จิตสำนึกใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนโลกของ Indigoในประเทศไทย (New Consciousness)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สีคราม, 23 ตุลาคม 2011.

  1. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    1/1/11 วิวัฒนาการของการระลึกรู้ (the evolution in consciousness)

    [​IMG]


    Symptoms of Vibrational Sickness

    หวาดระแวง พลังงานชีวิตต่ำ ซึมเศร้า เป็นหวัด นอนกระสับกระส่าย ถ่ายท้อง เหงื่อออกกลางคืน หรืออยากนอนทั้งวัน

    ใน วันขึ้นปีใหม่ตราประทับได้ถูกแกะ ตราประทับครั่งของเอกภพได้ถูกประทับผนึกอยู่นานมากแล้วโดยสัญญาของผู้สร้าง สำหรับวิวัฒนาการของการระลึกรู้ (the evolution in consciousness) ของดาวเคราะห์โลกและทุกชีวิตที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ดังกล่าว ตราถูกผนึกปิดพร้อมคำสั่งว่าไม่สามารถถูกแกะจนกว่าจะถึงวันขึ้นปีใหม่ คศ ๒๐๑๑ ถ้าการระลึกรู้ของมนุษย์และการสั่นสะเทือนจะวิวัฒน์ถึงจุดที่พันธสัญญาจิต วิญญาณจะถูกเปิดออกและเริ่มใช้งาน โชคช่วยที่จิตวิญญาณของมนุษย์ณ วันดังกล่าวมาถึงจุดที่เป็นไปได้ จึงมีการแกะตราประทับและเปิดพันธสัญญาในวันปีใหม่ที่ผ่านมา

    มิตรทั้ง หลาย แปลว่าโลกและทุกผู้ทุกนามที่ใช้ชีวิตบนดาวเคราะห์นี้ได้เข้าสู่เวลาแห่งการ ขยายและการตื่น แม้ว่ารอบตัวท่านดูจะเต็มไปด้วยสัญญาณแห่งความสับสนและความตกต่ำเชิงความ สัตย์จริงของความเป็นมนุษย์ ศักดิ์ศรี และการดำรงอยู่ แต่ทว่าในขณะนี้ท่านได้เข้าสู่เวลาที่นำสิ่งตรงข้ามกับสิ่งที่ท่านกำลัง เผชิญอยู่มาให้ ท่านได้เข้าสู่การเกิดที่แท้จริงของดาวเคราะห์โลก คือรุ่งอรุณของยุคแห่งการตื่นรู้นั่นเอง

    เนื่องจากตราประทับของ พันธสัญญาได้หลุดออกแล้ว อรุณรุ่งแห่งยุคการตื่นรู้ได้มาเยือนโลกแล้ว พลังงานที่หนาแน่นกว่ายุคสมัยใดๆ ในประวัติศาสตร์ของดาวเคราะห์โลกทำให้หลายท่านหรือเกือบทุกท่านได้สัมผัสกับ ผลของคลื่นความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้น เกิดเป็นความไม่สบายอย่างยิ่งหรือการเจ็บป่วยของกายเนื้อ แม้ว่าบางอาการอาจจะเคยเกิดกับท่านก่อนหน้านี้แล้ว แต่ในครั้งนี้จะรู้สึกว่าหนักกว่าเดิม เราขอส่งความรัก ความเข้าใจ และการสนับสนุนมาสู่ท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 พฤศจิกายน 2011
  2. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    การจัดการความเจ็บป่วยจากความถี่เปลี่ยน

    [​IMG]

    เนื่องจากตราประทับครั่งได้ถูกเปิดออก และโลกกำลัง
    เคลื่อนตัวเข้าสู่มิติที่ 5 จึงมีคลื่นความถี่สูงขึ้น
    บางคนอื่นจะมีอาการปวดหัว หรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ
    เนื่องจากร่างกายไม่สามารถรับคลื่นความถี่นั้นได้
    และมีอีกกรณีหนึ่ง คือร่างกายกำลังอัพเกรดเพื่อรองรับคลื่นความถี่ที่สูงขึ้น
    วันนี้จึงนำข้อแนะนำในการจัดการกับความเจ็บป่วยจากการเปลี่ยนความถี่
    มาบอกกัน


    ๑ ดื่มน้ำเพิ่มขึ้น ให้ดื่มมากขึ้นร้อยละ ๒๕ ถึง ๕๐ เพราะปรกติพวกท่านดื่มน้ำสะอาดไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอยู่แล้ว น้ำสะอาดจะช่วยเพิ่มพลังงานสั่นสะเทือน ช่วยปรับสมดุลสนามพลังงานแม่เหล็กของท่านซึ่งจะทำให้ความหวาดกลัวของท่านลด ลง ช่วยขับพลังงานที่เป็นพิษและของเสียออกจากร่างกายอันมาจากสิ่งแวดล้อม ความคิดของท่าน และพลังงานที่ส่งเข้ามาจากการมีปฏิสัมพันธ์ต่อผู้อื่นและกระแสที่ได้รับจาก สื่อทุกรูปแบบ น้ำสะอาดคือเครื่องล้างอารมณ์ที่เป็นพิษได้ดีที่สุด

    ขณะ อาบน้ำให้จินตนาการว่าน้ำแต่ละหยดเป็นแสงบริสุทธิ์พาเอาพลังงานลบจากผิวกาย ไปกับหยดน้ำที่มีแสงบริสุทธิ์ดังกล่าวลงท่อน้ำทิ้งไป ให้แสงสว่างเกาะผิวกายแทนสิ่งแปดเปื้อนที่เพิ่งชำระไป


    ๒ ออกกำลังกายทุกวัน วิธีใดก็ได้ เดิน เต้นรำ เล่นกับหมาแมวและเด็กๆ หรือใช้บันไดแทนลิฟต์สักสามสี่ชั้น การออกกำลังกายนอกจากดีกับระบบไหลเวียนโลหิตแล้วยังทำให้พลังงานดีๆและความ ถี่สูงๆที่มาสู่ร่างกายเราได้มีการหมุนเวียนไม่ติดขัดในร่างกายและทำให้เกิด ความไม่สบายกายขึ้น ถ้านั่โต๊ะทั้งวันก็ให้เปลี่ยนอิริยาบททุกชั่วโมงและดื่มน้ำสะอาดด้วย

    ๓ ท่องบ่นมนตรา บอกตัวเองทุกวันว่า
    "ฉันเป็นผู้สร้างการไหลเวียนและความสุขสมบูรณ์ให้แก่ร่างกายฉัน ฉันเป็นผู้สร้างชีวิตของฉัน"
    หรือจะสวดมนต์ก็ได้


    ๔ กินดี รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมื้อเล็กวันละสี่ถึงห้ามื้อแทนมื้อหลักสามมื้อ รับประทานพืชผักผลไม้ในท้องถิ่นของตน ลดการบริโภคข้าว แป้ง น้ำตาลขัดขาวและอาหารจั้งค์อื่นๆ บางท่านอาจอยากลดอาหารเนื้อสัตว์ ฟังร่างกายของท่านเอง

    ๕ รู้ถึงแรงต้าน แรงต้านของร่างกายและในสนามพลังงานของร่างกายเป็นการเพิ่มปฏิกิริยาทาง กายภาพต่อการเพิ่มแรงสั่นสะเทือนซึ่งท่านกำลังสัมผัสอยู่ เมื่อคุณต้านหรือต่อสู้กับบุคคล เหตุการรืหรือความคิดท่านจะสร้างเครื่องกั้นพลังงานที่เส้นกึ่งกลางกายเด เป็นความบอบช้ำหรือเจ็บปวดทางกายหรือทางจิตวิญญาณได้ ขอให้สังเกตเช่น ภาวะที่ท่านต้องการควบคุมสถานการณ์หรือผู้อื่นหรือขวางกรแส พยามยามปล่อยสิ่งเหล่านี้ไปเสีย เรียนรุ้เทคนิคในการไม่ยึดติดกับผลของการกระทำ เมื่อพลังงานผ่านกึ่งกลางตัวของท่านได้ง่ายก็จะลดอาการไม่พึงประสงค์ได้

    ๖ ดูเจตนา มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทุกข์หรือทรมานตัวเองให้เป็นที่รักของศาสดาหรือพระเจ้า ผู้สร้างใดๆ ท่านต่างเป็นมนุษย์ที่เต็มสมบูรณ์และได้รับความรักอย่างไม่มีเงื่อนไขจาก จักรวาลทั้งมวล ตั้งใจให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปด้วยความง่ายดายทั้งทางกายภาพ จิตใจ อารมณ์และจิตวิญญาณ กรุณาให้ของขวัญชิ้นนี้ต่อตนเอง ท่านจะผ่านเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายกว่าเดิม

    ด้วยรัก จาก I AM My Greater Presence
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2011
  3. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง/คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา

    [​IMG]

    คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง

    1.สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ ความโกรธ ความหลงความเกลียดชัง เหล่านี้ไหลเข้ามาสู่ตัว

    2.พวกคลึ่นความคิดชั้นต่ำที่ถูกปล่อยออกมาจากดาวดวงอื่น ที่มีวิวัฒนาการล้าหลังกว่าโลกของเรา ก็เป็นคลื่นที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ

    3.คลื่นความคิดที่ปล่อยออกมาจากความทรงจำของชาวโลกที่เคยอาศัยอยู่บนโลกในอดีต
    ส่วนใหญ่เป็นคลื่นความคิดที่แตกแยกไม่ปรองดองกัน และอกุศลมักทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว
    แต่ความจริงเป็นแค่คลื่นความคิดของผู้ตายที่ยังหลงเหลืออยู่ในอวกาศเท่านั้น




    [​IMG]
    คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา

    1.พลังชีวิต (ปราณ) ของจักรวาลที่ไหลเข้ามา เป็นพลังภายในที่บริสุทธิ์ เป็นทั้งปัญญาแห่งจักรวาลภายในตัวด้วย สามารถแทรกซึมเข้าสู่ทุกสรรพสิ่ง

    2.คลื่นความคิดจากรูปธรรมชั้นสูง ทั้งจากในโลกนี้และที่มาจากดาวดวงอื่นที่มีวิวัฒนาการทางจิตสูงกว่าโลกของเรา คลื่นความคิดนี้เปี่ยมไปด้วยความรักความหวังดี และเป็นประโยชน์ต่อชาวโลก

    3.การสื่อสารไปมาระหว่างเซลหรืออะตอม จากสรรพสิ่งธรรมชาติรอบๆตัวเรา ด้วยภาษาร่วมหรือภาษาจักรวาลที่เป็นสากล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2011
  4. หนุ่มยาดอง

    หนุ่มยาดอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    678
    ค่าพลัง:
    +680
    ผมขอเพิ่ม"คลื่นที่ส่งออกจากตัวเรา"ด้วยได้หรือเปล่าครับ ผมกำลังหมายถึงการ"แผ่คลื่นเมตตาและแผ่คลื่นความรักแบบไร้เงื่อนไข"ด้วยน่าจะดีไม่น้อยนะครับ "คุณ Sky Light"
     
  5. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    ตาที่สาม จุดแห่งการรับรู้

    [​IMG]

    จุดแห่งการรับรู้ หรือผู้ทำหน้าที่บอกมนุษย์แต่ละคนว่ากำลังสัมผัสรู้ดูเห็นอะไร
    มนุษย์ทั่วไปจึงเรียกอวัยวะที่ทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์รวมแห่การรับรู้นี้ว่า


    ตาที่สาม

    ถ้าจะเรียกชื่อให้สอดคล้องกับความรู้เดิมที่มนุษย์มีอยู่แล้ว จุดนี้ก็คือ ต่ิอมไร้ท่อต่อมหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วเขียว
    ที่เร้นตนเองอยู่ในกระโหลกศีรษะมีชื่อเรียกว่า "ต่อมไพนีล" ดังนั้นจะสรุปว่า
    ตาที่สามของมนุษย์ คือต่อมไพนีลก็ไม่ผิด
    และต่อมไร้ท่ออื่นๆที่มีอยู่ในร่างกายแห่งกรรมของตน นอกจากมันจะทำหน้าที่สำคัญๆในมิติทางกายภาพเท่าที่ค้นพบกัน
    มันยังมีหน้าที่จะต้องกระทำในมิติทางพลังงานอีกด้วย

    นี้คือสิ่งบ่งชี้การเป็น คนสองมิติ ของมนุษย์เเต่ละคน

    จากความจริงที่กล่าวมานั้น ทำให้มนุษย์เรียนรู้ได้ว่ากระบวนการของขันธ์ 5 มันเริ่มต้นที่ต่อมไพนีล หรือตาที่สาม
    ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมแห่งการรับรู้ของมนุษย์

    เมื่อต่อมไพนีล คือ จุดศูนย์รวมแห่งการรับรู้ จึงอาจกล่าวได้ว่า ต่อมไพนีล คือตำแหน่งของจุดรวมของผู้รู้
    หรือจุดศูนย์รวมแห่งตัวรู้ และคำว่า ตัวรู้ หรือ ผู้รู้ ในที่นี้ก็คือ จิต นั่นเอง

    ดังนั้น จิตมนุษย์ก็คือ ตัวรู้ หรือ ผู้รู้ จะมีตำแหน่งที่ตั้งเป็นคูนย์กลางหรือศูนย์รวมของการสั่นสะเทือนเพื่อ
    การรับรู้ อยู่ตรงต่อมไพนีล หรือตาที่สาม

    สำหรับตัวรู้ หรือผู้รู้ที่เรียกว่าจิตมนุษย์ในแต่ละคนนั้น เป็นรูปธรรมทางพลังงานชนิดหนึ่ง ซึ่งแบ่งตามคุณสมบัติทางพลังงาน
    เฉพาะตัวได้เป็น 189 กลุ่ม, กอง, ดวง, หรือ ขันธ์ ก็ล้วนมีความหมายเดียวกัน โดยทั้งหมด มีศูนย์รวมหรือศูนย์กลาง
    ของการสั่นสะเทือนอยู่ตรงตาที่สาม หรือต่อมไพนีล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2011
  6. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    ได้ครับ^^
     
  7. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    การเป็นคนมิิติเดียว และการเป็นคนสองมิติ

    ขันธ์ 5 ที่มีคำว่า "วิญญาณ" มาเกี่ยวข้องด้วยนั้นเป็นการเปิดเผยความลับเบื้องหลังมิติโลกที่เกิดขึ้นภายใน
    เครื่องยนต์แห่งกรรมของมนุษย์ ซึ่งจะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้แต่ละคนสำนึกรู้ว่า
    ในความเป็นมนุษย์ของตนนั้นมิได้เป็นเพียงแค่ คนมิติเดียว คือ มิติทางกายภาพเท่านั้น แต่มุนษย์ทุกคนล้วนเป็น คนสองมิติ ต่างหาก




    การเป็นคนมิติเดียว หมายถึง การที่มนุษย์ส่วนใหญ่เข้าใจว่าตนเป็นเพียงรูปธรรมมนุษย์ที่มีโครงสร้างทางชีววิทยา
    ที่สามารถสั่นสะเืทือนตนเอง เพื่อการแสดงออก หรือพฤติกรรมใดๆ ด้วยอวัยวะต่างๆ
    ของเครื่องยนต์แห่งกรรมของตนในมิติทางกายภาพในระบบโลกได้เท่านั้น
    มนุษย์จึงมองทุกสิ่ง คิดทุกสิ่ง และมุ่งกระทำทุกสิ่งในมิติทางกายภาพที่เน้นแต่ความมีอัตตาตัวตน
    ของสรรพสิ่งเป็นสำคัญอยู่ด้านเดียว ซึ่งเป็นความคิดเข้าใจที่ผิดผลาดอย่างยิ่ง เพราะตนเองเป็นคนสองมิติ



    [​IMG]

    การเป็นคนสองมิติ หมายถึง การที่มนุษย์แต่ละคนขณะสั่นสะเทือนตนเองเพื่อแสดงออกหรือกระทำสิ่งใดๆ ในมิติทางกายภาพ
    ด้วยอวัยวะใดๆของเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของตนอยุ่นั้น
    ในเวลาเดียวกันมนุษย์ก็กำลังสั่นสะเทือนตนเองเพื่อการแสดงออกหรือพฤติกรรมในมิติทางพลังงาน
    โดยมี จิต เป็นเครื่องมือควบคู่กันไปด้วยเสมอ เช่น ถ้ามนุษย์ กำลังจงใจทำร้ายร่างกายผู้อื่นอันเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในมิติทางกายภาพในขณะที่กำลังทำร้ายผู้อื่นอยุ่นั้นมนุษย์ก็ย่อมรู้ดีว่าที่ตนทำลงไปเพราะบันดาลโทสะ ทำไปเพราะ
    ความโกรธ หรือ โมโห เสียเป็นส่วนใหญ่
    มนุษย์จึงพูดเสมอว่า เพราะโกรธ เพราะ โมโห มากจนทนไม่ไหว
    จึงทำร้ายร่างกายมัน
    ถ้าคิดดีๆดูจะเหมือนว่าที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเพราะ ความโกรธ

    อธิบายได้ว่าความโกรธ หรือโมโห เป็นอาการทางจิต
    หรือเป็นพฤติกรรมภายในที่เกิดขึ้น นั่นเอง
    ที่นำไปสู่่การทำร้ายร่างกายซึ่งเป็นพฤติกรรมในมิติทางกายภาพภายหลัง

    ดังนั้น การสั่นสะเทือนเครื่องยนต์แห่งกรรมเป็นการแสดงออก
    หรือกระทำพฤติกรรมใดๆ ในมิติทางกายภาพของมนุษย์
    จึงเสมือนเป็น เงามายา ของการสั่นสะเทือนทางจิตซึ่งเป็นพฤติกรรม
    ที่เกิดขึ้นภายในเครื่องยนต์แห่งกรรมในมิติทางพลังงานนั่นเอง
    โดยมันจะเป็นของมันเช่นนี้เสมอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ตุลาคม 2011
  8. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    การหลงทางของจิตวิญญาณ

    [​IMG]


    เพราะมนุษย์โลกไม่รู้ว่า" ตนเองเป็นใคร" "มาจากไหน"
    "มาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม" คำตอบกว้างๆที่พอจะบอกที่มาของความล้มเหลว
    ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน ที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็น
    รูปธรรมมนุษย์บนดาวเคราะโลก

    อะไรคือความล้มเหลวที่จิตวิญญาณ ?
    คำตอบมี 5 ประการ คือ

    1.เพราะจิตหยาบหลงยึดติดในมิติโลกทางกายภาพ
    2.เพราะจิตหยาบไม่มีสำนึกทางจิตวิญญาณ
    3.เพราะจิตหยาบบ่อนทำลายความเป็นสุญญตา(นิพพาน)ของจิตวิญญาณ
    4.เพราะจิตหยาบคอยปิดกั้นตาที่สาม
    5.เพราะจิตหยาบไม่มีปณิธานแห่งนิพพาน


    (เดี๋ยวเราจะมาคุยเรื่องความล้มเหลวที่ 5 กันต่อในตอนที่ 14 )
     
  9. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    สาเหตุเเห่งการหลงทาง ข้อที่ 1

    [​IMG]

    เพราะดาวเดราะห์โลก คือดาวเคราะห์เสรี
    ทุกจิตวิญญาณจึงมีสิทธิในการเลือกทางเดิน
    ซึ่งจะมีผู้ที่เดินทางถูก และผู้ที่เดินทางผิด หรือหลงทาง
    ซึ่งนั้นไม่ใช่ความผิด แต่เป็นเพียงการไม่รู้จุดหมาย
    ที่แท้จริงของจิตวิญญาณ
    ------



    [​IMG]

    สาเหตุคราวๆที่ทำให้จิตวิญญาณหลงทาง

    1.เพราะจิตหยาบหลงยึดติดในมิติโลกทางกายภาพ

    เมื่อจิตวิญญาณได้รับโอกาสมาเิกิดเป็นรูปธรรมมนุษย์นั้น
    จิตวิญญาณจะแบ่งภาค
    ของตนออกมาส่วนหนึ่งซึ่งเรียกว่า "จิตหยาบ" เพื่อมอบอำนาจ
    ให้จิตหยาบนั้นช่วยทำหน้าที่ต่างๆ
    ในมิติทางกายภาพโดยมีร่างกายมนุษย์เป็นเครื่องมือ
    และช่วยทำหน้าที่เปิดประตูมิติของแก่นแท้เพื่อการสั่นสะเทือน
    ทางจิตวิญญาณได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและดีงามเพื่อจะนำ
    ความเป็นมนุษย์ของตนเอง
    ไปสู่การแสดงออก หรือการกระทำใดๆในมิติทางกายภาพ
    เพื่อการดำรงอยู่และดำเนินชีวิตในสังคมให้สอดคล้องกับความต้องการ
    ทางจิตวิญญาณ
    สาเหตุที่ไม่สามารถเข้าถึงอำนาจของจิตวิญญาณตนเองไม่ได้ก็เพราะว่า

    จิตหยาบเกิดการหลงมิติโลกทางกายภาพ โดยหลงเข้าใจผิดคิดว่า
    "มายา" เป็น"แก่นแท้"
    และเข้าใจผิดด้วยคิดว่า "แก่นแท้" เป็นสิ่งงมงายเหลวไหลไร้สาระไป

    มนุษย์มีชีวิตที่้ล้มเหลว ก็ล้วนแต่มองโลกแค่เพียงมิติเดียว
    ตราบใดที่มนุษย์ยังหลงยึดติด
    กับมิติมายาทางกายภาพก็ย่อมไม่เข้าใจแก่นแท้ของตัวเอง
    จิตหยาบถึงไม่สามารถเปิดประตูมิติไปสู่การสั่นสะเทือนทาง
    จิตวิญญาณของตนได้นั่นเอง

    เมื่อจิตมนุษย์ข้ามพ้นความรู้สึกนึกคิดหยาบๆที่เรียกว่า กิเลสตัณหา
    นี้ไปได้เมื่อใด
    เมื่อนั่น ตาที่สาม หรือประตูมิติจิตวิญญาณก็จะถูกเปิดออกทันที !
    เมื่อตาที่สามเป็นดวงตาแห่งจิตวิญญาณ ที่มีปัญญาญาณหยั่งรู้ ล่วงรู้
    เปิดออกมนุษย์ผู้นั้นจึงได้ชื่อว่าคนสองมิติก็ว่าได้
     
  10. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    สาเหตุเเห่งการหลงทาง ข้อที่ 2

    [​IMG]


    2.เพราะจิตหยาบไม่มีสำนึกทางจิตวิญญาณ

    ถ้าจะเปรียบการที่จิตหยาบไม่มีสำนึกทางจิตวิญญาณก็คือ อาการป่วยข้างเคียงที่เกิดขึ้นแทรกซ้อน
    สำหรับกรณี จิตหยาบไม่มีสำนึกทางจิตวิญญาณนี้ หมายถึง การที่จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ในแต่ละคน
    ไม่เคยรู้ว่าตนเองนั้นยังมีจิตวิญญาณอยู่ข้างใน การที่จิตหยาบไม่รู้ว่าตนเองมีจิตวิญญาณ
    ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้อยู่ข้างใน หมายถึง การขาดสติทางวิญญาณ

    การขาดสติทางวิญญาณ ของจิตหยาบ หมายถึง การสั่นสะเทือนของจิตหยาบในขีวิตประจำวัน
    ด้วยการแสดงออกทางอารมณ์รู้สึกนึกคิด และการแสดงออกด้วยการกระทำด้วยร่างกายต่อเพื่อนมนุษย์
    และสรรพสัตว์ทั้งหลายควบคู่ไปในสองมิติ ตามความคิดของจิตหยาบเอง
    โดยไม่มีการยั้งคิด หรือฉุกคิด ก่อนว่า อารมณ์หรือการแสดงออกของตนตรงข้าม
    กับความต้องการของจิตวิญญาณหรือไม่

    ***เหมือน จิตหยาบเป็นเสมือนผู้ดูแลบ้าน คือร่างกายแห่งกรรมของมนุษย์แต่ละคน
    ย่อมมีหน้าที่ที่จะตกแต่งบ้านหรือจัดบ้านให้ตรงตามความประสงค์ของเจ้าบ้าน คือจิตวิญญาณของตน
    ไม่ใช่นึกพอใจ ไม่อยากทำสิ่งใดก็ปล่อยทิ้งไว้ตามใจตน โดยไม่เเยแสใส่ใจความรู้สึกของเจ้าบ้าน***

    ในชีวิตประจำวันจิตหยาบของมนุษย์แต่ละคนถึงสั่นสะเทือนและการตอบสนองผู้อื่นได้ทุกเงื่อนไขทันที
    ที่ถูกปลุกเร้าเสมอ
    *ถ้าผู้อื่นเป็นเงื่อนไขด้านบวก ก็จะอารมณ์ดี จึงทำดีตอบ
    *ถ้าผู้อื่นเป็นเงื่อนไขด้านลบ ก็จะอารมณ์เสีย จึงทำไม่ดีตอบ
    *ถ้าผู้อื่นไม่เป็นเงื่อนไขทั้งด้านบวกหรือด้านลบ ก็จะวางตัวนิ่งเฉยโดย
    พอที่จะเป็นตัวของกันเองได้บ้าง

    เพราะจิตหยาบ คือ ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของจิตวิญญาณดังนั้น
    ถ้าจิตหยาบของผู้ใดล้มเหลว
    เพราะไม่มีสำนึกทางจิตวิญญาณแล้ว จิตวิญญาณผู้นั้นก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ล้มเหลวเช่นเดียวกัน
     
  11. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    สาเหตุเเห่งการหลงทาง ข้อที่ 3 เพราะจิตหยาบทำลายสุญญตา

    [​IMG]

    3.เพราะจิตหยาบบ่อนทำลายความเป็นสุญญตา(นิพพาน)ของจิตวิญญาณ


    การล้มเหลวทางจิตวิญญาณในข้อนี้ เกิดจากการที่จิตหยาบในมนุษย์
    แต่ละคนนอกจากจะไม่ยกระดับแรงสั่นสะเทือนด้านบวกของตนเอง
    ให้สูงสุดเป็นหนึ่งเดียวกันกับการสั่นสะเืืทือนของจิตวิญญาณ
    ผู้เป็นแก่นแท้ของตนได้แล้ว จิตหยาบยังเป็นผู้ทำลายสภาวะ
    แห่งความเป็นสุญญตาอันเป็นคุณสมบัติเดิมแท้
    ของจิตวิญญาณของตนให้เสื่อมถอยลงไปอีกด้วย


    [​IMG]

    สภาวะแห่งสุญญตาของจิตวิญญาณ คืออะไร
    มนุษย์จะต้องรู้ว่าคุณสมบัติที่เป็นสุญญตาของจิตวิญญาณ
    ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานแล้ว สามารถบ่งชี้ได้ 2 อย่างคือ

    1.ความเป็นกลางทางไฟฟ้าของจิตวิญญาณ
    เมื่อแรกที่จิตวิญญาณทุกรูปธรรมได้รับโอกาสให้เดินทางข้ามมิติมาสู่
    การเกิดเป็นมนุษย์ภพชาติแรก ต่างล้วนเป็นรูปธรรมที่มีคุณสมบัติ
    เป็นกลางทางไฟฟ้าด้วยกันทั้งสิ้น คือ ไม่มีลบไม่มีบวก
    มิเช่นนั้นแล้วจิตวิญญาณแต่ละรูปธรรม
    ก็จะไม่สามารถเคลื่อนที่เดินทางท่องไปในสนามพลังงานของ
    สากลจักรวาลภายในระบบเอกภพอันไพศาลนี้ได้อย่างอิสระ
    และปลอดภัย

    2.ความว่างจากคลื่นความถี่ต่ำ
    ถ้าจิตหยาบแต่ละรูปธรรมได้ชื่อว่าเป็นสุญญตาอย่างแท้จริงแล้ว
    นอกจากจะต้องว่างจากรหัสกรรมแล้ว ยังต้องว่างจากการสั่นสะ
    เทือนใดๆในย่านความถี่ต่ำๆโดยสิ้นเชิง
    มนุษย์จะต้องรู้ว่าในขณะที่ตนมีชีวิตอยู่ในภพชาตินี้ จิตหยาบมี

    ลักษณะนิสัยทางอารมณ์แบบใดก็ตาม นิสัยของจิตหยาบดังกล่าว
    จะถูกถ่ายทอดไปยังจิตวิญญาณ
    ผู้เป็นแก่นแท้ของมนุษย์ผู้นั้นจะตายไปจากความเป็นมนุษย์ใน
    ภพชาตินั้นๆเสมอ
     
  12. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    สาเหตุเเห่งการหลงทาง ข้อที่ 4 เพราะจิตหยาบปิดกั้นตาที่สาม

    [​IMG]

    4.เพราะจิตหยาบคอยปิดกั้นตาที่สาม

    ตาี่ที่สามของมนุษย์ หรือต่อมไพนีลนั้น เป็นเสมือนหนึ่งดวงตา
    แห่งจิตวิญญาณตลอดชั่วอายุขัยที่จิตวิญญาณนั้นเป็น
    แก่นแท้อยู่ภายในเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์นั้นเอง

    โดยปรกติแล้วกลไกตาที่สามนี้จะเป็นจุดศูนย์กลางของการ
    สั่นสะเทือนเพื่อการรับรู้และการรับเอาของจิตหยาบ
    อันเกิดจากการรับรู้ดูเห็นของกลไก
    ประสาทสัมผัสทั้งห้า และจากการนึกเองคิดเองของจิตทั้งสิ้น

    เมื่อเห็นสิ่งใด ฟังสิ่งใด ได้ดมกลิ่น ฯลฯ ก็จะมีการสั่นสะเทือน
    เพื่อการรับรู้ดังกล่าว
    ขึ้นตรงตาที่สามนี้เสมอ และถ้ามนุษย์ได้รับรู้แล้วเกิดการรับ
    เอาสิ่งนั้นเข้าตาที่สามนี้ก็จะทำหน้าที่รับเอาด้วยเช่นกัน

    การรับรู้และรับเอา ตรงตาที่สามนี้ หมายถึง การที่จิตหยาบนำ
    เอาคลื่นความถี่ของการสั่นสะเทือนเพื่อการรับรู้สิ่งใดอยู่ในขณะนั้น
    ไปใช้เป็นเงื่อนไขกระตุ้น หรือปลุกเร้าตนเองให้เกิดการสั่นสะเทือน
    ทางอารมณ์รู้สึกที่มีต่อสิ่งที่ตนรับรู้มานั้นอีกต่อหนึ่ง

    ในชีวิตประจำวันของมนุษย์แต่ละคน ส่วนใหญ่แล้วสภาวะแห่้งการ
    รับรู้ของจิตหยาบซึ่งนำไปสู่การรับเอาที่ว่านี้มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
    จนมนุษย์เคยชินไปกับมันเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติเลย
    แต่แท้จริงแล้วมนุษย์ทั้งหลายไม่รู้หลอกว่า ความเคยชินดังกล่าว
    นั้นมันคือ ความไม่ปกติของจิตหยาบ ต่างหากเล้า

    การรับเอา ก็คือ ความรู้สึกกว่าไม่ชอบ พอใจไม่พอใจ อยาก ไม่อยาก
    และการสับสนตนเองโดยไม่แน่ใจว่าอยากหรือ ไม่อยาก

    ถ้าจิตหยาบไม่ยกระดับการสั่นสะเทือนให้สูงขึ้นการเชื่อมต่อกับ
    จิตวิญญาณแก่นแท้ของตนก็มิอาจติดต่อถึงกัน
    เพราะมนุษย์ปัจจุบัน นั้นมีคลื่นการสั่นสะเทือนที่ต่ำมาก
    ซึ่งเป็นผลจากสภาวะแวดล้อมต่างๆ

    มนุษย์จึงต้องรู้ว่า อารมณ์หยาบๆ จำพวกกิเลสตัณหาอันเกิดจาก
    การรับรู้รับเอานี่เอง คืออุปสรรคสำคัญที่ทำให้มนุษย์โดยจิตหยาบ
    ในแต่คะคนไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้
    ของตนที่ซ้อนอยู่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ตุลาคม 2011
  13. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    สาเหตุเเห่งการหลงทาง ข้อที่ 5 เพราะจิตหยาบไม่ต้องการนิพพาน (จบ)

    [​IMG]

    5.เพราะจิตหยาบไม่มีปณิธานแห่งนิพพาน

    มนุษย์ในยุคพลังงานเก่า ถือเป็นช่วงที่สภาวะแห่งจิตมนุษย์
    หรือจิตหยาบเริ่มตกต่ำลง และยังตกต่ำลงเรื่อยมา
    อย่างต่อเนื่องอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้

    คำว่า ตกต่ำ ในที่นี้หมายถึง การที่จิตมนุษย์ไม่สามารถสั่นสะเทือน
    ทางอารมณ์รู้สึก เป็นคลื่นความถี่สูงสุดในระดับเดียวกันกับ
    การสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณ ผู้ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของตนได้
    เช่นการ หลงในตัณหา ความอยาก หลงในรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่ง
    เป็นเงามายาของแก่นแท้
    จึงกล่าวได้ว่ามนุษย์ผู้ใดที่ข้ามพ้นกิเลสตัณหายังไม่ได้
    ผู้นั้นก็จะไม่สามารถเข้าถึงการเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของตนได้


    [​IMG]


    เนื่องจากมนุษย์โลกส่วนใหญ่เหลวไหล เหตุเพราะต่างพากันหมกมุ่น
    วุ่นวายอยู่ในกิเลสตัณหา มนุษย์จึงไม่สามารถเข้าถึง
    การสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณของตนได้
    จิตวิญญาณแก่นแท้จึงเหมือนถูกขังเอาไว้ภายใน พอผ่านไป
    หลายๆภพชาติแห่งการเกิดเป็นมนุษย์ ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากกรณีนี้ก็คือ


    1.จิตหยาบไม่รู้ว่า ตนเองเป็นแค่เพียงตัวแทนของจิตวิญญาณผู้เป็น
    แก่นแท้
    2.จิตหยาบไม่รู้ว่า ตนเองยังมีจิตวิญญาณเร้นอยู่ข้างใน
    3.จิตหยาบไม่รู้ว่า ตนจะต้องทำหน้าที่เพื่อจิตวิญญาณของตนเท่านั้น
    4.จิตหยาบไม่รู้ว่า ผลกรรมดีชั่วใดๆ ที่เกิดขึ้นรายวันจากการกระทำ
    ในสองมิติของตนนั้น จิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้จะต้องเป็นผู้รับเอาไว้
    เมื่อตายไปจากความเป็นมนุษย์ในภพชาตินั้น
    5.จิตหยาบไม่รู้ว่า จิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตน
    มีความประสงค์จะให้ตนทำหน้าที่อะไรบ้าง
    6.จิตหยาบไม่รู้ว่า ตนจะต้องนำพาจิตวิญญาณแก่นแท้ของตน
    กลับคืนสู่แดนสุญญตาอันเป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณ
    ซึ่งจากกันมาเสียนานให้จงได้
     
  14. ไอ้นอกโลก

    ไอ้นอกโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +72


    ตามอ่านครับ.. ตอนนี้ผมกำลังจัดการกับจิตหยาบอยู่ฮะ.. ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันไม่เคยรู้หน้าที่ ที่แท้จริงของมัน มันพาผมหลงทางจากจิตเดิมแท้ของผม จนผมโดนกลืนกินมานานแร่ะ.555+ ถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะจัดการกับมัน เพราะขืนปล่อยไว้ ชาตินี้ และชาติต่อไป ผมก็คงหาทางกลับบ้านไม่ถูกอยู่ดี..

    ผมประเดิมการจัดการจิตหยาบ ด้วยความรักครับ ท่าทางมันจะได้ผลจริงๆ ขอบคุณท่านจขกท. มากๆฮะ ความรักในความหมายของผม คือ รักทุกสรรพสิ่ง ทุกสรรพชีวิต ไม่เว้นแม้แต่..คนที่ถูกสมมติทางโลกเรียกว่า ...คนเลว..ผมก็จะแผ่พลังรักไปให้ด้วยครับ ผมรู้สึกว่าผมทำได้สำเร็จ (แต่ก่อนอย่าได้หวังว่าผมจะเมตตาคนเลว 555+เพราะผมจะแยกดี -เลว ออกจากกัน ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่มีคนเลว คนดีหรอกฮะ มีเพียงคนที่ยังไม่รู้เท่านั้นเอง หากถึงเวลาของเขา เขาก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง.. เพราะฉะนั้นผมถึงบอกไงฮะ "กรุณา..อย่าตัดสินคนอื่น..)

    ผมกล้าพูด เพราะผมมีประสบการณ์ทางธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง ธรรมะสอนผมโดยผมไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้จากใคร ธรรมะอยู่ในตัวเรา เราไม่ต้องไปหาธรรมะจากที่ไหน? เสียเวลาเปล่าๆ ครูบา มีได้ แค่เป็นแนวเท่านั้นเอง แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราฮะ( มีบางท่านบอกให้ผมไปนั่งสมาธิ ให้ถือศีล5 ฟังแล้วขำครับ เขาหวังดี เพราะเขาไม่รู้จักผม การเห็นแค่เปลือกที่ผมแสดงในบอร์ด อย่ามายึดเป็นสาระเลยฮะ แต่ยังไงฝากขอบคุณทุกท่าน ที่หวังดี ขอบคุณมากนะครับ) วันนี้ออกทะเลอีกแล้ว 55+ งั้นพอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน
     
  15. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    อ่าดีเลยครับ
    เราควรที่จะเรียนรู้สิ่งรอบข้าง
    เราไปดาวต่างๆด้วยยานอวกาศแล้วได้อะไร
    สุดท้ายก็ตายเหมือนกัน

    เราควรที่จะรู้จักตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
    จงเชื่อเสียงของหัวใจคุณเอง

    คนเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อให้ชีวิตตนเองได้เิดินทาง
    กลับสู่บ้าน ที่แท้จริง
    ***จงทำตามใจของตัวเอง เพราะไม่มีใครรู้จักคุณดีเท่าตนเองหลอกครับ
    ถ้าอยากเรียนรู้เพิ่มเติมก็ไปตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับ
    การทำงานของ Indigo ...
     
  16. ไอ้นอกโลก

    ไอ้นอกโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +72
    ขอบคุณมากนะฮะ สำหรับ..ลิงค์..ที่แนบมาให้เพิ่มเติม ผมเข้าไปดูมาแล้วครับ ถูกจริต จิตวิญญาณผมมากๆ 555+

    ..เพราะเรา คือ โลก(ธรรมชาติ)
    ..เพราะโลก (ธรรมชาติ) คือ เรา
    ..เมื่อใดที่เราถ่มน้ำลายรดฟ้า
    ..เมื่อนั้นน้ำลายก็จะลงสู่เรา (อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ตอนนี้ไงครับบ)
     
  17. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182

    ครับผม
    จะพยายามพิมพ์บทความออกมาให้ได้ติดตาม
    กันในตอนต่อๆไปน่ะครับ ^^
     
  18. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    ตอน ปณิธานแห่งนิพพาน

    ปณิธานแห่งนิพพาน 1

    [​IMG]


    ปณิธานแห่งนิพพาน
    หมายถึง การดำเนินชีวิตของตนไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น และศรัทธา
    ต่อการเป็นมนุษย์ ในบทบาทของ "เพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก"
    และทำหน้าที่ร่วมกับดาวเคราะห์โลกได้อย่างลงตัว
    กันทั้งสองมิติเป็นที่สุด โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ
    เมื่อทำหน้าที่จนสำเร็จลุล่วงแล้ว
    ตนรู้ดีว่าปลายทางของตนก็ คือ "นิพพาน" หรือ "กลับบ้าน"
    โดยไม่ย้อนกลับมาเกิดอีก

    ผู้ที่แสดงตนว่ามีปณิธานอย่างแท้จริงนั้นควรมีดังนี้

    1.ต้องรู้ว่าจิตหยาบกับจิตวิญญาณของตนนั้น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
    อย่างไร ?

    2.ต้องรู้ว่าจิตหยาบหรือแก่นแท้ของตนนั้น เป็นใคร ? มาจากไหม ?
    มาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม ?

    3.ต้องรู้ว่าตนกับดาวเคราะห์โลก จักรวาล และทุกสรรพสิ่งในเอกภพ
    เกี่ยวข้องกันอย่างไร ?

    4.ต้องรู้ว่าการเป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลกของตน
    หมายความว่าอย่างไร ?

    5.ต้องรู้และเชื่อว่าเมื่อหมดหน้าที่แล้ว จิตวิญญาณแก่นแท้
    ของตนนั้นต้องกลับบ้านคือนิพพาน

    6.ต้องรู้และเชื่อว่าถ้าจะกลับบ้านคือนิพพานให้ได้จะต้อง
    นิิพพานตั้งแต่ตอนที่เป็นมนุษย์เท่านั้น
     
  19. สีคราม

    สีคราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +182
    ปณิธานแห่งนิพพาน 2 (จบ)

    [​IMG]

    ปณิธานแห่งนิพพาน
    จึงหมายถึง ความมุ่งมั่นที่เกิดจากศรัทธาของจิตหยาบ
    ที่จะพาจิตวิญญาณแก่นแท้ของตนหลุดพ้นออกไป
    จากระบบโลกและเอกภพอันไพศาลนี้
    กลับคืนสู่แดนสุญญตา ด้วยการดำเนินชีวิตไปในสองมิติ
    อย่างระมัดระวัง และอยู่บนความไม่ประมาท
    ด้วยวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ


    1.เพื่อผ่านบททดสอบจิตสำนึกตนเองไปให้ได้
    2.เพื่อผ่านบทเรียนโลกในชีวิตประจำวันไปให้ได้
    3.เพื่อการหลุดพ้น คือ นิพพาน



    *** การที่มนุษย์แต่ละคนจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์หลัก
    ทั้ง 3 ข้อเหล่านี้ได้ ในชีวิตประจำวันจะต้องปฏิบัติตนให้สมบูรณ์
    ทั้งสองมิติ คือ มิติแห่งจิตมนุษย์กับเครืองยนต์แห่งกรรม หรือร่างกาย
    และมิติแห่งจิตวิญญาณแก่นแท้ของตน ใน 5 ประการดังนี้

    1ต้องมีมหาสติ 3 ประการ คือ รู้สติ มีสติ และใช้สติ

    2.ต้องมีความสงบ คือ ไม่วิตกจริต ไม่สับสน พ้น
    ไปจากการติดทุกข์และสุข
    ไม่หวั่นต้องสิ่งเร้า ไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ เป็นต้น

    3.ต้องมีความสำรวม คือระวังการกระทำพฤติกรรมใดๆของตน
    ทั้งทางร่ายกาย และอารมณ์นึกคิด โดยไม่ให้เบียดเบียน
    คนอื่นซึ่งจะเป็นเงื่อนไขด้านลบ ซึ่งนำไปสู่พันธกรรม ระหว่างตนกับผู้อื่น

    4.ต้องมีความรัก คือ มีจิตเมตตากรุณาต่อผูัอื่น
    การทำด้วยความบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ห่วงใยผู้อื่น
    รักและปราถนาดีต่อผู้อื่น
    เสียสระตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์

    5.ต้องใช้ปัญญาญาณ คือ การไม่คิดแบบมนุษย์
    เพื่อการแสดงออกหรือกระทำต่างๆในชีวิตประจำวัน หรือ
    ต้องไม่ใช้ความอยากหรือไม่อยากไปขับเคลื่นการตัดสินใจ
    เพื่อกระทำสิ่งใดๆ ด้วยการใช้สติปัญญา
    ของสมองซีกซ้ายนำ เพราะมิใช่สติปัญญาของแก่นแท้
    คือจิตวิญญาณแต่อย่างใด


    ****การใช้สติปัญญาณของจิตวิญญาณแก่นแท้ของตน หมายถึง
    การยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตมนุษย์หรือจิตหยาบ
    ให้สูงขึ้นจากปกติ
    เพื่อการสั่นสะเทือนจิตวิญญาณของตน
    ให้ทำหน้าที่คิดตัดสินกระทำสิ่งใดๆ แทนจิตมนุษย์หรือ
    จิตหยาบให้จงได้นั่นคือมนุษย์จะต้องไม่ใช้ความอยาก
    หรือไม่อยาก ที่ประกอบด้วยกิเลสตัณตา
    ซึ่งเป็นอารมณ์รู้สึกด้านลบ ขับเคลื่อน การคิด
    การตัดสินใจ และการแสดงออกหรือกระทำ ในสองมิติให้ได้สิ้นเชิง
    โดยใช้พลังความรักในข้อ 4 เป็นตัวขับเคลื่อน


    ความรักอันบริสุทธิ์แท้นี้ คือ "รหัสลับ" ที่จะช่วยเปิดมิติ
    ให้จิตมนุษย์สามารถเชื่องโยงตนเองในมิติทางกายภาพ
    สู่มิติของจิตวิญญาณด้านแก่นแท้ได้ ซึ่งมนุษย์โลกทุกคน
    มีหน้าที่จะต้องเข้าถึงมันให้ได้ มิใช่ติดอยู่กับกิเลสตัณหา
    เสียจนถอนตัวไม่ขึ้น ดังในทุกวันนี้ ....
     
  20. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    มนุษย์เรามักจะละเลย ต่อสิ่งที่อยู่ใกล้กับเราเสมอ..สิ่งหนึ่งที่อัตตากลัวมากที่สุด คือ การสูญเสีย.. ธรรมะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่ออัตตา เพราะธรรมะมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การสลายกำแพงปกป้องทุกชนิด

    นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมจิตวิญญาณซึ่งประกอบด้วย..ความรัก..เป็นส่วนใหญ่ จึงต้องถูกใช้เพื่อเป็นกันชนให้กับธรรมะในการสลายกำแพงปกป้องของ.. อัตตา

    ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...