ภูไท...ภาษาภูไท...วันละคำ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 29 มิถุนายน 2011.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG] [​IMG]
    ข้าวต้มญวน
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG] [​IMG][​IMG]
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ลาบปลา
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG] [​IMG]

    มีข้าวต้ม กับขนมเทียนอีก ๕ ถุงใหญ่ค่ะ ^^
     
  5. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    หน้าตาดีจังนะคะ อร่อยเหมือนหน้าตาป่าวคะครู?
     
  6. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ว่าแต่แม่นของที่ครูติงถ่ายภาพไว้ หรือมาจากกูเกิลล่ะค๊ะ..สาธุขอให้เป็นภาพจากครูติงที่ถ่ายเอาไว้
     
  7. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    <MARQUEE style="WIDTH: 958px; HEIGHT: 506px" direction=up scrollAmount=1><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER>การเขียนกระทู้ทำเป็นศิลปอย่างหนึ่ง </CENTER><CENTER>จึงจำเป็นต้องอาศัยความสามารถและความชำนาญของผู้เขียนที่จะเขียนเรียงความเรื่องหนึ่งๆ </CENTER><CENTER>โดยให้สาระสำคัญแก่ผู้อ่านผู้ฟัง ทำให้ผู้อ่านผู้ฟังได้คุณค่าในด้านต่างๆ คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป </CENTER><CENTER>ไม่ทำให้ผู้อ่านผู้ฟังสับสนไขว่เขว </CENTER><CENTER>โดยนำเอาเนื้อความที่ไม่จำเป็น ไม่น่าสนใจมาบรรจุไว้</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>นอกจากเนื้อหาสาระจะต้องสมบูรณ์แล้ว ยังต้องมีความหมายชัดเจนแจ่มแจ้งไม่คลุมเคลืออีกด้วย </CENTER><CENTER>เพราะฉะนั้น เรื่องหนึ่งๆจะต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความหมายเพียงอย่างเดียว </CENTER><CENTER>คือจะต้องอธิบายเนื้อความอยู่ในขอบข่ายของหัวข้อเรื่อง</CENTER><CENTER>ที่ได้ตั้งเอาไว้ ไม่นำเรื่องอื่นมาพูด หากมีความจำเป็นก็ต้องเลือกที่มีความเกี่ยวข้องกัน </CENTER><CENTER>คือทำให้เรื่องเดิมเด่นชัดขึ้น</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>อีกประการหนึ่ง ผู้เขียนจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้ในเนื้อหามาเป็นอย่างดี </CENTER><CENTER>และนำเสนอตามลำดับขั้นตอน ให้ต่อเนื่องเป็นเหตุเป็นผลกันไป</CENTER><CENTER>ตั้งแต่ต้นจนจบ กล่าวคือใจความข้อความนั้นจะต้องเกี่ยวโยงกันประดุจลูกโซ่ </CENTER><CENTER>เรียงความแก้กระทู้ธรรมที่ดี นอกจากเนื้อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน</CENTER><CENTER>และสัมพันธ์กันแล้ว ผู้เขียนต้องเข้าใจจิตวิทยาในการใช้ภาษา </CENTER><CENTER>กล่าวคือ การสร้างความงามในการใช้ภาษาการจัดย่อหน้า การใช้คำ การเรียบเรียง </CENTER><CENTER>ประโยคสำนวนโวหาร เพื่อให้เกิดความไพเราะน่าอ่านเกิดความประทับใจ</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>ในการเขียนกระทู้ธรรมนั้นผู้เขียนจะต้องพิถีพิถันในด้านใช้ภาษาให้มาก ต้องคำนึงถึงภาษาที่ใช้ด้วย </CENTER><CENTER>กล่าวคือ ภาษาที่ใช้ต้องเป็นภาษาเขียน ไม่ใช่ภาษาพูด </CENTER><CENTER>เช่นไม่ควรใช้คำว่า"ชั้น"ในที่ที่ควรเขียนว่า"ฉัน" หรือ "เค้า"ในที่ที่ควรเขียนว่า "เขา" </CENTER><CENTER>ไม่ควรเขียนคำว่า"เป็นไง" แทนคำว่าเป็นอย่างไร ฯลฯ และไม่ควรเขียนไทยปนภาษาต่างประเทศ</CENTER><CENTER>ซึ่งบางที่ผู้เขียนอาจเข้าใจเห็นว่าถ้าเขียนเช่นนั้น </CENTER><CENTER>แสดงว่าตนเป็นผู้มีความรู้สูง แต่นั่นหาชื่อว่าเป็นการเขียนกระทู้ธรรมที่ดีไม่ </CENTER><CENTER>การเขียนเรื่องราวก็ควรเป็นตามลำดับก่อนหลังไม่วกวนไปมาน่าเวียนหัว </CENTER><CENTER>จึงควรวางโครงเรื่องให้ดีเสียก่อน แล้วเขียนไปตามลำดับขั้นตอนของเรื่องที่วางไว้ สรุปข้อควรและไม่ควรไว้ดังนี้</CENTER><CENTER></CENTER>
    1. ทำให้ผู้อ่านเข้าใจเกิดความซาบซึ้งของธรรมะ ได้เข้าใจถึงผลได้ผลเสีย กล่าวคุณและโทษของการปฏิบัติตามและไม่ปฏิบัติตาม​


    2. ให้เข้าใจในชีวิตและรู้จักแสวงหาความสุขโดยมีธรรมะเป็นเครื่องชี้แนวทาง ช่วยพัฒนาด้านจิตใจของมนุษย์ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ละความชั่วประกอบความดี โดยงดเว้นความชั่วอย่างเด็ดขาด
    3. ต้องใช้ภาษาที่ถูกต้อง ไม่ใช้ภาษาตลาด ภาษาแสลง ภาษาคำผวน ไม่ใช้ภาษาพื้นเมือง หรือภาษาท้องถิ่น ไม่ใช้ภาษาต่างประเทศ เช่นภาษาอังกฤษเป็นต้น
    4. ไม่อ้างกระทู้ธรรมมาเชื่อมข้อความที่เขียน คือไม่มีกระทู้รับ
    5. อธิบายความไม่สมเหตุสมผลกับกระทู้ที่ตั้งไว้ ไม่มีวรรคตอนหรือเว้นระยะวรรคตอนไม่ถูกต้อง
    6. เขียนข้อความโดยไม่มีการย่อหน้า หรือย่อหน้าเอาตามความพอใจ โดยยังไม่สิ้นกระแสความ
    7. นำกระทู้ธรรมมาเชื่อม โดยไม่อ้างอิงถึงข้อความนั้นก่อน
    8. ไม่บอกชื่อคัมภีร์ที่มาของกระทู้ธรรมที่นำมารับหรือบอกคัมภีร์ที่ผิดพลาด
    9. เขียนคำบาลีและคำแปลภาษาไทยไม่ถูกต้องหรือขาดตกบกพร่อง ตัวสะกดตัวการันต์ ผิดพลาดมาก
    10.ข้อความที่เขียนนั้นจะต้องมีเหตุมีผลใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้
    11. มีอุทาหรณ์และคติธรรม มีลักษณะและคุณสมบัติพอที่จะเชื่อถือได้​

    ที่มา......................
    ได้รวบรวมเรียบเรียงมาจาก...ธรรมศึกษาตรี กลุ่มวิชาการพระพุทธศาสนาและจริยศึกษา กองศาสนศึกษา กรมศาสนากระทรวงศึกษาธิการ
    <!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->​
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG]















    </MARQUEE><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2011
  8. omio

    omio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,213
    โชคดีได้คุณครูมาสอนให้ที่บ้านเลย ขอบคุณหลาย ๆ ค่ะ

    :)
     
  9. อุ๋มอิ๋ม555

    อุ๋มอิ๋ม555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +33
    อยากกินลาบปลา ฝีมือคุณเเม่เเท้น้อ ^^
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เอามาจากกูเกิ้ลค่ะ
    พยายามหาภาพที่เหมือนหรือคล้ายที่สุด เพื่อให้บางท่านที่นึกภาพไม่ออกได้เห็นภาพค่ะ จะได้อนุโมทนาได้ชัดเจน
    ติงไม่มีเวลาถ่ายภาพเลย เพราะกว่าจะไปถึงวัดก็เกือบ ๐๗.๓๐ น. เกือบไม่ทันค่ะ^^
    คราวหน้า ต้องออกจากบ้านประมาณตีสี่ค่ะ นี่ก็รีบสุดๆค่ะ
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ภาพที่ติงถ่าย มีแต่ภาพเจดีย์ที่วัด ภาพพิพิธภัณฑ์ ภาพเจดีย์แม่ชีแก้ว เสียงล้ำค่ะ ยังไม่มีเวลาเอาลงคอมพิวเตอร์เลยค่ะ ^^
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ฮิฮิ ไม่อยากคุยว่า คุณแม่ทำกับข้าวได้อร่อยหลายอย่างค่ะ
    แต่หากมีลูกมือจะดีมาก เพราะกับข้าวบางอย่าง เครื่องปรุงและขั้นตอนเยอะ ต้องใช้เวลาค่ะ ^^
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    สวัสดีค่ะ
    วันนี้(๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๔) เอาบุญมาฝากอีกแล้วค่ะ
    ๑. ทำพานธูปเทียนแพถวายพระอาจารย์ ๑ ชุด
    ๒. ทำขันหมากเบ็ง ขัน ๕ ขัน ๘ ถวายพระอาจารย์ ๑ ชุด
    ๓. ถวายมาลัยกร ๑ พวง
    ๔. ไปคารวะท่านเจ้าคุณเจ้าคณะภาค ๑๐(ธ) วัดบึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด
    ๕. ถวายปานะพระอาจารย์
    ๖. เลี้ยงนมเย็น ข้าวต้ม ครูและเด็กๆ
    ๗. ไปกราบเจดีย์หลวงตามหาบัว ที่บ้านบัว จังหวัดร้อยเอ็ด ถวายปัจจัยบำรุงเจดีย์ ๑๐๐ บาท บูชาหลวงปู่มั่น และหลวงตาด้วยมาลัย ๒ พวง
    ๘. ไปกราบสรีระหลวงปู่ศรี มหาวีโร ที่วัดป่ากุง ถวายปัจจัย ๒๐๐ บาท ทอดผ้าบังสุกุล
    อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  15. อุ๋มอิ๋ม555

    อุ๋มอิ๋ม555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +33
    เอิ้กๆๆ อยากจะทานฝีมือคุณเเม่เเล้วละเนี่ย ^^ ถ้างั้นอุ๋มอิ๋มขอสมัครเป็นลูกมือเองค่ะ...............กินไปด้วยทำไปด้วย 555(||)(||)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2011
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    น่าสนุกนะคะ ทำไปด้วย ทานไปด้วย ทำเสร็จ อิ่มพอดี ๕๕๕๕๕
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    วันนี้ ติงโอนเงินเพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระ(สมาชิกเว็บพลังจิต)
    ที่ท่านจะบวชภายในเดือนสิงหาคมนี้ จำนวน ๕๐๐ บาท
    ขอเชิญเพื่อนๆร่วมอนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2011
  18. อุ๋มอิ๋ม555

    อุ๋มอิ๋ม555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +33
    อนุโมทนาด้วยนะคะ สาธุ สาธุ
    catt14catt14
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ได้ทำบุญบริจาคเงิน ๑๐๐ บาท เพื่อซื้อผ้าขาวห่อศพ
    อนุโมทนาบุญร่วมกันนะคะ(ชอบทำบุญแบบนี้มากค่ะ)
     
  20. อุ๋มอิ๋ม555

    อุ๋มอิ๋ม555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +33
    ฟ้อนภูไท 3 เผ่า



    คำว่า “ภูไท” ในภาษาภูไทและภาษาอีสาน หมายถึง กลุ่มชนผู้ที่อาศัยตามแนวภูเขา
    แต่ภาคกลางมักเขียนว่า “ผู้ไทย” ซึ่งหมายถึง กลุ่มชนเชื้อชาติไทย

    ถิ่นฐานดั้งเดิมของชาวภูไทอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย หรือแคว้นสิบสองปันนา (ดินแดนส่วนเหนือของลาว และ เวียดนาม ซึ่งติดต่อกับดินแดนภาคใต้ของจีน) ในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (เจ้าองค์หล่อ) แห่งราชอาณาจักรเวียงจันทน์ ได้มีหัวหน้าชาวภูไทซึ่งมีนามว่า พระศรีวรราช ได้มีความดีความชอบในการช่วยปราบกบฏในนครเวียงจันทน์จนสงบราบคาบ กษัตริย์เวียงจันทน์ จึงได้ปูนบำเหน็จ โดยพระราชทานพระราชธิดาชื่อนางช่อฟ้า ให้เป็นภรรยา ในกาลต่อมาจึงได้แต่งตั้งให้บุตรซึ่ง เกิดจากพระศรีวรราช หัวหน้าชาวภูไท และเจ้านางช่อฟ้ารวม 4 คน แยกย้ายกันไปปกครองหัวเมืองชาวภูไท คือ เมืองสบแอก เมืองเชียงค้อ พร้อมกับอพยพชาวภูไทลงไปทางใต้ของราชอาณาจักรเวียงจันทน์ เป็นเมืองวัง เมืองตะโปน(เซโปน) อันเป็นถิ่นกำเนิดของชาวภูไท (เรียบเรียงจากลายพระหัตถ์ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระเจ้าประดิษฐาสารี ในหนังสือชื่อพระราชธรรมเนียมลาว ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2479) พระองค์เป็นพระราชธิดาของรัชกาลที่ 4 และเจ้าจอมมารดาดวงคำ (เจ้าจอมมารดาดวงคำ เป็นราชนัดดาของเจ้าอนุวงษ์เวียงจันทน์)

    ต่อมาชาวภูไทได้แยกย้ายออกไปตั้งเป็นเมืองพิน เมืองนอง เมืองพ้อง เมืองพลาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในแขวงสะหวันนะเขต ของประเทศลาว

    ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงษ์เวียงจันทน์เป็นกบฏต่อกรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ.2369 เมื่อกองทัพไทยยกขึ้นไปปราบปรามจนสงบราบคาบแล้วทางพระนคร มีนโยบายจะอพยพชาวภูไท ข่า กะโซ่ กะเลิง ไทดำ ไทพวนฯลฯ จากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้มาตั้งบ้านตั้งเมืองอยู่ทางฝั่งขวาแม่น้ำโขง(ภาคอีสาน) เพื่อมิให้เป็นกำลังแก่เวียงจันทน์ และญวนอีก

    ปัจจุบันชาวภูไทได้กระจัดกระจายอาศัยในจังหวัดต่างๆในภาคอีสานส่วนมากในจังหวัดมุกดาหาร กาฬสินธุ์ สกลนคร และนครพนม และบางส่วนในจังหวัด ร้อยเอ็ด อุดรธานี ยโสธร อำนาจเจริญ หนองคาย และอุบลราชธานี

    การฟ้อนภูไท 3เผ่า เป็นการนำเอามรดกทางวัฒนธรรมของชาวภูไทที่อาศัยอยู่ในบริเวณเทือกเขาภูพานซึ่งได้ยกมา 3จังหวัดคือ กาฬสินธุ์ สกลนคร และนครพนม มาเปรียบเทียบในเชิงการจัดการแสดงทางด้านนาฏกรรม อันเนื่องมาจากชาวภูไททั้งสามกลุ่มนี้มีรูปแบบและ เอกลักษณ์ของตนเองที่แตกต่างกัน

    ในปี พ.ศ. 2522 กรมศิลปากรมีนโยบายที่จะเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมอีสาน จึงได้จัดส่งคณาจารย์พร้อมนักเรียนจากวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ภาคสนามในจังหวัดกาฬสินธุ์ สกลนคร และนครพนม(ต่อมามีพื้นที่แยกตัวเป็นจังหวัดออกจากนครพนมคือ มุกดาหาร) โดยรวบรวมเอาท่าฟ้อน กลอนลำ ดนตรีและการแต่งกาย จนเป็นผลงาน “ฟ้อนภูไท 3 เผ่า” ขึ้นมาครั้งแรก

    ฟ้อนภูไท 3 เผ่า จะเริ่มจากการฟ้อนของชาวภูไทจังหวัดกาฬสินธุ์ ภูไทจังหวัดสกลนคร และภูไทจังหวัดนครพนม ในการฟ้อนภูไททั้ง 3 เผ่านี้ จะมีผู้ชายเข้ามาฟ้อนประกอบทั้งสามเผ่า มีการแสดงการฟ้อนมวยโบราณต่อสู้แสดงเชิงมวยกันระหว่างเผ่า และตลอดจนการฟ้อนเกี้ยวพาราสีของชายหญิงอีกด้วย

    หลังจากนั้นไม่นานวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ ก็ได้ประดิษฐ์ ฟ้อนภูไท 3เผ่า ในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน คือ จะเริ่มการฟ้อนด้วยเผ่าสกลนครก่อน ตามมาด้วยภูไทจังหวัดกาฬสินธุ์ และภูไทจังหวัดนครพนม ซึ่งจะฟ้อนเฉพาะผู้หญิงล้วน

    สำหรับ “ฟ้อนภูไท 3 เผ่า” ของ ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง (วงแคน) จะใช้วิธีการนำเสนอคล้ายกับฟ้อนภูไท 3 เผ่า ของวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด เพียงแต่มีท่าฟ้อนที่แตกต่างกันเล็กน้อย



    การแต่งกาย

    เผ่ากาฬสินธุ์

    - หญิง สวมเสื้อแขนกระบอกสีดำแนวปกคอเสื้อและแนวกระดุมตกแต่งด้วยผ้าแถบลายแพรวาสีแดง กุ๊นขอบลายผ้าด้วยผ้ากุ๊นสีเหลืองและขาว ประดับด้วยกระดุมเงิน ห่มผ้าสไบไหมแพรวาสีแดง นุ่งผ้าซิ่นมัดหมี่สีดำมีตีนซิ่น ผมเกล้ามวยมัดมวยผมด้วยฝ้ายภูไท หรือผ้าแพรฟอย และสวมเครื่องประดับเงิน
    - ชาย สวมเสื้อสีดำมีการตกแต่งเสื้อด้วยแถบผ้าลายแพรวา นุ่งกางเกงขาก๊วย ใช้ผ้าแพรวาแดงมัดเอว

    เผ่าสกลนคร

    หญิง สวมเสื้อแขนกระบอกสีดำแต่งขอบเสื้อด้วยผ้าแดง มีแนวกระดุมเงินเรียงยาวตามแนวเสื้อ นุ่งผ้าซิ่นพื้นสีดำต่อตีนซิ่นขิดยาวกรอมเท้า ห่มผ้าสไบขิดทางไหล่ซ้ายแล้วไปมัดที่เอวด้านขวา สวมส่วยมือยาว(เล็บ)ทำมาจากกระดาษหรือโลหะพันด้วยด้ายและมีพู่ที่ปลายเล็บสีขาวหรือแดง ผมเกล้ามวยมัดมวยผมด้วยฝ้ายแดง และสวมเครื่องประดับเงิน
    ชาย สวมเสื้อสีดำมีการตกแต่งเสื้อด้วยแถบผ้าแดง นุ่งกางเกงขาก๊วย ใช้ผ้าขิดแดงมัดเอว

    เผ่านครพนม (อ.เรณูนคร)

    หญิง สวมเสื้อแขนกระบอกสีครามแต่งของเสื้อด้วยผ้าแดง ที่กระดุมเงินมีสายคล้องเป็นคู่ๆ พันเอวด้วยผ้าแดง นุ่งซิ่นสีครามยาวกรอมเท้า ไหล่ซ้ายพาดสไบสีขาว ผมเกล้ามวยมัดมวยผมด้วยฝ้ายภูไทสีขาว และสวมเครื่องประดับเงิน
    ชาย สวมเสื้อสีครามมีการตกแต่งเสื้อด้วยแถบผ้าแดง นุ่งกางเกงขาก๊วยสีคราม ใช้ผ้าแพรขาวม้ามัดเอว


    กลอนลำ ภูไท 3เผ่า ของวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด

    เผ่ากาฬสินธุ์ (บรรเลงลายภูไทใหญ่)

    โอ่เด้......โอ...นา

    โอ่เด้ อ้ายบ่าวภูไทเอย น้องนี่แหล่ว น้องนี่แนวนามเซอ ดอกสะเดอบานเข อ้ายบ่าวภูไทเอ้ย

    โอ่เด้ อ้ายมิเหลียวตาต้อง มองดายกะแล้วเปล่า บานมิมีผู้เก็บ บานมิมีผู้ฮ้อย สิคาต้นหล่นเหลิง น้อยลับเลอตาเบอแม่เจ้าแพง นอ........

    โอ่เด้ อ้ายบ่าวภูไทเอย น้องนี่แหล่ว น้องนี่มาคอยอ้ายคือนกเจ่าคอยหาปลา อ้ายบ่าวภูไทเอย น้องนี้แหล่ว น้องนี่มาคอยอ้ายคือนกทาคอยหาโค่

    โอ๋เด๋ เพิ่นว่าโคกมิกว้าง คอยหาอ้ายกะมิเห็น เย็นทางเมอ ...นอ........

    เผ่าสกลนคร (บรรเลงลายภูไทเลาะตูบ) ในท่อนนี้ไม่มีเนื้อร้อง ซึ่งจะบรรเลงลายเพียงอย่างเดียว

    เผ่านครพนม (บรรเลงลายลมพัดพร้าว)

    โอ หนอ บ่าวภูไทเอย... บัดนี้ หันมาเว้า ลายภูไทกันสาก่อน สิลำติดกาพย์สร้อย ผญาน้อยตื่มใส่กัน อ้ายเอย.........

    ชายเอย เพิ่นว่าสิบปีล่ำ เพิ่นว่าซาวปีล่ำ จั่งเห็นโองมายามมั่ง เพิ่นว่าข้าวขึ้นเล้า จั่งเห็นเจ้าแม่นเทือเดียว อ้ายเอย.........

    โอ หนอ บ่าวภูไทเอย... ชายเอย ไปบ่เมือนำน้อง แดนภูไทบ้านน้องอยู่ คันสิเมือนำน้อง ค่ารถมิให้เสียเด้ละอ้าย คันสิเมือนำน้อง ค่าเฮือมิให้จ้าง นางสิไปดอกเอาซ้างเมืองสุรินทร์มาให้ขี่ ไปบ่เล่าอ้าย ม่วนอีหลีตั้วเล่าอ้าย ไปเล่นถิ่นภูไท อ้ายเอย..............

    โอ หนอ บ่าวภูไทเอย... ชายเอย ไผว่าเมืองภูไทฮ้าง อยากอันเชิญท่านไปเบิ่ง ฮ้างจั่งใด๋ ป่าไผ่ยังส่วยล่วย ป่ากล้วยยังส่ายหล่าย มันสิฮ้างบ่อนจั่งใด๋ อ้ายเอย อ้ายเอย.............


    ฟังลำภูไท3เผ่า ของวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด

    ---------------------------------------------------------

    กลอนลำ ภูไท 3เผ่า ของวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์

    เผ่าสกลนคร (บรรเลงลายภูไทเลาะตูบ)

    ไปเย้อไป ไปโห่เอาชัยเอาซอง(ซ้ำ) ไปโฮมพี่โฮมน้อง ไปร่วมแซ่ฮ้องอวยชัย

    เชิงเขาแสนจน หนทางก็ลำบาก(ซ้ำ) ตัวข้อยสู้ทนยาก มาฟ้อนรำให้ท่านชม

    เผ่ากาฬสินธุ์ (บรรเลงลายภูไทน้อย)

    โอ้ยนอ....ละบ่าวภูไทเอย

    ชายเอ๋ย อ้ายได้ยินบ่เสียงน้อง คองน้ำตาเอิ้นมาใส่ สาวภูไทไห้สะอื้น มายืนเอิ้นใส่พี่ชาย อ้ายเอย อ้ายเอย............

    ชายเอย เห็นว่าสาวภูไทน้อง อยู่บ้านป่านาดอน หากินหนูกินแลน หมู่กระแตดอกเห็นอ้ม

    ซางมาตั๋วให้นางล้ม โคมหนามแล้วถิ่มปล่อย ทำสัญญากันเฮียบฮ้อย ซางมาฮ้างดอกห่างกัน อ้ายเอย........
     

แชร์หน้านี้

Loading...