๕๒๙ , ตลับสีผึ้ง รุ่น ๑ และ รุ่น ๒ ฯลฯ

    [​IMG]


    ตำนานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์


    [​IMG]

    ในสมัย ต้นปฐมกัป มีพญากาเผือกสองตัวผัวเมีย ทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันเป็นธรรมชาติสถาน รื่นรมย์ ในเวลาต่อมาต่อมา พระโพธิสัตว์ ได้ทรงปฏิสนธิเกิดในครรภ์แม่พญากาเผือก พร้อมกันถึง ๕ พระองค์ เมื่อครบทศมาส แม่กาเผือกก็ออกไข่ ณ ที่รังต้นมะเดื่อ จำนวน ๕ ฟองและคอยเฝ้า ดูแลรักษาไข่ด้วยความทะนุถนอมเป็นอย่างดี

    อยู่มาวัน หนึ่ง พญากาเผือกออกไปหากินถิ่นแดนไกลไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งอันสมบูรณ์ ด้วยธรรมชาติ แม่กาเผือกเพลินหากินอาหาร ชื่นชมกับธรรมชาติจนมืดค่ำ เกิดลมพายุใหญ่พัดกระหน่ำมืดครึ้มทั่วไปหมด ทำให้หาหนทางออกไม่ถูก จึงหลงอยู่ในบริเวณสถานที่นั้น แม่กาเผือกได้อยู่ที่เวียงกาหลง คืนหนึ่ง จนเช้าจึงรีบถลาบินกลับที่พัก แต่ปรากฏว่ากิ่งไม้มะเดื่อที่ทำรังอยู่ ถูกลมพายุใหญ่พัดหักล้มลงไปในแม่น้ำ แม่กาเผือกตกใจรีบบินถลาหาลูกที่ยังอยู่ในไข่ แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ในที่สุดก็สิ้นใจตายอย่างน่าสงสาร


    แต่ด้วย อานิสงส์ที่มีความเมตตารักลูกอันบริสุทธิ์ กับทั้งที่ลูกของแม่กา เผือกเป็นพระโพธิสัตว์ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นกุศลหนุนส่งให้แม่กาเผือกไปจุติยังแดนพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ได้พระนามว่า “ฆติกามหาพรหม” จักได้เป็นผู้ถวาย อัฏฐะบริขาร บวชแก่ลูกทั้ง ๕ พระองค์ เมื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนไข่ทั้ง ๕ ถูกลมพัดตกน้ำไหลไปในสถานที่ต่าง ๆ

    ไข่ฟองที่ ๑ แม่ไก่เก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๒ แม่นาคราชเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟอง ที่ ๓ แม่เต่า เก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ฟองที่ ๔ แม่โคเก็บไปดูแลรักษา
    ไข่ ฟองที่ ๕ แม่ราชสีห์เก็บไปดูแลรักษา


    ครั้น ในกาลเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ก็ประสูติออกจากไข่ ปรากฏเป็นมนุษย์บุรุษรูปงานทั้ง ๕ พระองค์ และเจริญเติบโตอยู่กับแม่เลี้ยงด้วยความกตัญญู รู้จักหน้าที่ ทดแทนบุญคุณจนถึงอายุได้ ๑๒ ปี ด้วยบุญกุศลเก่าหนุนส่งก็มีจิตคิดที่จะออกบวชบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี เป็นฤาษีอยู่ในป่า จึงได้อำลาแม่เลี้ยงของตนเหมือนกันทั้ง ๕ พระองค์ ฝ่ายแม่เลี้ยงก็ไม่ขัดความประสงค์ อนุญาตให้ลูกไปบวช บำเพ็ญบารมีอยู่ในป่าด้วยความอนุโมทนา

    แม่เลี้ยงทั้ง ๕ เห็นปณิธานที่มุ่งมั่น จะบำเพ็ญบารมีพระโพธิญาณ เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ในวัฏฏะสงสาร จึงฝากนามของแม่เลี้ยงไว้กับลูก เพื่อเป็นอนุสรณ์ตำนานไว้แก่โลกต่อไปในภาคหน้า เมื่อลูกได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกแล้ว ตามลำดับพระนามดังต่อไปนี้

    องค์ ที่ ๑ มีพระนามว่า พระกกุสันโธ เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นไก่
    องค์ที่ ๒ มีพระนามว่า พระโกนาคมโน เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค
    องค์ที่ ๓ มีพระนามว่า พระกัสสโป เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า
    องค์ที่ ๔ มีพระนามว่า พระโคตโม เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค
    องค์ที่ ๕ มีพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรโย เพราะตามนามแม่เลี้ยงเป็นราชสีห์


    ในกัปนี้ชื่อ ว่า ภัททกัป เป็นกัปที่เจริญที่สุดเพราะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกนี้ถึง ๕ พระองค์ จึงเป็นที่มาของ คำว่า “นโมพุทธายะ”

    นะ คือ พระกกุสันโธ
    โม คือ พระโกนาคมโน
    พุท คือ พระกัสสโป
    ธา คือ พระโคตโม
    ยะ คือ พระศรีอาริยเมตไตรโย


    จน เป็นคาถาที่ใช้สืบต่อกันมา ฝ่าย พระโพธิสัตว์ทั้ง ๕ เมื่อออกบวชเป็นฤาษี ก็ได้บำเพ็ญเพียรพระกัมมัฏฐาน จนสำเร็จญาณอภิญญาสมาบัติ อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะมาหาอาหารผลไม้ และบำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงกุตตระ ณ ใต้ต้นนิโครธ อันร่มเย็นด้วยกิ่งไม้สาขาใหญ่ ฤาษีทั้ง ๕ ได้มาพบกัน ณ ที่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย จึงสอบถามถึงความเป็นมาของกัน และกันจนรู้ว่าแต่ละองค์ก็มีแต่แม่เลี้ยง ฤาษีทั้ง ๕ จึงร่วมกันตั้งสัจจะอธิษฐานขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้า

    ด้วยอำนาจ สัจจะอธิษฐานธรรมอันบริสุทธิ์ดังก้องไปถึงพรหมโลก ท้าวฆติกามหาพรหม ซึ่งเดิมคือ แม่กาเผือก ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดจึงจำแลงเพศเป็นรูปเดิม ขนขาวสวยงาม มาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของฤาษีทั้ง ๕ เมื่อลูกฤาษีได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็รู้สึกสลดสังเวชใจ และสำนึกบุญคุณอันใหญ่หลวงของแม่กาเผือก จึงน้อมนมัสการผู้เป็นแม่ กราบขอสัญลักษณ์อนุสรณ์ผู้บังเกิดเกล้าไว้บูชา ได้มาเป็นผ้าฝ้ายเป็นตีนกาสัญลักษณ์ของแม่กาเผือกให้แก่ลูกฤาษีทั้ง ๕ ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุกวันพระ และต่อมาได้กลายเป็นประเพณีจุดประทีปตีนกาบูชาแม่กาเผือก ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ลอยกระทง เป็นตำนานสืบไว้ตลอดกาลนาน

    ฤาษีโพธิสัตว์ทั้ง ๕ ต่างพากันตั้งหน้าบำเพ็ญเพียรรักษาศีลธรรมภาวนามิได้ขาดจนดับขันธ์ ได้ไปจุติบนเทวโลกชั้นดุสิตพิภพ และในกาลต่อมา ก็วนเวียนบำเพ็ญเพียรบารมีทุกภพชาติที่กำเนิดเกิดในสงสารวัฏ นี้ จนบารมีเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ทั้ง 30 ทัศแล้ว ก็ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ฆติกามหาพรหมผู้เป็นแม่ต้นกัปโลกา ก็จะนำเอาบริขาร คือ บาตรไตรจีวร มาถวายลูกโพธิสัตว์ทั้ง ๕ พระองค์ในชาติสุดท้ายที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าโปรดโลกทุกพระองค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    คุณแกงส้ม ลงรูปและเนื้อหาที่ผมสนใจและค้นหาอยู่ ได้ดีมากเลย :cool:

    ขอถาม ทำไมบางคนเรียกยันต์นี้ว่า ยะประเสริฐครับ

    ขอสำเนา ขออนุญาตินำเนื้อหาไปลงในกระทู้หล่อพระหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ วันวิสาขบูชา 17 พ.ค.


    ขออนุโมทนาบุญครับ



    .
     
  15. ศรัทธาพญาเวนไตย

    ศรัทธาพญาเวนไตย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    867
    ค่าพลัง:
    +1,383
    ขอเเนะนำเกจิของพะเยาที่ผมนับถือสุดๆไปบ่อยมาก ครูบาอ่อน วัดสันต้นหวีด ดังมากครับ ผมไปทีไรไปคุยเรื่องธรรมมะครับ ท่านคุยเก่งครับ อายุเก้าสิบกว่าครับ
     
  16. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805

    .....พี่โก๋ครับ อนุญาตตามขอเลยครับ ดีใจครับที่สามารถนำไปให้ญาติธรรมท่านอื่นๆ ได้ทราบถึงความหมายหรือที่มาของ นะ โม พุท ธา ยะ ครับ.... อนุโมทนาด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ....


    ส่วนคำตอบเรื่องที่พี่ถาม ว่าบางครั้งเรียก นะประเสริฐ ตามความคิดของผมเองนะครับ ต้องเน้นครับเพราะผมคิดเอาเอง นะประเสริฐคือสิ่งที่สูงสุด หรือประเสริฐที่สุดก็คือองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าครับ แล้วนะ โม พุท ธา ยะ ก็คือพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ ซึ่งสูงสุดและประเสริฐที่สุดครับ ......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2011
  17. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    ขอนำภาพพระเครื่อง พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
    มาให้ชมกัน เป็นของหลวงปู่ดู่ วัดสะแกครับ

    [​IMG]





    และยันต์ นะโมพุทธายะ (วัดสะแก)


    [​IMG]



    วันนี้เป็นวันพระ


    เหลืออีก 7 วันจะถึงวิสาขบูชาแล้ว

    พึงรักษาศีล 5 และเจริญสมาธิ




    .

     
  18. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    พี่โก๋ (ธรรมประทีป) ช่วยจัดเกศาหลวงปู่ญาท่านสวนให้คุณน้ำหว้าตามคำขอด้วยนะคะ... รบกวนคุณน้ำหว้าช่วยส่งที่อยู่ให้พี่โก๋อีกครั้งนะคะ เผื่อว่าพี่โก๋ไม่ได้จดเอาไว้เมื่อครั้งที่คุณน้ำหว้าส่งชนวนมาร่วมสร้างพระกับคณะเรา

    ปล.ขอที่อยู่ให้หนูด้วยนะคะ... เผื่อโอกาสหน้าจะได้ใช้ค่ะ ^^
     
  19. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    เอา(ของคนอื่น) มาโชว์บ้าง อิอิอิ

    a.jpg

    พระผงพระเจ้า ๕ พระองค์ รุ่นน้ำท่วม ปี ๒๕๓๘
    หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง อุตรดิตถ์ เนื้อผงพุทธคุณธรรมดา (ไม่ฝังตะกรุด) สร้าง ๒๕๐๙ องค์ เนื้อผงคลุกรัก (ไม่ฝั่งตะกรุด) สร้าง ๔๐ องค์
    มวลสารที่ใช้สร้างประกอบด้วยเนื้อหาต่าง ๆ มากมาย เช่น ผงว่าน ๑๒๐ ชนิด , ผงพระกรุอยุธยา สุโขทัย , เม็ดพระศกพระพุทธรูปโบราณ , ผงและข้าวก้นบาตรเสก หลวงปู่ดู่ วัดสะแก , ไคลเสมา , แร่เหล็กน้ำพี้ , ข้าวตอกพระร่วง , นิลดำ , แก้วท่าปลา , แป้งเสก จีวรและชานหมาก หลวงปู่ทองดำ , ผงไม้จันทร์หอม , ผงงาช้างพล่ยกระเด็น , กิ่งโพธิ์นิพพาน , ขี้ธูปหลวงพ่อเพชร วัดท่าถนน , ผงพุทธคุณพระเจ้า ๒๘ พระองค์ พระเจ้า ๑๖ พระองค์ และแป้งมหาราช องค์นี้เนื้อผงพุทธคุณฝั่งตะกรุดทองคำ ๕ ดอก สร้างประมาณ ๙ องค์ (เนื้อผงคลุกรัก ฝั่งตะกรุดทองคำ ๕ ดอก สร้าง ๙ องค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805

    ว้าววว......เจ๊ใหญ่มาปุ๊บแจกปั๊บเลย.....ดีใจด้วยครับท่านน้ำหว้า.....มีเกษาของพระสงฆ์ผู้บริสุทธิ์ ไว้กราบไหว้บูชาเพิ่มอีก ๑ องค์นะครับ....

    ท่านน้ำหว้า ถ้าพอจะมีเกษากับเล็บหลวงปู่ทองดำเหลืออยู่ แกล้งๆ ส่งมาทางนี้บ้างก็ได้นะครับ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...