การจะศึกษาปฏิบัติธรรม ควรรู้จัก ฟัง เข้าหา ทำตาม สัปบุรุษ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ยอดคะน้า, 15 สิงหาคม 2011.

  1. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
    อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

    ขอนอบน้อมอภิวาทแด่พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นฯ













    สัปปุริสวรรคที่ ๑


    [๒๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอสัปบุรุษ อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่า
    อสัปบุรุษ สัปบุรุษ และสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ แก่เธอทั้งหลาย เธอ
    ทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาค
    แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษ
    เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม
    พูดเท็จ ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาท บุคคลนี้เราเรียกว่า
    อสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นคนฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์อีกด้วย
    ลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์อีกด้วย ประพฤติผิดใน
    กามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกามอีกด้วย พูดเท็จด้วย
    ตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จอีกด้วย ดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็น
    ฐานแห่งความประมาทด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการดื่มน้ำเมาคือสุราและ
    เมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาทอีกด้วย บุคคลนี้เราเรียกว่า อสัปบุรุษยิ่งกว่า
    อสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งด
    เว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการลักทรัพย์ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
    งดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่ง
    ความประมาท บุคคลนี้เราเรียกว่า สัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษผู้ยิ่งกว่าสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนใน
    โลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตัวเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการ
    ฆ่าสัตว์อีกด้วย เป็นผู้งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งด
    เว้นจากการลักทรัพย์อีกด้วย เป็นผู้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง
    และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการประพฤติผิดในกามอีกด้วย เป็นผู้งดเว้นจากการ
    พูดเท็จด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเท็จอีกด้วย เป็นผู้งดเว้น
    จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความประมาทด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นฐานแห่งความ
    ประมาทอีกด้วย บุคคลนี้เราเรียกว่า สัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ ฯ

    [๒๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอสัปบุรุษ อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่า
    อสัปบุรุษ สัปบุรุษ และสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
    จงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษเป็นไฉน
    บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่มีโอตตัปปะมีสุตะน้อย เป็นคนเกียจ
    คร้าน มีสติหลงลืม มีปัญญาทราม บุคคลนี้เราเรียกว่า อสัปบุรุษ ฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ ตนเองเป็นผู้ไม่มีศรัทธา และชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา
    อีกด้วย ตนเองไม่มีหิริ และชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้ไม่มีหิริอีกด้วย ตนเอง
    เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ และชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะอีกด้วย ตนเอง
    มีสุตะน้อย และชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้มีสุตะน้อยอีกด้วย ตนเองเป็นผู้เกียจ
    คร้าน และชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้เกียจคร้านอีกด้วย ตนเองมีสติหลงลืม
    และชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้มีสติหลงลืมอีกด้วย ตนเองมีปัญญาทราม และ
    ชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้มีปัญญาทรามอีกด้วย บุคคลผู้นี้เราเรียกว่า อสัปบุรุษ
    ที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษ ฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มี
    ศรัทธา มีหิริ มีโอตตัปปะ เป็นพหูสูต ปรารภความเพียร มีสติ มีปัญญา
    บุคคลนี้เราเรียกว่า สัปบุรุษ ฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนใน
    โลกนี้ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความถึงพร้อม
    ด้วยศรัทธาอีกด้วย เป็นผู้มีหิริด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้มีหิริ
    อีกด้วย เป็นผู้มีโอตตัปปะด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเป็นผู้มีโอตตัปปะอีก
    ด้วย เป็นผู้มีสติตั้งมั่นด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความมีสติตั้งมั่นอีกด้วย
    เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความถึงพร้อมด้วย
    ปัญญาอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ ฯ


    [๒๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอสัปบุรุษ อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่า
    อสัปบุรุษ สัปบุรุษ และสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
    จงฟัง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นคนมักฆ่าสัตว์ มักลักทรัพย์ มักประพฤติผิดในกาม มักพูดเท็จ มักพูด
    คำส่อเสียด มักพูดคำหยาบ มักพูดคำเพ้อเจ้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้
    เราเรียกว่า อสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์อีกด้วย
    เป็นผู้มักลักทรัพย์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ลักทรัพย์อีกด้วย เป็นผู้มัก
    ประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ประพฤติผิดในกามอีกด้วย
    เป็นผู้มักกล่าวเท็จด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้กล่าวเท็จด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นให้กล่าวเท็จอีกด้วย เป็นผู้มักกล่าวคำส่อเสียดด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำส่อเสียดอีกด้วย เป็นผู้มักกล่าวคำหยาบด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำหยาบอีกด้วย เป็นผู้มักกล่าวคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นให้กล่าวคำเพ้อเจ้ออีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า
    อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้
    งดเว้นจากปาณาติบาต งดเว้นจากอทินนาทาน งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร งดเว้น
    จากมุสาวาท งดเว้นจากปิสุณวาจา งดเว้นจากผรุสวาจา งดเว้นจากสัมผัปปลาปะ
    ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลนี้เราเรียกว่าสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจาก
    ปาณาติบาตอีกด้วย เป็นผู้งดเว้นจากอทินนาทานด้วยตนเอง และชักชวน
    ผู้อื่นให้งดเว้นจากอทินนาทานอีกด้วย เป็นผู้งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารด้วยตนเอง
    และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารอีกด้วย เป็นผู้งดเว้นจากมุสาวาท
    ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากมุสาวาทอีกด้วย เป็นผู้งดเว้น
    จากปิสุณวาจาด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปิสุณวาจาอีกด้วย
    เป็นผู้งดเว้นจากผรุสวาจาด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากผรุสวาจา
    อีกด้วย เป็นผู้งดเว้นจากสัมผัปปลาปะด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้น
    จากสัมผัปปลาปะอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าสัปบุรุษ
    ที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ ฯ


    [๒๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอสัปบุรุษ อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่า
    อสัปบุรุษ สัปบุรุษ และสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
    จงฟัง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ เป็นคนมักโลภ มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าอสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนใน
    โลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์อีกด้วย ฯลฯ
    เป็นคนมักโลภด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความมักโลภอีกด้วย เป็นผู้มีจิต
    พยาบาทด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความพยาบาทอีกด้วย เป็นผู้มีความเห็น
    ผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิดอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล
    นี้เราเรียกว่าอสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้
    งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ เป็นผู้ไม่มักโลภ ไม่มีจิตพยาบาท มีความเห็นชอบ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนใน
    โลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาตด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากปาณา-
    *ติบาตอีกด้วย ฯลฯ เป็นผู้ไม่มักโลภด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความไม่โลภอีก
    ด้วย เป็นผู้ไม่มีจิตพยาบาทด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความไม่พยาบาทอีกด้วย
    เป็นผู้มีความเห็นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบอีกด้วย ดูกร
    ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ ฯ


    [๒๐๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอสัปบุรุษ อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่า
    อสัปบุรุษ สัปบุรุษ และสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
    จงฟัง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นผู้มีความเห็นผิด มีความดำริผิด มีวาจาผิด มีการงานผิด มีอาชีพผิด มี
    ความพยายามผิด ตั้งสติผิด ตั้งใจมั่นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า
    อสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิดอีก
    ด้วย เป็นผู้มีความดำริผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความดำริผิดอีกด้วย
    เป็นผู้มีวาจาผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในวาจาผิดอีกด้วย เป็นผู้มีการงาน
    ผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการงานผิดอีกด้วย เป็นผู้มีอาชีพผิดด้วยตนเอง
    และชักชวนผู้อื่นในอาชีพผิดอีกด้วย เป็นผู้มีความพยายามผิดด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นในความพยายามผิดอีกด้วย เป็นผู้ตั้งสติผิดด้วยตนเอง และชักชวน
    ผู้อื่นในการตั้งสติผิดอีกด้วย เป็นผู้ตั้งใจมั่นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นใน
    การตั้งใจมั่นผิดอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าอสัปบุรุษที่ยิ่งกว่า
    อสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มี
    ความเห็นชอบ มีความดำริชอบ มีวาจาชอบ มีการงานชอบ มีอาชีพชอบ มี
    ความพยายามชอบ ตั้งสติชอบ ตั้งใจมั่นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เรา
    เรียกว่าสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบอีก
    ด้วย เป็นผู้มีความดำริชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความดำริชอบอีกด้วย
    เป็นผู้มีวาจาชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในวาจาชอบอีกด้วย เป็นผู้มีการ
    งานชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการงานชอบอีกด้วย เป็นผู้มีอาชีพชอบ
    ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในอาชีพชอบอีกด้วย เป็นผู้มีความพยายามชอบ
    ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความพยายามชอบอีกด้วย เป็นผู้ตั้งสติชอบด้วย
    ตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการตั้งสติชอบอีกด้วย เป็นผู้ตั้งใจมั่นด้วยตนเอง
    และชักชวนผู้อื่นในความตั้งใจมั่นอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า
    สัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ ฯ


    [๒๐๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอสัปบุรุษ อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่า
    อสัปบุรุษ สัปบุรุษ และสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
    จงฟัง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นผู้มีความเห็นผิด ฯลฯ เป็นผู้มีความรู้ผิด เป็นผู้มีความพ้นผิด ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า อสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิดอีก
    ด้วย ฯลฯ เป็นผู้มีความรู้ผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความรู้ผิดอีกด้วย
    เป็นผู้มีความพ้นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความพ้นผิดอีกด้วย ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าอสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าอสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มี
    ความเห็นชอบ ฯลฯ เป็นผู้มีความรู้ชอบ เป็นผู้มีความพ้นชอบ ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกสัปบุรุษ ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบ
    อีกด้วย ฯลฯ เป็นผู้มีความรู้ชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความรู้ชอบ
    อีกด้วย เป็นผู้มีความพ้นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความพ้นชอบ
    อีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าสัปบุรุษที่ยิ่งกว่าสัปบุรุษ ฯ


    [๒๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนชั่ว คนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว
    คนดี และคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย ก็คนชั่วเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ ฯลฯ
    เป็นผู้มีความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าคนชั่ว ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่วเป็นไฉน บุคคลบางคนใน
    โลกนี้ เป็นผู้มักฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์อีกด้วย ฯลฯ
    เป็นผู้มีความเห็นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิดอีกด้วย ดูกรภิกษุ-
    *ทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าคนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้งดเว้น
    จากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า
    คนดี ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
    อีกด้วย ฯลฯ เป็นผู้มีความเห็นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความ
    เห็นชอบอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี ฯ


    [๒๐๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงคนชั่ว คนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว
    คนดี และคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนชั่วเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ มีความเห็นผิด ฯลฯ
    มีความรู้ผิด มีความพ้นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าคนชั่ว ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่วเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิดอีก
    ด้วย ฯลฯ เป็นผู้มีความรู้ผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความรู้ผิดอีกด้วย
    เป็นผู้มีความพ้นผิดด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นในความพ้นผิดอีกด้วย ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าคนชั่วที่ยิ่งกว่าคนชั่ว ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีความ
    เห็นชอบ ฯลฯ มีความรู้ชอบ มีความพ้นชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้
    เราเรียกว่าคนดี ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็คนดีที่ยิ่งกว่าคนดีเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นผู้มีความเห็นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบอีกด้วย ฯลฯ
    เป็นผู้มีความรู้ชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความรู้ชอบอีกด้วย เป็นผู้
    มีความพ้นชอบด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความพ้นชอบอีกด้วย ดูกรภิกษุ-
    *ทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าคนดีที่ยิ่งกว่าคนดี ฯ


    [๒๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงบุคคลผู้มีธรรมอันลามก บุคคล
    ผู้มีธรรมอันลามกที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันลามก บุคคลผู้มีธรรมอันงาม และบุคคล
    ผู้มีธรรมอันงามที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันงาม แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง
    ฯลฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีธรรมอันลามกเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้
    เป็นคนฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า
    ผู้มีธรรมอันลามก ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีธรรมอันลามกที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอัน
    ลามกเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และชักชวน
    ผู้อื่นในฆ่าสัตว์อีกด้วย ฯลฯ เป็นผู้มีความเห็นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่น
    ในความเห็นผิดอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่าผู้มีธรรมอันลามก
    ที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันลามก ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีธรรมอันงามเป็นไฉน บุคคลบางคนใน
    โลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นชอบ บุคคลนี้เราเรียกว่า
    ผู้มีธรรมอันงาม ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีธรรมอันงามที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันงาม
    เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์อีกด้วย ฯลฯ เป็นผู้มีความเห็นชอบด้วย
    ตนเอง และชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้
    เราเรียกว่าผู้มีธรรมอันงามที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันงาม ฯ


    [๒๑๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงบุคคลผู้มีธรรมอันลามก บุคคล
    ผู้มีธรรมอันลามกที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันลามก บุคคลผู้มีธรรมอันงาม และ
    บุคคลผู้มีธรรมอันงามที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันงาม แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
    จงฟัง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีธรรมอันลามกเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นผิด ฯลฯ มีความรู้ผิด มีความพ้นผิด ดูกรภิกษุ-
    *ทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า ผู้มีธรรมอันลามก ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีธรรมอันลามกที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอัน
    ลามกเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นผิดด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิดอีกด้วย ฯลฯ เป็นผู้มีความรู้ผิดด้วยตนเอง และ
    ชักชวนผู้อื่นในความรู้ผิดอีกด้วย เป็นผู้มีความพ้นผิดด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่น
    ในความพ้นผิดอีกด้วย ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลนี้เราเรียกว่า ผู้มีธรรมอันลามก
    ที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันลามก ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีธรรมอันงามเป็นไฉน บุคคลบางคน
    ในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นชอบ ฯลฯ มีความรู้ชอบ มีความพ้นชอบ บุคคล
    นี้เราเรียกว่าผู้มีธรรมอันงาม ฯ


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้มีธรรมอันงามที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันงาม
    เป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ ตนเองเป็นผู้มีความเห็นชอบ และชักชวน
    ผู้อื่นในความเห็นชอบอีกด้วย ฯลฯ ตนเองเป็นผู้มีความรู้ชอบ และชักชวนผู้อื่น
    ในความรู้ชอบอีกด้วย ตนเองเป็นผู้มีความพ้นชอบ และชักชวนผู้อื่นในความ
    พ้นชอบอีกด้วย บุคคลนี้เราเรียกว่าบุคคลผู้มีธรรมอันงามที่ยิ่งกว่าบุคคลผู้มีธรรม
    อันงาม ฯ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2011
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ผมรู้แล้วว่าคำว่า ไม่เป็นสัปรส นี่ มาจากใหน? ไม่เป็นสัปบุรุษนี่เอง.
     
  3. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ..............(smile)..............
    :dฮาได้เรื่อยๆแฮะพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...