ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. yuthagarn

    yuthagarn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +45
    ท่านเป็นอะไร

    ศีล สมาธิ ปัญญา

    การสำรวมกายวาจาให้เรียบร้อยชื่อว่า ศีล
    การรักษาใจให้มั่นชื่อว่า สมาธิ
    การรอบรู้ในกองสังขารชื่อว่า ปัญญา

    เห็นคลิป ข้อแรกท่านคิดว่า "ผ่าน" ไหม..??
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นแน่นอน

    [​IMG]

    ตามบันทึกโบราณของชาวอียิป หายนะไม่ใช่วันเดียวแต่ต้องใช้เวลา ไฟเผาผลาญโลกต้องใช้เวลา โลกของเราจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.2014 จะเกิดเหตุการณ์สำคัญทางดาราศาสตร์ โลกจะถูกหลอมละลาย ภูเขาจะถูกทำให้ราบเรียบ ภูเขาน้ำแข็งจะละลาย แผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นทั่วโลก สึนามิจะเป็นเพียงผงธุลีของเหตุการณ์การณ์นั้น

    เนื่องจากมีผู้ค้นพบบันทึกในปิรามิด ที่ใช้เก็บเอกสารที่สำคํญ ในเอกสารนั้นระบุเหตุการณ์ สำคัญของโลกเราไว้หลายอย่าง… ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ที่ตรงคือสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ตรงในปีที่เขาบันทึกไว้ และสงครามครั้งใหญ่ที่สุด จะเป็นสงครามครั้งที่ 3 ดวงจันทร์จะสีแดงอาบไปด้วยเลือด ดวงอาทิตย์จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกความมืด

    ผมเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงในปี ค.ศ.2014 อีก 7 ปีหลั้งจากนั้นโลกจะเต็มไปด้วยภัยวิกฤต โรคระบาด อาหารขาดแคลน คนจะชั่วร้าย อุกาบาต ดวงดาวจะตกจากท้องฟ้า ไม่ได้หมายความว่าชอบสงคราม เพียงแต่มีเหตุการณ์นั้น …เพียงแต่ว่ามันจะเกิดขึ้น สงคราม.. การขาดแคลนอาหาร.. โรคระบาด.. แผ่นดินไหวครั้งใหญ่…จิตใจมนุษย์จะชาเย็น แก่กล้าในความชั่ว คนจะชั่วร้าย อุกาบาต ดวงดาวจะตกจากท้องฟ้า

    ปิรามิด หรืออะไรก็แล้วแล้วแต่ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยมือตัวเอง ไม่มีอะไรศักดิ์สิทธิ์ แต่อยู่ที่เนื้อหาความเป็นจริง ที่เขียนก็ไม่เคยไปบอกกล่าวที่ไหนหรอกนะ ก็มีทีนี่ที่เดียว ถามว่าได้อะไรไหม ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น เสียเวลาไหม เสียเป็นประโยชน์กับคนอื่นไหม ก็แล้วแต่ใครจะค้นหาคำตอบต่อไป ไม่ได้หวังหรือขอให้ใครมาเชื่อ เพียงอยากจะบอกกับคนที่มีสติปํญญา ที่เป็นนักดาราศาตร์ไทย หรือ…ได้รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์อะไรบ้าง เป็นไปได้อย่างไรที่ดวงอาทิตย์จะถูกทำให้มืด ดวงจันทร์จะอาบไปด้วยเลือด ( สีแดง ) เป็นเรื่องที่ตามองดูด้านล่าง ที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น หรืออะไรก็แล้วแต่…ที่คนโบราณเห็นภาพ

    เขาก็ใช้อะไรที่สื่อให้เห็น เช่น เขาเห็นรถไฟ ในสมัยของขาไม่มีรถไฟ เขาก็บันทึกว่าม้าเหล็ก เขาเห็น.เครื่องบิน เขาก็บันทึกว่าเหมือนฝูงตั๊กแตน เห็นระเบิดปรมาณู..ก็บันทึก ว่าหัวมันแหลมเหมือนธนู มันพุ่งออกมาจากพื้นดิน

    1.สงคราม
    2.ขาดแคลนอาหาร
    3.โรคระบาด
    4.ภัยพิบัติ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่
    5.สงครามครั้งใหญ่ ครั้งที่ 3
    6.ดวงดาวจะตกจากท้องฟ้า (อุกาบาต)
    7.แผ่นดินจะมีพื้นเดียวกัน เหมือนดังที่เคยเป็น
    8.จะมีเมืองหลวงใหญ่ 2 เมือง

    โลกจะไม่แตกแน่นอน แต่ที่ผิวเปลือกโลกจะเกิดเคลื่อนตัว ซึ่งก็คือแผ่นดินไหว เมืองหลวงใหญ่ๆหลายเมิองไม่ต้องนึกถึง ราบเป็นหน้ากลอง แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น ที่จะเป็นที่เฉพาะรอยเลื่อนของเปลือกโลก จะเกิดขึ้นที่ใดก็ได้.. เพราะทุกที่มีแรงพลังส่งถึงกันได้ เหมือนกับเวลาเราเป่าลูกโป่งที่หนึ่ง มันก็จะไปดันอีกที่หนึ่ง ที่ใดก็ได้ที่เราไม่คาดคิด ที่ที่เราคิดว่าจะไม่เกิดแผ่นดินไหว มันก็เกิดขึ้นก็ได้ ที่ที่เราคิดว่าไม่เกิด ก็สามารถเกิดได้ ทุกที่พร้อมแล้วที่จะเกิด…ความดีของมนุษย์เท่านั้น ที่จะรักษาปกป้อง ป้องกันเราไว้ได้

    เรื่องราวแห่งบันทึกนั้นได้บอกอีกว่าชาวอิสราเอล (ชาวยิว) จะถูกบรรดาประชาชาติประเทศต่างๆ รวมตัวกันทำสงครามกับยิว คล้ายกันกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่แบ่งฝ่ายกัน แต่สงครามครั้งที่ 3 นี้จะใหญ่มาก และมีผลต่อทั่วโลกทั้งทางด้านอาหาร ความขัดแย้ง ภัยพิบัติทั่วโลก สนามรบ สมรภูมิรบนั้นอยู่ที่นี่ มาโกก ดินแดนแห่งโกก ซึ่งคือดินแดนที่อิสราเอล กำลังถูกโจมตี

    คอยติดตามดูนะ ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจริงหรือแค่โม้ ไม่มีจุดประสงค์ใดๆที่จะต้องโกหก ไม่ได้ประโยชน์อันใด แค่พิมพ์ก็ยาก...

    by admin on <ABBR class=published title=2010-01-23>23/01/2010</ABBR>

    ที่มา ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นแน่นอน

    หมายเหตุ

    29 พ.ย. 2010 ... ประเทศอิสราเอลพร้อมโจมตีอาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ในอิหร่าน ... นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบประธานาธิบดี มาห์มูด อาห์มาดิเนจัด กับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อีกด้วย ...

    ที่มา วิกิลีกส์ แฉเอกสารตอบโต้ของสถานฑูตสหรัฐอเมริกา | Siam Intelligence

    2010 - เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3 ( พฤศจิกายน 2010 - ตุลาคม 2014 )

    ตอนแรกก็ใช้อาวุธธรรมดา ต่อมาก็ตามด้วยนิวเคลียร์และอาวุธเคมี การนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ ทำให้ซีกโลกเหนือ จะไม่เหลือทั้งพืชและสัตว์ จากนั้นพวกมุสลิม จะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปที่ยังหลงเหลืออยู่ ผู้คนจะป่วยเป็นฝีหนองและมะเร็งผิวหนังกันมากจากผลของอาวุธเคมี

    2016 - ยุโรปแทบจะร้างผู้คน

    ที่มา คำทำนายโลกของคุณยายวานก้า(เรื่องจริง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • egypt058.jpg
      egypt058.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.6 KB
      เปิดดู:
      1,652
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2011
  3. bebe9

    bebe9 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +31

    คือท่าน มีนามว่า........

    แล้วท่านเป็นอะไร ต้องการอะไร

    แต่สิ่งที่เห็น ไม่น่าจะใช่กิริยาของสงฆ์ที่ควรพึ่งปฏิบัติค่ะ
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สิ่งที่เราเห็น อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราเห็นเสมอไป

    [​IMG]

    สิ่งที่เราเห็น อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราเห็นเสมอไป จะดีหรือชั่ว พวกเราซึ่งยังเป็นเพียงปุถุชน ย่อมไม่อาจจะตัดสินได้ ผมคิดว่าอย่าเสี่ยงจะดีกว่า ถ้าเกิดท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ แล้วเราไปปรามาสเข้าก็จะเป็นบาปกรรมไปเปล่าๆ

    ขอเชิญอ่านเรื่อง หลวงพ่อขี้งัว จาก คำสอน พระราชพรหมยาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2011
  5. ฟาสิรี

    ฟาสิรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2011
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +729
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อินเดีย..แผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์

    [​IMG]

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.9 ริกเตอร์ขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ใกล้กับพรมแดนเนปาล ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 คน

    สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.40 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 21.10 น.ตามเวลาในประเทศไทย โดยมีศูนย์กลางในรัฐสิกขิม และอยู่ใต้ดิน 19.7 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ไกลถึงกรุงนิวเดลี นครหลวงของอินเดีย หลังแผ่นดินไหวได้เกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอย่างน้อย 2 ครั้ง ขนาด 6.1 และ 5.3 ริกเตอร์ และผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวของอินเดีย เตือนว่าอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีกหลายระลอก

    แผ่นดินไหวทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 16 คนที่เมืองกังต็อก เมืองเอกของรัฐสิกขิม และที่เนปาล นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน เนื่องจากอาคารหลายหลังพังลงมา และทำให้เกิดโคลนถล่มตามมาด้วย

    แรงสั่นสะเทือนสร้างความตกใจให้ประชาชนเนปาลและบังกลาเทศ พากันวิ่งหนีออกจากบ้านเรือน สำนักงานและห้างสรรพสินค้า ขณะที่สมาชิกรัฐสภาเนปาลที่กำลังอภิปรายพระราชบัญญัติงบประมาณแผ่นดิน ในกรุงกาฐมาณฑุ ก็พากันวิ่งหนีออกมาจากอาคารรัฐสภาเข้าไปในลานจอดรถด้านนอก ก่อนกลับมาประชุมต่อในอีก 15 นาทีต่อมา

    ด้านนายกรัฐมนตรีมานโมฮาน ซิงห์ ของอินเดีย เสนอจะส่งกองกำลังไปช่วยเหลือ และเรียกประชุมฉุกเฉินคณะกรรมการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ขณะที่กองทัพอากาศอินเดียได้ส่งเครื่องบิน 5 ลำไปยังเขตภัยพิบัติแล้ว

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

    อินเดีย..กู้ัภัยพบผู้เสียชีวิตเหตุแผ่นดินไหว 63 ราย

    [​IMG]

    ความคืบหน้าในการกู้ภัยหลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ริกเตอร์ ล่าสุดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 63 คนแล้ว

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องขุดดินโคลนที่ถล่มลงมาปิดทางเข้าไปช่วยเหลือหมู่บ้านหลายพันแห่ง หลังจากเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 63 คนในหลายประเทศ สถานการณ์ขณะนี้ยังอันตรายมาก และยอดเสียชีวิตอาจพุ่งขึ้นอีก ขณะที่การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีลมมรสุมพัดถล่มบริเวณดังกล่าว ทำให้ฝนตกหนัก น้ำท่วม และมีแผ่นดินถล่มกีดขวางเส้นทางไปสู่พื้นที่ประสบภัย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิต 3 คนระหว่างเร่งกู้ภัยด้วย

    ตอนนี้กองทัพอินเดียได้ส่งกำลังทหารกว่า 5,000 นายเข้าไปช่วยเหลือ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ 9 ลำสามารถส่งอาหารให้หลายหมู่บ้านหลายแห่ง พร้อมส่งทีมแพทย์ และอพยพผู้บาดเจ็บบางส่วน ทางด้านจีนก็ส่งทหารกว่า 1,000 นายเข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยบริเวณชายแดนด้วยเช่นกัน

    สำหรับการเสียชีวิตส่วนใหญ่ในอินเดีย เกิดจากบ้านที่ทรุดตัวเนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกัน 4 วัน และเมื่อเกิดแผ่นดินไหว บ้านเหล่านี้ก็พังลงมา เฉพาะที่รัฐสิกขิมรัฐเดียวมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายมากกว่า 100,000 หลัง และอาจมีหลายหมู่บ้านที่มีคนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังเข้าไม่ถึง

    ที่รัฐเบงกอลตะวันตก เจ้าหน้าที่ต้องเร่งกู้ไฟฟ้าซึ่งดับเป็นวงกว้าง หลังจากแผ่นดินไหวทำให้สายไฟขาด นอกจากนี้ยังมีถนนขาดทำให้นักท่องเที่ยวตกค้างหลายร้อยคน ขณะที่ประชาชนหลายพันคนต้องไปอาศัยอยู่ในค่ายพักฉุกเฉินของรัฐบาล

    ล่าสุด รัฐบาลกลางอินเดีย ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตแล้ว 42 คน โดย 35 คนเสียชีวิตในรัฐสิกขิม 2 คนในรัฐพิหาร และ 5 คน ในรัฐเบงกอลตะวันตก, ส่วนเขตปกครองตนเองทิเบตของจีนมีผู้เสียชีวิต 7 คน และเนปาลมีผู้เสียชีวิต 7 คน ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 63 คน

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

    กัวเตมาลา..แผ่นดินไหว 5.8 ริกเตอร์

    [​IMG]

    เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ริกเตอร์ ขึ้นทางตะวันออกเฉียงใต้ของกัวเตมาลา เมื่อเวลา 12.34 น.ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 01.34 น.ตามเวลาในประเทศไทย

    โดยมีศูนย์กลางห่างจากกรุงกัวเตมาลาซิตี นครหลวงของกัวเตมาลา ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 51 กิโลเมตร และห่างจากเมืองเอสกุยน์ตลา ไปทางตะวันออกประมาณ 69 กิโลเมตร

    สำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ หรือ USGS รายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ดิน 39.4 กิโลเมตร เครือข่ายโทรทัศน์ CNN รายงานว่า แผ่นดินไหวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน

    จากนั้น ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีก 2 ครั้ง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.8 ริกเตอร์เท่ากัน แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้เกือบทั่วประเทศ และทำให้เกิดดินถล่มลงมาบนทางหลวงที่จะไปยังเอลซัลวาดอร์ เพื่อนบ้าน ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวในเมืองกุยลาปา ซันตา โรซา ทำให้รถถูกดินทับ 1 คัน

    ตำรวจดับเพลิงโบลิเวียยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 1 คนในเมืองกุยลาปา ซันตา โรซา เป็นผู้หญิงวัย 28 ปี ชื่อ ฟลอร์ เอสโกบาร์ เด เฮซุส ที่เสียชีวิตเมื่อกำแพงบ้านของเธอพังลงมาทับ อาคารสาธารณะต่างๆ ในเขตนี้ถูกอพยพ โรงเรียนเลิกเรียนก่อนกำหนด

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

    จีนเร่งอพยพคนหนีน้ำท่วมที่มณฑลเสฉวน

    [​IMG]

    ฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ทำให้มณฑลเสฉวน ทางตะวันออกเฉียงเหนือจมอยู่ใต้น้ำ มีผู้เสียชีวิต 2 คน และสูญหายอีก 9 คน

    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่าแม่น้ำชีเจียงและปาเหอ และแม่น้ำสาขาของทั้งสองสายระดับน้ำสูงเกินระดับอันตรายไปแล้ว ส่งผลให้ต้องเร่งอพยพประชาชนหลายพันคนไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะที่ตำรวจก็ระดมกำลังเข้าไปร่วมในปฏิบัติการกู้ภัย เตรียมพร้อมทั้งเรือพลังงานไอน้ำและเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็น รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์สำหรับกรณีฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น

    ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแลน้ำท่วมสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเมืองปาจง,กว่างหยวน,และเต๋อหยาง โดยที่เมืองปาจงมีผู้เสียชีวิต 2 คน เนื่องจากบ้านพังลงมาทับเนื่องจากฝนตกหนัก ขณะที่เกิดดินถล่มที่เขตนานเจียง บ้านจมอยู่ใต้โคลนไป 6 หลัง ส่วนนาข้าวก็ถูกน้ำท่วม พืชผลการเกษตรได้รับความเสียหาย โดยหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุดก็คือเมืองปาจง เนื่องจากเขตเศรษฐกิจถูกน้ำท่วมสูงถึงชั้นที่สอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้วิธีตัดเหล้กดัดแล้วช่วยอพยพคนออกมาจากอาคารที่น้ำท่วมสูง สถานการณ์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายเนื่องจากฝนยังตกลงมาไม่หยุดและระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

    ปากีสถาน..ยูเอ็นวอนช่วยเหยื่ออุทกภัย

    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่สหประชาชาติและรัฐบาลปากีสถาน วอนนานาชาติช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในปากีสถานซึ่งทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยหลายหมื่นคน

    ทิโม ปักกาลา ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ แถลงข่าวที่กรุงอิสลามาบัดเรียกร้องให้นานาชาติช่วยกันบริจาคเงิน 357 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 10,845 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ปากีสถานที่กำลังเผชิญภัยน้ำท่วมอย่างหนัก ทำให้มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและอาหารการกิน นอกจากนี้ผู้ประสบภัยโดยเฉพาะเด็กๆ ยังเผชิญโรคภัยไข้เจ็บและโรคระบาดที่เกิดจากน้ำท่วมอีกด้วย

    สำหรับยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยครั้งใหม่ในภาคใต้ของปากีสถาน ขณะนี้มีเกือบ 300 คนแล้ว ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยมีกว่า 6 ล้านคน โดยเฉพาะในจังหวัดสินธุ์ ผลผลิตข้าวใน 23 อำเภอเสียหายย่อยยับ เช่นเดียวกับไร่อ้อยและสวนกล้วย ประชาชนใน 31,000 หมู่บ้านได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากมีบ้านเรือนประชาชนที่เสียหายบางส่วนเกือบ 900,000 หลัง และที่เสียหายทั้งหลังอีกกว่า 500,000 หลัง ปศุสัตว์สูญหายกว่า 80,000 ตัว

    ส่วนประชาชนซึ่งไร้ที่อยู่อาศัยตอนนี้มีกว่า 410,000 คน ทั้งหมดอาศัยแออัดอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวจำนวน 2,656 แห่ง รวมทั้งที่อาศัยอยู่ตามโรงเรียนและสถานที่ราชการ


    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

    เครื่องบินสงครามโลกตกเป็นลำที่สองขณะบินโชว์ที่สหรัฐ

    [​IMG]

    เครื่องบินรบสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่นำมาบินโชว์ในงานแอร์โชว์ที่เวอร์จิเนียตกสหรัฐอเมริกา ตกอีกลำแล้วเมื่อวานนี้

    เครื่องบินรบเก่าแก่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองลำนี้ เป็นหนึ่งในเครื่องบิน 6 ลำของทีมงานบินโชว์ที-28 วอร์เบิร์ด ซึ่งเครื่องยนต์เกิดขัดข้องขณะที่กำลังแปรขบวนกลางอากาศในงานแอร์โชว์ที่เมืองมาร์ตินสเบิร์ก ในเวอร์จิเนียตะวันตก โดยตกลงสู่พื้นรันเวย์ โชคดีที่จุดซึ่งเครื่องบินตกอยู่ห่างจากคนดู ทำให้นักบินเสียชีวิตเพียงคนเดียว

    ผิดกับกรณีอุบัติเหตุแอร์โชว์ที่เนวาด้าเมื่อวันศุกร์ ที่เครื่องบินประจัญบานพี-51 สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ตกใกล้จุดคนดู ทำให้คนดูเสียชีวิตถึง 8 รายบาดเจ็บอีก 50 คนเนื่องจากโดนเศษเหล็กของซากเครื่องบินกระเด็นใส่ ส่วนนักบินเสียชีวิตคาที่

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันจันทร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1316416083.jpg
      1316416083.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.5 KB
      เปิดดู:
      1,634
    • 1316475443.jpg
      1316475443.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.6 KB
      เปิดดู:
      1,630
    • 1316480833.jpg
      1316480833.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.1 KB
      เปิดดู:
      1,650
    • 1316411808.jpg
      1316411808.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.1 KB
      เปิดดู:
      1,568
    • 1316389668.jpg
      1316389668.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.5 KB
      เปิดดู:
      1,642
    • 1316344337.jpg
      1316344337.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.2 KB
      เปิดดู:
      1,589
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ดินไหวเขย่า "อินเดีย-เนปาล" ตายเจ็บพุ่งนับร้อย </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>วันที่ 19 ก.ย. บีบีซีรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวระดับ 6.9 ริกเตอร์ ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกระดับ 6.3 และ 6.1 ริกเตอร์ บริเวณรัฐสิกขิม

    และพื้นที่ภูเขาในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย รวมถึงพื้นที่บางส่วนในเนปาล แรงสั่นสะเทือนไปไกลถึงบังกลาเทศ ภูฏาน และทิเบต พบผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 53 ราย บาดเจ็บกว่า 70 คน คาดว่าอาจพบเพิ่ม เพราะอาคารที่ถล่มอีกหลายหลังยังรอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบหาผู้ประสบภัย หรือร่างของผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซาก

    พื้นที่เสียหายร้ายแรง ได้แก่ เมืองกังต๊อก ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหวราว 60 กิโลเมตรทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และลึกจากพื้นผิว 19.7 กิโลเมตร เป็นเหตุให้สายโทรศัพท์ และไฟฟ้าถูกตัดขาด ถนนเส้นหลักในเมือง 2 สาย แยกเป็นรอยร้าว อาคารบ้านเรือนหลายแห่งถล่มราบเป็นหน้ากลอง

    สำหรับผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในรัฐสิกขิม โดย 1 รายจากรัฐพิหารถูกเหยียบจนเสียชีวิต

    ระหว่างหนีเอาตัวรอดท่ามกลางฝูงชนที่แตกตื่น ส่วนเนปาลมีรายงานผู้ตาย 5 ราย มีพ่อและลูกวัย 8 ขวบ ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านที่เกิดเหตุ ก่อนถูกกำแพงสถานทูตอังกฤษประจำกรุงกาฐมาณฑุหล่นทับ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา อีก 2 ราย จากเมืองธารานในเขตสุนสารี มีเด็กเล็กวัยเพียง 5 ขวบ รวมอยู่ด้วย

    ด้านนายอาจิต เซธ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยกู้ภัยจากเขตใกล้เคียงได้ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านในรัฐสิกขิม และร่วมหารือกับสำนักงานการจัดการภัยพิบัติแห่งชาติตามที่นายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมเป็นการเร่งด่วน

    ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทย แจ้งว่า ยังไม่พบคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว

    ซึ่งจากข้อมูลของสถานทูต มีคนไทยอยู่ในอินเดีย ราว 3,200 คน แต่ไม่มีในรัฐสิกขิม ขณะที่เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวส่งผลกระทบไปถึงกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาลด้วย ตรวจสอบแล้ว ไม่มีคนไทยบาดเจ็บ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ตะลึงจับลักลอบค้าเนื้อสุนัข37ตัว </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>อัดแน่นเต็มกระบะท้าย ลำเลียงขนไปส่งให้แก่นายทุน พร้อมเครื่องมือจับสุนัข พบประทัดกลมคล้ายระเบิดปิงปอง


    วันนี้ (19 ก.ย.54 ) เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สภ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีรถยนต์น่าสงสัยคาดว่าจะบรรทุกสุนัขเข้ามาในเขตตำบลด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกไปดักซุ่มที่บริเวณบ้านด่านม่วงคำ สายบ้านดงน้อย – อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ เห็นรถยนต์กระบะที่ต้องสงสัย จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับหลบหนีเข้าไปในหมู่บ้านด่านม่วงคำ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถไล่ติดตามอย่างกระชัดชิด และระหว่างนั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆและมีกลุ่มควันหนาทึบ จึงได้ชะรอความเร็วลงเกรงว่าจะเกิดอันตราย ต่อมาสามารถตรวจยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเทา หมายเลขทะเบียน บน 7277 พิษณุโลก

    ตรวจค้นภายในรถยนต์พบผู้ต้องหา 1 คน นั่งอยู่ด้านหลังของคนขับ ส่วนคนขับได้วิ่งหลบหนีไปได้ เมื่อเปิดผ้าคลุมกระบะท้ายรถพบสุนัขที่อัดกันแน่นมีเสียงร้องครวญคราง จำนวน 37 ตัว และภายในรถยังพบอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร 2 เครื่อง ลูกประทัดกลมระเบิดปิงปอง จำนวน 4 ลูก รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือจับสุนัข

    จากนั้นได้นำผู้ต้องหา คือนายสมาน แดงมี อายุ 36 ปี

    อยู่บ้านเลขที่ 23/1 หมู่ 3 ต.นาอิน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ไปสอบสวนที่ สภ.โคกศรีสุพรรณ โดยให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับเพื่อน คือ นายธีระพันธ์ พุ่มเพียร และนายสมโภช ภูมิคอมสาร ทั้ง 2 คนเป็นชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ที่หลบหนีการจับกุม และบอกด้วยว่านายธีระพันธ์ พุ่มเพียร ผู้ชักชวนให้มาขนสุนัขเพื่อนำไปส่งให้แก่นายทุน ( ผู้ประกอบการที่บ้านท่าแร่) ซึ่งมีครอบครัวอยู่บ้านท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร แต่ยังปฏิเสธการรับค่าจ้างขน จากนั้นจึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกศรีสุพรรณ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

    ด้านนายสมโภช ศุขวัฒนา นายอำเภอโคกศรีสุพรรณ กล่าวว่า สุนัขทั้งหมดที่ตรวจยึดได้คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ

    ส่งตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลเรียบร้อยถึงจะดำเนินการต่อ ขณะนี้ต้องพักสุนัขรอไว้ที่นี่ก่อนเป็นการชั่วคราว และให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์คอยดูแลรักษาเกี่ยวกับโรคสุนัข ขณะที่นายวิสุทธิ์ เอื้อกิ่งเพชร นายสัตวแพทย์ชำนายการ เปิดเผยว่า สุนัขที่ถูกกักขังอยู่เป็นเวลานานเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เพราะอยู่กันอย่างแออัดอากาศไม่เพียงพอ เบื้องต้นได้นำพัดลมขนาดใหญ่เพื่อระบายอากาศถ่ายเทได้สะดวก ส่วนการดูแลรักษาคงต้องตรวจดูสุนัขทุกตัวว่าติดเชื้อมีโรคหรือไม่.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> กทม.ยอมรับติดกล้องปลอม-อ้างเอาไว้หลอกผู้ชุมนุม </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>วันที่ 19 ก.ย. นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า จากกรณีเว็บไซต์พันทิป ดอทคอม

    มีการโพสต์กระทู้ฮอตในห้องรัชดา ว่า โครงการที่กทม.ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) 10,000 ตัวทั่วกรุงเทพฯ เพื่อลดอาชญากรรม แต่พบว่ากล้องหลายพื้นที่มีแต่กล่องไม่มีตัวกล้องอยู่ข้างในนั้น โครงการดังกล่าวได้เกิดขึ้นในสมัยที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. โดยสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อดูแลพื้นที่กทม. โดยเฉพาะช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมือง เดือนเม.ย. 2552 เป็นต้นมา แต่ปรากฏว่าทางกทม.ในขณะนั้นไม่มีงบประมาณเพียงพอ จึงได้มีแนวคิดให้ติดตั้งกล้องหลอกหรือกล้องดัมมี่ ในการเฝ้าระวังพื้นที่เพื่อให้ผู้ชุมนุมเกรงกลัวในการกระทำความผิดต่อชีวิตและทรัพย์สิน

    แต่เมื่อในยุค ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. มีโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีวีทีวี) ในพื้นที่กรุงเทพฯ

    ตามนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาล 2 หมื่นตัว ทั่วกทม. และมีการตั้งป้ายประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่นำป้ายประชาสัมพันธ์ไปติดที่เสาของกล้องดัมมี่ จึงทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด จึงได้สั่งการให้ สจส. เร่งแก้ไขและชี้แจงประชาชนโดยเร็วที่สุด


    ด้านนายสุธน อาณากุล ผอ.กองพัฒนาระบบจราจร สจส. กล่าวว่า กล้องดัมมี่มีอยู่ทั่วกทม. ประมาณ 500 จุด

    อาทิ ในบริเวณโรงพยาบาล หรือ โรงเรียนต่างๆ รวมทั้งในบริเวณที่มักจะมีการชุมนุมทางการเมือง หรือชุมนุมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพระนคร จะติดตั้งกล้องดัมมี่ทั่วถนนราชดำเนิน และเขตดุสิต ในขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนมาขอภาพเพื่อนำไปเป็นหลักฐาน แต่กทม. ก็ระบุว่าเป็นกล้องเสีย แต่ที่สุดแล้วเมื่อประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นกล้องดัมมี่ ตนก็ต้องขอโทษ จากนี้จะเร่งแก้ไขโดยการนำกล้องมาติดตั้งในจุดดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง ในส่วนของโครงการติดตั้งซีวีทีวี ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามนโยบายประชาวิวัฒน์ของรัฐบาล 1 หมื่นตัวนั้นสามารถใช้การได้จริงและจะมีการติดตั้งเพิ่มเติมอีก 2 หมื่นตัว ภายในต้นปี 2555



    หมายเหตุ : ภาพโดย ′50 first date′ ห้องรัชดา เว็บพันทิป ดอท คอม ผู้ตั้งกระทู้เรื่องกล้องวงจรปิดหมื่นตัวในกทม. ไม่ได้มีกล้องอยู่ภายในทุกตัว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ภาพจาก voiceTV
    MThai News : กรมสรรพสามิต ได้ขึ้นรายละเอียดเกี่ยวกับการรับคืนเงินรถยนต์คันแรกแล้ว ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีผลบังคับตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธ.ค. 2555 พร้อมกับเปิดให้ดาวน์โหลดแบบฟอร์มต่างๆ
    รายละเอียดรถและรุ่นที่สามารถคืนเงินรถยนต์คันแรกได้ เป็นรถยนต์นั่ง 212 รุ่น , รถยนต์นั่งที่มีกระบะ(Double Cab) 617 รุ่น , รถยนต์กระบะ(Pick Up) 610 รุ่น
    ตรวจสอบรุ่นรถทั้งหมด ที่สามารถขอคืนเงินรถยนต์คันแรก ได้ที่นี่
    - รถยนต์นั่ง คลิกที่นี่
    - รถยนต์นั่งที่มีกระบะ(Double Cab) คลิกที่นี่
    - รถยนต์กระบะ(Pick Up) คลิกที่นี่
    ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก
    - แบบฟอร์ม คำขอคืนเงินและเงื่อนไขสาหรับรถยนต์คันแรก
    - แบบฟอร์ม หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์คันแรกภายใน 5 ปี
    - ตัวอย่าง แบบฟอร์ม หนังสือแจ้งผลการได้รับสิทธิจากกรมสรรพสามิต
    Mthai News

    [​IMG] กระห่างหางยาว

    รายงานข่าวแจ้งว่าเหตุการณ์พบกระห่างหางยาว สัตว์หายากอีกชนิดในครั้งนี้เกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งนายณัฐวุฒิ สงวนทรัพย์ อายุ 38 ปี อาชีพช่างศิลป์อิสระได้เล่าว่า ขณะที่ลูกสาวได้เข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำนั้น
    จู่ๆ ก็ร้องตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน ก่อนจะวิ่งมาหาตนด้วยความตกใจและบอกว่ามีสัตว์ประหลาดอยู่ในห้องน้ำ จึงเข้าไปดูและพบว่าเป็นตัวจิ้งเหลนชนิดหนึ่ง แต่หางมันยาวกว่าลำตัวเป็นอย่างมาก ตนจึงเก็บไว้ได้ดูเล่น จากนั้นจึงทำการศึกษาและพบว่ามันมีชื่อว่า ตัวกระห่างหางยาว เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่หายากมาก
    ด้านนายเอิบ เชิงสะอาด ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง ) เผยว่า กระห่างหางยาว เป็นสัตว์ที่หายากมาในปัจจุบัน มันจะมีลักษณะคล้ายกับตัวจิ้งเหลน แต่หางของมันจะยาวกว่าลำตัว 4-5เท่า
    ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ป่าสมบูรณ์ และพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนตัวที่พบคาดว่าจะมีคนนำมาเลี้งและหลุดออกมาก็เป็นได้ เบื้องต้นได้แนะนำให้นายณัฐวุฒิ นำมันกลับสู่ป่าเพื่อให้มันใช้ชีวิตอยู่ในธรรมชาติต่อไป


    เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วม

    [​IMG]

    อัพเดตสถานการณ์น้ำท่วม 20 กันยายน 54

    09.55 น. ปภ.ชลบุรี : จะมีร่องมรสุมพัดผ่านประเทศไทย ขอให้ประชนระมัดระวังฝนตกหนักในระยะนี้ เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงนี้
    09.25 น. อุทัยธานี : ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง 4 ตำบล ในเขตอำเภอเมืองอุทัยธานียังวิกฤต ผู้ว่าราชการจังหวัด เตรียมลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนใน ต.หาดทนง อ.เมือง
    07.30 น. อุตุฯ : ประกาศเตือนภัยฉบับที่ 5 ฝนตกหนักช่วง 20-23 ก.ย.
    ประกาศเตือนภัย “ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย ” ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 20 กันยายน 2554
    บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดตอนกลางของประเทศไทยในช่วงวันที่ 20-23 กันยายน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหล ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่เกิดขึ้นได้ สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือขนาดเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะ2-4 วันนี้
    ……………………………………………………………………………………………..
    19 กันยายน 2554
    17.40 น. ตาก : เขื่อนภูมิพลรับน้ำได้อีกแค่ 11% ขณะนี้มีระดับน้ำ 11,870 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถจุน้ำได้อีก 1,586 ล้านลูกบาศก์เมตร
    17.35 น.ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการ และการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)
    - ขณะนี้ยังมีน้ำท่วม 26 จังหวัด ยอดเสียชีวิต 112 ศพ สูญหาย 2 ราย
    - สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ได้แก่
    ลุ่มน้ำน่าน ที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
    ลุ่มน้ำปราจีนบุรี ที่อ.กบินทร์ จ.ปราจีนบุรี
    ลุ่มน้ำมูล ที่อ.พิมาย จ.นครราชสีมา / อ.เมือง จ.อุบลราชธานี / อ.สตึก อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ และอ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
    ลุ่มน้ำชี ที่อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร
    ลุ่มน้ำโขง ที่อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร
    ลุ่มน้ำสะแกกรัง ที่อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    ลุ่มน้ำท่าจีน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และอ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    - ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ 3,935 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,706 ลบ.ม./วินาที
    ส่งผลให้มีน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณ 8 จังหวัดได้รับผลกระทบ ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี
    16.00 น. นนทบุรี : แม่น้ำเจ้าพระยา เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี สูง 50 ซ.ม. ส่งผลให้เด็กนักเรียนเดือดร้อน ผอ.โรงเรียน ขอรับบริจาคสิ่งของ
    15.30 น. น่าน : พบรอยดินแยก เตือนชาวบ้านพร้อมอพยพ
    เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบรอยดินแยก ที่บริเวณสันเขา ในพื้นที่ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1.5 กิโลเมตร / เป็นรอยแยกกว้างเกือบ 1 เมตร เป็นแนวยาวติดต่อกันเกือบ 100 เมตร และขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ยังเกิดฝนตกหนักและมีการเคลื่อนตัวของดิน จึงต้องรีบออกจากพื้นที่ทันที พร้อมเตือนชาวบ้านเฝ้าระวังดินถล่ม และเตรียมพร้อมอพยพ
    14.30 น. สุโขทัย : ยังคงมีภาวะน้ำท่วมหนักอยู่ในหลายตำบลของเขต อ.เมืองและ อ.กงไกรลาสโดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ บางหมู่บ้านระดับน้ำท่วมพื้นที่สูงกว่า 2 เมตรเช่นที่บ้านสามหมื่น , บ้านวังสะพาน ต.ปากพระ อ.เมือง และ หลายหมู่บ้านในตำบลบ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาส
    โรงเรียนและสถานศึกษาต้องประกาศหยุดเรียนเป็นเวลา 3 วัน คือตั้งแต่วันนี้ (19 ก.ย.) ถึง วันพุธที่ 21 ก.ย.
    14.25 น. พิษณุโลก : แม่น้ำน่านเมืองพิษณุโลกอยู่ระดับ 10.88 เมตร สูงกว่าระดับตลิ่ง 10.54 เมตร
    ส่วนที่ ม.6 ต.หอกลอง อ.พรหมพิราม น้ำยังล้นตลิ่งอยู่ และซ่อมแนวตลิ่งได้ยาก ทำให้น้ำไหลล้นเข้าไปคลองสระโคล่ คลองโคกช้าง ต.อรัญญิก จนเกิดน้ำท่วมขังอยู่
    14.00 น. นนทบุรี : น้ำท่วมชุมชนเกาะเกร็ด ระดับน้ำอยู่สูงถึง 50 ซ.ม. โรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงเดือดร้อน นักเรียนเดินทางมาสอบไม่ได้
    11.30 น. : น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่ง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เสริมแนวกั้นน้ำ
    11.00 น. อุตรดิตถ์ : ผอ.เขื่อนสิริกิตื์เผย น้ำในเขื่อนยังจุได้อีก 4% ขณะยี้มีระดับน้ำอยู่ที่ 9,100 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับ 95.75 %
    10.50 น. สิงห์บุรี : หลังประตูน้ำพระงาม และประตูน้ำกระทุ่มโทง อ.พรหมบุรี คอนกรีตข้างสันเขื่อนพังลงมา น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลลงสู่แม่น้ำน้อยอย่างรวดเร็ว ทำให้บ้านเรือนประชาชนที่อยู่สองฝั่ง ถูกน้ำท่วมเสียหาย ตั้งแต่ อ.โพธิ์ทอง ถึง อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง และบางตำบลใน อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
    10.30 น. อุบลราชธานี :
    - แม่น้ำมูลบริเวณสะพานประชาธิปไตยสูงกว่าระดับเตือนภัย 2.19 เมตร
    - แม่น้ำโขงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและหนุนเข้ามายังบริเวณแม่ น้ำสองสี ซึ่งเป็นปากทางออกของแม่น้ำมูล ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมตัวเมือง ระดับน้ำสูงอย่างต่อเนื่องวันละ 10 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องอพยพมาอยู่ริมฝั่งถนน จนเกิดปัญหาเดือดร้อนหนักเรื่องสุขา
    10.20 น. ชัยภูมิ : ระดับแม่น้ำชียังคงทรงตัว หลังเข้าท่วม 3 อำเภอที่อยู่ติดกับแม่น้ำชี ได้แก่ อ.เมือง อ.บ้านเขว้า และอ.จัตุรัส ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย
    09.15 น. ชัยนาท : 4 อำเภอที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาน้ำทักลักท่วมหนัก น้ำเพิ่มสูงขึ้น 10 ซ.ม.ขณะนี้ได้มีการแจ้งให้อพยพประชาชนในพื้นที่ ต.มะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
    09.10 น. อ่างทอง : ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยทั้งจังหวัดแล้ว น้ำได้ไหลเข้าท่วมทั้งสถานที่ราชการสำคัญ ตลาดสด รวมถึงพื้นที่การเกษตร ได้รับผลกระทบจำนวน 11 อำเภอ 100 ตำบล 799 หมู่บ้าน
    09.05 น. ลพบุรี : ยังมีน้ำท่วมทั้งจังหวัด ทั้งหมด11 อำเภอ เช้าวันนี้ระดับน้ำในแม่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ยังทรงตัว แต่จากข้อมูลพบว่า จะมีน้ำระลอกใหม่ไหลมาสบทบ
    09.00 น. กรมอุตุฯ : ประกาศจากกรมอุตุฯ ฉบับที่ 2
    • ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศพม่าและประเทศลาวตอนบนเริ่มเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณภาคเหนือและ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่
    • ร่องมรสุมนี้จะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างประมาณวันที่ 20-23 ก.ย.
    • มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นขอให้ประชาชนระมัดระวังฝนตกหนักในระยะนี้
    …………………………………………………………………………………………………..………………………………..
    18 กันยายน 54
    13.15 น. ศอส. : ศอสย้ำ 8 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี เตรียมรับน้ำล้นตลิ่งที่เพิ่มสูงขึ้นในวันที่ 19-20 กันยายน 2554 นี้ พร้อมสั่งการให้จังหวัดเร่งเสริมคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น และจัดเจ้าหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ เพื่อลดความขัดแย้งและเหตุทะเลาะวิวาทด้วย
    12.28 น. : อุทัยธานี :กรมทางหลวง จ.อุทัยธานีประกาศปิดเส้นทางการเดินรถบนทางหลวงหมายเลข333 จากสายเอเชียหลังระดับน้ำท่วมสูงทั้ง4เลนยาวกว่า16กม.รถเล็กสัญจรไม่ได้
    11.30 น. นครสวรรค์ : ในวันที่18-20 ก.ย.นี้ คาดว่า ระดับน้ำที่จ.นครสวรรค์ จะขึ้นสูงสุดที่ 3,800 – 3,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่หากเป็นไปตามที่คาดก็จะทำให้น้ำที่ชัยนาทเพิ่มขึ้นถึง 30 เซนติเมตร เบื้องต้นทางกรมชลประทานได้เตือนให้ประชาชนอพยพเคลื่อนย้ายสิ่งของให้พ้นน้ำแล้ว
    09.31 น. นครราชสีมา : โคราชใกล้วิกฤต 4 เขื่อนน้ำใกล้เต็ม
    4 เขื่อนที่โคราชวิกฤตหลังมีปริมาณน้ำเกือบเต็มความจุแล้ว ด้านผู้ว่ายันต้องผันลงสู่ลำน้ำสาขาใต้เขื่อนเพื่อรองรับมรสุมลูกใหม่ที่เข้ามาในวันระหว่าง 18-20 ก.ย. ทำให้พื้นที่ลุ่มในหลายพื้นที่ใน จ.นครราชสีมาถูกน้ำท่วมขังแล้ว
    อย่างไรก็ดีได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเร่งเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร พร้อมทั้งประกาศพื้นที่ของ อ.ปากช่อง สีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ เมืองนครราชสีมา วังน้ำเขียว ปักธงชัย โชคชัย และอ.เฉลิมพระเกียรติ เป็นเขตภัยพิบัติในส่วนที่ถูกน้ำท่วมแล้ว
    …………………………………………………………………………………………………..………………………………..
    17 กันยายน 54

    19.40 น. สิงห์บุรี : หน้าโรงพยาบาลอินทร์บุรี หมู่ 1 ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี น้ำไหลกัดเซาะคันดิน จนพังทลาย ส่งผลกระทบให้น้ำไหลเข้าท่วมทุ่งทับยา ทุ่งบางพระนอน ทุ่งปากแรด ซึ่งเป็นพื้นที่นาข้าวเนื้อที่กว่า 10,000 ไร่
    17.45 น. พิจิตร : น้ำจากภาคเหนือ และจาก จ.พิษณุโลก ที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ทำให้วันนี้ระดับน้ำมีปริมาณสูงขึ้น 5-10 ซ.ม. ทำให้ 664หมู่บ้าน ต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ยังสามารถเข้าออกหมู่บ้านได้ ด้วยการเดินทางด้วยเรือท้องแบน
    17.40 น. เพชรบูรณ์ : ต.สะเดียง ต.นาป่า ต.ดงมูลเหล็ก และ ต.ระวิง ระดับน้ำท่วมสูงตั้งแต่ 50 ซ.ม. จนถึง 1 เมตร จนทำให้ถนนที่ใช้สัญจรผ่านไปมาถูกตัดขาด ซึ่ง ทางกองพลทหารม้าที่ 1 ได้จัดส่งรถบรรทุกยีเอ็มซี และกำลังพล ออกช่วยรับส่งชาวบ้านที่จำเป็น
    12.25 น. กาฬสินธุ์ ระดับน้ำในเขื่อนลำปาวสูงถึง 90% ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ที่ 8.55 ม.
    ขณะที่พื้นที่น้ำล้นตลิ่งได้ขยายกว้างออกเป็น 5 อำเภอ ที่ประกอบด้วยอ.เมือง อ.ยางตลาด อ.ร่องคำ อ.ฆ้องชัย และอ.กมลาไสย
    12.20 น.กรุงเทพฯ ระดับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีกครั้ง บางจุดอยู่ห่างจากแนวคันกั้นน้ำเพียง 60 เซนติเมตร
    ส่วนพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือแนวคันกั้นน้ำของกรุงเทพ เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายจำนวน 1 คันรถ มาเสริมแนวคันกั้นน้ำ
    10.40 น. อ่างทอง : ที่อ.วิเศษชัยชาญ ปริมาณน้ำในแม่น้ำน้อย เพิ่มสูงกว่าตลิ่ง 27 ซ.ม.แล้ว หลังประตูระบายน้ำพระงามพัง
    10.30 น. พิษณุโลก : แม่น้ำน่านไหลทะลักเข้าภายในตำบลหัวรอ อ.เมือง กัดเซาะด้านล่างของแนวกั้น บริเวณหน่วยพัฒนาทหารเคลื่อนที่ที่ 34 หรือ โรงทอเก่า ด้านใต้วัดตาปะชาวหาย
    …………………………………………………………………………………………………..
    16 กันยายน 54
    13.40 น. ชัยภูมิ : สะพานที่เชื่อมอำเภอบ้านเขว้าและอำเภอบัวระเหวถูกน้ำชีไหลเข้าท่วมอย่างรุนแรง ส่งผลให้สะพาน ถูกน้ำพัดพังเสียหายทั้งหมด น้ำท่วมสูงกวา 1 เมตร เจ้าหน้าที่ ได้สั่งปิดถนนทุกสาย โดยเฉพาะเส้นทางจากอำเภอบ้านเขว้า ไปยังจังหวัดนครสวรรค์ ระยะทางยาวกว่า 29 กิโลเมตร ซึ่งประชาชน จะต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางผ่านอำเภอจัตุรัส เพื่อความปลอดภัย
    11.40 น. เพชรบูรณ์ : เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก อ.หล่มสัก ระดับน้ำที่ท่วมขังได้ลดระดับลงจนแทบเป็นปกติแล้ว แต่ในพื้นที่ในตำบลรอบนอกของ อ.หล่มสัก ยังตกอยู่ในสภาพถูกน้ำท่วมหนัก ชาวบ้านบ้านนครเดิด ต.บ้านกลาง เริ่มได้รับความเดือดร้อน เพราะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม
    10.30 น. ปทุมธานี : ชุมชนหลังวัดบางหลวง ม.4 ต.บ้านฉาง อ.เมือง กลายสภาพเป็นเกาะกลางน้ำจมอยู่ในน้ำลึกกว่า 1เมตร หลังแม่น้ำเจ้าพระยาทะลัก ชาวบ้านในชุมชนเกือบ 200 หลังคาเรือนต้องช่วยเหลือตัวเองโดยขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง
    10.15 น. ปภ. นครราชสีมา: เตือนประชาชนในจังหวัด นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่ม ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มที่จะเกิดขึ้น ในระหว่างวันที่ 18 -21 ก.ย. นี้
    09.25 น. พิษณุโลก : ระดับน้ำของแม่น้ำน่านที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 10.88 เมตร คาดการณ์ว่าอาจจะเพิ่มระดับถึง 11 เมตร ชาวบ้านจึงต้องเร่งทำแนวกระสอบทรายหน้าวัดใหญ่ให้แข็งแรง
    09.20 น. ชัยภูมิ : พนังกั้นน้ำชีช่วงไหลผ่านเขตเทศบาลตำบลหนองบัวระเหว ขาดยาวกว่า 3 กิโลเมตร ท่วมบ้านเรือนราษฎรจมสูงกว่า 1.5 เมตร ใน 3 หมู่บ้านเดือดร้อนหนักกว่า 150 หลังคาเรือน ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยชั่วโมงละกว่า 10 ซม.
    ชาวบ้านผวาฟาร์มจระเข้ 5 ตัวยาวกว่า 4 เมตร หลุดโผล่ใกล้บึง
    …………………………………………………………………………………………………………
    15 กันยายน 54
    17.45 น. พิษณุโลก : แนวกระสอบทรายใต้สะพานข้ามแม่น้ำน่าน ตำบลพลายชุมพล พังทลาย น้ำไหลทะลักเข้าท่วมเขตชุมชนฝั่งตะวันตกของตัวเมือง
    17.40 น.จ.อุตรดิตถ์ : สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ล่าสุดมีปริมาณน้ำร้อยละ 85 ของความจุ ขณะที่เขื่อนสิริกิต์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาณร้อยละ 95
    17.30 น. นครสวรรค์ : น้ำจากแม่น้ำปิงที่ไหลมาจากจังหวัดกำแพงเพชร ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ระดับน้ำสูง 50-150 เซนติเมตร ทำให้ร้านค้าต่างๆต้องเร่งเก็บของหนีน้ำขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหายในขณะที่บางส่วนต้องนำกระสอบทรายวางเป็นแนวกั้นน้ำกันเป็นจำนวนมาก
    16.30 น. ชัยภูมิ : น้ำป่าจากเทือกเขาพังเหย และเทือกเขาภูเขียวทะลักลงสู่แม่น้ำชีเข้าท่วมหมู่บ้านโนนเปลือย ต.ตลาดแร้ง และต.ภูแลนคา อ.บ้านเขว้า กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากไหลผ่านถนน ทำให้รถโดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ทะเบียน 30-1835 นครสวรรค์ ซึ่งพาผู้โดยสารมาเต็มคันกว่า 40 คน มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองชัยภูมิเกือบตกถนน จนท.ช่วยไว้ได้อย่างปลอดภัย
    16.10 น. อยุธยา : ระดับน้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำสูงกว่าแผ่นดินของวัดไชยวัฒนารามกว่า 170 ซม. ต้องเพิ่มตัวล็อคคานเหล็กและเพิ่มเสริมเสาค้ำยันตลอดแนวป้องกันน้ำท่วม
    15.45 น. เพชรบูรณ์ : น้ำในแม่น้ำป่าสัก ไหลทะลักท่วมบ้านเรือนราษฎรในเขตพื้นที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ประชาชนกว่า 1,000 คนอพยพมาศัยอยู่บนถนน
    15.40 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) : เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 16 จังหวัดได้แก่ เลย ชัยภูมิ หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร ให้พร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในวันที่ 15-16 ก.ย.นี้
    14.00 น. สุพรรณบุรี : เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา เขื่อนกั้นน้ำ แม่น้ำท่าจีนที่ จ.สุพรรณบุรี พัง น้ำทะลักท่วมตลาดเก้าห้อง และบ้านเรือนในตำบลบางปลาม้า อ.บางปลาม้า สูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านขนของไม่ทันวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น
    12.20 น. อยุธยา : ผู้ว่าฯ อยุธยาเตือน 17-18 ก.ย. น้ำมาอีกระลอก ส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้นอีก 50 เซนติเมตร ให้ประชาชนเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง
    12.00 น. ลำพูน : น้ำป่าไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 200 หลังคาเรือน ใน ต.ป่าสัก ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพูนสูงกว่า 1 เมตร เนื่องจากฝนตกหนักตลอด 2 วันที่ผ่านมา
    11.30 น. น่าน : ระดับน้ำในแม่น้ำน่านได้ขึ้นไปถึง 10.80 เมตรแล้ว ปริมาณน้ำไหลผ่านยังแรงและเร็วที่ 1,673 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อ วินาที
    10.40 น. กรุงเทพ : กรมชลฯ เตือนกรุงเทพ เตรียมรับมือน้ำท่วมกรุง เผยน้ำก้อนใหญ่จากเหนือถึงแน่ 19-20 ก.ย.นี้ ชี้สถานการณ์รุนแรงสุดรอบ 5 ปี
    10.30 น. ขอนเเก่น : ประกาศให้พื้นที่ 15 อำเภอ จากทั้งหมด 26 อำเภอ เป็นที่ประสบภัยน้ำท่วม หลังปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง และแรงน้ำหนุนจากแม่น้ำเชิญ และน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน
    10.00 น. พิษณุโลก : ระวังวิกฤติสูงสุด จัดเวรยามเฝ้าจุดเสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง แม่น้ำน่านได้เพิ่มระดับสูงมากทุกชั่วโมง จนทำระดับสูงสุด 10.78 เมตร
    09.40 น. พิจิตร : สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พิจิตร ทวีความรุนแรง และขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่อง หลังจากในพื้นที่เกิดฝนตกสะสมกันอย่างหนักรวมถึงเขื่อนขนาดใหญ่ทางภาคเหนือพร่องถ่ายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านในพื้นที่ท้ายเขื่อน อีกทั้งยังมีน้ำป่าจาก จ.พิษณุโลก ไหลหลากลงมาสมทบ ทำให้ทั้งน้ำฝน น้ำในแม่น้ำน่านและน้ำป่าไหลหลากลงผสมกันและทะลักเข้าท่วมพื้นที่ทั้ง 15 ตำบลเกือบ 100 หมู่บ้านในเขตอำเภอเมืองพิจิตร บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร
    09. 35 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.): ทุกจังหวัดลุ่มน้ำยังต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากฝนตกต่อเนื่องหลายพื้นที่ ส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งใน 6 จังหวัด คือ สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานีที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    09.40 น. สิงห์บุรี : สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดใน จ.สิงห์บุรี หลังจากที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีแตก ขณะนี้ระดับน้ำริมคลองเชียงรากท่วมสูงประมาณ 2.5 เมตร และยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพมาอาศัยอยู่บนถนนสายเอเชีย ซึ่งชาวบ้านบางส่วนได้ตัดพ้อว่ายังไม่เห็นเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ โดยมีชาวบ้านกว่า 600หลังคาเรือนเดือดร้อนหนัก อย่างไรก็ดีเชื่อว่าน้ำก้อนดังกล่าวได้ส่งผลกระทบถึง อ.ท่าวุ้ง และ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรีแล้ว
    09.14 น. กรมอุตุ : อุตุฯ เผยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนยังมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนทะเลทั้ง 2ฝั่งมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัย และติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
    09.11 น. จันทบุรี : น้ำป่าจากเทือก เขาคิชฌกูฎ ได้เข้าท่วมพื้นที่นายายอาม ระดับน้ำสูง 1 – 2 เมตร ส่งผลให้ 2 ตำบล คือ ตำบลวังใหม่ และตำบลวังโตนด ของอำเภอนายายอาม รวม 10 หมู่บ้าน ถูกน้ำท่วม ชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถออกมาจากบ้านได้ ขณะนี้ทางหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย ได้รุดนำเรือท้องแบนเข้าช่วยเหลือแล้ว
    …………………………………………………………………………………………………………………………………………….
    14 กันยายน 2554

    17.30 น. ศอส.: เตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจ.นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เสริมแนวคันกั้นน้ำให้สูงขึ้น รวมทั้งให้ขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
    15.05 น. สิงห์บุรี : เขื่อนบางโฉมศรี อำเภออินทร์บุรี แตกทำให้น้ำเริ่มไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดลพบุรี
    15.00 น. สุรินทร์ : อ่างเก็บน้ำในสุรินทร์ยังรองรับได้ แต่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล มีปริมาณสูงขึ้น เหลือเพียง 50- 80 เซนติเมตร จะล้นตลิ่ง
    12.00น. อุตรดิตถ์ : ขณะนี้ ได้ระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาเหยื่อดินโคลนถล่ม พร้อมเร่งให้เจ้าหน้าที่ อบจ.บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 500 ชุด นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยดินโคลนถล่มที่ ต.น้ำไผ่ , ต.บ้านด่านนาขาม และ ต.น้ำริด
    11.00 น. ลำพูน : ระดับน้ำลำน้ำกวงขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 5 เมตร และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ ต.บ้านแป้น ต.เวียงยอง และ ต.ต้นธง ของ อ.เมือง แล้ว
    10.55 น. อ่างทอง : น้ำล้นตลิ่งท่วมผิวการจราจรบนถนนหลักหลายสาย เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ บางจุดน้ำสูงกว่า 50 ซม. ต้องปิดการจราจรสองช่องทางทำให้การจราจรติดข้ด
    09.40 น. ปทุมธานี : น้ำท่วมตลาดสดศิริวัฒนา เขตเทศบาลเมืองปทุมธานี ต.บางปรอก อ.เมือง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปทุมธานี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เทศบาลนำกระสอบทราย มาช่วยกันกั้นน้ำแล้ว
    ลพบุรี : ประตูน้ำพัง น้ำทะลักท่วม อ.บ้านหมี่ อ.ท่าวุ้ง ผู้ว่าฯ สั่งอพยพคนและสัตว์เลี้ยงแล้ว
    09.35 น. เพชรบูรณ์ : ระดับน้ำในอ่างเก็บกักน้ำของกรมชลประทานทั้ง 4 แห่ง มีระดับสูงเกินกว่าปริมาณเก็บกัก ทำให้ล้นออกทางช่องระบายฉุกเฉิน
    นอกจากนี้ ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ และพื้นที่โดยรอบ น้ำจากแม่น้ำป่าสัก และน้ำที่ถูกระบายออกจากอ่างป่าแดง ทำให้พื้นที่ชุมชนใกล้แม่น้ำตกอยู่ในภาวะน้ำท่วมเช่นกัน
    09.30 น. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ : แจ้งเตือนว่า วันนี้ (14 ก.ย.) ถึงวันที่ 20 กันยายน อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง เนื่องจากมวลน้ำลูกใหญ่ ซึ่งมีปริมาณน้ำมากกว่าปีที่แล้ว ไหลผ่านลุ่มน้ำเจ้าพระยาบริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ
    …………………………………………………………………………………………………………………………………………….
    13 กันยายน 54
    18.00 น. ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.)
    ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในวันที่ 13-14 กันยายน 2554
    17.40 น. แพร่ : ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.เด่นชัย น้ำป่าไหลตามลำน้ำห้วยไร่ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนเสียหายกว่า 50 หลังคาเรือน
    17.30 น. นครสวรรค์ : ผู้ว่าฯ เตือน ประชาชนที่อาศัยอยู่ 2 ริมฝั่งแม่น้ำปิง บริเวณ อ.บรรพตพิสัย อ.เก้าเลี้ยว และ อ.เมืองนครสวรรค์ ให้เตรียมขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง เนื่องจากมวลน้ำขนาดใหญ่จากฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ จ.ตาก และกำแพงเพชร จะไหลถึงจังหวัดช่วงเที่ยงคืนวันนี้
    16.00 น. กรุงเทพ : กรมชลประทาน เตือน กรุงเทพ วันที่ 19- 20 ก.ย เจอน้ำเหนือก้อนใหญ่ ซึ่งมาจากแม่น้ำปิงในจังหวัดกำแพงเพชร และปริมาณน้ำจากลุ่มน้ำป่าสัก และในส่วนเจ้าพระยาตอนล่างคือ ปทุมธานีและนนทบุรี จะได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่มากขึ้น ดังนั้นให้แต่ละจังหวัดเร่งเสริมคันกั้นน้ำให้สูงในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 2 เมตรขึ้นไป
    15.26 น. แนวเขื่อนกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่นครสวรรค์พัง บ้านเรือนกว่า 800หลังจมน้ำิมิด
    แนวเขื่อนกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่นครสวรรค์ ได้พังลง หลังน้ำได้กัดเซาะแนวด้านล่างของพนังเขื่อน จนเป็นเหตุให้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักท่วมชุมนุนติดแม่น้ำ เช่นชุมชนสะพานเดชาติวงศ์ ชุมชนเทวดาสร้าง ชุมชนวัดเขาจอมคีรีนาคพรต อย่างรวดเร็ว จนบ้านเรือนประชาชนกว่า 800 หลังคาเรือนจมอยู่ใต้น้ำทันที ทำให้ประชาชนต่างเร่งขนของหนีน้ำเป็นการด่วน เบื้องต้นระดับน้ำได้สูงขึ้นกว่า 3เมตรแล้ว ด้าน กองพันทหารช่างที่ 4 ค่ายจิระประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ ได้นำเรือท้องแบนกว่า 20 ลำ พร้อมทั้งระดมกำลังช่วยอพยพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และขนย้ายข้าวของกันอย่างเร่งด่วนแล้ว
    14.10 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย :เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่มรวม 11 จังหวัด ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ให้เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในวันที่ 13-14 ก.ย.นี้
    12.55 น. กาฬสินธุ์ : เตรียมอพยพประชาชน หลังปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวเพิ่มต่อเนื่อง หวั่นพื้นที่ราบลุ่มเกิดน้ำท่วมใหญ่
    12.25 น. เชียงใหม่-ตาก-แม่ฮ่องสอน : กรมทรัพย์เตือน 3 จังหวัดภาคเหนือ เชียงใหม่-ตาก-แม่ฮ่องสอน ระวังดินถล่ม-น้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ โดยขอให้ประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยทางภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ อ.แม่แจ่ม อมก๋อย ฮอด จ.เชียงใหม่, อ.แม่สะเรียง สบเมย ขุนยวม แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน และบางพื้นที่ของ จ.ตาก เตรียมการรับมือภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นหลังพบปริมาณน้ำฝนสูง
    11.35 น. กรมชลประทาน : ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลรองรับน้ำไปแล้วกว่า 82% ขณะที่เขื่อนสิริกิติ์จุน้ำแล้ว 96%
    11.30 น. พิจิตร : บางจุดน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ล่าสุดน้ำท่วมแล้ว 664 หมู่บ้าน จากทั้งหมด 888 หมู่บ้าน ต้องปิดโรงเรียนแล้ว 84 แห่ง
    รางรถไฟสายเหนือช่วงสถานีพิจิตร-วังกลด ถูกน้ำท่วมรางรถไฟ เนื่องจากน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ น้ำจากการระบายของเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล รวมถึงเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ส่งผลให้น้ำก้อนใหญ่ไหลมาท่วม จ.พิจิตร
    11.10 น. พระนครศรีอยุธยา : ประกาศให้ชาวบ้านท้ายเขื่อนพระราม 6 ขนของขึ้นที่สูง เนื่องจากจะมีการระบายน้ำท้ายเขื่อนมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านในตลาด อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขยายวงกว้าง
    10.50 น. นครสวรรค์ : น้ำล้นและขยายวงกว้าง เป็น 8 อำเภอn เขตเทศบาลเมืองชุมแสง/เมืองนครสวรรค์ หวั่นน้ำปิงมาเพิ่ม
    10.20 น. ตาก : เขตเทศบาลนครแม่สอดเริ่มถูกน้ำท่วมแล้วเช่นกัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้
    นครสวรรค์ : น้ำในบึงบอระเพ็ดไหลเข้าท่วมถนนสายนครสวรรค์-ชุมแสง รวมทั้งจุดที่ชาวบ้านบางกลุ่มอพยพมาตั้งเต็นท์
    10.15 น. สิงห์บุรี : น้ำที่ไหลผ่านเพิ่มสูง 30 ซ.ม.ปิดถนนเส้นสิงห์-อ่างทอง/แนวคันดินพังทำน้ำท่วมนาในอ.ท่าช้าง900 ว่าไร่
    10.10 น. กรมทรัพยากรธรณี : ประกาศเตือนว่า ให้ 6 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ระยอง และจันทบุรี เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง
    10.00 น. พิษณุโลก : ระดับทรงตัว 10.50 เมตร แต่พื้นที่ทางเหนือ อ.เมืองพิษณุโลก ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม แม่น้ำน่านล้นตลิ่ง ท่วมเส้นทาง สายพิษณุโลก – พรหมพิราม บริเวณ ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จำนวน 2 จุด
    09.50 น. จันทบุรี : ระดับน้ำเริ่มทรงตัว จุดวัดน้ำที่สะพานวัดจันทนาราม ระดับน้ำอยู่ที่ 4 เมตร 40 เซนติเมตร ส่วนในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี ตลาดน้ำพุ ตลาดสวนมะม่วง น้ำยังท่วมสูงประมาณ 40 เซนติเมตร ขณะที่ถนนสายพระยาตรัง-เขาคิชฌกูฏ น้ำยังท่วมสูง รถไม่สามารถผ่านไปมาได้
    ……………………………………………………………………………..
    ช่องทางช่วยเหลือ ผู้ประสบอุกภัย น้ำท่วม

    - ครอบครัวข่าว3 : บัญชี “ครอบครัวข่าว 3 ช่วยผู้ประสบอุทกภัย 2554″
    เลขที่บัญชี 014-3004-448 ธนาคารกรุงเทพ บัญชีกระแสรายวัน สาขาอาคารมาลีนนท์
    - สำนักนายกรัฐมนตรี : บัญชี “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี”
    ธ.กรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ออมทรัพย์ เลขที่ 067-0-06895-0 ลดหย่อนภาษีได้
    - ธนาคารไทยพาณิชย์
    บัญชี “มูลนิธิสยามกัมมาจล-ไทยพาณิชย์เพื่อผู้ประสบภัย”
    สาขา ATM & SCB Easy เลขที่ 111-3-90911-5
    - MCOT
    บัญชี “อสมท รวมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” ธ.กรุงไทย สาขาอโศก ออมทรัพย์ เลขที่ 015-015-999-4
    - มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก
    ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาเทเวศร์ ออมทรัพย์ เลขที่ 020-2-53333-8
    หรือ ธ.กสิกรไทย สาขาถนนหลังสวน เลขที่ 082-2-66600-0
    ……………………………………………………………………………..
    จุดรับบริจาคสิ่งของช่วยน้ำท่วม



    - กทม.ตั้งศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต
    บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนข้าวสาร
    ชื่อบัญชีกองทุนกทม.ช่วยผู้ประสบภัย เลขที่บัญชี 027-0-17081-2
    - มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก บริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค สภากาชาดไทย ปทุมวัน กรุงเทพฯ
    โทร 0-2256-4583-4, 0-2256-4427-9, 0-2251-0385
     
  9. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> โอบามายันรีดภาษีไฮโซ-ลดขาดดุล </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เมื่อ 19 ก.ย. บีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ

    จะขอให้ตัดลดยอดขาดดุลงบประมาณลงอีก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 90 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปี โดยระบุว่า รายได้กว่าครึ่งหนึ่งจะมาจากการขึ้นภาษีเงินได้ หลังจากเมื่อ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา นายโอบามาเพิ่งเสนอร่างกฎหมายเพิ่มอัตราภาษีผู้มีฐานะร่ำรวย หรือกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ตˆอปีขึ้นไป ตามหลักการของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีระดับโลกชาวอเมริกัน ที่เรียกว่า "บัฟเฟตต์ แท็กซ์"

    อย่างไรก็ตาม คาดว่าพรรครีพับลิกันก็แถลงว่าจะคัดค้านแผนขึ้นภาษีครั้งนี้อย่างแน่นอน

    ซึ่งโอบามาออกโรงเตือนพรรครีพับลิกันว่าตนจะใช้สิทธิยับยั้ง หรือการวีโต้ ทันที หากร่างกฎหมายใดก็ตามที่จะนำไปสู่การตัดลดงบประมาณสุขภาพผู้สูงอายุ แต่กลับไม่ขึ้นภาษีคนรวย ซึ่งโอบามาเห็นว่าไม่ยุติธรรม

    ข้อเสนอเรื่องภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐครั้งนี้ ระบุว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐครั้งใหญ่ราว 45 ล้านล้านบาท และข้อเสนอนี้จะสร้างหลักประกันให้แก่อนาคตการเงินการคลังระยะยาวของประเทศในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาหนัก

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2011
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พม่าขุดอุโมงค์ใต้ดินกว่า 800 แห่ง เพื่อเตรียมทำสงครามกับไทย?

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    มีรายงานว่านายทหารระดับสูงหลายคนของพม่าถูกจับ หลังจากปล่อยให้ภาพของอุโมงค์ลับใต้ดินในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงแห่งใหม่ของพม่า หลุดรอดออกมาสู่สาธารณชน

    ภาพถ่ายของอุโมงค์ลับใต้ดินในกรุงเนปิดอว์ ถูกเผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์ "เดโมแครตติค วอยซ์ ออฟ เมียนม่าร์" ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์

    กองทัพพม่าใช้รหัสเรียกอุโมงค์เหล่านี้ว่า "กระดองเต่า" อุโมงค์มีขนาดใหญ่พอให้รถขนาดใหญ่แล่นผ่านได้ มีระบบระบายอากาศและมีเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้เอง และมีการติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสงและมีเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คาดว่า อุโมงค์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์บัญชาการในภาวะฉุกเฉิน

    การก่อสร้างอุโมงค์มีขึ้นระหว่างปี 2539 - 2549 โดยได้รับความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จจะมีอุโมงค์ในกรุงเนปิดอว์มากกว่า 800 อุโมงค์ ซึ่งในจำนวนนี้อุโมงค์ที่ 40 - 53 อยู่บริเวณแนวชายแดนไทยพม่า

    ที่มา อุโมงค์ลับในเมืองหลวงแห่งใหม่ของพม่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 534682.jpg
      534682.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.4 KB
      เปิดดู:
      3,600
    • untitled.JPG
      untitled.JPG
      ขนาดไฟล์:
      37.9 KB
      เปิดดู:
      1,631
    • untitled 1.JPG
      untitled 1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      31.6 KB
      เปิดดู:
      1,695
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    นโยบาย บ้านหลังแรก : นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการบ้านหลังแรก สำหรับคนที่ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท จะได้คืนภาษี 10% โดยประชาชนผู้ที่จะได้สิทธิจะต้องซื้อบ้านของโครงการตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.2554 จนถึงสิ้นปี 2555
    โดยกำหนดราคาบ้านเพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท และให้หักลดหย่อนภาษีได้เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้ครอบคลุมราคาอสังหาริมทรัพย์ในทำเลในเมืองและกลางเมือง
    …………………………………………………………………………………………………

    รายละเอียดโครงการบ้านหลังแรก เบื้องต้น

    - หากซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ผู้ซื้อสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อบ้านไปคำนวณหักลดหย่อนภาษีได้ปีละ 100,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี รวมเป็น 500,000 บาท
    - หากซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท ก็จะได้ปีละไม่เกิน 2 หมื่นบาท ในระยะเวลา 5 ปี รวมเป็น 100,000 บาท
    ซึ่งก็คือ หักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของค่าใช้จ่ายจริง

    เงื่อนไข บ้านหลังแรก

    ทั้งนี้ สำหรับเงื่อนไขอื่น ๆ ของมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกนั้น ผู้ซื้อบ้านจะต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเป็นผู้ซื้อบ้านหลังแรก ไม่รวมผู้ซื้อบ้านมือสอง หรือสร้างบ้านเอง สำหรับนโยบายนี้ ทางกรมสรรพากรประเมินว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ภาษีทั้งหมด (กรณีสูงสุด) ไม่เกิน 1,700 ล้านบาท
    Mthai News
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ผู้หญิงจะขึ้นมาครองเมือง"

    [​IMG]
    อังเกล่า แมร์เคล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี​

    [​IMG]
    ฮิลลารี คลินตัน​

    [​IMG]
    ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร​

    นิตยสารฟอร์บส์ ได้ทำการจัดอันดับสตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ประจำปี 2011 (The World's 100 Most Powerful Women) จำนวน 100 อันดับ ซึ่งปรากฏว่า มีชื่อของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ติดอันดับที่ 59 ในการจัดอันดับครั้งนี้ด้วย​

    ชื่อของสตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ประจำปีนี้ ได้แก่ นางอังเกล่า แมร์เคล นายกรัฐมนตรีของประเทศเยอรมนี ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา อันดับ 3 คือ ดิลมา รุสเซฟ ประธานาธิบดีของประเทศบราซิล อันดับ 4 คือ นางอินทรา นูยี ประธานกลุ่ม "เป๊ปซี่โค." ของสหรัฐอเมริกา ส่วนอันดับ 5 ได้แก่ นางเชอรีล แซนด์เบิร์ก ผู้บริหารหมายเลขสองของเฟซบุ๊ก​

    สำหรับสตรีที่ทรงอิทธิพลอันดับที่ 6 ได้แก่ นางเมลินดา เกตต์ ภรรยาของบิล เกตต์ แห่งไมโครซอฟท์ ตามมาด้วยอันดับที่ 7 โซเนีย คานธี ภริยาของนายราจิฟ คานธี อดีตนายกรัฐมนตรีของอินเดีย และหัวหน้าพรรคสหพันธมิตรก้าวหน้าของอินเดีย อันดับ 8 ได้แก่ นางมิเชล โอบามา ภริยาประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา อันดับ 9 นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อันดับ 10 นางไอรีน โรเซนเฟลด์ ประธานกลุ่มธุรกิจ "คาร์ฟ ฟู้ด"​

    ส่วนอันดับอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น เลดี้ กาก้า ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 11, โอปร่า วินฟรีย์ พิธีกรผิวสีชื่อดังถูกจัดให้อยู่ใน อันดับที่ 14, นักร้องสาว บียอนเซ่ อยู่ในอันดับที่ 18, นางจูเลีย กิลลาร์ด นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย อยู่ในอันดับที่ 23,นางอองซาน ซูจี นักต่อสู้ทางการเมืองชาวพม่า อยู่อันดับที่ 26, แองเจลิน่า โจลี่ อันดับที่ 29, ซาราห์ เพลิน นักการเมืองชื่อดังชาวอเมริกา อยู่อันดับที่ 34, สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักร อยู่ในอันดับที่ 49, เจ.เค โรว์ลิ่ง เจ้าของผลงานแฮร์รี่พอตเตอร์ อยู่ในอันดับที่ 61 และ แอนนา วินทัวร์ เจ้าแม่นิตยสาร Vogue อยู่ในอันดับที่ 69

    ที่มา http://women.kapook.com/view30846.html

    สัญญาณโลกาวินาศ ตามคติของศาสนาอิสลาม

    อัลกุรอานเรียกโลกาวินาศว่า อัสสาอะหฺ นบีมุฮัมมัด ศาสดาแห่งอิสลามได้พยากรณ์สัญญาณของโลกาวินาศไว้ดังต่อไปนี้​

    1. นมาซจะถูกถือเป็นเรื่องไม่สำคัญ
    2. มนุษย์จะใช้ชีวิตโดยการตามฮาวานัฟซู กิเลสตัณหา
    3. ทรัยพ์สมบัติจะถูกเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ จะเคารพนับถือทรัพย์สินเงินทอง
    4. ศาสนาจะถูกขายไปเพื่อแลกกับดุนยา
    5. ในสภาพต่าง ๆ เหล่านี้หัวใจของมุอ์มินจะแตกสลาย เหมือนกันการละลายของเกลือในน้ำ แต่ทำอะไรมิได้
    6. ผู้ศรัทธาถูกทำให้ไร้ความสามารถ (พวกเขาเห็นถึงความชั่วต่าง ๆ ในสังคมแต่ทำสิ่งใดไม่ได้)
    7. บรรดาผู้นำที่ชั่วช้าจะถูกนำมาปกครองประชาชน จะมีตัวแทนที่เป็นคนชั่วร้าย พวกทรยศกดขี่จะมาปกครองบ้านเมือง
    8. และในวันนั้นสิ่งที่ชั่วช้าจะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดี (เป็นสิ่งที่มนุษย์ถูกเชิญชวนให้ทำ) และคนที่ซื่อสัตย์จะถูกกล่าวหาว่าเชื่อถือไม่ได้
    9. ผู้หญิงจะขึ้นมาครองเมือง
    10. และหญิงที่เป็นทาสจะเป็นที่ปรึกษาทางการเมือง
    11. บรรดาเด็กอ่อนหัดทั้งหลายจะขึ้นบนมิมบัร
    12. การโกหกจะถือว่าเป็นศิลปะที่น่ายกย่อง
    13. การจ่ายซะกาตจะถูกถือเหมือนกับหนี้สิน (จะจ่ายไปด้วยความยากลำบาก)
    14. เงินต่าง ๆ ของกองคลังจะมีคนรุมแย่งกันเหมือนเป็นสินสงคราม
    15. มนุษย์จะไม่ให้เกียรติบิดามารดาของตนเอง จะรักเพื่อนมากกว่าพ่อแม่
    16. ดาวหางจะเกิดขึ้นอย่างมากมาย
    17. ผู้หญิงจะเป็นที่ปรึกษาทางการค้าของสามี
    18. ฝนจะตกในฤดูร้อน
    19. คนดีจะถูกโกรธกริ้ว (สังคมจะเกลียดคนดี)
    20. มนุษย์จะดูถูกคนจนคนลำบาก
    21. ตลาดการค้าจะสร้างกันอย่างมากมาย
    22. ในหมู่ผู้ค้าขายจะตำหนิพระองค์
    23. จะมีผู้ปกครองกลุ่มหนึ่งปกครองประชาชน และเมื่อใครพูดคัดค้าน โทษคือความตายและถ้าเงียบเขาก็จะรุกรานทรัพย์สินและความบริสุทธิ์ต่าง ๆ ของประชาชน เพื่อจะทำให้ประชาชนอยู่ภายใต้การปกครองที่หวาดกลัว
    24. ในวันใกล้สิ้นโลก จะมีสิ่งต่าง ๆ ที่มาจากทางทิศตะวันตกและตะวันออก และสิ่งเหล่านั้นจะใส่สีให้กับอุมมะห์ของฉัน (จะมามอมเมาประชาชาติไม่ว่าจะเป็นความคิด การเป็นอยู่ ฯลฯ)
    25. เด็ก ๆ จะไม่ได้รับความเมตตา
    26. ผู้ใหญ่ก็จะไม่ได้รับการให้เกียรติ (เช่น ความเป็นลุงป้า น้า อา สิ่งเหล่านี้ในอิสลามต้องให้เกียรติ)
    27. คนที่ทำให้ผิดจะไม่ได้รับการให้อภัย (จะไม่มีความยอมความอลุ่มอล่วยไม่มีความเมตตาต่อกัน)
    28. การพูดจาลามกมากมาย
    29. ผู้ชายจะเพียงพอกับผู้ชาย (จะเกิดเกย์มากมาย)
    30. ผู้หญิงจะเพียงพอกับผู้หญิง (จะเกิดเลสเบี้ยนมากมาย)
    31. เด็กเล็ก ๆ จะถูกทำเป็นทาส
    32. ผู้ชายจะทำตัวเป็นหญิง (เช่น กะเทย เป็นต้น)
    33. ผู้หญิงจะทำตัวเป็นชาย (ทำตัวเป็นทอมบอย หรือเป็นผู้ชายอกสามศอก ไม่ว่าจะเรื่องใด เช่นการแต่งตัวเลียนแบบชาย หรือมีนิสัยที่ห้าวหาญกระด้างกระเดื่องเยี่ยงชาย เป็นต้น)
    34. ผู้หญิงจะขึ้นมาขี่บนอานม้า (ผู้ออกมาใช้พาหนะที่ไม่ใช่คุณลักษณะของผู้หญิง)
    35. มัสยิดจะถูกประดับประดาด้วยทองคำ
    36. และกุรอานจะถูกประดับประดาสวยงาม
    37. หอคอยต่าง ๆ บนมัสยิดจะถูกทำให้สูงแข่งกัน
    38. แถวนมาซจะเต็ม แต่ด้วยหัวใจที่โกรธเคียดแค้นชิงชังกัน (แตกแยกกัน)
    39. บรรดาผู้ชายในประชาชาติของฉันจะใส่ทองคำ
    40. ผู้ชายจะสวมอาภรณ์ผ้าไหม เสื้อยกเงินยกทอง
    41. หนังเสือก็จะเอามาใช้มาคลุมกัน
    42. ดอกเบี้ยจะเป็นที่แพร่กระจาย
    43. จะทำการค้าขายด้วยการทรยศคดโกง หักหลัง ติฉินนินทาและให้สินบน
    44. ศาสนาจะตกต่ำ ภาษาของดุนยาจะสูง (ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของศาสนา)
    45. การหย่าร้างจะเกิดขึ้นมาก
    46. กฎของอัลลอหฺไม่มีผู้ปฏิบัติ
    47. นักร้องที่เป็นผู้หญิงจะเต็มโลก ดนตรีสิ่งบันเทิงเริงรมย์จะแพร่ขยาย
    48. คนชั่วในประชาชาติของฉันจะขึ้นมาปกครองประชาชาติของฉัน
    49. คนรวยจะไปทำฮัจญ์เพื่อพักผ่อน ส่วนคนชั้นกลางจะไปทำฮัจญ์เพื่อการค้าขาย และคนจนจะไปเพื่อโอ้อวด
    50. จะมีพวกหนึ่งซึ่งเขาจะเรียนอัลกุรอานไม่ใช่เพื่ออัลลอหฺ แต่เพื่อการแข่งขัน
    51. เอาอัลกุรอานเป็นเครื่องประกอบทางดนตรี
    52. ลูกที่มาจากการผิดประเวณีจะมีเต็มบ้านเต็มเมือง
    53. จะมีการแข่งขันกันเรื่องของดุนยา
    54. และเมื่อความบริสุทธิ์ต่าง ๆ ถูกทำลาย และมนุษย์แสวงหาแต่ความบาป และความชั่วจะมีอำนาจเหนือความดี สิ่งโกหกจะเป็นสิ่งแพร่ขยาย คนยากจนมีอยู่ทั่ว
    55. มนุษย์จะโอ้อวดแต่เครื่องแต่งกาย
    56. สิ่งชั่วช้าจะแพร่ขยาย
    57. ฝนจะตกนอกฤดู
    58. มนุษย์จะเชยชมสิ่งที่เท็จ จะปฏิเสธการตักเตือน
    59. มุอ์มินในยุคนั้นจะอยู่อย่างอัปยศ
    60. จะมีการกล่าวประณาม ในระหว่างผู้ทำดี
    61. คนรวยจะไม่กลัวอะไรนอกจากความจน กลัวถึงขั้นว่าขอทานคนหนึ่ง ที่ขอทานตั้งแต่วันศุกร์หนึ่งจนถึงอีกศุกร์ก็ไม่มีอะไรแม้แต่น้อยในมือของเขา (คนจะไม่มีเมตตาซึ่งกันและกัน)
    62. จะมีพวกหนึ่งซึ่งจะขึ้นมาเป็นตัวแทนของประชาชนทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้มีสิทธิหน้าที่ความสามารถ และไม่เคยได้รับความลำบาก (เช่นเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ แทนคนยากจน แต่ตนเองก็ไม่เคยได้รับรู้ถึงความยากจน หรือความยากลำบาก)​

    ที่มา http://treasury.pantown.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2011
  13. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ผมรู้สึกถึงแผ่นดินไหว เมื่อตอนตี 2 เมื่อคืนวันที่ 19 ก.ย.
    รามอินทรา กทม. ไม่ทราบใครรู้สึกบ้าง
    หรือจะเป็นเพราะสัญญาณเตือนหลังออกจากสมาธิ ???
     
  14. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    จบเรียบร้อยด้วยดีค่ะ... สำหรับงานสัมมนาในภูมิภาคที่ ๑ ที่วัดหนองหญ้าปล้อง จ.กาญจนบุรี...

    ขอน้อมกราบขอบพระคุณด้วยเศียรเกล้าแด่พระเดชพระคุณพระอาจารย์หลวงพ่อเล็ก พระเดชพระคุณพระอาจารย์หลวงพ่อโนรี ที่เมตตาสงเคราะห์ลูกหลานอย่างเหลือจะประมาณสำหรับการจัดงานสัมมนา "๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยเจ้าค่ะ...

    ขอกราบขอบพระคุณวิทยากรและผู้ที่ให้การสนับสนุนจนงานในภูมิภาคแรกสำเร็จลงด้วยดี

    ขอบพระคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้องๆ ทีมงานทุกท่านที่ช่วยกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะต้องนอนดึกแค่ไหน ตื่นเช้าขนาดไหน หรืองานหนักอย่างไร... ทุกคนเต็มที่กับงานจริง ๆ ค่ะ... ขอบพระคุณทุกคนเลยนะคะ...

    งานนี้... เรามีพิธีกรสาวมากฝีมือมาประดับวงการเพิ่มอีก ๒ ท่านด้วยกัน....

    คุณปู จาก ทีมงานอาสาดุสิต ที่มากประสบการณ์ และความสามารถ

    คุณหนิง เพื่อนในทีมของพวกเรา ที่พูดจาฉะฉาน แสดงความสามารถได้ไม่แพ้กัน...

    ทั้ง ๒ ท่าน มีลูกล่อลูกชนทั้งรับและส่งข้อมูลระหว่างทั้งวิทยากรและผู้เข้าร่วมงานสัมมนา ทำให้บรรยากาศในงานดูอบอุ่น เป็นกันเองดีจริง ๆ เลยค่ะ....

    สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้... ยังไม่ถึงเป้าที่เราตั้งเอาไว้ คือ ที่ ๑,๐๐๐ คน... เพราะมีผู้เข้าร่วมงานสัมมนาอยู่ที่ประมาณ ๒ ร้อยกว่า ถึง ๓ ร้อยคนเท่านั้น...

    ซึ่งธรเองที่พลาดไป.... ต้องกราบขอประทานโทษทุกท่านด้วยค่ะ ที่ทำให้มีคนมีโอกาสที่จะรับรู้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการช่วยตัวเองและผู้อื่นให้รอดน้อยลงไปมากทีเดียว...

    ธรจึงกราบขออนุญาตพระเดชพระคุณพระอาจารย์หลวงพ่อโนรีกลับมาปิดงาน ณ จุดที่เราเปิดงานกันอีกครั้งหนึ่ง...

    นั่นคือ ประมาณต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕ จะมีการจัดงานสัมมนาเป็นการปิดวาระการจัดงาน "๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติ" ที่วัดหนองหญ้าปล้อง จ. กาญจนบุรี... อีกครั้งหนึ่ง... ซึ่งรูปแบบที่จัดจะแตกต่างไปจากการจัดงานทั้ง ๕ ภูมิภาค.... ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น... ขอให้ทุกท่านอดใจรอกันก่อนค่ะ...

    อย่างไรก็ตาม... สิ่งที่ได้จากการจัดงานในครั้งนี้... สำหรับธร.... ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ทั้งโดยส่วนตัว และสำหรับผู้เข้าร่วมงาน...

    ประสบการณ์ที่ได้.... หาซื้อ หรือเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาใดไม่ได้เลย...

    เป็นสิ่งที่... "ต้องลงมือกระทำด้วยตัวเอง จึงจะทราบด้วยตัวเอง" จริง ๆ

    หวังว่างานสัมมนาในภูมิภาคอื่น ๆ ทุก ๆ ท่านคงจะไปร่วมด้วยกันนะคะ.... ^___^
     
  15. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    จบเรียบร้อยด้วยดีค่ะ... สำหรับงานสัมมนาในภูมิภาคที่ ๑ ที่วัดหนองหญ้าปล้อง จ.กาญจนบุรี...

    ขอน้อมกราบขอบพระคุณด้วยเศียรเกล้าแด่พระเดชพระคุณพระอาจารย์หลวงพ่อเล็ก พระเดชพระคุณพระอาจารย์หลวงพ่อโนรี ที่เมตตาสงเคราะห์ลูกหลานอย่างเหลือจะประมาณสำหรับการจัดงานสัมมนา "๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยเจ้าค่ะ...

    ขอกราบขอบพระคุณวิทยากรและผู้ที่ให้การสนับสนุนจนงานในภูมิภาคแรกสำเร็จลงด้วยดี

    ขอบพระคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้องๆ ทีมงานทุกท่านที่ช่วยกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะต้องนอนดึกแค่ไหน ตื่นเช้าขนาดไหน หรืองานหนักอย่างไร... ทุกคนเต็มที่กับงานจริง ๆ ค่ะ... ขอบพระคุณทุกคนเลยนะคะ...

    งานนี้... เรามีพิธีกรสาวมากฝีมือมาประดับวงการเพิ่มอีก ๒ ท่านด้วยกัน....

    คุณปู จาก ทีมงานอาสาดุสิต ที่มากประสบการณ์ และความสามารถ

    คุณหนิง เพื่อนในทีมของพวกเรา ที่พูดจาฉะฉาน แสดงความสามารถได้ไม่แพ้กัน...

    ทั้ง ๒ ท่าน มีลูกล่อลูกชนทั้งรับและส่งข้อมูลระหว่างทั้งวิทยากรและผู้เข้าร่วมงานสัมมนา ทำให้บรรยากาศในงานดูอบอุ่น เป็นกันเองดีจริง ๆ เลยค่ะ....

    สำหรับจำนวนผู้เข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้... ยังไม่ถึงเป้าที่เราตั้งเอาไว้ คือ ที่ ๑,๐๐๐ คน... เพราะมีผู้เข้าร่วมงานสัมมนาอยู่ที่ประมาณ ๒ ร้อยกว่า ถึง ๓ ร้อยคนเท่านั้น...

    ซึ่งธรเองที่พลาดไป.... ต้องกราบขอประทานโทษทุกท่านด้วยค่ะ ที่ทำให้มีคนมีโอกาสที่จะรับรู้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการช่วยตัวเองและผู้อื่นให้รอดน้อยลงไปมากทีเดียว...

    ธรจึงกราบขออนุญาตพระเดชพระคุณพระอาจารย์หลวงพ่อโนรีกลับมาปิดงาน ณ จุดที่เราเปิดงานกันอีกครั้งหนึ่ง...

    นั่นคือ ประมาณต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕ จะมีการจัดงานสัมมนาเป็นการปิดวาระการจัดงาน "๓ ต. ต่อชีวิต เพิ่มทางรอดจากภัยพิบัติ" ที่วัดหนองหญ้าปล้อง จ. กาญจนบุรี... อีกครั้งหนึ่ง... ซึ่งรูปแบบที่จัดจะแตกต่างไปจากการจัดงานทั้ง ๕ ภูมิภาค.... ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น... ขอให้ทุกท่านอดใจรอกันก่อนค่ะ...

    อย่างไรก็ตาม... สิ่งที่ได้จากการจัดงานในครั้งนี้... สำหรับธร.... ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ทั้งโดยส่วนตัว และสำหรับผู้เข้าร่วมงาน...

    ประสบการณ์ที่ได้.... หาซื้อ หรือเรียนรู้จากสถาบันการศึกษาใดไม่ได้เลย...

    เป็นสิ่งที่... "ต้องลงมือกระทำด้วยตัวเอง จึงจะทราบด้วยตัวเอง" จริง ๆ

    หวังว่างานสัมมนาในภูมิภาคอื่น ๆ ทุก ๆ ท่านคงจะไปร่วมด้วยกันนะคะ.... ^___^
     
  16. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    19 ก.ย. 54

    เมื่อคืนผมได้ส่งบทความผ่านไปยังท่านสมาชิกแนวร่วมขอนแก่น Lazaza ผ่านทางHotmail ประมาณสี่ย่อหน้า เพื่อที่จะให้มาลงในเว็บนี้ให้ท่านผู้ชมได้อ่านกัน เป็นบทความเตือนภัยจากนิมิต ของหลายปีที่ผ่านมา บางเรื่องก็ได้เกิดไปแล้วแต่บางเรื่องยังมาไม่ถึง

    เนื่องจากเมล์ผมยังมีปัญหา เลยไม่รู้ว่าบทความที่ผมได้ส่งไปให้ ทางแนวร่วมจะได้รับหรือเปล่า

    ผมจึงขอส่งโดยตรงไปก่อนและอยากให้แนวร่วมช่วยตอบกลับมาทาง Pm ส่วนตัวทางเว็บนี้ด้วยว่าได้รับหรือไม่?

    อาเค

    9 มิ.ย. 51 ซ่อมขั้วไฟฟ้า

    ผมเรียนถาม หน่วยเหนือ เรื่องแผ่นดิน
    ว่าจะดิ้น เวลาใด? ขอให้บอก
    เมื่อพลบค่ำ ตะวันตก คือคำตอบ
    ต้องขอบอก พี่น้อง รับรู้ไว้

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
  17. Famnakub

    Famnakub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +1,677
    เรียนถามในฐานะคนไกลวัดนะคะ
    1.ถามว่าถ้าชาวพุทธทุกคนถือคติว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ จะเป็นการไม่ปกป้องพระพุทธศาสนาหรือไม่ ในกรณีที่เราเห็นว่าไม่น่าจะถูกต้องโดยชัดเจนเช่นกรณีในคลิปนี้(ไม่พูดถึงคำสอนแต่เน้นถึงกริยาแห่งสงฆ์)
    2.ถ้าคนในศาสนาอื่นถามเราควรจะตอบว่าอย่างไร จึงจะเหมาะสม
    ด้วยความเคารพค่ะ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องพระสงฆ์ ที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย หรือแสดงกริยาที่ไม่สมควร ที่มีอยู่ให้เห็นกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบันนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่เอือมระอาของชาวพุทธทุกๆท่านในปัจจุบันนี้ แต่เรื่องนี้ตามความคิดของผมแล้ว เป็นกฏแห่งกรรมของพระพุทธศาสนา และเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าที่คนสามัญธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ การที่เราจะใช้เพียงความคิดเห็นส่วนตัวเราเองเข้าไปพิพากษาเอาเองว่า พระองค์นี้ทำผิดพระธรรมวินัยแล้ว ก็อาจเป็นการตัดสินที่ผิดพลาดไปก็เป็นได้ เพราะเราฟังความเพียงข้างเดียว ยังไม่ทันได้ฟังเหตุผลเลยว่าท่านทำกริยาเช่นนั้นเพราะสาเหตุอะไร?

    1.พระที่แสดงกริยาแปลกๆ ที่คนอื่นไม่เข้าใจ ก็เคยมีมาแล้วในอดีต เช่นสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี (ลองไปหาประวัติของท่านมาอ่านดูครับ)

    2.ถ้าคนอื่นถามในกรณีนี้ ก็ควรบอกเขาไปว่า ทางคณะสงฆ์กำลังพิจารณาอยู่ว่า ท่านทำผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ครับ

    กฏแห่งกรรมที่ทำให้พระพุทธศาสนาต้องมีสภาพแบบนี้

    ในทางพระพุทธศาสนา ขอเริ่มต้นด้วยพระไตรปิฏก ๒๐ กัณฑ์์ ที่ อจ.ธวัช เที่ยงประภัสสร์ ปธ. ๙ วัดเบ็ญจมบพิตร รวบรวมไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ ที่ส่วนหนึ่งสรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าโคตมกับพระศรีอาริยเมตไตรยที่ได้สร้างกรรมไว้ในอดีตชาติ คือเมื่อกล่าวถึงพุทธกาลนั้นมี 5,000 ปี จะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนละ 2500 ปี หรือกึ่งหนึ่ง ดังต่อไปนี้:-

    พระพุทธองค์ทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังต่อไปว่า

    "อันชาติหนึ่งสองเราสหายสนิท ช่วยกันคิดเอาบัวมาอธิษฐาน เพื่อเสี่ยงทายบารมีพุทธกาล ให้บัวบานบอกแจ้ง เป็นผู้ใด" ในชาตินั้นเราทั้งสองจึงเอาดอกบัวมาคนละดอก เข้าไปอธิษฐานในพระวิหารว่า ถ้าใครจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน ก็ขอให้ดอกบัวของผู้นั้นบานก่อน ครั้นวันรุ่งขึ้นพระตถาคตได้เข้าไป ดูดอกบัวนั้น แต่ยังไม่ทันสว่างแจ้ง เห็นดอกบัวของพระศรีบานก่อน ด้วยความที่อยากเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระศรี จึงลักเปลี่ยนดอกบัวของพระศรีมาไว้ที่พระตถาคต สับเปลี่ยนกันเสีย "บัว ของน้องบานแล้วนะพี่จ๋า สัมพุทธาน้องย่อมได้ไปก่อนแน่ แต่ไฉนบัวในมือ เดี๋ยวหุบเดี๋ยวก็แบ พุทธยังไม่เที่ยงพุทธยังไม่แท้น่าอายจริง"

    ฝ่ายพระศรีนั้นเขาฌานแก่ รู้ว่ามีการสับเปลี่ยนบัว จึงทำนายว่า "โอ! สหายท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนเราจริง แต่ทว่าฝูงมนุษย์ยุุคนั้นจะเป็นคนขี้ลักขี้ล่าย และใช้เงินดำ เงินแดง เงินกระดาษกัน อย่างพร่ำเพรื่อ มนุษย์จะไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน จะทุจริต คิดมิชอบนานาประการ พระสงฆ์องค์เณรพุทธบริษัทในศาสนานั้น จะหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวบวช เดี๋ยวสึก เดี๋ยวหุบ เดี๋ยวแบดังบัวดอกนี้"

    เพราะกรรมที่พระพุทธโคดมได้สับเปลี่ยนบัว ถึงแม้ว่าพระองค์และเหล่าพระอรหันต์สาวกจะเข้าพระนิพพานไปแล้วก็ตาม แต่กรรมนั้นยังติดอยู่ในศาสนาของพระองค์ ตราบเท่าทุกวันนี้ ที่เหลือไว้แต่สมมติสงฆ์ในศาสนาของพระองค์ จึงรู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง พุทธศาสนาที่เสียหายสามส่วน คือ ถูกพราหมณ์ผู้ไม่รู้จริงเอาไปผสมผสานกับลัทธิพราหมณ์ส่วนหนึ่ง ยักษ์เอาพุทธศาสนาไปทำมาหากินส่วนหนึ่ง และ มารเปลี่ยนแปลงคำสอนให้เกิดความผิดเพี้ยนเสียหายยิ่งอีกส่วนหนึ่ง เหลือส่วนที่เป็นจริงมีเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อข้อวัตรปฏิบัติถูกปนจนแยกแยะไม่ออก ผู้คนเกิดมาสมัยหลัง จึงไม่เข้าใจทางศึกษาปฏิบัติที่ถูกมรรค ผล นิพพานอย่างแท้จริง ซึ่งความเสื่อมของสงฆ์นี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้มาจากสาเหตุ 5 ประการ

    พระพุทธโคดมทรงเล่าอดีตกรรมจบลง พร้อมพยากรณ์เหตุการณ์สืบไปอีกว่า เมื่อ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์จะมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาในกึ่งพุทธกาล ของพระตถาคต นั้น จะมีสรรพวัตถุทั้งหลายบังเกิดขึ้นแก่โลก อย่างแปลกประหลาดเหลือจะคณานับ ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์นานาชนิด ก็จะไม่ได้ปั่นและทอด้วยมือ เหมือนในศาสนาของตถาคตจะมีแต่ผ้าเนื้อบริสุทธิ์ ฝูงมนุษย์จะไม่ติเตียนว่า เป็นขี้หูขี้ตาเขาเท่าจะวัดวา (วัดหลาหรือเมตร) ก็จะมีในยามนั้น แม่หญิงจะนุ่งซิ่นเสื้อลายเหมือนหนังแย้ จะนุ่งเสื้อผ้าแขนกุดขาก้อม หญิงชายจะนุ่งผ้าเป็นอย่างเดียวกัน จะว่าชายก็บ่จริง จะว่าหญิงก็บ่แม่น แม่หญิงจะหวีผมปกหน้า จะใส่ต่างหูยาวง้ำหน้า พ่อชายจะใส่หมวกหุ้มหน้า สิ่งที่ไม่รู้จะได้รู้ สิ่งที่ไม่พบเห็นก็จะได้เห็น พร้อมด้วยบุรพนิมิตอันชั่วร้ายต่าง ๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่โลกมากมายยิ่งนักดังนี้

    1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
    2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
    3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
    4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
    5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
    6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
    7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
    8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
    9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
    10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง

    ในขั้นสุดท้าย แผ่นดินจะไหวเดือนละหลายครั้ง จะมีสุริยคราสและจันทรคราสบ่อยครั้ง จะเห็นผีพุ่งไต้บ่อยๆ ดาวหางและแสงประหลาดจะบังเกิดให้เห็นไม่ขาดระยะ จะได้ยินเสียงดังในอากาศคล้ายระเบิดและปืนใหญ่ แร้งกาจะบินลงเกาะบ้านเมืองอย่างผิดธรรมดา ฝูงมนุษย์จะเดือดร้อนและขวักไขว่กันไปมา จะบังเกิดสงครามฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงไปทุกหนทุกแห่ง

    ความจริงในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าพยากรณ์ทั้ง 10 ข้อเกิดขึ้นจริง อาเพศต่างๆ บังเกิดอย่างต่อเนื่อง แผ่นดินไหวเกิดขึ้นมากมายกว่าที่เคยมีมา ฝนดาวตกเห็นได้บ่อยครั้ง แสงบนท้องฟ้าเกิดขึ้นสว่างไสว สัตว์เล็กสัตว์ใหญมีทั้งนกทั้งปลา่พากันมาตายมากมายก่อนหน้ามหาภัยพิบัติ เกิดขึ้น เกิดข้าวยากหมากแพงไปทั่วทิศ การรบราฆ่าฟันมีอยู่ทั่วไป

    ครั้นแล้วถึงกาลที่องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์ จะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกตามบุรพกรรมสัญญา

    เหตุการณ์ที่กล่าวถึงการมาปรากฏของพระศรีอารย์ในกึ่งพุทธกาล มีอยู่เช่นเดียวกันในพุทธทำนายที่แกะสลักไว้บนศิลา ในเขตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย คาดว่าพระสารีบุตรผู้มีความสนใจในยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นผู้แกะสลักไว้ ท่านผู้มีกุศลปัญญา ถ้าได้โปรดพิจารณากับความเป็นจริงแล้ว น่าจะเห็นข้อเท็จจริงได้ไม่มากก็น้อย

    ที่มา http://www.metteya.org/sriann/Metteya-Present-Time.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2011
  19. apichart ww2

    apichart ww2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +439
    เมื่อเราเข้าใจถึงเหตุและผล เราก็เข้าใจเหตุและผล
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อุโมงค์กับนิวเคลียร์พม่า

    [​IMG]


    หนังสือพิมพ์ "คนเครือไท" ฉบับวันที่ 27 กรกฎาคม 2552 ตีพิมพ์บทความโดยท่านอาจารย์นวลแก้ว บูรพวัฒน์ (เนชั่น สุดสัปดาห์ 10 กรกฎาคม 2552) เรื่อง "ลึกๆ จากชายแดนตะวันตก "อุโมงค์ลับ" และวิกฤตินิวเคลียร์ในพม่า" บทสัมภาษณ์ พ.อ.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS) ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู้กันฟัง
    ...
    คนไทยไม่ควรลืมว่า เพื่อนบ้านที่ดีและจริงใจกับไทยมากที่สุด คือ ลาวกับพม่า, ควรศึกษาเรื่องนี้แบบรู้เขารู้เรา และไม่ควรลืมว่า ว้าแดงส่งออกยาบ้าเข้าไทย และไม่ควรลืมว่า นี่เป็นบทสัมภาษณ์นักการเมืองฝ่ายค้านพม่า ซึ่งน่าจะมีความลำเอียงบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งก็เป็นธรรมดาของโลก ทว่า... คนไทยควรรู้ข้อมูลนี้ครับ
    ...
    [ ข้อความคัดลอก ] > [ คนเครือไท ]
    เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา มีข่าวไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับพม่า เผยแพร่ออกมาอย่างครึกโครม เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ใหล้ชิดระหว่างพม่ากับเกาหลีเหนือ ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

    ประเด็นแรกคือ การก่อสร้าง “อุโมงค์ลับ” ใกล้เมืองแนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของพม่า ห่างไปทางเหนือของกรุงย่างกุ้ง 450 กิโลเมตร

    ...
    ข้อมูลความลับ และภาพการก่อสร้างอุโมงค์ที่มีชื่อรหัสว่า “กระดองเต่า” ถูกเปิดเผยออกมา ทั้งภาพวีดีโอและภาพนิ่ง โดยสถานีโทรทัศน์เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า (DVB) นำออกอากาศ จนทำให้นายทหารระดับสูงของพม่าหลายคน ถูกปลดจากตำแหน่ง อีกหลายคนถูกควบคุมตัว และทางการพม่า ยังสั่งกักตัวทหารและคนงานจำนวนมากไว้ในบริเวณไซต์งาน โทษฐานปล่อยให้ข้อมูลความลับรั่วไหล
    ...
    ขณะที่ทางการเร่งตรวจสอบ สืบหาต้นตอมือดี ที่เอาภาพ “ลับสุดยอด” ของทางการพม่า ออกมาเผยแพร่ แบไต๋อย่างโจ่งแจ้งไปทั่วโลก คลิปวีดีโอที่ปรากฏออกมานั้น แสดงภาพอุโมงค์ขนาดใหญ่ยักษ์ ก่อสร้างแข็งแรงทันสมัย มีข้อมูลระบุว่าสร้างขึ้นโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเกาหลีเหนือ ระหว่าง ปี พ.ศ.2546-2549
    ...
    โดยภาพนี้ ประกฏครั้งแรกใน YALE GLOBAL ONLINE เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2552 ซึ่งหน่วยงานข่าวกรองของไทยก็ยืนยันว่า มีอุโมงค์นี้จริง

    น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า เกาหลีหนือและพม่า กำลังร่วมกันก่อสร้างอุโมงค์ลับนี้ ไว้เพื่อจุดประสงค์อันใดกันแน่ ? จะไว้เป็นที่หลบภัยของผู้นำพม่าจากการโจมตีของต่างชาติ หรือไว้เก็บวัตถุอันตรายชนิดใด ? จะเป็นอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ ? ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด


    ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง ที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองไปยังพม่าและเกาหลีเหนือพร้อมกันในช่วงนี้ก็คือ ข่าวเรือสินค้า “กวางนาม” ของเกาหลีเหนือ ที่กำลังลักลอบขนวัตถุต้องสงสัย
    ซึ่งอาจรวมถึงจรวดและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกจากเมืองท่าในเกาหลีเหนือ เดินทางผ่านมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นระยะทาง 6,600 กิโลเมตร มุ่งตรงไปยังพม่า
    ...
    โดยกองทัพสหรัฐ ส่งเรือพิฆาต “ยูเอสเอส จอห์น เอส.แมคเคน” แล่นติดตามเรือกวางนามซึ่งต้องสงสัยว่า ลักลอบขนอาวุธร้ายแรง ไปขายให้พม่าใช้ปราบปรามชนกลุ่มน้อย เพราะตามมติคว่ำบาตรของสหประชาชาติต่อเกาหลีเหนือ หลังจากเกาหลีเหนือทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น
    ...
    นอกจากห้ามเกาหลีเหนือขายหรือซื้ออาวุธ จากชาติสมาชิกสหประชาชาติแล้ว ยังอนุญาตให้ประเทศสมาชิกสามารถตรวจค้นเรือสินค้าต้องสงสัยของเกาหลีเหนือได้ตามท่าเรือ หรือห้ามเรือของเกาหลีเหนือจอดเทียบท่า

    สำนักข่าว S.H.A.N. รายงานเพิ่มเติมว่า นักวิเคราะห์คาดว่า เรือกวางนามขนอาวุธส่งมอบหัพม่า โดยพม่าสั่งซื้ออาวุธล็อตใหม่นี้เพื่อใช้โจมตีว้าแดง (UWSA)

    ...
    มีรายงานก่อนนี้ที่ระบุว่า หากความสัมพันธ์พม่า – ว้า เข้าสู่ขั้นแตกหัก พม่าได้เตรียมใช้อาวุธใหม่ ๆ มีอานุภาพสูง ที่สั่งซื้อจากเกาหลีเหนือในการจัดการกับกลุ่มหยุดยิงที่แข็งข้อ

    ทั้งข่าวอุโมงค์ลับและข่าวเรือกวางนาม ล้วนเกี่ยวโยงพัวพันถึงอาวุธร้ายแรงที่พม่ากับเกาหลีเหนือกำลังปิดลับ พยายามทำบางอย่างร่วมกันอยู่ สิ่งนั้นคือนิวเคลียร์ ด้วยหรือไม่ ?

    ...
    ถ้าเป็นขีปนาวุธสารกัมมันตภาพรังสีร้ายแรง หรือนิวเคลียร์แล้ว ประเทศไทย ซึ่งมีพรมแดนประชิดติดพม่า , ลากเส้นตรงจากอุโมงค์ลับใกล้เมืองเนปิดอว์ถึงชายแดนไทย บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ มีระยะทางแค่ประมาณ 200 กิโลเมตรเท่านั้น


    หากเป็นอาวุธนิวเคลียร์จริง และในอนาคตมีอุบัติเหตุระเบิดของนิวเคลียร์ หรือมีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีร้ายแรง ระยะทางเพียงแค่ 200 กิโลเมตรจากอุโมงค์ลับพม่าถึงเมืองไทย
    ในช่วงเวลาหลายเดือนของปี ที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเต็ม ๆ จากพม่าเข้าสู่ประเทศไทย เมืองไทยไม่กลายเป็น “หลุมดำ” หรือหลุมขยะ รับกัมมันตภาพรังสีจากพม่าไปเต็ม ๆ พร้อมกระแสมรสุมนั้นด้วยหรอกหรือ ?

    ประชาชคนไทยต้องเผชิญภัยพิบัติร้ายแรงขนาดไหน ? ปัญหานี้ หน่วยงานความมั่นคงใด ๆ ของไทย เคยตระหนัก ใส่ใจ เตรียมรับมือ หรือเตรียมป้องกันไว้ด้วยหรือไม่ ?


    ในวาระที่ บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ไปเยือนพม่าในวันที่ 3-4 กรกฏาคม 2552 นี้ ปัญหาการเมืองพม่า ก็ถูกจุดประเด็นให้ร้อนแรงขึ้นสู่สายตาประชาคมโลกอีกครั้ง และกับปัญหาอุโมงค์ลับพม่า – เรือกวางนามจากเกหลีเหนือ

    พ.อ.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (R.C.S.S.) ซึ่งตรวจสอบติดตาม ข้อมูลเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ได้ตอบคำถามต่าง ๆ และเปิดเผยข้อมูลน่าสนใจอย่างยิ่ง สดตรงจากฐานที่มั่นชายแดนไทย – พม่า ดังนี้


    ถาม – ข่าวเรื่องอุโมงค์ลับพม่าที่ปรากฏออกมา มันจริงแค่ไหน ทำกันมาตั้งแต่สมัยไหน ?

    ตอบ – อุโมงลับของพม่าที่เนปิดอว์ ทำกันมา 2-3 ปีแล้ว อุโมงค์นี้มีจริง และไม่ได้ทำที่เนปิดอว์ที่เดียวแต่ยังทำกันที่บ้านแค้บ ต.ทุ่งปง เมืองตองจี อีกด้วย
    เขากำลังขุดอุโมงค์กันอยู่ แล้วยังมีที่ ต.เมืองลุง เมืองเมเมี้ยว อันนี้ขุดอุโมงค์เก็บน้ำมันของเขา ส่วนที่ตะเป๊ะจิง ทางตะวันตกของเนปิดอว์ ที่นั่นเป็นเกาะกลางน้ำ เขากำลังก่อสร้างโรงงานผลิตยูเรเนียม ในพม่าเขาขุดอุโมงค์กันประมาณ 3 ปี แล้ว ใกล้ชายแดนไทยไม่มี ที่ขุดใกล้เนปิดอว์นั้น ห่างจากชายแดนไทย 200 กว่ากิโลเมตร

    ถาม – เจ้าคิดว่า เกาหลีเหนือและพม่า มีแผนทำอะไรกันอยู่ กับโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลับในพม่าครั้งนี้ ?

    ตอบ – ที่ขุดอุโมงค์ลับกันอยู่นี้ ผมคาดว่า น่าจะเป็นไปใน 2 ประเด็น คือ


    1. เขาทำไว้เป็นที่เก็บวัตถุนิวเคลียร์ ผลิตและเก็บยูเรเนี่ยม และใช้เก็บอาวุธสำคัญของเขา

    2. เขาทำอุโมงค์ไว้ป้องกันตัว เรื่องการสู้รบกับต่างประเทศ เพราะพม่าเห็นตัวอย่างจากการที่สหรัฐบุกอิรัก พม่าจึงขุดอุโมงค์ไว้เป็นที่หลบภัย เขาขุดหลายปี ทั้งยาว ทั้งกว้างใหญ่ หลายที่ รถ 6 ล้อ วิ่ง เข้า-ออกได้สบาย คนมารับเหมาก่อสร้างเป็นคนจีน คนพม่าเป็นแรงงานอย่างเดียว


    ถาม – เจ้าคิดว่า ผู้เชี่ยวชาญเกาหลีเหนือได้ค่าจ้างเป็นอะไร ?

    ตอบ – ที่ผมทราบมา เกาหลีเหนือไม่ได้มารับจ้าง แต่มีสัญญากับพม่าว่า เกาหลีเหนือจะมาช่วยก่อสร้างโรงงานผลิตแร่ยูเรเนียม

    ...
    ถ้าผลิตแร่ยูเรเนียมเสร็จเรียบร้อย เกาหลีเหนือจะซื้อแร่ยูเรเนียมจากพม่า และเกาหลีเหนือตกลงจะขายอาวุธนิวเคลียร์ให้พม่า อันนี้ตกลง อย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเกาหลีเหนือมารับจ้างพม่า ในพม่ามีแร่ยูเรเนียมมาก ในรัฐฉานก็มีมาก มีที่เมืองกุด ทางรัสเซียเคยมาซื้อไปเยอะ เป็นยูเรเนียมจากเมืองกุดทั้งนั้น

    ถาม – พม่ามีอาวุธนิวเคลียร์แบบเกาหลีเหนือแล้วหรือยัง ?

    ตอบ – ขณะนี้คงยังไม่มี แต่กำลังก่อสร้างโรงงานผลิตแร่ยูเรเนียมอยู่ ยังไม่เสร็จ


    ถาม – ถ้าพม่ามีอาวุธนิวเคลียร์จะเอาไปทำอะไร ? เพราะถ้าใช้ยิงชนกลุ่มน้อย ก็เกิดผลกับพม่าเองด้วย..

    ตอบ – ถ้าพม่ามีอาวุธนิวเคลียร์ เขาไม่ใช้กับชนกลุ่มน้อยหรอกครับแต่จะใช้ป้องกันภัยจากต่างประเทศ คือภัยจากสหรัฐอเมริกากับไทย

    ...
    ส่วนปัญหาภายในประเทศหรือปัญหากับชนกลุ่มน้อย เขาไม่ต้องถึงกับใช้นิวเคลียร์หรอก ใช้แค่อาวุธเคมีก็พอแล้ว เขาเคยใช้มาแล้ว ตอนไทใหญ่รบกับพม่า เมื่อปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ยุค MTA ของขุนส่า ผมเป็นผู้นำทหารอยู่แนวหน้า รบกับพม่า 26 วันที่ดอยหินกอง เขตเมืองจ๊อด ตอนนั้นพม่ายิงอาวุธเคมีใส่เรา ลูกน้องผมเจอแล้วเมา

    ถาม - การมีนิวเคลียร์ในพม่า ซึ่งพม่าเองมีเทคโนโลยีในการดูแลรักษาต่ำ ถ้ามีการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีของนิวเคลียร์ออกมา จะทำให้เกิดปัญหากับไทย หรือกับชนกลุ่มน้อยด้วยไหม ?

    ตอบ - ถ้านิวเคลียร์รั่วไหล ก็ต้องกระทบกระเทือนกับทั้งในประเทศพม่าเอง และกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งไทย ลาว จีน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ...
    ถ้าพม่ากำลังพัฒนากำลังเตรียมสะสมอาวุธนิวเคลียร์จริง ย่อมเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงกับคนในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านแน่ๆ อันนี้อันตรายมาก

    การพัวพันกับอาวุธนิวเคลียร์ของพม่า มันกระทบกับชนกลุ่มน้อยอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ประชาชนลำบากกันมากอยู่แล้ว

    ...
    ถ้ามีนิวเคลียร์รั่วไหล ประชาชนพม่ากับชนกลุ่มน้อยต้องเจอเป็นคนแรก ในขณะที่เรื่องเศรษฐกิจเรื่องสาธารณสุขในพม่า ไม่พร้อมสักอย่าง รับมือไม่ได้หรอก
    วิธีป้องกันประชาชนยังไม่มีความรู้กันเลย จะรับมืออย่างไรล่ะ จะป้องกันตัวอย่างไร ป้องกันได้หรือเปล่าล่ะ ต่อไปจะลำบากมาก

    ถาม - แล้วเรื่องเรือ “กวางนาม” ของเกาหลีเหนือ ที่ทางสหรัฐส่งเรือรบติดตามอยู่นั้น และสงสัยว่าเรือกวางนามมีอาวุธนิวเคลียร์ หรือขนอาวุธร้ายแรงมาขายพม่า เพื่อใช้สู้รบกับว้าและชนกลุ่มน้อย อย่างที่เป็นข่าวครึกโครมออกมา อันนี้มันเป็นจริงแค่ไหน ?

    ตอบ - เรื่องนี้ผมตามข่าวอยู่ ผมคิดว่าในเรือเกาหลีมีอุปกรณ์ผลิตยูเรเนียม หรือไม่ก็มีอาวุธร้ายแรงต่างๆอยู่เพราะทางเกาหลีเหนือเองก็ไม่กล้าส่งถึง พม่า เขาคิดว่ามันมีปัญหาหลายอย่าง ผมได้ทราบเมื่อเรือกลับไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมนี้แล้ว ไม่ได้เข้ามาที่พม่า


    เรื่องสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าพม่าเตรียมผลิตยูเรเนียม และเตรียมผลิตอาวุธนิวเคลียร์จริงพม่ากำลังทำผิดสัญญาที่พม่าไปลงนามไว้ในกฎบัตรอาเซียน
    พม่าเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อปี พ.ศ.2542 และพม่าได้ร่วมลงนามในกฎบัตรอาเซียน ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่13 ที่สิงคโปร์
    ...
    เมื่อปลายปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมาในกฎบัตรอาเซียนนั้น กล่าวถึงวัตถุประสงค์ข้อที่ 3 ของอาเซียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เพื่อให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ และปราศจากอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอื่นๆทุกชนิด

    ถ้ามาดูตามกฎบัตรอาเซียนที่พม่าลงนามไว้ พม่า ทำผิดหลายข้อ ทำผิดเต็มไปหมด เขาไม่ทำตามที่ไปลงนามไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล ส่งเสริมประชาธิปไตย หรือหลักสิทธิมนุษยชน ที่เป็นวัตถุประสงค์ของอาเซียน

    ...
    พม่าไม่ทำตามวัตถุประสงค์ในกฎบัตรอาเซียน อย่างที่ไปลงนามสักข้อ พม่าไม่เคยส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน เขาละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอดเวลา ทำติดต่อมาหลายสิบปีแล้วด้วย พม่าไม่เคยใช้หลักนิติธรรม ธรรมาภิบาลกับประชาชนในประเทศ เห็นกันทั่วแล้วว่า พม่าไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นเผด็จการมาตลอด แล้วตอนนี้ยังก่อสร้างโรงงานผลิตยูเรเนียมเตรียมพัฒนาและสะสมอาวุธ นิวเคลียร์ ซึ่งเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงกับกฎบัตรอาเซียนที่พม่าลงนามไว้

    ถาม - ก่อนจะถึงการเลือกตั้งในพม่าช่วงปีพ.ศ.2553 นี้ พม่ากับชนกลุ่มน้อยจะรบกันรุนแรงมากไหม เพราะข่าวต่างๆที่ออกมาขณะนี้ ดูเหมือนพม่ากำลังเข้าไปพัวพันกับการเตรียมอาวุธที่มีอันตรายร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ?

    ตอบ - ผมว่าการเลือกตั้งปี พ.ศ.2553 ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ตอนนี้พม่ายังไม่ประกาศตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเลย

    ...
    พรรคการเมืองเดิม อย่างNLD หรือSNLD ซึ่งเป็นพรรคเก่าๆนั้น หัวหน้าพรรคก็ถูกจับเข้าคุกหมดแล้ว ตอนนี้พรรคการเมืองคู่แข่งของรัฐบาลทหารพม่าก็ยังไม่มี ส่วนกลุ่มหยุดยิงทุกกลุ่มพม่าก็กำลังประชาสัมพันธ์ทุกวิธีให้เข้าเป็นพวกเขา ใช้การขู่บ้าง ประชาสัมพันธ์บ้าง ให้รางวัลบ้าง กำลังทำอยู่ทุกวิธีให้กลุ่มหยุดยิงมาร่วมเป็นพวกเดียวกับเขา
    ...
    เพียงแต่ผมเชื่อ มั่นว่า กลุ่มหยุดยิงทุกกลุ่มก็มีอุดมการณ์ของเขาอยู่ ผมว่าถ้าพม่าจัดการเลือกตั้งจริงๆก็เหมือนว่าเขาเลือกตั้งตัวเองขึ้นมา เพราะถ้ามาดูในสหภาพพม่า คนมีบัตรประชาชนมีไม่เกิน30% คนในเมืองใหญ่ๆ ยังไม่มีบัตรประชาชนก็มีมาก ถ้าไม่มีบัตรประชาชน คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปเลือกตั้งคนไปเลือกตั้งเป็นส่วนน้อย

    เรื่องการเลือกตั้งผมเชื่อมั่นว่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา การเลือกตั้งเป็นแค่องค์ประกอบประชาธิปไตยเท่านั้นไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง การสู้รบกันระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับชนกลุ่มน้อยจึงมีเปอร์เซ็นต์สูงมาก เพราะกลุ่มหยุดยิงทุกกลุ่มถ้าไม่เข้าร่วมกับพม่า พม่าก็บีบบังคับ ถ้าบีบบังคับ ทุกกลุ่มมีอาวุธ มีกองกำลัง ก็ต้องรบกัน ที่รบกันมันเป็นวิธีแก้ปัญหาขั้นสุดท้ายแล้ว ถ้าการเลือกตั้งขึ้นมาไม่ใช่การแก้ปัญหา ก็ต้องรบกันให้แตกหักไป

    ถาม - กรณี บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติเยือนพม่าในวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2552 นี้ และกล่าวว่าจะเร่งเร้าให้พม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง ปล่อยตัวนาง ซูจี เจ้าคิดว่าจะมีผลเป็นจริงแค่ไหน ?


    ตอบ - ผมเชื่อว่าไม่มีผล บัน คี มุน ก็ไปทำอะไรไม่ได้ อย่างกัมบารีไปพม่ามาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้เลย บัน คี มุน ไปครั้งนี้ ผมเห็นว่าเขาก็จะยังคงไม่ได้รู้ข้อมูลที่แท้จริง เขาแค่ไปพบผู้นำพม่าฝ่ายเดียว พม่าป้อนข้อมูลให้เขาฝ่ายเดียว
    ถ้าไม่เห็นข้อมูลรอบด้าน ก็แก้ปัญหาไม่ถูกจุด มันแก้ไม่ได้ บัน คี มุน เข้าไปแก้อะไรไม่ได้จะให้ปล่อยซูจี ผมเชื่อว่าจะยังไงพม่าก็ไม่ปล่อยซูจี เพื่อไม่ให้ซูจีไปดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมือง

    ถาม - สหประชาชาติจะสามารถกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพม่าได้แค่ไหน เพราะขณะนี้มันเริ่มมีการเปิดเผยเรื่องพม่าพัวพันกับนิวเคลียร์มากขึ้น เรื่อยๆ

    ตอบ - ผมว่าต้องดูท่าทีของสหประชาชาติต่อไป ที่ผ่านมาดูสหประชาชาติไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่
    ถ้าสหประชาชาติมีบทบาทจริง พม่าละเมิดสิทธิมนุษยชนมายาวนานแล้ว เป็นเผด็จการมานานแล้ว ไม่มีใครจัดการได้ เรื่องยาเสพติดพม่าพัวพันมานานแล้ว ไม่เห็นสหประชาชาติจะสนใจเท่าไหร่ จัดการอะไรไม่ได้เลย

    posted on 30 Jul 2009 01:34 by health2u

    ที่มา http://health2u.exteen.com/20090730/entry-1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...