จิตสำนึกใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนโลกของ Indigoในประเทศไทย (New Consciousness)

ธรรมะ คือ ธรรมชาติ คือ การเรียนรู้จากธรรมชาติสิ่งรอบตัวมนุษย์
คุณ พันธกุมภา อาจจะเข้าใจผิด ในคำว่าธรรมะ
จริงๆแล้วที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบคือ
การเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ
ของมนุษย์และสรรพสิ่ง
นั้นคือสิ่งที่ดีงาม

มนุษย์ชอบยึดกับอัตตาตัวตน
จนไม่สามารถกลับไปแดนสุญญตาได้
จนเกิดเป็นพันธกรรมต่างๆข้ามภพข้ามชาติ

ซึ่งความรักนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาจิตหยาบของตน
ให้พบแก่นแท้ของจิตวิญญาณ เป้าหมาย คือกลับแดนสุญญตา
หรือนิพพาน ฉะนั้นไม่มีสิ่งใดจ้องจะทำร้ายใครทั้งนั้น
มีเพียงความคิดของมนุษย์เท่านั้น ที่นำมาทำร้ายกัน

การเป็นจิตวิญญาณไม่ใช่แค่จะจบไปเมื่อความสูญเสียมาถึง
แต่มันคือการเดินทางที่ไม่มีสิ้นสุด การเดินทางของ
จิตวิญญาณมิได้หยุดเพียง เมื่อเสียเสียสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น

*มนุษย์เรียนรู้ที่จะอยู่รวมกัน มิใช่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย*

 

สวัสดีชาวเทียมัต 1.11.11

1.11.11
สวัสดี มนุษย์โลกแห่งดาวเทียมัต
พวกคุณพร้อมเเล้วหรือยัง
ที่จะเปิดหัวใจของคุณออกมา
ให้สังคมอันเน่าเสีย ได้รับรู้
คุณพร้อมหรือยังที่จะนำพาจิตวิญญาณ
อันเป็นแก่นแท้ของตนกลับบ้าน
ได้เวลาหรือยังที่จะประกาศให้โลกได้รับรู้ว่า
ยุคแสงของเรากำลังจะมาถึง

จงระเบิดแสงสว่างแห่งจิตใจตน
แห่งแก่นแท้ของจิตวิญญาณ
ให้ประจักต่อสายตามนุษย์ผู้หลงทาง

เวลาที่เรารอคอยกำลังจะมา
พวกคุณอย่าได้ตื่นตระหนก
เราดีใจที่ได้เจอพวกคุณ สมาชิกทุกท่าน....Sky Light.1.11.11

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/JSkg8fxVxRQ" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

คุณพร้อมที่จะพบยุคแห่งความสว่างแล้ว หรือยัง
คุณพร้อมที่จะทำหน้าที่ที่แท้จริงแห่งจิตวิญญาณ
ของคุณแล้วหรือยัง


<iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/mG0Xoe-kg5k" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ฟังแล้วมีสะดุดครับ (มันค้างซ่ะงั้น) ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร? ผมก็รหัส 1.11.11 ด้วยนะฮะ
(สมัครวันนี้เอง 555+ บังเอิญป่าวครับ)

ผมคิดว่า ผมพร้อมแล้วครับ..

 

ลองกดเข้าไปดูที่เว็บเลยสิครับ

 

ตอนนี้พร้อมแล้วค่ะ
จะจูงมือกันกลับบ้าน(พร้อมคนที่เรารัก)
และเชื่อว่ายุคแห่งความมืดได้สิ้นสุดลงแล้ว

 

มหาสติ..รู้สติ มีสติ และใช้สติ

การใช้ปัญญาญาณ..การไม่คิดแบบมนุษย์.. (ผมจะยึดไว้เป็นIDAL ประจำใจเลยครับ)

ตามอ่านไปเรื่อยๆฮะ..ผมชอบอ่านของ..ซัมบาลา.ด้วยนะครับ อ่านแล้วชอบมากๆ ผมชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ อยากมีมนต์วิเศษ จะเสกให้มนุษย์เข้าหาจิตวิญญาณซ่ะให้หมด 555+ที่มั่วๆกันอยู่ตอนนี้
เพราะหลงทางนั่นเอง

 

คงเข้าใจน่ะครับคำว่า ไม่คิดแบบมนุษย์ หรือจิตหยาบ !!~

ส่วนซัมบาลา นั้นเลยครับยึดแนวตามเลย
คือรบกับตัวเองคือการฝึกฝนขัดเกลาตนเอง
^^

 

ขอบคุณครับ กำลังหลงทางอยู่เลย แหะๆๆ

 

ไม่เข้าใจครับ..ท่านช่วยขยายให้หน่อยสิฮะ?

 

ก็อย่างที่บอกในตอนต้น การคิดแบบจิตมนุษย์นั้นก็คือ
เมื่อมนุษย์ได้ลงมาเกิดนโลก จิตวิญญาณจะแบ่งภาคตนออก
เป็น 2 ภาค คือ จิตมนุษย์ที่ทำหน้าที่ในทางโลก
มิติทางกายภาพ หรือที่เรียกว่าจิตหยาบ ที่มีกายหยาบ
นั้นก็คือร่างกายของเรา
จิตหยาบเกิดการหลงมิติโลกทางกายภาพ โดยหลงเข้าใจผิดคิดว่า
"มายา" เป็น"แก่นแท้"
และเข้าใจผิดด้วยคิดว่า "แก่นแท้" เป็นสิ่งงมงายเหลวไหลไร้สาระไป
ส่วนภาคที่ 2 คือจิตวิญญาณที่ควบคุมโลก
แห่งจิตวิญญาณอันเป็นแก่นแท้ของตน
การคิดแบบจิตมนุษย์จึงหมายถึง
การคิดเชิงมิติเดียว หรือทางกายภาพเท่านั้น
นั้นก็คือ การเป็นคนมิติเดียว

 

การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

เมื่อถึงเวลาแห่งการเริ่มต้นรู้จักตนเองที่แท้จริง
บทเรียนแรกที่จะได้รับคือ การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ในสิ่งต่างๆที่คุณครอบครองอยู่ที่คุณยึดติดกับมัน และทำทุกวิถีทาง
เพื่อที่จะไม่ให้สูญไปจะถูกทำลาย เพียงชั่วพริบตา
ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองของมีค่าทางวัตถุ สิ่งที่มีค่าทางจิตใจ หรือ
สุขภาพร่างกาย อย่างเลี่ยงไม่ได้เพื่อลบล้างตัวตนเดิม หรือ คุณคนเก่า
ทั้งความคิด ความเชื่อมั่นและสังคมเก่าที่คุณเคยอยู่ให้คุณต้องออกไปจากวิถีชีวิต
เพื่อปูทางให้จิตวิญญาณใหม่ หรือ ตัวตนที่แท้จริงของคุณเข้ามาแทนที่เพื่อ
ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
--และตอนนี้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาแห่งการเริ่มต้นรู้จักตัวคุณเอง

<iframe width="560" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/DU203TWhrTE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ผมขอถามอะไรหน่อยครับ? โพสนี้ของท่าน เป็นเนื้อหาของท่านเอง หรืออ้างอิงมาจากผู้ส่งสารฮะ.. คือผมอ่านแล้ว โดนผมเต็มๆ 555+ (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปหมดเลยฮะ คงถึงเวลาที่ผมต้องโดนสั่งสอน มันถึงเวลาของผมแล้วจริงๆ ทางบ้านไม่มีใครเข้าใจผมเลย ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ผมผ่านมาได้ด้วยกำลังธรรมล้วนๆ)

ผมพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในชีวิตไม่เคยเชื่อในเรื่องการบังเอิญ ทุกอย่างมีเหตุและผลเสมอ ผมผ่านมันมาได้ แทบไม่น่าเชื่อว่า เรื่องแบบนี้ จะเกิดขึ้นกับผม..

 

มันคือการทำงานของเรา
จะเอามาจากไหนล่ะครับก็โพส
ที่เห็นนี่ก็เอามาจากเหตุการณ์น้ำท่วมประเทศไทยเนี้ยล่ะครับ
เมื่อถึงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่แท้จริง

 

ตอนนี้น้ำท่วมอยู่ ทำอะไรได้ ช่วยอะไรได้บ้างไหม
เราดูแล้วมันธรรมดามากกับสิ่งที่พูดมา ไม่ได้ว่า
แต่เราเกิดความคิดอย่างนี้ขึ้นมาจริงๆ

 

ช่วยได้สิ
ช่วยยกระดับจิตวิญญา๊ณไง
ตอนนี้คนที่จะรอดหรือได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อย
คือจะต้องสมามัคคี ร่วมมือกันช่วย
ร่วมมือกันคิดแก้ไข

สีครามก็ช่วยปั้น EM Ball ช่วยบำบัดน้ำเสีย
บริจากของ ช่วยแพกของ ต่างๆนานา
เพราะสีคราม เป็นคนที่มีจิตอาสา

คุณ AFIKLIFI๋ ควรถามตัวเองมากกว่า
ว่าคุณช่วยอะไรบ้าง

 

สิ่งที่เรามองข้าม โดย จอร์จ คอลลิน



บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง
เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ
อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับ
เพิ่มมากขึ้นดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา
อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง

และเวลานี้….
จงอย่าลืมคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้

 

ถูกแล้วแหละนี่คือคำตอบที่เราต้องการ
เราไม่ได้โกหกกันใช่ไหม

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 1 ผลกรรมในมิติของจิตวิญญาณ



มนุษย์ส่วนใหญ่ ขณะดำรงชีวิตอยู่ในแต่ละวันมักจะพยายามคิด ทำแต่สิ่งดีๆ
เพื่อหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีๆเสมอมากกว่าจะระมัดระวังตั้งใจไม่ทำบาป หรือทำชั่วต่อผู้อื่นเสมอ
และ นอกจากนั้นมนุษย์ยังพยายามที่จะระมัดระวังตัวด้วยการมองหาความชั่ว
หรือข้อเสียของผู้อื่น มากกว่าจะก้มหน้าลงมาพิจารณาค้นหาข้อผิดพลาดบกพร่องซื่งเป็นข้อเสียของตัวเอง

เพราะเหตุนี้ มนุษย์จึงต่างดำรงชีวิตอยู่ไปด้วยการก่อกรรมต่อผู้อื่นไปเรื่อยๆ
และเกี่ยวพันธกรรมใหม่กันใครต่อใครไปเรื่อยๆ
โดยที่วันๆหนึ่งนั้นแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าตนเองได้ก่อกรรม อะไร กับใคร ที่ไหน
อย่างไร และก่อไว้มากมายเท่าไหร่แล้ว

บทบาทการดำเนินชีวิตลักษณะนี้ กล่าวได้ว่าเป็น "ความประมาท หรือขาดสติของวิญญาณนั่นเอง"

ความประมาทหรือขาดสติทางวิญญาณ หมายถึง การที่มนุษย์ไม่สามารถช่วยเหลือตาที่สามของตน
ให้มีสำนึกที่ถูกต้องและเหมาะสมดีงามในการรับรู้และรับเอาสรรพสิ่งต่างๆที่ตา หู จมูก ปาก ลิ้น
กายสัมผัส และสิ่งที่จิตนึกเอง คิดเองได้เลย
โดยยอมให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์รู้สึกนึกคิดของจิตหยาบที่มักจะนำพา
จิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตน
ไปสู่ความผิดบาปทั้งต่อตนเองและผู้อื่นอยู่เสมอ

ถ้าในชีวิตประจำวันมนุษย์โดยจิตหยาบรู้จัก
หยุดคิดสักนิด หรือยั้งคิดสักหน่อย จึงค่อยๆแสดงออกหรือกระทำใดๆ ต่อผู้อื่น
จิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนเอง
ก็จะมีโอกาสและเวลาอย่างเพียงพอต่อการออกแรงสั่นสะเทือนด้านบวก
เพื่อต่อต้านอารมณ์รู้สึกนึกคิดและการกระทำที่ไม่ถูกต้องซึ่งเป็นด้านลบนั้น
เืพื่อเตือนให้จิตหยาบรู้สึกยับยั้ยสิ่งซึ่งไม่ถูกต้องที่ตนกำลังทำนั้น
หรือไม่ก็จะได้สั่นสะเทือนด้านบวกเพื่อการส่งเสริมเติมเต็มพลังทางจิตวิญญาณ
ในการคิดรู้สึกหรือกระทำสิ่งดีๆนั้นได้อย่างไม่รู้เหน็ดหน่ายอีกเช่นกัน

 

จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 2 หนทางการแสดงออกของจิตสำนึก



มนุษย์จะต้องรู้ว่า การมีสำนึก หรือจิตสำนึกที่ถูกต้องดีงามในอันที่จะแสดงออกหรือกระทำสิ่งใดๆ
ในชีวิตประจำวันนั้น มีด้วยกัน 2 ช่องทาง

ทางแรก คือ การสำนึกรู้ผิดชอบด้วยชั่วด้วยตนเอง หรือการสำนึกในบาปบุญคุณโทษด้วยตัวจิตหยาบเอง
โดยสำนึกดังกล่าวจะเกิดขึ้นทันทีที่จิตของตนเกิดอาการใฝ่ต่ำหรือฝักใฝ่ไปในทางชั่ว

การสำนึกด้วยจิตหยาบนี้เอง จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์นั้นผ่านการเรียนรู้และอบรมจิตตนเองมาเป็นอย่างดีแล้วเท่านั้น

ทางที่ 2 คือ การสำนึกด้วยจิตวิญญาณของตนเอง

การสำนึกด้วยจิตวิญญาณก็คือ การสั่นสะเทือนจากภายใน เพื่อเตือนสติมนุษย์หรือจิตหยาบมิให้กระทำผิดหรือ คิดผิด หรือ เตือนให้หยุดคิด หยุดกระทำพฤติกรรมที่ผิดบาปนั้นเสียทันที จะได้ไม่ต้องก่อผลกรรมใดๆ ที่ไม่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นทั้งในมิติทางกายภาพของเครื่องยนต์แห่งกรรมและในมิติทางพลังงานของจิตวิญญาณตนเอง
ให้ต้องรับผิดชอบชดใช้โดยไม่จำเป็น

แม้มนุษย์จะมีอยู่ถึง 2 ช่องทางก็ยังมิอาจปิดกั้นการก่อกรรมทำเข็ญให้เกิดความผิดบาป
ทั้งต่อหน้าตนเองและผู้อื่นได้อย่างที่คิด
ติดตามต่อใน "จิตสำนึกใหม่ ซีรี่ส์ 1 ตอนที่ 3 เพราะเหตุ 4 ประการ ที่ไม่อาจปิดกั้นกรรมได้"