แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,785
    แนะนำพระดีคืนนี้ (ให้เข้ากับชื่อกระทู้)


    พระกริ่งไพรีพินาศ รุ่นธนาคารทหารไทยจัดสร้าง พ.ศ.2530

    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> แนะนำเลยครับ รุ่นนี้ เป็นรอง รุ่นแรก ปี95 และรุ่น ผ้าป่า ปี28 เท่านั้นครับ ของดีราคายังไม่แพงครับ

    พระกริ่งไพรีพินาศ รุ่นครบรอบ 30 ปี ธนาคารทหารไทยจัดสร้าง พ.ศ.2530

    พระกริ่งไพรีพินาศรุ่นนี้ ถอดแบบจากพระกริ่งไพรีพินาศของวัดบวรนิเวศวิหาร มีชนวนเก่าของปี 2495 และชนวนเก่าที่สำคัญอีกมากมาย เป็นเนื้อทองเหลืองทองผสม ตอกโค้ดตราธนาคารทหารไทยใต้ฐาน จัดสร้างโดยธนาคารทหารไทย ถือว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมรองจากรุ่นแรก ปี 2495 และรุ่นผ้าป่า ปี 2528 เพราะมีชนวนในรุ่นแรกๆ ผสมอยู่นั่นเอง


    ท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงประกอบพิธีเททองหล่อและพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครั้งนั้น

    ผู้ที่เปิดบัญชีกับธนาคารทหารไทยตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป จึงจะได้รับพระกริ่งไพรีพินาศสมนาคุณ 1 องค์ เริ่มออกให้บูชา วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2530

    ข้อมูลจัดสร้างครับ เกจิปลุกเสกล้วนแล้วแต่สุดยอดครับ

    <fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend> [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </fieldset>
     
  2. บังรอน

    บังรอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,368
    ค่าพลัง:
    +1,788
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=dPSegB2qF7U&feature=related]‪ประโยคคลาสสิค ขุนรองปลัดชู‬&rlm; - YouTube[/ame]
     
  3. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>มีด..สร้างปาฏิหารย์




    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" vAlign=bottom align=right height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมคนหนึ่งที่ศรัทธา..หลวงพ่อ ตั้งแต่ไม่รู้จักท่าน...ผมเห็นพระสมเด็จแหวกม่าน ที่เพื่่อนผมคล้องอยู่ ผมก็ชอบและถามว่าพระอะไร..
    เขาก็ตอบ..สมเด็จแหวกม่านหลวงพ่อกวย พิมพ์อกใหญ่...ถามเขาว่า ขายใหม..เขาขายให้ผม แบบเต็มที่ พระดีดี 3 องค์ ที่เขา
    ต้องการจากผม พร้อมเงินสดอีก 3 พันบาท....เหนื่่อย..เลยครับ.. แต่ผมอยากได้ จึงยอม..ให้ไป..และได้พระสมเด็จแหวกม่านมา
    คล้องสมใจอยาก.....แต่พอผมมาเช็คที่นี่ เขาบอกว่า..ไม่ดี...เหนื่่อยอีกครับ....

    วันหนึ่ง...ผมได้มีดหลวงพ่อ จากหลานมา..หลานผมจะเอามีดไปปล่อย..แต่ไม่มีใครเอา..เขาบอกว่าไม่รู้จัก ไม่รู้เป็นมีดของใคร...
    ผมดูแล้วน่าจะเป็นของหลวงพ่อ เพราะ มียันต์พัดที่ตอกในใบมีด...จึงเช่าจากหลานมา....ผมพกมีดนี้ติดตัวประจำ. โค๊ด:

    วันหนึ่ง ผมไปทำงาน มีลูกน้องคนหนึ่ง..มาพูดให้ฟังว่า..ลูกเขาอายุประมาณ 7 ขวบมีอาการไม่สบาย..อยู่..ก็๋ตาเขียวใส่ คนโน้น..
    คนนี้..คนกลัวกันทั้่งบ้าน.. บางวันก็นอนทั้งวัน กินบ้างไม่กินบ้าง พูดบ้าง ไม่พูดบ้าง..เป็นมานาน หลายปี เขาคิดว่าเป็นพระ อารมณ์
    ของเด็ก หรือจิตเด็กไม่สมประกอบ..ไปรักษาที่โรงพยาบาลต่าง ๆ มากมาย คล้องพระให็ก็ตัดออกหมด..สายสิญย์ก็ไม่ใส่ น้ำมนต์ก็ไม่กิน
    รู้ทันหมด..พาไปวัดต่าง ๆ ก็ไม่ไป.. บางทีก็ไปแต่พอพระทำพิธีก็ไม่กลัว...อยู่มาอย่างนี้ 6ปีได้ พ่อแม่เด็กกลุ้มใจมาก..ผมได้ฟังแล้ว
    รู้สึกสงสารพ่อแม่เขา.. [​IMG].

    ผมจึงขออาราธนานิมนต์ มีด..หลวงพ่อ..บอกกล่าวให้หลวงพ่อช่วย...ลูกหลานทีเถิด.. แล้วผมก็เอามีด ห่อกระดาษพันไว้ พร้อมกับ
    ให้เขาเอาไปที่บ้าน..ที่มีเด็กคนนั้นอยู่ โดยไม่ให้ถอดฝักมีดออก...

    อีก 2 วัน ลูกน้องผมเอามีดมาคืน และได้มาเล่าให้ฟังว่า...แปลกมากเลย..อาการต่างๆ ที่เกิดขี้นกับเด็กก่อนหน้านี้ ..หายไปหมด
    และยอมคล้องพระโดยดี..ซึ่งก่อนนั้น ไม่ยอมคล้องพระแต่วันนี้ เอาพระคล้องคอและไม่ยอมถอดอีก..นั่น. แสดงว่า..หลวงพ่อได้ช่วย
    เด็กคนนั้นแล้ว..สิ่งลี้ลับผู้ที่เข้าเด็กคนนั้น ออกไปแล้ว ..พ่อแม่เขาดีใจมาก...เพราะตั้ง 6 ปีแล้วที่ลูกเขาไม่ยอมคล้องพระ..และมี
    พฤติกรรมแปลก.ๆ .

    วันนี้พฤติกรรมนั้นไม่มี...กินข้าว..นอน..เป็๋นปกติ.........ขอกราบหลวงพ่อ...ด้วยความจริงใจ..หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จริง................
    ช่วยลูกหลานจริง.............มีบารมีจริง............ผมขอยืนยันเรื่องนี้ เรื่องจริง เกิดเมื่อ มิ.ย54 ที่ผ่านมาก สดๆ ร้อนเลยครับ..........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2011
  4. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle></TD><TD vAlign=middle>เมื่อเทคโนโลยีมันรวนแก้ไขไม่ได้ก็อธิษฐานให้หลวงปู่ช่วย...ศรัทธานำมาสู่ปาฏิหาริย์
    « เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 10:42:49 am »

    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">ผมไปตัดต่อรายการโทรทัศน์ให้พี่คนนึง หลังจากตัดเสร็จต้องอัดลงเทปเบต้าเพื่อส่งสถานีโทรทัศน์
    ครั้งแรกลงเทปแถวนวนครต่อสายจากโน๊ตบุ้คที่ผมใช้ตัดต่อ ผ่านกล้อง Sony170 ลงไปที่เครื่อง
    Record เบต้า ไม่มีปัญหาใดๆ เอาเทปไปส่งที่สถานีเสร็จ ช่วงห้าโมงเย็นพี่คนที่จ้างผม แกโทรมา
    บอกว่า เทปมีปัญหา ภาพเขียวทั้งม้วน ผมนึกในใจ ซวยแล้ว แกเลยบอกว่าให้เอาโน๊ตบุ้คไปลงเทป
    เบต้าอีกบริษัทนึงแถววงเวียนใหญ่ ไกลมาก

    ผมไปวงเวียนใหญ่ คราวนี้ set ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ปัญหาเกิดขึ้นคือ ภาพไม่เข้าไปยังกล้อง Sony 170
    เปลี่ยนกล้องไป3ตัวภาพก็ไม่เข้า ทำตั้งแต่1ทุ่ม จนสามทุ่มยังไม่ได้ ทั้งรีสตาร์ทเครื่องคอม ตั้งค่าโปรแกรม
    ตัดต่อใหม่ ถอดสาย Firewire แล้วเสียบใหม่ เปลี่ยนสาย Firewire เส้นใหม่ ก็ไม่ได้ ทำทุกอย่างที่คิดว่าจะ
    ใช่ก็ไม่ได้

    3 ทุ่มกว่าๆ เหนื่อยก็เหนื่อย จนพูดกันเล่นๆว่าเจ้าที่ออฟฟิศนี้แรงจริงๆ รายการออกวันจันทร์ ต้องส่งเทปวันนี้
    (วันเสาร์) วันอาทิตย์เจ้าหน้าที่สถานีห้องตรวจเทปหยุด

    ผมไม่รู้จะทำยังไง ระลึกถึงหลวงพ่อหลวงปู่ที่นับถือ แล้วสวดนะโม แล้วตามด้วยบทสวดระลึกถึงหลวงปู่กวย
    นั่นแหละครับ พอสวดมนต์เสร็จผมถอดสาย firewire ออก แล้วเสียบใหม่ ได้เฉยเลย จนพี่ที่จ้างผมกับช่าง
    เทคนิคงงกันมาก ทั้งที่ๆ ก่อนหน้านั้นก็ทำทุกอย่างแล้ว ดีใจกันมากๆ เพราะมันเริ่มจะอึดอัดแล้ว สรุปวันนั้น
    ส่งเทปตอนห้าทุ่ม ฝนตกทั้งวันอีก เป็นการทำงานที่ปวดเศียรเวียนเกล้ามากๆ

    พอวันต่อมา (วันอาทิตย์) ต้องลงเทปอีกรายการนึง คราวนี้ไปถึงออฟฟิศแถววงเวียนใหญ่ Set ทุกอย่างเหมือนเดิม
    เหมือนจะมีปัญหาเหมือนเดิมคือ สัญญาณเข้าแต่ภาพไม่เข้ากล้อง แต่คราวนี้ไหวตัวทัน ผมรีบสวดมนต์ระลึกถึง
    หลวงปู่ก่อนเลย สวดเสร็จภาพมาทันที เรื่องนี้มีพยานยืนยันได้เป็นอย่างดีครับ

    ยาวหน่อยนะครับ แต่เรื่องนี้คือเรื่องจริง ถ้าจะว่าคอมผมมีปัญหาก็ไม่น่าใช่ เพราะตอนแรกที่ลงเทปแถวนวนครยังลงได้ปกติ
    ถ้าจะบอกว่ากล้องมีปัญหา เราก็เปลี่นไปตั้งสามตัว ถ้าจะบอกว่าสายFirewireมีปัญหา ก็เปลี่ยนเส้นใหม่แล้ว
    ยิ่งเรื่องการตั้งค่า ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะพี่สองนั้นทำงานด้านนี้มานานมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2011
  5. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
  6. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    ‪ภาพคณาจารย์ในพิธีพระเจ้าตากสินจันทบุรี‬‏ - YouTube

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=vKX3qrYb9D4&feature=player_embedded"]‪??????????????????????????????????????‬&rlm; - YouTube[/ame]​

    ภาพพิธีพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก พระเครื่องพระไพรีพินาศ พระพุทธลีลา รูปเหมือนสมเด็จพระเจ้าตากสิน และ วัตถุมงคล งานนี้ผมได้ติดต่อกับผู้ใหญ่ไว้แล้วว่าจะมีวัตถุมงคลของพรรคพวกเข้าส่วนพิธีด้วย พระเครื่องของพี่หนุ่มเมืองแกลงและของผมได้เข้าพิธีนี้ด้วย ใช่ว่าจะเข้าได้ทุกคนนะครับ บางคนโยงสายสินไปยังรถส่วนตัวที่เก็บวัตถุมงคลไว้ในรถ เพราะเขาไม่ให้เข้าแล้ว พิธีนี้เข้มขลังมาก ๆ ต้องแต่พรามณ์บวงสรวงตั้งแต่9.09 น.และพิธีเสกตั้งแต่เที่ยงจนถึง 18.09 น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2011
  7. วุธ จันทบุรี

    วุธ จันทบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    887
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +982
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=cXHE4dwR8lM&feature=related"]‪พิธีบวงสรวง ณ ค่ายตากสิน จันทบุรี‬‏ - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Um5lMdUlJlA&feature=related"]‪????????????????????????????????????????‬&rlm; - YouTube[/ame]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2011
  8. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle></TD><TD vAlign=middle>อภินิหารรูปถ่ายหลวงพ่อ กวย ชุตินธโร ตอนที่ 5
    « เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 01:26:44 pm »


    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ..."หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร"พระอริสงฆ์แห่งแดนคนจริง....
    ...เรานี้ ขึ้นชื่อว่าเรายังเป็น"คน"อยู่ ก็ย่อมต้องมี สุข ทุกข์ ปะปนกันไป ตราบใดที่เรายังวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารนี้
    ข้าพเจ้าก็ เช่นเดียวกัน ไม่ต่างกัน เรานี้มีพ่อคือ"หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร"เป็นที่พึ่งเดียวกัน ถึงจะตกก็จะไม่ตกจนแตกสลาย ใจมีที่ยึดมั่น
    ขอบารมี ของ"หลวงพ่อ กวยชุตินธโร" โปรดจงปกปักรักษา พวกเราพี่ๆน้องๆทุกๆคนจงมีแต่ความสุขสวัสดี เทอญ"นะ สิ วัง พรหมา มะ อะ อุ" ...ชั่วนิจนิรันดร์....

    ..."เจ้าพ่อเสือแยกเขี้ยว"...

    ...ครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นเป็นช่วงปลายพรรษา ช่วงเข้าพรรษานี้ ทางวัดของข้าพเจ้าก้มักจะได้รับไปงานกิจนิมนต์บ่อยขึ้น มีทั้งงานบุญ งานบ้าน งานอะไรต่อมิอะไร ฯลฯ
    พรรณาไม่ถูก เพราะอำเภอบ่อพลอยนั้น ก็เป็นอำเภอใหญ่อำเภอหนึ่ง แต่พระที่เป็นนิกายธรรมยุตนั้น มีอยู่เพียงวัดเดียวเท่านั้น ก็เลยได้ไปสัญจรกัน(ภาษาพระเขาเรียกเปิดหูเปิดตา)
    บางทีก็ได้เข้าไปในบ้านที่ไม่เคยและไม่มีโอกาสจะได้เข้า อย่างเช่น บ้านของพวก ส.ส. ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประมาณนั้น และหนึ่งในงานกิจนิมนต์ ที่ข้าพเจ้ารู้สึกสนใจสักหน่อย
    ก็เห็นจะเป็นงาน ของพวกองค์ๆเทพๆ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า"งานเจ้า" ประมาณนั้น ...

    ...ก็พอดีมันมีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้ากับพวกพระใหม่นั้น ไปหัดทำขาบาตร(ที่ลองบาตรพระ)ที่ทำด้วยไม้มะขามกลึงเป็นเส้นๆ แล้วถักสานกันให้เป็นรูปบานๆ สองฝั่ง(ไปดูกันที่วัดเองนะ)
    ข้าพเจ้าก็ไปฝึกหัดเรียนรู้ด้วยเหมือนกัน มีวิชาไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ข้าพเจ้าก็ไปหัดทำอยู่หลายวันมันก็ยากเหมือนกัน แต่ก็พอทำได้ไม่ถึงกับทำยากจนเกินไป ก็เป็นอันสรุปว่าหัด
    ทำกันอยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ ก็พอทำได้แต่ไม่ถึงกับสวยมาก

    ที่นี้ มันมีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งแต่ผู้เดียวอยู่ที่หน้ากุฏิของท่านเจ้าอาวาส(มือก็ทำไปด้วย) ก็ปรากฏว่ามีผู้ชายสุงอายุคนหนึ่ง มาที่กุฏิพระเดินดิ่งเข้ามาเลย อ้าว!!!
    ข้าพเจ้าก็นึกในใจ เอ๊ะ!!!อีตาคนนี้ทำใมไว้หนวดไว้เครายาวยังกับนักพรตหนังจีนกำลังภายใน โอ่!!! ใครหว่า!!!ข้าพเจ้าก็คิดว่าเดี๋ยวแกเห็นเราก็คงจะยกมือไหว้ทักทายเราดีๆละมั้ง
    เพราะเราเป็นพระนี่!!!ที่เรื่องจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นซิ แกเดินผ่านข้าพเจ้าไปเฉยเลย แบบชนิดที่ว่า ไม่เห็นเราอยู่ในสายตาแกเลย ข้าพเจ้าก็คิดไปว่า อีตาคนนี้ไม่รู้จักพระรู้จักเจ้า มารยาท
    ไม่ดีเอาเสียเลย !!!เดียวเถอะ!!!รู้จักลุกศิษย์"หลวงพ่อ กวย ชุนตินธโร"แห่ง วัดบ้านแค น้อยไปซะแล้ว!!!

    อีกอย่างนิสัยของข้าพเจ้าก็เป็นอย่างนี้ซะด้วยใครมาดี ก็จะดีไป ใครมาแรงก็เจอกันหน่อย!!!ขณะที่อีตานักพรตหนังจีนคนนั้นกำลังจะเดินเข้าไปในกุฏิของท่านเจ้าอาวาสเท่านั้นล่ะ!!!
    ปากของข้าพเจ้าก็เกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้นอยู่นิสัยของข้าพเจ้าที่ไม่มีนะที่จะเป็นเบบนี้" ทันใดนั้นที่ข้าพเจ้ากำลังนึกในใจอยู่ว่า"รู้จัก ลูกศิษย์ หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร"น้อยไปเสียแล้ว ข้าพเจ้า
    ก็รู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองขึ้นมา ข้าพเจ้าเลยพูดเสียงดังตามหลังออกไปว่า !!!ไง!!!มองหน้าแค่นี้ต้องแยกเขี้ยวให้เลยหรือโยม!!!!

    ข้าพเจ้าก็ตกกะใจในคำพูของข้าพเจ้า เหมือนกันจึงรีบเอามือปิดปากเอาไว้ (เฮ้ย!!!นี่เราพูดอะไรออกไปว่ะเนี้ย) ก็เลยหันไปที่อีตานักพรตนวดยาวนั้น แกก็หันมามองหน้าของข้พเจ้า
    แล้วทำตาดุๆใส่ อยู่ประมาณนาทีกว่าๆ แล้วก็ยกมือไหว้ข้าพเจ้าเฉยเลย แถมยังมีสัมมาคารวะให้อีก แต่แกก็ไม่พูดอะไรมากนะ ข้าพเจ้าพอสังเกตุดู!!!ไง๋!!!แกไปไหว้อะไรอยู่บนหัวเราว่ะ
    !!!แถมตาก็มอง อะไรไม่รู้บนหัวข้าพเจ้า แล้วทำปากขมุบขมิบ เหมือนคุยอยู่กับใครอยู่ เอ่อ!!!ข้าพเจ้ายืนอยู่นี่ แกไม่มอง

    พอสักพักแกก็เหลือบตามามองข้าพเจ้า แล้วถามด้วยสำเนียงอันนอบน้อมว่า "ท่านเจ้าอาวาสอยู่ใหมครับ กระผมจะมานิมนต์ไปฉันเพลงานไหว้ครูของผมพรุ่งนี้สักหน่อย" ข้าพเจ้าก็
    บอกแกไปว่า "อยู่" เชิญโยมเข้าไปในกุฏิด้านในเถิด แกก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไป หายไปสักพักหนึ่ง แล้วแกก็เดินออกมา ก่อนกลับแกก็หันมาบอกกับข้าพเจ้าว่า "นิมนต์ท่านไปด้วยนะ"
    ข้าพเจ้าก็พยักหน้าให้แกแตก็ไม่ยิ้มไม่หันไปมองมาก พออีกวันไปงานแก โอ้โห้!!!คนเพียบเลย เจ้าองค์ทรงเทพ นับไม่ถูก แต่ข้าพเจ้าก็ไปฉัน โดยที่ไม่มีกิริยาสนใจเจ้าองค์ทรงเทพเลย
    (เจอมาเยอะแล้ว) ชาติเสือมันต้องไว้ลาย ลูกเสือก็ต้องมีลายเสือ กล่าวคือ ปฏิปทาของพ่อเป็นอย่างไร ลูกก็ควรดำริตาม

    แต่วันนั้น อีตานักพรตหนังจีนซิ แกเข้าทรงเลย เห็นแกสำแดงเดชใหญ่ ร้อง !!!โฮก!!!!ฮาก!!!!ๆๆๆ จ๊าก!!!!ลูกศิษย์แกเยอะนะ มารู้ตอนหลังว่า แกเป็นทรง "เจ้าพ่อเสือ" ข้าพเจ้างี้แปลกใจ
    มากๆ เอ้า!!! ก็วันนั้นไม่รู้นึกยังไงไม่รู้ ดันพูดออกไปว่า "มองหน้าแค่นี้ต้องแยกเขี้ยวให้" (ไม่ได้เตี้ยมกันด้วย ข้าพเจ้าไม่รู้จริงๆ) แล้วข้าพเจ้าก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ตอนอีตานักพรตหนังจีนนี้
    จะเข้าไปหาท่านเจ้าอาวาสนั้น เขาไม่ยอมทักเราเลย ก็เลยระลึกถึงหลวงพ่อว่า รู้จัก "ลูกศิษย์ หลวงพ่อ กวย ชุตินธดรน้อยไป" ข้าพเจ้าคิดว่านี่คงจะเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อแน่ๆ ที่
    ต้องการจะให้ "เจ้าพ่อเสือ" ที่ทรนงตนว่าเป็นเทพผู้มีฤทธิ์อะไรประมาณนั้น ให้รู้จักพระสงฆ์องค์เจ้าบ้าง และที่สำคัญที่ไม่ไหว้พระนี่ เท่ากับเป้นการดูถูกกันว่า พระองค์นี้ไม่มีดีอะไรให้สม
    ควรไหว้(ข้าพเจ้าพิจรณาดู) ไม่มีครูบาร์อารย์ "หลวงพ่อของพวกเรา" ท่านก็เลยสำแดงอภินิหารให้ได้ประจักษ์ โดยที่มาดลจิตดลใจให้ข้าพเจ้า อุทานออกไปอย่างนั้น เพราะปกติ นิสัย
    ของข้าพเจ้านั้น จะไม่ใชคนพูดอย่างนี้ "หลวงพ่อ" ท่านอาจจะเกรงว่า ลูกของท่านจะโดนดูถูกก็เลย เมตตาสงเคราะห์ให้ด้วยประการฉะนี้ ข้าพเจ้าก็เลยยกมือสาธุขึ้นในใจว่า สาธุๆๆๆๆ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2011
  9. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ..."บอกเจ้าให้รู้กาละเทสะกันบ้าง"...

    ...หลวงพ่อไม่เคยทิ้งลูกของท่านเลย ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจเหลือเกิน ก็เรื่องทำท่าจะจบแล้วนะ แต่ขณะที่พระสงฆ์กำลังฉันเพลกันอยู่นั้น พวกเจ้าองค์ทรงเทพก็ได้สำแดงอิทธิ์ฤทธิ์
    กันใหญ่เลย พอข้าพเจ้าฉันเสร็จ ข้าพเจ้าก็นั่งรอพระผู้ใหญ่อยู่ ที่นี้สายตามันก็ดันหันไปเห็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งามขึ้นมานะซิ ก็พวกคุณเจ้าๆทั้งหลาย แกนึกยังไงกันไม่ทราบไปเอาเก้าอี้
    มานั่งไกล้ๆพระเลย ตอนองค์ยังไม่ลงก็ยังนั่งกับพื้นกันอยู่ดีๆ(คือเตี้ยกว่าพระ) พอองค์มาเท่าล่ะ!!!ชิชะ!!!จะมานั่งสูงกว่าพระแถมยังมานั่งค้ำหัวพระซะด้วย 10 กว่าองค์(สำนักใหนบ้างก็ไม่รู้)

    ข้าพเจ้าเห็นว่ามันไม่เป็นการสมควร ท่านเจ้าอาวาสก็คงจะเกรงใจท่านเจ้าภาพ(ท่านเป็นพระนักพัฒนา) ท่านก็ไม่ได้พูดว่าอะไร พวกโยมๆนะหรือ สงสัยกลัวเจ้าจะจับหักคอหรือไงไม่รู้ เงียบ เฉยๆกัน
    ข้าพเจ้าก็นั่งมองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ปรารภในใจให้ถึงการไม่บังควรของพวกเจ้าๆองค์ๆ ให้ "หลวงพ่อ" ฟัง และทันใดนั้นเองอยู่ๆ ข้าพเจ้าก็ขนลุกไปทั้งตัว และมีความ "ฮึกเฮม" ใจอย่างบอกไม่ถูก ใจตอนนั้น
    ประมาณว่าให้เดินผ่านกองไฟยังได้เลย (อารมณ์นั้น) ระลึกถึง "หลวงพ่อ" ตลอด กับภาวนาเป็น ชื่อและฉายา ของ"หลวงพ่อ"ลงท้ายด้วย คาถา ตวาทหิมภาณ และทันใดนั้นเอง พี่ๆน้องๆเชื่อใหม
    อยู่ๆข้าพเจ้าก็ชี้นิ้วไปยังพวก เจ้าองค์ทรงเทพ พวกนั้น แล้วพูดออกไปเสียงดังๆว่า(ตรงนี้มีสตินะ) !!!ไง!!!ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกันหรือ เป็นเจ้าดีๆไม่ชอบ เดี๋ยวเถอะๆ พระสงฆ์องค์เจ้าท่านนั่งอยู่ตรงนี้
    มานั่งค้ำหัวท่านได้ยังไง เล่นเอาทั้งเจ้าพิธี ท่านเจ้าอาวาสตะลึงพักเดียวบรรดาคุณ เจ้าองค์ทรงเทพ ลงกันไปนั่งสงบเสงี่ยม ยกมืออภิวาทกันอยูที่พื้นเกลี้ยงเลย ท่านเจ้าอาวาสท่านก็ยิ้มไม่ว่าอะไร
    ข้าพเจ้าไม่เคยคิดเกรงกลัวเลย เพราะว่าผิดก็คือผิด เพราะข้าพเจ้าคิดอยู่เสมอว่า หลวงพ่อของพวกเรานี้ท่านย่อมไม่ปล่อยให้อะไรก็แล้วแต่ ที่ทำไม่ดีมารังแกทำร้ายลูกของท่านได้แน่นอน ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้จริงๆ ...

    ..."ก็ส่วนใหญ่นั้นไม่จริง"

    ...ณ เวลานั้นก็ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเก่งหรือทรนงตน เพราะรู้ดีอยู่เสมอ ว่าเพราะบารมีของ"หลวงพ่อ"ไม่ใช่เพราะตัวเรา ตัวเรานั้นไม่มีดี แต่ไม่ชอบเห็นชาวบ้านเขา หลงกลัวอะไรกันไม่ถูกกาละเทสะกัน
    ก็เลยพูดออกไปอย่างนั้น แต่เจ้าดันเกรงใจเรา ก็งงๆ เหมือนกัน อันที่จริงถ้าจะพูดกันแบบตรงไปตรงมา ก็ไอ้ที่เราพิจารณาดูส่วนใหญ่ที่มากันก็พวกผีทั้งนั้น พวกแอบอ้างมากินเครื่งเซ่นสังเวย แต่ขี้เกียจขัดคอ
    มันเจ้าจริงมีน้อย เทวดาเขาไม่มากันบ่อยๆหรอก เขามีศีลมีธรรมไอ้นี่ ไม่รู้จักกาละเทสะ ข้าพเจ้าไม่ขอวิพากวิจารณ์ เป็นอันว่า วันนั้นพอกลับวัดไป ตอนเย็นๆโยมพี่สาวเขามาหาที่วัด มาเล่าให้ฟังว่าได้ไปเจอ
    อีตาลุงนักพรตนั้นมาที่ในหมู่บ้าน พอเห็นโยมพี่สาวของข้าพเจ้า แกก็รีบเดินเข้ามาถามเลยว่าข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของพระเกจิองค์ใด เพราะแกนิมิตเห็นก็ด้วยว่าวันที่จะไปนิมนต์พระ อยู่ๆแกก็วูบไปแถวๆหน้า
    กุฏิท่านเจ้าอาวาส แบบสลึมสลือประมาณนั้น สายตาแกก็รู้สึกไปว่าได้พูดคุยกับพระองค์หนึ่ง สงสัยจะเป็นพระที่เป็นครูบาร์อาจารย์ของพระน้องชายหนู แกบอกว่าแกใคร่ที่อยากจะรู้ โยมพี่สาวของข้าพเจ้าก็
    บอกกับแกไปว่า พระน้องชายหนู ท่านนับถือ "หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร" แห่งวัดบ้านแคมาก เรื่อง คาถาอาคมนั้นหนูไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าใดนัก(โยมพี่สาวของข้าพเจ้าเน้นปฏิบัติแบบสายหลวงปู่มั่น) ถ้าสงสัย
    อย่างไรก็ให้ไปถามท่านเองเถิด เท่านั้นล่ะ อีตานักพรตหนังจีนนั้น ก็ได้อุทานออกมาว่า "หลวงพ่อ กวย"องค์นี้เก่งเหลือเกิน ...

    ..."ประดิษฐานอยู่กลางดวงใจ"...

    ...เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังเรื่องที่โยมพี่สาวของข้าพเจ้านั้นได้เล่ามา ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีอาการเหลิงตัวเองเลยสักครั้ง ข้าพเจ้าน้ำตาคลอเบ้า ที่ได้มีบารมีของ "หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร" นั้นเป็นที่พึ่ง หลวงพ่อที่ไม่เคย
    ทอดทิ้งลูกคนนี้เลย "ผิดเป็นผิดถูกเป็นถูก" และรู้อยู่เสมอว่าข้าพเจ้าไม่ได้มีดีอะไร แต่หากเป็นเพราะคุณงามความดีที่ข้าพเจ้านั้นตั้วใจทำถวายแด่ท่านต่างหาก "หลวงพ่อ" ท่านจึงรับรู้เละเห็นถึงความตั้งใจจริง
    ของข้าพเจ้า ดังนั้น ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่ ณ ที่แห่งหนตำบลใดก็ตาม "หลวงพ่อ"ก็จะมาประดิษฐานอยู่กลางดวงใจของข้าพเจ้า และพี่ๆน้องลูกของท่านทุกๆคนตลอดกาล ข้าพเจ้านั้น จะขอทำแต่ความดีถวายแด่ท่าน
    "หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร"ตลอดไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ...................................สาธุ.....สาธุ.....สาธุ.......ทุกลมหายใจ....

    ....เนื่องด้วยข้าพเจ้าได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่แล้ว ในการพิมพ์เรื่องราวและเล่าประสบการณ์ของข้าพเจ้าเพื่อที่จะให้พี่ๆน้องๆได้อ่านฟังกัน แต่ด้วยความที่ว่า ไม่มีความรู้เรื่องคอมฯมาก่อนก็เลยพิมพ์ได้ช้า
    และไม่ตรงตามเป้าหมายที่ได้เคยกล่าวไว้(แต่ข้าพเจ้านั้นได้เรียบเรียงเป็นตัวอักษรไว้แล้วตามที่กล่าว) ข้าพเจ้าจึงกราบขออภัย มาที่ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ แต่ก็จะพยามพิมพ์ลงตามมาให้อ่านฟังกันเรื่อยๆ ข้าพเจ้า
    ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน แล้วข้าพเจ้าจะนำประสบการณ์มามาถ่ายทอดให้พี่ๆน้องๆได้อ่านฟังกันใหม่ตอนต่อไปซึ่งจะใช้ชื่อว่า"อภินิหารรูปถ่าย หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร ตอน 6...

    ....ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง....
    ...."คนเมืองกาญฯ”(บ่อพลอย)...
    ...กราบสวัสดี....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2011
  10. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    สวัสดีครับ ห่างหายจากหน้าจอไปหลายวัน เพราะเดินทางเข้าไปอยู่ในป่า ได้พานพบเรื่องราวแปลก ก็นำภาพมาให้ชมกันนะครับผมได้เข้าไปทำโครงการเกี่ยวกับภัยพิบัติและการปลูกป่าในเขตพื้นที่ของตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นเขตที่เคยโดนดินโคลนถล่มมาแล้ว ไปก็ไปอาศัยวัดนอน และใช้สถานที่ของวัด วันแรกทำไปก็ได้ใช้ศาลาวัดทำโครงการไป พอวันสองนั่นละ ต้องย้ายข้าวของกันด่วนเลย เพราะว่ามีศพมา เลยต้องย้ายกัีนไปชั้นสองของศาลา ก่อนที่ย้ายพี่ที่ไปด้วยแกนอนอยู่ในศาลา ผมกางเตนท์นอน พี่แกว่ามีลมพัดมาวูบใหญ่ และหมาเห่ากันทั้งวัด ทั้งคืนอย่างไม่มีสาเหตุ แกมาถามผมว่ารู้เรื่องไหม ผมบอกหลับสบายดี และก็ไปเห็นพิธีเบิกโลกของทางนั้นเค้า ผมเลยถ่ายภาพมาฝากกันชม ตอนแรกพอเห็นก็ถามเค้าว่าทำอะไรลุง แฉล้วนะกันอะไร แกว่ากันผี ผมก็ว่าก็คนที่เอาไปใส่ในโลงก็ผี แล้วไปกันมันทำไม และแกทำพิธีอะไร แกว่าทำพิธีเบิกโลง ถ้าไม่ทำมันก็จะเป็นแค่หีบศพ ถ้าทำแล้วจะเป็นโลงผี แกเอาแฉล้วมาวาง และโยงสายสินธิ์ จากนั้น ก็เอามีดฟันโลงและว่าคาถาไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    จากนั้นช่วงเย็นๆของการทำโครงการเป็นช่วงว่างๆเลยเอาต้นกาสะลองไปปลูกในบริเวณพระธาตุ ซึ่งอยู่บนยอดเขา เอาไปปลูกกันเก้าต้นกับพี่ประพฤติ เพื่อเป็นพุทธบูชา พระธาตุและหลายอย่างอยู่ในระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ บนยอดเขามีความสวยงาม แต่เดินขึ้นนี่เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน วัดที่ไปชื่อวัดศรีจำปา บ้านดงย่าปา หมู่ที่ ๖ ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. Na_mo_

    Na_mo_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +4,750
    บรรยากาศสวบงามเลยครับ พี่เช ต้นไม้คลื้มเลย น่าไปเที่ยวจริงๆ
     
  13. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle>อภินิหารรูปถ่ายหลวงพ่อ กวย ชุตินธโร ตอนที่ 6


    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">..."หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร"พระอริยสงฆ์แห่งแดนคนจริง....
    ...(โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านในตอนนี้ เนื่องด้วยเป็นปัจัตตัง ข้อความส่วนบุคคล ด้วยความเคารพ)...

    ...เดิมทีข้าพเจ้านั้น มีชื่อว่า นาย อนันตชัย รัตนสมโภช ชาตะ เมื่อ วัน พุธ ที่ 23 กันยายน ปี พุทธศักราช 2496 ปีมะเส็ง
    ที่บ้านหัวเด่น อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มรณะ เมื่อวัน พฤหัสบดี ที่29 สิงหาคม พุทธศักราช 2506 ปีเถาะ ข้าพเจ้ามีพี่น้องด้วยกัน
    ทั้งหมด 10 คน ข้าพเจ้าเป็นคนที่ 7 ด้วยความที่ ข้าพเจ้าในชาตินั้น ด้วยความเป็นผู้ที่ชอบเล่นวิชาคุณไสยเวทมนต์กระทำวิชา
    ฝ่ายดำ ข้าพเจ้าจึงมักกระทำเสน่ห์เล่กล ใส่หญิงสาวที่ข้าพเจ้าหมายปอง ด้วยอำนาจกฏแห่งกรรมนี้จึงส่งผลมายังชาติปัจจุบัน
    จึงมิเคยสมหวังในความรักไร้คู่เดียวดาย บาปกรรมยิ่งหนัก แต่ด้วยความที่ว่า"จิต"ก่อนตายนั้นได้โลกีย์วิสัยฌาณ จึงได้นอบน้อม
    ระลึกถึงคุณแห่งพระศรีรัตนตรัย และกล่าวสัจจะวาจา ว่าด้วยศีล 5 อันบริสุทธิ์ แม้เพียงขณะคู่หนึ่ง ดวงจิตนั้นจึงได้ไปหยั่งสถิตเดิม
    ล่องลอยเควงขว้าง จนได้มาพบเจอหลวงพ่อกระทำความเพียรวิปัสนานิโรธญาณ จึงขอบารมีท่าน อนุโมทนาบุญ ท่านกล่าวว่า
    พระรัตนตรัยนั้นเป็นมงคลอันสูงสุด พร้อมด้วยพรหมวิหารทั้ง 4 ประการ ...สิ่งที่ท่านกระทำคือกิริยาแห่งขันธ์ ที่ได้มาสงเคราะห์
    ต่อโลก ดวงจิตหาได้อยู่ในโลกใบนี้ไม่ ...กุศกรรมแลอกุศลกรรมเป็นด้วยเสมอกัน ไปเทวโลกก็หามิได้ ดิ่งลงสู่ อบายก็หามิได้
    จึงต้องกลับมาสร้างบารมี ก่อน ชดใช้บุพกรรม 36 ปีกับอีก3 เดือน เมื่อพ้นแล้วจึงได้รับอนิสงห์แห่ง โลกีย์ฌาณ...สุดแล้วแต่
    ปัจจุบันจักนำไป....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011
  14. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ..."เทวดามานมัสการหลวงพ่อ" ...

    ...เรื่องนี้ก็มีอยู่ว่า ตอนที่ข้าพเจ้าบวชเรียนอยู่ ตอนนั้นก็เห็นจะเป็นช่วงออกพรรษา เพื่อที่จะรอรับกฐินกัน ตอนนั้นข้าพเจ้านี้
    ก็เริ่มจะเป็นพระแท้กับเขาบ้างแล้ว(ควบคุมสติสตางค์ได้บ้างแล้ว) อาจจะเป็นเพราะอานิสงค์ในการที่ข้าพเจ้านั้น ได้หมั่นเจริญ
    วิปัสนากรรมฐานหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่าหัวใจมันนิ่งๆ อย่างบอกไม่ถูก ลมพัดมาก็เย็นสบายใจมาก อุปมา
    เหมือนดังคนที่นั่งอยู่กลางใต้ต้นไม้กลางคันนา มีลมพัดมาเย็นสบายๆ สายลมพัดมาแผ่วๆไม่มีภูเขาไม่มีอะไรบังตา ไม่ยึดติด
    ไม่รีบร้อนอะไรประมาณนั้น

    ตอนนั้นข้าพเจ้าใช้ชีวิตภายใต้ผ้ากาสวาพัสรู้สึกสงบใจดี ที่นีมันมีอยู่วันหนึ่ง เรื่องมันก็เกิดจนได้ กล่าวคือว่าก็มีประเด็นของชีวิต
    เกิดจนได้ นั่นก็คือ วันนั้นเป็นวันพระแล้วคุณ โยมๆ เขามาทำบุญกันที่วัดกัน คือตามปรกติ ที่วัดที่ข้าพเจ้าบวชอยู่นั้น ถ้าเป็นวันพระ
    แล้วจะไม่ต้องไปบิณฑบาตร เพราะคุณโยมๆเขาจะมาทำบุญกันที่วัดกันทีเดียวเลย แต่ก่อนเข้าพรรษาทางวัดเขาจะ(พวกกรรมการวัดนะ)
    ไปบอกบุญชาวบ้าน ว่าใครจะมาจองวันทำข้าวต้มถวายพระตอนเช้าให้พระก็มาจองกันแล้วแต่ศรัทธา เพราะถ้าวันใหน เป็นวันทำบุญที่วัดแล้ว
    กว่าพระจะได้ฉันข้าวกันจริงๆก็ปาเข้าไปเกือบ 9 โมงครึ่งเห็นจะได้ ก็เลยเป็นที่มาของประเพณี(หรือที่อื่นๆเขาก็ทำกันนะข้าพเจ้าไม่แน่ใจ)

    การให้คุณโยมๆเขามาจองวัน เพื่อที่จะทำข้าวต้มมาถวายพระให้ได้ฉันรองท้องในตอนเช้าๆกันประมาณ 7 โมงที่ศาลาหลังเล็ก สงสัย
    กลัวพระจะเป็นลมก่อนสวดไม่ไหว ประมาณนั้น ซึ่งก็เป็นประเพณีหนึ่งของวัด ที่ ตำบลอำเภอบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอยมีพลอยเม็ดใหญ่
    (ที่สุระพล สมบัติเจริญ เขาร้องน่ะ)เป็นตำนานไปนานแล้วน่า แต่เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าคิดว่าจะเปลี่ยนเป็น ตำบลบ่อนิล อำเภอบ่อนิล เสียมากกว่านะ

    ตอนนี้ เอ่อ!!!เอาซิว่าไป มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า ทีนี้ถ้าเป็นวันพระแล้วพวกพระๆ ทั้งหลายท่านก็จะรีบตื่นกันขึ้นมาแต่เช้า เพื่อที่จะรีบมาดูแล
    จัดแจงศาลาทำบุญกันแต่มืดเลย เรียกว่ากวาดถูกันให้เอี่ยมอ่องชนิดที่เรียกว่าพอแมลงวันมาเกาะยังยืนไม่ได้เลย โอ้โห้ โดยเฉพาะ หลวงพี่
    ฮิตเลอร์" ด้วยนะ โอ้!!!บรรยายไม่ถูก (เคยเดินในตลาดนัดกันบ้างใหม มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ เงาะโรงเรียนครับๆ เรียกว่านัวเนีย)
    ทำกันไปเรื่อยพอสัก 7 โมงเช้า คุณโยมเขาก็จะมากัน เอาข้าวต้มมาถวายพระ เรียกว่าโด๊ปกันก่อน อีกอย่างชาวบ้าวเขาจะถือว่าวันนั้น
    ได้ทำบุญ 2 เด้งกันก็เลยมีความสุขด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ข้าพเจ้าก็คิดว่าดีเหมือนกัน...แล้ววันนั้น

    พอดีมันเป็นวันพิเศษกว่าเดิมอีกหน่อย ไอ้ที่ว่าพิเศษกว่าเดิมนั้นน่ะหมายความว่าอย่างไร ก็ได้ความมาว่าชาวบ้าน นั้นเรียกวันนี้กันว่า
    "วันรวย" ประมาณนั้น(ก็ไม่รู้ว่าวันรวยหรือวันซวยนะแล้วแต่คนจะเรียก) ชัดๆ เลยก็คือ วันหวยออก และมันดันตรงกับวันพระพอดี ข้าพเจ้า
    กำลังจะเดินผ่านเพื่อที่จะไปศาลาอยู่พอดี ก็ได้ยินเสียงคุณโยมๆ เขาพูดกันว่า"เมื่อคืนนี้เขาไปขอเลขเด็ดที่ป่าช้ามา เขาว่าแม่นมาก ที่ต้นโพธิ์
    หลังเมรุวัดเรา"

    ฟังไปฟังมาก็ได้ขอสรุปว่า คนที่จะได้เลขเด็ดนั้น ประการแรก คือ จะต้องไปคนเดียวแล้วจุดธุ 1 ดอก ปักไว้ที่โคนต้นโพธิ์อธิฐานบอกเจ้าที่เจ้าทาง
    เจ้าป่าเจ้าเขา ว่ามาขอโชคขอลาภ ประการที่สอง เมื่อได้เลขมาแล้วห้ามพูดบอกใคร ให้บอกด้วยวิธีอื่น หรือเขียนวางไว้ ประการสุดท้าย คือ ตีฝัน
    ให้ออกแล้วจะโชคดี เมื่อข้าพเจ้าได้ยินมาเช่นนี้ ข้าพเจ้านึก เอ๊ะใจ!!! ในคำพูดของชาวบ้าน แต่ก็มีคำถามขึ้นมาในใจว่า อีตาพวกนี้แอบไปป่าช้า
    กันตอนใหนว่ะ เราก็ไปเกือบทุกวันไม่ยักจะเจอกันเลย!!! งงว่ะ!!! ด้วยความที่ข้าพเจ้านั้นก็ชอบไปเจริญอสุภกรรมฐาน เวลาว่างๆข้าพเจ้าจึงมักจะไป
    พิจารนาสังขารที่ป่าช้าอยู่เป้นประจำ ไปทั้ง กลางวัน กลางคืน แล้วแต่สะดวก บางครั้งก็ได้พบเจอศพบางศพที่สัปเหร่อแกเผาไม่หมดเหลือเนื้อติดกระดูก
    ส่งกลิ่นเน่าเหม็น(แตก็ไม่ถึงกับอุจาดตา) และถ้าวันใหนมีศพเผาตรงกับวันฝนตก พอสัปเหร่อเก็บกระดูกใส่ผอบเสร็จที่เหลือเขาก็ถวายวัดเลย คือเป็นปุ๋ย
    ให้ต้นไม้นวัดไป บางทีก็มีสุนัขมาแทะกินกันเฉยเลย ข้าพเจ้างี้รู้สึก สังเวชใจเหลือเกิน คนเราสุดท้ายก็ไม่มีใครหลีกหนีพ้นไปได้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    และแล้วพอถึงเวลาหวยออกเข้าจริงๆ เอ่อ!!!!! โอ้จ็อด!!! ชาวบ้านเขาก็ถูกหวยกันจริงๆ(งวดนั้นนะ) ก็เลยมีเสียงร่ำลือกันว่า "ต้นโพธิ์"ต้นนี้เจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์มาก...
    จะว่าบังเอิญหรือดวงก็ไม่รู้ แต่วันนั้นเขาถูกกัน ก็เลยเป็นที่มาของคนที่ใคร่ที่อยากจะรู้ความจิงว่า ที่ "ต้นโพธิ์ใหญ่" นั้น มีเจ้าที่จริงหรือไม่จริงแท้ ประการใด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011
  15. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ...ต่อมาอีก 2-3 วันเวลานั้นเป็นเวลาบ่าย 2 โมงกว่าๆ ส่วนใหญ่ข้าพเจ้านั้นยามว่างถ้าไม่อยู่ในกุฏิก็ยังมีอีที่หนึ่งคือ ในป่าช้าหลังเมรุ เพราะบางที
    อยู่ในกุฏิมากๆ อากาศมันไม่โปร่ง ก็เลยต้องออกมาข้างนอกบ้าง ที่ๆข้าพเจ้ามักจะไป เวลาหัดท่องบทสวดมนต์นั้นก็คือที่นั้น เพราะตอนกลางวัน
    มันเงียบดี ลมพัดมาเย็นๆสบายๆ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าความจำมันดีเป็นพิเศษ และอีกอย่างไม่มีใครตามมาด้วย จะมีก็แต่พวกลูกน้องของข้าพเจ้า(สุนัขวัด)
    อยู่ 7-8 ตัว มันก็ไปนอนอยู่ตามต้นไม้ ตามเรื่องตามราวของมันไป

    วันนั้นขณะที่ข้าพเจ้าหัดท่องบทสวดมนต์อยู่นั้น ประมาณชั่งโมงกว่าๆก็นึกยังไงไม่รู้ อยู่ๆ ก็อยากนั่งสมาธิขึ้นมาเฉยเลย ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ได้วางหนังสือ
    ลงทันที แปลกเหมือนกันกำลังท่องหนังสืออยู่ดีๆ นึกอยากจะวางก็วางเลยแล้วหลับตาภาวนา พุทโธๆ เลยเหมือนกัน ข้าพเจ้าสงสัยว่ามันเกิดมาจาก เครื่องยนต์
    มันสปาคร์หรือเปล่าก็ไม่รู้ซินะ ข้าพเจ้า หมายถึง เวลาที่จิตมันจดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์แล้วใจมันสงบขึ้นมา(ข้าพเจ้าสันนิฐานเอาเอง)ก็เลยไม่อยากถ้อยหลัง
    เลยภาวนาต่อเนื่องไปเลย เอาซิ!!! ภาวนาอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ข้าพเจ้าก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ตอนนี้ใจมันสงบมากสายลมพัดมา เสียงใบไม้ดังแผ่วๆ ข้าพเจ้า
    นึกถึงเรื่องราวของชาวบ้านว่า มันวุ่นวายจริงหนอๆ คนเรา ตอนนั้นบอกตรงๆว่ารู้สึกดีมาก(ระดับปุถุชนธรรดาๆนะ) ก็นึกดำริไปว่า เมื่อวานซืนนี้ได้ยินชาวบ้าน
    เขาพูกันว่า ในป่าช้านี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ต้นโพธิ์ ข้าพเจ้านี้ก็ใครที่อยากจะรู้ อยากจะเห็น อยู่เหมือนกันว่า จะจริงแท้ ประการใด ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011
  16. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ...ก็เห็นจะมีต้นไม้ใหญ่ที่สุดอยู่ต้นหนึ่ง(ต้นโพธิ์)เมื่อข้าพเจ้าคิดได้ดั่งนี้แล้วก็เลยไปนั่งพิจารนาดูอยู่ที่ใต้ต้นโพธิ์นั้น(มองดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน)ในสมัยที่
    บรรดาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ได้เคยกล่าวไว้ว่า มีเทวดาอยู่จำพวกหนึ่งที่อาศัย อยู่ในที่ประมาณนี้ เอ๊ะ!!!แล้วหน้าตาท่านเทวดาจะเป็นเหมือนในลิเกหรือเปล่านะ
    ข้าพเจ้าก็นั่งพิจารนาอยู่นาน ก็ยิ่งฉงนใจยิ่งขึ้น ที่นี้ใจมันนึกยังไงไม่รู้ (ไม่ใช่อยากจะลองดี)ก็นึกอยากจะเห็นเทวดากับเขาบ้าง แต่ก็กังขาตัวเอง เพราะรู้ตัวดีว่า

    เรานี้ก็เป็นผู้ที่ยังไม่มีคุณธรรมอะไร ทั้งยังได้เคยศึกษามาว่า เทวดานั้นเขาก็ไม่ใช่จะไหว้พระกันไปทุกองค์เสียด้วย เปล่าเลย อย่านึกว่าเป็นพระแล้วจะดีกว่าเขานะ
    โลกอีกโลกหนึ่งนั้นถ้าเขาจะเคารพใครสักคนหนึ่งนั้นอย่างน้อยๆ คนๆนั้นก็จะต้องมีคุณธรรมที่เสมอเขา(ขอย้ำตรงคำว่า"จะเคารพ"นะ) หรืองต้องสูงกว่าเขาเท่านั้น
    เขาถึงจะลงใจให้เสียด้วย ชะรอยว่าชาตินี้ เราคงจะไม่ได้โอกาสเห็นท่านเทวดาเสียแล้ว กระมัง!!!

    ข้าพเจ้าก็นึกถอนหายใจ และคิดว่าจะเดินกลับกุฏิ แต่ทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ได้คิดขึ้นมาอีกได้ เราก็ลืมไปอย่างหนึ่งว่า ถึงตัวเรานี้จะไม่มีคุณธรรม แต่ถ้าเป็นบารมีของ
    "หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร" ของเรา(ของทุกๆคน)ล่ะก็ ท่านเทวดาจะต้องมาสงเคราะห์เราแน่เลย(ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้จริงๆ) ข้าพเจ้าก็เลยหันหลังไปยกมืออภิวาท
    ต่อหน้าต้นโพธิ์นั้นแล้ว กล่าววาจาตั้งจิตขึ้น นะโม 3 จบ แล้วกล่าวว่าขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยให้ได้มีโอกาสเห็นท่านเทวดาด้วยเทอญ (ขมุบขมิบว่าไปเรื่อย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011
  17. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ...เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่กุฏิ พอมาถึงกุฏิก็มานั่งอ่านหนังสือ จนรู้สึกง่วงนอน ก็เลยหยิบวิทยุขึ้นมาฟังรายการ"ธรรมมะ"ได้ยินเสียงเป็นฆารวาสท่านหนึ่ง
    กำลังบรรยาย"ธรรมมะ" อยู่ ก็ตั้งใจฟังท่าน เห็นท่านใช้ชื่อสำนักว่า"ถิ่นกาขาว" ข้าพเจ้าได้ยินมานานแต่ไม่เคยเจอตัวท่านเลยเห็นเขาว่า ท่านเก่งเรื่อง
    บรรยาย"ธรรมมะ"โดยเฉพาะ"อภิธรรม" ฟังดูแล้วก็ลึกซึ้งดีมาก แต่ภาษาของท่านมันจะยากไปสักหน่อย ใช้ศัพท์บาลีเยอะ ลำพังข้าพเจ้านั้นก็ฟังเข้าใจอยู่
    แต่สงสารคนที่เรียนธรรมมะใหม่ๆ จะเข้าใจยากไปนิดหนึ่ง และท่านก็บรรยายไม่มีผิดเลยนะ

    ข้าพเจ้าเห็นเขาบอกเบอร์โทรศัพท์ไว้ แล้วมีคนโทรถามปัญหา พอดีข้าพเจ้าก็มีข้อสงสัยอยู่เหมือนกัน ก็เลยลองโทรไปถามดูบ้าง ว่าท่านจะให้ทัศนะอย่างไร
    พอโทรติดข้าพเจ้าก็สนทนากับท่านไปอย่างนี้ว่า "ฮัลโหล!!!สวัสดีครับ อาจารย์ครับผมอยากถามปัญหาสักข้อหนึ่งครับ(ท่านไม่รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นพระ) ท่านตอบว่า
    เชิญถามได้เลย "คือผมไม่เข้าใจว่า ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า ธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นอนัตตา คือ ความว่าง ใช่ใหมครับ" ท่านก็ตอบว่าใช่"ข้าพเจ้าก็เลย
    ถามต่อไปว่า แล้วอรูฌาณที่ว่าว่าง คล้ายกันกับธรรมที่เป็นอนันตตานั้น มันแตกต่างกันอย่างไรครับ ท่านอาจารย์ ท่านก็บอกว่าตรงนี้สงสัยจะต้องร่ายกันยาว ชั่งโมง
    เดียวคงไม่พอ วันหลังจะมาบรรยายให้ฟังก็แล้วกัน ข้าพเจ้าก็รู้ว่าท่านก็ตอบได้ สรุปว่าทุกวันนี้ข้าพจเก็ยังไม่ได้คำตอยเลย(สงสัยท่านจะลืม) แต่มาวันหลัง มาศึกษา
    ในหนังสือของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร(ฤาษีลิงดำ)ท่านได้กล่าวไว้ว่า อนันตตา เป็นเรื่องของอารมณ์ ส่วน อรูปฌาณ นั้นเป็นเรื่องของสมาธิ
    เป็นคนละหมวดกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011
  18. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ...เอ้า!!!มาเข้าเรื่องกันต่อ ก็วันนั้น หลังจากที่ข้าพเจ้านั้นได้ปฏิบัติภาระกิจต่างๆจนเย็น ข้าพเจ้าก็เข้านอนตามปรกติ ใจก็คิดไปว่า บางทีวันนี้อาจจะได้เห็น
    ท่านเทวดากับเขาบ้าง จึงรีบอาบน้ำนอนแต่หัวค่ำ สรุปว่าผ่านไป 3 วัน ก็ยังไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของท่านเทวดาเลย จนข้าพเจ้าแทบจะลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
    หลังจากวันนั้นผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ พอดีตอนนั้นกำลังหัดท่อง พระคาถาบทหนึ่งในตำราแก้วสารพัดนึกของหลวงพ่อ ก็ไปเปิดเจอพระคาถาอยู่บทหนึ่ง
    ที่หลวงพ่อเขียนไว้ว่า "พระคาถาเทวดาคุ้มครอง"

    ข้าพเจ้าก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า วันนั้นสงสัยเราจะอัญเชิญท่านเทวดาไม่ถูกวิธีเสียกระมัง ท่านเทวดาถึงไม่ได้มาสงเคราะห์ให้เราเห็นบ้าง วันนี้โชคดีที่ได้มาเจอ
    "พระคาถา" ของหลวงพ่อที่เกี่ยวกับเทวดา ชะรอยว่าวันนี้จะต้องเป็นนิมิตหมายอันดีงามแน่ๆ ข้าพเจ้าก็เลยเตรียมตัวใหม่ ตั้งจิตตั้งใจใหม่ แล้วไปยังต้นโพธิ์
    ต้นเดิมนั้น

    พอไปถึงที่นั้น วันนี้ข้าพเจ้าเอารูปถ่ายของหลวงพ่อไปด้วยเลย ก็ไปนั่งสมาธิประมาณชั่งโมงกว่าๆ ในป่าช้านั้น ถ้าใครได้เคยไปแล้ว จริงๆแล้วไม่ได้น่ากลัว
    อย่างที่เราคิดกันหรอกนะ สงบดีออก(ข้าพเจ้าว่า) ผีเขาไม่มาหลอกหรอก ถ้าเราไม่ได้คิดไม่ดี แถมยังมาช่วยเราด้วยอีกต่างหาก เพราะเขารออนโมทนาบุญจากเรา
    อันนี้เรื่องจริงเลย แต่ที่น่าจะต้องระวังมากกว่าผีนั้นก็เห็นจะเป็นพวก งูเงี้ยวเขี้ยวขอเสียมากกว่า แต่ถ้าคนใหนเจริญพรหมวิหาร 4 พวกนี้มันจะไม่มายุ่งกับเราเลย
    (รักเขาได้อย่างที่แม่รักเรา)แต่พวกเราคนธรรมดาก็หาที่ๆ มันไม่ล่อแหลมมาก ก็พิจารนากันเอาเองนะ ผีไม่กวน แต่ยุงตรงนี้ไม่การันตี (ทากอยอ15 กันไว้ ก่อนเข้า
    ป่าช้าก็ดีเหมือนกันนะ)...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011
  19. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ...จากนั้นข้าพเจ้าก็ตั้ง นะโม 3 จบ สัคเคกาเมฯ แล้วกล่าว ตะมังธัง ปะกาเสนโตฯ ต่อด้วยพระคาถาเทวดาคุ้มครอง 3 จบ ทีแรกก็ไม่คิดหรอกว่าจะใช้แบบนี้ได้ด้วย
    แต่ข้าพเจ้าก็พิจารนาเห็นว่า"พระคาถา"บางบทนั้นสามารถครอบคลุมและพลิกแพลงได้ แต่ข้อสำคัญห้ามทำอักขระภาษาของเดิมวิบัติ แล้วข้าพเจ้าจึงตั้งจิตอธิฐานว่า
    ด้วยบารมีครูบาอาจารย์แห่งข้าพเจ้าพระเดชพระคุณ "หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร" แห่งวัด บ้านแค อ.สรรบุรี จ.ชัยนาท ผู้ทรงภูมิคุณธรรมสุปฏิปันโณ ขอท่านเทวดาทั้งหลาย
    จงฟังคำของข้าพเจ้าเถิด ขอท่านเทวดาทั้งหลายจงมานมัสการพระอริยสงฆ์ผู้มาแล้ว ผู้ซึ่งเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านทั้งหลายด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ...

    แล้วว่าอัญเชิญเทวดากลับ ภะวันตุสัพฯจบ.(ก่อนไปข้าพเจ้าได้เรียบเรียงถ้อยคำไว้ก่อนแล้วให้กระทัดรัดและน่าฟัง) วันนั้นข้าพเจ้าก็ได้ไปทำธุระกิจของสงฆ์ตามปกติ
    ตกตอนหัวค่ำ ข้าพเจ้าก็ได้เข้าสวดมนต์ภาวานาไหว้พระ แต่วันนี้จะสวดยาวสักหน่อย เวลาสวดมนต์นานๆนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกสงบใจดี บางทีสวดตั้งแต่ยังไม่ตี 3 จนสว่างเลยก็มี
    (หูมันอื้อๆตัวคิดมันหายไปดี) วันนั้นรู้สึกว่าง่วงนอนแต่หัวค่ำ(2ทุ่มกว่าๆ) ก็กะว่าจะตื่นมาสักตอนตี 1 ตี 2 จะมานั่งสมาธิเพราะเงียบดี พอเข้านอนก็ภาวนาไปเรื่อย นอนมอง
    ดูรูปของหลวงพ่อ พูดกับท่านว่าวันนี้ผ่านล่วงเลยไปอีกวันแล้วนะครับ(พิจารนาว่าคนเราเดี๋ยวก็ตาย) ใจนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องเทวดาหรอก ข้าพเจ้าได้พูดกับหลวงพ่อว่า

    "คนเราจะพ้นทุกข์ได้นั้นก็ไม่ง่ายเหมือนกัน" ก็เคลิ้มๆอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็มีความรู้สึกว่าเหมือนจะโดนตรึงไว้ เหมือนกับว่ามีคนเอาเชือกมาผูกรัดไว้ทั้งตัว(คล้ายอาการคนโดนผีอำ)
    ทรมานมาก แล้วอยู่ๆ หูมันก็ได้ยินเสียงคล้ายๆ เหมือนกับได้ไปยืนอยู่ไกล้ๆ กับเวลาที่มีคนใช้หินเจีย เจียเหล็ก เสียงดังกังวาลมากจนรู้สึกแสบแก้วหู ข้าพเจ้าจึงตั้งสติ แล้วคิดไปว่า
    เรานี้คงจะเพลียมากก็เลยนอนทับ..จนขยับตัวไม่ได้ก็เลยทำใจนิ่งๆ รอสักพักเดี๋ยวก็คงหายไปเอง(ทั้งๆที่ข้าพเจ้าก็มีสติแต่ขยับตัวไม่ได้เลย) ลืมตาก็ไม่ได้นานมากเกือบ 10 นาที
    โอ้โฮ้!!!ใจมันจะขาดให้ได้ ก็เลยฉุกคิดถึงเรื่องวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011
  20. daychar

    daychar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    714
    ค่าพลัง:
    +12,050
    ..."หรืออาจจะเป็นเพราะจะมีใครบางคน กำลังเล่นอะไรพิเรนๆกับเราหรือเปล่านะ(ข้าพเจ้ามีความเชื่อส่วนตัว) จึงตั้งสติไปว่า(ตอนนั้นมันลืมตาไม่ขึ้น)ข้าพเจ้าก็เลยระลึกถึง
    "หลวงพ่อ กวย ชุตินธโร" ปากก็บอกท่านว่า "หลวงพ่อ กวยชุตินธโร"ช่วยลูกด้วยๆๆๆ สักพักข้าพเจ้าก็ได้สำคัญตนไปว่า เห็นหลวงพอมานั่งอยู่บนหัวนอน(ทั้งๆที่หลับตาอยู่)
    แล้วท่านก็หัวเราะหึๆ ในลำคอ เหมือนตลกข้าพเจ้า

    สักพักทันใดนั้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเหล็กเสียงดัง แกร็กๆๆๆๆๆๆ ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจมาก ก็ประตูเหล็กนั้นข้าพเจ้าได้ล็อคเป็นอย่างดีแล้ว แล้วใครมาเปิดได้อย่างไร
    หรือว่าจะเป็นขโมย แล้วจู่ๆ ข้าพเจ้าก็รู้สึกมีอาการคล้ายกับว่าได้ลุกขึ้น เดินออกมาจากห้องนอน ทีนี้ประตูมันก็เปิดเองได้ด้วยยังกับประตูไฟฟ้าเลย และแล้วสิ่งอัศจรรย์ก็ได้
    เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ข้าพเจ้าก็ได้อุทานขึ้นมาว่า เฮ้ย!!!นี่ใครหว่า???แต่งตัวยังกับลิเกเลย แถมใส่ชุดสีน้ำเงินด้วย แล้วมายืนอยูหน้าห้องนอน
    ของข้าพเจ้าได้ยังไงเนี้ย สักพัก อีตาลิเกนั้นก็ได้ยกมือวันทาไหว้มาทางข้าพเจ้า แต่เอ้!!!ไง๋!!!ดูเหมือนว่าไม่ได้ไหว้เราเลยนี่หน่า พอหันไปดูด้านหลังก็เห็นภาพถ่ายบานใหญ่
    ของหลวงพ่อปรากฏแสงสว่างน่าอัศจรรย์มาก ข้าพเจ้าก็ได้รีบยกมือขึ้นไหว้(ตอนนั้นไม่ต้องถามเหตุผล เวลานึกไม่ออก) พอตั้งสติได้ก็เลยหันไปถามว่า โยมเป็นใครแล้ว
    ขึ้นมาบนนี้ได้อย่างไร อีตาลิเกนั้นก็ได้แต่ยิ้ม อย่างเดียวไม่ยอมพูดจา....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...